แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า เสมอ ฝรั่งเศส 3-3, ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า ชนะ 4-2

 

“บ้าบอเป็นที่สุด” ใครบางคนหล่นนิยามถึงเกมนี้ไว้

 

แม้จะพอคาดเดาได้ถึงผลเสมอ แต่ก็ยากจะมีใครคาดคิดว่าตัวเลขสกอร์บอร์ดจะขยับขึ้นพรวดๆ แบบนี้ และต้องตัดสินกันแบบเอาอกแตะเส้นชัยในท้ายที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะว่า ฝรั่งเศส มีรูปเกมที่แย่ น่าส่ายหัวเป็นที่สุดถึงกว่า 70 นาที

 

นี่คือเกมประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

 

นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 เกมที่ทำให้โลกได้รู้ซึ้งอีกครั้งว่า “ฟุตบอล” มันโคตรจะดราม่าและลุ้นระทึกกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นไหนๆ…

 

เกมชิงแชมป์โลกที่ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ทีมฟ้าขาวในการดูแลของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่แพ้แค่เกมเดียวจาก 42 นัดหลัง จัดเต็มกำลังทัพลงแต่ปรับระบบจาก 4-1-3-2 มาเป็น 4-3-3 เมื่อได้ อังเคล ดิ มาเรีย ฟิตคืนตัวจริงมาเดิมเกมรุกร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ส่วนตรงกลาง เลอันโดร ปาเรเดส โดนดร็อป และแบ็กซ้ายยังยึด นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงต่อแม้ มาร์กอส อคุนย่า จะพ้นแบนแล้วก็ตาม

 

ฝั่งแชมป์เก่าของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง มาด้วย 11 คนแรกชุดเดิมทั้งสิ้น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บติดตัว พร้อมกับที่ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยกลับคืนตำแหน่ง เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ ลงตามเดิม

 

เริ่มเกมขึ้น 5 นาที อาร์เจนติน่า ได้ทักทายก่อนจากลูกส่องไกลเต็มข้อของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ บอลพุ่งแรงเข้าหากรอบประตู แต่ก็เข้าซอง อูโก้ โยริส แบบไม่กระฉอก

 

ช่วงสิบนาทีแรกเป็น อาร์เจนติน่า ที่ครองบอลลุยเข้าใส่ก่อน โดยช่วงนาทีที่ 9 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่ หลัง คริสเตียน โรเมโร่ เข้าปะทะแบบทิ่มศอกใส่กลางลำตัว อูโก้ โยริส จนนายด่านตราไก่ล้มลงไปกอง แต่ปฐมพยาบาลแล้วก็เล่นต่อได้ตามปกติ

 

นาที 20 เพิ่งเป็นโอกาสแรกของ ฝรั่งเศส จากฟรีคิกข้างเขตโทษ อองตวน กรีซมันน์ เปิดให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โถมโขกที่เสาไกลข้ามคานไป แต่ก็มีเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์หัวหอกตราไก่ดังขึ้นมาด้วย

 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แต่เพียงนาทีเดียวถัดมา ฝรั่งเศส ก็งานเข้าเสียดื้อๆ อังเคล ดิ มาเรีย ล็อกหลบ อุสมัน เดมเบเล่ ที่สุดเส้นหลังซ้ายแล้วโดน เดมเบเล่ ตามมารวบจากด้านหลัง ผู้ตัดสิน ซิมอน มาร์ซิเนี้ยค จากโปแลนด์ เป่าจุดโทษทันทีอย่างมั่นใจ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าเสียบเสาอย่างมั่นใจเช่นกัน ส่ง อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 1-0 เร็วในนาทีที่ 23 ซึ่งก็ทำให้ เมสซี่ ขึ้นนำดาวซัลโวแล้วที่ 6 ประตู

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

จากนั้น ฝรั่งเศส พยายามตั้งเกมสู้ แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสยิงครั้งแรกสกอร์ก็ขยับขึ้นเป็น 2-0 ของ อาร์เจนติน่า เสียแล้วในนาที 37 จังหวะสวนเร็ว เมสซี่ แปะออกขวาให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทิ่มขึ้นหน้าให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปาดต่อไปเสาไกลถึง อังเคล ดิ มาเรีย ยิงไม่จับสวนตัว โยริส เข้าไปอย่างเฉียบคม ฟ้าขาวทิ้ง 2-0 ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

โดนไปสองเม็ด เดส์ชองส์ ปรับเกมส่งสำรองกองหน้า 2 คนรวดทันทีในนาที 41 ถอดทั้ง ชิรูด์ กับ เดมเบเล่ ออกให้ มาร์คุส ตูราม กับ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ลงไปแทน หวังแก้คืนให้เร็วที่สุด

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ท้ายครึ่งแรกและทดเจ็บ 7 นาที ฝรั่งเศส เกมกระเตื้องขึ้นบ้างแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแนวรับฟ้าขาวไปลุ้นสกอร์ไม่ได้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แทบไม่ได้ออกจอ จนสิ้นครึ่งแรกลงไปที่ อาร์เจนติน่า นำห่าง 2-0 ขึ้นแท่นรอชูถ้วยแชมป์โลกตั้งแต่ตรงนี้

 

ต่อครึ่งหลังยังไม่มีเปลี่ยนตัวเพิ่ม เกมของ ฝรั่งเศส ไม่ได้ดีขึ้นหรือคุมสถานการณ์อะไรมากมาย รวมถึงว่าไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ต้องหนักใจหรือออกแรงเซฟไว้ด้วย ตัวความหวังสูงสุดอย่าง เอ็มบัปเป้ ยังเงียบฉี่ บางจังหวะมีจ่ายติดเองก็มี

 

ครบชั่วโมง ฝรั่งเศส ยังมีโอกาสจบเป็นศูนย์ ผิดกับ อาร์เจนติน่า ที่ลุยขึ้นไปได้เสียว 2-3 หน จนนาที 64 สคาโลนี่ ขยับส่งสำรองลงคนแรก มาร์กอส อคุนย่า ลงไปเติมเกมรับแทน ดิ มาเรีย

 

นาที 68 ฝรั่งเศส ได้จบหนแรกจากเตะมุม ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ โขกโดนไม่ดีหลุดกรอบไปไม่ใกล้เคียง และต่อมาอีกสามนาที เอ็มบัปเป้ สบโอกาสส่องด้วยซ้าย ข้ามคานไป เป็นจังหวะซัดแรกของเขาในเกมนี้

 

จากนั้น เดส์ชองส์ เปลี่ยนเพิ่มอีกสอง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ลงแทน อองตวน กรีซมันน์ กับ เตโอ เอร์นันเดซ ตามลำดับ

 

แต่แล้วจากเกมที่ดูไม่มีอะไร ฝรั่งเศส ก็มาได้จุดโทษคืนบ้างในนาที 79 เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไปเหนี่ยว ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษคืนให้ตราไก่ ซึ่งก็เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กดเสียบมุมไม่พลาด ไล่มากระชั้น 1-2 และเป็นเม็ดที่ 6 เท่ากับ เมสซี่ 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แล้วก็กลายเป็นว่า ฝรั่งเศส กลับสู่เกมได้ทันทีด้วยประตูตีเสมอ 2-2 ในอีกสองนาทีให้หลัง คิงสลี่ย์ โกม็อง เบียดชนะแย่งบอลจาก เมสซี่ ได้ที่ฝั่งขวา แล้วถ่ายให้ ราบิโอต์ เคาะขึ้นหน้า เอ็มบัปเป้ โขกทำชิ่งกับ มาร์คุส ตูราม จนทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วล้มตัวยิงวอลเลย์เร็วจังหวะเดียว บอลพุ่งผ่านมือ เอมี่ มาร์ติเนซ เข้าเสาไกลพอดิบพอดี ฝรั่งเศส กลับสู่เกมด้วยประตูที่ 7 ของ เอ็มบัปเป้ ในรายการนี้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงทดเจ็บ 90+4 ฝรั่งเศส หวิดแซงนำด้วยจากจังหวะซัดของ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ติดเซฟ มาร์ติเนซ ที่เสาแรก ขณะที่ อาร์เจนติน่า ก็มีลุ้นตอน 90+7 เมสซี่ ใส่เต็มข้อด้วยซ้าย ติดปลายมือ อูโก้ โยริส นิดเดียว ส่งผลให้ 90 นาทีจบลงอย่างสนุก 2-2 และต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อตัดสิน

 

เข้าช่วงต่อเวลา สคาโลนี่ ถอด นาอูเอล โมลิน่า ออกให้ กอนซาโล่ มอนเทียล ลงคุมเกมรับริมเส้นขวาแทน และรูปเกมกลายเป็นเหมือนช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ที่ ฝรั่งเศส ครองบอลคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ขาดก็แต่จังหวะลุ้นสกอร์เหมาะๆ

 

เข้าครึ่งหลังต่อเวลาได้แว้บเดียว นาที 109 กลายเป็น อาร์เจนติน่า นำอีกหน 3-2 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แทงให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าทางขวาไปส่องเต็มแรงติดเซฟ โยริส แต่บอลเด้งมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงข้ามเส้นประตูเข้าไปแม้มี ชูลส์ กุนเด้ ควักออกมาก็ตาม และเช็กวีเออาร์แล้วไม่ล้ำหน้า อาร์เจนติน่า เฮสนั่น 3-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม อีกอึดใจเดียวถัดมา นาที 116 ฝรั่งเศสก็มาได้จุดโทษที่สอง เอ็มบัปเป้ ยิงไปชนแขน กอนซาโล่ มอนเทียล ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแฮนด์บอล ซึ่งก็เป็น เอ็มบัปเป้ คว้าลูกมาสังหารเองอย่างมั่นใจเบียดเสาเข้าไปแบบไม่เผื่อให้ลุ้น ตีเสมอ 3-3 เป็นแฮตทริกพร้อมลูกที่ 8 ของ เอ็มบัปเป้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ทดเจ็บต่อเวลา 120+3 ตราไก่เกือบแซงเข้าป้าย ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ติดซูเปอร์เซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ ไม่น่าเชื่อ และฟ้าขาวสวนไปก็ถึงจบ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้โหม่งในจุดอันตรายแต่โดนไม่ดีจนหลุดกรอบไปเอง สุดท้าย 120 นาทีจบอย่างสุดตื่นเต้น 3-3 ต้องชี้ขาดแชมป์โลกด้วยการดวลจุดโทษ

 

ถึงจุดโทษ อูโก้ โยริส เสี่ยงทายชนะเลือกยิงก่อน
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงเข้าไปแม้ มาร์ติเนซ จะพุ่งถึงแต่ปัดไม่ออก 1-0
ลิโอเนล เมสซี่ กดเรียดเข้าไปโดยที่ โยริส มาไม่ถึงแค่เสี้ยววินาที 1-1
คิงสลี่ย์ โกม็อง ซัดติดเซฟ มาร์ติเนซ เต็มๆ 1-1
เปาโล ดีบาล่า ส่องด้วยซ้ายเข้ากลางประตู 1-2
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหลุดเสาไปเอง 1-2
เลอันโดร ปาเรเดส กดเสียบมุมไม่พลาด 1-3
ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงเสยแสกกลาง 2-3
และ กอนซาโล่ มอนเทียล สังหารนำชัยเข้ามุมประตู 4-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า ชนะดวลจุดโทษ 4-2 ครองแชมป์โลกสมัย 3 ที่ห่างหายมา 36 ปี หรือตั้งแต่ 1986 และ ลิโอเนล เมสซี่ ไปถึงโทรฟี่แชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิต ในเกมสุดท้ายที่ลงเล่นฟุตบอลโลกสำหรับตัวเขา

 

สำหรับ ฝรั่งเศส มีรางวัลปลอบใจแค่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้รองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 จากการซัดไป 8 ประตูด้วยกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้ (เปาโล ดีบาล่า 120), นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 91) – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 102), อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เคร์มัน เปซเซลล่า 116) – อังเคล ดิ มาเรีย (มาร์กอส อคุนย่า 64), ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 102), ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า 71), ราฟาแอล วาราน (อิบราฮิมา โกนาเต้ 113), ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ (อักเซล ดิซาซี่ 120) – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า 96), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (มาร์คุส ตูราม 41), อองตวน กรีซมันน์ (คิงสลี่ย์ โกม็อง 71), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 41)

 

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด เมสซี่ คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ 5 หน ที่เหลือเป็นของ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส (ของซาอุฯ) นัดแพ้ซาอุฯ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ นัดชนะโปแลนด์
• 5 แมนออฟเดอะแมตช์ ยังสูงสุดในฟุตบอลโลก 2022 รองจากนั้นคือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 3
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 17 ประตูจากการลงสนามแค่ 11 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 เจ็ดประตู
• เมสซี่ ยึดสถิติดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก แทนที่ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยการยิงไป 13 ประตู
• เมสซี่ เป็นคนที่ 9 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และบัลลง ดอร์ ได้ในเส้นทางอาชีพ ร่วมกับ ตำนานอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, แกร์ด มุลเลอร์, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, กาก้า

 

• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ “ครบทุกรอบ” ตั้งแต่รอบแรกยันนัดชิง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
• เมสซี่ ได้แชมป์โลกในการเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนติน่า และ 53 กับเปแอสเช
• เมสซี่ ทำสถิติลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สูงสุดเป็นจำนวน 26 เกม ตั้งแต่ 2006 – 2022 เหนือกว่า โลธ่าร์ มัทเธอุส 25, มิโรสลาฟ โคลเซ่ 24, เปาโล มัลดินี่ 23 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 22

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 57 นัด ชนะ 37 เสมอ 15 แพ้ 5)
• สคาโลนี่ เป็นกุนซือแชมป์โลกที่วัยอ่อนเยาว์สุด 44 ปี 216 วัน
• ที่จริง งานทำทีมอาร์เจนติน่า ก็คืองานใหญ่จ๊อบแรกสุดของ สคาโลนี่ หลังแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า ปี 2015 แล้วมาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ทั้งที่ เซบีย่า และในทีมชาติอาร์เจนติน่า (ฟุตบอลโลก 2018) รวมถึงเคยได้คุมอาร์เจนฯ เยาวชนยู-20 มาก่อนเท่านั้น

 

• อังเคล ดิ มาเรีย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูได้ทั้งในนัดชิงโคปา อเมริกา และฟุตบอลโลก
• ตอนหมดครึ่งแรก อาร์เจนติน่า ข่มขาดด้วยโอกาสยิงรวม 6:0 และยิงตรงกรอบ 3:0 รวมถึงเตะมุม 2:0 ด้วย
• ตลอด 120 นาที อาร์เจนติน่า สร้างโอกาสยิงรวม 20 ครั้ง ตรงกรอบ 10 ส่วน ฝรั่งเศส 10/5

 

• อาร์เจนติน่า หยุดสถิติแย่ๆ อย่างการแพ้นัดชิงบอลโลกไว้ที่ 2 หนติด 1990 กับ 2014
• อาร์เจนติน่า เป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• อาร์เจนติน่า ตอกย้ำการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 6 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
4-2 ฝรั่งเศส, ชิงชนะเลิศ 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)

 

• ฝรั่งเศส เป็นเพียงทีมที่ 2 ที่ตามหลัง 0-2 ในนัดชิงชนะเลิศ แล้วกลับมาได้ ถัดจาก เยอรมนี ที่ทำไว้สองหนในปี 1954 และ 1986
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจาก เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ของอังกฤษ 1966
• เอ็มบัปเป้ คว้าดาวซัลโวด้วยการยิงไป 8 ประตู สูงสุดนับแต่ โรนัลโด้ (บราซิล) 2002
• ออเรเลียง ชูอาเมนี่ วิ่งรวม 15.8 กม. ในเกมนี้ ก่อนมายิงจุดโทษและซัดออกไปเอง
• อูโก้ โยริส กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากสุด ที่จำนวน 20 นัด เหนือ มานูเอล นอยเออร์ 19 และ เซปป์ ไมเออร์ 18

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส
ลิโอเนล สคาโลนี่ : “ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ ผมอาจรู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าวันอื่นๆ แต่วันนี้ผมได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่”
“ทีมชุดนี้ทำให้ผมภาคภูมิใจเป็นที่สุด ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นของพวกเขา ผมอยากบอกทุกคนว่ามีความสุขให้เต็มที่ เพราะนี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์”

 

ลิโอเนล เมสซี่ : “นี่คือแชมป์ที่ขาดหายไปของผม ตอนนี้ผมได้มาครองแล้ว มันบ้ามากๆ ตอนนี้ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปฉลองแชมป์ที่ประเทศของผม เพื่อพบเจอกับความบ้าคลั่งของที่นั่น”
“เราเจอกับความยากลำบากมากมาย วันนี้คุณต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก ฟุตบอลเป็นกีฬาที่บ้าคลั่งมาก การคว้าแชมป์โลกเป็นความฝันของเด็กๆ ทุกคน นี่คือแชมป์สำหรับประชาชนชาวอาร์เจนไตน์”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “ที่จริง เราเอาเกมมาอยู่ในการควบคุมได้แล้ว แต่ทีมของเรากลับถูกกำหนดให้ต้องเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ฝรั่งเศสเกือบทำประตูชัยได้เช่นกัน แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เรามาอยู่ตรงนี้”
“ฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ตอนนี้ผมไม่มีคำพูดมาอธิบายถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับผมในเวลานี้ได้เลย”

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “เราไม่ได้พลิกสถานการณ์ (ในช่วง 70 นาทีแรก) ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เราต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างตลอด 4 วันที่ผ่านมา อาการป่วยและจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมด้วย”

 

อูโก้ โยริส : “เราตอบสนองได้ดีมาก มันเกือบจะเหมือนการแข่งขันชกมวย เราแลกกันหมัดต่อหมัด สิ่งเดียวที่เราเสียใจคงเป็นผลงานในครึ่งแรก แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังไม่ยอมแพ้ เราเชื่อมั่นไปจนจบ มันเป็นการตัดสินผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ”
“มันเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องมาอยู่อีกฝั่ง (ของผู้ชนะ) แต่เราทุ่มเททุกอย่างลงไปในรายการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแข่งขัน มันเป็นการแข่งขันที่ยาวนานนับเดือน”
“ในรอบชิงชนะเลิศ เราสามารถตามหลัง 0-2 ได้ แต่เรายังคงเชื่อมั่นไปจนจบ เราสามารถพลิกสถานการณ์ แต่มันกลับไม่มีรอยยิ้ม โดยเฉพาะโอกาสในนาที 120 (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ) ซึ่งน่าจะทำให้เราพลิกนำ 4-3”
“มันคือฟุตบอล เราต้องยินดีกับอาร์เจนติน่าที่ประสบความสำเร็จในรายการที่ยอดเยี่ยม รอบชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยม”

 

ราฟาแอล วาราน : “แน่นอน เราผิดหวังกันมาก เราทุ่มเทกันเต็มที่แล้ว เราเจอกับอุปสรรคมากมายตลอดที่ลงเล่นรายการนี้ เราไม่เคยเอามาเป็นข้ออ้างหรือยอมแพ้ เราไม่ได้อยู่ในเกมนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ท้ายสุดเราน่าจะชนะ ผมภูมิใจกับกลุ่มนี้และการเป็นคนฝรั่งเศสมาก”
“เราจะรักษาความภาคภูมิใจนี้ไว้ มัน (การตามหลัง 0-2) เกิดขึ้นรวดเร็วมาก หลังจากนั้นสภาพร่างกายเราดีขึ้นกว่าเดิม เราดันกลับและเชื่อมั่นไปจนจบเกม เราเกือบจะเปลี่ยนเกมได้แล้วหลังจากมีการออกตัวที่แย่”
“มันเป็นการเดินทางที่คดเคี้ยว แต่ทีมนี้มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความห้าวหาญ นั่นทำให้เรากลับมาสู่เกม เราผิดหวังแต่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก”

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-3 (4-2) ฝรั่งเศส
• 6 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ กาตาร์ 2022 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำประตูกันได้มากที่สุด 172 ลูก ทำลายสถิติของ ฟร้องซ์ 98 และ บราซิล 2014 ที่มียิงกัน 171 ประตู
• ดาวบนโลโก้ทีมชาติอาร์เจนติน่า จะเพิ่มขึ้นเป็นดวงที่ 3 ตามจำนวนแชมป์โลกที่ได้มา 3 สมัย
• ลิโอเนล เมสซี่ ยืนยันยังไม่มีแผนอำลาทีมชาติในเร็วๆ นี้ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ต่อให้ลากยาวขนาดไหนก็ไปไม่ถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา

• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เผยจะขอตัดสินอนาคต อยู่หรือไปจากทีมชาติฝรั่งเศส หลังผ่านช่วงปีใหม่นี้ไปแล้ว ภายหลังคุมมาตั้งแต่ 2012 ผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 5 ครั้ง

 

ทำเนียบแชมป์โลก ตลอดหน้าประวัติศาสตร์
1930 อุรุกวัย
1934 อิตาลี
1938 อิตาลี
1950 อุรุกวัย
1954 เยอรมนีตะวันตก
1958 บราซิล
1962 บราซิล
1966 อังกฤษ
1970 บราซิล
1974 เยอรมนีตะวันตก
1978 อาร์เจนติน่า
1982 อิตาลี
1986 อาร์เจนติน่า
1990 เยอรมนีตะวันตก
1994 บราซิล
1998 ฝรั่งเศส
2002 บราซิล
2006 อิตาลี
2010 สเปน
2014 เยอรมนี
2018 ฝรั่งเศส
2022 อาร์เจนติน่า

 

ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022
8 ประตู : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
7 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
4 ประตู : ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (อาร์เจนติน่า), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส)
3 ประตู : ริชาร์ลิซอน (บราซิล), บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อังกฤษ), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน), เอนเนร์ วาเลนเซีย (เอกวาดอร์), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์), กอนซาโล่ รามอส (โปรตุเกส)

 

รางวัลต่างๆ ของฟุตบอลโลก 2022
นักเตะยอดเยี่ยม
Golden Ball – ลิโอเนล เมสซี่
Silver Ball – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
Bronze Ball – ลูก้า โมดริช

 

ดาวซัลโว
Golden Boot – คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (8 ประตู 2 แอสซิสต์)
Silver Boot – ลิโอเนล เมสซี่ (7 ประตู 3 แอสซิสต์)
Bronze Boot – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (4 ประตู 0 แอสซิสต์)

 

ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม Golden Glove – เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม FIFA Young Player Award – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แฟร์เพลย์ FIFA Fair Play Trophy – ทีมชาติอังกฤษ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ...!?!

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า v ฝรั่งเศส
อาทิตย์ 18 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 12 นัด
ฟุตบอลโลก 1930 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1965 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1971 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3
กระชับมิตร 1971 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
อินดิเพนเดนซ์ 1972 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1974 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1977 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
กระชับมิตร 1986 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
กระชับมิตร 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 2009 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3

 

แมตช์ต่อแมตช์ กว่าจะถึงนัดชิง ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ลงสนามด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะฟอร์มครึ่งแรกที่เหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างทะลุเข้าซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าไปทั้งหมด แล้วกลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ แซงนำ 2-1 จาก ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 สุดท้ายจึงปรากฏผลช็อกโลกตั้งแต่เกมแรก

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
สถานการณ์บีบบังคับให้ อาร์เจนติน่า พลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่แม้ต้องลุ้นเหนื่อยไม่น้อยกับเกมดึงช้าของ เม็กซิโก กว่าที่จะได้ประตูนำก็ในนาที 64 จากลูกส่องไกลนอกเขตโทษของ เมสซี่ แต่เมื่อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องผ่าน กิเยร์โม่ โอชัว ตอนท้ายเกม ก็เท่ากับ อาร์เจนติน่า ปิดกล่องกำชัย 2-0

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
แทบจะพับสนามบุกใส่ฝ่ายเดียว สร้างโอกาสยิงประตูรวม 24 ครั้ง แถม เมสซี่ ยังมีพลาดจุดโทษในครึ่งแรก ก่อนได้เฮจาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.46 และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.67 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ยังคงผงาดแชมป์กลุ่มซีได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้สุดช็อกก็ตาม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
คุมสถานการณ์ในครึ่งแรกได้ดีกว่า ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงฝ่าวงล้อมของ เมสซี่ น.35 ก่อนที่ครึ่งหลังจะฉีกหนี 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ แต่ท้ายเกม น.77 ออสเตรเลีย ไล่มา 1-2 จากการยิงของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป (นับเป็นทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งทำให้ อาร์เจนติน่า สั่นไหวพอสมควร ออสเตรเลีย มีโอกาสทวง 2-2 ได้ด้วยตอนเฮือกท้าย เจ้าหนูเด็ก 18 กาแร็ง คูโอล สบโอกาสเข้าทำระยะอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนฟ้าขาวเบียดชนะหวุดหวิด

 

รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3
ดูเหมือนเป็นงานสบายเมื่อขึ้นนำ 2-0 จาก นาอูเอล โมลิน่า และจุดโทษของ เมสซี่ ทว่าช่วงท้ายรวมทดเจ็บอีก 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับสู่เกมได้สำเร็จจากลูกโขกของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ กลับตัวยิงตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 จากนั้นช่วงต่อเวลาไม่มียิงเพิ่ม ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟลูกยิงของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ เอาไว้ได้ จน อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

 

รอบตัดเชือก ชนะ โครเอเชีย 3-0
ง่ายเกินคาดไปมาก จากที่ 15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ จู่ๆ น.32 ผู้ตัดสินก็แจกจุดโทษที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดน โดมินิก ลิวาโควิช ชนล้ม ซึ่งก็เป็น เมสซี่ ที่กดจุดโทษนำ 1-0 ต่อด้วย 7 นาทีให้หลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวไปโดยที่กองหลังโครแอตสกัดบอลแป้กงัดไม่ออก เสร็จ อัลวาเรซ ดีดเข้าไปง่ายๆ ก่อนครึ่งหลังเกมปิดสนิท 3-0 น.69 เมสซี่ เลี้ยงเลาะโชว์ความเหนือชั้นโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เช็คบิลเม็ดสองของตัวเอง พา อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

 

ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
เปิดมากลายเป็น ออสเตรเลีย พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ ฝรั่งเศส ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
นัดล้างตากับ เดนมาร์ก ที่หักคอไก่มา 2 เกมซ้อนก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.61 ก่อนที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น จะโขกเตะมุมให้ เดนมาร์ก ตามทวง 1-1 ในเจ็ดนาทีให้หลัง แต่ในขณะที่เกมกำลังจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับประตูชัย 2-1 ในนาทีที่ 86 อองตวน กรีซมันน์ เปิดผ่านมาเสาสองให้ เอ็มบัปเป้ พุ่งเข้าฮอส

 

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอยด่างพร้อยเล็กๆ ของชาวคณะตราไก่ในเวิลด์คัพงวดนี้ กับการที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปรับส่งสำรองลงแทบทั้งแผงหลังการันตีเข้ารอบแล้ว จนโดนทีเด็ด วาบี คาซรี่ เจาะตาข่ายกลางครึ่งหลัง จากนั้นทดเจ็บ อองตวน กรีซมันน์ ยิงเข้าแล้ว แต่โดนวีเออาร์ริบคืนไป แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
ทั้งที่แฟนๆ แอบมีกังวลจะโดนทีเด็ด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าให้ แต่กลายเป็นว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดสกอร์นำ น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ก่อนที่ เลวานดอฟสกี้ จะทำได้แค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 เข้าไปแล้ว

 

รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1
มีการมองกันว่า 50:50 ด้วยความที่ อังกฤษ ดูมาแรงอย่างน่ากลัว แต่ ฝรั่งเศส ก็ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหน้าเขตโทษเข้าไปในนาทีที่ 17 จากนั้น อังกฤษ ทวงคืน 1-1 ต้นครึ่งหลังจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 อองตวน กรีซมันน์ ครอสแม่นๆ ให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าไป ซึ่งที่จริง อังกฤษ ก็มีโอกาสดีที่จะตีเสมอรอบสอง ปรากฏ แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษข้ามคานออกไปเสีย

 

รอบตัดเชือก ชนะ โมร็อกโก 2-0
สร้างปาฏิหาริย์มาไกลถึงตัดเชือก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บของคีย์แมนทำให้ โมร็อกโก เครื่องช็อตไปเสีย เริ่มเกมขึ้นแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับ 1-0 ทันที เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า เข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ ลอยตัววอลเลย์เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แม้หลังจากนั้น โมร็อกโก จะสู้ได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบไปเสาไกลคล้ายประตูแรก ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ สบโอกาสชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด และแม้จะแพ้ ซาอุฯ เป็นประเดิม แต่หลังจากนั้นก็แก้ตัวฮึดขึ้น จนกระทั่งมาถึงรอบตัดเชือก ยิงถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

 

เท่ากับ อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษ ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986

 

สำหรับสภาพทีมเกมชิงดำ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีความพร้อมมากขึ้นกว่ารอบตัดเชือก เมื่อได้ทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกัน

 

นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาตัวเจ็บอะไรเพิ่มเติม ลิโอเนล เมสซี่ ที่่ก่อนหน้านี้มีรายงานพลาดซ้อมวันพฤหัสบดี ไม่ได้มีข่าวบาดเจ็บหลังจากนั้น เท่ากับจะพร้อมนำทีมลงล่าแชมป์โลกและชิงรองเท้าทองคำตามปกติ

 

สคาโลนี่ ปรับระบบมา 2 เกมติดต่อกัน 5-3-2 นัดชนะดวลเป้า เนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็น 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 เกมกับ โครเอเชีย ซึ่งก็เชื่อว่าจะยึดรูปแบบหลังเอาไว้ในการดวลกับ ฝรั่งเศส

 

เลอันโดร ปาเรเดส ยืนกลางรับต่ำกว่าเพื่อน ขยับขึ้นมามี โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนเกมรุกยึดที่คู่กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งผ่าน โปแลนด์, อังกฤษ และล่าสุดม้ามืด โมร็อกโก ที่เอาตราไก่ไม่อยู่

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แล้วแม้การลงเตะ 3-4 เกมหลังจะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็ดันมาเกิดปัญหาไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว จนนักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยไข้ ที่ถูกระบุชื่อมีทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อาเดรียง ราบิโอต์, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ซึ่งสองรายแรกก็พลาดเกมกับ โมร็อกโก มาแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทั้ง 5 คนสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้ว

 

กระนั้นปัญหากลับมีมาเพิ่มอีก ด้วยรายงานล่าสุดจาก เล กิ๊ป ตอนดึกวันเสาร์ ว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หอกเป้าเบอร์แรกที่กดแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 มีปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อน มีโอกาสที่จะลงเล่นไม่ได้ด้วย

 

เดส์ชองส์ คงต้องเช็กสภาพนักเตะที่มีอาการป่วย และโดยเฉพาะ ชิรูด์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งชื่อ โดยถ้าพร้อมทั้งหมดก็จะยึดทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แต่หากว่า ชิรูด์ ไม่พร้อม ก็มีสิทธิ์จะขยับ เอ็มบัปเป้ ขึ้นหน้าสุด แล้วหย่อน มาร์คุส ตูราม หรือ คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปเสริมแถวสอง

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะหวนคืนทีมมาสมทบนัดชิง หลังจากคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด ได้แล้วนั้น แต่กระแสก็เงียบไป และไม่มีข่าวเซอร์ไพรส์อะไรในโค้งสุดท้าย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 65 นัด ซัด 33 ประตู (สองในนั้นกดใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกครั้งก่อน) และทำไปแล้ว 5 เม็ดในบอลโลก ได้ลุ้นชิงรองเท้าทองคำกับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 15 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 10 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 5 เม็ด อยู่ในเส้นทางช่วงชิงดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – เลอันโดร ปาเรเดส – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม)

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
• มีประวัติศาสตร์พบกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรก 1930 (อาร์เจนติน่าชนะ 1-0) รวมแล้วเจอกันมา 12 ครั้ง
• อาร์เจนติน่า เหนือกว่าด้วยการชนะ 6 นัด ที่เหลือเสมอ 3 และฝรั่งเศสชนะ 3
• พบกันล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกันสนั่นก่อนฝรั่งเศสชนะ 4-3 แต่ที่จริงระหว่างเกม ฝรั่งเศสฉีกหนี 4-2 ก่อนโดนยิงเพิ่มทดเจ็บ / คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง อองตวน กรีซมันน์ หนึ่งเม็ด
• อาร์เจนติน่า จะเล่นนัดชิงบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 มีเพียง เยอรมนี (8) ที่เหนือกว่า
• การเข้าชิง 2 ครั้งหลัง (1990 กับ 2014) อาร์เจนติน่า แพ้ทั้งหมด
• แต่ถ้าครั้งนี้ชนะ จะเป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• ฝรั่งเศส เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัดด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย เกมเปิดรอบแรก แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 42 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• 42 นัดหลัง อาร์เจนติน่า ชนะ 29 เสมอ 12 แพ้ 1 / เสมอแล้วชนะจุดโทษ 2
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูกเป็นอย่างน้อยมา 5 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 42 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 56 นัด ชนะ 37 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 172, อังเคล ดิ มาเรีย 129, เลอันโดร ปาเรเดส 51, โรดริโก้ เด ปอล 51, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 100 ถ้วนพอดี
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนามแค่ 10 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 ห้าประตู

 

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, กุนซือแชมป์โลก 2018 และพาทีมเข้าชิงต่อเนื่อง ครั้งนี้

 

• ก่อนจะมาทำคลีนชีตเกมแรก นัดชนะ โมร็อกโก 2-0 ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก
• 3 นัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 7 ประตู
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูก กำลังนำดาวซัลโวร่วม และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 6 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์

 

• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 144 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 2 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 145, ราฟาแอล วาราน 93, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 117, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 120, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 66
• ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหน ครองแชมป์โลก 2 สมัยต่อเนื่อง และ โยริส จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ถ้าเอาชนะ อาร์เจนติน่า สำเร็จ

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 3-1
“ผมได้ดูเกมของ ฝรั่งเศส มาหลายนัด บางครั้งผมรู้สึกเบื่อการเล่นของพวกเขาเล็กน้อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมแชมป์เก่าอย่างพวกเขามีความยืดหยุ่นในตัวสูง มากกว่าจะเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น พวกเขาทำให้ผมนึกถึงรถซีตรองบนถนน”
“และแทนที่จะเล่นแบบครองบอล พวกเขาไม่สนใจจะทำมันเลย แต่การเล่นแบบของพวกเขามันก็เวิร์คจนถึงตอนนี้ ด้าน อาร์เจนติน่า ดูเล่นด้วยความมีอารมณ์ร่วมสูง มากกว่าความแข็งแกร่งรอบด้าน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ฝรั่งเศส ดูดีกว่า”
“อาร์เจนติน่าต้องสู้เพื่อเสื้อแข่ง แฟนบอล และเมสซี่ แต่พวกเขาต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมมองว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่หนักหน่วงรุนแรง เพราะ ฝรั่งเศส ไม่กลัวที่จะสู้ด้วยเกมปะทะ”
“ผมขอเลือก ฝรั่งเศส ชนะเกมนี้ เพราะที่จริงผมก็เลือกพวกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ และผมก็อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2018 ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นลักษณะนั้นอีกครั้ง”

 

ความน่าจะเป็น
ไม่มีอะไรยากไปกว่าการคาดเดาผลสกอร์ของเกมนี้แล้ว เมื่อนี่คือเกมชิงแชมป์ ชิงดำ ชิงโทรฟี่แชมป์โลก ต่างฝ่ายจึงต่างจะใส่สุดชนิดยอมแลกด้วยชีวิต และต่างก็ย่อมเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเพื่อให้การลงเล่นเกมจริงไม่เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงขึ้น รวมถึงว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งหากออกรูปนี้ ก็หมายถึงว่า 90 นาทีมีสิทธิ์กินกันไม่ลง ต้องยืดเยื้อครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าเพิ่งมั่นใจว่า เมสซี่ จะเจอเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ฟุตบอล มักจัดตอนจบหักมุมให้อยู่เสมอ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก

 

เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามร้านสะดวกซื้อ ม้ามืดอย่าง โมร็อกโก (ที่สู้สุดใจในรอบที่ผ่านๆ มา จนเสียขุนพลเดี้ยงกันไปทีละรายๆ) แม้จะมาแรงแค่ไหน ก็ไม่ไหวเหมือนกันเมื่อต้องเจอ “ของจริง” เข้าในเกมตัดเชือก

 

อันที่จริง โมร็อกโก ก็ทำได้ดีไม่น้อยในการต่อกรเปิดหน้าแลกหมัดต่อหมัดกับแชมป์เก่า

 

แต่เมื่อทีเด็ดทีขาดขึ้นกับฝั่ง ฝรั่งเศส ฝ่ายเดียว

 

“ดรีมแมตช์” อย่าง ฝรั่งเศส v อาร์เจนติน่า จึงเกิดขึ้นในท้ายที่สุด…

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

กับเกมตัดสินอยู่หรือไป จะได้ชิงแชมป์หรือชิงเหรียญทองแดง ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อัล เบย์ท สเตเดี้ยม กลางดึกคืนพุธ 14 ธ.ค. การจัดทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เจอปัญหาอย่างที่มีรายงานปูดมา เมื่อทั้ง ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ป่วยไข้ไม่พร้อมเล่นเกมนี้ ทำให้ต้องปรับส่ง อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

แต่นอกนั้นคงเดิม แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ฟาก วาลิด เรกรากี หายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ ได้ทั้ง โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นูสแซร์ มาซราอุย ผ่านความฟิตคืนสนามในเกมรับพร้อมกัน พร้อมกับเลือกปรับระบบการเล่นเป็นครั้งแรกของทัวร์นาเมนต์ จาก 4-3-3 ไปใช้ 5-4-1 ตั้งรับเต็มกำลัง ถ่าง ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ออกเล่นตัวริมเส้นแดนกลาง ทิ้งหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ค้ำไว้ข้างหน้ารายเดียว

 

กระนั้นในราย นาเยฟ อาแกร์ด ที่ตอนแรกมีชื่อในไลน์อัพ กลับเจ็บซ้ำตอนวอร์ม ทำให้สุดท้ายต้องเป็น อัชราฟ ดารี ลงไปเล่นแทน

 

เริ่มเกมไปเพียง 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮทันทีจากการจบหนแรกของเกม อองตวน กรีซมันน์ ถ่ายลูกให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า กลายเป็นเข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ เติมขึ้นมาลอยตัววอลเลย์ผ่าน ยาสซีน บูนู เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม เป็น 1-0 ของตราไก่อย่างรวดเร็ว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ห้านาทีให้หลังเป็นโอกาสของ โมร็อกโก ที่ต้องเปิดเกมสู้บ้าง อัซเซดีน อูนาฮี ซัดเปรี้ยงระยะไกลส่งบอลเข้าหาเสาสอง ไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส ที่กระโดดปัดไว้ได้สวยๆ

 

สกอร์ที่มาเร็วทำให้เกมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้น นาที 16 ฮาคิม ซีเย็ค ทะลุเข้าไปส่องทางขวาออกไปเองแบบไร้กดดัน ฝรั่งเศส ตั้งเกมสวนขึ้นมาจบที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ทางฝั่งซ้าย บอลพุ่งแรงกระแทกเสาแรกอย่างจัง พลาดโอกาสฉีกสกอร์หนีห่างอย่างน่าเสียดาย

 

ข่าวร้ายของ โมร็อกโก ยังมีต่อเนื่อง เมื่อถึงนาที 20 ปรากฏว่ากัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ ก็ส่งสัญญาณไปข้างสนามว่าฝืนเล่นต่อไม่ไหวแล้ว ต้องกะเผลกออกให้ เซลิม อมัลลาห์ ลงสำรองไปแทน

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

เกมลดความเร็วลงไปในช่วงกลางครึ่งแรก แต่ก็ยังคงเป็น ฝรั่งเศส ที่ใกล้เคียงกับการได้เม็ดสองในนาที 36 บอลยัดเข้าจุดอันตรายมาจบที่ ชิรูด์ ตวัดยิงโล่งๆ ไม่เข้าเป้า หลุดเสาแรกไปเอง

 

โมร็อกโก เกือบได้เหมือนกันในนาที 44 จากเตะมุมที่ปลิ้นมาเข้าทาง จาวัด เอล ยามิก โชว์กระโดดโอเวอร์เฮดคิกสุดงาม บอลลอยเข้าติดปลายมือ โยริส ที่เสาประตู

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

จากนั้นครึ่งแรกสิ้นสุดลงไป ฝรั่งเศส ยังไม่ได้เพิ่มมากไปกว่า 1-0 แต่ก็ถือว่าเล่นด้วยความสบายใจพอสมควร

 

ต่อครึ่งหลัง โมร็อกโก มีเปลี่ยนเพิ่ม ถอด นูสแซร์ มาซราอุย ที่ไม่สมบูรณ์ ออกไปให้ ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ ลงเล่นแทน

 

สิบนาทีแรกของครึ่งหลังเป็น โมร็อกโก ที่ลุยเข้าใส่อย่างต่อเนื่องแล้ว ฝรั่งเศส ต้องหาโอกาสโต้กลับเป็นระยะ เพียงแต่พายุเกมบุกของทีมสิงโตแอตลาสก็ยังไม่อาจหาโอกาสจะแจ้งที่จะเปลี่ยนสกอร์ได้แต่อย่างใด

 

ถึงนาที 65 ฝรั่งเศส เปลี่ยนเกมเติมความสดแดนหน้าบ้าง ให้ มาร์คุส ตูราม ลงไปแทน ชิรูด์ ที่ไร้บทบาทในครึ่งหลัง

 

เกมเปิดแลกกันต่อเนื่องเมื่อเข้ายี่สิบนาทีท้าย โดยที่ทาง ฝรั่งเศส มีลุ้น 2-3 หนที่จะบวกสกอร์เพิ่ม แต่ไม่เฉียบคมพอ ส่วน โมร็อกโก เกมสะดุดไป และมักเสียบอลในพื้นที่สุดท้าย

 

แต่แล้วเมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบขึ้นหน้าไปเสาไกลคล้ายประตูแรก และเสร็จหอกสำรองอีกรายที่เพิ่งลงไปไม่กี่วินาที ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ วิ่งเข้าชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 กำตั๋วเข้าชิงบอลโลกไว้อยู่มือ

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ท้ายเกมที่มีทดเจ็บให้ 6 นาที โมร็อกโก เกือบฮึดตีไข่แตกได้เหมือนกันตอน 90+4 จังหวะซัดของ อูนาฮี ที่แฉลบไปติดตัวคุมเส้น ชูลส์ กุนเด้ หวุดหวิด ที่สุดจึงจบที่ ฝรั่งเศส กำชัย 2-0 ลุยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะชิงชัยกับ อาร์เจนติน่า วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

 

ด้าน โมร็อกโก ไปชิงอันดับ 3 ปลอบใจกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเตะกันวันเสาร์ 17 ธ.ค.

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้, ชูลส์ กุนเด้ – ยุสซูฟ โฟฟาน่า, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 78), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 65)
โมร็อกโก (5-4-1) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย (ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ 46), โรแม็ง ซาอิสส์ (เซลิม อมัลลาห์ 20, อับเด เอซซัลซูลี่ 79), อัชราฟ ดารี, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ฮาคิมี่ – โซฟียาน บูฟาล (ซากาเรีย อบูคลัล 66), อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, ฮาคิม ซีเย็ค – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ (อับเดอร์ราซัค ฮัมดัลลาห์ 66)

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

• แมนออฟเดอะแมตช์ : อองตวน กรีซมันน์
• อองตวน กรีซมันน์ ลงไปช่วยงานเกมรับ (Defensive Pressures Applied) ถึง 69 ครั้งในเกมนี้
• ฝรั่งเศส ยิงตรงกรอบ 2 ครั้งเท่านั้น เป็น 2 ประตู จากโอกาสยิงทั้งหมด 14 ครั้ง ด้าน โมร็อกโก ยิงรวม 13 หน ตรงกรอบครั้งเดียว
• ฝรั่งเศส ไม่โดนใบเหลืองในเกมนี้ เท่ากับโดนไปแค่ 5 ใบตลอดทัวร์นาเมนต์ น้อยสุดในบรรดาทีมที่ยังอยู่ (แฟร์เพลย์ อังกฤษ 1 เหลือง 0 แดง)
• ฝรั่งเศส ไม่แพ้เกมฟุตบอลโลกเป็นนัดที่ 26 (ชนะ 25 เสมอ 1) หากเป็นฝ่ายขึ้นนำเมื่อสิ้นครึ่งแรก

 

• 4 จาก 5 ประตูล่าสุดในรอบตัดเชือกของ ฝรั่งเศส (คิดเป็น 80%) มาจากกองหลัง – 1998 ลิลิยอง ตูราม (2 ลูก), 2018 ซามูแอล อุมติตี้, 2022 เตโอ เอร์นันเดซ
• ประตูของ เตโอ เอร์นันเดซ เกิดขึ้นตอน 4 นาที 39 วินาที เป็นประตูเร็วที่สุดของรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ลูกยิงของ วาว่า เกมบราซิลชนะฝรั่งเศส 5-2 ปี 1958
• เตโอ เอร์นันเดซ ยิงประตูที่ 2 ในการเล่นทีมชาติ 12 นัด
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงประตูแรกสุด ในการเล่นทีมชาติเกมที่ 4

 

• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ใช้เวลา 44 วินาทีในสนาม ยิงลูก 2-0 เป็นสถิติเร็วสุดอันดับ 3 ของฟุตบอลโลก (ตัวสำรองพังประตู) ถัดจาก ริชาร์ด โมราเลส (อุรุกวัย) 2002 และ เอ๊บเบ้ ซานด์ (เดนมาร์ก) 1998
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ มาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเป็นมวยแทน เสียบโควตาของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่เจ็บจนต้องถอนตัวไป
• เตโอ เอร์นันเดซ (25) ก็กลายมาเป็นแบ็กซ้ายตัวเลือกแรก แทนที่พี่ชาย ลูคัส เอร์นันเดซ (26) ที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย จนต้องถอนตัวไป
• ฝรั่งเศส และ อูโก้ โยริส เพิ่งจะทำคลีนชีตหนแรกในฟุตบอลโลก 2022

 

• โมร็อกโก ยังมีสิทธิ์คว้าอันดับ 3 ได้ถ้าชนะ โครเอเชีย วันเสาร์นี้ แต่ก็จัดเป็นทีมประวัติศาสตร์ของแอฟริกา/อาหรับ อยู่แล้ว หลังมาไกลถึงรอบตัดเชือก
• วาลิด เรกรากี เพิ่งทำทีมแพ้นัดแรกจากการเล่น 9 นัด (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 1)
• ถัดจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด เท่ากับ โมร็อกโก เพิ่งเสีย 2 ประตูแรกจากฝีมือของคู่แข่ง ในเกมนี้

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ปากคำหลังเกม ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “มันให้ทั้งอารมณ์ตื้นตันใจและภาคภูมิใจ แน่นอนว่า นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญ แต่เราก็ยังเหลืออีกหนึ่งก้าว เราทำงานร่วมกันมานานนับเดือน ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายเราก็มีความสุขกัน และบรรดานักเตะของผมต่างก็ได้รับรางวัลตอบแทนความพยายาม”
“ตั้งแต่ที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้เริ่มขึ้น เมสซี่ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านไป 4 ปี พวกเขาเป็นทีมที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อ 4 ปีก่อนผมได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขา (เมสซี่) จะไปเล่นในตำแหน่งไหน และท้ายที่สุดเขาพัฒนาตัวเองให้ไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในการดวลกับพวกเรา”
“จากจุดนั้น เขาดูต่อเนื่องมากกว่าเดิมในการเล่นร่วมกับกองหน้าอีกราย และเขามีอิสระมาก เขาสัมผัสบอลหลายครั้ง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากจริงๆ
“เราจะทำให้แน่ใจว่าได้จำกัดขอบเขตการเล่นของเขากับการมีอิทธิพลต่อเกมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งพวกเขาก็คงจะพยายามทำบางอย่างกับนักเตะของพวกเราเช่นกัน”

 

อองตวน กรีซมันน์ : “ในตอนที่ อาร์เจนติน่า มี เลโอ (เมสซี่) อยู่ด้วย มันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เราได้เห็นมาเกือบทุกๆ เกม เรารู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร นี่คือทีมที่ยากในการต่อกรอย่างมาก พวกเขาอยู่ในทรงที่ดี มันเป็นกลุ่มนักเตะที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา”
“มันจะเป็นเกมที่ไม่ง่าย พวกเขาจะมีกองเชียร์ที่คอยอยู่ข้างๆ แล้วเราจะได้รู้ว่าเราสามารถทำอะไรกันได้บ้าง”

 

เตโอ เอร์นันเดซ : “เมสซี่? เราไม่กลัวหรอก พวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เราก็ยังมีเวลาเตรียมตัวอีก 2-3 วัน เกมนี้ถือเป็นเกมที่ยากของเรา โมร็อกโก มีทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่สุดท้ายเราชนะ และตอนนี้เราจำเป็นต้องคิดถึงนัดชิงฯ เท่านั้น เราทำงานหนักมานานร่วมเดือนเพื่อมาถึงจุดนี้ ผมเหนื่อย แต่มันก็เป็นอะไรที่งดงาม”

 

วาลิด เรกรากี : “เรามีนักเตะบาดเจ็บหลายราย บางคนซ้อมไม่ได้ บางคนต้องพลาดการลงสนาม หรือไม่ก็เจ็บระหว่างเกม แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“เราแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของฟุตบอลโมร็อกโกแล้ว และเรามีแฟนบอลที่น่าทึ่ง เราคิดว่าเราอยู่ไม่ไกลเลยจากการที่เราสามารถต่อสู้ได้ในเกมระดับท็อป เราเล่นกันอย่างเต็มที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
“เราเสีย อาแกร์ด ตอนวอร์มอัพ รวมทั้ง ซาอิสส์ และ มาซราอุย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว เราต้องจ่ายค่าตอบแทนจากการก่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เราทิ้งโอกาสไปในครึ่งแรก และประตูที่สองฆ่าเรา แต่มันไม่อาจพรากทุกอย่างที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้”

 

ยาสซีน บูนู : “เกมออกมาไม่ง่ายเลย เราใฝ่ฝันที่จะไปถึงชิงชนะเลิศ และเรามีความมั่นใจในการเอาชนะ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทุกๆ คนเล่นเกมที่ยอดเยี่ยม ทุ่มเทความพยายามลงไปอย่างมาก”
“เรายังคงเหลือเกมให้ลงสนามอีกหนึ่งนัด ซึ่งเป็นเกมที่เราต้องเล่นอย่างเอาจริงเอาจังเหมือนกับที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้”
“เราแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับสูงที่สามารถต่อกรกับชาติใหญ่ๆ ได้สูสี ประตูแรก (ของฝรั่งเศส) ทำให้เกมของเรายุ่งยากซับซ้อน แต่เราก็แสดงให้เห็นถึงบุคลิกและมีโอกาสหลังจากเสียประตูไป หลังจากนั้น มีประตูที่สองเกิดขึ้นพร้อมกับโชคช่วยพวกเขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม”

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 โดยเตรียมพบ อาร์เจนติน่า ที่เจอกันมาแล้วใน รัสเซีย 2018 ฝรั่งเศสชนะ 4-3 รอบ 16 ทีมสุดท้าย (คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 ประตู, อองตวน กรีซมันน์ 1)
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 4 ในเพียง 7 ทัวร์นาเมนต์หลังสุด
1998 ชนะ บราซิล 3-0
2006 แพ้ดวลจุดโทษ อิตาลี 3-5
2018 ชนะ โครเอเชีย 4-2
2022 เตรียมพบ อาร์เจนติน่า
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, เป็นกุนซือชุดแชมป์โลก 2018 และยังนำทีมเข้าชิงได้อีกหน ปีนี้
• เริ่มคุมทีมปี 2012 จนถึงวันนี้ เดส์ชองส์ พาทัพตราไก่ลงสนาม 138 นัด ชนะ 89 เสมอ 27 แพ้ 22 เปอร์เซ็นต์ชนะ 64.49%

 

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ไม่ยิงเพิ่มมา 2 เกมติด คงสถิติไว้ที่ 5 ประตูเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ และคู่นี้จะเผชิญหน้ากันโดยตรงในนัดชิงชนะเลิศ
• เช่นเดียวกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่กดไปคนละ 4 ตุงเท่ากัน
• อองตวน กรีซมันน์ ยังทำ 3 แอสซิสต์ เท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่
• มีกระแสข่าวว่า เรอัล มาดริด พร้อมเปิดไฟเขียวกรณีพิเศษให้ คาริม เบนเซม่า กลับเข้าสู่แคมป์ทีมชาติฝรั่งเศส มาเป็นตัวเลือกสำรองของกองหน้าตราไก่นัดชิงชนะเลิศ หลังยอดดาวยิงวัย 34 เจ้าของบัลลง ดอร์ 2022 ฟิตกลับมาลงซ้อมกับทีมชุดขาวได้แล้ว

 

• ในการคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ฝรั่งเศส ผ่านทั้ง ออสเตรเลีย (2-1), เดนมาร์ก (0-0) และ อาร์เจนติน่า (4-3) ในทัวร์นาเมนต์ เหมือนครั้งนี้ที่ชนะ ออสเตรเลีย 4-1, เดนมาร์ก 2-1 และเตรียมเจอ อาร์เจนติน่า นัดชิง
• ทีมตัวจริงนัดชิงปี 2018 (4-2 โครเอเชีย) ของ ฝรั่งเศส มีทั้ง อูโก้ โยริส, ราฟาแอล วาราน, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้ง 5 คนนี้ก็จะได้เล่นนัดชิงฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน
• ยังมี เบนชาแม็ง ปาวาร์ ลงตัวจริง 2018 แต่เป็นสำรองของทีมชุดนี้ ส่วนทาง สตีฟ ม็องด็องด้า, อัลฟงส์ อเรโอล่า และ อุสมัน เดมเบเล่ เป็นสำรองไม่ได้ใช้ของนัดชิงเมื่อ 4 ปีก่อน
• ฝรั่งเศส เป็นชาติแรกถัดจาก บราซิล 1998 ที่มีโอกาสป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ
• อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ก็ต้องเอาชนะ อาร์เจนติน่า ให้ได้เท่านั้นในวันอาทิตย์นี้ เพื่อยืนยันการเป็นทีมแรกถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่ ที่ป้องกันแชมป์โลกได้จริง

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

เรื่องน่าอ่าน
ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022
คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?!?
เต็ง ‘แชมป์โลก’ และความน่าจะเป็น

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก
พุธ 14 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
A v B 1963 โมร็อกโก ชนะ 2-1
B v A 1966 เสมอ 2-2
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1967 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1975 เสมอ 1-1, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 3-1
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1987 เสมอ 0-0
โฟร์ เนชั่นส์ 1988 ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
Under-21 v A 1996 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
คิง ฮัสซัน คัพ 1998 เสมอ 2-2, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 6-5
อุ่นเครื่อง 1999 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
ฮัสซัน II 2000 ฝรั่งเศส ชนะ 5-1
อุ่นเครื่อง 2007 เสมอ 2-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู ตามด้วยรอบ 8 ทีม บลุ้นระทึกหน่อย แต่ยังอร่อยมากพอจะเบียดชนะ อังกฤษ 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ สังหารชัยในเกมที่ แฮร์รี่ เคน พลาดจุดโทษสำคัญท้ายเกม

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แต่ว่าการลงเตะ 3 เกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ แม้ เบนเซม่า จะคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด แล้ว แต่กระแสคืนทีมชาติก็เงียบไปแล้วเช่นกัน

 

แต่แม้จะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า นักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยแทรกซ้อน โดยเฉพาะ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร และมีสิทธิ์จะเรียกฟิตไม่ทันเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซึ่งถ้าไม่พร้อมจริงจะเป็น อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

ส่วนถ้าพร้อมทั้งหมด เดส์ชองส์ ก็จะยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ด้วยระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0 เท่ากับ 5 เกมของฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาเสียแค่ประตูเดียว และยังมาจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด ในเกมกับ แคนาดา ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพทีมเกมนี้ของ เรกรารี นั้น “อ่วมมากแม่” มีทั้งตัวเจ็บและตัวแบน มีสิทธิ์ขาดได้ถึง 5 คนในเกมนี้

 

เริ่มจากคู่เซนเตอร์แบ็กตัวจริง กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด มีปัญหาบาดเจ็บทั้งคู่ รายแรกจาก เบซิคตัส เดี้ยงจนต้องหามออกจากเกมกับ โปรตุเกส ตอนครึ่งหลัง ส่วนรายหลังจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เจ็บจนไม่ได้เล่นตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ถัดมา นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค ก็เจ็บจนพลาดรอบที่แล้วเช่นกัน เพิ่มเติมด้วย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

นอกจากนั้น วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ ติดโทษแบนไม่อาจลงเล่นได้แน่นอน หลังโดนสองเหลืองหนึ่งแดงในเกมที่ผ่านมา

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวรับ มีโอกาสสูงที่ เรกรากี จะต้องเปลี่ยนรวดเดียว 3 คน หากว่า ซาอิสส์ – อาแกร์ด – มาซราอุย ไม่พร้อม โดยจะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

อย่างไรก็ตามแนวรุกไม่เป็นปัญหาแม้จะขาด เชดดิร่า ที่เป็นสำรอง โดยให้ ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 64 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด ยืนแท่นผู้นำอยู่ขณะเหลือแค่ 4 เกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ (อิบราฮิมา โกนาเต้), ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม ฝรั่งเศส ปะทะ โมร็อกโก
• โมร็อกโก เคยเป็นประเทศในอาณานิคมของ ฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ. 1912 – 1956
• ความที่เป็นเมืองขึ้นของกัน ทำให้เจอกันบ่อยพอตัวในยุคโบราณ รวมพบกัน 11 นัด ฝรั่งเศสชนะใน 90 นาที 5 นัด โมร็อกโกชนะเกมเดียว
• แต่ 2 ทศวรรษหลัง พบกันหนเดียวเท่านั้น อุ่นเครื่องปี 2007 ที่ปารีส เสมอกัน 2-2
• คาริม เบนเซม่า อยู่ในเกมวันนั้น แต่ก็โชคร้ายไม่ได้เล่นฟุตบอลโลก 2022 อย่างที่ทราบ

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก โดยไม่มีเกมที่ทำคลีนชีตได้เลย
• สองนัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 5 ประตู
• แม้ไม่อาจถือได้ว่าชนะรวด แต่เกมแพ้ ตูนิเซีย 0-1 นัดปิดรอบแรก ก็เป็นการปรับส่งทีมสำรองลงสนาม ดังนั้นด้วย 11 คนแรกชุดนี้จึงจัดว่าชนะ 4 เกมซ้อนได้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
• ทำลายอาถรรพ์ทีมแชมป์เก่าตกรอบแรก 3 ทัวร์นาเมนต์รวดไปแล้ว และอยู่ในเส้นทางสำหรับการจะเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ ถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่
• ฝรั่งเศส เพิ่งโดนใบเหลืองไปแค่ 5 ใบ น้อยสุดในจำนวนทีมที่ยังเหลือ (น้อยสุด อังกฤษ 1) รวมถึงว่าก็ยิงได้เยอะสุด (11 ประตู) ในจำนวนทีมที่ยังเหลือ

• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• วาลิด เรกรากี เกิดที่ฝรั่งเศส (1975) โตมาเล่นฟุตบอลอาชีพในฝรั่งเศส ตำแหน่งแบ็กขวา สังกัด ราซิ่ง ปารีส, ตูลูส, อชักซิโอ, ราซิ่ง ซานตานเดร์ (สเปน), ดิชง และ เกรอน็อบล์ แต่ติดทีมชาติโมร็อกโก 45 นัด ระหว่างปี 2001-2009
• โซฟียาน บูฟาล เกิดที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (1993) และเล่นอาชีพในลีกฝรั่งเศสตั้งแต่แรกจนตอนนี้ สังกัด อองเช่ร์
• โรแม็ง ซาอิสส์ เกิดที่ฝรั่งเศส (1990) สร้างชื่อกับ เลอ อาฟร์ ก่อนย้ายไป วูล์ฟแฮมป์ตัน และตอนนี้อยู่ เบซิคตัส
• แข้งโมร็อกโกชุดนี้ เล่นใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส จำนวน 5 คน – อัซซาดีน อูนาฮี (อองเช่ร์), โซฟียาน บูฟาล (อองเช่ร์), อัชราฟ ดารี (แบรสต์), อัชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช), ซากาเรีย อาบูคลัล (ตูลูส)
• ถ้าได้ลงตามปกติ ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 51, อัชราฟ ฮาคิมี่ 60, โซฟียาน อัมราบัต 45, ฮาคิม ซีเย็ค 49, โซฟียาน บูฟาล 38, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 56

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 5 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์ สูงสุดเทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี่
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 143 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 1 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 144, ราฟาแอล วาราน 92, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 116, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 119, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 65

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3
• โมร็อกโก แพ้ครั้งสุดท้ายในยุค วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อ 1 มิ.ย. แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3

• เกมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 10 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (20 แมตช์) ล้วนแต่ออกผลชนะแพ้แบบเบียดๆ หรือลงเอยด้วยผลเสมอต้องยืดเยื้อ ถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียง “เกมเดียวถ้วน” เท่านั้น ที่ชนะกันเกินกว่า 3 ประตูขึ้นไป
– ยิงกันถล่มทลาย 1 นัดถ้วน คือเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง
– ชนะห่างหน่อย 2-0 มีเกิดขึ้น 3 นัด
โปแลนด์ 0-2 อิตาลี (1982)
ฝรั่งเศส 0-2 เยอรมนีตะวันตก (1986)
อาร์เจนติน่า 2-0 เบลเยียม (1986)
– ชนะประตูเดียว 9 นัด
บัลแกเรีย 1-2 อิตาลี (1994), สวีเดน 0-1 บราซิล (1994), ฝรั่งเศส 2-1 โครเอเชีย (1998), เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้ (2002), บราซิล 1-0 ตุรกี (2002), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส (2006), อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์ (2010), เยอรมนี 0-1 สเปน (2010), ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม (2018)
– ชนะช่วงต่อเวลา 2 นัด
เยอรมนี 0-0 อิตาลี / อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0 (2006)
โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ /โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1 (2018)
– ชนะดวลจุดโทษ 5 นัด
เยอรมนีตะวันตก 3-3 ฝรั่งเศส / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 5-4 (1982)
อาร์เจนติน่า 1-1 อิตาลี / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
เยอรมนีตะวันตก 1-1 อังกฤษ / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
บราซิล 1-1 เนเธอร์แลนด์ / บราซิล ชนะจุดโทษ 4-2 (1998)
เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2 (2014)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
“แผนการของ โมร็อกโก ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน รับลึกแล้วโต้ แต่มันก็ไม่ง่ายต่อการรับมือของทุกคู่แข่ง พวกเขาผ่านเกมกับทีมอย่าง โครเอเชีย, เบลเยียม, สเปน, โปรตุเกส มาแล้ว และไม่เสียประตูเลยสักลูก”
“แต่ปัญหาก็คือความอ่อนล้าที่ต้องเผชิญ โรแม็ง ซาอิสส์ ต้องโดนหามออกจากเกมก่อน และยังมีต้องกังวลเรื่องความฟิตของทั้งกองหลัง นาเยฟ อาแกร์ด และคีย์แมน โซฟียาน อัมราบัต นั่นจะทำให้เกมโต้กลับของพวกเขาอาจไม่เต็มประสิทธิภาพ”
“ด้าน ฝรั่งเศส ไม่ได้เล่นด้วยสุดยอดฟุตบอลอะไร แต่พวกเขาอยู่ในระดับสูงมานาน และแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมที่เหนือกว่า อังกฤษ และคุณภาพเกมรุกของพวกเขาก็จตะสร้างความแตกต่างได้ในเกมนี้ ฝรั่งเศส จะยิงประตูแรกได้ และผ่านเกม 90 นาทีไปด้วยชัยชนะ”
“ที่จริง ผมก็อยากให้ความเห็นของผมผิด เพราะการเดินทางของทีมแอฟริกาอย่าง โมร็อกโก ในครั้งนี้ จะเป็นสุดยอดเรื่องเล่าตลอดกาลของฟุตบอลโลก ทว่าเมื่อมองเรื่องจริง มันก็คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องบอกลา”

 

ความน่าจะเป็น
มาได้ตรงนี้ต้องยกย่องและปรบมือดังๆ ให้กับ โมร็อกโก แต่ก็ควรถือว่าพวกเขามาไกลมากพอแล้ว เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามข้างทาง โมร็อกโก ก็คงต้องเลิกฝันถึงการจะทะลุเข้าชิงแชมป์โลกเสียที โดยเฉพาะเมื่อดันมาเกิดปัญหาในเกมรับขึ้นพอดี ต่อให้ระบบจะดีแค่ไหน เมื่อตัวไม่สมบูรณ์ก็ต้านลำบาก แถมจุดเด่นของ ฝรั่งเศส ชุดนี้ ยังอยู่ที่เกมรุกสุดจัดจ้าน จับตัวนี้ตัวนั้นมา จับตั้วนั้นตัวโน้นมี อีกด้วย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

เฮี้ยนไม่เว้นวัน สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจไม่เว้นเกม สร้างเซอร์ไพรส์และเรื่องเล่าขานต่างๆ นานาได้ในทุกเกมที่ผ่านพ้นไป สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะเมื่อยิ่งงวดลง ยิ่งมาถึงน็อกเอาต์วันท้ายๆ ก็ยิ่งมีประเด็นให้โลกลูกหนังต้องตามติด–ชนิดตาห้ามกะพริบ!

 

ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ! โมร็อกโกลิ่วตัดเชือกบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่เพียงแต่การเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ แต่มาถึงตรงนี้ คงพูดได้ว่า โมร็อกโก มีเอี่ยวกับการ “คว้าแชมป์โลก” แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเกมประวัติศาสตร์ที่ วาลิด เรกรารี และลูกทีมสิงโตแอตลาส จัดมาเสิร์ฟแฟนๆ

 

รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 สองคู่สุดท้าย วันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. เริ่มจากแมตช์ โมร็อกโก พบ โปรตุเกส ซึ่งตัวแทนจากแอฟริกาต้องปรับหลังบ้านเล็กน้อยหลัง นาเยฟ อาแกร์ด บาดเจ็บ ส่วนทาง แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส เจ้าของแฮตทริกในเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 รอบที่แล้ว ลงตัวจริงต่อ

 

กระนั้น เกมรุกของทีมฝอยทองไม่อาจเจาะแนวรับโมร็อกโกที่นำโดยกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ และนายด่านจอมหนึบ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เข้าไปได้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล รวมถึงว่าโอกาสจบก็ไม่ได้มีมากครั้งนักด้วย

 

จนในช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 โมร็อกโก ก็ทำเซอร์ไพรส์เจาะประตูนำไปก่อนจากลูกครอสเข้าหน้าประตู ของ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ เข้าทาง ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ขึ้นโขกตัดหน้านายทวาร ดีโอโก้ คอสต้า เข้าประตูไปพอดิบพอดี

 

ครึ่งหลัง โปรตุเกส โถมเกมรุกขึ้นอีกระดับ โดยมีการส่ง โรนัลโด้ ลงสำรองมาเพิ่ม และ CR7 ก็มีโอกาสดีที่จะพังประตูตีเสมอตอนทดเจ็บ จากการทะลุเข้าไปส่องในเขตโทษทางขวา ทว่าก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู แต่อย่างใด

 

ทดเวลา 90+3 วาลิด เชดดิร่า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับเกม แค่ว่าหอกสำรองโมร็อกโกจะอดเล่นในรอบตัดเชือกเท่านั้น

 

สุดท้ายเกมจบลง โมร็อกโก ชนะ 1-0 โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกอีกครั้ง และ โรนัลโด้ เดินร่ำไห้ออกจากสนาม ด้วยความที่นี่คือเกมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 ปีอย่างเขา และความหวังในการผงาดแชมป์โลกครั้งแรก ต้องมีอันสิ้นสุดลงไป

 

สำหรับ โมร็อกโก ของกุนซือ วาลิด เรกรากี เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เป็นชาติแอฟริกันและอาหรับที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นรายแรก รวมถึงมีโอกาสขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพิ่งเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นจากการเล่น 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์ (อัชราฟ ดารี 57), จาวัด เอล ยามิก, ยาเอีย อัตติยัต-อัลลาห์ – อัซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิร่า 65) – ฮาคิม ซีเย็ค (ซากาเรีย อาบูคลัล 82), ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (บาเดอร์ เบนูน 65), โซฟียาน บูฟาล (ยาห์ย่า จาบราน 82)
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 79), เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ชูเอา กันเซโล่ 51) – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 69), รูเบน เนเวส (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 51), แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส (ราฟาเอล เลเอา 69), ชูเอา เฟลิกซ์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ยาสซีน บูนู คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดในกลุ่มนายทวาร เทียบเท่า โดมินิค ลิวาโควิช ของโครเอเชีย
• ตามสถิติฟีฟ่า ยาสซีน บูนู ทำ Goals Prevented เกมนี้ 11 ครั้ง
• ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ กระโดดโหม่งทำประตูในเกมนี้สูงถึง 2.78 เมตร เหนือกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ 2.5 เมตร ในเกม ยูเวนตุส พบ ซามพ์โดเรีย

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมาเป็นเกมที่ 10 แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3

• นี่คือการพบกันเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• ให้หลัง 32 ปี พบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน
• และล่าสุดกับเกมนี้ ที่ โมร็อกโก กำชัย 1-0
• โปรตุเกส ไปไม่ถึงดวงดาวในฟุตบอลโลกเหมือนเช่นเคย โดยตกทั้งรอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลัง ส่วนผลงานดีสุดยังคงเป็นอันดับ 3 ปี 1966

• กอนซาโล่ รามอส มีโอกาสยิง 6 ครั้งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริกได้ แต่มาเกมนี้โอกาสลดเหลือ 1 ครั้งถ้วน ไม่มีประตู ก่อนถูกถอดออกในนาที 69
• อันเดร ซิลวา ที่ยิง 19 ประตูในทีมชาติ มีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลก 2022 แค่ราวครึ่งชั่วโมง ด้วยการลงสำรองนาที 65 เกมแพ้ เกาหลีใต้ 1-2
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นทีมชาติเกมที่ 196 แต่ถ้าจำกัดเฉพาะ “รอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก” แล้ว นี่คือนัดที่ 8 รวมเวลา 9 ชั่วโมงครึ่ง โอกาสยิง 27 ครั้ง… ได้มา 0 ประตู

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• รอบตัดเชือก โมร็อกโก จะพบกับชาติที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมอย่าง ฝรั่งเศส ที่เคยปกครอง โมร็อกโก ระหว่างปี 1912 – 1956
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• การตกรอบอย่างสุดช็อกของ โปรตุเกส นำมาซึ่งบทสัมภาษณ์เผ็ดร้อน เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของทางฝั่ง เปเป้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่มีต่อผู้ตัดสิน ฟาคุนโด้ เตโย่ จากอาร์เจนติน่า ว่าไม่โปร่งใส ไม่ทันเกมอย่างที่ควรเป็น ทั้งยังเป็นสิงห์เชิ้ตดำเกรดรอง ไม่เคยผ่านการตัดสินเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน แต่กลับได้มาทำหน้าที่ในเกมสำคัญอย่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกอย่างน่าประหลาดใจ ไปจนถึงว่าก็ไม่ควรได้ทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์

• แฟร์นันโด ซานโตส ยังไม่ด่วนตัดสินอนาคตตัวเอง โดยขอเจรจากับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกสเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำทีมต่อหรือสละเก้าอี้ไป หลังคุมยาวมาตั้งแต่ปี 2014 และมีแชมป์ยูโร 1 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1 สมัย ติดมือ แต่ตกแค่รอบ 16 ทีมกับ 8 ทีมฟุตบอลโลก เท่านั้น

• แม้ไม่ได้ประกาศชัด แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เดินออกจากสนามแบบน้ำตานองอาบสองแก้ม ก็เผยเป็นนัยว่า เขาอาจจะเลิกเล่นทีมชาติแต่เพียงเท่านี้ ลงรับใช้ชาติไปทั้งสิ้น 196 นัด ยิง 118 ประตู โดยเป็นเจ้าของสถิติทั้งลงสนามมากสุดและยิงประตูสูงสุดตลอดกาลกับทีมชาติ ทว่าก็ยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 2022 จากจุดโทษนัดชนะ กาน่า 3-2 เกมแรกของทัวร์นาเมนต์
“การคว้าแชมป์โลกกับ โปรตุเกส คือความฝันและความทะเยอทะยานสูงสุดในอาชีพของผม โชคดีที่ผมได้แชมป์มามากมาย รวมทั้งกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การพาประเทศของเราประสบความสำเร็จขั้นที่สูงที่สุดในโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 5 สมัย รวมเวลาเกินกว่า 16 ปี ผมยิงประตูได้ ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเทอย่างเต็มร้อยในสนาม ผมไม่เคยหนีหน้าจากการต่อสู้ และผมไม่เคยยอมแพ้ที่จะสานฝัน”
“น่าเศร้าที่เมื่อวานฝันจบลงอย่างไม่สมควร ผมอยากให้คุณรู้มากกว่าการที่มันจะถูกเขียนถึง ถูกพูดถึง หรือว่าถูกเล่าลือ แต่ความทุ่มเทที่ผมมีต่อ โปรตุเกส ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผมต่อสู้เพื่อเป้าหมายเสมอ และผมไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีม และประเทศของผม”
“สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันมันงดงามจนกระทั่งมันจบสิ้นลง… ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเป็นผู้แนะนำที่ดี และเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้ทำตามต้องการ”

 

 

เคนขว้างตั๋วทิ้ง-สิงโตสลบพ่ายตราไก่ 1-2

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

นี่คือเกมคู่คี่สูสี ที่มีสิทธิ์ตัดสินกันด้วย “รายละเอียดเล็กๆ”

 

รายละเอียดเล็กจิ๋วอย่าง “องศาการเหินของลูกบอล” ขณะออกจากปลายเท้า แฮร์รี่ เคน ในเสี้ยววินาทีนั้น…

 

คู่ดึกของวันเสาร์ เกมสุดท้ายของรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 บิ๊กแมตช์ของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส เกมนี้ต่างฝ่ายต่างยึด 11 คนแรกชุดเดิมลงสนาม สิงโตคำรามนำมาโดย แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนตราไก่ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ รวมพลังเข้าทำ

 

เป็น ฝรั่งเศส ที่ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันจากหน้าเขตโทษผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 17

 

แต่จากนั้น อังกฤษ ก็ทวงคืน 1-1 ตอนต้นครึ่งหลัง จากจุดโทษที่ ซาก้า โดน ชูอาเมนี่ ขัดขาล้มลงไป และ แฮร์รี่ เคน ตะบันผ่าน อูโก้ โยริส ไม่พลาด เป็นประตูทำสถิติยิงสูงสุดในทีมชาติ 53 ลูก เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์

 

ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 กรีซมันน์ ก็ครอสแม่นๆ จากซ้ายเข้าไปให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แม็กไกวร์ ตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส นำ 2-1

 

ท้ายเกมหลังจากนั้นอีก น.82 อังกฤษ มีโอกาสดีในการตามตีเสมอรอบสอง เมื่อมาได้จุดโทษจากวีเออาร์ที่ตัวสำรอง เมสัน เมาท์ โดน เตโอ เอร์นันเดซ กระแทกล้มหน้าทิ่ม อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง รวมถึงฟรีคิกหน้าเขตโทษในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กดเสยคานออกไปแค่คืบเท่านั้น จนจบที่ ฝรั่งเศส กำชัยแบบลุ้นเหนื่อย 2-1

 

ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวนับตั้งแต่แชมป์โลกสมัยแรก 1966 เป็นต้นมา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แจ๊ค กรีลิช 90+8), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เมสัน เมาท์ 79) – บูกาโย่ ซาก้า (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 79), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (มาร์คัส แรชฟอร์ด 85)
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 79), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
• ชิรูด์ กดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลูกเดียวถ้วน
• ชิรูด์ ทำเพิ่มเป็น 53 ลูก ฉีกหนีเจ้าของสถิติคนเก่า เธียร์รี่ อองรี (51) เพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว
• อูโก้ โยริส ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ ฝรั่งเศส สูงสุดแบบเดี่ยวๆ 143 นัด แทนที่ ลิลิยอง ตูราม 142
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไร้สกอร์ที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดเทียบเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• ยังเป็นแอสซิสต์ที่ 27 จากการเล่นทีมชาติ 115 นัดของ กรีซมันน์ ด้วย

• ฝรั่งเศส ทำไป 11 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ โดยที่ 9 ลูกในนั้นมาจาก เอ็มบัปเป้ + ชิรูด์ สองคน ที่เหลืออีกสองเม็ดเป็น อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่
• ฝรั่งเศส มาถึงตรงนี้โดยไม่มีการทำคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 5 นัด เสียนัดละ 1 ลูกมาตลอด

• อังกฤษ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 7 สูงที่สุดในบรรดาทุกทีมที่ได้เข้ามาเล่น เวิลด์ คัพ
• ฟุตบอลโลก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง อังกฤษ ตกไม่ซ้ำรอบ
2010 ตกรอบ 16 ทีม
2014 ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 ตกรอบตัดเชือก / ได้อันดับ 4
2022 ตกรอบ 8 ทีม
• การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ยังคงชนะใครไม่เป็น มีผลเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก่อนแพ้ ฝรั่งเศส นัดนี้
• อังกฤษ เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แค่เกมเดียวจากการพบกัน 7 นัดหลัง (แพ้ 5 เสมอ 1)
• หากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก อังกฤษ ไม่เคยพลิกกลับมาชนะได้ในเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยได้ผลเสมอ 2 แพ้ 7

• จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงเข้าไปในสกอร์ 1-1 นับเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติอังกฤษ เทียบเท่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นที่เรียบร้อย
• ส่วนการพลาดจุดโทษในช่วงท้าย นับเป็นการพลาดครั้งที่ 11 ของเขาในตลอดเส้นทางค้าแข้ง และพลาดหนที่ 4 ในการเล่นทีมชาติ
• สัดส่วนของการยิงจุดโทษเข้ากับยิงพลาดของ แฮร์รี่ เคน คือ 58:11
• เคน ยังทำสถิติสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากที่สุดเป็นเกมที่ 11 (6 เกมในฟุตบอลโลก 2018 และอีก 5 เกมในฟุตบอลโลก 2022) แซงหน้าสถิติ 10 เกมของ บิลลี่ ไรท์ (1950-1958), บ๊อบบี้ มัวร์ (1966-1970) และ เดวิด เบ็คแฮม (2002-2006)
• เจมส์ แมดดิสัน กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มีนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็น 0, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสำรอง 1, แคลวิน ฟิลลิปส์ ลงสำรอง 2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
• ฝรั่งเศส เข้าไปดวลกับชาติที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอย่าง โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก
• พบกันก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ฝรั่งเศส ข่มขาดด้วยชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโกชนะแค่ 1
• ฝรั่งเศส ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งรายใหม่ สำหรับการผงาดครองแชมป์โลก 2022 จากการปรับเรตล่าสุดของ สกาย เบท ในอัตรากดต่ำเพียง 1/1 จากนั้นจึงตามด้วย อาร์เจนติน่า 13/8, โครเอเชีย 7/1 และเต็งเบอร์สุดท้าย โมร็อกโก 8/1 รวมถึงมีเรต 10/1 ในบางเจ้า

• เลส์ เบลอส์ กลายเป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนต์อีก 4 ปีถัดมา เพราะไม่เคยมีแชมป์เก่าชาติไหนเลยที่เคยทำได้ จากครั้งสุดท้ายที่ บราซิล ทำไว้ ด้วยการเป็นแชมป์โลก 1994 และเป็นรองแชมป์ 1998
• มีกระแสข่าวว่า ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะยังคงได้ไฟเขียวให้ดูแลทีมต่อไปจนถึงจบ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี เพื่อตอบแทนผลงานที่ดีในบอลโลกหนนี้ แม้สมาคมฯ จะมีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานและพร้อมเข้ารับตำแหน่งอยู่ ก็ตาม

• ในส่วนของผู้ตกรอบอย่าง อังกฤษ แม้ ณ ตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่ได้ประกาศลาออก โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ว่าขอเวลาอีกนิดเพื่อตัดสินใจอนาคต แต่ก็มีการเปิดราคากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ เซาธ์เกต ไว้แล้ว โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่เปแอสเช ยืนแท่นเต็งหนึ่ง 4/1 จากนั้นตามด้วย โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซี 5/1, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ 8/1, เอ๊ดดี้ ฮาว กุนซือนิวคาสเซิ่ล 10/1, แกรห์ม พ็อตเตอร์ กุนซือเชลซี 12/1, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 16/1, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 16/1, สตีฟ คูเปอร์ 16/1 และ เวย์น รูนี่ย์ 18/1

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs ฝรั่งเศส

เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : Thairath TV

 

ผลการพบกัน : 31 นัด
อังกฤษ ชนะ 17
เสมอ 5
ฝรั่งเศส ชนะ 9

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อังกฤษ

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อิหร่าน 6-2
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เวลส์ 3-0
รอบ 16 ทีม ชนะ เซเนกัล 3-0

 

ฝรั่งเศส

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

สิงโตคำราม มีรอบแรกที่ดี ยิง อิหร่าน กับ เวลส์ รวมกัน 9 ประตู เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และยังเจองานง่ายในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม ผ่าน เซเนกัล สบายบรื๋อ 3-0

 

กับเกมนี้ที่ต้องเจอทีมระดับเฮฟวี่เวตเป็นนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร เริ่มจาก เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ที่ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้วเนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีรายงานว่าเป็นเพราะแตกหักกับทีมสตาฟฟ์ ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงลอนดอนหลังโดนโจรขึ้นบ้าน แม้กลับมาทันเกมนี้และลงซ้อมไปแล้ว แต่ก็จะเป็นสำรองไปก่อน

 

จอห์น สโตนส์ มีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ เช่นเดียวกับ คัลลิ่ม วิลสัน ซึ่งต้องเช็กสภาพกันก่อนเกม ซึ่งถ้า สโตนส์ ไม่พร้อม เอริก ไดเออร์ จะลงมาคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แทน

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือก

 

11 คนแรกคาดว่าน่าจะยังยึดระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น และ บูกาโย่ ซาก้า แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ก่อนหน้ากด 2 ตุงใส่เวลส์ ก็มีสิทธิ์สอดแทรกลงเช่นกัน

 

ฝรั่งเศส

เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

แต่ว่าสองเกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบไปเช่นกัน

 

เดส์ชองส์ จะยึดทีมเดิมในรอบที่แล้ว ด้วยระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : แฮร์รี่ เคน

ฟอร์มแผ่วไปก็จริงในช่วง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่ควรยึดโยงมากกว่าคือฟอร์มที่ร่ายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซีซั่นนี้ ซึ่งออกมาไม่เลวเลยคือ 13 ประตูจาก 22 นัด ที่สำคัญ เคน ยังพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลกมาแล้วด้วยการกด 6 ลูก คว้าดาวซัลโวรัสเซีย 2018 ส่วนมาในเวิลด์คัพครั้งนี้ นอกจากเป็นจอมแอสซิสต์แล้ว ก็ยังประเดิมเม็ดแรกใส่ เซเนกัล ไปแล้วด้วย ซึ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากแน่นอน

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้

เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 63 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่เป็นเพื่อนบ้าน ห่างกันแค่ช่องแคบโดเวอร์ 34 กม. ทำให้คู่นี้นัดเจอกันค่อนข้างบ่อยในอดีต ประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ 1923 แล้ว รวมเจอกัน 31 ครั้ง อังกฤษ ข่มกว่าด้วยชัยชนะ 17 เกม
• เคยซัดกันมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ปี 1966 กับ 1982 อังกฤษ ชนะรวด 2-0 กับ 3-1 ตามลำดับ
• แต่การพบกัน 6 เกมหลังสุด (2004 เป็นต้นมา) ฝรั่งเศส พลิกเป็นฝ่ายข่ม ด้วยผลชนะ 4 (เสมอ 1 แพ้ 1) ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2017 ฝรั่งเศสชนะ 3-2 แฮร์รี่ เคน ยิงสองตุง ก่อน อุสมัน เดมเบเล่ สังหารชัยท้ายเกม

 

• อังกฤษ ไม่แพ้ใครมา 5 เกม เป็นชนะ 3 เสมอ 2
• อังกฤษ ยิงคู่แข่งด้วยสกอร์ 3-0 มาสองเกมซ้อน และไม่เสียประตูตลอด 3 เกมหลัง
• ในฟุตบอลโลก 2022 อังกฤษ ยิงไปแล้ว 12 ประตูจาก 4 นัด เฉลี่ยนัดละ 3 ลูก
• แต่การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ชนะใครไม่เป็นเลย เช่นเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี

 

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูกถ้วน
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว ที่ 52 ประตู และทุกลูฏที่จะยิงได้ต่อจากนี้ มีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป

 

• หากได้เล่นเกมนี้ แฮร์รี่ เคน จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 80, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 74, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 53, จอร์แดน พิคฟอร์ด 50, จู๊ด เบลลิงแฮม 22
• เช่นกัน อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 143, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 118, อองตวน กรีซมันน์ 115, ราฟาแอล วาราน 91, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 64

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งนัดที่โอกาสออก ชนะ-เสมอ-แพ้ มีพอๆ กันทุกหน้า แต่ด้วยความแข็งแกร่งจากหลังสุดมาหน้าสุดของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะเกมรุกที่ร้อนแรง อันตรายทุกตัว ก็น่าจะเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และพลพรรคสิงโตได้ แม้ว่าที่จริง อังกฤษ ก็มาดี และมีคุณสมบัติมากพอจะไปต่อก็ตาม แต่คงต้านความหื่นกระหายชัยของตราไก่ลำบากหน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

 

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

หากว่ารอบแรกผ่านไปเร็วแล้ว น็อกเอาต์นี่ต่างหากที่พุ่งพรวดแบบที่ถ้าไม่ทันตั้งตัว แต่ละเกมก็ผ่านไปเสียแล้ว และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งฉากหน้าฉากหลังและสิ่งสืบเนื่องที่ตามมา กับรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

 

‘กังหัน’ ร้อนผ่านมะกันไม่ยาก 3-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 จนโคจรมาพบกับ สหรัฐอเมริกา ที่ไร้พ่ายในรอบแรก และชนะ อิหร่าน 1-0 เข้าป้ายเป็นอันดับ 2 กลุ่มบี

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล จัดว่าอยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดให้ต้องเป็นกังวล ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

และรูปเกมก็ออกในทรง “ใสแจ๋วแวววับ” สำหรับทัพกังหัน โดยเฉพาะเมื่อ สหรัฐฯ พลาดโอกาสพังประตูนำ (ก้ำกึ่งล้ำหน้า) ไปในนาทีที่ 2 คริสเตียน พูลิซิช ทะลุแนวหลังดัตช์เข้าไปกดด้วยซ้าย ติดขา อันดรีส น็อพเพิร์ต หวุดหวิด

นาทีที่ 10 เดนเซล ดุมฟรีส์ ปาดจากขวามาที่จุดนัดพบใกล้จุดโทษให้ เมมฟิส เดอปาย กดเปรี้ยงพังสกอร์ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทดเจ็บครึ่งแรก น.45+1 ดาลี่ย์ บลินด์ จะบวกเพิ่มเป็น 2-0 ด้วยลูกยิงลักษณะเดียวกับ เดอปาย และยังมาจากการแอสซิสต์ให้ของแบ็กขวา ดุมฟรีส์ คนเดิม

 

ครึ่งหลังแม้ สหรัฐฯ จะตีไข่แตกไม่มีปี่มีขลุ่ยจากการไขว้ยิงเข้าเสาสองแบบมีโชคของหอกสำรอง ฮาจี ไรท์ น.76 แต่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ก็ลุยขึ้นซัดปิดกล่อง น.81 ทำให้เกมนี้ แบ็กขวาจากอินเตอร์ มิลาน ทั้งยิง 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์

 

เนเธอร์แลนด์ ของจารย์ปู่ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายเพิ่มเป็นนัดที่ 19 พร้อมกับเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แก้ตัวจากฟุตบอลโลกหนก่อนที่ตกตั้งแต่รอบคัดเลือก ขณะที่ 2 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้า ไปไกลถึงรองแชมป์โลก 2010 และอันดับสาม 2014

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ รอบ 16 ทีมเนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (c), นาธาน อาเก้ (มัทไธส์ เดอ ลิกท์ 90+3) – เดนเซล ดุมฟรีส์, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน คอไมเนอร์ส 46), เฟรงกี้ เดอ ยอง, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น (สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ 46) – โคดี้ กัคโป (วู้ท เวกอร์สท์ 90+3), เมมฟิส เดอปาย (ชาฟี ซิมอนส์ 83)
สหรัฐอเมริกา (4-3-3) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโญ่ เดสท์ (ดีอันเดร เยดลิน 75), วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, ทิม รีม, แอนโทนี่ โรบินสัน (จอร์แดน มอร์ริส 90+2) – ยูนุส มูซาห์, ไทเลอร์ อดัมส์ (c), เวสตัน แม็คเคนนี่ (เบรนแดน อารอนสัน 67) – ทิโมธี เวอาห์ (ฮาจี ไรท์ 67), เฮซุส เปเรยร่า (โจวานนี่ เรย์น่า 46), คริสเตียน พูลิซิช

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เดนเซล ดุมฟรีส์
• ที่จริง สหรัฐอเมริกา สร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าด้วยซ้ำ ยิง 18 ตรงกรอบ 7 ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ยิง 11 ตรงกรอบ 6
• ยูนุส มูซาห์ วิ่งรวม 12.14 กม.
• ดาลี่ย์ บลินด์ ยิงในทีมชาติเป็นลูกที่ 3 และลูกแรกนับแต่ปี 2014
• เมมฟิส เดอปาย เพิ่งยิงประตูที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังยิงให้ บาร์เซโลน่า ไปลูกเดียวจาก 3 เกม แต่ก็เป็นลูกที่ 43 ในทีมชาติ เหลืออีก 7 เม็ดจะเทียบเท่าดาวซัลโวสูงสุดของชาติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ เนเธอร์แลนด์ 3-1 สหรัฐฯ
• เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย เป็นครั้งที่ 7 จากการเข้ารอบสุดท้าย 11 หน
• หลุยส์ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายในการกลับมาทำทีมชาติรอบ 3 เพิ่มเป็นนัดที่ 19 (ชนะ 14 เสมอ 5)
• เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ หมดสัญญากับ สหรัฐฯ แล้ว (หลังเริ่มคุมปี 2018) และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเซ็นใหม่อีกฉบับเพื่อต่อเวลาทำทีมหรือไม่
• ภารกิจสำคัญลำดับถัดๆ ไปของ สหรัฐฯ ก็คือการเตรียมทีมลุยฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา และ เม็กซิโก ทำให้ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ

 

 

‘ฟ้าขาว’ เบียดจิงโจ้เหนื่อย 2-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

แม้จะเริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 แต่หลังจากนั้น ลิโอเนล เมสซี่ และชาวคณะฟ้าขาว ก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย

 

ด้านจิงโจ้นอกสายตา ออสเตรเลีย โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มดี

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ถือได้ว่า “ซอคเกอรูส์” ของ เกรแฮม อาร์โนลด์ สู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและคู่ควรกับเสียงปรบมืออย่างยิ่ง เป็นฟอร์มการเล่นที่ฟ้องว่า ไอ้ที่กล้าๆ เขี่ย เดนมาร์ก ร่วงรอบแรกไป ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่ประการใด

 

ทั้งนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ จัด 11 คนแรกแบบไม่มีเซอร์ไพรส์ ลิโอเนล เมสซี่ นำเกมรุกฟ้าขาวร่วมกับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อเลฮานโดร โกเมซ ที่เสียบตำแหน่งแทนตัวเจ็บอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนหลังบ้าน คริสเตียน โรเมโร่ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ยังคงเป็นตัวเลือกก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 

แม้ในครึ่งแรก อาร์เจนติน่า จะคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ขึ้นนำ 1-0 จากการซัดด้วยซ้ายข้างถนัดของ ลิโอเนล เมสซี่ น.35 ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ในฟุตบอลโลกงวดนี้ของ เมสซี่ แต่ ออสเตรเลีย ก็ไม่ได้ปล่อยให้ อาร์เจนติน่า ขยำขยี้อย่างมันเท้า

 

ครึ่งหลัง อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ เข้าไปในนาที 57 จุดนี้เองที่ทำให้ลูกทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ อยู่เฉยไม่ได้ ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นจนกระทั่งตีไข่แตก 1-2 ในนาทีที่ 77 จากการซัด (แบบเสี่ยงดวง) ของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป และนับเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของกองกลางฟ้าขาว

 

ช่วงเวลาที่เหลือ เกมเปิดอย่างยิ่ง ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสบวกประตูเพิ่ม โดยเฉพาะ อาร์เจนติน่า ที่น่าได้จาก 2 โอกาสทองของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แต่กลับพลาดไปทั้งสองหน ขณะที่ ออสเตรเลีย ก็หวิดตีเสมอได้ในเฮือกสุดท้ายของการทดเจ็บ 7 นาที กาแร็ง คูโอล หลุดไปยิงเน้นๆ ในจุดอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

เป็นเซฟสำคัญยิ่งที่ช่วยให้เกมจบใน 90 นาที ไม่ต้องยืดเยื้อไปถึงต่อเวลา และส่ง อาร์เจนติน่า เข้าไปบู๊กับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 80), คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 72) – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เอเซเกล ปาลาซิออส 80) – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 71), อเลฮานโดร โกเมซ (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 50)
ออสเตรเลีย (4-4-2) แม็ทธิว ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค (ฟราน คาราซิช 72), แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไคย์ โรวล์ส, อาซิซ เบฮิช – แม็ทธิว เลคกี้ (กาแร็ง คูโอล 72), คีอานู แบ็คคัส (ไอจ์ดิน ฮรุสติช 58), อารอน มอย, ไรลี่ย์ แม็คกรี (เคร็ก กู๊ดวิน 58) – แจ็คสัน เออร์ไวน์, มิตเชลล์ ดู๊ค (เจมี่ แม็คลาเรน 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ได้เตะมุมเกมนี้ ครั้งเดียวถ้วน
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูที่ 14 ในการรับใช้ชาติ 11 นัดของปีนี้
• เปาโล ดีบาล่า มีจำนวนนาทีในฟุตบอลโลก 2022 เป็น 0
• ลิโอเนล สคาโลนี่ คุมทีม 54 นัด เพิ่งแพ้แค่ 5 เกม ที่เหลือชนะ 36 เสมอ 13

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 2-1 ออสเตรเลีย
• อาร์เจนติน่า ผ่านเข้าไปดวลกับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอกันเป็นครั้งที่ 10 โดยหนึ่งในนั้นเป็นนัดชิงบอลโลก 1978 ด้วย (อาร์เจนฯ ชนะ 3-1)
• อาร์เจนฯ เข้าถึง 8 ทีมบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 5 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แม้ตกรอบแล้ว แต่ ออสเตรเลีย ชุดนี้ยังถูกยกว่าเป็น “นิว โกลเด้น เจเนอเรชั่น” และ เกรแฮม อาร์โนลด์ เตรียมขยายสัญญาทำทีมเพิ่มไปอีก

 

 

 

‘เอ็มบัปเป้’ สุดฮอตนำไก่สอยโปล 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้านบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ฝรั่งเศส ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ทำลาย “อาถรรพ์แชมป์เก่า” การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนาม รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด

 

ด้านคู่แข่งอย่าง โปแลนด์ ที่จริงก็นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์ ตอนจบเกมปิดกลุ่มที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก เป็น 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮง-เฮง-เฮง ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

เดส์ชองส์ เรียกตัวหลัก 11 คนแรกที่ใช้ใน 2 เกมแรก กลับคืนสู่ไลน์อัพทั้งหมด นำโดยแผงรุก 4 ประสาน อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เพื่อสู้กับ โปแลนด์ ที่นำมาโดยตัวอันตรายอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

อย่างไรก็ตาม เกมออกมา “ขาด” กว่าที่คิด เลวานดอฟสกี้ ทำดีที่สุดแค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 โดยที่ต้องยิงใหม่รอบสองด้วย หลังรอบแรกไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่หลัง โยริส หลุดมาจากเส้นประตูทั้งสองเท้า

 

ส่วนก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศส ดาหน้าเรียงยิงแบบไม่พัก เริ่มจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดเสียบเสา น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ทำให้ ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ไม่พลาด แถม เอ็มบัปเป้ ยังขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลกงวดนี้ ด้วยการกดไป 5 ประตู

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (ยุสซุฟ โฟฟาน่า 66), อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 76), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 76)
โปแลนด์ (3-4-3) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิออร์ (ยาน เบ๊ดนาเร็ค 87) – แม็ตตี้ แคช, เซบาสเตียน ซีมานสกี้ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค 64), เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค (คริสเตียน บีลิค 71), เพอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ (คามิล โกรซิคกี้ 87) – ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ยาคุบ คามินสกี้ (นิโกล่า ซาเลฟสกี้ 71)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัด 2 ประตูแถมทำ 1 แอสซิสต์
• อูโก้ โยริส ลงสนามทีมชาติ 142 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ ลิลิยอง ตูราม ดังนั้นเกมหน้า จะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้ว
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เล่นทีมชาตินัดที่ 138 (78 ประตู) และเจ้าตัวเปรยว่า คงเลิกเล่นทีมชาติเสียที ในวัย 34

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
• ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปดวล อังกฤษ
• ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ซึ่งไม่มีใครทำได้มาตั้งแต่ บราซิล 1962
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีโอกาสสูงทีเดียวในการคว้ารองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังกดประตูที่ 5 ขณะที่คู่แข่งรายอื่น ( คน) ยิงได้ 3 ประตู

 

 

สบาย! ‘สิงโต’ ขย้ำเซเนกัลขาด 3-0

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ภายหลังเปิดประเดิมถล่ม อิหร่าน 6-2 ก็แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทำได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ และยิงประตูได้มากถึง 9 ลูก (แม้จะมีเกมไร้สกอร์แทรกก็ตาม)

 

ฟากคู่แข่งของทัพสิงโตสามตัวอย่าง “สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม ชนะ กาตาร์ 3-1 และ เอกวาดอร์ 2-1 เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับทัพเล็กๆ ส่ง ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง ซึ่งถือว่าผิดคาดที่เดียวซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กด 2 ตุงใส่ เวลส์ กลับหลุดลงเป็นตัวสำรอง

 

ถ้าเกมฝรั่งเศสว่าง่ายแล้ว อังกฤษยิ่งง่ายกว่ากันเยอะ บุกใส่แทบจะฝ่ายเดียวจนได้ 3 ประตูจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.38, แฮร์รี่ เคน น.45+3 และ บูกาโย่ ซาก้า น.57 ซึ่งก็น่าเสียดายแทน เซเนกัล ไม่หาย ว่าถ้าพวกเขายังมี ซาดิโอ มาเน่ อยู่ ก็คงเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และหลังบ้านอังกฤษได้มากกว่าที่เป็น

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (เอริก ไดเออร์ 77), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม (เมสัน เมาท์ 76), ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แคลวิน ฟิลลิปส์ 82) – บูกาโย่ ซาก้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด 65), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (แจ๊ค กรีลิช 65)
เซเนกัล (4-2-3-1) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซุฟ ซาบาลี่, คาลิดู คูลิบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, อิสมาอิล จาค็อบส์ (โฟเด้ บัลโล-ตูเร่ 84) – ปาเต้ ซิสส์ (ปาเป้ เกย์ 46), นัมปาลิส เมนดี้ – เกรแป็ง ดิยัตต้า (ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ 46), อิลิมาน เอ็นดิอาย (บัมบ้า เดียง 46), อิสไมล่า ซาร์ – บูลาย เดีย (ฟามาร่า ดีดิอู 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : แฮร์รี่ เคน
• 3 ประตูที่ อังกฤษ ได้ มาจากการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่า นั้น
• อังกฤษ ชนะคู่แข่งด้วยการยิง 3 ประตูขึ้นไป เป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2022
• อังกฤษ ไม่เสียประตูเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน
• ขออีกประตูเดียว แฮร์รี่ เคน จะเป็นดาวยิงสูงสุดของอังกฤษ เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ที่ 53 ประตู
• บูกาโย่ ซาก้า ยิงลูกที่ 7 ในการเล่นทีมชาติ 23 นัด

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
• อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แกเร็ธ เซาธ์เกต สร้างมาตรฐานทำ อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมรายการใหญ่ (เป็นอย่างน้อย) 3 รายการซ้อน ถัดจากอันดับ 4 บอลโลก 2018, รองแชมป์ยูโร 2020 และถึง 8 ทีมบอลโลกหนนี้
• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกจากแคมป์กลับบ้านที่ลอนดอนกลางคัน หลังครอบครัวถูกขโมยขึ้นบ้าน และยังไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาทันเกมกับ ฝรั่งเศส หรือไม่

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
Royal Blue Mersey
Premium Times Nigeria
REUTERS
The Northern Echo

เรื่องน่าอ่าน
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : ฝรั่งเศส vs โปแลนด์
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 16 นัด
ฝรั่งเศส ชนะ 8
เสมอ 5
โปแลนด์ ชนะ 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ตูนิเซีย 0-1

โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เม็กซิโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
ฝรั่งเศส : ทำลายอาถรรพ์แชมป์เก่า การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนามไป รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด
โปแลนด์ : นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์โปแลนด์ ตอนจบเกมสุดท้ายรอบแรกที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮงๆ ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

กระนั้นจากเกมแพ้ ตูนิเซีย ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติมให้ปวดหัวแต่อย่างใด

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบๆ ไปแล้ว

 

ภายหลังปรับทัพสะบั้นหั่นแหลกในเกมปิดกลุ่ม เดส์ชองส์ จะกลับมาใช้ทีมชุดแรกอีกครั้งในนัดนี้ ซึ่งคือไลน์อัพในเกมเบียดชนะ เดนมาร์ก ในระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โปแลนด์
โปแลนด์ เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1986 แต่ต้องยอมรับว่าเข้ามาได้แบบโชคช่วย จากการที่ ซาอุฯ ตีไข่แตก เม็กซิโก สำเร็จ จนบทสรุปเป็น โปแลนด์ ที่มีผลต่างประตูได้เสียเป็น 0 เข้ารอบมาแทนที่จะเป็น เม็กซิโก ซึ่งผลต่าง -1

 

เกมนี้ เชสลาฟ มิชนีวิซ ยังคงมีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคย หลังจากกดประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้แล้ว 1 เม็ดในเกมชนะ ซาอุฯ 2-0

 

ในระบบ 4-4-2 เกมรับฝากความหวังที่นายประตู วอยเชียค เซสนี่ ซึ่งทำไปแล้ว 2 คลีนชีต แถมเซฟจุดโทษจาก ลิโอเนล เมสซี่ ได้ ส่วนเกมรุกวาง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ยืนหน้าคู่ เลวานดอฟสกี้

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 62 นัด ซัด 31 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 3 เม็ด ไม่นับที่ยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของเขาเป็นสำคัญ เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 77 ประตูในนามทีมชาติ (137 นัด) ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โปแลนด์ (4-4-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์, แม็ตตี้ แคช – เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, คริสเตียน บีลิค, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันบ่อยในยุคโบราณ ทำให้พบกันรวมแล้วถึง 16 ครั้ง แต่ในช่วง 20 ปีหลังก็เจอกันแค่ 2 หนเท่านั้น ล่าสุดเมื่อปี 2011 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
• 9 เกมหลังทุกรายการ ฝรั่งเศส ทำคลีนชีตได้แค่เกมเดียว และในบอลโลกครั้งนี้ก็โดนยิงทุกนัด นัดละลูก
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (31), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 124 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้ไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 3 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 9 นัดปีนี้ แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
เพราะเข้ารอบมาแบบเฮงๆ แพ้ อาร์เจนติน่า แบบสู้ไม่ได้แต่ยังมีเฮ จึงไม่น่าแปลกที่ โปแลนด์ จะถูกมองว่าเป็นรอง ฝรั่งเศส ค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าด้วยการลงไปเล่นเน้นรับเต็มพิกัด ถอยร่นสุดกำลัง หวังแค่เสียประตูแรกให้ช้าที่สุด จะเป็นปัญหาของ ฝรั่งเศส ไม่น้อย เรื่องชนะ ตราไก่มีโอกาสมากอยู่แล้ว แต่เป็นไปได้ว่าจะชนะแค่แบบเฉือนๆ เหนื่อยๆ หน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 1-0

ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดสุดท้าย : ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ตูนิเซีย
ชนะ มาลี รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกชนะ 1-0 นัดสองเสมอ 0-0

ฝรั่งเศส
แชมป์กลุ่มดี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ตูนิเซีย
อุ่นเครื่อง ชนะ โคโมรอส 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ บราซิล 1-5
อุ่นเครื่อง ชนะ อิหร่าน 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เดนมาร์ก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ออสเตรเลีย 0-1

ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 2-1

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
ตูนิเซีย ชนะ 2
เสมอ 4
ฝรั่งเศส ชนะ 3

 

ตารางคะแนนกลุ่มดี
1. ฝรั่งเศส คะแนน 6 ผลต่างประตู +4 (เข้ารอบแล้ว)
2. ออสเตรเลีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. เดนมาร์ก คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. ตูนิเซีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -1

 

สภาพทีม
ตูนิเซีย
มาแบบไม่มีใครตั้งความหวัง แต่นัดแรกถือว่าทำได้ดีทีเดียว ยันเสมอ เดนมาร์ก 0-0 ต่อด้วยแพ้ ออสเตรเลีย หวุดหวิด 0-1

 

แม้โอกาสเข้ารอบจะเหลือน้อย แต่ก็ยังมีสิทธิ์สร้างปาฏิหาริย์ได้อยู่ อย่างการเอาชนะ ฝรั่งเศส และลุ้นให้ ออสเตรเลีย กับ เดนมาร์ก จบด้วยผลเสมอแบ่งแต้ม

 

กุนซือ จาเลล คาดรี้ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม สามารถใช้ชุดที่ดีที่สุดได้ แต่ก็คาดว่าอาจมีการปรับบางตำแหน่งเพื่อเพิ่มความสด เช่น วาห์บี คาซรี่ กลางรุกจากมงต์เปลลิเยร์ มีโอกาสแทรกลงตัวจริง

 

ระบบยึด 3-4-2-1 แบบเกมแรก แนวรุกวาง วาห์บี คาซรี่ กับ ยุสเซฟ เอ็มซาคนี่ ปั้นเกมหลังหอกเป้า อิสซาม เชบาลี

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม แม้โดน ออสเตรเลีย ยิงนำ แต่ก็เร่งเครื่องรัวแซงจนชนะขาด 4-1 ด้วยประตูจาก อาเดรียง ราบิโอต์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ 2 ประตูของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ต่อด้วย เอ็มบัปเป้ เหมาซัดสองเม็ดสยบ เดนมาร์ก 2-1

 

6 แต้มที่คว้ามาได้ ทำให้ ฝรั่งเศส เป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้ยังต้องลุ้นแชมป์กลุ่มต่ออีกนิดก็ตาม โดยต้องการแค่ผลเสมอเท่านั้น

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

ส่วนที่กลายเป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีม มาลงเล่นในรอบถัดๆ ไป เดส์ชองส์ ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธในเรื่องนี้ โดยเน้นว่าสมาธิของตนอยู่ที่การเตรียมทีมเล่นเกมนี้เท่านั้น

 

สำหรับการที่ ฝรั่งเศส เข้ารอบไปแล้วและแม้แต่จะหลุดแพ้ก็ยังมีสิทธิ์ได้แชมป์กลุ่ม ทำให้คาดว่า เดส์ชองส์ เตรียมปรับทัพส่งสำรองลงหลายตำแหน่ง ไฮไลท์คือการโยก เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า กลาวดาวรุ่งจากเรอัล มาดริด ออกไปยืนแบ็กซ้าย เพื่อที่จะพัก เตโอ เอร์นันเดซ เอาไว้เล่นรอบหน้า

 

แผงรุกก็เตรียมจะปรับส่ง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ มาร์คุส ตูราม ลงไปช่วยงาน คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ยังคงได้เล่นตัวจริงอยู่ ในเป้าหมายคว้าดาวซัลโว รองเท้าทองคำฟุตบอลโลก 2022

 

ตัวความหวัง
ตูนิเซีย : วาห์บี คาซรี่
หลังลงสำรองมาสองนัด คงถึงเวลาที่ คาซรี่ ตัวรุกประสบการณ์สูงวัย 31 จะกลับลงตัวจริงเสียที เมื่ออย่างน้อย ดาวเตะเชื้อสายฝรั่งเศสก็คือคนที่ทีมสามารถพึ่งพาได้ ไม่ว่าจะจากดีกรีเล่นทีมชาติ 73 นัดซัด 24 ประตู หรือการตระเวนเล่นในลีกหัวแถวอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษมาตลอดนับสิบปี ภายใต้สังกัด บาสเตีย, บอร์กโดซ์, ซันเดอร์แลนด์, แรนส์, แซงต์-เอเตียน และปัจจุบันอยู่กับ มงต์เปลลิเยร์

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 60 เกม ยิง 29 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 3 เม็ดในสองเกมแรก ไม่นับที่ยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

11 ตัวจริงที่คาด
ตูนิเซีย (3-4-2-1, กุนซือ จาเลล คาดรี้) อายเมน ดาห์เมน – มอนตาสซาร์ ทาลบี้, ยาสซีน เมริอาห์, ดีแลน บรอนน์ – อาลี อับดี, เอสซ่า ไลดูนี่, เอลเยส ชกิรี่, โมฮาเหม็ด ดราเกอร์ – ยุสเซฟ เอ็มซาคนี่, วาห์บี คาซรี่ – อิสซาม เชบาลี
ฝรั่งเศส (4-3-3, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) สตีฟ ม็องด็องด้า – เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – ยุสซูฟ โฟฟาน่า, มัตเตโอ เก็นดูซี่, อองตวน กรีซมันน์ – คิงสลี่ย์ โกม็อง, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, มาร์คุส ตูราม

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาเยอะทีเดียว 9 นัด ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2010 เสมอกัน 1-1
• 5 เกมหลัง ฝรั่งเศส ทำคลีนชีตได้แค่เกมเดียว เสียรวม 5 ประตู
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (31), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 124 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้ไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น

 

ความน่าจะเป็น
แม้ ตูนิเซีย จะยังพอมีลุ้นเข้ารอบ แต่การที่บังคับต้องชนะ ฝรั่งเศส ก็ดูเป็นเรื่องเกินเลยไปมาก เมื่อระดับคุณภาพของสองชาติแตกต่างกันชัดเจน โอกาสที่ตราไก่จะสยายปีก 3 เกมซ้อน มีมากกว่า 80-90% แถมต่อให้ปรับทัพสะบั้นหั่นแหลก ก็ยังมีตัวเก่งมากพอจะเช็คบิลคู่แข่งได้อยู่ดี

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-0

ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี : ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก
เสาร์ 26 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : ทีสปอร์ต 7

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ฝรั่งเศส
แชมป์กลุ่มดี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 3

เดนมาร์ก
แชมป์กลุ่มเอฟ โซนยุโรป
แข่ง 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 30 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก เสมอ ออสเตรีย 1-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1

เดนมาร์ก
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ฝรั่งเศส 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ ตูนิเซีย 0-0

 

ผลการพบกัน : 16 นัด
ฝรั่งเศส ชนะ 8
เสมอ 2
เดนมาร์ก ชนะ 6

 

สภาพทีม
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม แม้โดน ออสเตรเลีย ยิงนำ แต่ก็เร่งเครื่องรัวแซงจนชนะขาด 4-1 ด้วยประตูจาก อาเดรียง ราบิโอต์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ 2 ประตูของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

อย่างไรก็ตาม ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ยังคงโดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ล่าสุดก็เป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

ประเด็นก็คือ เมื่อเริ่มเล่นเกมแรกไปแล้ว เดส์ชองส์ ก็ไม่อาจเรียกใครมาเสริมเพิ่มเติมได้อีก ดังนั้น ฝรั่งเศส จะต้องไปต่อจนจบรายการด้วยขุมกำลังนักเตะ 24 คนเท่านั้น

 

นอกจากนั้น สภาพร่างกายของ ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์แบ็กคนสำคัญจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นเรื่องต้องจับตา หลังจากเกมแรกต้องเปลี่ยนไปใช้คู่ขาใหม่ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ ลงตัวจริง

 

สำหรับแนวรุกค่อนข้างลงตัวแล้ว ในระบบ 4-2-3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ สอดประสานหลังหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

เดนมาร์ก
ทั้งที่มาด้วยผลงานชั้นยอดในรอบคัดเลือก รวมถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปีก็ทำได้ดี แต่การเริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลเสมอตัวแทนแอฟริกาอย่าง ตูนิเซีย 0-0 ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องน่าพอใจ

 

แง่ดีเพียงอย่างเดียวคือการทำคลีนชีตได้อีกครั้ง ไม่เสียประตูเป็นเกมที่ 3 จาก 4 แมตช์หลังสุด

 

ทว่า แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ก็ต้องเสียคนสำคัญในแดนกลางอย่าง โธมัส เดอลานีย์ มิดฟิลด์จากเซบีย่า ถอนตัวไปเรียบร้อยแล้ว หลังเจ็บขาจากเกมพบ ตูนิเซีย และต้องพักแข้งนานนับเดือน

 

ระบบคงเดิมที่ 3-5-2 โดยคาดว่าจะส่ง มาเธียส เยนเซ่น ลงมาแทน เดอลานีย์ เพื่อให้ คริสเตียน เอริคเซ่น เน้นเกมรุกจากตรงกลาง ขณะที่แดนหน้าก็มีสิทธิ์เปลี่ยน มาร์ติน เบรธเวท อาจได้จับคู่กับ อันเดรียส คอร์เนเลียส ผู้ซึ่งยิง 2 ประตูใส่ ฝรั่งเศส ในรายการเนชั่นส์ ลีก

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 60 เกม ยิง 29 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

เดนมาร์ก : คริสเตียน เอริคเซ่น
มีฉากชีวิตตลอดปีหลังๆ เหมือนในนิยาย ล้มฟุบหมดสติกลางสนามจนอยู่บนเส้นของความเป็นความตายในยูโร 2020 และถูกคาดหมายว่าจะต้องเลิกเล่นไปแล้ว ก่อนจะฟื้นตัวกลับมากลายเป็นคีย์แมนแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบัน ซึ่งก็ส่งผลดีต่อ เดนมาร์ก โดยตรง จากการที่คลาสบอลของ เอริคเซ่น จัดอยู่ในระดับแถวหน้าของยุโรปอย่างสบาย แถมยังมีสถิติสวยๆ ของการพังประตูในนามทีมชาติ ที่กดไปแล้ว 39 ลูก (จาก 117 นัด) เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมชุดนี้ ทั้งที่เล่นตำแหน่งกองกลางล้วนๆ

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
เดนมาร์ก (3-5-2, กุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมันด์) แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมอน เคียร์, โยอาคิม อันเดอร์เซ่น – โยอาคิม เมห์เล่, มาเธียส เยนเซ่น, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, คริสเตียน เอริคเซ่น, ราสมุน คริสเตนเซ่น – มาร์ติน เบรธเวท, อันเดรียส คอร์เนเลียส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันมามากถึง 16 ครั้ง ฝรั่งเศส ชนะมากก็จริงที่ 8 นัด (เดนมาร์ก 6) แต่สองนัดหลังที่พบกัน เดนมาร์ก ชนะไปกลับ 2-1 และ 2-0
• บรรดาตัวเลือกกองกลางของฝรั่งเศส มีเพียง อาเดรียง ราบิโอต์ ที่รับใช้ทีมชาติชุดใหญ่เกิน 15 นัด (30 นัด 3 ประตู) นอกนั้นอีก 5 ชอยส์ล้วนแต่เล่นทีมชาติไม่เกิน 15 เกม แถม 4 คนในนั้นยังเล่นมาแค่ 5-6 นัดด้วย
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (29), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 122 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้อีกไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น

 

ความน่าจะเป็น
ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ เดนมาร์ก คือได้แค่ผลเสมอจาก ตูนิเซีย ในนัดแรก เนื่องจากแม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างข่ม ฝรั่งเศส ตลอดช่วงหลัง แต่นั่นคงไม่สำคัญมากไปกว่าการเผชิญหน้ากันจริงในเกมตรงหน้า และ ฝรั่งเศส ก็แสดงให้เห็นถึงความหิวกระหายที่ดีเยี่ยมด้วยในเกมแรก มีเกมรุกที่จัดจ้านดีเหลือเกิน ซึ่ง เดนมาร์ก เมื่อต้องเจอคู่แข่งที่รุกร้อนแรงประเภทนี้เมื่อไหร่ ก็ไปไม่เป็นเมื่อนั้น

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565
22.00 — ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส
22.00 — ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก