ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก

 

เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามร้านสะดวกซื้อ ม้ามืดอย่าง โมร็อกโก (ที่สู้สุดใจในรอบที่ผ่านๆ มา จนเสียขุนพลเดี้ยงกันไปทีละรายๆ) แม้จะมาแรงแค่ไหน ก็ไม่ไหวเหมือนกันเมื่อต้องเจอ “ของจริง” เข้าในเกมตัดเชือก

 

อันที่จริง โมร็อกโก ก็ทำได้ดีไม่น้อยในการต่อกรเปิดหน้าแลกหมัดต่อหมัดกับแชมป์เก่า

 

แต่เมื่อทีเด็ดทีขาดขึ้นกับฝั่ง ฝรั่งเศส ฝ่ายเดียว

 

“ดรีมแมตช์” อย่าง ฝรั่งเศส v อาร์เจนติน่า จึงเกิดขึ้นในท้ายที่สุด…

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

กับเกมตัดสินอยู่หรือไป จะได้ชิงแชมป์หรือชิงเหรียญทองแดง ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อัล เบย์ท สเตเดี้ยม กลางดึกคืนพุธ 14 ธ.ค. การจัดทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เจอปัญหาอย่างที่มีรายงานปูดมา เมื่อทั้ง ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ป่วยไข้ไม่พร้อมเล่นเกมนี้ ทำให้ต้องปรับส่ง อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

แต่นอกนั้นคงเดิม แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ฟาก วาลิด เรกรากี หายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ ได้ทั้ง โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นูสแซร์ มาซราอุย ผ่านความฟิตคืนสนามในเกมรับพร้อมกัน พร้อมกับเลือกปรับระบบการเล่นเป็นครั้งแรกของทัวร์นาเมนต์ จาก 4-3-3 ไปใช้ 5-4-1 ตั้งรับเต็มกำลัง ถ่าง ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ออกเล่นตัวริมเส้นแดนกลาง ทิ้งหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ค้ำไว้ข้างหน้ารายเดียว

 

กระนั้นในราย นาเยฟ อาแกร์ด ที่ตอนแรกมีชื่อในไลน์อัพ กลับเจ็บซ้ำตอนวอร์ม ทำให้สุดท้ายต้องเป็น อัชราฟ ดารี ลงไปเล่นแทน

 

เริ่มเกมไปเพียง 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮทันทีจากการจบหนแรกของเกม อองตวน กรีซมันน์ ถ่ายลูกให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า กลายเป็นเข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ เติมขึ้นมาลอยตัววอลเลย์ผ่าน ยาสซีน บูนู เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม เป็น 1-0 ของตราไก่อย่างรวดเร็ว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ห้านาทีให้หลังเป็นโอกาสของ โมร็อกโก ที่ต้องเปิดเกมสู้บ้าง อัซเซดีน อูนาฮี ซัดเปรี้ยงระยะไกลส่งบอลเข้าหาเสาสอง ไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส ที่กระโดดปัดไว้ได้สวยๆ

 

สกอร์ที่มาเร็วทำให้เกมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้น นาที 16 ฮาคิม ซีเย็ค ทะลุเข้าไปส่องทางขวาออกไปเองแบบไร้กดดัน ฝรั่งเศส ตั้งเกมสวนขึ้นมาจบที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ทางฝั่งซ้าย บอลพุ่งแรงกระแทกเสาแรกอย่างจัง พลาดโอกาสฉีกสกอร์หนีห่างอย่างน่าเสียดาย

 

ข่าวร้ายของ โมร็อกโก ยังมีต่อเนื่อง เมื่อถึงนาที 20 ปรากฏว่ากัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ ก็ส่งสัญญาณไปข้างสนามว่าฝืนเล่นต่อไม่ไหวแล้ว ต้องกะเผลกออกให้ เซลิม อมัลลาห์ ลงสำรองไปแทน

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

เกมลดความเร็วลงไปในช่วงกลางครึ่งแรก แต่ก็ยังคงเป็น ฝรั่งเศส ที่ใกล้เคียงกับการได้เม็ดสองในนาที 36 บอลยัดเข้าจุดอันตรายมาจบที่ ชิรูด์ ตวัดยิงโล่งๆ ไม่เข้าเป้า หลุดเสาแรกไปเอง

 

โมร็อกโก เกือบได้เหมือนกันในนาที 44 จากเตะมุมที่ปลิ้นมาเข้าทาง จาวัด เอล ยามิก โชว์กระโดดโอเวอร์เฮดคิกสุดงาม บอลลอยเข้าติดปลายมือ โยริส ที่เสาประตู

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

จากนั้นครึ่งแรกสิ้นสุดลงไป ฝรั่งเศส ยังไม่ได้เพิ่มมากไปกว่า 1-0 แต่ก็ถือว่าเล่นด้วยความสบายใจพอสมควร

 

ต่อครึ่งหลัง โมร็อกโก มีเปลี่ยนเพิ่ม ถอด นูสแซร์ มาซราอุย ที่ไม่สมบูรณ์ ออกไปให้ ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ ลงเล่นแทน

 

สิบนาทีแรกของครึ่งหลังเป็น โมร็อกโก ที่ลุยเข้าใส่อย่างต่อเนื่องแล้ว ฝรั่งเศส ต้องหาโอกาสโต้กลับเป็นระยะ เพียงแต่พายุเกมบุกของทีมสิงโตแอตลาสก็ยังไม่อาจหาโอกาสจะแจ้งที่จะเปลี่ยนสกอร์ได้แต่อย่างใด

 

ถึงนาที 65 ฝรั่งเศส เปลี่ยนเกมเติมความสดแดนหน้าบ้าง ให้ มาร์คุส ตูราม ลงไปแทน ชิรูด์ ที่ไร้บทบาทในครึ่งหลัง

 

เกมเปิดแลกกันต่อเนื่องเมื่อเข้ายี่สิบนาทีท้าย โดยที่ทาง ฝรั่งเศส มีลุ้น 2-3 หนที่จะบวกสกอร์เพิ่ม แต่ไม่เฉียบคมพอ ส่วน โมร็อกโก เกมสะดุดไป และมักเสียบอลในพื้นที่สุดท้าย

 

แต่แล้วเมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบขึ้นหน้าไปเสาไกลคล้ายประตูแรก และเสร็จหอกสำรองอีกรายที่เพิ่งลงไปไม่กี่วินาที ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ วิ่งเข้าชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 กำตั๋วเข้าชิงบอลโลกไว้อยู่มือ

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ท้ายเกมที่มีทดเจ็บให้ 6 นาที โมร็อกโก เกือบฮึดตีไข่แตกได้เหมือนกันตอน 90+4 จังหวะซัดของ อูนาฮี ที่แฉลบไปติดตัวคุมเส้น ชูลส์ กุนเด้ หวุดหวิด ที่สุดจึงจบที่ ฝรั่งเศส กำชัย 2-0 ลุยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะชิงชัยกับ อาร์เจนติน่า วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

 

ด้าน โมร็อกโก ไปชิงอันดับ 3 ปลอบใจกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเตะกันวันเสาร์ 17 ธ.ค.

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้, ชูลส์ กุนเด้ – ยุสซูฟ โฟฟาน่า, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 78), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 65)
โมร็อกโก (5-4-1) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย (ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ 46), โรแม็ง ซาอิสส์ (เซลิม อมัลลาห์ 20, อับเด เอซซัลซูลี่ 79), อัชราฟ ดารี, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ฮาคิมี่ – โซฟียาน บูฟาล (ซากาเรีย อบูคลัล 66), อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, ฮาคิม ซีเย็ค – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ (อับเดอร์ราซัค ฮัมดัลลาห์ 66)

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

• แมนออฟเดอะแมตช์ : อองตวน กรีซมันน์
• อองตวน กรีซมันน์ ลงไปช่วยงานเกมรับ (Defensive Pressures Applied) ถึง 69 ครั้งในเกมนี้
• ฝรั่งเศส ยิงตรงกรอบ 2 ครั้งเท่านั้น เป็น 2 ประตู จากโอกาสยิงทั้งหมด 14 ครั้ง ด้าน โมร็อกโก ยิงรวม 13 หน ตรงกรอบครั้งเดียว
• ฝรั่งเศส ไม่โดนใบเหลืองในเกมนี้ เท่ากับโดนไปแค่ 5 ใบตลอดทัวร์นาเมนต์ น้อยสุดในบรรดาทีมที่ยังอยู่ (แฟร์เพลย์ อังกฤษ 1 เหลือง 0 แดง)
• ฝรั่งเศส ไม่แพ้เกมฟุตบอลโลกเป็นนัดที่ 26 (ชนะ 25 เสมอ 1) หากเป็นฝ่ายขึ้นนำเมื่อสิ้นครึ่งแรก

 

• 4 จาก 5 ประตูล่าสุดในรอบตัดเชือกของ ฝรั่งเศส (คิดเป็น 80%) มาจากกองหลัง – 1998 ลิลิยอง ตูราม (2 ลูก), 2018 ซามูแอล อุมติตี้, 2022 เตโอ เอร์นันเดซ
• ประตูของ เตโอ เอร์นันเดซ เกิดขึ้นตอน 4 นาที 39 วินาที เป็นประตูเร็วที่สุดของรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ลูกยิงของ วาว่า เกมบราซิลชนะฝรั่งเศส 5-2 ปี 1958
• เตโอ เอร์นันเดซ ยิงประตูที่ 2 ในการเล่นทีมชาติ 12 นัด
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงประตูแรกสุด ในการเล่นทีมชาติเกมที่ 4

 

• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ใช้เวลา 44 วินาทีในสนาม ยิงลูก 2-0 เป็นสถิติเร็วสุดอันดับ 3 ของฟุตบอลโลก (ตัวสำรองพังประตู) ถัดจาก ริชาร์ด โมราเลส (อุรุกวัย) 2002 และ เอ๊บเบ้ ซานด์ (เดนมาร์ก) 1998
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ มาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเป็นมวยแทน เสียบโควตาของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่เจ็บจนต้องถอนตัวไป
• เตโอ เอร์นันเดซ (25) ก็กลายมาเป็นแบ็กซ้ายตัวเลือกแรก แทนที่พี่ชาย ลูคัส เอร์นันเดซ (26) ที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย จนต้องถอนตัวไป
• ฝรั่งเศส และ อูโก้ โยริส เพิ่งจะทำคลีนชีตหนแรกในฟุตบอลโลก 2022

 

• โมร็อกโก ยังมีสิทธิ์คว้าอันดับ 3 ได้ถ้าชนะ โครเอเชีย วันเสาร์นี้ แต่ก็จัดเป็นทีมประวัติศาสตร์ของแอฟริกา/อาหรับ อยู่แล้ว หลังมาไกลถึงรอบตัดเชือก
• วาลิด เรกรากี เพิ่งทำทีมแพ้นัดแรกจากการเล่น 9 นัด (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 1)
• ถัดจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด เท่ากับ โมร็อกโก เพิ่งเสีย 2 ประตูแรกจากฝีมือของคู่แข่ง ในเกมนี้

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ปากคำหลังเกม ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “มันให้ทั้งอารมณ์ตื้นตันใจและภาคภูมิใจ แน่นอนว่า นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญ แต่เราก็ยังเหลืออีกหนึ่งก้าว เราทำงานร่วมกันมานานนับเดือน ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายเราก็มีความสุขกัน และบรรดานักเตะของผมต่างก็ได้รับรางวัลตอบแทนความพยายาม”
“ตั้งแต่ที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้เริ่มขึ้น เมสซี่ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านไป 4 ปี พวกเขาเป็นทีมที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อ 4 ปีก่อนผมได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขา (เมสซี่) จะไปเล่นในตำแหน่งไหน และท้ายที่สุดเขาพัฒนาตัวเองให้ไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในการดวลกับพวกเรา”
“จากจุดนั้น เขาดูต่อเนื่องมากกว่าเดิมในการเล่นร่วมกับกองหน้าอีกราย และเขามีอิสระมาก เขาสัมผัสบอลหลายครั้ง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากจริงๆ
“เราจะทำให้แน่ใจว่าได้จำกัดขอบเขตการเล่นของเขากับการมีอิทธิพลต่อเกมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งพวกเขาก็คงจะพยายามทำบางอย่างกับนักเตะของพวกเราเช่นกัน”

 

อองตวน กรีซมันน์ : “ในตอนที่ อาร์เจนติน่า มี เลโอ (เมสซี่) อยู่ด้วย มันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เราได้เห็นมาเกือบทุกๆ เกม เรารู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร นี่คือทีมที่ยากในการต่อกรอย่างมาก พวกเขาอยู่ในทรงที่ดี มันเป็นกลุ่มนักเตะที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา”
“มันจะเป็นเกมที่ไม่ง่าย พวกเขาจะมีกองเชียร์ที่คอยอยู่ข้างๆ แล้วเราจะได้รู้ว่าเราสามารถทำอะไรกันได้บ้าง”

 

เตโอ เอร์นันเดซ : “เมสซี่? เราไม่กลัวหรอก พวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เราก็ยังมีเวลาเตรียมตัวอีก 2-3 วัน เกมนี้ถือเป็นเกมที่ยากของเรา โมร็อกโก มีทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่สุดท้ายเราชนะ และตอนนี้เราจำเป็นต้องคิดถึงนัดชิงฯ เท่านั้น เราทำงานหนักมานานร่วมเดือนเพื่อมาถึงจุดนี้ ผมเหนื่อย แต่มันก็เป็นอะไรที่งดงาม”

 

วาลิด เรกรากี : “เรามีนักเตะบาดเจ็บหลายราย บางคนซ้อมไม่ได้ บางคนต้องพลาดการลงสนาม หรือไม่ก็เจ็บระหว่างเกม แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“เราแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของฟุตบอลโมร็อกโกแล้ว และเรามีแฟนบอลที่น่าทึ่ง เราคิดว่าเราอยู่ไม่ไกลเลยจากการที่เราสามารถต่อสู้ได้ในเกมระดับท็อป เราเล่นกันอย่างเต็มที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
“เราเสีย อาแกร์ด ตอนวอร์มอัพ รวมทั้ง ซาอิสส์ และ มาซราอุย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว เราต้องจ่ายค่าตอบแทนจากการก่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เราทิ้งโอกาสไปในครึ่งแรก และประตูที่สองฆ่าเรา แต่มันไม่อาจพรากทุกอย่างที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้”

 

ยาสซีน บูนู : “เกมออกมาไม่ง่ายเลย เราใฝ่ฝันที่จะไปถึงชิงชนะเลิศ และเรามีความมั่นใจในการเอาชนะ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทุกๆ คนเล่นเกมที่ยอดเยี่ยม ทุ่มเทความพยายามลงไปอย่างมาก”
“เรายังคงเหลือเกมให้ลงสนามอีกหนึ่งนัด ซึ่งเป็นเกมที่เราต้องเล่นอย่างเอาจริงเอาจังเหมือนกับที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้”
“เราแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับสูงที่สามารถต่อกรกับชาติใหญ่ๆ ได้สูสี ประตูแรก (ของฝรั่งเศส) ทำให้เกมของเรายุ่งยากซับซ้อน แต่เราก็แสดงให้เห็นถึงบุคลิกและมีโอกาสหลังจากเสียประตูไป หลังจากนั้น มีประตูที่สองเกิดขึ้นพร้อมกับโชคช่วยพวกเขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม”

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 โดยเตรียมพบ อาร์เจนติน่า ที่เจอกันมาแล้วใน รัสเซีย 2018 ฝรั่งเศสชนะ 4-3 รอบ 16 ทีมสุดท้าย (คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 ประตู, อองตวน กรีซมันน์ 1)
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 4 ในเพียง 7 ทัวร์นาเมนต์หลังสุด
1998 ชนะ บราซิล 3-0
2006 แพ้ดวลจุดโทษ อิตาลี 3-5
2018 ชนะ โครเอเชีย 4-2
2022 เตรียมพบ อาร์เจนติน่า
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, เป็นกุนซือชุดแชมป์โลก 2018 และยังนำทีมเข้าชิงได้อีกหน ปีนี้
• เริ่มคุมทีมปี 2012 จนถึงวันนี้ เดส์ชองส์ พาทัพตราไก่ลงสนาม 138 นัด ชนะ 89 เสมอ 27 แพ้ 22 เปอร์เซ็นต์ชนะ 64.49%

 

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ไม่ยิงเพิ่มมา 2 เกมติด คงสถิติไว้ที่ 5 ประตูเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ และคู่นี้จะเผชิญหน้ากันโดยตรงในนัดชิงชนะเลิศ
• เช่นเดียวกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่กดไปคนละ 4 ตุงเท่ากัน
• อองตวน กรีซมันน์ ยังทำ 3 แอสซิสต์ เท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่
• มีกระแสข่าวว่า เรอัล มาดริด พร้อมเปิดไฟเขียวกรณีพิเศษให้ คาริม เบนเซม่า กลับเข้าสู่แคมป์ทีมชาติฝรั่งเศส มาเป็นตัวเลือกสำรองของกองหน้าตราไก่นัดชิงชนะเลิศ หลังยอดดาวยิงวัย 34 เจ้าของบัลลง ดอร์ 2022 ฟิตกลับมาลงซ้อมกับทีมชุดขาวได้แล้ว

 

• ในการคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ฝรั่งเศส ผ่านทั้ง ออสเตรเลีย (2-1), เดนมาร์ก (0-0) และ อาร์เจนติน่า (4-3) ในทัวร์นาเมนต์ เหมือนครั้งนี้ที่ชนะ ออสเตรเลีย 4-1, เดนมาร์ก 2-1 และเตรียมเจอ อาร์เจนติน่า นัดชิง
• ทีมตัวจริงนัดชิงปี 2018 (4-2 โครเอเชีย) ของ ฝรั่งเศส มีทั้ง อูโก้ โยริส, ราฟาแอล วาราน, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้ง 5 คนนี้ก็จะได้เล่นนัดชิงฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน
• ยังมี เบนชาแม็ง ปาวาร์ ลงตัวจริง 2018 แต่เป็นสำรองของทีมชุดนี้ ส่วนทาง สตีฟ ม็องด็องด้า, อัลฟงส์ อเรโอล่า และ อุสมัน เดมเบเล่ เป็นสำรองไม่ได้ใช้ของนัดชิงเมื่อ 4 ปีก่อน
• ฝรั่งเศส เป็นชาติแรกถัดจาก บราซิล 1998 ที่มีโอกาสป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ
• อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ก็ต้องเอาชนะ อาร์เจนติน่า ให้ได้เท่านั้นในวันอาทิตย์นี้ เพื่อยืนยันการเป็นทีมแรกถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่ ที่ป้องกันแชมป์โลกได้จริง

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

เรื่องน่าอ่าน
ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022
คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?!?
เต็ง ‘แชมป์โลก’ และความน่าจะเป็น

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย

เดินทางมาถึงคู่แรกของรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงดึกคืนวันอังคาร 13 ธ.ค. ท่ามกลางการจับตาของคอบอลทั่วทั้งโลก

 

แน่อยู่แล้วว่า อาร์เจนติน่า เป็นฝ่ายเหนือกว่า โครเอเชีย

 

แต่บางฝ่าย–โดยเฉพาะคนโครแอตและกองเชียร์ตาหมากรุก ก็ยังเชื่อว่า ภายหลังชนะดวลจุดโทษมา 2 รอบติด ก็ “มีลุ้น” จะเฮต่อเนื่องเป็นรอบ 3 ไม่ว่า อาร์เจนติน่า จะเต็งมาจากไหนก็เถอะ

 

อย่างน้อยก็ ลูก้า โมดริช คนนึง – “ผมว่าเรา (โครเอเชีย) มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันกับ เรอัล มาดริด ที่ไม่ยอมแพ้และสู้จนวินาทีสุดท้ายของเกม เราพร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะเราเตรียมตัวมาดี และผมคิดว่ามันจะเพียงพอที่ทำให้เราเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ”

 

กระนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ก็กลายเป็นว่า โครเอเชีย สิ้นท่า ไม่เหลือลายรองแชมป์เก่า

 

มาถึงตัดเชือกบอลโลก 3 หน…ร่วงที่รอบนี้ 2 ครั้ง

 

แม้ทรงจะไม่ถึงกับแบ๊ด แต่ก็แซดอย่างบ่อยเหมือนกันแฮะ…

 

แมตช์ตัดสินใครจะเช้าชิงแชมป์โลก ใครจะได้แค่ชิงเหรียญทองแดงปลอบใจ ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ โครเอเชีย เริ่มต้นขึ้นพร้อมการปรับหมากอีกครั้งของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่เปลี่ยนระบบใช้ 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 อัดแดนกลางแน่นด้วย 4 มิดฟิลด์ ต่างไปจากนัดก่อน (ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์) ที่ใช้ 5-3-2 ลงสู้ ด้าน ซลัตโก้ ดาลิช มาด้วยทีมเดิม นำโดย 3 แผงกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาเตโอ โควาซิช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียว โครเอเชีย ครองเกมดีกว่าเล็กน้อย แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าทำไม่สำเร็จ

 

นาที 25 เป็นโอกาสจบแรกของเกม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลองส่องปั่นโค้งๆ ด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหาเสาและไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช ที่แม้จะตะปบไม่อยู่แต่ก็ไม่มีดาบสองจากทีมฟ้าขาว

 

นาทีถัดมา โครเอเชีย ต่อเกมสวนขึ้นไปได้สวยจน อันเดรจ์ ครามาริช โดนชนล้มเป็นฟรีคิกเยื้องขวาระยะ 30 หลา แต่ ลูก้า โมดริช เลือกเปิดขึ้นหน้าโดนโขกสกัดออกมาไม่มีอะไร

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แต่แล้วจู่ๆ นาที 32 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้บอลตักข้ามแผงหลังมาให้ทะลุเข้าเขตโทษแล้วแตะหนี โดมินิก ลิวาโควิช ก่อนโดนชนล้ม ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแบบไม่เช็กวีเออาร์ แถมให้ใบเหลืองนายประตูโครแอต ซึ่งก็เป็น ลิโอเนล เมสซี่ นั่นเองที่หยิบบอลมาสังหารด้วยซ้ายเสยเพดานตาข่ายอย่างเฉียบคม อาร์เจนติน่า ขยับนำ 1-0 ในนาที 34 เป็นประตูที่ 5 ของ เมสซี่ ส่งให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ทั้งนี้ มาริโอ มานด์ซูคิช อดีตดาวยิงโครเอเชีย ที่มาในฐานะสตาฟฟ์โค้ชทีมหมากรุก โดนใบแดงไล่ออกไปจากข้างสนามด้วย ข้อหาประท้วงหนัก

 

แล้วเมื่อตั้งเกมเล่นกันใหม่ สกอร์ก็ไหลขึ้น 2-0 เสียดื้อๆ อีก จากจังหวะเตะมุมของโครเอเชียเองที่โดนสวนเร็ว ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวขึ้นหน้ามาจนจุดอันตราย ปรากฏว่าทั้ง โยซิป ยูราโนวิช และ บอร์นา โซซ่า กลับสกัดบอลแป้กๆ งัดไม่ออก สุดท้ายยังคงเข้าทาง อัลวาเรซ ดีดผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปง่ายๆ 2-0 ในนาที 39

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สกอร์ยังเกือบขยับเป็น 3-0 ด้วยในจังหวะเตะมุมนาที 43 บอลเปิดมาตรงกลางเข้าหัว อัลวาเรซ โขกเปลี่ยนทางจังๆ ส่งลูกกำลังจะข้ามเส้น ลิวาโควิช ยังแสดงปฏิกิริยาชั้นยอดสปริงตัวปัดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด

 

จากนั้นครึ่งแรกจบลงไปแบบงงๆ โครเอเชีย ตามหลัง อาร์เจนติน่า 0-2 ทั้งที่ก็ไม่ได้เล่นเป็นรองอะไรนักตลอดครึ่งเวลา

 

ต่อครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช ปรับส่งสำรอง 2 รายรวดทันที นิโกล่า วลาซิช กับ มิสลาฟ ออร์ซิช ลงไปแทน มาริโอ ปาซาลิช กับ บอร์นา โซซ่า ที่มีส่วนผิดพลาดในประตูที่สอง ไม่เท่านั้น เล่นไป 5 นาทีก็เสริมกองหน้า บรูโน่ เพ็ตโควิช ลงมาแทนกลางรับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

เกมของ โครเอเชีย ยกระดับขึ้นทันตา เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่แบบพับสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ปัญหาก็คือยังคงสร้างโอกาสจะแจ้งไม่สำเร็จ ทั้งยังเป็น อาร์เจนติน่า ด้วยที่เกือบได้เฮหนสาม จังหวะสวนนาที 58 เมสซี่ ทำชิ่งกับเพื่อนจนทะลุเข้าไปทางซ้ายแล้วกดกะยัดเสาแรก ไม่ผ่านเซฟ ลิวาโควิช

 

ผ่านนาที 62 ลิโอเนล สคาโลนี่ กะเอาชัวร์แล้วด้วยการส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปอุดเกมรับ พร้อมปรับระบบเป็น 3 เซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 แม้จนป่านนี้ โครเอเชีย ยังยิงไม่ตรงกรอบเลยสักครั้งก็ตาม

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แล้วถึงนาที 69 เกมก็ปิดสนิท ด้วยสกอร์ 3-0 ของอาร์เจนติน่า เมสซี่ เลี้ยงเลาะที่สุดเส้นหลังขวาโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กดด้วยขวาส่งลูกผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปไม่เหลือซาก 3-0 ด้วยสองเม็ดของกองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

นาที 73 โครเอเชีย ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ อีวาน เปริซิช ยิงเข้าข้อส่งลูกเข้าหาโคนเสา แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ล้มดักไว้อยู่แล้ว เป็นการยิงตรงกรอบหนแรกของทีมตาหมากรุกเกมนี้

 

ล่วงเข้าสิบนาทีท้าย โครเอเชีย พยายามเปิดเกมแลกหมัดสุดกำลัง แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่เข้าถึงจุดตายฟ้าขาวจริงๆ จังๆ สุดท้ายเกมจบลง อาร์เจนติน่า ชนะขาด 3-0 ล้างแค้นคืนอย่างเบ็ดเสร็จจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งโครเอเชียเอาชนะพวกเขาด้วยสกอร์นี้ในรอบแรก

 

สำหรับ อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 เป็นทีมแรก โดยต้องรอดูว่าระหว่าง ฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก ใครจะตามเข้ามาช่วงชิงโทรฟี่ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับพวกเขา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (ฮวน ฟอยธ์ 86) – เลอันโดร ปาเรเดส (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 62) – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (อังเคล กอร์เรอา 86), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เอเซเกล ปาลาซิออส 74) – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เปาโล ดีบาล่า 74), ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า (มิสลาฟ ออร์ซิช 46), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 50), ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 81) – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช (มาร์โก ลิวาย่า 72), มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 46)

 

• ที่จริง ครึ่งแรก โครเอเชีย จ่ายบอลได้มากกว่าด้วย 298:182 ครั้ง แต่ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบเลย ส่วน อาร์เจนฯ ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งได้มา 2 ประตู
• ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงประตูที่ 4 ในเวิลด์คัพหนนี้ และเป็นเม็ดที่ 7 จากการเล่นทีมชาติ 18 นัด
• หลายฝ่ายมองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคือจุดโทษที่ ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ เป่าให้กับ อาร์เจนติน่า ในจังหวะที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ชนเข้ากับ โดมินิค ลิวาโควิช ซึ่งผู้ตัดสินบางคนอาจปล่อยผ่าน
แกรี่ เนวิลล์ : “มันไม่มีทางเป็นจุดโทษได้เลย”
เอียน ไรท์ : “พวกเขาไม่เช็ควีเออาร์ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สำหรับผมมันไม่ใช่จุดโทษ”
รอย คีน : “ผมเห็นด้วยกับพวกเขา มันไม่ใช่จุดโทษสำหรับผม”

 

• โครเอเชีย ร่วงรอบตัดเชือกด้วยการแพ้เป็นนัดแรกของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงแพ้เกมแรกหลังไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน
• โครเอเชีย ยังต้องเฝ้าฝันถึงแชมป์โลกต่อไป ถัดจากการเป็นอันดับสาม ฟร้องซ์ 98, รองแชมป์โลก 2018 และอันดับ 3-4 กาตาร์ 2022
• นี่คือความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดของ โครเอเชีย ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ถัดจากที่แพ้ บราซิล กับ เม็กซิโก 1-3 ในรอบแรกของปี 2014 และแพ้ ฝรั่งเศส 2-4 นัดชิงปี 2018

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นนัดที่ 6 เมสซี่ คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปซะ 4 เกม
• เมสซี่ กดประตูที่ 5 ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมกับทำ 3 แอสซิสต์ สูงสุดเทียบเท่า อองตวน กรีซมันน์, แฮร์รี่ เคน, บรูโน่ แฟร์นันเดส
• เมสซี่ ยิงรวมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพิ่มเป็น 11 ประตู แซงหน้า กาเบรียล บาติสตูต้า ในการเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ยิงได้มากสุดในบอลโลก
• เมสซี่ ทำแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเทียบเท่า ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ 8 แอสซิสต์
• เมสซี่ มีส่วนร่วมกับถึง 19 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (11 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์) เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ มิโรสลาฟ โคลเซ่, โรนัลโด้ และ แกร์ด มุลเลอร์ นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในปี 1966 เป็นต้นมา

• เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นนัดที่ 25 เป็นสถิติมากสุดเทียบเท่า โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งทีมชาติเยอรมนี
• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ “ทั้งยิงทั้งจ่าย” (ประตู+แอสซิสต์) ในนัดเดียวเป็นจำนวน 4 นัด โดยนัดแรกทำได้ในเกมพบ เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2006 ส่วน 3 นัดเป็นฟุตบอลโลกหนนี้ที่พบ เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย
• เมสซี่ ยิงหรือจ่ายในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 13 นัด เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ โรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล
• เมสซี่ ได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก ที่จำนวน 10 นัด โดยทำไปแล้ว 4 ครั้งที่กาตาร์

• เมสซี่ ยิงประตูในทีมชาติ 16 ลูกในปี 2022 (13 นัด) มากกว่าที่เคยยิงได้ในแต่ละปี ตลอดเส้นทางค้าแข้ง
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนาม 10 นัดหลัง
• 3 จาก 5 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ของ เมสซี่ เป็นจุดโทษ
• เมสซี่ เป็นนักเตะสูงอายุที่สุด (35) ที่สามารถยิงได้ถึง 5 ประตูในฟุตบอลโลกสมัยเดียว
• ในฟุตบอลโลก 2022 จนถึงตอนนี้ เมสซี่…
โอกาสยิงรวม 27
ยิงตรงกรอบ 14
ประตู 5
แอสซิสต์ 3
สร้างโอกาสจบ 18
สร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 14
เลี้ยงผ่าน 36

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
ลิโอเนล เมสซี่ : “เราไม่คาดคิดว่าจะพ่ายต่อ ซาอุดีอาระเบีย มันคือบททดสอบอันสาหัสสำหรับทั้งทีม แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราแข็งแกร่งกันขนาดไหน เราเอาชนะได้ในนัดที่เหลือ และมันก็ยากมากๆ เพราะทุกนัดคือนัดชิงชนะเลิศ หากเราไม่ชนะ ทุกอย่างก็คงยุ่งยากสำหรับเรา”
“เราลงเล่นนัดชิงห้านัด (ในทัวร์นาเมนต์นี้) และสามารถเอาชนะได้หมด ผมหวังว่าจะชนะเหมือนเดิมในนัดชิงชนะเลิศ เราเชื่อมั่น แต่ก็รู้ด้วยว่าเราสามารถทำได้ในฐานะทีม”

 

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ : “เราคู่ควรกับสิ่งนี้ เรามีเกมที่สุดยอดมากๆ เราเข้าชิงชนะเลิศกันแล้ว และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ครอบครัวของผมคงคลั่งมาก เหมือนกับทั้งประเทศ เรามีความสุขมากกับผลงานของเรา แต่เราก็ต้องการมากกว่านี้อีก”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “มหัศจรรย์มาก เราคิดไว้แต่แรกว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก แต่เรารู้วิธีปิดเกม สองนัดที่ผ่านมาเราเสียประตูในช่วงท้าย ผมดีใจที่เราปิดเกมได้ในวันนี้”
“เมสซี่ ไม่มีการทำอะไรผิดพลาดเลยในทัวร์นาเมนต์นี้ ยิ่งเขาสูงวัยขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ๋งเป้งขึ้นเท่านั้น ฟอร์มของเขามันเหนือจริงมาก”

 

ซลัตโก้ ดาลิช : “เราเล่นได้ดีตลอดครึ่งชั่วโมงแรก แต่เรายังไม่นิ่งพอในจังหวะของเรา เราเสียประตูที่น่ากังขามากๆ เริ่มจากจังหวะเตะมุมที่มีปฏิกิริยาของผู้เล่นผม แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร จากนั้นก็เป็นจุดโทษ เอาตามตรงมันค่อนข้างเบาและง่ายเกินไป เราพยายามกลับมาให้ได้และก็เสียประตูที่สอง เราครองบอลได้ แต่ไม่ได้สร้างโอกาสจะแจ้ง”
“จุดโทษทำให้ทิศทางของเกมเปลี่ยนไปเลย พวกเขาเป็นฝ่ายได้คอนโทรลเกม และการครองบอลก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเรา”

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
• อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ผ่านมา ชนะ 2 แพ้ 3 ในเกมชิงดำ
1930 แพ้ อุรุกวัย 2-4
1978 ชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1
1986 ชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 แพ้ เยอรมนี 0-1

 

• อาร์เจนติน่า สานต่อสถิติสุดยอด “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2
2022 ชนะ โครเอเชีย 3-0

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำให้ อาร์เจนติน่า มีผลงานแพ้แค่เกมเดียวใน 42 นัดหลังสุด และยิงประตูอย่างน้อย 2 ลูกมาเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกัน

 

• ซลัตโก้ ดาลิช ยืนยันจะนั่งเก้าอี้คุม โครเอเชีย ต่อไปจนถึงหมดสัญญา หลังจบยูโร 2024 ที่เยอรมนี ภายหลังทำทีมมาตั้งแต่ปี 2017 (ชนะ 69 เสมอ 33 แพ้ 18) แต่ก็เปรยว่าแข้งสูงวัยชุดนี้บางคน คงไม่ได้ไปต่ออีกแล้ว

 

• อาร์เจนติน่า ทำให้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 11 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (21 แมตช์) มีการชนะแบบ “ยิงขาด” เพิ่มขึ้นอีกนัด ถัดจากเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง นอกนั้นอีก 80% ออกสกอร์เฉือน หรือจบเสมอกันแล้วต้องต่อเวลา หรือกระทั่งดวลจุดโทษชี้ขาด

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก
พุธ 14 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
A v B 1963 โมร็อกโก ชนะ 2-1
B v A 1966 เสมอ 2-2
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1967 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1975 เสมอ 1-1, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 3-1
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1987 เสมอ 0-0
โฟร์ เนชั่นส์ 1988 ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
Under-21 v A 1996 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
คิง ฮัสซัน คัพ 1998 เสมอ 2-2, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 6-5
อุ่นเครื่อง 1999 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
ฮัสซัน II 2000 ฝรั่งเศส ชนะ 5-1
อุ่นเครื่อง 2007 เสมอ 2-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู ตามด้วยรอบ 8 ทีม บลุ้นระทึกหน่อย แต่ยังอร่อยมากพอจะเบียดชนะ อังกฤษ 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ สังหารชัยในเกมที่ แฮร์รี่ เคน พลาดจุดโทษสำคัญท้ายเกม

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แต่ว่าการลงเตะ 3 เกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ แม้ เบนเซม่า จะคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด แล้ว แต่กระแสคืนทีมชาติก็เงียบไปแล้วเช่นกัน

 

แต่แม้จะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า นักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยแทรกซ้อน โดยเฉพาะ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร และมีสิทธิ์จะเรียกฟิตไม่ทันเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซึ่งถ้าไม่พร้อมจริงจะเป็น อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

ส่วนถ้าพร้อมทั้งหมด เดส์ชองส์ ก็จะยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ด้วยระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0 เท่ากับ 5 เกมของฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาเสียแค่ประตูเดียว และยังมาจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด ในเกมกับ แคนาดา ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพทีมเกมนี้ของ เรกรารี นั้น “อ่วมมากแม่” มีทั้งตัวเจ็บและตัวแบน มีสิทธิ์ขาดได้ถึง 5 คนในเกมนี้

 

เริ่มจากคู่เซนเตอร์แบ็กตัวจริง กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด มีปัญหาบาดเจ็บทั้งคู่ รายแรกจาก เบซิคตัส เดี้ยงจนต้องหามออกจากเกมกับ โปรตุเกส ตอนครึ่งหลัง ส่วนรายหลังจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เจ็บจนไม่ได้เล่นตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ถัดมา นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค ก็เจ็บจนพลาดรอบที่แล้วเช่นกัน เพิ่มเติมด้วย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

นอกจากนั้น วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ ติดโทษแบนไม่อาจลงเล่นได้แน่นอน หลังโดนสองเหลืองหนึ่งแดงในเกมที่ผ่านมา

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวรับ มีโอกาสสูงที่ เรกรากี จะต้องเปลี่ยนรวดเดียว 3 คน หากว่า ซาอิสส์ – อาแกร์ด – มาซราอุย ไม่พร้อม โดยจะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

อย่างไรก็ตามแนวรุกไม่เป็นปัญหาแม้จะขาด เชดดิร่า ที่เป็นสำรอง โดยให้ ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 64 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด ยืนแท่นผู้นำอยู่ขณะเหลือแค่ 4 เกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ (อิบราฮิมา โกนาเต้), ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม ฝรั่งเศส ปะทะ โมร็อกโก
• โมร็อกโก เคยเป็นประเทศในอาณานิคมของ ฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ. 1912 – 1956
• ความที่เป็นเมืองขึ้นของกัน ทำให้เจอกันบ่อยพอตัวในยุคโบราณ รวมพบกัน 11 นัด ฝรั่งเศสชนะใน 90 นาที 5 นัด โมร็อกโกชนะเกมเดียว
• แต่ 2 ทศวรรษหลัง พบกันหนเดียวเท่านั้น อุ่นเครื่องปี 2007 ที่ปารีส เสมอกัน 2-2
• คาริม เบนเซม่า อยู่ในเกมวันนั้น แต่ก็โชคร้ายไม่ได้เล่นฟุตบอลโลก 2022 อย่างที่ทราบ

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก โดยไม่มีเกมที่ทำคลีนชีตได้เลย
• สองนัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 5 ประตู
• แม้ไม่อาจถือได้ว่าชนะรวด แต่เกมแพ้ ตูนิเซีย 0-1 นัดปิดรอบแรก ก็เป็นการปรับส่งทีมสำรองลงสนาม ดังนั้นด้วย 11 คนแรกชุดนี้จึงจัดว่าชนะ 4 เกมซ้อนได้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
• ทำลายอาถรรพ์ทีมแชมป์เก่าตกรอบแรก 3 ทัวร์นาเมนต์รวดไปแล้ว และอยู่ในเส้นทางสำหรับการจะเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ ถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่
• ฝรั่งเศส เพิ่งโดนใบเหลืองไปแค่ 5 ใบ น้อยสุดในจำนวนทีมที่ยังเหลือ (น้อยสุด อังกฤษ 1) รวมถึงว่าก็ยิงได้เยอะสุด (11 ประตู) ในจำนวนทีมที่ยังเหลือ

• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• วาลิด เรกรากี เกิดที่ฝรั่งเศส (1975) โตมาเล่นฟุตบอลอาชีพในฝรั่งเศส ตำแหน่งแบ็กขวา สังกัด ราซิ่ง ปารีส, ตูลูส, อชักซิโอ, ราซิ่ง ซานตานเดร์ (สเปน), ดิชง และ เกรอน็อบล์ แต่ติดทีมชาติโมร็อกโก 45 นัด ระหว่างปี 2001-2009
• โซฟียาน บูฟาล เกิดที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (1993) และเล่นอาชีพในลีกฝรั่งเศสตั้งแต่แรกจนตอนนี้ สังกัด อองเช่ร์
• โรแม็ง ซาอิสส์ เกิดที่ฝรั่งเศส (1990) สร้างชื่อกับ เลอ อาฟร์ ก่อนย้ายไป วูล์ฟแฮมป์ตัน และตอนนี้อยู่ เบซิคตัส
• แข้งโมร็อกโกชุดนี้ เล่นใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส จำนวน 5 คน – อัซซาดีน อูนาฮี (อองเช่ร์), โซฟียาน บูฟาล (อองเช่ร์), อัชราฟ ดารี (แบรสต์), อัชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช), ซากาเรีย อาบูคลัล (ตูลูส)
• ถ้าได้ลงตามปกติ ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 51, อัชราฟ ฮาคิมี่ 60, โซฟียาน อัมราบัต 45, ฮาคิม ซีเย็ค 49, โซฟียาน บูฟาล 38, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 56

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 5 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์ สูงสุดเทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี่
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 143 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 1 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 144, ราฟาแอล วาราน 92, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 116, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 119, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 65

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3
• โมร็อกโก แพ้ครั้งสุดท้ายในยุค วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อ 1 มิ.ย. แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3

• เกมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 10 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (20 แมตช์) ล้วนแต่ออกผลชนะแพ้แบบเบียดๆ หรือลงเอยด้วยผลเสมอต้องยืดเยื้อ ถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียง “เกมเดียวถ้วน” เท่านั้น ที่ชนะกันเกินกว่า 3 ประตูขึ้นไป
– ยิงกันถล่มทลาย 1 นัดถ้วน คือเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง
– ชนะห่างหน่อย 2-0 มีเกิดขึ้น 3 นัด
โปแลนด์ 0-2 อิตาลี (1982)
ฝรั่งเศส 0-2 เยอรมนีตะวันตก (1986)
อาร์เจนติน่า 2-0 เบลเยียม (1986)
– ชนะประตูเดียว 9 นัด
บัลแกเรีย 1-2 อิตาลี (1994), สวีเดน 0-1 บราซิล (1994), ฝรั่งเศส 2-1 โครเอเชีย (1998), เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้ (2002), บราซิล 1-0 ตุรกี (2002), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส (2006), อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์ (2010), เยอรมนี 0-1 สเปน (2010), ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม (2018)
– ชนะช่วงต่อเวลา 2 นัด
เยอรมนี 0-0 อิตาลี / อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0 (2006)
โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ /โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1 (2018)
– ชนะดวลจุดโทษ 5 นัด
เยอรมนีตะวันตก 3-3 ฝรั่งเศส / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 5-4 (1982)
อาร์เจนติน่า 1-1 อิตาลี / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
เยอรมนีตะวันตก 1-1 อังกฤษ / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
บราซิล 1-1 เนเธอร์แลนด์ / บราซิล ชนะจุดโทษ 4-2 (1998)
เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2 (2014)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
“แผนการของ โมร็อกโก ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน รับลึกแล้วโต้ แต่มันก็ไม่ง่ายต่อการรับมือของทุกคู่แข่ง พวกเขาผ่านเกมกับทีมอย่าง โครเอเชีย, เบลเยียม, สเปน, โปรตุเกส มาแล้ว และไม่เสียประตูเลยสักลูก”
“แต่ปัญหาก็คือความอ่อนล้าที่ต้องเผชิญ โรแม็ง ซาอิสส์ ต้องโดนหามออกจากเกมก่อน และยังมีต้องกังวลเรื่องความฟิตของทั้งกองหลัง นาเยฟ อาแกร์ด และคีย์แมน โซฟียาน อัมราบัต นั่นจะทำให้เกมโต้กลับของพวกเขาอาจไม่เต็มประสิทธิภาพ”
“ด้าน ฝรั่งเศส ไม่ได้เล่นด้วยสุดยอดฟุตบอลอะไร แต่พวกเขาอยู่ในระดับสูงมานาน และแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมที่เหนือกว่า อังกฤษ และคุณภาพเกมรุกของพวกเขาก็จตะสร้างความแตกต่างได้ในเกมนี้ ฝรั่งเศส จะยิงประตูแรกได้ และผ่านเกม 90 นาทีไปด้วยชัยชนะ”
“ที่จริง ผมก็อยากให้ความเห็นของผมผิด เพราะการเดินทางของทีมแอฟริกาอย่าง โมร็อกโก ในครั้งนี้ จะเป็นสุดยอดเรื่องเล่าตลอดกาลของฟุตบอลโลก ทว่าเมื่อมองเรื่องจริง มันก็คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องบอกลา”

 

ความน่าจะเป็น
มาได้ตรงนี้ต้องยกย่องและปรบมือดังๆ ให้กับ โมร็อกโก แต่ก็ควรถือว่าพวกเขามาไกลมากพอแล้ว เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามข้างทาง โมร็อกโก ก็คงต้องเลิกฝันถึงการจะทะลุเข้าชิงแชมป์โลกเสียที โดยเฉพาะเมื่อดันมาเกิดปัญหาในเกมรับขึ้นพอดี ต่อให้ระบบจะดีแค่ไหน เมื่อตัวไม่สมบูรณ์ก็ต้านลำบาก แถมจุดเด่นของ ฝรั่งเศส ชุดนี้ ยังอยู่ที่เกมรุกสุดจัดจ้าน จับตัวนี้ตัวนั้นมา จับตั้วนั้นตัวโน้นมี อีกด้วย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย

อังคาร 13 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1994 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1998 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2006 โครเอเชีย ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2014 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
ฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชีย ชนะ 3-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3

โครเอเชีย

รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า

 

มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้โดน เนเธอร์แลนด์ ตามตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ 90+11 แต่ก็ยังมีคุณภาพมากพอจะเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ

 

มาถึงเกมรอบตัดเชือกนัดนี้ หมายความว่า อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่ 2 เกมซ้อนเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษซ้ำอีก ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986 มาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล สคาโลนี่ มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร คราวนี้แผลเกิดขึ้นที่หลังบ้านบ้าง เมื่อทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมฟ้าขาวมาตลอดทัวร์นาเมนต์ ต้องติดโทษแบนพร้อมกัน ไม่สามารถลงเล่นเกมนี้ได้

 

ส่วน 3 แนวรุก ที่ก่อนหน้านี้ อังเคล ดิ มาเรีย เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน ทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก หลังฟิตกลับมาได้ตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ภายหลังปรับใช้ระบบสามเซนเตอร์แบ็กเพื่อเน้นเพลย์เซฟในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ ก็เชื่อว่า สคาโลนี่ จะไม่ประมาท โครเอเชีย และยึดหมากนี้เอาไว้ต่อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้ลงมาถมเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ ส่วนตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายที่ อคุนย่า ติดแบน จะเป็น นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงแทน

 

ดังนั้นเกมรุกจึงจะมาแบบ 2 กองหน้าอีกครั้ง ใช้ ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เข้าทำ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

โครเอเชีย

ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

มาถึงเกมชี้ชะตาเข้าชิงหรือแค่ชิงที่ 3 นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ส่วนทาง บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย ฟิตกลับมาลงตัวจริงในเกมกับ บราซิล ไปก่อนแล้ว เกมนี้สามารถเล่นได้ต่อเนื่อง

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็ไม่น่าเปลี่ยนจากรอบก่อนๆ แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่

กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 4 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช

อะไรจะฟิตได้ขนาดนี้ ฟิตเปรี๊ยะจนเริ่มมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก็๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมล่าสุดกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 160 นัดก็ตาม

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (5-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า ปะทะ โครเอเชีย

• หลังจากเสมอแบบไร้สกอร์ในปี 1994 ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาคนละ 2 ครั้ง
• พบกันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ก็ผลัดกันแพ้ชนะเช่นกัน
• ล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โครเอเชีย ทำเซอร์ไพรส์ยิงขาดถึง 3-0 ด้วยมีจุดเปลี่ยนกับลูก 1-0 ที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ เตะเปิดเข้าทาง อันเต้ เรบิช ยิงเข้าไปง่ายๆ ก่อนท้ายเกม ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช จะมาบวกเพิ่มปิดเกมที่ 3-0

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 41 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูก มา 4 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 41 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 55 นัด ชนะ 36 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 171, อังเคล ดิ มาเรีย 129, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 99, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 46
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,002 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 171 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง

• อาร์เจนติน่า พกสุดยอดสถิติมาด้วยอย่างการที่ “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก แต่นำเอาแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 เข้าไปชิงชนะเลิศกัน (และ อาร์เจนติน่า ต่อเวลาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ครองแชมป์โลกสมัยแรก)
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1 / นัดชิงแพ้ อุรุกวัย 2-4
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0 / นัดชิงชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3 / นัดชิงแพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 / นัดชิงแพ้ เยอรมนี 0-1

• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้งในบอลโลกหนนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2014

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวดในฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว

• มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง (10 แมตช์) ที่เกิดการยิงกันแบบ “ขาดลอย” ในรอบตัดเชือก ซึ่งก็คือ เกมที่ เยอรมนี มอบฝันร้ายให้ บราซิล 7-1 เมื่อปี 2014 นอกนั้นถ้าไม่เสมอกันก็ชนะแบบเฉือนเม็ดเดียว
ฟุตบอลโลก 2002 เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้, บราซิล 1-0 ตุรกี
ฟุตบอลโลก 2006 เยอรมนี 0-0 อิตาลี (อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก 2010 อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี 0-1 สเปน
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล 1-7 เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า (อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2)
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม, โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ (โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
“ต้องยอมซูฮกให้กับ โครเอเชีย เลย เพราะที่จริงผมกาชื่อพวกเขาทิ้งไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าผมมองพวกเขาผิดไป พวกเขาเป็นทีมที่ออร์แกไนซ์กันได้ดีมาก ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ยังยอดเยี่ยม พวกเขาเก็บบอลได้ คอนโทรลเกมได้ มีความยืดหยุ่นสูง”
“ดังนั้นนี่จะเป็นเกมยากมากๆ ของ อาร์เจนติน่า แต่ผมก็เชื่อว่า อาร์เจนติน่า จะลงเล่นแบบไม่ประมาท และรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไรจากคู่แข่ง มันอาจจะเป็นโอกาส 50-50 ในการหาผู้ชนะ แต่ก็คงไม่ผิดบาปเกินไปนักถ้าผมจะให้หัวใจนำมากกว่าหัวสมอง และผมจะเลือกให้ เมสซี่ ทะลุเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ”
“ผมพูดเสมอมาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือนักเตะหมายเลขหนึ่ง และเขาครองแชมป์โลกในปี 1986 เส้นทางมหัศจรรย์ของ เมสซี่ ถูกตีตราจากบางคนว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อเขายังไปไม่ถึงแชมป์โลก แต่ตอนนี้เขาเหลือแค่ 2 นัดเพื่อทำมันให้เป็นจริง และผมก็อยากเห็นมันเกิดขึ้น”
“ใช่ นี่ยังหมายความว่าผมกาชื่อ โครเอเชีย ทิ้งไปจากฟุตบอลโลก 2022 อีกครั้ง และเชื่อผมสิ ถ้าเกมต้องถึงช่วงดวลจุดโทษ มันก็จะเป็น โครเอเชีย อีกนั่นแหละที่ชนะ”

 

ความน่าจะเป็น
เลิกคิดเรื่องยิงถล่มขาดลอยกันได้ เมื่อ 90% ของรอบตัดเชือกช่วงหลายปีหลังออกเฉือนๆ หรือไม่ก็เจ๊ากัน สำหรับเกมนี้ ก็แน่นอนเช่นกันว่าคู่คี่สูสี มีโอกาสชนะพอๆ กัน แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ อาร์เจนติน่า ว่าจะสามารถปิดจุดอ่อนของตัวเองอย่างการ “แผ่วปลาย” ได้หรือไม่ หลังจากสองรอบที่ผ่านมาโดนเจาะตอนท้ายตลอด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ พวกเขาคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปต่อนัดชิงดำให้ได้

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0