8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

เฮี้ยนไม่เว้นวัน สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจไม่เว้นเกม สร้างเซอร์ไพรส์และเรื่องเล่าขานต่างๆ นานาได้ในทุกเกมที่ผ่านพ้นไป สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะเมื่อยิ่งงวดลง ยิ่งมาถึงน็อกเอาต์วันท้ายๆ ก็ยิ่งมีประเด็นให้โลกลูกหนังต้องตามติด–ชนิดตาห้ามกะพริบ!

 

ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ! โมร็อกโกลิ่วตัดเชือกบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่เพียงแต่การเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ แต่มาถึงตรงนี้ คงพูดได้ว่า โมร็อกโก มีเอี่ยวกับการ “คว้าแชมป์โลก” แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเกมประวัติศาสตร์ที่ วาลิด เรกรารี และลูกทีมสิงโตแอตลาส จัดมาเสิร์ฟแฟนๆ

 

รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 สองคู่สุดท้าย วันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. เริ่มจากแมตช์ โมร็อกโก พบ โปรตุเกส ซึ่งตัวแทนจากแอฟริกาต้องปรับหลังบ้านเล็กน้อยหลัง นาเยฟ อาแกร์ด บาดเจ็บ ส่วนทาง แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส เจ้าของแฮตทริกในเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 รอบที่แล้ว ลงตัวจริงต่อ

 

กระนั้น เกมรุกของทีมฝอยทองไม่อาจเจาะแนวรับโมร็อกโกที่นำโดยกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ และนายด่านจอมหนึบ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เข้าไปได้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล รวมถึงว่าโอกาสจบก็ไม่ได้มีมากครั้งนักด้วย

 

จนในช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 โมร็อกโก ก็ทำเซอร์ไพรส์เจาะประตูนำไปก่อนจากลูกครอสเข้าหน้าประตู ของ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ เข้าทาง ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ขึ้นโขกตัดหน้านายทวาร ดีโอโก้ คอสต้า เข้าประตูไปพอดิบพอดี

 

ครึ่งหลัง โปรตุเกส โถมเกมรุกขึ้นอีกระดับ โดยมีการส่ง โรนัลโด้ ลงสำรองมาเพิ่ม และ CR7 ก็มีโอกาสดีที่จะพังประตูตีเสมอตอนทดเจ็บ จากการทะลุเข้าไปส่องในเขตโทษทางขวา ทว่าก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู แต่อย่างใด

 

ทดเวลา 90+3 วาลิด เชดดิร่า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับเกม แค่ว่าหอกสำรองโมร็อกโกจะอดเล่นในรอบตัดเชือกเท่านั้น

 

สุดท้ายเกมจบลง โมร็อกโก ชนะ 1-0 โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกอีกครั้ง และ โรนัลโด้ เดินร่ำไห้ออกจากสนาม ด้วยความที่นี่คือเกมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 ปีอย่างเขา และความหวังในการผงาดแชมป์โลกครั้งแรก ต้องมีอันสิ้นสุดลงไป

 

สำหรับ โมร็อกโก ของกุนซือ วาลิด เรกรากี เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เป็นชาติแอฟริกันและอาหรับที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นรายแรก รวมถึงมีโอกาสขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพิ่งเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นจากการเล่น 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์ (อัชราฟ ดารี 57), จาวัด เอล ยามิก, ยาเอีย อัตติยัต-อัลลาห์ – อัซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิร่า 65) – ฮาคิม ซีเย็ค (ซากาเรีย อาบูคลัล 82), ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (บาเดอร์ เบนูน 65), โซฟียาน บูฟาล (ยาห์ย่า จาบราน 82)
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 79), เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ชูเอา กันเซโล่ 51) – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 69), รูเบน เนเวส (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 51), แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส (ราฟาเอล เลเอา 69), ชูเอา เฟลิกซ์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ยาสซีน บูนู คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดในกลุ่มนายทวาร เทียบเท่า โดมินิค ลิวาโควิช ของโครเอเชีย
• ตามสถิติฟีฟ่า ยาสซีน บูนู ทำ Goals Prevented เกมนี้ 11 ครั้ง
• ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ กระโดดโหม่งทำประตูในเกมนี้สูงถึง 2.78 เมตร เหนือกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ 2.5 เมตร ในเกม ยูเวนตุส พบ ซามพ์โดเรีย

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมาเป็นเกมที่ 10 แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3

• นี่คือการพบกันเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• ให้หลัง 32 ปี พบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน
• และล่าสุดกับเกมนี้ ที่ โมร็อกโก กำชัย 1-0
• โปรตุเกส ไปไม่ถึงดวงดาวในฟุตบอลโลกเหมือนเช่นเคย โดยตกทั้งรอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลัง ส่วนผลงานดีสุดยังคงเป็นอันดับ 3 ปี 1966

• กอนซาโล่ รามอส มีโอกาสยิง 6 ครั้งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริกได้ แต่มาเกมนี้โอกาสลดเหลือ 1 ครั้งถ้วน ไม่มีประตู ก่อนถูกถอดออกในนาที 69
• อันเดร ซิลวา ที่ยิง 19 ประตูในทีมชาติ มีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลก 2022 แค่ราวครึ่งชั่วโมง ด้วยการลงสำรองนาที 65 เกมแพ้ เกาหลีใต้ 1-2
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นทีมชาติเกมที่ 196 แต่ถ้าจำกัดเฉพาะ “รอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก” แล้ว นี่คือนัดที่ 8 รวมเวลา 9 ชั่วโมงครึ่ง โอกาสยิง 27 ครั้ง… ได้มา 0 ประตู

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• รอบตัดเชือก โมร็อกโก จะพบกับชาติที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมอย่าง ฝรั่งเศส ที่เคยปกครอง โมร็อกโก ระหว่างปี 1912 – 1956
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• การตกรอบอย่างสุดช็อกของ โปรตุเกส นำมาซึ่งบทสัมภาษณ์เผ็ดร้อน เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของทางฝั่ง เปเป้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่มีต่อผู้ตัดสิน ฟาคุนโด้ เตโย่ จากอาร์เจนติน่า ว่าไม่โปร่งใส ไม่ทันเกมอย่างที่ควรเป็น ทั้งยังเป็นสิงห์เชิ้ตดำเกรดรอง ไม่เคยผ่านการตัดสินเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน แต่กลับได้มาทำหน้าที่ในเกมสำคัญอย่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกอย่างน่าประหลาดใจ ไปจนถึงว่าก็ไม่ควรได้ทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์

• แฟร์นันโด ซานโตส ยังไม่ด่วนตัดสินอนาคตตัวเอง โดยขอเจรจากับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกสเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำทีมต่อหรือสละเก้าอี้ไป หลังคุมยาวมาตั้งแต่ปี 2014 และมีแชมป์ยูโร 1 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1 สมัย ติดมือ แต่ตกแค่รอบ 16 ทีมกับ 8 ทีมฟุตบอลโลก เท่านั้น

• แม้ไม่ได้ประกาศชัด แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เดินออกจากสนามแบบน้ำตานองอาบสองแก้ม ก็เผยเป็นนัยว่า เขาอาจจะเลิกเล่นทีมชาติแต่เพียงเท่านี้ ลงรับใช้ชาติไปทั้งสิ้น 196 นัด ยิง 118 ประตู โดยเป็นเจ้าของสถิติทั้งลงสนามมากสุดและยิงประตูสูงสุดตลอดกาลกับทีมชาติ ทว่าก็ยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 2022 จากจุดโทษนัดชนะ กาน่า 3-2 เกมแรกของทัวร์นาเมนต์
“การคว้าแชมป์โลกกับ โปรตุเกส คือความฝันและความทะเยอทะยานสูงสุดในอาชีพของผม โชคดีที่ผมได้แชมป์มามากมาย รวมทั้งกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การพาประเทศของเราประสบความสำเร็จขั้นที่สูงที่สุดในโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 5 สมัย รวมเวลาเกินกว่า 16 ปี ผมยิงประตูได้ ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเทอย่างเต็มร้อยในสนาม ผมไม่เคยหนีหน้าจากการต่อสู้ และผมไม่เคยยอมแพ้ที่จะสานฝัน”
“น่าเศร้าที่เมื่อวานฝันจบลงอย่างไม่สมควร ผมอยากให้คุณรู้มากกว่าการที่มันจะถูกเขียนถึง ถูกพูดถึง หรือว่าถูกเล่าลือ แต่ความทุ่มเทที่ผมมีต่อ โปรตุเกส ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผมต่อสู้เพื่อเป้าหมายเสมอ และผมไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีม และประเทศของผม”
“สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันมันงดงามจนกระทั่งมันจบสิ้นลง… ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเป็นผู้แนะนำที่ดี และเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้ทำตามต้องการ”

 

 

เคนขว้างตั๋วทิ้ง-สิงโตสลบพ่ายตราไก่ 1-2

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

นี่คือเกมคู่คี่สูสี ที่มีสิทธิ์ตัดสินกันด้วย “รายละเอียดเล็กๆ”

 

รายละเอียดเล็กจิ๋วอย่าง “องศาการเหินของลูกบอล” ขณะออกจากปลายเท้า แฮร์รี่ เคน ในเสี้ยววินาทีนั้น…

 

คู่ดึกของวันเสาร์ เกมสุดท้ายของรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 บิ๊กแมตช์ของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส เกมนี้ต่างฝ่ายต่างยึด 11 คนแรกชุดเดิมลงสนาม สิงโตคำรามนำมาโดย แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนตราไก่ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ รวมพลังเข้าทำ

 

เป็น ฝรั่งเศส ที่ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันจากหน้าเขตโทษผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 17

 

แต่จากนั้น อังกฤษ ก็ทวงคืน 1-1 ตอนต้นครึ่งหลัง จากจุดโทษที่ ซาก้า โดน ชูอาเมนี่ ขัดขาล้มลงไป และ แฮร์รี่ เคน ตะบันผ่าน อูโก้ โยริส ไม่พลาด เป็นประตูทำสถิติยิงสูงสุดในทีมชาติ 53 ลูก เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์

 

ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 กรีซมันน์ ก็ครอสแม่นๆ จากซ้ายเข้าไปให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แม็กไกวร์ ตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส นำ 2-1

 

ท้ายเกมหลังจากนั้นอีก น.82 อังกฤษ มีโอกาสดีในการตามตีเสมอรอบสอง เมื่อมาได้จุดโทษจากวีเออาร์ที่ตัวสำรอง เมสัน เมาท์ โดน เตโอ เอร์นันเดซ กระแทกล้มหน้าทิ่ม อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง รวมถึงฟรีคิกหน้าเขตโทษในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กดเสยคานออกไปแค่คืบเท่านั้น จนจบที่ ฝรั่งเศส กำชัยแบบลุ้นเหนื่อย 2-1

 

ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวนับตั้งแต่แชมป์โลกสมัยแรก 1966 เป็นต้นมา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แจ๊ค กรีลิช 90+8), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เมสัน เมาท์ 79) – บูกาโย่ ซาก้า (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 79), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (มาร์คัส แรชฟอร์ด 85)
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 79), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
• ชิรูด์ กดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลูกเดียวถ้วน
• ชิรูด์ ทำเพิ่มเป็น 53 ลูก ฉีกหนีเจ้าของสถิติคนเก่า เธียร์รี่ อองรี (51) เพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว
• อูโก้ โยริส ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ ฝรั่งเศส สูงสุดแบบเดี่ยวๆ 143 นัด แทนที่ ลิลิยอง ตูราม 142
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไร้สกอร์ที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดเทียบเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• ยังเป็นแอสซิสต์ที่ 27 จากการเล่นทีมชาติ 115 นัดของ กรีซมันน์ ด้วย

• ฝรั่งเศส ทำไป 11 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ โดยที่ 9 ลูกในนั้นมาจาก เอ็มบัปเป้ + ชิรูด์ สองคน ที่เหลืออีกสองเม็ดเป็น อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่
• ฝรั่งเศส มาถึงตรงนี้โดยไม่มีการทำคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 5 นัด เสียนัดละ 1 ลูกมาตลอด

• อังกฤษ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 7 สูงที่สุดในบรรดาทุกทีมที่ได้เข้ามาเล่น เวิลด์ คัพ
• ฟุตบอลโลก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง อังกฤษ ตกไม่ซ้ำรอบ
2010 ตกรอบ 16 ทีม
2014 ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 ตกรอบตัดเชือก / ได้อันดับ 4
2022 ตกรอบ 8 ทีม
• การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ยังคงชนะใครไม่เป็น มีผลเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก่อนแพ้ ฝรั่งเศส นัดนี้
• อังกฤษ เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แค่เกมเดียวจากการพบกัน 7 นัดหลัง (แพ้ 5 เสมอ 1)
• หากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก อังกฤษ ไม่เคยพลิกกลับมาชนะได้ในเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยได้ผลเสมอ 2 แพ้ 7

• จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงเข้าไปในสกอร์ 1-1 นับเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติอังกฤษ เทียบเท่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นที่เรียบร้อย
• ส่วนการพลาดจุดโทษในช่วงท้าย นับเป็นการพลาดครั้งที่ 11 ของเขาในตลอดเส้นทางค้าแข้ง และพลาดหนที่ 4 ในการเล่นทีมชาติ
• สัดส่วนของการยิงจุดโทษเข้ากับยิงพลาดของ แฮร์รี่ เคน คือ 58:11
• เคน ยังทำสถิติสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากที่สุดเป็นเกมที่ 11 (6 เกมในฟุตบอลโลก 2018 และอีก 5 เกมในฟุตบอลโลก 2022) แซงหน้าสถิติ 10 เกมของ บิลลี่ ไรท์ (1950-1958), บ๊อบบี้ มัวร์ (1966-1970) และ เดวิด เบ็คแฮม (2002-2006)
• เจมส์ แมดดิสัน กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มีนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็น 0, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสำรอง 1, แคลวิน ฟิลลิปส์ ลงสำรอง 2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
• ฝรั่งเศส เข้าไปดวลกับชาติที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอย่าง โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก
• พบกันก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ฝรั่งเศส ข่มขาดด้วยชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโกชนะแค่ 1
• ฝรั่งเศส ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งรายใหม่ สำหรับการผงาดครองแชมป์โลก 2022 จากการปรับเรตล่าสุดของ สกาย เบท ในอัตรากดต่ำเพียง 1/1 จากนั้นจึงตามด้วย อาร์เจนติน่า 13/8, โครเอเชีย 7/1 และเต็งเบอร์สุดท้าย โมร็อกโก 8/1 รวมถึงมีเรต 10/1 ในบางเจ้า

• เลส์ เบลอส์ กลายเป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนต์อีก 4 ปีถัดมา เพราะไม่เคยมีแชมป์เก่าชาติไหนเลยที่เคยทำได้ จากครั้งสุดท้ายที่ บราซิล ทำไว้ ด้วยการเป็นแชมป์โลก 1994 และเป็นรองแชมป์ 1998
• มีกระแสข่าวว่า ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะยังคงได้ไฟเขียวให้ดูแลทีมต่อไปจนถึงจบ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี เพื่อตอบแทนผลงานที่ดีในบอลโลกหนนี้ แม้สมาคมฯ จะมีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานและพร้อมเข้ารับตำแหน่งอยู่ ก็ตาม

• ในส่วนของผู้ตกรอบอย่าง อังกฤษ แม้ ณ ตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่ได้ประกาศลาออก โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ว่าขอเวลาอีกนิดเพื่อตัดสินใจอนาคต แต่ก็มีการเปิดราคากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ เซาธ์เกต ไว้แล้ว โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่เปแอสเช ยืนแท่นเต็งหนึ่ง 4/1 จากนั้นตามด้วย โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซี 5/1, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ 8/1, เอ๊ดดี้ ฮาว กุนซือนิวคาสเซิ่ล 10/1, แกรห์ม พ็อตเตอร์ กุนซือเชลซี 12/1, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 16/1, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 16/1, สตีฟ คูเปอร์ 16/1 และ เวย์น รูนี่ย์ 18/1

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]
0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น