8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น