Match prediction

เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า ฟ้าขาวจะคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ด้วยชัยชนะเหนือตราไก่ ฝรั่งเศส

เกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า ฟ้าขาวจะคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ด้วยชัยชนะเหนือตราไก่ ฝรั่งเศส

ทำนายผลเกมชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส

วันที่ 18 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมการถ่ายทอดได้ทาง True4U/ 7HD/ True Sports 2

สถานการณ์ของอาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

หลังฟาดแข้งมาตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน 2022 ฟุตบอลโลก 2022 ก็เดินทางมาถึงเกมสุดท้าย วันสุดท้าย ที่เป็นการพบกันระหว่าง อาร์เจนติน่าและแชมป์เก่า ฝรั่งเศส

นอกจากจะเป็นการแย่งแชมป์หนที่สามของทั้งสองชาติ เกมในนัดนี้ยังเชื่อกันว่าจะเป็นการวัดความสามารถของสองนักเตะจากทีม ปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็ง ลิโอเนล เมสซี่และคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ทั้งในการแย่งตำแหน่งแชมป์โลก, ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของการแข่งขัน และรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ โดยรางวัลหลังนักเตะอาร์เจนไตน์ได้เปรียบนิดหน่อยจากการจ่ายให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 3 ประตู ส่วนดาวรุ่งยอดเยี่ยมฟุตบอลโลกหนที่แล้ว ทำไปแค่ 2 เท่านั้น และถ้าอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ได้สำเร็จ จะเป็นการปิดฉากอาชีพที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยสำหรับเมสซี่

ฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติฝรั่งเศส ชุดฟุตบอลโลก 2022 ที่หลายคนไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะได้รับบาดเจ็บ (ภาพ: www.pulse.ng)

ฝรั่งเศสแชมป์เก่ามากาตาร์โดยที่มีปัญหาให้แก้ไขตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นนักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บ ทีมมีปัญหานอกสนาม ฟอร์มในเนชั่นส์ ลีกย่ำแย่ และในที่สุดพวกเขาก็เข้าชิงสำเร็จ โดยไม่มีปอล ป็อกบา ไม่มีเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่มีคาริม เบนเซม่า แต่ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส หนึ่งในสามคนที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย กลายเป็นแชมป์เก่ารายแรก ที่ได้เข้าชิงฟุตบอลโลกในปีต่อมา นับตั้งแต่บราซิลทำได้ในปี 1998 หลังจากคว้าแชมป์ในปี 1994 และมีโอกาสเป็นชาติที่สามต่อจากอิตาลี และบราซิล ในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน

เช็กสถิติของอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า (ภาพ; www.skysports.com)

อาร์เจนติน่าเข้าชิงฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 โดยคว้าแชมป์ได้ 2 หนในปี 1978 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ และในปี 1986 ที่เม็กซิโก โดยพวกเขาเข้าชิงหนล่าสุดเมื่อปี 2014 และแพ้นัดชิงให้กับเยอรมนี และถ้าพวกเขาแพ้ในหนนี้ จะทำสถิติที่ไม่น่าจดจำเท่ากับเยอรมนี คือแพ้ในรอบชิงถึง 4ครั้ง แต่อย่างน้อย การยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป ตั้งแต่เปิดสนามด้วยความพ่ายแพ้ ก็เป็นสถิติที่น่าจะทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่า ตัวเองจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จโดยก่อนหน้านี้ มีแค่สเปนในปี 2010 เท่านั้นที่ลงสนามนัดแรกด้วยความพ่ายแพ้ แล้วกลายเป็นแชมป์โลกในท้ายที่สุด

ทีมของสคาโลนี่ยังทำสถิติโดนส่องประตูไม่เกิน 6 ครั้งต่อเกมที่กาตาร์อีกต่างหาก ซึ่งงานนี้แนวรับของฟ้าขาวต้องเผชิญหน้ากับเอ็มบัปเป้และเพื่อนพ้อง ซึ่งน่าจะเป็นบททดสอบสำคัญของพวกเขา

คิลิอัน เอ็มบัปเป้ ฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022

จากดาวรุ่งยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2018 เอ็มบัปเป้ เป็นตัวหลักของทีมชาติฝรั่งเศสไปแล้ว (ภาพ: 24hoursworlds.com)

การเจอกันที่กาตาร์ จะเป็นการพบกันหนที่ 13 ของทั้งสองทีมจากทุกรายการ โดยทีมจากอเมริกาใต้ทำได้ดีกว่า เมื่อชนะไป 6 ครั้ง เสมอ 3 โดยเกมสุดท้ายที่ทั้งคู่เจอกัน เป็นเกมฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ในรอบ 16 ทีม ที่จบลงอย่างน่าตื่นเต้นด้วยชัยชนะของทีมตราไก่ 4-3 ส่วนการเจอกันในฟุตบอลโลกก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในปี 1930 และ 1978 ซึ่งอาร์เจนติน่าชนะฝรั่งเศสไปทั้งสองนัด 1-0 และ 2-1 ตามลำดับ

ในการเจอกัน 12 นัด นักเตะอาร์เจนไตน์ยิงทีมตราไก่ได้ถึง 15 ประตู ส่วนนักเตะฝรั่งเศสยิงทีมฟ้าขาวได้เพียง 11 ประตู

สถานการณ์ผู้เล่นของอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนติน่า ที่มีลุ้นทั้งแชมป์โลก, ดาวซัลโว และนักเตะยอดเยี่ยม (ภาพ: Ariel Schalit/AP)

ลิโอเนล สคาโลนี่ จะได้มาร์คอส อะคูญ่ากับกอนซาโล มอนทีล กลับมาหลังจากสองฟูลล์แบ็คเจอแบนในเกมรอบรองชนะเลิศ โดยอะคูญ่าน่าจะทวงตำแหน่งมาจากนิโคลาส ทากลิอาฟิโก้ได้ ส่วนมอนทีลก็ต้องแย่งตำแหน่งแบ็คขวากับนาฮูเอล โมลิน่า และถ้าทีมเลือกจะเล่นแบ็คโฟร์ ลิซานโดร มาร์ติเนซจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะต้องตกเป็นตัวสำรองไปก่อน

อเลฮานโดร โกเมซกับอังเจล ดิ มาเรีย มีปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าและกล้ามเนื้อตามลำดับ ดาวเตะจากยูเวนตุสที่ไม่ได้ลงในเกมรอบรองชนะเลิศน่าจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงครั้งแรก หลังผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะส่งลีอันโดร ปาเรเดสกลับไปนั่งสำรองอีกครั้ง ส่วนโกเมซจะต้องเช็คอาการกันอีกที และน่าจะเริ่มด้วยการเป็นตัวสำรอง เช่นเดียวกับเปาโล ดีบาล่าและเลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่ลงเป็นตัวสำรองและทำได้ดี เรื่องน่าเป็นห่วงของทีมฟ้าขาวมีเรื่องเดียวคือ ข่าวที่ว่า เมสซี่มีปัญหากับกล้ามเนื้อโคนขาหลัง ที่กำเริบขึ้นมาอีกครั้งในเกมรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ไม่น่าจะหนักหนาถึงขั้นลงเล่นไม่ได้ และทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุด 26 นัด

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ที่เป็นนายใหญ่ในแผงหลัง ด้วยประสบการณ์อันข้นคลั่กวารานจะช่วยฝรั่งเศสได้อย่างแน่นอน (ภาพ: Andrew Surma/NurPhoto via Getty Images)

ฝรั่งเศสเจอปัญหานักเตะป่วยกันระนาว แอเดรียน ราบิโอต์ต้องดูเพื่อนเล่นในเกมที่แล้วจากโรงแรม ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ไปที่สนามแต่ก็ทำได้แค่นั่งดูเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เดส์ช็องป์สเชื่อว่าทั้งคู่น่าจะพร้อมสำหรับนัดชิง แต่มีรายงานข่าวว่า ราฟาเอล วารานและอิบราฮิมา โกนาเต้ เป็น 2 ผู้เล่นที่ตรวจพบอาการป่วย รวมถึงคิงสลีย์ โกมัน ทำให้ทั้งสามคนยังมีปัญหาว่าจะพร้อมลงสนามหรือไม่

ถ้าราบิโอต์พร้อมลงสนาม ยูสซูฟ โฟฟาน่าจะกลับไปเป็นตัวสำรอง ปัญหาของเดส์ช็องป์สอยู่ที่แผงหลัง โกนาเต้ที่ได้รับคำชมอย่างมากในเกมกับโมร็อกโก อาจถูกแทนที่โดยอูปาเมกาโน่ เมื่อข่าวระบุว่า อาการของเขาหนักกว่าวาราน ส่วนโกมันไม่ใช่นักเตะ 11 คนแรกของทีมอยู่แล้ว แบ็คซ้ายเธโอ เอร์น็องเดซถูกอัดแถวหัวเข่าหนัก ๆ 2-3 หนในเกมก่อน แต่ไม่น่าจะมีปัญหาในการลงเล่นเป็นตัวจริง

แดนหน้าคิลิยัย เอ็มบัปเป้ พร้อมลงเล่นวัดกับเมสซี่เพื่อนร่วมทีมเปเอสเฌ ซึ่งถ้าเขาทำประตูในนัดนี้ได้ จะกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ที่ยิงประตูในนัดชิงฟุตบอลโลกมากกว่า 1 ครั้ง โดยผู้ช่วยคนสำคัญของเขาคือ อองตวน กรีซมันน์ ที่สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมไปแล้วถึง 21 ครั้ง มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟุตบอลโลก 2022

เมสซี่ แอนด์ เดอะ แก๊ง (ภาพ: zeenews.india.com)

อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมี่ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, อะคูญ่า; เดอ ปอล, เฟอร์นานเดซ, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ
ฝรั่งเศส ระบบ 4-3-3: โญริส; คุนเด้, วาราน, อูปาเมกาโน่, เอร์น็องเดซ; กรีซมันน์, ชูอาเมนี่, ราบิโอต์; เด็มเบเล่, ชิรูด์, เอ็มบัปเป้

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อูโก้ โญริส ฟุตบอลโลก 2022 ฝรั่งเศส

อูโก้ โญริส กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส และผู้รักษาประตู (ภาพ: Visionhaus/ Getty Images)

เกมน่าจะออกมาสนุก โดยเฉพาะการดวลเดี่ยวของผู้เล่นในหลาย ๆ ตำแหน่ง ที่นอกจากเอ็มบัปเป้กับเมสซี่แล้ว เราจะได้เห็นการปะทะกันของ เฟอร์นานเดซและชูอาเมนี่, กรีซมันน์กับแม็ก อัลลิสเตอร์ รวมไปถึงการวัดความเหนียวของอีมี่ มาร์ติเนซและโญริส

แน่นอนว่าปัญหานักเตะป่วยอาจทำให้แผงหลังของตราไก่ไม่แน่นปึ้กเหมือนเคย แต่อย่างน้อยเดส์ช็องป์สก็แสดงให้เห็นการแก้ไขที่ทำได้ดีมาตลอด เช่นที่เห็นในเกมกับโมร็อกโก หากนี่คืออาร์เจนติน่าที่คุณภาพของแนวรุกแตกต่างกันอย่างชัดเจน และปัจจัยสำคัญในการชนะหรือแพ้ก็อาจจะอยู่ที่ตรงนี้ เมื่อความผิดพลาดเพียงหนเดียวในแผงหลังกลายเป็นที่มาของประตูชัย

และทำให้เส้นทางอาชีพของลิโอเนล เมสซี่จบลงในแบบเทพนิยาย เมื่อเกมสุดท้ายในฟุตบอลโลกของเขาคือนัดชิงชนะเลิศ ที่เขาคว้าแชมป์สุดท้ายในชีวิตมาครองได้สำเร็จ หลังอาร์เจนติน่าคว่ำฝรั่งเศสไป 2-1

เรื่องน่าอ่าน
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ฟุตบอลโลกในอนาคต เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม โอกาสของทีมชาติไทยอยู่ตรงไหน ?
ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ...!?!

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า v ฝรั่งเศส
อาทิตย์ 18 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 12 นัด
ฟุตบอลโลก 1930 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1965 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1971 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3
กระชับมิตร 1971 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
อินดิเพนเดนซ์ 1972 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1974 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1977 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
กระชับมิตร 1986 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
กระชับมิตร 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 2009 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3

 

แมตช์ต่อแมตช์ กว่าจะถึงนัดชิง ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ลงสนามด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะฟอร์มครึ่งแรกที่เหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างทะลุเข้าซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าไปทั้งหมด แล้วกลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ แซงนำ 2-1 จาก ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 สุดท้ายจึงปรากฏผลช็อกโลกตั้งแต่เกมแรก

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
สถานการณ์บีบบังคับให้ อาร์เจนติน่า พลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่แม้ต้องลุ้นเหนื่อยไม่น้อยกับเกมดึงช้าของ เม็กซิโก กว่าที่จะได้ประตูนำก็ในนาที 64 จากลูกส่องไกลนอกเขตโทษของ เมสซี่ แต่เมื่อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องผ่าน กิเยร์โม่ โอชัว ตอนท้ายเกม ก็เท่ากับ อาร์เจนติน่า ปิดกล่องกำชัย 2-0

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
แทบจะพับสนามบุกใส่ฝ่ายเดียว สร้างโอกาสยิงประตูรวม 24 ครั้ง แถม เมสซี่ ยังมีพลาดจุดโทษในครึ่งแรก ก่อนได้เฮจาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.46 และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.67 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ยังคงผงาดแชมป์กลุ่มซีได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้สุดช็อกก็ตาม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
คุมสถานการณ์ในครึ่งแรกได้ดีกว่า ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงฝ่าวงล้อมของ เมสซี่ น.35 ก่อนที่ครึ่งหลังจะฉีกหนี 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ แต่ท้ายเกม น.77 ออสเตรเลีย ไล่มา 1-2 จากการยิงของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป (นับเป็นทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งทำให้ อาร์เจนติน่า สั่นไหวพอสมควร ออสเตรเลีย มีโอกาสทวง 2-2 ได้ด้วยตอนเฮือกท้าย เจ้าหนูเด็ก 18 กาแร็ง คูโอล สบโอกาสเข้าทำระยะอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนฟ้าขาวเบียดชนะหวุดหวิด

 

รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3
ดูเหมือนเป็นงานสบายเมื่อขึ้นนำ 2-0 จาก นาอูเอล โมลิน่า และจุดโทษของ เมสซี่ ทว่าช่วงท้ายรวมทดเจ็บอีก 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับสู่เกมได้สำเร็จจากลูกโขกของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ กลับตัวยิงตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 จากนั้นช่วงต่อเวลาไม่มียิงเพิ่ม ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟลูกยิงของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ เอาไว้ได้ จน อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

 

รอบตัดเชือก ชนะ โครเอเชีย 3-0
ง่ายเกินคาดไปมาก จากที่ 15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ จู่ๆ น.32 ผู้ตัดสินก็แจกจุดโทษที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดน โดมินิก ลิวาโควิช ชนล้ม ซึ่งก็เป็น เมสซี่ ที่กดจุดโทษนำ 1-0 ต่อด้วย 7 นาทีให้หลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวไปโดยที่กองหลังโครแอตสกัดบอลแป้กงัดไม่ออก เสร็จ อัลวาเรซ ดีดเข้าไปง่ายๆ ก่อนครึ่งหลังเกมปิดสนิท 3-0 น.69 เมสซี่ เลี้ยงเลาะโชว์ความเหนือชั้นโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เช็คบิลเม็ดสองของตัวเอง พา อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

 

ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
เปิดมากลายเป็น ออสเตรเลีย พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ ฝรั่งเศส ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
นัดล้างตากับ เดนมาร์ก ที่หักคอไก่มา 2 เกมซ้อนก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.61 ก่อนที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น จะโขกเตะมุมให้ เดนมาร์ก ตามทวง 1-1 ในเจ็ดนาทีให้หลัง แต่ในขณะที่เกมกำลังจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับประตูชัย 2-1 ในนาทีที่ 86 อองตวน กรีซมันน์ เปิดผ่านมาเสาสองให้ เอ็มบัปเป้ พุ่งเข้าฮอส

 

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอยด่างพร้อยเล็กๆ ของชาวคณะตราไก่ในเวิลด์คัพงวดนี้ กับการที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปรับส่งสำรองลงแทบทั้งแผงหลังการันตีเข้ารอบแล้ว จนโดนทีเด็ด วาบี คาซรี่ เจาะตาข่ายกลางครึ่งหลัง จากนั้นทดเจ็บ อองตวน กรีซมันน์ ยิงเข้าแล้ว แต่โดนวีเออาร์ริบคืนไป แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
ทั้งที่แฟนๆ แอบมีกังวลจะโดนทีเด็ด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าให้ แต่กลายเป็นว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดสกอร์นำ น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ก่อนที่ เลวานดอฟสกี้ จะทำได้แค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 เข้าไปแล้ว

 

รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1
มีการมองกันว่า 50:50 ด้วยความที่ อังกฤษ ดูมาแรงอย่างน่ากลัว แต่ ฝรั่งเศส ก็ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหน้าเขตโทษเข้าไปในนาทีที่ 17 จากนั้น อังกฤษ ทวงคืน 1-1 ต้นครึ่งหลังจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 อองตวน กรีซมันน์ ครอสแม่นๆ ให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าไป ซึ่งที่จริง อังกฤษ ก็มีโอกาสดีที่จะตีเสมอรอบสอง ปรากฏ แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษข้ามคานออกไปเสีย

 

รอบตัดเชือก ชนะ โมร็อกโก 2-0
สร้างปาฏิหาริย์มาไกลถึงตัดเชือก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บของคีย์แมนทำให้ โมร็อกโก เครื่องช็อตไปเสีย เริ่มเกมขึ้นแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับ 1-0 ทันที เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า เข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ ลอยตัววอลเลย์เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แม้หลังจากนั้น โมร็อกโก จะสู้ได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบไปเสาไกลคล้ายประตูแรก ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ สบโอกาสชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด และแม้จะแพ้ ซาอุฯ เป็นประเดิม แต่หลังจากนั้นก็แก้ตัวฮึดขึ้น จนกระทั่งมาถึงรอบตัดเชือก ยิงถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

 

เท่ากับ อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษ ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986

 

สำหรับสภาพทีมเกมชิงดำ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีความพร้อมมากขึ้นกว่ารอบตัดเชือก เมื่อได้ทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกัน

 

นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาตัวเจ็บอะไรเพิ่มเติม ลิโอเนล เมสซี่ ที่่ก่อนหน้านี้มีรายงานพลาดซ้อมวันพฤหัสบดี ไม่ได้มีข่าวบาดเจ็บหลังจากนั้น เท่ากับจะพร้อมนำทีมลงล่าแชมป์โลกและชิงรองเท้าทองคำตามปกติ

 

สคาโลนี่ ปรับระบบมา 2 เกมติดต่อกัน 5-3-2 นัดชนะดวลเป้า เนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็น 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 เกมกับ โครเอเชีย ซึ่งก็เชื่อว่าจะยึดรูปแบบหลังเอาไว้ในการดวลกับ ฝรั่งเศส

 

เลอันโดร ปาเรเดส ยืนกลางรับต่ำกว่าเพื่อน ขยับขึ้นมามี โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนเกมรุกยึดที่คู่กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งผ่าน โปแลนด์, อังกฤษ และล่าสุดม้ามืด โมร็อกโก ที่เอาตราไก่ไม่อยู่

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แล้วแม้การลงเตะ 3-4 เกมหลังจะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็ดันมาเกิดปัญหาไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว จนนักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยไข้ ที่ถูกระบุชื่อมีทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อาเดรียง ราบิโอต์, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ซึ่งสองรายแรกก็พลาดเกมกับ โมร็อกโก มาแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทั้ง 5 คนสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้ว

 

กระนั้นปัญหากลับมีมาเพิ่มอีก ด้วยรายงานล่าสุดจาก เล กิ๊ป ตอนดึกวันเสาร์ ว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หอกเป้าเบอร์แรกที่กดแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 มีปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อน มีโอกาสที่จะลงเล่นไม่ได้ด้วย

 

เดส์ชองส์ คงต้องเช็กสภาพนักเตะที่มีอาการป่วย และโดยเฉพาะ ชิรูด์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งชื่อ โดยถ้าพร้อมทั้งหมดก็จะยึดทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แต่หากว่า ชิรูด์ ไม่พร้อม ก็มีสิทธิ์จะขยับ เอ็มบัปเป้ ขึ้นหน้าสุด แล้วหย่อน มาร์คุส ตูราม หรือ คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปเสริมแถวสอง

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะหวนคืนทีมมาสมทบนัดชิง หลังจากคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด ได้แล้วนั้น แต่กระแสก็เงียบไป และไม่มีข่าวเซอร์ไพรส์อะไรในโค้งสุดท้าย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 65 นัด ซัด 33 ประตู (สองในนั้นกดใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกครั้งก่อน) และทำไปแล้ว 5 เม็ดในบอลโลก ได้ลุ้นชิงรองเท้าทองคำกับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 15 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 10 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 5 เม็ด อยู่ในเส้นทางช่วงชิงดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – เลอันโดร ปาเรเดส – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม)

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
• มีประวัติศาสตร์พบกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรก 1930 (อาร์เจนติน่าชนะ 1-0) รวมแล้วเจอกันมา 12 ครั้ง
• อาร์เจนติน่า เหนือกว่าด้วยการชนะ 6 นัด ที่เหลือเสมอ 3 และฝรั่งเศสชนะ 3
• พบกันล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกันสนั่นก่อนฝรั่งเศสชนะ 4-3 แต่ที่จริงระหว่างเกม ฝรั่งเศสฉีกหนี 4-2 ก่อนโดนยิงเพิ่มทดเจ็บ / คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง อองตวน กรีซมันน์ หนึ่งเม็ด
• อาร์เจนติน่า จะเล่นนัดชิงบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 มีเพียง เยอรมนี (8) ที่เหนือกว่า
• การเข้าชิง 2 ครั้งหลัง (1990 กับ 2014) อาร์เจนติน่า แพ้ทั้งหมด
• แต่ถ้าครั้งนี้ชนะ จะเป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• ฝรั่งเศส เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัดด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย เกมเปิดรอบแรก แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 42 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• 42 นัดหลัง อาร์เจนติน่า ชนะ 29 เสมอ 12 แพ้ 1 / เสมอแล้วชนะจุดโทษ 2
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูกเป็นอย่างน้อยมา 5 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 42 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 56 นัด ชนะ 37 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 172, อังเคล ดิ มาเรีย 129, เลอันโดร ปาเรเดส 51, โรดริโก้ เด ปอล 51, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 100 ถ้วนพอดี
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนามแค่ 10 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 ห้าประตู

 

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, กุนซือแชมป์โลก 2018 และพาทีมเข้าชิงต่อเนื่อง ครั้งนี้

 

• ก่อนจะมาทำคลีนชีตเกมแรก นัดชนะ โมร็อกโก 2-0 ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก
• 3 นัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 7 ประตู
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูก กำลังนำดาวซัลโวร่วม และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 6 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์

 

• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 144 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 2 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 145, ราฟาแอล วาราน 93, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 117, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 120, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 66
• ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหน ครองแชมป์โลก 2 สมัยต่อเนื่อง และ โยริส จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ถ้าเอาชนะ อาร์เจนติน่า สำเร็จ

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 3-1
“ผมได้ดูเกมของ ฝรั่งเศส มาหลายนัด บางครั้งผมรู้สึกเบื่อการเล่นของพวกเขาเล็กน้อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมแชมป์เก่าอย่างพวกเขามีความยืดหยุ่นในตัวสูง มากกว่าจะเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น พวกเขาทำให้ผมนึกถึงรถซีตรองบนถนน”
“และแทนที่จะเล่นแบบครองบอล พวกเขาไม่สนใจจะทำมันเลย แต่การเล่นแบบของพวกเขามันก็เวิร์คจนถึงตอนนี้ ด้าน อาร์เจนติน่า ดูเล่นด้วยความมีอารมณ์ร่วมสูง มากกว่าความแข็งแกร่งรอบด้าน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ฝรั่งเศส ดูดีกว่า”
“อาร์เจนติน่าต้องสู้เพื่อเสื้อแข่ง แฟนบอล และเมสซี่ แต่พวกเขาต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมมองว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่หนักหน่วงรุนแรง เพราะ ฝรั่งเศส ไม่กลัวที่จะสู้ด้วยเกมปะทะ”
“ผมขอเลือก ฝรั่งเศส ชนะเกมนี้ เพราะที่จริงผมก็เลือกพวกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ และผมก็อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2018 ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นลักษณะนั้นอีกครั้ง”

 

ความน่าจะเป็น
ไม่มีอะไรยากไปกว่าการคาดเดาผลสกอร์ของเกมนี้แล้ว เมื่อนี่คือเกมชิงแชมป์ ชิงดำ ชิงโทรฟี่แชมป์โลก ต่างฝ่ายจึงต่างจะใส่สุดชนิดยอมแลกด้วยชีวิต และต่างก็ย่อมเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเพื่อให้การลงเล่นเกมจริงไม่เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงขึ้น รวมถึงว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งหากออกรูปนี้ ก็หมายถึงว่า 90 นาทีมีสิทธิ์กินกันไม่ลง ต้องยืดเยื้อครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าเพิ่งมั่นใจว่า เมสซี่ จะเจอเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ฟุตบอล มักจัดตอนจบหักมุมให้อยู่เสมอ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

เกมชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022 โมร็อกโกจะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งที่กาตาร์

เกมชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022 โมร็อกโกจะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งที่กาตาร์

ทำนายผลเกมนัดชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022 โครเอเชีย – โมร็อกโก

วันที่ 17 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมการถ่ายทอดได้ทาง True4U/ PPTV/ True Sports 2

สถานการณ์ของโครเอเชีย – โมร็อกโก คู่ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

การเจอกันของ 2 ทีมที่อกหักมาจากรอบรองชนะเลิศ ในเกมที่เปรียบเสมือนรางวัลปลอบใจ โดยทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วในเกมรอบแรก ซึ่งเสมอกันไป 0-0 ก่อนที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง มาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย โดยโครเอเชียพ่ายอาร์เจนติน่าไป 3-0 ส่วนโมร็อกโกแพ้แชมป์เก่า ฝรั่งเศส 2-0

ในรอบรองชนะเลิศทีมของซลัตโก้ ดาลิซ แพ้ให้กับความสามารถของลิโอเนล เมสซี่ ที่เอาชนะจอสโก้ กวาร์ดิโอล เซนเตอร์แบ็คตัวแกร่งที่กลายเป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ ๆ ในยุโรปตอนนี้ ซึ่งอายุน้อยกว่าร่วม ๆ 15 ปีได้อย่างสบาย ๆ ส่งให้อาร์เจนติน่าได้เข้าชิง เมสซี่มีโอกาสปิดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกด้วยการคว้าแชมป์ ส่วนทีมตราหมากรุกก็หมดโอกาสเข้าชิงเป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน

โครเอเชียผ่านเข้าชิงในปี 2018 และเข้ารอบรองชนะเลิศในครั้งนี้ โดยไม่เคยชนะรอบน็อคเอาต์ในเวลาปกติ แล้วพวกเขาเคยลงเล่นเกมชิงที่ 3 และคว้าชัยนะมาได้สำเร็จในฟุตบอลโลก 1998 ครั้งแรกที่โครเอเชียเข้าแข่งฟุตบอลโลก โดยเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 2-1

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

ขณะที่การขาดสัญชาตญาณนักฆ่าในแนวรุก และการขาด 3 ดาวเตะคนสำคัญ นูสซาอีร์ มาซราอุย, โรเมน ซาอิสส์ และนาเยฟ อะเกิร์ด ทำให้โมร็อกโกทำได้แค่เป็นชาติแรกจากแอฟริกาที่มาถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก (และอาจเป็นแอฟริกาชาติแรกที่คว้าอันดับ 3 หรือ 4 ของฟุตบอลโลก) โดยทีมของวาลิด เรกรากุยทำได้แค่สร้างความหวาดเสียวให้กองเชียร์ฝรั่งเศส ก่อนที่จะโดนเธโอ เอร์น็อนงเดซ เบิกประตูแรก และโคโล มูอานี่ยิงประตูปิดกล่องในช่วงท้ายเกม ดับฝันที่จะได้เข้าชิงฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก

แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมชิงที่สามจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะกลับบ้านอย่างวีรบุรุษแน่นอน และคงจะดีไม่น้อยหากมีเหรียญทองแดงคล้องที่คอกลับไปด้วย

เช็กสถิติโครเอเชียและโมร็อกโก คู่ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชียและโมร็อกโกเพิ่งเจอกันหมาด ๆ ในเกมเปิดสนามของกลุ่ม เอฟ และเสมอกันไป ซึ่งทีมตราหมากรุกมีโอกาสยิงโมร็อกโกแค่ 5 ครั้ง ขณะที่ทีมจากแอฟริกาก็แสดงให้เห็นถึงการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และรวดเร็ว ซึ่งเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของพวกเขาในฟุตบอลโลกหนนี้

ทั้งสองทีมเจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง และเสมอกันไปทั้งสองนัด หนแรกในวันที่ 11 ธันวาคม 1996 เกมชิงถ้วยฮัสซันที่ 2 เสมอกันไป 2-2 ก่อนที่โครเอเชียจะชนะจากการยิงลูกโทษที่จุดโทษ และล่าสุดก็คือเกมในรอบแรกของกลุ่ม เอฟ ที่เสมอกันไป 0-0

สถานการณ์ผู้เล่นของโครเอเชียและโมร็อกโก คู่ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

ไม่ว่าจะได้ที่ 3 หรือ 4 โมร็อกโก ที่ทีมในดวงใจของหลาย ๆ คน ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: AP Photo/Martin Meissner)

ดาลิซที่ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการนักเตะที่ฟิต เราจะไม่ส่งใครก็ตามที่ต่อให้แค่เจ็บขนตาลงเล่น” ส่งสัญญานที่แสดงว่า เกมนี้เขาจะไม่เสี่ยงส่งผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บลงสนาม

โดยอาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่คุกคามทีมตราหมากรุกมาตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ โดยในเกมนั้น มาร์เซโลก บรอโซวิซ ถูกเปลี่ยนตัวออกตอนต้นครึ่งหลังในเกมรอบรองชนะเลิศ จากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้กองกลางจากอินเตอร์ มิลาน พลาดเกมในกัลโช่ ซีเรีย อา อยู่บ่อยครั้ง ขณะที่กวาร์ดิโอล กองหลังตัวแกร่งก็ต้องลงเล่นโดยฉีดยาระงับอาการปวดที่เท้า ทำให้โอกาสลงเล่นตกอยู่ในเครื่องหมายคำถาม ถ้าทั้งคู่ลงเล่นไม่ได้ ลอฟโร มาเจอร์ หรือคริสติจาน จาคิซ จะได้ลงแทนบรอโซวิซ และโจซิป ซูตาโล เซนเตอร์แบ็คฟอร์มดีอีกคน จะได้เล่นในตำแหน่งของกวาร์ดิโอล

ส่วนอิวาน เปริซิซ จะได้ออกสตาร์ตทางกราบซ้าย และอาจจะกลายเป็นผู้เล่นโครเอเชียที่ทำประตูในฟุตบอลโลกได้มากที่สุดในเกมนี้ โดยตอนนี้เขาครองสถิติร่วมกับดาวอร์ ซูเคอร์ ที่ 6 ประตู ขณะที่แบ็คขวา โจซิป จูราโนวิซ ซึ่งไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันศุกร์ อาจทำให้โจซิป สตานิสติซได้ลงเล่นแทน

ในเกมรอบรองชนะเลิศ โมร็อกโกเริ่มต้นด้วยข่าวดี เมื่อ 3 ผู้เล่น อะเกิร์ด, มาซราอุย และซาอิสส์ พร้อมลงเล่น แต่อาการบาดเจ็บก็เล่นงานพวกเขาไปทีละคน เริ่มจากอะเกิร์ด ที่บาดเจ็บก่อนเกมจะเริ่ม ตามด้วยซาอิสส์ ที่ลงเล่นได้แค่ 20 นาที แล้วก็โดนการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาหลังเล่นงาน ตามด้วยมาซราอุยที่ป่วยและมีปัญหาที่สะโพกอยู่แล้ว ซึ่งในเกมชิงที่ 3 ก็ยังไม่แน่ว่าเรกรากุยจะเสี่ยงส่งมาซราอุยหรืออะเกิร์ดลงเป็นตัวจริงหรือเปล่า แต่ถ้าทีมกลับมาเล่นในระบบ 4-3-3 ยาเฮีย อัตติยา อัลลาห์ และเซลิม อะมัลลาห์ น่าจะได้ออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรก โดยซาอิสส์น่าจะต้องพักต่อไป

หลังเกมพ่ายฝรั่งเศส เรกรากุยให้สัมภาษณ์ว่า “เรามีผู้เล่นบาดเจ็บมากเกินไป ถึงราว ๆ 60% หรือ 70%” ซึ่งก็คงต้องดูกันว่า โมร็อกโกมีผู้เล่นกี่คนที่ผ่านความฟิต เอาชนะอาการบาดเจ็บพร้อมลงเล่นในเกมนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโครเอเชียและโมร็อกโก คู่ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย ระบบ 4-3-3: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเร็น, ซูตาโล่, โซซ่า; มาเจอร์, โมดริซ, โควาซิซ; เปริซิซ, ครามาริซ, เปริซิซ
โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน่; ฮาคิมี่, ดารี่, เอล ยามิกว์, อัตติยาห์ อัลลาห์; อูนาฮี, อัมราบัต, อะมัลลาห์; ซีเย็ค, เอ็น-เนซีรี่, บูฟัล

ผลการแข่งขันระหว่างโครเอเชีย – โมร็อกโก คู่ชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริซ โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริซ กัปตันทีมชาติโครเอเชีย นักฟุตบอลยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Getty Images)

เจอกันในเกมปกติก็ยากจะคาดผลการแข่งขันอยู่แล้ว และกับเกมชิงที่ 3 ก็ต้องวัดใจกันด้วยอีกว่า ทีมไหนจะ “เอา” หรือ “ไม่เอา” แต่หากทั้งคู่ส่งผู้เล่นตัวจริงได้ครบ เอาแค่ตามที่เห็นในเกมรอบรองชนะเลิศโดยขาดไปเพียงไม่กี่คน

แนวรับโมร็อกโกแสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นที่ส่งลงมาเล่นแทนตัวจริงนั้น ทำหน้าที่ได้ดี และกับแนวรุกของโครเอเชีย พวกเขาน่าจะเอาอยู่ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้พวกเขากลับบ้านพร้อมอันดับ 3 ฟุตบอลโลก นอกเหนือไปจากความมุ่งมั่นที่น่าจะมีมากกว่าโครเอเชียที่นักเตะหลาย ๆ รายเป็น “รองแชมป์” ฟุตบอลโลกมาแล้ว

เกมน่าจะยิงประตูกันไม่มากนัก ผลลัพธ์น่าจะอยู่ที่ 1-0 และต่างก็มีโอกาสพอ ๆ กันที่จะคว้าชัยชนะ แต่อย่างที่บอกความมุ่งมั่น จะทำให้โมร็อกโกสร้างประวัติศาสตร์ชาติจนถึงวันสุดท้ายของตัวเองในฟุตบอลโลก 2022

เรื่องน่าอ่าน
ฉากสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ตราไก่ – ฟ้าขาว เข้าชิง เส้นทางสุดท้ายของโมร็อกโก เมสซี่กับเอ็มบัปเป้ ใครจะคว้ารางวัลดาวซัลโว?

ฟุตบอลโลก 2022 กับรางวัลส่วนตัวนักเตะ นักฟุตบอลยอดเยี่ยม ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ดาวซัลโว ใครคือตัวเก็ง
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ฟุตบอลโลกในอนาคต เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม โอกาสของทีมชาติไทยอยู่ตรงไหน ?
ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

 

 

โครเอเชีย vs โมร็อกโก : ชิงอันดับ 3 รางวัลปลอบใจ ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs โมร็อกโก : ชิงอันดับ 3 รางวัลปลอบใจ ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงอันดับ 3 : โครเอเชีย vs โมร็อกโก
เสาร์ 17 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 2 นัด
ฮัสซัน II โทรฟี่ 1996 เสมอ 2-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ 0-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2
รอบตัดเชือก แพ้ อาร์เจนติน่า 0-3

 

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0
รอบตัดเชือก แพ้ ฝรั่งเศส 0-2

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

กระนั้นเมื่อมาถึงนัดตัดเชือก ก็ต้านความแข็งแกร่งของ อาร์เจนติน่า ไม่อยู่ แพ้ขาด 0-3 จนต้องมาชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022 แทน

 

นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

คาดว่าด้วยการที่เกมนี้ไม่ได้สำคัญมาก ทำให้อาจปรับส่งสำรองลงบางราย เช่นข้างหน้าวาง นิโกล่า วลาซิช กับ ลอฟโร มาเยอร์ เดินเกมรุกขนาบข้าง บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

แต่ตัวที่มีสิทธิ์ลงสนามเกมนี้เป็นการอำลาการรับใช้ชาติ อย่าง ลูก้า โมดริช (37), เดยัน ลอฟเรน (33) หรือ โดมากอย วีด้า (33) มีสิทธิ์ได้ลงตัวจริงเป็นการสั่งลา

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0

 

อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก ก็ไปไม่ได้ต่อเมื่อต้องเจอแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ในรอบตัดเชือก พ่ายไป 0-2 แม้จะสู้ได้ดีก็ตาม

 

สภาพทีมของ วาลิด เรกรากี อ่วมหนักมาตั้งแต่รอบที่แล้ว และเกมนี้จะไม่มีคู่เซนเตอร์แบ็กตัวเลือกแรก กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด ที่ยังเจ็บไม่หาย

 

นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค กับ อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ก็ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

ข่าวดีมีแค่ วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกแล้ว

 

เชื่อว่าการจัดทีมจะมีหมุนส่งตัวสดๆ บางตำแหน่งลงเช่นกัน ขณะที่การจัดเกมรับ มีสิทธิ์จะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช
ฟิตเปรี๊ยะจนมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 161 นัดก็ตาม

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา บาริซิช, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า – มาเตโอ โควาซิช, คริสติยัน ยาคิช, ลูก้า โมดริช – นิโกล่า วลาซิช, บรูโน่ เพ็ตโควิช, ลอฟโร มาเยอร์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, ยาห์ย่า จาบราน – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, อับเด เอซซัลซูลี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งจะเจอกันมาในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022 จบเจ๊าไร้สกอร์ 0-0
• เท่ากับพบกัน 2 ครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ กินกันไม่ลง เสมอกันทั้งหมด
• หลังจากไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5 โครเอเชีย ก็พ่าย อาร์เจนติน่า จนอดเข้าชิงสองสมัยซ้อน
• โครเอเชีย มีโอกาสเข้าป้ายอันดับ 3 เป็นครั้งที่สอง ถัดจาก ฟร้องซ์ 98
• หลังจากไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโก ก็มาโดนทีเด็ด ฝรั่งเศส จนแพ้เป็นหนแรก รวมถึงว่า วาลิด เรกรากี ก็แพ้ครั้งแรกจากการทำทีม 9 นัดด้วย (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้1)
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• และไม่ว่าจะเข้าป้ายที่อันดับ 3 หรือ 4 ก็จะเป็นผลงานดีสุดของตัวเองและทีมแอฟริกัน/อาหรับ ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• ถ้าได้ลงสนาม ลูก้า โมดริช จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 162, อีวาน เปริซิช 123, โดมากอย วีด้า 101, มาเตโอ โควาซิช 91, มาร์เซโล่ โบรโซวิช 84, เดยัน ลอฟเรน 79
• ถ้าได้ลงสนาม ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 52, อัชราฟ ฮาคิมี่ 61, โซฟียาน อัมราบัต 46, ฮาคิม ซีเย็ค 50, โซฟียาน บูฟาล 39, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 57

 

ความน่าจะเป็น
ก็ขนาดว่า วาลิด เรกรากี ยังบอกเองว่าน่าเสียดายที่เกมเจอ ฝรั่งเศส ทีมตนมีปัญหาเรื่องขุมกำลัง การขาดหายของแข้งคนสำคัญที่ทยอยกันล้มเจ็บไป ส่งผลโดยตรงกับฟอร์มในสนามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกมนี้ก็ไม่น่าต่างจากเดิม ความนิ่งแน่นอนเป็นของ โครเอเชีย มากกว่า และน่าจะเอาชนะไปได้ในที่สุด

 

ผลที่คาด : โครเอเชีย ชนะ 2-1

ตราไก่ ฝรั่งเศส จะเข้าชิง 2 ปีซ้อนหรือไม่ โมร็อกโก รอให้คำตอบในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

ตราไก่ ฝรั่งเศส จะเข้าชิง 2 ปีซ้อนหรือไม่ โมร็อกโก รอให้คำตอบในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ ฝรั่งเศส – โมร็อกโก

วันที่ 15 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง ONE31/ True Sports 2

แชมป์โลก ฝรั่งเศส

ทีมแชมป์โลก ฝรั่งเศส ทีมวางในกลุ่ม ดี (ภาพ: Twitter @FrenchTeam)

สถานการณ์ของฝรั่งเศสและโมร็อกโก

เรียกว่าเป็นศึกสายเลือดก็ว่าได้ เมื่อฝรั่งเศสแชมป์เก่าจะต้องตัดกับโมร็อกโกอดีตชาติอาณานิคม ในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ที่กว่าจะมาถึงรอบนี้ได้ ทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความขัดแย้งของผู้เล่น, ปัญหาการบาดเจ็บ รวมถึงอาถรรพ์แชมป์โลก ที่ในหลายครั้งหลังมักจะจอดแค่รอบแรก ขณะที่โมร็อกโกของโค้ช วาลิด เรกรากุย ก็กลายเป็นทีมขวัญใจมหาชนไปเรียบร้อย หลังคว้าชัยชนะแบบพลิกล็อกมาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นทีมมหัศจรรย์ ม้ามืดตัวจริงของฟุตบอลโลกในครั้งนี้

สิงโตจากเทือกเขาแอตลาส คว่ำสเปนด้วยการดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ก่อนชนะโปรตุเกสได้ 1-0 แม้จะขาดนักเตะคนสำคัญ อย่าง นาเยฟ อะเกิร์ดและนูสแซร์ มาซราอุย แต่นักเตะที่ลงเล่นแทนก็รับมือผู้เล่นฝอยทองที่เพิ่งขย่มสวิตเซอร์แลนด์มาได้ 6-1 ได้เป็นอย่างดี ส่วนทีมตราไก่ เอาชนะอังกฤษหวุดหวิด 2-1 ซึ่งต้องขอบคุณการพลาดจุดโทษในเกมของแฮร์รี่ เคนที่ทำให้เกมไม่ต้องยืดเยื้อ และความหวังในการป้องกันแชมป์ยังคงอยู่

และไม่ว่าเกมนัดนี้จะจบลงอย่างไร โมร็อกโกก้กลายเป็นตำนานของทวีปและตำนานของฟุตบอลโลกไปแล้ว เมื่อเป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกที่เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ แล้วกับการผ่านทีมอย่าง เบลเยี่ยม, สเปน และโปรตุเกสมาได้ พวกเขาก็ดีพอจะเป็นหนึ่งในสองทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่สำคัญพวกเขามาถึงรอบรองชนะเลิศโดยคู่แข่งยังยิงประตูพวกเขาไม่ได้เลย –

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

เช็กสถิติของฝรั่งเศสและโมร็อกโก

สถิติในรอบรองชนะเลิศ 3 หนแรกของฝรั่งเศสไม่ได้สวยหรูนัก เมื่อแพ้ทุกครั้ง แต่กับ 3 หนหลัง ในปี 1998, 2006 และ 2018 พวกเขาชนะทุกครั้ง และถ้าพวกเขาไปถึงรอบชิงและคว้าแชมป์สำเร็จ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 84 ปีที่ทีมจากยุโรปป้องกันแชมป์ได้ นับตั้งแต่อิตาลีทำเอาไว้ในฟุตบอลโลก 1934 และ 1938

แม้จะผ่านมาถึงรอบสี่ทีมได้สำเร็จ แต่ฝรั่งเศสก็มีสถิติที่ไม่สวยงามอยู่อย่างหนึ่งคือ พวกเขาเสียประตูทุกนัด ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้ามกับคู่แข่ง เมื่อโมร็อกโกเสียประตูไปแค่ 1 ลูก แถมเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของอะเกิร์ด ในเกมกับแคนาดา โดยเก็บคลีนชีตได้ถึง 4 เกม และในอดีตที่ผ่านมา สองทีมสุดท้ายที่เก็บคลีนชีตถึง 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งเดียว มี 2 ทีมคือ อิตาลี ในปี 2006 และสเปน ในปี 2010 ซึ่งทั้งคู่กลายเป็นแชมป์โลก แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เป็นทีมที่ใช้โอกาสได้อย่างฟุ่มเฟือย จากการยิงทั้งหมด 45 ครั้งในฟุตบอลโลกหนนี้ พวกเขายิงเข้ากรอบแค่ 9 ครั้ง และการเจอกับฝรั่งเศส พวกเขาต้องใช้โอกาสที่มีได้อย่างคุ้มค่า

ในอดีตทั้งสองทีมเจอกันมาทั้งหมด 5 ครั้ง ฝรั่งเศสชนะ 3 แพ้ 1 และเสมอกันไปอีก 1 ครั้ง

คิลิยัน เอ็มบัปเป้ นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

คิลิยัน เอ็มบัปเป้ นักเตะตราไก่ที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว นับตั้งแต่แจ้งเกิดแบบปัง ๆ ที่รัสเซีย และในฟุตบอลโลก 2022 เขาคือกองหน้าตัวหลักของเดส์ชองส์แน่ ๆ (ภาพ: Franck Fife/AFP/Getty Images)

สถานการณ์ผู้เล่นของฝรั่งเศสและโมร็อกโก

ในเกมกับอังกฤษ ทีมตราไก่ใข้ผู้เล่นสำรองเพียงคนเดียว ซึ่งดูแล้วในเกมนี้ พวกเขาก็น่าจะยังคงใช้ผู้เล่น 11 คนแรกชุดเดิม เมื่อไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม และไม่มีใครที่ถูกแบน

โดยชูลส์ คุนเด้ น่าจะยึดตำแหน่งแบ็คขวาจากเบนจามิน ปาวารด์ได้เป็นการถาวร ส่วนเธโอ แอร์น็องเดซ ก็ทดแทนการขาดหายของพี่น้องร่วมสายเลือด ลูก้าส์ ที่เอ็นไขว้หน้าฉีกขาดตั้งแต่นัดเปิดสนามกับออสเตรเลียได้เรียบร้อย ขณะที่เจ้าของสถิติทำประตูให้ทีมชาติฝรั่งเศสมากที่สุด โอลิวิเยร์ ชีรูด์ มีสิทธิกลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่ทำประตูได้ถึง 5 ประตูในฟุตบอลโลกหนเดียว หากทำประตูได้ในนัดนี้ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่เงียบ ๆ ไปในเกมกับอังกฤษ จะยังเป็น 11 คนแรก โดยทีมตราไก่ชนะทุกเกมที่เอ็มบัปเป้ลงเป็นตัวจริงในฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 10 นัด

ขณะที่โมร็อกโกไม่ต่างไปจากสิงโตบาดเจ็บ มาซราอุยและอะเกิร์ด พลาดเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ แถมในเกมชนะทีมฝอยทอง กัปตันทีม โรเมน ซาอิสส์ เล่นได้แค่ 50 นาทีก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออก เพราะเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา แต่เขาออกมายืนยันแล้วว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อลงเล่นเกมนี้ให้ได้ โดยมาซราอุย ฟูลล์แบ็คจากบาเยิร์น มิวนิค ที่ทั้งบาดเจ็บสะโพกและมีอาการป่วย น่าจะฟื้นตัวเล่นเกมนี้ได้ ส่วนอะเกิร์ดเซนเตอร์แบ็คจากเวสต์แฮม ที่มีอาการเจ็บขาหนีบ มีรายงานว่า ต้องการลงเล่นในเกมกับโปรตุเกส แต่ฟิตไม่พอ โดยเรกรากุยหวังว่าการได้พักถึง 4 วันอาการของเขาอาจจะดีขึ้น จนพร้อมลงสนาม อย่างไรก็ตามโค้ชของโมร็อกโกก็พอจะเบาใจได้บ้าง เมื่อนักเตะที่ลงเล่นแทน อย่าง ยาห์ย่า อัตติยัต อัลลาห์ และจาวัด เอล ยามิกว์ โชว์ฟอร์มได้ดี และเป็นไปได้ว่า หนึ่งในสองคนนี้จะได้เป็นตัวจริง

ฮาคิม ชีเย็คที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมกับโปรตุเกส ก็น่าจะพร้อมลงเล่นในนัดนี้ แต่วาลิด เช็ดดิร่า กองหน้าสำรองที่ใช้โอกาสเปลืองเหลือเกิน จะพลาดเกมนัดนี้เพราะได้รับสองเหลืองจากเกมที่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาไม่ใช่ผู้เล่นตัวจริงอยู่แล้ว

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ นักเตะตราไก่รายนี้ผ่านทีมชุดเยาวชนตราไก่มาทุกชุด กับการที่ป็อกบาและก็องเต้บาดเจ็บจนติดทีมมาไม่ได้ เขาคือกองกลางคนสำคัญในทีมของเดส์ชองส์ (ภาพ: Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของฝรั่งเศสและโมร็อกโก

ฝรั่งเศส ระบบ 4-2-3-1: โญริส; คุนเด้, วาราน, อูปาเมกาโน่, เธโอ แอร์น็องเดซ; ชูอาเมนี่, ราบิโอต์; เด็มเบเล่, กรีซมันน์, เอ็มบัปเป้; ชีรูด์
โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน่; ฮาคิมี่, เอล ยามิกว์, เบนูน, อัตติยัต อัลลาห์; อูนาฮี, อัมราบัต, อมับลาห์; ซีเย็ค, เอ็น-เนซี่รี, บูฟอล

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ที่เป็นนายใหญ่ในแผงหลัง ด้วยประสบการณ์อันข้นคลั่กวารานจะช่วยฝรั่งเศสได้อย่างแน่นอน (ภาพ: Andrew Surma/NurPhoto via Getty Images)

ผลการแข่งขันระหว่างฝรั่งเศสและโมร็อกโก

เรกรากุยพูดถึง ทีมของตัวเองว่า เปรียบเสมือน ร็อคกี้ บัลเบา ในหนัง Rocky และทำให้การเจอกันของโมร็อกโกกับฝรั่งเศสแชมป์เก่า ไม่ต่างไปจากการเจอกันของร็อคกี้กับอะพอลโล ครีดในหนัง ซึ่งเรกรากุยอาจจะลืมไปว่า ท้ายที่สุดของหนังภาคแรก ร็อคกี้ชนะใจผู้ชม แต่เขาแย่งแชมป์จากครีดไม่สำเร็จ

แม้จะไม่ใช่ทีมที่ถูกจับตามองตั้งแรกในฟุตบอลโลกหนนี้ หากโมร็อกโกก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในสองทีมที่ลงเล่นในวันสุดท้าย จากการเล่นที่มีวินัย เกมรับที่เหนียวแน่น และทำได้ดีในเกมโต้กลับ

ส่วนฝรั่งเศสถึงจะมากาตาร์ในฐานะแชมป์เก่า แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เช่นที่เป็นเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะฟอร์มการเล่นที่ตกลงไป และปัญหาผู้เล่นตัวหลักได้รับบาดเจ็บ แต่ในที่สุด ด้วยความเขี้ยวของประสบการณ์ ทำให้พวกเขาผ่านมาถึงตรงนี้ได้ โดยเฉพาะในเกมชนะอังกฤษ ที่ฝ่ายตรงข้ามเล่นได้น่าประทับใจมากกว่า แต่ดุดันไม่มากพอ ซึ่งน่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้พวกเขาเอาชนะทีมจากแอฟริกาได้ โดยเฉพาะเมื่อสิงโตอีกตัวจากเทือกเขาแอตลาส อาจจะขาดผู้เล่นคนสำคัญ หรือลงเล่นโดยไม่สมบูรณ์มากพอ ในเกมโคตรสำคัญของตัวเองเกมนี้

และท้ายที่สุดฝรั่งเศสจะเอาชนะโมร็อกโกไปได้ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก
พุธ 14 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
A v B 1963 โมร็อกโก ชนะ 2-1
B v A 1966 เสมอ 2-2
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1967 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1975 เสมอ 1-1, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 3-1
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1987 เสมอ 0-0
โฟร์ เนชั่นส์ 1988 ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
Under-21 v A 1996 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
คิง ฮัสซัน คัพ 1998 เสมอ 2-2, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 6-5
อุ่นเครื่อง 1999 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
ฮัสซัน II 2000 ฝรั่งเศส ชนะ 5-1
อุ่นเครื่อง 2007 เสมอ 2-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู ตามด้วยรอบ 8 ทีม บลุ้นระทึกหน่อย แต่ยังอร่อยมากพอจะเบียดชนะ อังกฤษ 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ สังหารชัยในเกมที่ แฮร์รี่ เคน พลาดจุดโทษสำคัญท้ายเกม

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แต่ว่าการลงเตะ 3 เกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ แม้ เบนเซม่า จะคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด แล้ว แต่กระแสคืนทีมชาติก็เงียบไปแล้วเช่นกัน

 

แต่แม้จะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า นักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยแทรกซ้อน โดยเฉพาะ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร และมีสิทธิ์จะเรียกฟิตไม่ทันเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซึ่งถ้าไม่พร้อมจริงจะเป็น อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

ส่วนถ้าพร้อมทั้งหมด เดส์ชองส์ ก็จะยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ด้วยระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0 เท่ากับ 5 เกมของฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาเสียแค่ประตูเดียว และยังมาจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด ในเกมกับ แคนาดา ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพทีมเกมนี้ของ เรกรารี นั้น “อ่วมมากแม่” มีทั้งตัวเจ็บและตัวแบน มีสิทธิ์ขาดได้ถึง 5 คนในเกมนี้

 

เริ่มจากคู่เซนเตอร์แบ็กตัวจริง กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด มีปัญหาบาดเจ็บทั้งคู่ รายแรกจาก เบซิคตัส เดี้ยงจนต้องหามออกจากเกมกับ โปรตุเกส ตอนครึ่งหลัง ส่วนรายหลังจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เจ็บจนไม่ได้เล่นตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ถัดมา นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค ก็เจ็บจนพลาดรอบที่แล้วเช่นกัน เพิ่มเติมด้วย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

นอกจากนั้น วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ ติดโทษแบนไม่อาจลงเล่นได้แน่นอน หลังโดนสองเหลืองหนึ่งแดงในเกมที่ผ่านมา

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวรับ มีโอกาสสูงที่ เรกรากี จะต้องเปลี่ยนรวดเดียว 3 คน หากว่า ซาอิสส์ – อาแกร์ด – มาซราอุย ไม่พร้อม โดยจะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

อย่างไรก็ตามแนวรุกไม่เป็นปัญหาแม้จะขาด เชดดิร่า ที่เป็นสำรอง โดยให้ ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 64 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด ยืนแท่นผู้นำอยู่ขณะเหลือแค่ 4 เกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ (อิบราฮิมา โกนาเต้), ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม ฝรั่งเศส ปะทะ โมร็อกโก
• โมร็อกโก เคยเป็นประเทศในอาณานิคมของ ฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ. 1912 – 1956
• ความที่เป็นเมืองขึ้นของกัน ทำให้เจอกันบ่อยพอตัวในยุคโบราณ รวมพบกัน 11 นัด ฝรั่งเศสชนะใน 90 นาที 5 นัด โมร็อกโกชนะเกมเดียว
• แต่ 2 ทศวรรษหลัง พบกันหนเดียวเท่านั้น อุ่นเครื่องปี 2007 ที่ปารีส เสมอกัน 2-2
• คาริม เบนเซม่า อยู่ในเกมวันนั้น แต่ก็โชคร้ายไม่ได้เล่นฟุตบอลโลก 2022 อย่างที่ทราบ

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก โดยไม่มีเกมที่ทำคลีนชีตได้เลย
• สองนัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 5 ประตู
• แม้ไม่อาจถือได้ว่าชนะรวด แต่เกมแพ้ ตูนิเซีย 0-1 นัดปิดรอบแรก ก็เป็นการปรับส่งทีมสำรองลงสนาม ดังนั้นด้วย 11 คนแรกชุดนี้จึงจัดว่าชนะ 4 เกมซ้อนได้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
• ทำลายอาถรรพ์ทีมแชมป์เก่าตกรอบแรก 3 ทัวร์นาเมนต์รวดไปแล้ว และอยู่ในเส้นทางสำหรับการจะเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ ถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่
• ฝรั่งเศส เพิ่งโดนใบเหลืองไปแค่ 5 ใบ น้อยสุดในจำนวนทีมที่ยังเหลือ (น้อยสุด อังกฤษ 1) รวมถึงว่าก็ยิงได้เยอะสุด (11 ประตู) ในจำนวนทีมที่ยังเหลือ

• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• วาลิด เรกรากี เกิดที่ฝรั่งเศส (1975) โตมาเล่นฟุตบอลอาชีพในฝรั่งเศส ตำแหน่งแบ็กขวา สังกัด ราซิ่ง ปารีส, ตูลูส, อชักซิโอ, ราซิ่ง ซานตานเดร์ (สเปน), ดิชง และ เกรอน็อบล์ แต่ติดทีมชาติโมร็อกโก 45 นัด ระหว่างปี 2001-2009
• โซฟียาน บูฟาล เกิดที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (1993) และเล่นอาชีพในลีกฝรั่งเศสตั้งแต่แรกจนตอนนี้ สังกัด อองเช่ร์
• โรแม็ง ซาอิสส์ เกิดที่ฝรั่งเศส (1990) สร้างชื่อกับ เลอ อาฟร์ ก่อนย้ายไป วูล์ฟแฮมป์ตัน และตอนนี้อยู่ เบซิคตัส
• แข้งโมร็อกโกชุดนี้ เล่นใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส จำนวน 5 คน – อัซซาดีน อูนาฮี (อองเช่ร์), โซฟียาน บูฟาล (อองเช่ร์), อัชราฟ ดารี (แบรสต์), อัชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช), ซากาเรีย อาบูคลัล (ตูลูส)
• ถ้าได้ลงตามปกติ ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 51, อัชราฟ ฮาคิมี่ 60, โซฟียาน อัมราบัต 45, ฮาคิม ซีเย็ค 49, โซฟียาน บูฟาล 38, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 56

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 5 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์ สูงสุดเทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี่
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 143 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 1 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 144, ราฟาแอล วาราน 92, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 116, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 119, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 65

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3
• โมร็อกโก แพ้ครั้งสุดท้ายในยุค วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อ 1 มิ.ย. แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3

• เกมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 10 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (20 แมตช์) ล้วนแต่ออกผลชนะแพ้แบบเบียดๆ หรือลงเอยด้วยผลเสมอต้องยืดเยื้อ ถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียง “เกมเดียวถ้วน” เท่านั้น ที่ชนะกันเกินกว่า 3 ประตูขึ้นไป
– ยิงกันถล่มทลาย 1 นัดถ้วน คือเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง
– ชนะห่างหน่อย 2-0 มีเกิดขึ้น 3 นัด
โปแลนด์ 0-2 อิตาลี (1982)
ฝรั่งเศส 0-2 เยอรมนีตะวันตก (1986)
อาร์เจนติน่า 2-0 เบลเยียม (1986)
– ชนะประตูเดียว 9 นัด
บัลแกเรีย 1-2 อิตาลี (1994), สวีเดน 0-1 บราซิล (1994), ฝรั่งเศส 2-1 โครเอเชีย (1998), เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้ (2002), บราซิล 1-0 ตุรกี (2002), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส (2006), อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์ (2010), เยอรมนี 0-1 สเปน (2010), ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม (2018)
– ชนะช่วงต่อเวลา 2 นัด
เยอรมนี 0-0 อิตาลี / อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0 (2006)
โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ /โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1 (2018)
– ชนะดวลจุดโทษ 5 นัด
เยอรมนีตะวันตก 3-3 ฝรั่งเศส / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 5-4 (1982)
อาร์เจนติน่า 1-1 อิตาลี / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
เยอรมนีตะวันตก 1-1 อังกฤษ / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
บราซิล 1-1 เนเธอร์แลนด์ / บราซิล ชนะจุดโทษ 4-2 (1998)
เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2 (2014)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
“แผนการของ โมร็อกโก ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน รับลึกแล้วโต้ แต่มันก็ไม่ง่ายต่อการรับมือของทุกคู่แข่ง พวกเขาผ่านเกมกับทีมอย่าง โครเอเชีย, เบลเยียม, สเปน, โปรตุเกส มาแล้ว และไม่เสียประตูเลยสักลูก”
“แต่ปัญหาก็คือความอ่อนล้าที่ต้องเผชิญ โรแม็ง ซาอิสส์ ต้องโดนหามออกจากเกมก่อน และยังมีต้องกังวลเรื่องความฟิตของทั้งกองหลัง นาเยฟ อาแกร์ด และคีย์แมน โซฟียาน อัมราบัต นั่นจะทำให้เกมโต้กลับของพวกเขาอาจไม่เต็มประสิทธิภาพ”
“ด้าน ฝรั่งเศส ไม่ได้เล่นด้วยสุดยอดฟุตบอลอะไร แต่พวกเขาอยู่ในระดับสูงมานาน และแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมที่เหนือกว่า อังกฤษ และคุณภาพเกมรุกของพวกเขาก็จตะสร้างความแตกต่างได้ในเกมนี้ ฝรั่งเศส จะยิงประตูแรกได้ และผ่านเกม 90 นาทีไปด้วยชัยชนะ”
“ที่จริง ผมก็อยากให้ความเห็นของผมผิด เพราะการเดินทางของทีมแอฟริกาอย่าง โมร็อกโก ในครั้งนี้ จะเป็นสุดยอดเรื่องเล่าตลอดกาลของฟุตบอลโลก ทว่าเมื่อมองเรื่องจริง มันก็คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องบอกลา”

 

ความน่าจะเป็น
มาได้ตรงนี้ต้องยกย่องและปรบมือดังๆ ให้กับ โมร็อกโก แต่ก็ควรถือว่าพวกเขามาไกลมากพอแล้ว เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามข้างทาง โมร็อกโก ก็คงต้องเลิกฝันถึงการจะทะลุเข้าชิงแชมป์โลกเสียที โดยเฉพาะเมื่อดันมาเกิดปัญหาในเกมรับขึ้นพอดี ต่อให้ระบบจะดีแค่ไหน เมื่อตัวไม่สมบูรณ์ก็ต้านลำบาก แถมจุดเด่นของ ฝรั่งเศส ชุดนี้ ยังอยู่ที่เกมรุกสุดจัดจ้าน จับตัวนี้ตัวนั้นมา จับตั้วนั้นตัวโน้นมี อีกด้วย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ อาร์เจนติน่า – โครเอเชีย

วันที่ 14 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

สถานการณ์ของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

การเจอกันของสองชาติจากสองทวีป ยุโรปและอเมริกาใต้ ที่ยังเป็นการปะทะกันของนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาทุกรายการก็ว่าได้ เหลือแค่ถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพเพียงถ้วยเดียว กับลูก้า โมดริซ กองกลางร่างเล็ก ที่หยุดการสลับกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ของเมสซี่และคริสเตียโน่ โรนัลโด้สำเร็จ

หากทำได้เมสซี่จะถือว่าก้าวออกมาพ้นเงาของดีเอโก้ มาราโดน่า ชีวิตการค้าแข้งเป็นดังความฝัน ส่วนโมดริซ เขาจะยังอยู่บนเส้นทางในการลบล้างบาดแผลจากนัดชิงปี 2018

โครเอเชียมาถึงรอบนี้ โดยส่งเต็ง 1 ของรายการ อีกทีมจากอเมริกาใต้ – บราซิล กลับบ้าน ที่ไม่ต่างไปจากการหนีเสือปะจระเข้ เมื่อคู่แข่งรายต่อมาคือ อาร์เจนติน่า โดยทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบด้วยการดวลจุดโทษ ทีมตราหมากรุกกับบราซิล ทีมฟ้าขาวกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ทั้งคู่มีความเขี้ยว เชี่ยวชาญ การดวลจุดโทษที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ทั้งตัวผู้เล่นและผู้รักษาประตู ซึ่งหากเกมไปถึงตรงนั้น น่าจะทำให้การยิงจุดโทษต้องลุ้นระทึกทุกวินาที ตั้งแต่การเสี่ยงแดนก็ว่าได้

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

เช็กสถิติของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่าเจอกับโครเอเชียมาทั้งหมด 5 ครั้ง ผลัดกันแพ้-ชนะ 2 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง แต่เป็นการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน หนแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ในปี 1998 โครเอเชียพ่ายไป 1-0 และล่าสุดเมื่อ 4 ปีก่อน ทีมตราหมากรุกเอาชนะไป 3-0 โดยนักเตะหลายคนจากชุดนั้นก็ยังติดทีมชุดนี้

สถิติในฟุตบอลโลกที่น่าสนใจของอาร์เจนติน่าก็คือ เมื่อมาถึงรอบรองชนะเลิศ พวกเขาไม่เคยแพ้ โดยครั้งสุดท้ายในรอบนี้ของอาร์เจนติน่าคือ เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นรอบรองชนะเลิศหนที่ 5 ของพวกเขา อาร์เจนติน่าเจอกับเนเธอร์แลน และผ่านเข้าชิงจากการชนะดวลจุดโทษ สถิติการยิงประตูของทีมฟ้าขาวก็น่าสนใจ เมื่อพวกเขาทำประตูได้นัดละ 2ประตูติดต่อกันถึง 4 เกม แต่การเจอกับทีมที่เล่นรับแน่นอย่างโครเอเชีย เมสซี่กับผองเพื่อน ต้องทำอะไรมากกว่าที่เคยทำให้ได้

ทีมของสลัตโก้ ดาลิซ เข้ารอบชิงฟุตบอลโลก 2018 ด้วยสถิติแปลก ๆ เมื่อไม่ชนะเกมน็อคเอาต์ในเวลาปกติเลย และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะเกมในรอบ 16 ทีม และรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาต้องดวลจุดโทษทั้งสองนัด แถมยังไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมติดต่อกัน ที่สำคัญตลอดการเล่นในรอบน็อคเอาต์ (รวมนัดชิงที่ 3 ในปี 1998 และนัดชิงชนะเลิศปี 2018) พวกเขาไม่เคยพลาดการยิงประตูเลย และหากเข้าชิงในปีนี้ พวกเขาจะอยู่ในคลาสส์เดียวกับ อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี ที่เข้าชิงติดต่อกัน 2 ครั้ง

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

สถานการณ์ผู้เล่นของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

ก่อนเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ มีข่าวลือหนาหูว่า โรดริโก้ เดอ ปอลจะลงเล่นไม่ได้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งลิโอเนล สคาโลนี่ โค้ชอาร์เจนติน่าปฏิเสธหัวชนฝา และเดอ ปอลก็ลงเล่นถึงนาทีที่ 66 ก่อนลีอันโดร ปาเรเดส ลงเล่นแทน

แม้เกมกับเนเธอร์แลนด์ จะมีใบเหลืองถูกแจกถึง 18 ใบ แต่ทีมฟ้าขาวมีผู้เล่นถูกแบนในเกมนี้แค่ 2 รายในตำแหน่งฟูลล์แบ็ค มาร์กอส อะคูญ่าและกอนซาโล มอนทีล โดยนิโคลาส ทากลิอาฟิโก้ กับโมลิน่าจะได้ลงเล่นแทนตามลำดับ

ข่าวดีอีกอย่างของทีมฟ้าขาวก็คือ พวกเขาไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม อเลฮานโดร โกเมซ ฟื้นจากการบาดเจ็บข้อเท้าแล้ว ส่วนเดอ ปอลกับอังเจล ดิมาเรีย ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย น่าจะฟิตพอลงเล่นเป็น 11 คนแรก

ในเกมสุดเดือดกับอัศวินสีส้ม สคาโลนี่เริ่มต้นด้วยการเล่นเซนเตอร์แบ็ค 3 คน ก่อนปรับมาเป็นแผงหลัง 4 คน โดยลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เพิ่งฟื้นจากหวัด ถูกเปลี่ยนให้ดิ มาเรียลงเล่นแทน ซึ่งน่าสนใจว่าในเกมนี้ เขาจะวางแผนรับมือโครเอเชียอย่างไร

ส่วนโครเอเชีย แม้จะมีนักเตะติดไข้เหลืองในเกมกับบราซิลถึง 4 ราย รวมถึงสองตัวหลักในแดนกลาง ลูก้า โมดริซและมาเตโอ โควิซิซ แต่ทั้งสี่คนก็รอดรับใบเหลืองอีกใบที่จะทำให้โดนแบน และดาลิซก็หวังว่านักเตะทุกคนจะฟิตพร้อมลงเล่นในนัดนี้ โดยบอร์นา โซซ่ากับมิสลาฟ ออร์ซิซ ฟื้นจากอาการป่วยแล้ว

ปัญหาของโครเอเชียอยู่ที่การทำประตู ในเกมกับบราซิล มาริโอ ปาซาลิซ ได้ลงเป็น 11 คนแรก และน่าจะสตาร์ตเกมนี้ในตำแหน่งปีกขวา ขณะที่อันเดรจ์ ครามาริซอาจถูกเบียดจากตัวจริง โดยเพ็ตโควิซเจ้าของประตูตีเสมอในเกมรอบ 8 ทีมลงแทน แต่นักเตะจากฮอฟเฟ่นไฮม์รายนี้ เป็นหนึ่งในนักเตะโครแอตที่สตาร์ตตัวจริงของทุกเกม

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 (ภาพ: Getty Image)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, ทากลิอาฟิโก้; เดอ ปอล, เฟอร์นานเด, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ
โครเอเชีย ระบบ 4-3-: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเร็น, กวาร์ดิโอล, โซซ่า; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, เพ็ตโควิซ, เปริซิซ

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

สถิติในนัดที่ผ่าน ๆ มาของทั้งคู่ อาร์เจนติน่าที่แม้จะยิงนำคู่ต่อสู้ แต่ก็ถูกยิงไล่แทบทุกนัด ไม่ว่าจะเป็นเกมกับเนเธอร์แลนด์ที่ออกเสมอ หรือออสเตรเลียที่ทำให้ชนะเฉียดฉิว หรือเกมที่แพ้ซาอุดิอาระเบีย ส่วนโครเอเชียก็ไม่ใช่ทีมที่เชี่ยวชาญในการยิงนำ กระทั่งเกมกับแคนาดา ก็ถูกเบิกประตูก่อน ทำให้เกมนัดนี้น่าจะสู้กันสนุก สู้กันด้วยแท็กติก และใช้ไหวพริบของผู้เล่นคนสำคัญในการพลิกเกม โดยอาร์เจนติน่ามีเมสซี่ และโมดริซอยู่ในทีมโครเอเชีย

แต่ด้วยผู้เล่นที่อยู่รายรอบของทั้ง 2คน เมสซี่ดูจะมีผู้เล่นที่ครบเครื่องมากกว่า และนั่นคือกุญแจหลักที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบชิง ชนะด้วยสกอร์ที่ไม่มากนัก 1-0 หรือ 2-1 และมีโอกาสไม่น้อยที่จะทะลุไปถึงต่อเวลา หรือยิงลูกโทษที่จุดโทษ

เรื่องน่าอ่าน
พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย

อังคาร 13 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1994 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1998 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2006 โครเอเชีย ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2014 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
ฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชีย ชนะ 3-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3

โครเอเชีย

รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า

 

มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้โดน เนเธอร์แลนด์ ตามตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ 90+11 แต่ก็ยังมีคุณภาพมากพอจะเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ

 

มาถึงเกมรอบตัดเชือกนัดนี้ หมายความว่า อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่ 2 เกมซ้อนเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษซ้ำอีก ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986 มาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล สคาโลนี่ มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร คราวนี้แผลเกิดขึ้นที่หลังบ้านบ้าง เมื่อทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมฟ้าขาวมาตลอดทัวร์นาเมนต์ ต้องติดโทษแบนพร้อมกัน ไม่สามารถลงเล่นเกมนี้ได้

 

ส่วน 3 แนวรุก ที่ก่อนหน้านี้ อังเคล ดิ มาเรีย เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน ทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก หลังฟิตกลับมาได้ตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ภายหลังปรับใช้ระบบสามเซนเตอร์แบ็กเพื่อเน้นเพลย์เซฟในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ ก็เชื่อว่า สคาโลนี่ จะไม่ประมาท โครเอเชีย และยึดหมากนี้เอาไว้ต่อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้ลงมาถมเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ ส่วนตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายที่ อคุนย่า ติดแบน จะเป็น นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงแทน

 

ดังนั้นเกมรุกจึงจะมาแบบ 2 กองหน้าอีกครั้ง ใช้ ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เข้าทำ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

โครเอเชีย

ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

มาถึงเกมชี้ชะตาเข้าชิงหรือแค่ชิงที่ 3 นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ส่วนทาง บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย ฟิตกลับมาลงตัวจริงในเกมกับ บราซิล ไปก่อนแล้ว เกมนี้สามารถเล่นได้ต่อเนื่อง

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็ไม่น่าเปลี่ยนจากรอบก่อนๆ แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่

กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 4 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช

อะไรจะฟิตได้ขนาดนี้ ฟิตเปรี๊ยะจนเริ่มมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก็๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมล่าสุดกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 160 นัดก็ตาม

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (5-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า ปะทะ โครเอเชีย

• หลังจากเสมอแบบไร้สกอร์ในปี 1994 ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาคนละ 2 ครั้ง
• พบกันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ก็ผลัดกันแพ้ชนะเช่นกัน
• ล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โครเอเชีย ทำเซอร์ไพรส์ยิงขาดถึง 3-0 ด้วยมีจุดเปลี่ยนกับลูก 1-0 ที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ เตะเปิดเข้าทาง อันเต้ เรบิช ยิงเข้าไปง่ายๆ ก่อนท้ายเกม ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช จะมาบวกเพิ่มปิดเกมที่ 3-0

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 41 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูก มา 4 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 41 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 55 นัด ชนะ 36 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 171, อังเคล ดิ มาเรีย 129, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 99, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 46
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,002 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 171 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง

• อาร์เจนติน่า พกสุดยอดสถิติมาด้วยอย่างการที่ “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก แต่นำเอาแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 เข้าไปชิงชนะเลิศกัน (และ อาร์เจนติน่า ต่อเวลาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ครองแชมป์โลกสมัยแรก)
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1 / นัดชิงแพ้ อุรุกวัย 2-4
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0 / นัดชิงชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3 / นัดชิงแพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 / นัดชิงแพ้ เยอรมนี 0-1

• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้งในบอลโลกหนนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2014

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวดในฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว

• มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง (10 แมตช์) ที่เกิดการยิงกันแบบ “ขาดลอย” ในรอบตัดเชือก ซึ่งก็คือ เกมที่ เยอรมนี มอบฝันร้ายให้ บราซิล 7-1 เมื่อปี 2014 นอกนั้นถ้าไม่เสมอกันก็ชนะแบบเฉือนเม็ดเดียว
ฟุตบอลโลก 2002 เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้, บราซิล 1-0 ตุรกี
ฟุตบอลโลก 2006 เยอรมนี 0-0 อิตาลี (อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก 2010 อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี 0-1 สเปน
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล 1-7 เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า (อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2)
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม, โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ (โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
“ต้องยอมซูฮกให้กับ โครเอเชีย เลย เพราะที่จริงผมกาชื่อพวกเขาทิ้งไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าผมมองพวกเขาผิดไป พวกเขาเป็นทีมที่ออร์แกไนซ์กันได้ดีมาก ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ยังยอดเยี่ยม พวกเขาเก็บบอลได้ คอนโทรลเกมได้ มีความยืดหยุ่นสูง”
“ดังนั้นนี่จะเป็นเกมยากมากๆ ของ อาร์เจนติน่า แต่ผมก็เชื่อว่า อาร์เจนติน่า จะลงเล่นแบบไม่ประมาท และรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไรจากคู่แข่ง มันอาจจะเป็นโอกาส 50-50 ในการหาผู้ชนะ แต่ก็คงไม่ผิดบาปเกินไปนักถ้าผมจะให้หัวใจนำมากกว่าหัวสมอง และผมจะเลือกให้ เมสซี่ ทะลุเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ”
“ผมพูดเสมอมาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือนักเตะหมายเลขหนึ่ง และเขาครองแชมป์โลกในปี 1986 เส้นทางมหัศจรรย์ของ เมสซี่ ถูกตีตราจากบางคนว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อเขายังไปไม่ถึงแชมป์โลก แต่ตอนนี้เขาเหลือแค่ 2 นัดเพื่อทำมันให้เป็นจริง และผมก็อยากเห็นมันเกิดขึ้น”
“ใช่ นี่ยังหมายความว่าผมกาชื่อ โครเอเชีย ทิ้งไปจากฟุตบอลโลก 2022 อีกครั้ง และเชื่อผมสิ ถ้าเกมต้องถึงช่วงดวลจุดโทษ มันก็จะเป็น โครเอเชีย อีกนั่นแหละที่ชนะ”

 

ความน่าจะเป็น
เลิกคิดเรื่องยิงถล่มขาดลอยกันได้ เมื่อ 90% ของรอบตัดเชือกช่วงหลายปีหลังออกเฉือนๆ หรือไม่ก็เจ๊ากัน สำหรับเกมนี้ ก็แน่นอนเช่นกันว่าคู่คี่สูสี มีโอกาสชนะพอๆ กัน แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ อาร์เจนติน่า ว่าจะสามารถปิดจุดอ่อนของตัวเองอย่างการ “แผ่วปลาย” ได้หรือไม่ หลังจากสองรอบที่ผ่านมาโดนเจาะตอนท้ายตลอด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ พวกเขาคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปต่อนัดชิงดำให้ได้

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0

 

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ อังกฤษ ฝรั่งเศส

วันที่ 11 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง Thairath TV/ True Sports 2

อังกฤษ สิงโตคำราม ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษคือ เต็งหนึ่งแชมป์กลุ่ม บี ที่มีโอกาสเข้ารอบลึก ๆ ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ (ภาพ: worldinsport.com)

สถานการณ์ของอังกฤษและฝรั่งเศส

การมาเจอกันของสองทีมที่เป็นคู่ปรับกันมายาวนาน และมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะการเป็นทีมที่มีผู้เล่นมากพรสวรรค์รุ่นใหม่ ๆ อยู่ในทีมจำนวนมาก และต่างก็คุมทีมโดยโค้ชที่นิยมการเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน และขณะที่อังกฤษคือทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ฝรั่งเศสก็มีผู้เล่นที่ทดแทนกันได้มากมายในทีม

เกมรอบ 16 ทีมสิงโตคำรามเอาชนะสิงโตแห่งเทรังก้ามาได้ ในเกมที่แกเร็ธ เซาธ์เกตแฮปปี้ที่ได้เห็นลูกทีมเล่นแบบไม่มีปรานีคู่แข่ง ในเกมที่แฮร์รี่ เคนทำประตูที่ 52 ในนามทีมชาติสำเร็จ ซึ่งใกล้เคียงกับการทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดของอังกฤษเข้าไปทุกที แต่กับฝรั่งเศส ประตูที่ 52 ของโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็มากพอที่จะทำให้ศูนย์หน้าจากเอซี มิลาน กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมตราไก่ และในเกมรอบ 16 ทีม พวกเขาก็จัดการโปแลนด์ของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ได้แบบสบาย ๆ

การเจอกันครั้งนี้ เซาธ์เกตน่าจะกำชับลูกทีมให้เริ่มเกมด้วยความกระตือรือร้น เพราะหากเปิดตัวในแบบที่ต่ำกว่ามาตรฐาน จะกลายเป็นการเดินไปสู่หายนะได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในแนวรับที่ต้องเผชิญหน้ากับการเล่นที่เข้าขากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยของคิลิยัน เอ็มบัปเป้และชิรูด์ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ เขาจะเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนแรกนประวัติศาสตร์ ที่พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศมากกว่า 1 ครั้ง

แชมป์โลก ฝรั่งเศส

เช็กสถิติของอังกฤษและฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบนี้ถึง 5 หนจากฟุตบอลโลก 7 ครั้งหลังสุด และ 3 หนเกิดขึ้นใน 3 ครั้งที่เพิ่งผ่านไป ยิ่งไปกว่านั้นการเจอกับทีมจากยุโรปด้วยกันในเกมน็อคเอาต์ 10 เกมหลังสุด ทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส เอาชนะไปได้ถึง 8 ครั้ง

กับอังกฤษถือเป็นคนละเรื่อง เมื่อนี่คือรอบที่พวกเขาต้องกลับบ้านเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในปี 1954, 1962, 1970, 1986, 2002 และ 2006 แถม 6 จาก 8 ครั้งที่พวกเขาตกรอบฟุตบอลโลก ก็เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของทีมยุโรปด้วยกันนี่แหละ

อย่างเดียวที่ทำให้นักเตะอังกฤษอุ่นใจได้บ้างก็คือ ฝรั่งเศสยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยที่กาตาร์ และพวกเขาไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ติดต่อกันถึง 3 เกม แล้วการเจอกันในฟุตบอลโลกของทั้งสองทีม อังกฤษทำได้ดีกว่าเมื่อชนะทั้ง 2 นัดในปี 1966 และ 1982 หากนั่นคือประวัติศาสตร์ที่นานนม และกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคหลัง ๆ สิงโตคำรามเก็บชัยได้แค่นัดเดียวจากการเจอฝรั่งเศส 8 นัดหลัง

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022
สถานการณ์ผู้เล่นของอังกฤษและฝรั่งเศส

อังกฤษจะไม่มีเบน ไวต์ที่กลับบ้านไปแล้ว เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว ขณะที่ราฮีม สเตอร์ลิงก็ต้องกลับไปดูแลครอบครัวหลังบ้านถูกโจรขึ้น และล่าสุดก็เดินทางกลับมากาตาร์ เรียบร้อยแล้ว คัลลั่ม วิลสัน ก็มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้เล่น 11 คนแรกอยู่แล้ว ที่น่าเป็นห่วงคือ ดีแคลน ไรซ์​ที่ลงเล่นตัวจริงในทุกนัด พลาดการซ้อมเตรียมทีมเมื่อวันพุธเพราะป่วย แต่เชื่อว่าน่าจะลงสนามได้ เช่นเดียวกับจอห์น สโตนที่ออกจากเกมเจอเซเนกัล ด้วยอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา

เกมนัดนี้เป็นไปได้ว่า เซาธ์เกตที่เน้นเล่นปลอดภัยไว้ก่อน จะปรับมาเล่นสามเซนเตอร์แบ็ค หลังจากที่เล่นในระบบ 4-3-3 มาพักใหญ่ แต่และก็เป็นไปได้สูงมากที่ เฮนเดอร์สัน, ไรซ์ และเบลลิงแฮมจะได้เล่ในแดนกลางร่วมกันอีก

ทีมตราไก่ก็มีข่าวใหญ่เหมือนกัน เมื่อเอ็มบัปเป้พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร เนื่องจากมีปัญหากับข้อเท้า แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในวันต่อมากองหน้าวัย 23 ปีก็กลับมาลงซ้อมได้แล้ว และน่าจะออกสตาร์ตในเกมนี้ โดยฝรั่งเศสชนะเกมในฟุตบอลโลกถึง 9 นัด ที่เอ็มบัปเป้เป็น 11 ตัวแรกคู่กับชิรูด์ ที่รายหลังทำประตูในกาตาร์ไปแล้ว 3 ประตู เหลืออีกประตูเดียวจะทำสถิติดาวยิงอายุเกิน 36 ปีที่ทำประตูมากที่สุดในฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียว ทาบโรเจอร์ มิลล่าจากแคเมอรูน ที่ทำไว้ตอนอายุ 38 ปี

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับชูลส์ คุนเด้ มีใบเหลืองติดตัวอยู่ หากโดนอีกใบจะพลาดเกมในรอบรองชนะเลิศ หากฝรั่งเศสเข้าไปเล่น แต่เดส์ชองป์สก็ไม่ใช่โค้ชที่เอาเรื่องการคาดโทษ มาเป็นองค์ประกอบในการเลือก 11 ตัวจริงอยู่แล้ว

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ที่เป็นนายใหญ่ในแผงหลัง ด้วยประสบการณ์อันข้นคลั่กวารานจะช่วยฝรั่งเศสได้อย่างแน่นอน (ภาพ: Andrew Surma/NurPhoto via Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอังกฤษและฝรั่งเศส

อังกฤษ ระบบ 4-3-3: พิคฟอร์ด; วอลเกอร์, สโตนส์, แม็กไกวร์, ชอว์; เฮนเดอร์สัน, ไรซ์, เบลลิงแฮม; ซาก้า, เคน, โฟเด้น
ฝรั่งเศส ระบบ 4-3-3: โญริส; คุนเด้, วาราน, อูปาเมกาโน่, เฮนเดอร์สัน; กรีซมันน์, ชูอาเมนี่, ราบิโอต์; เด็มเบเล่, ชิรูด์, เอ็มบัปเป้


อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022
ผลการแข่งขันระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส

การสู้กันของสองทีม ที่ทีมหนึ่งมีแนวรับที่เหนียวแน่นที่สุดทีมหนึ่งในฟุตบอลโลกหนนี้ เมื่อไม่เสียประตูถึง 3 นัด ขณะที่อีกฝ่ายเสียประตูทุกเกม และบางทีเกมรับของอังกฤษก็อาจจะถึงเวลาถูกทดสอบด้วยของจริงสักที หากดูจากคู่แข่งที่พวกเขาเจอมาก่อนหน้า เพราะในนัดนี้ื ถ้าเปิดโอกาสให้คู่หูเอ็มบัปเป้-ชิรูด์เมื่อไหร พวกเขาอาจไม่มีข้อแก้ตัว

แต่ถ้านักเตะสิงโตคำรามยื้อเกมให้ยาวไปถึงต่อเวลาได้ พวกเขาน่าจะมีข้อได้เปรียบจากการที่มีตัวรุกมากมายให้เลือกใช้จากม้านั่งสำรอง ขณะที่แนวรับของฝรั่งเศสก็น่าจะล้าไปเรื่อย ๆ หากก็เชื่อว่า เดส์ชองป​์ส และนักเตะตราไก่จะไม่ยอมให้เกมลากไปยาวนานขนาดนั้น แล้วด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่า งานนี้ฝรั่งเศสจะชนะ 2-1 หรือไม่ก็ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โมร็อกโก – โปรตุเกส

วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

สถานการณ์ของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ชาติจากการชนะดวลจุดโทษกับสเปน บ้านใกล้เรือนเคียงจากยุโรปใต้ และรอบนี้พวกเขาก็จะพบอีกทีมจากพื้นเพเดียวกับสเปน ที่ชนะสวิตเซอร์แลนด์อย่างสวยหรู และมีนักเตะคนแรกที่ทำให้แฮ็ททริคได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

สิงโตจากเทือกเขาแอตลาสยื้อสเปน ที่ทำสถิติผ่านบอลในเกมเป็นพันครั้งได้สนุก แม้โอกาสทำประตูจะน้อยกว่า แต่ในแง่ของลูกเสียว ทีมจากแอฟริกาทำได้ดีกว่า โดยกุญแจสู่ชัยชนะของพวกเขาคือ เกมรับ ที่เป็นความรับผิดชอบของสองฟูลล์แบ็ค อาชราฟ ฮาคิมี่กับนูสแซร์ มาซราอุย และคู่เซนเตอร์รวมถึงกองกลางที่วิ่งไม่มีหมด ซอยฟราน อัมราบัต ที่ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนโปรตุเกสนอกจากจะถล่มสวิสกระเจิง ยังเปิดตัวดาวยิงคนใหม่ กอนเซโล รามอส ที่ทำแฮ็ททริคแรกของฟุตบอลโลก 2022 โดยซูเปอร์สตาร์ที่มากาตาร์พร้อมสารพัดเรื่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่บนม้านั่งสำรอง

ถ้าโมร็อกโกไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ พวกเขาไม่ใช่แค่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเอง แต่ยังเป็นทีมแรกของแอฟริกาที่ไปได้ไกลขนาดนั้น การเป็นที่ 1 ในกลุ่มที่มีทีมอันดับ 2 และ 3 จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว โมร็อกโกไม่น่าที่จะต้องกลัวใครอีก ส่วนโปรตุเกสชัยชนะ 3 นัด กับ 12 ประตู น่าจะทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่า มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกได้ หลังได้แชมป์ยูโรและเนชั่นส์ ลีกมาแล้ว

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทีมชาติโปรตุเกส จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: portugoal.net)

เช็กสถิติของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเคยเข้ารอบ 16 ทีมมาแล้วในฟุตบอลโลก 1986 ยังสร้างสถิติในฟุตบอลโลกให้กับตัวเอง ด้วยการไม่แพ้ติดต่อกันถึง 5 นัด และจากการลงเล่น 7 นัดหลัง พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ถึง 6 เกม สำหรับการเจอกันของทั้ง 2 ทีม โมร็อกโกพบโปรตุเกสมาแล้ว 2 หน โดยผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือการคว่ำโปรตุเกส 3-1 ในฟุตบอลโลก 1986

โดย 5 นัดสุดท้าย โมร็อกโกไม่แพ้ใครเลย โดยเสมอไปเพียงนัดเดียว (WDWWW) ส่วนโปรตุเกสชนะ 4 แพ้ 1 (WWWLW)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ขวา) กับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสโมสร (ภาพ: www.sportingnews.com)

สถานการณ์ผู้เล่นของโมร็อกโกและโปรตุเกส

ชัยชนะจากการสู้ถึงฎีกากับสเปน โมร็อกโกต้องจ่ายด้วยราคาแพง นาเยฟ อกวอร์ด ต้องเปลี่ยนตัวออกเป็นคนสุดท้ายในช่วงเวลาปกติทั้งน้ำตา เพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเร่งเยียวยาอย่างหนัก เพื่อลงเล่นในนัดนี้ โรเมน ซาอิสส์ กัปตันทีม คู่หูในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค แม้จะไม่ต้องเปลี่ยนตัว แต่ก็มีปัญหากับกล้ามเนื้อโคนขา จนต้องพักดูแลอาการอยู่นาน ซอยฟราน อัมราบัติ ก็มีอาการเจ็บหลังแต่ก็สู้กับกองกลางกระทิงดุได้สนุก ส่วนฟูลล์แบ็ค 2 ฝั่งฮาคิมี่กับมาซราอุยแม้จะมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วย แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคู่น่าจะลงเล่นได้ เช่นเดียวกับบรรดาแนวรุก ไม่ว่าจะเป็น โซเฟียเน่ บูฟัล, ฮาคิม ชีเย็ค และยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่มากาตาร์พร้อมกับข่าวใหญ่ และการเป็นผู้เล่นที่ติดทีมชาติมากที่สุด 195 นัด ยิงประตูให้ทีมชาติมากที่สุด 118 ประตู ตกต้องเป็นตัวสำรองในเกมกับสวิส ที่กอนเซโล รามอสได้ฉายออกมาสุด ๆ ชูเอา กอนเซโล เป็นอีกคนตกเป็นตัวสำนองในเกมกับสวิต เมื่อเฟอร์นานโด ซานโต๊ส โค้ชของทีมเลือกราฟาเอล เกวร์เรโร ในตำแหน่งแบ็คซ้าย และใช้ดิโอโก้ ดาโลต์ในตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งเป็นไปได้มากว่า ทั้งคู่จะถูกใช้งานอีกครั้งในเกมนี้

ในตำแหน่งอื่น ๆ โอตาวิโอน่าจะได้เล่นต่อในแผงมิดฟิลด์ แต่วิลเลียม คาร์วัลโญ่ต้องลุ้นแย่งตำแหน่งกับรูเบน เนเวสในตำแหน่งห้องเครื่องของทีม

สองผู้เล่นจากปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็ง นูโน เมนเดสที่เจ็บกล้ามเนื้อโคนขาคงไม่ได้เล่นในฟุตบอลโลกแล้วต่อให้ทีมได้เข้าชิงก็ตาม ส่วนดานิโล่ เปไรร่าที่บาดเจ็บซี่โครงสถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่คู่เซนเตอร์จะเป็นรูเบน ดิอาสกับตัวเก๋าวัย 39 ปี เปเป้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

(Photo by Carlos Rodrigues/Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน่; ฮาคิมี่, เอล ยามิคว์, เบนูน, มาซราอุย; อูนาฮี, อัมราบัต, อมาลลาห์; ซีเย็ค, เอ็น-เนซีรี่, บูฟัล
โปรตุเกส ระบบ 4-3-3: คอสต้า; ดาโลต์, เปเป้, ดิอาส, เกวร์เรโร; โอตาวิโอ, คาร์วัลโญ่, เบอร์นาโด; เฟร์นานด์ส, รามอส, เฟลิกซ์

ผลการแข่งขันระหว่างโมร็อกโกและโปรตุเกส

การที่ต้องเล่นเกมยาวกับสเปน ส่งผลต่อโมร็อกโกในเกมนี้แน่ ๆ และถ้าชนะพวกเขาไม่น่าจะผ่านทีมฝอยทองด้วยสกอร์ 3-1 เหมือน 36 ปีก่อน และกับความเหนียวแน่นในเกมรับของโมร็อกโกเอง พวกเขาก็ต้องแลกด้วยเกมรุกที่ดูกระเบียดกระเสียร โดยในฟุตบอลโลกหนนี้มีแค่สองทีมเท่านั้น ที่ยิงเข้ากรอบน้อยกว่าโมร็อกโก แล้วถึงจะเยี่ยมยอดขนาดไหน แนวรับของสิงโตจากเทือกเขาแอตลาส ก็ต้องมีหลุดบ้าง และแนวรุกของโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็นเฟลิกซ์ หรือดาวรุ่งดวงใหม่ รามอส รวมถึงเสือเฒ่า อย่าง โรนัลโด้ น่าจะฉวยโอกาสได้ดีกว่ากระทิงหนุ่มที่ไม่ใช่กองหน้าอาชีพ และน่าจะทำให้ยาสซีน โบโน่ผู้รักษาประตูของโมร็อกโก หมดโอกาสโชว์ฝีมือในช่วงของการดวลจุดโทษ

งานนี้โปรตุเกสน่าจะเฉือนหวิว ด้วยสกอร์ 2-1 หรือ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022