แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า เสมอ ฝรั่งเศส 3-3, ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า ชนะ 4-2

 

“บ้าบอเป็นที่สุด” ใครบางคนหล่นนิยามถึงเกมนี้ไว้

 

แม้จะพอคาดเดาได้ถึงผลเสมอ แต่ก็ยากจะมีใครคาดคิดว่าตัวเลขสกอร์บอร์ดจะขยับขึ้นพรวดๆ แบบนี้ และต้องตัดสินกันแบบเอาอกแตะเส้นชัยในท้ายที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะว่า ฝรั่งเศส มีรูปเกมที่แย่ น่าส่ายหัวเป็นที่สุดถึงกว่า 70 นาที

 

นี่คือเกมประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

 

นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 เกมที่ทำให้โลกได้รู้ซึ้งอีกครั้งว่า “ฟุตบอล” มันโคตรจะดราม่าและลุ้นระทึกกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นไหนๆ…

 

เกมชิงแชมป์โลกที่ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ทีมฟ้าขาวในการดูแลของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่แพ้แค่เกมเดียวจาก 42 นัดหลัง จัดเต็มกำลังทัพลงแต่ปรับระบบจาก 4-1-3-2 มาเป็น 4-3-3 เมื่อได้ อังเคล ดิ มาเรีย ฟิตคืนตัวจริงมาเดิมเกมรุกร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ส่วนตรงกลาง เลอันโดร ปาเรเดส โดนดร็อป และแบ็กซ้ายยังยึด นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงต่อแม้ มาร์กอส อคุนย่า จะพ้นแบนแล้วก็ตาม

 

ฝั่งแชมป์เก่าของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง มาด้วย 11 คนแรกชุดเดิมทั้งสิ้น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บติดตัว พร้อมกับที่ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยกลับคืนตำแหน่ง เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ ลงตามเดิม

 

เริ่มเกมขึ้น 5 นาที อาร์เจนติน่า ได้ทักทายก่อนจากลูกส่องไกลเต็มข้อของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ บอลพุ่งแรงเข้าหากรอบประตู แต่ก็เข้าซอง อูโก้ โยริส แบบไม่กระฉอก

 

ช่วงสิบนาทีแรกเป็น อาร์เจนติน่า ที่ครองบอลลุยเข้าใส่ก่อน โดยช่วงนาทีที่ 9 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่ หลัง คริสเตียน โรเมโร่ เข้าปะทะแบบทิ่มศอกใส่กลางลำตัว อูโก้ โยริส จนนายด่านตราไก่ล้มลงไปกอง แต่ปฐมพยาบาลแล้วก็เล่นต่อได้ตามปกติ

 

นาที 20 เพิ่งเป็นโอกาสแรกของ ฝรั่งเศส จากฟรีคิกข้างเขตโทษ อองตวน กรีซมันน์ เปิดให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โถมโขกที่เสาไกลข้ามคานไป แต่ก็มีเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์หัวหอกตราไก่ดังขึ้นมาด้วย

 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แต่เพียงนาทีเดียวถัดมา ฝรั่งเศส ก็งานเข้าเสียดื้อๆ อังเคล ดิ มาเรีย ล็อกหลบ อุสมัน เดมเบเล่ ที่สุดเส้นหลังซ้ายแล้วโดน เดมเบเล่ ตามมารวบจากด้านหลัง ผู้ตัดสิน ซิมอน มาร์ซิเนี้ยค จากโปแลนด์ เป่าจุดโทษทันทีอย่างมั่นใจ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าเสียบเสาอย่างมั่นใจเช่นกัน ส่ง อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 1-0 เร็วในนาทีที่ 23 ซึ่งก็ทำให้ เมสซี่ ขึ้นนำดาวซัลโวแล้วที่ 6 ประตู

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

จากนั้น ฝรั่งเศส พยายามตั้งเกมสู้ แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสยิงครั้งแรกสกอร์ก็ขยับขึ้นเป็น 2-0 ของ อาร์เจนติน่า เสียแล้วในนาที 37 จังหวะสวนเร็ว เมสซี่ แปะออกขวาให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทิ่มขึ้นหน้าให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปาดต่อไปเสาไกลถึง อังเคล ดิ มาเรีย ยิงไม่จับสวนตัว โยริส เข้าไปอย่างเฉียบคม ฟ้าขาวทิ้ง 2-0 ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

โดนไปสองเม็ด เดส์ชองส์ ปรับเกมส่งสำรองกองหน้า 2 คนรวดทันทีในนาที 41 ถอดทั้ง ชิรูด์ กับ เดมเบเล่ ออกให้ มาร์คุส ตูราม กับ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ลงไปแทน หวังแก้คืนให้เร็วที่สุด

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ท้ายครึ่งแรกและทดเจ็บ 7 นาที ฝรั่งเศส เกมกระเตื้องขึ้นบ้างแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแนวรับฟ้าขาวไปลุ้นสกอร์ไม่ได้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แทบไม่ได้ออกจอ จนสิ้นครึ่งแรกลงไปที่ อาร์เจนติน่า นำห่าง 2-0 ขึ้นแท่นรอชูถ้วยแชมป์โลกตั้งแต่ตรงนี้

 

ต่อครึ่งหลังยังไม่มีเปลี่ยนตัวเพิ่ม เกมของ ฝรั่งเศส ไม่ได้ดีขึ้นหรือคุมสถานการณ์อะไรมากมาย รวมถึงว่าไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ต้องหนักใจหรือออกแรงเซฟไว้ด้วย ตัวความหวังสูงสุดอย่าง เอ็มบัปเป้ ยังเงียบฉี่ บางจังหวะมีจ่ายติดเองก็มี

 

ครบชั่วโมง ฝรั่งเศส ยังมีโอกาสจบเป็นศูนย์ ผิดกับ อาร์เจนติน่า ที่ลุยขึ้นไปได้เสียว 2-3 หน จนนาที 64 สคาโลนี่ ขยับส่งสำรองลงคนแรก มาร์กอส อคุนย่า ลงไปเติมเกมรับแทน ดิ มาเรีย

 

นาที 68 ฝรั่งเศส ได้จบหนแรกจากเตะมุม ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ โขกโดนไม่ดีหลุดกรอบไปไม่ใกล้เคียง และต่อมาอีกสามนาที เอ็มบัปเป้ สบโอกาสส่องด้วยซ้าย ข้ามคานไป เป็นจังหวะซัดแรกของเขาในเกมนี้

 

จากนั้น เดส์ชองส์ เปลี่ยนเพิ่มอีกสอง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ลงแทน อองตวน กรีซมันน์ กับ เตโอ เอร์นันเดซ ตามลำดับ

 

แต่แล้วจากเกมที่ดูไม่มีอะไร ฝรั่งเศส ก็มาได้จุดโทษคืนบ้างในนาที 79 เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไปเหนี่ยว ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษคืนให้ตราไก่ ซึ่งก็เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กดเสียบมุมไม่พลาด ไล่มากระชั้น 1-2 และเป็นเม็ดที่ 6 เท่ากับ เมสซี่ 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แล้วก็กลายเป็นว่า ฝรั่งเศส กลับสู่เกมได้ทันทีด้วยประตูตีเสมอ 2-2 ในอีกสองนาทีให้หลัง คิงสลี่ย์ โกม็อง เบียดชนะแย่งบอลจาก เมสซี่ ได้ที่ฝั่งขวา แล้วถ่ายให้ ราบิโอต์ เคาะขึ้นหน้า เอ็มบัปเป้ โขกทำชิ่งกับ มาร์คุส ตูราม จนทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วล้มตัวยิงวอลเลย์เร็วจังหวะเดียว บอลพุ่งผ่านมือ เอมี่ มาร์ติเนซ เข้าเสาไกลพอดิบพอดี ฝรั่งเศส กลับสู่เกมด้วยประตูที่ 7 ของ เอ็มบัปเป้ ในรายการนี้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงทดเจ็บ 90+4 ฝรั่งเศส หวิดแซงนำด้วยจากจังหวะซัดของ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ติดเซฟ มาร์ติเนซ ที่เสาแรก ขณะที่ อาร์เจนติน่า ก็มีลุ้นตอน 90+7 เมสซี่ ใส่เต็มข้อด้วยซ้าย ติดปลายมือ อูโก้ โยริส นิดเดียว ส่งผลให้ 90 นาทีจบลงอย่างสนุก 2-2 และต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อตัดสิน

 

เข้าช่วงต่อเวลา สคาโลนี่ ถอด นาอูเอล โมลิน่า ออกให้ กอนซาโล่ มอนเทียล ลงคุมเกมรับริมเส้นขวาแทน และรูปเกมกลายเป็นเหมือนช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ที่ ฝรั่งเศส ครองบอลคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ขาดก็แต่จังหวะลุ้นสกอร์เหมาะๆ

 

เข้าครึ่งหลังต่อเวลาได้แว้บเดียว นาที 109 กลายเป็น อาร์เจนติน่า นำอีกหน 3-2 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แทงให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าทางขวาไปส่องเต็มแรงติดเซฟ โยริส แต่บอลเด้งมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงข้ามเส้นประตูเข้าไปแม้มี ชูลส์ กุนเด้ ควักออกมาก็ตาม และเช็กวีเออาร์แล้วไม่ล้ำหน้า อาร์เจนติน่า เฮสนั่น 3-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม อีกอึดใจเดียวถัดมา นาที 116 ฝรั่งเศสก็มาได้จุดโทษที่สอง เอ็มบัปเป้ ยิงไปชนแขน กอนซาโล่ มอนเทียล ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแฮนด์บอล ซึ่งก็เป็น เอ็มบัปเป้ คว้าลูกมาสังหารเองอย่างมั่นใจเบียดเสาเข้าไปแบบไม่เผื่อให้ลุ้น ตีเสมอ 3-3 เป็นแฮตทริกพร้อมลูกที่ 8 ของ เอ็มบัปเป้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ทดเจ็บต่อเวลา 120+3 ตราไก่เกือบแซงเข้าป้าย ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ติดซูเปอร์เซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ ไม่น่าเชื่อ และฟ้าขาวสวนไปก็ถึงจบ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้โหม่งในจุดอันตรายแต่โดนไม่ดีจนหลุดกรอบไปเอง สุดท้าย 120 นาทีจบอย่างสุดตื่นเต้น 3-3 ต้องชี้ขาดแชมป์โลกด้วยการดวลจุดโทษ

 

ถึงจุดโทษ อูโก้ โยริส เสี่ยงทายชนะเลือกยิงก่อน
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงเข้าไปแม้ มาร์ติเนซ จะพุ่งถึงแต่ปัดไม่ออก 1-0
ลิโอเนล เมสซี่ กดเรียดเข้าไปโดยที่ โยริส มาไม่ถึงแค่เสี้ยววินาที 1-1
คิงสลี่ย์ โกม็อง ซัดติดเซฟ มาร์ติเนซ เต็มๆ 1-1
เปาโล ดีบาล่า ส่องด้วยซ้ายเข้ากลางประตู 1-2
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหลุดเสาไปเอง 1-2
เลอันโดร ปาเรเดส กดเสียบมุมไม่พลาด 1-3
ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงเสยแสกกลาง 2-3
และ กอนซาโล่ มอนเทียล สังหารนำชัยเข้ามุมประตู 4-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า ชนะดวลจุดโทษ 4-2 ครองแชมป์โลกสมัย 3 ที่ห่างหายมา 36 ปี หรือตั้งแต่ 1986 และ ลิโอเนล เมสซี่ ไปถึงโทรฟี่แชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิต ในเกมสุดท้ายที่ลงเล่นฟุตบอลโลกสำหรับตัวเขา

 

สำหรับ ฝรั่งเศส มีรางวัลปลอบใจแค่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้รองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 จากการซัดไป 8 ประตูด้วยกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้ (เปาโล ดีบาล่า 120), นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 91) – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 102), อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เคร์มัน เปซเซลล่า 116) – อังเคล ดิ มาเรีย (มาร์กอส อคุนย่า 64), ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 102), ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า 71), ราฟาแอล วาราน (อิบราฮิมา โกนาเต้ 113), ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ (อักเซล ดิซาซี่ 120) – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า 96), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (มาร์คุส ตูราม 41), อองตวน กรีซมันน์ (คิงสลี่ย์ โกม็อง 71), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 41)

 

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด เมสซี่ คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ 5 หน ที่เหลือเป็นของ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส (ของซาอุฯ) นัดแพ้ซาอุฯ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ นัดชนะโปแลนด์
• 5 แมนออฟเดอะแมตช์ ยังสูงสุดในฟุตบอลโลก 2022 รองจากนั้นคือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 3
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 17 ประตูจากการลงสนามแค่ 11 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 เจ็ดประตู
• เมสซี่ ยึดสถิติดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก แทนที่ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยการยิงไป 13 ประตู
• เมสซี่ เป็นคนที่ 9 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และบัลลง ดอร์ ได้ในเส้นทางอาชีพ ร่วมกับ ตำนานอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, แกร์ด มุลเลอร์, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, กาก้า

 

• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ “ครบทุกรอบ” ตั้งแต่รอบแรกยันนัดชิง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
• เมสซี่ ได้แชมป์โลกในการเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนติน่า และ 53 กับเปแอสเช
• เมสซี่ ทำสถิติลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สูงสุดเป็นจำนวน 26 เกม ตั้งแต่ 2006 – 2022 เหนือกว่า โลธ่าร์ มัทเธอุส 25, มิโรสลาฟ โคลเซ่ 24, เปาโล มัลดินี่ 23 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 22

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 57 นัด ชนะ 37 เสมอ 15 แพ้ 5)
• สคาโลนี่ เป็นกุนซือแชมป์โลกที่วัยอ่อนเยาว์สุด 44 ปี 216 วัน
• ที่จริง งานทำทีมอาร์เจนติน่า ก็คืองานใหญ่จ๊อบแรกสุดของ สคาโลนี่ หลังแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า ปี 2015 แล้วมาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ทั้งที่ เซบีย่า และในทีมชาติอาร์เจนติน่า (ฟุตบอลโลก 2018) รวมถึงเคยได้คุมอาร์เจนฯ เยาวชนยู-20 มาก่อนเท่านั้น

 

• อังเคล ดิ มาเรีย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูได้ทั้งในนัดชิงโคปา อเมริกา และฟุตบอลโลก
• ตอนหมดครึ่งแรก อาร์เจนติน่า ข่มขาดด้วยโอกาสยิงรวม 6:0 และยิงตรงกรอบ 3:0 รวมถึงเตะมุม 2:0 ด้วย
• ตลอด 120 นาที อาร์เจนติน่า สร้างโอกาสยิงรวม 20 ครั้ง ตรงกรอบ 10 ส่วน ฝรั่งเศส 10/5

 

• อาร์เจนติน่า หยุดสถิติแย่ๆ อย่างการแพ้นัดชิงบอลโลกไว้ที่ 2 หนติด 1990 กับ 2014
• อาร์เจนติน่า เป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• อาร์เจนติน่า ตอกย้ำการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 6 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
4-2 ฝรั่งเศส, ชิงชนะเลิศ 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)

 

• ฝรั่งเศส เป็นเพียงทีมที่ 2 ที่ตามหลัง 0-2 ในนัดชิงชนะเลิศ แล้วกลับมาได้ ถัดจาก เยอรมนี ที่ทำไว้สองหนในปี 1954 และ 1986
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจาก เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ของอังกฤษ 1966
• เอ็มบัปเป้ คว้าดาวซัลโวด้วยการยิงไป 8 ประตู สูงสุดนับแต่ โรนัลโด้ (บราซิล) 2002
• ออเรเลียง ชูอาเมนี่ วิ่งรวม 15.8 กม. ในเกมนี้ ก่อนมายิงจุดโทษและซัดออกไปเอง
• อูโก้ โยริส กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากสุด ที่จำนวน 20 นัด เหนือ มานูเอล นอยเออร์ 19 และ เซปป์ ไมเออร์ 18

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส
ลิโอเนล สคาโลนี่ : “ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ ผมอาจรู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าวันอื่นๆ แต่วันนี้ผมได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่”
“ทีมชุดนี้ทำให้ผมภาคภูมิใจเป็นที่สุด ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นของพวกเขา ผมอยากบอกทุกคนว่ามีความสุขให้เต็มที่ เพราะนี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์”

 

ลิโอเนล เมสซี่ : “นี่คือแชมป์ที่ขาดหายไปของผม ตอนนี้ผมได้มาครองแล้ว มันบ้ามากๆ ตอนนี้ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปฉลองแชมป์ที่ประเทศของผม เพื่อพบเจอกับความบ้าคลั่งของที่นั่น”
“เราเจอกับความยากลำบากมากมาย วันนี้คุณต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก ฟุตบอลเป็นกีฬาที่บ้าคลั่งมาก การคว้าแชมป์โลกเป็นความฝันของเด็กๆ ทุกคน นี่คือแชมป์สำหรับประชาชนชาวอาร์เจนไตน์”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “ที่จริง เราเอาเกมมาอยู่ในการควบคุมได้แล้ว แต่ทีมของเรากลับถูกกำหนดให้ต้องเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ฝรั่งเศสเกือบทำประตูชัยได้เช่นกัน แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เรามาอยู่ตรงนี้”
“ฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ตอนนี้ผมไม่มีคำพูดมาอธิบายถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับผมในเวลานี้ได้เลย”

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “เราไม่ได้พลิกสถานการณ์ (ในช่วง 70 นาทีแรก) ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เราต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างตลอด 4 วันที่ผ่านมา อาการป่วยและจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมด้วย”

 

อูโก้ โยริส : “เราตอบสนองได้ดีมาก มันเกือบจะเหมือนการแข่งขันชกมวย เราแลกกันหมัดต่อหมัด สิ่งเดียวที่เราเสียใจคงเป็นผลงานในครึ่งแรก แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังไม่ยอมแพ้ เราเชื่อมั่นไปจนจบ มันเป็นการตัดสินผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ”
“มันเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องมาอยู่อีกฝั่ง (ของผู้ชนะ) แต่เราทุ่มเททุกอย่างลงไปในรายการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแข่งขัน มันเป็นการแข่งขันที่ยาวนานนับเดือน”
“ในรอบชิงชนะเลิศ เราสามารถตามหลัง 0-2 ได้ แต่เรายังคงเชื่อมั่นไปจนจบ เราสามารถพลิกสถานการณ์ แต่มันกลับไม่มีรอยยิ้ม โดยเฉพาะโอกาสในนาที 120 (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ) ซึ่งน่าจะทำให้เราพลิกนำ 4-3”
“มันคือฟุตบอล เราต้องยินดีกับอาร์เจนติน่าที่ประสบความสำเร็จในรายการที่ยอดเยี่ยม รอบชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยม”

 

ราฟาแอล วาราน : “แน่นอน เราผิดหวังกันมาก เราทุ่มเทกันเต็มที่แล้ว เราเจอกับอุปสรรคมากมายตลอดที่ลงเล่นรายการนี้ เราไม่เคยเอามาเป็นข้ออ้างหรือยอมแพ้ เราไม่ได้อยู่ในเกมนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ท้ายสุดเราน่าจะชนะ ผมภูมิใจกับกลุ่มนี้และการเป็นคนฝรั่งเศสมาก”
“เราจะรักษาความภาคภูมิใจนี้ไว้ มัน (การตามหลัง 0-2) เกิดขึ้นรวดเร็วมาก หลังจากนั้นสภาพร่างกายเราดีขึ้นกว่าเดิม เราดันกลับและเชื่อมั่นไปจนจบเกม เราเกือบจะเปลี่ยนเกมได้แล้วหลังจากมีการออกตัวที่แย่”
“มันเป็นการเดินทางที่คดเคี้ยว แต่ทีมนี้มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความห้าวหาญ นั่นทำให้เรากลับมาสู่เกม เราผิดหวังแต่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก”

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-3 (4-2) ฝรั่งเศส
• 6 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ กาตาร์ 2022 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำประตูกันได้มากที่สุด 172 ลูก ทำลายสถิติของ ฟร้องซ์ 98 และ บราซิล 2014 ที่มียิงกัน 171 ประตู
• ดาวบนโลโก้ทีมชาติอาร์เจนติน่า จะเพิ่มขึ้นเป็นดวงที่ 3 ตามจำนวนแชมป์โลกที่ได้มา 3 สมัย
• ลิโอเนล เมสซี่ ยืนยันยังไม่มีแผนอำลาทีมชาติในเร็วๆ นี้ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ต่อให้ลากยาวขนาดไหนก็ไปไม่ถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา

• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เผยจะขอตัดสินอนาคต อยู่หรือไปจากทีมชาติฝรั่งเศส หลังผ่านช่วงปีใหม่นี้ไปแล้ว ภายหลังคุมมาตั้งแต่ 2012 ผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 5 ครั้ง

 

ทำเนียบแชมป์โลก ตลอดหน้าประวัติศาสตร์
1930 อุรุกวัย
1934 อิตาลี
1938 อิตาลี
1950 อุรุกวัย
1954 เยอรมนีตะวันตก
1958 บราซิล
1962 บราซิล
1966 อังกฤษ
1970 บราซิล
1974 เยอรมนีตะวันตก
1978 อาร์เจนติน่า
1982 อิตาลี
1986 อาร์เจนติน่า
1990 เยอรมนีตะวันตก
1994 บราซิล
1998 ฝรั่งเศส
2002 บราซิล
2006 อิตาลี
2010 สเปน
2014 เยอรมนี
2018 ฝรั่งเศส
2022 อาร์เจนติน่า

 

ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022
8 ประตู : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
7 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
4 ประตู : ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (อาร์เจนติน่า), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส)
3 ประตู : ริชาร์ลิซอน (บราซิล), บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อังกฤษ), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน), เอนเนร์ วาเลนเซีย (เอกวาดอร์), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์), กอนซาโล่ รามอส (โปรตุเกส)

 

รางวัลต่างๆ ของฟุตบอลโลก 2022
นักเตะยอดเยี่ยม
Golden Ball – ลิโอเนล เมสซี่
Silver Ball – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
Bronze Ball – ลูก้า โมดริช

 

ดาวซัลโว
Golden Boot – คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (8 ประตู 2 แอสซิสต์)
Silver Boot – ลิโอเนล เมสซี่ (7 ประตู 3 แอสซิสต์)
Bronze Boot – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (4 ประตู 0 แอสซิสต์)

 

ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม Golden Glove – เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม FIFA Young Player Award – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แฟร์เพลย์ FIFA Fair Play Trophy – ทีมชาติอังกฤษ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ...!?!

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า v ฝรั่งเศส
อาทิตย์ 18 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 12 นัด
ฟุตบอลโลก 1930 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1965 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1971 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3
กระชับมิตร 1971 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
อินดิเพนเดนซ์ 1972 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1974 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1977 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
กระชับมิตร 1986 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
กระชับมิตร 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 2009 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3

 

แมตช์ต่อแมตช์ กว่าจะถึงนัดชิง ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ลงสนามด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะฟอร์มครึ่งแรกที่เหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างทะลุเข้าซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าไปทั้งหมด แล้วกลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ แซงนำ 2-1 จาก ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 สุดท้ายจึงปรากฏผลช็อกโลกตั้งแต่เกมแรก

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
สถานการณ์บีบบังคับให้ อาร์เจนติน่า พลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่แม้ต้องลุ้นเหนื่อยไม่น้อยกับเกมดึงช้าของ เม็กซิโก กว่าที่จะได้ประตูนำก็ในนาที 64 จากลูกส่องไกลนอกเขตโทษของ เมสซี่ แต่เมื่อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องผ่าน กิเยร์โม่ โอชัว ตอนท้ายเกม ก็เท่ากับ อาร์เจนติน่า ปิดกล่องกำชัย 2-0

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
แทบจะพับสนามบุกใส่ฝ่ายเดียว สร้างโอกาสยิงประตูรวม 24 ครั้ง แถม เมสซี่ ยังมีพลาดจุดโทษในครึ่งแรก ก่อนได้เฮจาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.46 และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.67 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ยังคงผงาดแชมป์กลุ่มซีได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้สุดช็อกก็ตาม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
คุมสถานการณ์ในครึ่งแรกได้ดีกว่า ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงฝ่าวงล้อมของ เมสซี่ น.35 ก่อนที่ครึ่งหลังจะฉีกหนี 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ แต่ท้ายเกม น.77 ออสเตรเลีย ไล่มา 1-2 จากการยิงของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป (นับเป็นทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งทำให้ อาร์เจนติน่า สั่นไหวพอสมควร ออสเตรเลีย มีโอกาสทวง 2-2 ได้ด้วยตอนเฮือกท้าย เจ้าหนูเด็ก 18 กาแร็ง คูโอล สบโอกาสเข้าทำระยะอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนฟ้าขาวเบียดชนะหวุดหวิด

 

รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3
ดูเหมือนเป็นงานสบายเมื่อขึ้นนำ 2-0 จาก นาอูเอล โมลิน่า และจุดโทษของ เมสซี่ ทว่าช่วงท้ายรวมทดเจ็บอีก 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับสู่เกมได้สำเร็จจากลูกโขกของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ กลับตัวยิงตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 จากนั้นช่วงต่อเวลาไม่มียิงเพิ่ม ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟลูกยิงของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ เอาไว้ได้ จน อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

 

รอบตัดเชือก ชนะ โครเอเชีย 3-0
ง่ายเกินคาดไปมาก จากที่ 15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ จู่ๆ น.32 ผู้ตัดสินก็แจกจุดโทษที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดน โดมินิก ลิวาโควิช ชนล้ม ซึ่งก็เป็น เมสซี่ ที่กดจุดโทษนำ 1-0 ต่อด้วย 7 นาทีให้หลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวไปโดยที่กองหลังโครแอตสกัดบอลแป้กงัดไม่ออก เสร็จ อัลวาเรซ ดีดเข้าไปง่ายๆ ก่อนครึ่งหลังเกมปิดสนิท 3-0 น.69 เมสซี่ เลี้ยงเลาะโชว์ความเหนือชั้นโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เช็คบิลเม็ดสองของตัวเอง พา อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

 

ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
เปิดมากลายเป็น ออสเตรเลีย พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ ฝรั่งเศส ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
นัดล้างตากับ เดนมาร์ก ที่หักคอไก่มา 2 เกมซ้อนก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.61 ก่อนที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น จะโขกเตะมุมให้ เดนมาร์ก ตามทวง 1-1 ในเจ็ดนาทีให้หลัง แต่ในขณะที่เกมกำลังจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับประตูชัย 2-1 ในนาทีที่ 86 อองตวน กรีซมันน์ เปิดผ่านมาเสาสองให้ เอ็มบัปเป้ พุ่งเข้าฮอส

 

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอยด่างพร้อยเล็กๆ ของชาวคณะตราไก่ในเวิลด์คัพงวดนี้ กับการที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปรับส่งสำรองลงแทบทั้งแผงหลังการันตีเข้ารอบแล้ว จนโดนทีเด็ด วาบี คาซรี่ เจาะตาข่ายกลางครึ่งหลัง จากนั้นทดเจ็บ อองตวน กรีซมันน์ ยิงเข้าแล้ว แต่โดนวีเออาร์ริบคืนไป แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
ทั้งที่แฟนๆ แอบมีกังวลจะโดนทีเด็ด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าให้ แต่กลายเป็นว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดสกอร์นำ น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ก่อนที่ เลวานดอฟสกี้ จะทำได้แค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 เข้าไปแล้ว

 

รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1
มีการมองกันว่า 50:50 ด้วยความที่ อังกฤษ ดูมาแรงอย่างน่ากลัว แต่ ฝรั่งเศส ก็ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหน้าเขตโทษเข้าไปในนาทีที่ 17 จากนั้น อังกฤษ ทวงคืน 1-1 ต้นครึ่งหลังจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 อองตวน กรีซมันน์ ครอสแม่นๆ ให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าไป ซึ่งที่จริง อังกฤษ ก็มีโอกาสดีที่จะตีเสมอรอบสอง ปรากฏ แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษข้ามคานออกไปเสีย

 

รอบตัดเชือก ชนะ โมร็อกโก 2-0
สร้างปาฏิหาริย์มาไกลถึงตัดเชือก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บของคีย์แมนทำให้ โมร็อกโก เครื่องช็อตไปเสีย เริ่มเกมขึ้นแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับ 1-0 ทันที เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า เข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ ลอยตัววอลเลย์เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แม้หลังจากนั้น โมร็อกโก จะสู้ได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบไปเสาไกลคล้ายประตูแรก ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ สบโอกาสชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด และแม้จะแพ้ ซาอุฯ เป็นประเดิม แต่หลังจากนั้นก็แก้ตัวฮึดขึ้น จนกระทั่งมาถึงรอบตัดเชือก ยิงถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

 

เท่ากับ อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษ ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986

 

สำหรับสภาพทีมเกมชิงดำ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีความพร้อมมากขึ้นกว่ารอบตัดเชือก เมื่อได้ทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกัน

 

นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาตัวเจ็บอะไรเพิ่มเติม ลิโอเนล เมสซี่ ที่่ก่อนหน้านี้มีรายงานพลาดซ้อมวันพฤหัสบดี ไม่ได้มีข่าวบาดเจ็บหลังจากนั้น เท่ากับจะพร้อมนำทีมลงล่าแชมป์โลกและชิงรองเท้าทองคำตามปกติ

 

สคาโลนี่ ปรับระบบมา 2 เกมติดต่อกัน 5-3-2 นัดชนะดวลเป้า เนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็น 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 เกมกับ โครเอเชีย ซึ่งก็เชื่อว่าจะยึดรูปแบบหลังเอาไว้ในการดวลกับ ฝรั่งเศส

 

เลอันโดร ปาเรเดส ยืนกลางรับต่ำกว่าเพื่อน ขยับขึ้นมามี โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนเกมรุกยึดที่คู่กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งผ่าน โปแลนด์, อังกฤษ และล่าสุดม้ามืด โมร็อกโก ที่เอาตราไก่ไม่อยู่

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แล้วแม้การลงเตะ 3-4 เกมหลังจะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็ดันมาเกิดปัญหาไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว จนนักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยไข้ ที่ถูกระบุชื่อมีทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อาเดรียง ราบิโอต์, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ซึ่งสองรายแรกก็พลาดเกมกับ โมร็อกโก มาแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทั้ง 5 คนสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้ว

 

กระนั้นปัญหากลับมีมาเพิ่มอีก ด้วยรายงานล่าสุดจาก เล กิ๊ป ตอนดึกวันเสาร์ ว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หอกเป้าเบอร์แรกที่กดแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 มีปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อน มีโอกาสที่จะลงเล่นไม่ได้ด้วย

 

เดส์ชองส์ คงต้องเช็กสภาพนักเตะที่มีอาการป่วย และโดยเฉพาะ ชิรูด์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งชื่อ โดยถ้าพร้อมทั้งหมดก็จะยึดทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แต่หากว่า ชิรูด์ ไม่พร้อม ก็มีสิทธิ์จะขยับ เอ็มบัปเป้ ขึ้นหน้าสุด แล้วหย่อน มาร์คุส ตูราม หรือ คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปเสริมแถวสอง

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะหวนคืนทีมมาสมทบนัดชิง หลังจากคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด ได้แล้วนั้น แต่กระแสก็เงียบไป และไม่มีข่าวเซอร์ไพรส์อะไรในโค้งสุดท้าย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 65 นัด ซัด 33 ประตู (สองในนั้นกดใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกครั้งก่อน) และทำไปแล้ว 5 เม็ดในบอลโลก ได้ลุ้นชิงรองเท้าทองคำกับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 15 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 10 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 5 เม็ด อยู่ในเส้นทางช่วงชิงดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – เลอันโดร ปาเรเดส – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม)

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
• มีประวัติศาสตร์พบกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรก 1930 (อาร์เจนติน่าชนะ 1-0) รวมแล้วเจอกันมา 12 ครั้ง
• อาร์เจนติน่า เหนือกว่าด้วยการชนะ 6 นัด ที่เหลือเสมอ 3 และฝรั่งเศสชนะ 3
• พบกันล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกันสนั่นก่อนฝรั่งเศสชนะ 4-3 แต่ที่จริงระหว่างเกม ฝรั่งเศสฉีกหนี 4-2 ก่อนโดนยิงเพิ่มทดเจ็บ / คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง อองตวน กรีซมันน์ หนึ่งเม็ด
• อาร์เจนติน่า จะเล่นนัดชิงบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 มีเพียง เยอรมนี (8) ที่เหนือกว่า
• การเข้าชิง 2 ครั้งหลัง (1990 กับ 2014) อาร์เจนติน่า แพ้ทั้งหมด
• แต่ถ้าครั้งนี้ชนะ จะเป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• ฝรั่งเศส เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัดด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย เกมเปิดรอบแรก แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 42 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• 42 นัดหลัง อาร์เจนติน่า ชนะ 29 เสมอ 12 แพ้ 1 / เสมอแล้วชนะจุดโทษ 2
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูกเป็นอย่างน้อยมา 5 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 42 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 56 นัด ชนะ 37 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 172, อังเคล ดิ มาเรีย 129, เลอันโดร ปาเรเดส 51, โรดริโก้ เด ปอล 51, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 100 ถ้วนพอดี
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนามแค่ 10 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 ห้าประตู

 

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, กุนซือแชมป์โลก 2018 และพาทีมเข้าชิงต่อเนื่อง ครั้งนี้

 

• ก่อนจะมาทำคลีนชีตเกมแรก นัดชนะ โมร็อกโก 2-0 ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก
• 3 นัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 7 ประตู
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูก กำลังนำดาวซัลโวร่วม และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 6 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์

 

• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 144 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 2 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 145, ราฟาแอล วาราน 93, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 117, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 120, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 66
• ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหน ครองแชมป์โลก 2 สมัยต่อเนื่อง และ โยริส จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ถ้าเอาชนะ อาร์เจนติน่า สำเร็จ

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 3-1
“ผมได้ดูเกมของ ฝรั่งเศส มาหลายนัด บางครั้งผมรู้สึกเบื่อการเล่นของพวกเขาเล็กน้อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมแชมป์เก่าอย่างพวกเขามีความยืดหยุ่นในตัวสูง มากกว่าจะเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น พวกเขาทำให้ผมนึกถึงรถซีตรองบนถนน”
“และแทนที่จะเล่นแบบครองบอล พวกเขาไม่สนใจจะทำมันเลย แต่การเล่นแบบของพวกเขามันก็เวิร์คจนถึงตอนนี้ ด้าน อาร์เจนติน่า ดูเล่นด้วยความมีอารมณ์ร่วมสูง มากกว่าความแข็งแกร่งรอบด้าน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ฝรั่งเศส ดูดีกว่า”
“อาร์เจนติน่าต้องสู้เพื่อเสื้อแข่ง แฟนบอล และเมสซี่ แต่พวกเขาต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมมองว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่หนักหน่วงรุนแรง เพราะ ฝรั่งเศส ไม่กลัวที่จะสู้ด้วยเกมปะทะ”
“ผมขอเลือก ฝรั่งเศส ชนะเกมนี้ เพราะที่จริงผมก็เลือกพวกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ และผมก็อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2018 ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นลักษณะนั้นอีกครั้ง”

 

ความน่าจะเป็น
ไม่มีอะไรยากไปกว่าการคาดเดาผลสกอร์ของเกมนี้แล้ว เมื่อนี่คือเกมชิงแชมป์ ชิงดำ ชิงโทรฟี่แชมป์โลก ต่างฝ่ายจึงต่างจะใส่สุดชนิดยอมแลกด้วยชีวิต และต่างก็ย่อมเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเพื่อให้การลงเล่นเกมจริงไม่เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงขึ้น รวมถึงว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งหากออกรูปนี้ ก็หมายถึงว่า 90 นาทีมีสิทธิ์กินกันไม่ลง ต้องยืดเยื้อครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าเพิ่งมั่นใจว่า เมสซี่ จะเจอเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ฟุตบอล มักจัดตอนจบหักมุมให้อยู่เสมอ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที