8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

เฮี้ยนไม่เว้นวัน สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจไม่เว้นเกม สร้างเซอร์ไพรส์และเรื่องเล่าขานต่างๆ นานาได้ในทุกเกมที่ผ่านพ้นไป สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะเมื่อยิ่งงวดลง ยิ่งมาถึงน็อกเอาต์วันท้ายๆ ก็ยิ่งมีประเด็นให้โลกลูกหนังต้องตามติด–ชนิดตาห้ามกะพริบ!

 

ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ! โมร็อกโกลิ่วตัดเชือกบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่เพียงแต่การเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ แต่มาถึงตรงนี้ คงพูดได้ว่า โมร็อกโก มีเอี่ยวกับการ “คว้าแชมป์โลก” แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเกมประวัติศาสตร์ที่ วาลิด เรกรารี และลูกทีมสิงโตแอตลาส จัดมาเสิร์ฟแฟนๆ

 

รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 สองคู่สุดท้าย วันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. เริ่มจากแมตช์ โมร็อกโก พบ โปรตุเกส ซึ่งตัวแทนจากแอฟริกาต้องปรับหลังบ้านเล็กน้อยหลัง นาเยฟ อาแกร์ด บาดเจ็บ ส่วนทาง แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส เจ้าของแฮตทริกในเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 รอบที่แล้ว ลงตัวจริงต่อ

 

กระนั้น เกมรุกของทีมฝอยทองไม่อาจเจาะแนวรับโมร็อกโกที่นำโดยกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ และนายด่านจอมหนึบ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เข้าไปได้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล รวมถึงว่าโอกาสจบก็ไม่ได้มีมากครั้งนักด้วย

 

จนในช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 โมร็อกโก ก็ทำเซอร์ไพรส์เจาะประตูนำไปก่อนจากลูกครอสเข้าหน้าประตู ของ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ เข้าทาง ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ขึ้นโขกตัดหน้านายทวาร ดีโอโก้ คอสต้า เข้าประตูไปพอดิบพอดี

 

ครึ่งหลัง โปรตุเกส โถมเกมรุกขึ้นอีกระดับ โดยมีการส่ง โรนัลโด้ ลงสำรองมาเพิ่ม และ CR7 ก็มีโอกาสดีที่จะพังประตูตีเสมอตอนทดเจ็บ จากการทะลุเข้าไปส่องในเขตโทษทางขวา ทว่าก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู แต่อย่างใด

 

ทดเวลา 90+3 วาลิด เชดดิร่า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับเกม แค่ว่าหอกสำรองโมร็อกโกจะอดเล่นในรอบตัดเชือกเท่านั้น

 

สุดท้ายเกมจบลง โมร็อกโก ชนะ 1-0 โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกอีกครั้ง และ โรนัลโด้ เดินร่ำไห้ออกจากสนาม ด้วยความที่นี่คือเกมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 ปีอย่างเขา และความหวังในการผงาดแชมป์โลกครั้งแรก ต้องมีอันสิ้นสุดลงไป

 

สำหรับ โมร็อกโก ของกุนซือ วาลิด เรกรากี เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เป็นชาติแอฟริกันและอาหรับที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นรายแรก รวมถึงมีโอกาสขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพิ่งเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นจากการเล่น 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์ (อัชราฟ ดารี 57), จาวัด เอล ยามิก, ยาเอีย อัตติยัต-อัลลาห์ – อัซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิร่า 65) – ฮาคิม ซีเย็ค (ซากาเรีย อาบูคลัล 82), ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (บาเดอร์ เบนูน 65), โซฟียาน บูฟาล (ยาห์ย่า จาบราน 82)
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 79), เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ชูเอา กันเซโล่ 51) – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 69), รูเบน เนเวส (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 51), แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส (ราฟาเอล เลเอา 69), ชูเอา เฟลิกซ์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ยาสซีน บูนู คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดในกลุ่มนายทวาร เทียบเท่า โดมินิค ลิวาโควิช ของโครเอเชีย
• ตามสถิติฟีฟ่า ยาสซีน บูนู ทำ Goals Prevented เกมนี้ 11 ครั้ง
• ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ กระโดดโหม่งทำประตูในเกมนี้สูงถึง 2.78 เมตร เหนือกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ 2.5 เมตร ในเกม ยูเวนตุส พบ ซามพ์โดเรีย

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมาเป็นเกมที่ 10 แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3

• นี่คือการพบกันเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• ให้หลัง 32 ปี พบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน
• และล่าสุดกับเกมนี้ ที่ โมร็อกโก กำชัย 1-0
• โปรตุเกส ไปไม่ถึงดวงดาวในฟุตบอลโลกเหมือนเช่นเคย โดยตกทั้งรอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลัง ส่วนผลงานดีสุดยังคงเป็นอันดับ 3 ปี 1966

• กอนซาโล่ รามอส มีโอกาสยิง 6 ครั้งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริกได้ แต่มาเกมนี้โอกาสลดเหลือ 1 ครั้งถ้วน ไม่มีประตู ก่อนถูกถอดออกในนาที 69
• อันเดร ซิลวา ที่ยิง 19 ประตูในทีมชาติ มีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลก 2022 แค่ราวครึ่งชั่วโมง ด้วยการลงสำรองนาที 65 เกมแพ้ เกาหลีใต้ 1-2
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นทีมชาติเกมที่ 196 แต่ถ้าจำกัดเฉพาะ “รอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก” แล้ว นี่คือนัดที่ 8 รวมเวลา 9 ชั่วโมงครึ่ง โอกาสยิง 27 ครั้ง… ได้มา 0 ประตู

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• รอบตัดเชือก โมร็อกโก จะพบกับชาติที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมอย่าง ฝรั่งเศส ที่เคยปกครอง โมร็อกโก ระหว่างปี 1912 – 1956
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• การตกรอบอย่างสุดช็อกของ โปรตุเกส นำมาซึ่งบทสัมภาษณ์เผ็ดร้อน เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของทางฝั่ง เปเป้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่มีต่อผู้ตัดสิน ฟาคุนโด้ เตโย่ จากอาร์เจนติน่า ว่าไม่โปร่งใส ไม่ทันเกมอย่างที่ควรเป็น ทั้งยังเป็นสิงห์เชิ้ตดำเกรดรอง ไม่เคยผ่านการตัดสินเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน แต่กลับได้มาทำหน้าที่ในเกมสำคัญอย่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกอย่างน่าประหลาดใจ ไปจนถึงว่าก็ไม่ควรได้ทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์

• แฟร์นันโด ซานโตส ยังไม่ด่วนตัดสินอนาคตตัวเอง โดยขอเจรจากับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกสเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำทีมต่อหรือสละเก้าอี้ไป หลังคุมยาวมาตั้งแต่ปี 2014 และมีแชมป์ยูโร 1 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1 สมัย ติดมือ แต่ตกแค่รอบ 16 ทีมกับ 8 ทีมฟุตบอลโลก เท่านั้น

• แม้ไม่ได้ประกาศชัด แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เดินออกจากสนามแบบน้ำตานองอาบสองแก้ม ก็เผยเป็นนัยว่า เขาอาจจะเลิกเล่นทีมชาติแต่เพียงเท่านี้ ลงรับใช้ชาติไปทั้งสิ้น 196 นัด ยิง 118 ประตู โดยเป็นเจ้าของสถิติทั้งลงสนามมากสุดและยิงประตูสูงสุดตลอดกาลกับทีมชาติ ทว่าก็ยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 2022 จากจุดโทษนัดชนะ กาน่า 3-2 เกมแรกของทัวร์นาเมนต์
“การคว้าแชมป์โลกกับ โปรตุเกส คือความฝันและความทะเยอทะยานสูงสุดในอาชีพของผม โชคดีที่ผมได้แชมป์มามากมาย รวมทั้งกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การพาประเทศของเราประสบความสำเร็จขั้นที่สูงที่สุดในโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 5 สมัย รวมเวลาเกินกว่า 16 ปี ผมยิงประตูได้ ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเทอย่างเต็มร้อยในสนาม ผมไม่เคยหนีหน้าจากการต่อสู้ และผมไม่เคยยอมแพ้ที่จะสานฝัน”
“น่าเศร้าที่เมื่อวานฝันจบลงอย่างไม่สมควร ผมอยากให้คุณรู้มากกว่าการที่มันจะถูกเขียนถึง ถูกพูดถึง หรือว่าถูกเล่าลือ แต่ความทุ่มเทที่ผมมีต่อ โปรตุเกส ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผมต่อสู้เพื่อเป้าหมายเสมอ และผมไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีม และประเทศของผม”
“สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันมันงดงามจนกระทั่งมันจบสิ้นลง… ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเป็นผู้แนะนำที่ดี และเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้ทำตามต้องการ”

 

 

เคนขว้างตั๋วทิ้ง-สิงโตสลบพ่ายตราไก่ 1-2

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

นี่คือเกมคู่คี่สูสี ที่มีสิทธิ์ตัดสินกันด้วย “รายละเอียดเล็กๆ”

 

รายละเอียดเล็กจิ๋วอย่าง “องศาการเหินของลูกบอล” ขณะออกจากปลายเท้า แฮร์รี่ เคน ในเสี้ยววินาทีนั้น…

 

คู่ดึกของวันเสาร์ เกมสุดท้ายของรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 บิ๊กแมตช์ของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส เกมนี้ต่างฝ่ายต่างยึด 11 คนแรกชุดเดิมลงสนาม สิงโตคำรามนำมาโดย แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนตราไก่ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ รวมพลังเข้าทำ

 

เป็น ฝรั่งเศส ที่ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันจากหน้าเขตโทษผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 17

 

แต่จากนั้น อังกฤษ ก็ทวงคืน 1-1 ตอนต้นครึ่งหลัง จากจุดโทษที่ ซาก้า โดน ชูอาเมนี่ ขัดขาล้มลงไป และ แฮร์รี่ เคน ตะบันผ่าน อูโก้ โยริส ไม่พลาด เป็นประตูทำสถิติยิงสูงสุดในทีมชาติ 53 ลูก เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์

 

ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 กรีซมันน์ ก็ครอสแม่นๆ จากซ้ายเข้าไปให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แม็กไกวร์ ตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส นำ 2-1

 

ท้ายเกมหลังจากนั้นอีก น.82 อังกฤษ มีโอกาสดีในการตามตีเสมอรอบสอง เมื่อมาได้จุดโทษจากวีเออาร์ที่ตัวสำรอง เมสัน เมาท์ โดน เตโอ เอร์นันเดซ กระแทกล้มหน้าทิ่ม อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง รวมถึงฟรีคิกหน้าเขตโทษในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กดเสยคานออกไปแค่คืบเท่านั้น จนจบที่ ฝรั่งเศส กำชัยแบบลุ้นเหนื่อย 2-1

 

ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวนับตั้งแต่แชมป์โลกสมัยแรก 1966 เป็นต้นมา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แจ๊ค กรีลิช 90+8), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เมสัน เมาท์ 79) – บูกาโย่ ซาก้า (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 79), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (มาร์คัส แรชฟอร์ด 85)
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 79), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
• ชิรูด์ กดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลูกเดียวถ้วน
• ชิรูด์ ทำเพิ่มเป็น 53 ลูก ฉีกหนีเจ้าของสถิติคนเก่า เธียร์รี่ อองรี (51) เพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว
• อูโก้ โยริส ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ ฝรั่งเศส สูงสุดแบบเดี่ยวๆ 143 นัด แทนที่ ลิลิยอง ตูราม 142
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไร้สกอร์ที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดเทียบเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• ยังเป็นแอสซิสต์ที่ 27 จากการเล่นทีมชาติ 115 นัดของ กรีซมันน์ ด้วย

• ฝรั่งเศส ทำไป 11 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ โดยที่ 9 ลูกในนั้นมาจาก เอ็มบัปเป้ + ชิรูด์ สองคน ที่เหลืออีกสองเม็ดเป็น อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่
• ฝรั่งเศส มาถึงตรงนี้โดยไม่มีการทำคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 5 นัด เสียนัดละ 1 ลูกมาตลอด

• อังกฤษ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 7 สูงที่สุดในบรรดาทุกทีมที่ได้เข้ามาเล่น เวิลด์ คัพ
• ฟุตบอลโลก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง อังกฤษ ตกไม่ซ้ำรอบ
2010 ตกรอบ 16 ทีม
2014 ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 ตกรอบตัดเชือก / ได้อันดับ 4
2022 ตกรอบ 8 ทีม
• การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ยังคงชนะใครไม่เป็น มีผลเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก่อนแพ้ ฝรั่งเศส นัดนี้
• อังกฤษ เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แค่เกมเดียวจากการพบกัน 7 นัดหลัง (แพ้ 5 เสมอ 1)
• หากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก อังกฤษ ไม่เคยพลิกกลับมาชนะได้ในเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยได้ผลเสมอ 2 แพ้ 7

• จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงเข้าไปในสกอร์ 1-1 นับเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติอังกฤษ เทียบเท่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นที่เรียบร้อย
• ส่วนการพลาดจุดโทษในช่วงท้าย นับเป็นการพลาดครั้งที่ 11 ของเขาในตลอดเส้นทางค้าแข้ง และพลาดหนที่ 4 ในการเล่นทีมชาติ
• สัดส่วนของการยิงจุดโทษเข้ากับยิงพลาดของ แฮร์รี่ เคน คือ 58:11
• เคน ยังทำสถิติสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากที่สุดเป็นเกมที่ 11 (6 เกมในฟุตบอลโลก 2018 และอีก 5 เกมในฟุตบอลโลก 2022) แซงหน้าสถิติ 10 เกมของ บิลลี่ ไรท์ (1950-1958), บ๊อบบี้ มัวร์ (1966-1970) และ เดวิด เบ็คแฮม (2002-2006)
• เจมส์ แมดดิสัน กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มีนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็น 0, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสำรอง 1, แคลวิน ฟิลลิปส์ ลงสำรอง 2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
• ฝรั่งเศส เข้าไปดวลกับชาติที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอย่าง โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก
• พบกันก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ฝรั่งเศส ข่มขาดด้วยชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโกชนะแค่ 1
• ฝรั่งเศส ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งรายใหม่ สำหรับการผงาดครองแชมป์โลก 2022 จากการปรับเรตล่าสุดของ สกาย เบท ในอัตรากดต่ำเพียง 1/1 จากนั้นจึงตามด้วย อาร์เจนติน่า 13/8, โครเอเชีย 7/1 และเต็งเบอร์สุดท้าย โมร็อกโก 8/1 รวมถึงมีเรต 10/1 ในบางเจ้า

• เลส์ เบลอส์ กลายเป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนต์อีก 4 ปีถัดมา เพราะไม่เคยมีแชมป์เก่าชาติไหนเลยที่เคยทำได้ จากครั้งสุดท้ายที่ บราซิล ทำไว้ ด้วยการเป็นแชมป์โลก 1994 และเป็นรองแชมป์ 1998
• มีกระแสข่าวว่า ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะยังคงได้ไฟเขียวให้ดูแลทีมต่อไปจนถึงจบ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี เพื่อตอบแทนผลงานที่ดีในบอลโลกหนนี้ แม้สมาคมฯ จะมีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานและพร้อมเข้ารับตำแหน่งอยู่ ก็ตาม

• ในส่วนของผู้ตกรอบอย่าง อังกฤษ แม้ ณ ตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่ได้ประกาศลาออก โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ว่าขอเวลาอีกนิดเพื่อตัดสินใจอนาคต แต่ก็มีการเปิดราคากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ เซาธ์เกต ไว้แล้ว โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่เปแอสเช ยืนแท่นเต็งหนึ่ง 4/1 จากนั้นตามด้วย โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซี 5/1, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ 8/1, เอ๊ดดี้ ฮาว กุนซือนิวคาสเซิ่ล 10/1, แกรห์ม พ็อตเตอร์ กุนซือเชลซี 12/1, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 16/1, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 16/1, สตีฟ คูเปอร์ 16/1 และ เวย์น รูนี่ย์ 18/1

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs ฝรั่งเศส

เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : Thairath TV

 

ผลการพบกัน : 31 นัด
อังกฤษ ชนะ 17
เสมอ 5
ฝรั่งเศส ชนะ 9

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อังกฤษ

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อิหร่าน 6-2
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เวลส์ 3-0
รอบ 16 ทีม ชนะ เซเนกัล 3-0

 

ฝรั่งเศส

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

สิงโตคำราม มีรอบแรกที่ดี ยิง อิหร่าน กับ เวลส์ รวมกัน 9 ประตู เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และยังเจองานง่ายในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม ผ่าน เซเนกัล สบายบรื๋อ 3-0

 

กับเกมนี้ที่ต้องเจอทีมระดับเฮฟวี่เวตเป็นนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร เริ่มจาก เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ที่ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้วเนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีรายงานว่าเป็นเพราะแตกหักกับทีมสตาฟฟ์ ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงลอนดอนหลังโดนโจรขึ้นบ้าน แม้กลับมาทันเกมนี้และลงซ้อมไปแล้ว แต่ก็จะเป็นสำรองไปก่อน

 

จอห์น สโตนส์ มีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ เช่นเดียวกับ คัลลิ่ม วิลสัน ซึ่งต้องเช็กสภาพกันก่อนเกม ซึ่งถ้า สโตนส์ ไม่พร้อม เอริก ไดเออร์ จะลงมาคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แทน

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือก

 

11 คนแรกคาดว่าน่าจะยังยึดระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น และ บูกาโย่ ซาก้า แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ก่อนหน้ากด 2 ตุงใส่เวลส์ ก็มีสิทธิ์สอดแทรกลงเช่นกัน

 

ฝรั่งเศส

เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

แต่ว่าสองเกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบไปเช่นกัน

 

เดส์ชองส์ จะยึดทีมเดิมในรอบที่แล้ว ด้วยระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : แฮร์รี่ เคน

ฟอร์มแผ่วไปก็จริงในช่วง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่ควรยึดโยงมากกว่าคือฟอร์มที่ร่ายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซีซั่นนี้ ซึ่งออกมาไม่เลวเลยคือ 13 ประตูจาก 22 นัด ที่สำคัญ เคน ยังพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลกมาแล้วด้วยการกด 6 ลูก คว้าดาวซัลโวรัสเซีย 2018 ส่วนมาในเวิลด์คัพครั้งนี้ นอกจากเป็นจอมแอสซิสต์แล้ว ก็ยังประเดิมเม็ดแรกใส่ เซเนกัล ไปแล้วด้วย ซึ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากแน่นอน

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้

เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 63 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่เป็นเพื่อนบ้าน ห่างกันแค่ช่องแคบโดเวอร์ 34 กม. ทำให้คู่นี้นัดเจอกันค่อนข้างบ่อยในอดีต ประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ 1923 แล้ว รวมเจอกัน 31 ครั้ง อังกฤษ ข่มกว่าด้วยชัยชนะ 17 เกม
• เคยซัดกันมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ปี 1966 กับ 1982 อังกฤษ ชนะรวด 2-0 กับ 3-1 ตามลำดับ
• แต่การพบกัน 6 เกมหลังสุด (2004 เป็นต้นมา) ฝรั่งเศส พลิกเป็นฝ่ายข่ม ด้วยผลชนะ 4 (เสมอ 1 แพ้ 1) ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2017 ฝรั่งเศสชนะ 3-2 แฮร์รี่ เคน ยิงสองตุง ก่อน อุสมัน เดมเบเล่ สังหารชัยท้ายเกม

 

• อังกฤษ ไม่แพ้ใครมา 5 เกม เป็นชนะ 3 เสมอ 2
• อังกฤษ ยิงคู่แข่งด้วยสกอร์ 3-0 มาสองเกมซ้อน และไม่เสียประตูตลอด 3 เกมหลัง
• ในฟุตบอลโลก 2022 อังกฤษ ยิงไปแล้ว 12 ประตูจาก 4 นัด เฉลี่ยนัดละ 3 ลูก
• แต่การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ชนะใครไม่เป็นเลย เช่นเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี

 

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูกถ้วน
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว ที่ 52 ประตู และทุกลูฏที่จะยิงได้ต่อจากนี้ มีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป

 

• หากได้เล่นเกมนี้ แฮร์รี่ เคน จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 80, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 74, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 53, จอร์แดน พิคฟอร์ด 50, จู๊ด เบลลิงแฮม 22
• เช่นกัน อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 143, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 118, อองตวน กรีซมันน์ 115, ราฟาแอล วาราน 91, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 64

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งนัดที่โอกาสออก ชนะ-เสมอ-แพ้ มีพอๆ กันทุกหน้า แต่ด้วยความแข็งแกร่งจากหลังสุดมาหน้าสุดของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะเกมรุกที่ร้อนแรง อันตรายทุกตัว ก็น่าจะเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และพลพรรคสิงโตได้ แม้ว่าที่จริง อังกฤษ ก็มาดี และมีคุณสมบัติมากพอจะไปต่อก็ตาม แต่คงต้านความหื่นกระหายชัยของตราไก่ลำบากหน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

 

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

หากว่ารอบแรกผ่านไปเร็วแล้ว น็อกเอาต์นี่ต่างหากที่พุ่งพรวดแบบที่ถ้าไม่ทันตั้งตัว แต่ละเกมก็ผ่านไปเสียแล้ว และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งฉากหน้าฉากหลังและสิ่งสืบเนื่องที่ตามมา กับรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

 

‘กังหัน’ ร้อนผ่านมะกันไม่ยาก 3-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 จนโคจรมาพบกับ สหรัฐอเมริกา ที่ไร้พ่ายในรอบแรก และชนะ อิหร่าน 1-0 เข้าป้ายเป็นอันดับ 2 กลุ่มบี

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล จัดว่าอยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดให้ต้องเป็นกังวล ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

และรูปเกมก็ออกในทรง “ใสแจ๋วแวววับ” สำหรับทัพกังหัน โดยเฉพาะเมื่อ สหรัฐฯ พลาดโอกาสพังประตูนำ (ก้ำกึ่งล้ำหน้า) ไปในนาทีที่ 2 คริสเตียน พูลิซิช ทะลุแนวหลังดัตช์เข้าไปกดด้วยซ้าย ติดขา อันดรีส น็อพเพิร์ต หวุดหวิด

นาทีที่ 10 เดนเซล ดุมฟรีส์ ปาดจากขวามาที่จุดนัดพบใกล้จุดโทษให้ เมมฟิส เดอปาย กดเปรี้ยงพังสกอร์ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทดเจ็บครึ่งแรก น.45+1 ดาลี่ย์ บลินด์ จะบวกเพิ่มเป็น 2-0 ด้วยลูกยิงลักษณะเดียวกับ เดอปาย และยังมาจากการแอสซิสต์ให้ของแบ็กขวา ดุมฟรีส์ คนเดิม

 

ครึ่งหลังแม้ สหรัฐฯ จะตีไข่แตกไม่มีปี่มีขลุ่ยจากการไขว้ยิงเข้าเสาสองแบบมีโชคของหอกสำรอง ฮาจี ไรท์ น.76 แต่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ก็ลุยขึ้นซัดปิดกล่อง น.81 ทำให้เกมนี้ แบ็กขวาจากอินเตอร์ มิลาน ทั้งยิง 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์

 

เนเธอร์แลนด์ ของจารย์ปู่ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายเพิ่มเป็นนัดที่ 19 พร้อมกับเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แก้ตัวจากฟุตบอลโลกหนก่อนที่ตกตั้งแต่รอบคัดเลือก ขณะที่ 2 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้า ไปไกลถึงรองแชมป์โลก 2010 และอันดับสาม 2014

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ รอบ 16 ทีมเนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (c), นาธาน อาเก้ (มัทไธส์ เดอ ลิกท์ 90+3) – เดนเซล ดุมฟรีส์, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน คอไมเนอร์ส 46), เฟรงกี้ เดอ ยอง, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น (สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ 46) – โคดี้ กัคโป (วู้ท เวกอร์สท์ 90+3), เมมฟิส เดอปาย (ชาฟี ซิมอนส์ 83)
สหรัฐอเมริกา (4-3-3) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโญ่ เดสท์ (ดีอันเดร เยดลิน 75), วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, ทิม รีม, แอนโทนี่ โรบินสัน (จอร์แดน มอร์ริส 90+2) – ยูนุส มูซาห์, ไทเลอร์ อดัมส์ (c), เวสตัน แม็คเคนนี่ (เบรนแดน อารอนสัน 67) – ทิโมธี เวอาห์ (ฮาจี ไรท์ 67), เฮซุส เปเรยร่า (โจวานนี่ เรย์น่า 46), คริสเตียน พูลิซิช

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เดนเซล ดุมฟรีส์
• ที่จริง สหรัฐอเมริกา สร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าด้วยซ้ำ ยิง 18 ตรงกรอบ 7 ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ยิง 11 ตรงกรอบ 6
• ยูนุส มูซาห์ วิ่งรวม 12.14 กม.
• ดาลี่ย์ บลินด์ ยิงในทีมชาติเป็นลูกที่ 3 และลูกแรกนับแต่ปี 2014
• เมมฟิส เดอปาย เพิ่งยิงประตูที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังยิงให้ บาร์เซโลน่า ไปลูกเดียวจาก 3 เกม แต่ก็เป็นลูกที่ 43 ในทีมชาติ เหลืออีก 7 เม็ดจะเทียบเท่าดาวซัลโวสูงสุดของชาติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ เนเธอร์แลนด์ 3-1 สหรัฐฯ
• เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย เป็นครั้งที่ 7 จากการเข้ารอบสุดท้าย 11 หน
• หลุยส์ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายในการกลับมาทำทีมชาติรอบ 3 เพิ่มเป็นนัดที่ 19 (ชนะ 14 เสมอ 5)
• เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ หมดสัญญากับ สหรัฐฯ แล้ว (หลังเริ่มคุมปี 2018) และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเซ็นใหม่อีกฉบับเพื่อต่อเวลาทำทีมหรือไม่
• ภารกิจสำคัญลำดับถัดๆ ไปของ สหรัฐฯ ก็คือการเตรียมทีมลุยฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา และ เม็กซิโก ทำให้ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ

 

 

‘ฟ้าขาว’ เบียดจิงโจ้เหนื่อย 2-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

แม้จะเริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 แต่หลังจากนั้น ลิโอเนล เมสซี่ และชาวคณะฟ้าขาว ก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย

 

ด้านจิงโจ้นอกสายตา ออสเตรเลีย โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มดี

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ถือได้ว่า “ซอคเกอรูส์” ของ เกรแฮม อาร์โนลด์ สู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและคู่ควรกับเสียงปรบมืออย่างยิ่ง เป็นฟอร์มการเล่นที่ฟ้องว่า ไอ้ที่กล้าๆ เขี่ย เดนมาร์ก ร่วงรอบแรกไป ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่ประการใด

 

ทั้งนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ จัด 11 คนแรกแบบไม่มีเซอร์ไพรส์ ลิโอเนล เมสซี่ นำเกมรุกฟ้าขาวร่วมกับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อเลฮานโดร โกเมซ ที่เสียบตำแหน่งแทนตัวเจ็บอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนหลังบ้าน คริสเตียน โรเมโร่ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ยังคงเป็นตัวเลือกก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 

แม้ในครึ่งแรก อาร์เจนติน่า จะคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ขึ้นนำ 1-0 จากการซัดด้วยซ้ายข้างถนัดของ ลิโอเนล เมสซี่ น.35 ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ในฟุตบอลโลกงวดนี้ของ เมสซี่ แต่ ออสเตรเลีย ก็ไม่ได้ปล่อยให้ อาร์เจนติน่า ขยำขยี้อย่างมันเท้า

 

ครึ่งหลัง อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ เข้าไปในนาที 57 จุดนี้เองที่ทำให้ลูกทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ อยู่เฉยไม่ได้ ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นจนกระทั่งตีไข่แตก 1-2 ในนาทีที่ 77 จากการซัด (แบบเสี่ยงดวง) ของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป และนับเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของกองกลางฟ้าขาว

 

ช่วงเวลาที่เหลือ เกมเปิดอย่างยิ่ง ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสบวกประตูเพิ่ม โดยเฉพาะ อาร์เจนติน่า ที่น่าได้จาก 2 โอกาสทองของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แต่กลับพลาดไปทั้งสองหน ขณะที่ ออสเตรเลีย ก็หวิดตีเสมอได้ในเฮือกสุดท้ายของการทดเจ็บ 7 นาที กาแร็ง คูโอล หลุดไปยิงเน้นๆ ในจุดอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

เป็นเซฟสำคัญยิ่งที่ช่วยให้เกมจบใน 90 นาที ไม่ต้องยืดเยื้อไปถึงต่อเวลา และส่ง อาร์เจนติน่า เข้าไปบู๊กับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 80), คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 72) – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เอเซเกล ปาลาซิออส 80) – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 71), อเลฮานโดร โกเมซ (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 50)
ออสเตรเลีย (4-4-2) แม็ทธิว ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค (ฟราน คาราซิช 72), แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไคย์ โรวล์ส, อาซิซ เบฮิช – แม็ทธิว เลคกี้ (กาแร็ง คูโอล 72), คีอานู แบ็คคัส (ไอจ์ดิน ฮรุสติช 58), อารอน มอย, ไรลี่ย์ แม็คกรี (เคร็ก กู๊ดวิน 58) – แจ็คสัน เออร์ไวน์, มิตเชลล์ ดู๊ค (เจมี่ แม็คลาเรน 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ได้เตะมุมเกมนี้ ครั้งเดียวถ้วน
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูที่ 14 ในการรับใช้ชาติ 11 นัดของปีนี้
• เปาโล ดีบาล่า มีจำนวนนาทีในฟุตบอลโลก 2022 เป็น 0
• ลิโอเนล สคาโลนี่ คุมทีม 54 นัด เพิ่งแพ้แค่ 5 เกม ที่เหลือชนะ 36 เสมอ 13

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 2-1 ออสเตรเลีย
• อาร์เจนติน่า ผ่านเข้าไปดวลกับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอกันเป็นครั้งที่ 10 โดยหนึ่งในนั้นเป็นนัดชิงบอลโลก 1978 ด้วย (อาร์เจนฯ ชนะ 3-1)
• อาร์เจนฯ เข้าถึง 8 ทีมบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 5 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แม้ตกรอบแล้ว แต่ ออสเตรเลีย ชุดนี้ยังถูกยกว่าเป็น “นิว โกลเด้น เจเนอเรชั่น” และ เกรแฮม อาร์โนลด์ เตรียมขยายสัญญาทำทีมเพิ่มไปอีก

 

 

 

‘เอ็มบัปเป้’ สุดฮอตนำไก่สอยโปล 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้านบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ฝรั่งเศส ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ทำลาย “อาถรรพ์แชมป์เก่า” การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนาม รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด

 

ด้านคู่แข่งอย่าง โปแลนด์ ที่จริงก็นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์ ตอนจบเกมปิดกลุ่มที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก เป็น 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮง-เฮง-เฮง ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

เดส์ชองส์ เรียกตัวหลัก 11 คนแรกที่ใช้ใน 2 เกมแรก กลับคืนสู่ไลน์อัพทั้งหมด นำโดยแผงรุก 4 ประสาน อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เพื่อสู้กับ โปแลนด์ ที่นำมาโดยตัวอันตรายอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

อย่างไรก็ตาม เกมออกมา “ขาด” กว่าที่คิด เลวานดอฟสกี้ ทำดีที่สุดแค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 โดยที่ต้องยิงใหม่รอบสองด้วย หลังรอบแรกไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่หลัง โยริส หลุดมาจากเส้นประตูทั้งสองเท้า

 

ส่วนก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศส ดาหน้าเรียงยิงแบบไม่พัก เริ่มจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดเสียบเสา น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ทำให้ ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ไม่พลาด แถม เอ็มบัปเป้ ยังขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลกงวดนี้ ด้วยการกดไป 5 ประตู

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (ยุสซุฟ โฟฟาน่า 66), อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 76), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 76)
โปแลนด์ (3-4-3) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิออร์ (ยาน เบ๊ดนาเร็ค 87) – แม็ตตี้ แคช, เซบาสเตียน ซีมานสกี้ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค 64), เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค (คริสเตียน บีลิค 71), เพอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ (คามิล โกรซิคกี้ 87) – ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ยาคุบ คามินสกี้ (นิโกล่า ซาเลฟสกี้ 71)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัด 2 ประตูแถมทำ 1 แอสซิสต์
• อูโก้ โยริส ลงสนามทีมชาติ 142 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ ลิลิยอง ตูราม ดังนั้นเกมหน้า จะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้ว
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เล่นทีมชาตินัดที่ 138 (78 ประตู) และเจ้าตัวเปรยว่า คงเลิกเล่นทีมชาติเสียที ในวัย 34

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
• ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปดวล อังกฤษ
• ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ซึ่งไม่มีใครทำได้มาตั้งแต่ บราซิล 1962
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีโอกาสสูงทีเดียวในการคว้ารองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังกดประตูที่ 5 ขณะที่คู่แข่งรายอื่น ( คน) ยิงได้ 3 ประตู

 

 

สบาย! ‘สิงโต’ ขย้ำเซเนกัลขาด 3-0

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ภายหลังเปิดประเดิมถล่ม อิหร่าน 6-2 ก็แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทำได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ และยิงประตูได้มากถึง 9 ลูก (แม้จะมีเกมไร้สกอร์แทรกก็ตาม)

 

ฟากคู่แข่งของทัพสิงโตสามตัวอย่าง “สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม ชนะ กาตาร์ 3-1 และ เอกวาดอร์ 2-1 เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับทัพเล็กๆ ส่ง ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง ซึ่งถือว่าผิดคาดที่เดียวซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กด 2 ตุงใส่ เวลส์ กลับหลุดลงเป็นตัวสำรอง

 

ถ้าเกมฝรั่งเศสว่าง่ายแล้ว อังกฤษยิ่งง่ายกว่ากันเยอะ บุกใส่แทบจะฝ่ายเดียวจนได้ 3 ประตูจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.38, แฮร์รี่ เคน น.45+3 และ บูกาโย่ ซาก้า น.57 ซึ่งก็น่าเสียดายแทน เซเนกัล ไม่หาย ว่าถ้าพวกเขายังมี ซาดิโอ มาเน่ อยู่ ก็คงเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และหลังบ้านอังกฤษได้มากกว่าที่เป็น

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (เอริก ไดเออร์ 77), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม (เมสัน เมาท์ 76), ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แคลวิน ฟิลลิปส์ 82) – บูกาโย่ ซาก้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด 65), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (แจ๊ค กรีลิช 65)
เซเนกัล (4-2-3-1) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซุฟ ซาบาลี่, คาลิดู คูลิบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, อิสมาอิล จาค็อบส์ (โฟเด้ บัลโล-ตูเร่ 84) – ปาเต้ ซิสส์ (ปาเป้ เกย์ 46), นัมปาลิส เมนดี้ – เกรแป็ง ดิยัตต้า (ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ 46), อิลิมาน เอ็นดิอาย (บัมบ้า เดียง 46), อิสไมล่า ซาร์ – บูลาย เดีย (ฟามาร่า ดีดิอู 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : แฮร์รี่ เคน
• 3 ประตูที่ อังกฤษ ได้ มาจากการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่า นั้น
• อังกฤษ ชนะคู่แข่งด้วยการยิง 3 ประตูขึ้นไป เป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2022
• อังกฤษ ไม่เสียประตูเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน
• ขออีกประตูเดียว แฮร์รี่ เคน จะเป็นดาวยิงสูงสุดของอังกฤษ เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ที่ 53 ประตู
• บูกาโย่ ซาก้า ยิงลูกที่ 7 ในการเล่นทีมชาติ 23 นัด

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
• อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แกเร็ธ เซาธ์เกต สร้างมาตรฐานทำ อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมรายการใหญ่ (เป็นอย่างน้อย) 3 รายการซ้อน ถัดจากอันดับ 4 บอลโลก 2018, รองแชมป์ยูโร 2020 และถึง 8 ทีมบอลโลกหนนี้
• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกจากแคมป์กลับบ้านที่ลอนดอนกลางคัน หลังครอบครัวถูกขโมยขึ้นบ้าน และยังไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาทันเกมกับ ฝรั่งเศส หรือไม่

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
Royal Blue Mersey
Premium Times Nigeria
REUTERS
The Northern Echo

เรื่องน่าอ่าน
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs เซเนกัล
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลการพบกัน
ไม่เคยพบกันมาก่อน

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เวลส์ 3-0

เซเนกัล
อุ่นเครื่อง ชนะ โบลิเวีย 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ อิหร่าน 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาตาร์ 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
อังกฤษ : แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ
เซเนกัล : เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ
แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ได้อย่างสวยงาม ชนะ 2 เสมอ 1 ในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2022 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

กับเกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาเพียงเล็กน้อยจากการที่ เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้ว เนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือกด้วย แม้จะเป็นสำรองก็ตาม

 

11 คนแรกจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด ในระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บูกาโย่ ซาก้า แม้หลายฝ่ายอยากเห็น ฟิล โฟเด้น เป็นตัวเลือกก่อนบ้างก็ตาม

 

เซเนกัล
มาลุยฟุตบอลโลก 2022 โดยไม่มีดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ที่ต้องเข้าผ่าตัดเข่าพักยาว แต่ก็ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ 2 เกมหลังที่จตบทั้งเจ้าภาพ กาตาร์ และ เอกวาดอร์ จนเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ

 

เซเนกัล เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ซึ่งคราวนั้นไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วย

 

สภาพทีมของ อาลิยู ซิสเซ่ มีปัญหาเพิ่มที่ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ กลางรับประสบการณ์สูง ต้องติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบโควตา อีกทั้ง ชีคู คูยาเต้ ก็เจ็บติดพันมาตั้งแต่เกมแรก ยังต้องเช็กสภาพกันก่อนเกมนี้

 

คาดว่าระบบจะปรับใช้ 4-2-3-2 หลังบ้านนำโดยแกนหลักอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ นายประตูเชลซี กับ คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังจากเชลซีเช่นกัน ส่วนข้างหน้าฝากความหวังที่ บูลาย เดีย กับ อิสไมล่า ซาร์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : มาร์คัส แรชฟอร์ด
ในช่วงเวลาที่ แฮร์รี่ เคน ดูเหมือนจะปรับบทบาทไปเป็นจอมแอสซิสต์ คนที่ก้าวขึ้นมารับภาระทะลวงตาข่ายก็กลายเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเสีย ที่ถือว่าซีซั่นนี้ หัวหอกวัย 25 กลับมาร้อนแรงและเล่นได้ดีต่อเนื่อง ทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กดไป 8 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา (ส่วนซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่น ยิงแค่ 5 ลูก) และกับทีมชาติอังกฤษ ที่กดแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 หนึ่งในนั้นเป็นฟรีคิกงามๆ เกมสยบ เวลส์ 3-0 ด้วย

 

เซเนกัล : อิสไมล่า ซาร์
เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ไม่อยู่ คนที่ เซเนกัล ต้องพึ่งพาในเกมรุก หนึ่งในนั้นคือ อิสไมล่า ซาร์ ปีกวัยรุ่นจาก วัตฟอร์ด ที่รับใช้ชาติไปแล้ว 51 นัด ซัด 11 ประตูด้วยกัน โดย ซาร์ ย้ายจาก แรนส์ มาสร้างชื่อในอังกฤษตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมาได้โชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 ซีซั่น ยิงรวม 11 ประตู ซึ่งความวูบวาบและคุณสมบัติต่างๆ ก็ทำให้เขาถูกเชื่อมโยงกับ ลิเวอร์พูล รวมทั้งทีมอื่นๆ มาแล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
เซเนกัล (4-2-3-1, กุนซือ อาลิยู ซิสเซ่) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซูฟ ซาบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, คาลิดู คูลิบาลี่, อิสมาอิล จาค็อบส์ – ปาเป้ เกย์, ปาเต้ ซิสส์ – อิสไมล่า ซาร์, มามาดู ลูม, อิลิมาน เอ็นดิอาย – บูลาย เดีย

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้ไม่เคยพบกันมาก่อนแม้เกมอุ่นเครื่อง
• อังกฤษ เคยเจอกับทีมจากแอฟริกามา 7 ครั้ง ยังไม่เคยแพ้
• อังกฤษ ยิงได้ 9 ประตูในรอบแรก สูงสุดในทัวร์นาเมนต์ (เท่าสเปน) แม้จะมีเกมเสมอ สหรัฐฯ 0-0 อยู่ด้วยก็ตาม
• แฮร์รี่ เคน ขออีก 3 ประตูจะแซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ แต่ยังเป้าสะอาดในบอลโลกหนนี้ โดยมี 3 แอสซิสต์มาทดแทน
• เมื่อไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ดาวซัลโวชุดนี้ของ เซเนกัล คือ อิสไมล่า ซาร์ กับ ฟามาร่า ดีดิอู ที่ยิงไป 11 ประตูเท่ากัน
• คาลิดู คูลิบาลี่ เพิ่งยิงไปประตูเดียวจากการเล่นทีมชาติ 67 นัด ซึ่งคือประตูชัยนัดชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ความน่าจะเป็น
วันไหนที่เข้าฝักก็ระเบิดเถิดเทิง แต่วันไหนที่เตะหลุดก็เล่นแย่มันทั้งทีม นี่คือ อังกฤษ ที่เป็นมาตลอดช่วงหลัง ซึ่งเกมนี้ก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะออกรูปไหน แต่ด้วยการที่ เซเนกัล ไม่ได้มีทีเด็ดมากมายในเกมรุก จากการที่ขาด มาเน่ ไป ทำให้สิงโตน่าจะยังคงคำรามได้ต่อ รอบนี้ยังไม่น่าใช่ปัญหาของอังกฤษ

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 2-0

เวลส์ vs อังกฤษ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เวลส์ vs อังกฤษ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดสุดท้าย : เวลส์ vs อังกฤษ

อังคาร 29 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เวลส์
ชนะเพลย์ออฟ โซนยุโรป สายเอ
ชนะ ออสเตรีย 2-1, ชนะ ยูเครน 1-0

อังกฤษ
แชมป์กลุ่มไอ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 2 ยิง 39 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เวลส์
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 2-3
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เบลเยียม 1-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โปแลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อิหร่าน 0-2

อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-4
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0

 

ผลการพบกัน : 103 นัด
อังกฤษ ชนะ 68
เสมอ 21
เวลส์ ชนะ 14

 

ตารางคะแนนกลุ่มบี
1. อังกฤษ คะแนน 4 ผลต่างประตู +4
2. อิหร่าน คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. สหรัฐอเมริกา คะแนน 2 ผลต่างประตู 0
4. เวลส์ คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม เวลส์ และ อังกฤษ

เวลส์
มังกรแดงของ โรเบิร์ต เพจ ไล่ตามตีเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 ในเกมแรกของกลุ่ม แต่กลับพลาดท่าพ่าย อิหร่าน 0-2 ชนิดโดนยิงทดเจ็บทั้งสองเม็ด

 

สองนัดมีแต้มเดียว ฉะนั้น เวลส์ จึงลุ้นเข้ารอบลำบากสักหน่อย ด้วยสถานการณ์ที่บังคับต้องชนะ อังกฤษ ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วต้องให้ อิหร่าน ไม่ชนะ สหรัฐอเมริกา ในคราวเดียวกัน

 

เพจ มีปัญหาสภาพทีมตรงที่จะไม่สามารถใช้งานประตูมือหนึ่ง เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ที่โดนใบแดงในนัดก่อนได้ โดยจะเป็นมือสอง แดนนี่ วอร์ด จากเลสเตอร์ ซิตี้ ลงแทน

 

สำหรับ แกเร็ธ เบล ตัวความหวังจาก แอลเอ เอฟซี อยู่ในสภาพฟิตสมบูรณ์พร้อมลุย จากที่นัดแรกก็ลั่นไกจากจุดโทษ ทวงแต้มเข้ากระเป๋ามาแล้ว

 

อังกฤษ
เปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างเร้าใจ ทะลวง อิหร่าน 6-2 แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี แต่แล้วนัดต่อมาก็ได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 จนโดนตำหนิหนักในหลายจุด

 

แม้กระนั้น สองนัด 4 แต้ม ก็ทำให้ อังกฤษ อยู่ในจุดสบายๆ ต่อการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ขอแค่ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ เท่านั้นเป็นพอ

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมเล็กน้อยเมื่อยังจะไม่ได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ กลับมา รวมถึง เบน ไวท์ กับ เจมส์ แมดดิสัน ก็ดูไม่เต็มร้อย

 

สำคัญอีกจุดคือดาวยิงกัปตันทีม แฮร์รี่ เคน ที่ยังไม่ยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ เจ็บเล็กน้อยเช่นกัน หากไม่พร้อมลงตัวจริงจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด เสียบแทน

 

ตัวความหวัง
เวลส์ : แกเร็ธ เบล
แม้ เวลส์ จะผลงานไม่ค่อยเข้าตาในช่วงหลัง แต่ เบล ก็ยิงได้ถึง 3 ประตูในรอบเพลย์ออฟชิงตั๋วมาบอลโลก รวมถึงเกมชิงชนะเลิศ เอ็มแอลเอส คัพ เมื่อต้นเดือน ก็ฝืนเจ็บลงสำรองไปโขกประตูช่วย แอลเอ เอฟซี ตีเสมอ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน ตอนทดเจ็บ ก่อนชนะดวลจุดโทษจนครองแชมป์ซีซั่น 2022 เรียกว่าถ้าฟิตเต็มถัง ระดับฝีเท้าของ เบล ก็ยังพึ่งพาได้เสมอ เช่นเกมแรกที่สังหารจุดโทษอย่างเยือกเย็นใส่ สหรัฐอเมริกา

 

อังกฤษ : จู๊ด เบลลิงแฮม
ระเบิดฟอร์มได้อย่างไฉไล และเป็นคนโขกประตูนำ อิหร่าน 1-0 ซึ่งเป็นฟอร์มที่ดีต่อเนื่องจากการเล่นให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเจ้าหนูจอมทัพวัย 19 เป็นข่าวฮือฮาตั้งแต่ที่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ขายออกแล้วรีไทร์เบอร์เสื้อให้เป็นเกียรติอย่างเอิกเกริก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ผลงานของ เบลลิงแฮม ก็บอกว่ามันคือการลงทุนชั้นยอดอีกหนึ่งดีลของดอร์ทมุนด์ และเป็นอนาคตใหม่ที่น่าจับตามากๆ ของอังกฤษ ชนิดว่าบางกูรูยกว่าเป็นร่างฟิวชั่นของ เจอร์ราร์ด + แลมพาร์ด ทีเดียว

 

11 ตัวจริงที่คาด
เวลส์ (3-4-3, กุนซือ โรเบิร์ต เพจ) แดนนี่ วอร์ด – คริส เมแฟม, โจ โรดอน, เบน เดวิส – คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, อีธาน อัมปาดู, อารอน แรมซี่ย์, นีโก้ วิลเลี่ยมส์ – แกเร็ธ เบล, คีเฟอร์ มัวร์, แดเนี่ยล เจมส์
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง และอดีตเคยมีทัวร์นาเมนต์ในกลุ่มยูเค ทำให้คู่นี้พบกันมมากถึง 103 ครั้ง รวมเกมลับแข้งทั้งหมด
• อังกฤษ ข่มด้วยสถิติชนะ 68 และชนะมาตลอด 6 เกมหลังที่พบกัน
• เจอล่าสุด เกมลับแข้งปี 2020 อังกฤษ ยิง 3-0
• เวลส์ ไม่ชนะใครมา 7 เกมซ้อนแล้ว เป็นเสมอ 2 แพ้ 5
• แฮร์รี่ เคน ขออีก 3 ประตูจะแซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ

 

ความน่าจะเป็น
อย่าใส่ใจว่าเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี หรือ เวลส์ จะมีพลังแฝงพิเศษเมื่อได้เจอเพื่อนบ้าน เมื่อฟอร์มช่วงหลัง เวลส์ ดูไม่ค่อยได้ ผิดกับ อังกฤษ ที่ภาพรวมยังดีมากกว่าแย่ ยิ่งโดยเฉพาะ เวลส์ สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องบุกเพื่อเอาชนะ จะยิ่งเข้าทาง อังกฤษ ได้สวนถึงปลายคางง่ายขึ้นอีก

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 2-0

 

อังกฤษ vs สหรัฐอเมริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs สหรัฐอเมริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี : อังกฤษ vs สหรัฐอเมริกา
ศุกร์ 25 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบยท์ สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
อังกฤษ
แชมป์กลุ่มไอ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 2 ยิง 39 เสีย 3

สหรัฐอเมริกา
อันดับ 3 โซนคอนคาเคฟ
แข่ง 14 ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 21 เสีย 10

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก เสมอ อิตาลี 0-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-4
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2

สหรัฐอเมริกา
อุ่นเครื่อง ชนะ เกรนาด้า 5-0
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เอล ซัลวาดอร์ 1-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ญี่ปุ่น 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เวลส์ 1-1

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
อังกฤษ ชนะ 8
เสมอ 1
สหรัฐอเมริกา ชนะ 2

 

สภาพทีม
อังกฤษ
เปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างเร้าใจ ทะลวง อิหร่าน 6-2 แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี

 

กระนั้น เกมชนะ อิหร่าน ก็ต้องสังเวยด้วยอาการบาดเจ็บของ 2 คีย์แมน อย่างกัปตันทีม แฮร์รี่ เคน และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งต้องเช็กสภาพด้วยกันทั้งคู่ แม้รายหลังจะยืนยันว่าไม่มีอะไรมาก แค่รู้สึกป่วยขึ้นมาจนต้องออกเท่านั้น

 

เวลาเดียวกัน แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังจะไม่ได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ กลับมา รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็ต้องแยกซ้อมด้วยอีกคน

 

หากว่า เคน กับ แม็กไกวร์ ฟิตพร้อม 11 คนแรกก็น่าจะไม่เปลี่ยนเลย ในระบบ 4-3-3 เคน นำเกมรุกร่วมกับ บูกาโย่ ซาก้า และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

 

สหรัฐอเมริกา
ทีมพญาอินทรี สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 แบบมีแต้ม เสมอกับ เวลส์ 1-1

 

เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ ไม่มีตัวเจ็บให้ต้องเป็นกังวล แค่ต้องเช็กฟิตสมาชิกบางรายก่อนเกม เช่น เวสตัน แม็คเคนนี่, ลูก้า เด ลา ตอร์เร่, ยูนุส มูซาห์ แต่ก็คาดว่าแทบทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก

 

ระบบจะใช้ 4-3-3 ข้างหน้าวาง คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ และ จอช ซาร์เจนท์ เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : จู๊ด เบลลิงแฮม
ระเบิดฟอร์มได้อย่างไฉไล และเป็นคนโขกประตูนำ อิหร่าน 1-0 ด้วย ซึ่งเป็นฟอร์มที่ดีต่อเนื่องจากการเล่นให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเจ้าหนูจอมทัพวัย 19 เป็นข่าวฮือฮาตั้งแต่ที่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ขายออกแล้วรีไทร์เบอร์เสื้อให้เป็นเกียรติอย่างเอิกเกริก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ผลงานของ เบลลิงแฮม ก็บอกว่ามันคือการลงทุนชั้นยอดอีกหนึ่งดีลของดอร์ทมุนด์ และเป็นอนาคตใหม่ที่น่าจับตามากๆ ของอังกฤษ ชนิดว่าบางกูรูยกว่าเป็นร่างฟิวชั่นของ เจอร์ราร์ด + แลมพาร์ด ทีเดียว

สหรัฐอเมริกา : ทิโมธี เวอาห์
หัวหอกวัย 22 ลูกชายตำนานแข้งไลบีเรีย จอร์จ เวอาห์ สามารถเล่นให้ทีมชาติได้ทั้ง สหรัฐอเมริกา, ไลบีเรีย, จาไมก้า และฝรั่งเศส แต่เขาก็เลือกรับใช้ทัพพญาอินทรีมาตั้งแต่ชุดเยาวชนแล้ว ถึงตรงนี้เล่น 26 นัด ยิง 4 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงใส่ เวลส์ เป็นสกอร์ 1-0 ในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 เท่ากับความมั่นใจกำลังเข้าที่ หลังจากไม่ค่อยได้เล่นกับ ลีลล์ ในซีซั่นนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
สหรัฐอเมริกา (4-3-3, กุนซือ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโย่ เดสท์, ทิม รีม, วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, แอนโทนี่ โรบินสัน – เวสตัน แม็คเคนนี่, ไทเลอร์ อดัมส์, ยูนุส มูซาห์ – ทิโมธี เวอาห์, จอช ซาร์เจนท์, คริสเตียน พูลิซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันในฟุตบอลโลก 2010 และลงเอยด้วยผลเสมอเซอร์ไพรส์ 1-1
• ล่าสุดเจอกันปี 2018 เกมลับแข้งที่เวมบลีย์ อังกฤษ ยิงขาด 3-0
• อังกฤษ สองเกมหลัง เสียไปถึง 5 ประตู แต่ก็ยิงได้ 9 ลูก
• คัลลั่ม วิลสัน เล่นทีมชาติ 5 นัดมี 1 ประตู ซึ่งก็คือการยิงใส่ สหรัฐฯ เมื่อปี 2018
• แฮร์รี่ เคน ขออีกแค่ 3 ลูกเพื่อแซง เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวยิงสูงสุดของชาติ หลังกดไปแล้ว 51 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
อังกฤษ กำลังขึ้นหม้อและมั่นใจอย่างยิ่งภายหลังรัว อิหร่าน มาครึ่งโหลในเกมแรก ขณะที่ สหรัฐอเมริกา แม้จะมีแต้มจาก เวลส์ แต่ก็ไม่ได้เล่นดีอะไรนัก เท่ากับระดับฟอร์มการเล่นของสองฝั่งต่างกันมาก ยิ่งถ้า อังกฤษ เจาะเข้าได้เร็วเท่าไหร่ สกอร์ยิ่งไหลขึ้นเท่านั้น

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 3-0

 

โปรแกรมถัดไป
อังคาร 29 พฤศจิกายน 2565
02.00 — เวลส์ vs อังกฤษ
02.00 — อิหร่าน vs สหรัฐอเมริกา

อังกฤษ vs อิหร่าน : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs อิหร่าน : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี
จันทร์ 21 พฤศจิกายน 2565, 20.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน

 

ผลงานรอบคัดเลือก
อังกฤษ
แชมป์กลุ่มไอ รอบคัดเลือกโซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 2 ยิง 39 เสีย 3

อิหร่าน
แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิง 15 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 1-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ อิตาลี 0-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-4
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3

อิหร่าน
คัดบอลโลก ชนะ เลบานอน 2-0
อุ่นเครื่อง แพ้ แอลจีเรีย 1-2
อุ่นเครื่อง ชนะ อุรุกวัย 1-0
อุ่นเครื่อง เสมอ เซเนกัล 1-1
อุ่นเครื่อง ชนะ นิคารากัว 1-0

 

ผลการพบกัน
ไม่เคยพบกันมาก่อนเลย แม้กระทั่งนัดอุ่นเครื่อง

 

สภาพทีม
อังกฤษ
เดินทางถึงกาตาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยไม่ได้วางคิวลับแข้งเพิ่มเติมอะไรไว้ก่อนฟุตบอลโลกมาถึง จึงหมายถึงว่าฟอร์มล่าสุดของพวกเขา คือผลงานแย่ๆ ใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่ไม่ชนะใครเลยใน 6 เกม (เสมอ 3 แพ้ 3) จนตกชั้นสู่ลีกบี

 

ในส่วนของความพร้อม แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่เสียใครไปจากปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม นอกเหนือจาก รีซ เจมส์ กับ เบน ชิลเวลล์ ที่ถอนตัวไปตั้งแต่ยังไม่ตัดตัว 26 คนสุดท้าย ขณะที่ แทมมี่ อบราแฮม, ไอแวน โทนี่ย์ หรือ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ไม่ถูกเลือกมากาตาร์

 

สิ่งที่ต้องกังวลคือความฟิตของ แฮร์รี่ เคน ยอดดาวยิงกัปตันทีม ว่าจะ 100% หรือไม่ แต่ก็คาดว่าจะพร้อมเมื่อถึงเวลา ส่วนทาง ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็มีปัญหาติดพันอยู่เช่นกัน ทว่าแนวหลังก็มีตัวเลือกเยอะอยู่แล้ว หากไม่พร้อมจะเป็น เอริก ไดเออร์ เล่นแทน

 

ยังเชื่อว่า เซาธ์เกต จะวางระบบ 3-4-3 ให้กับทัพสิงโตคำราม เหมือนที่ใช้มาตลอดช่วงหลัง แม้จะโดนตำหนิว่านักเตะในทีมไม่ค่อยคุ้นเคยก็ตาม โดยหลังบ้าน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยังคงเป็นตัวยืน เช่นเดียวกับข้างหน้าที่มี แฮร์รี่ เคน เข้าทำ ขนาบข้างด้วย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ฟิล โฟเด้น

 

อิหร่าน
ทรงดีเลยทีเดียวสำหรับ อิหร่าน ในการทำทีมของ คาร์ลอส เคยรอซ อดีตนายใหญ่เรอัล มาดริด ที่กลับมาคุมทีมรอบสอง และช่วงหลังเตะ 5 นัดแพ้แค่เกมเดียว

 

เคยรอซ สามารถใช้งานชุดที่ดีที่สุดของตัวเองได้ โดยที่กว่าครึ่งทีมเป็นตัวที่ค้าแข้งในยุโรป เช่น ซาร์ดาร์ อัซมูน (เลเวอร์คูเซ่น), เมห์ดี้ ทาเรมี่ (ปอร์โต้), ซามาส ก๊อดดอส (เบรนท์ฟอร์ด), อาลีเรซ่า จาฮานบัคช์ (เฟเยนูร์ด)

 

คาดว่า อิหร่าน จะลงสนามด้วยระบบ 4-3-3 ข้างหน้าวางอาวุธหนักเข้าทำทั้ง เมห์ดี้ ทาเรมี่, คาริม อันซาริฟาด และ ซาร์ดาร์ อัซมูน ที่ยิงรวมกันในการรับใช้ชาติถึง 98 ประตู (ทาเรมี่ 28, อันซาริฟาด 29, อัซมูน 41)

 

ทั้งนี้ อัซมูน มีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ เมื่อเดือน ต.ค. แต่จะไม่มีปัญหาในการฟื้นฟิตทันลงชน อังกฤษ

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : แฮร์รี่ เคน
ฟอร์มแผ่วไปก็จริงในช่วง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่ควรยึดโยงมากกว่าคือฟอร์มที่ร่ายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซีซั่นนี้ ซึ่งออกมาไม่เลวเลยคือ 13 ประตูจาก 22 นัด ที่สำคัญ เคน ยังพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลกมาแล้วด้วยการกด 6 ลูก คว้าดาวซัลโวรัสเซีย 2018 รวมถึงสถิติ 51 ลูกใน 75 เกมทีมชาติ ก็เป็นอีกสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เขาคือกองหน้าระดับท็อปของจริง

อิหร่าน : ซาร์ดาร์ อัซมูน
พูดได้ว่า อัซมูน คือนักเตะที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันของ อิหร่าน ภายหลังปักหลักโชว์ฟอร์มในลีกรัสเซียมาอย่างยาวนาน ก็ได้ย้ายสู่ลีกชั้นนำอย่าง บุนเดสลีกา เยอรมนี ไปอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงตลาดหน้าหนาวซีซั่นที่แล้ว เพียงแต่กองหน้าวัย 27 ก็ยังอยู่ในระยะปรับตัว ยังลงหลักปักฐานได้ไม่ดีนัก ซีซั่นก่อนมียิง 1 ลูก ซีซั่นนี้ยังยิงไม่ได้ กระนั้น สถิติพังตาข่าย 41 ประตูในนามทีมชาติ ก็คือจุดที่บอกว่า ใครก็ไม่อาจปรามาสฝีเท้าของเขาได้

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (3-4-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – ลุค ชอว์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, คีแรน ทริปเปียร์ – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน (C), ฟิล โฟเด้น
อิหร่าน (4-3-3, กุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ) อามีร์ อาเบดซาเด – ซาเด็กห์ โมฮาร์รามี่, ฮอสไซ คานานีซาเดกาน, มาจี๊ด ฮอสไซนี่, เอห์ซาน ฮัจซาฟี (C) – อาลีเรซ่า จาฮานบัคช์, ซาอิด เอซาโตลาอี, ซามาน ก๊อดดอส – เมห์ดี้ ทาเรมี่, คาริม อันซาริฟาด, ซาร์ดาร์ อัซมูน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• บอลโลกครั้งก่อน อิหร่าน เจอกับทีมยุโรป 2 เกม แพ้ สเปน 0-1 และเสมอ โปรตุเกส 1-1
• อิหร่าน ยังไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบแรก จากการเข้ารอบสุดท้ายมา 5 ครั้งก่อนหน้านี้ (1978, 1998, 2006, 2014, 2018)
• อังกฤษ ไม่ได้เตะกับทีมจากเอเชียมาเลยนับสิบปีแล้ว จากหนล่าสุดที่ลับแข้งกับ ญี่ปุ่น (ชนะ 2-1) เมื่อปี 2010 โดยไม่นับเกมพบ ออสเตรเลีย (2-1) ในปี 2016
• จากการที่ไม่ชนะใครเลยใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ทำให้ชัยชนะหนสุดท้ายของ อังกฤษ ต้องย้อนไปถึงเดือน มี.ค. ที่อุ่นเครื่องชนะ ไอวอรี่โคสต์ 3-0

 

ความน่าจะเป็น
ความที่ช่วงหลัง อังกฤษ ฟอร์มค่อนข้างหนืดเนือย และบรรดานักเตะก็กรำศึกหนักในพรีเมียร์ลีกและรายการต่างๆ มาตลอดครึ่งซีซั่นแรก ทำให้อะไรๆ อาจไม่ได้ไหลลื่นปรู๊ดปร๊าดดังที่ตั้งใจไว้ เพียงแต่อย่างไรเสีย ระดับชั้นของ อังกฤษ ก็ยังเหนือกว่า อิหร่าน อยู่มาก อย่างน้อยเม็ดแรกต้องมี แล้วลุ้นต่อเม็ดสองในช่วงเวลาที่เหลือของเกม

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 1-0, 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
อังกฤษ
25 พ.ย. พบ สหรัฐอเมริกา
29 พ.ย. พบ เวลส์

อิหร่าน
25 พ.ย. พบ เวลส์
29 พ.ย. พบ สหรัฐอเมริกา

8 ชาติแถวหน้ากับโผนักเตะชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

8 ชาติแถวหน้ากับโผนักเตะชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

กังหัน, สิงโต, ฟ้าขาว, ตราไก่, กระทิง, อินทรีเหล็ก, ปีศาจแดง, ฝอยทอง ใครกัน จะเข้าใกล้ความสำเร็จแห่งฟุตบอลโลก 2022 มากที่สุด…เมื่อพิจารณาจากขุมกำลังนักเตะที่เผยออกมา

 

นับถอยหลังแค่ไม่กี่คืน ทัวร์นาเมนต์ที่โลกรอคอยอย่าง ฟุตบอลโลก 2022 ก็จะมาถึง และเกือบทุกทีมก็เผยชื่อนักเตะ 26 คนสุดท้ายที่จะไปแอ่วกาตาร์ ออกมาแล้ว

 

ด้านล่างนี้คือ 26 รายชื่อชุดสุดท้ายของบรรดาชาติยักษ์ใหญ่ มีเอี่ยวลุ้นแชมป์โลก ที่ทยอยประกาศออกมาก่อนที่ เวิลด์ คัพ จะเริ่มโรมรันประชันแข้งกันราว 1 สัปดาห์

 

ใครเป็นใคร ใครไปบอลโลก ใครหลุดโผ ใครจัดให้ครบถ้วนกว่านี้ มาบอก!

 

 

กังหันลม เนเธอร์แลนด์ กับความหวังถึง ‘ครั้งแรก’
แม้จะผลิตยอดดาวเตะขึ้นสู่วงการได้แบบนับไม่ถ้วน ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เนเธอร์แลนด์ ก็ไม่เคยไปถึงแชมป์โลกได้มาก่อน โดยต้องเจ็บปวดกับการเป็น “พระรอง” ถึง 3 ครั้ง คือฟุตบอลโลก 1974, 1978 และ 2010 ที่ถึงชิงชนะเลิศแล้วแต่กลับแพ้ทั้งสามครั้ง

 

ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นตรงที่ฟุตบอลโลกครั้งก่อน รัสเซีย 2018 เนเธอร์แลนด์ ตกต่ำสุดถึงขั้นตกรอบคัดเลือกมาแล้ว ดังนั้น มาคราวนี้ในการทำทีมของคนคุ้นเคยอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล พวกเขาจึงพกความมุ่งมั่นมาอย่างเต็มพิกัด โดยเฉพาะการได้อยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งนัก ร่วมกับเจ้าภาพ กาตาร์, เอกวาดอร์ และ เซเนกัล แม้อาจเป็นบอลต่างสไตล์ไม่ค่อยได้เจอนัก แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ จากนั้นในรอบน็อกเอาต์ก็ต้องมาตามลุ้นกันว่าจะได้คู่แข่งเป็นใครในแต่ละรอบ ดูกันแต่ละแมตช์ แล้วถึงเวลาจะเห็นเองว่า “แชมป์โลกสมัยแรก” มีความเป็นไปได้มากขนาดไหน

 

สำหรับขุมกำลังที่ ฟาน กัล หิ้วไปกาตาร์ ส่วนใหญ่ก็เป็นชุดเดิมๆ ที่ใช้มาตลอดปีหลังๆ แต่ก็น่าเสียดายแทนตัวที่หลุดออกไป ทั้ง สเวน บ็อตมัน, ฮานส์ ฮาเตบัวร์, ดอนเยลล์ มาเลน, อาร์โนต์ ดันยูม่า หรือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (ส่วน จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ปกติต้องได้ไป แต่ดันเจ็บหนักพักยาวเสียก่อน) ซึ่งมองว่า ถ้าบางคนได้ไป น่าจะมีประโยชน์กับทัพกังหันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ บ็อตมัน เซนเตอร์แบ็กวัย 22 ที่เล่นดีมากกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้

 

โผ 26 แข้งเนเธอร์แลนด์ ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
ยุสติน ไบจ์โลว์ / อายุ 24 / เฟเยนูร์ด / เล่นทีมชาติ 6 นัด
เรมโก้ พาสเฟียร์ / 39 / อาแจ็กซ์ / 2
อันเดรียส น็อพเพิร์ต / 28 / ฮีเรนวีน / 0

กองหลัง
ดาลี่ย์ บลินด์ / 32 / อาแจ็กซ์ / 94 – 2
สเตฟาน เดอ ฟราย / 30 / อินเตอร์ / 59 – 3
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (กัปตันทีม) / 31 / ลิเวอร์พูล / 49 – 6
มัทไธส์ เดอ ลิกท์ / 23 / บาเยิร์น / 38 – 2
เดนเซล ดุมฟรีส์ / 26 / อินเตอร์ / 37 – 5
นาธาน อาเก้ / 27 / แมนฯ ซิตี้ / 29 – 3
ยูร์เรียน ทิมเบอร์ / 21 / อาแจ็กซ์ / 10 – 0
ไทเรลล์ มาลาเซีย / 23 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 6 – 0
เยเรมี่ ฟริมปง / 21 / เลเวอร์คูเซ่น / 0 – 0

กองกลาง
เฟรงกี้ เดอ ยอง / 25 / บาร์เซโลน่า / 45 – 1
สตีเฟ่น แบร์กฮุยส์ / 30 / อาแจ็กซ์ / 39 – 2
ดาวี่ คลาสเซ่น / 29 / อาแจ็กซ์ / 35 – 9
มาร์เท่น เดอ รอน / 31 / อตาลันต้า / 30 – 0
เทน โคปไมเนอร์ส / 24 / อตาลันต้า / 10 – 1
เคนเน็ธ เทย์เลอร์ / 20 / อาแจ็กซ์ / 2 – 0
ชาบี ซิมอนส์ / 19 / พีเอสวี / 0-0

กองหน้า
เมมฟิส เดอปาย / 28 / บาร์เซโลน่า / 81 – 42
ลุค เดอ ยอง / 32 / พีเอสวี / 38 – 8
สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ / 25 / อาแจ็กซ์ / 24 – 7
วินเซนต์ ยานส์เซ่น / 28 / อันท์เวิร์ป / 20 – 7
วู้ท เวกอร์ทส์ / 30 / เบซิคตัส / 15 – 3
โคดี้ กัคโป / 23 / พีเอสวี / 9 – 3
โนอา ลัง / 23 / คลับ บรูช / 5 – 1

หลุดโผ
ยาสเปอร์ ชิลเลสเซ่น (เอ็นอีซี), ทิม ครูล (นอริช), สเวน บ็อตมัน (นิวคาสเซิ่ล), ปาสกาล สเตราค์ (ลีดส์), บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ (อาแซด), ฮานส์ ฮาเตบัวร์ (อตาลันต้า), ริค คาร์สดอร์ป (โรม่า), ยอร์ดี้ คลาซี่ (อาแซด), ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (แมนฯ ยูไนเต็ด), ไรอัน กราเฟนเบิร์ค (บาเยิร์น), จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม (โรม่า), ดอนเยลล์ มาเลน (ดอร์ทมุนด์), อาร์โนต์ ดันยูม่า (บียาร์เรอัล), ไบรอัน บร๊อบบี้ย์ (อาแจ็กซ์)

 

 

 

สิงโตคำราม อังกฤษ กับฟุตบอลโลก 2022 และคำปรามาส
ท่ามกลางคำปรามาสที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องเผชิญ อันที่จริง อดีตนายใหญ่มิดเดิ้ลโบรช์ ก็พา อังกฤษ เข้ารอบลึกมาแล้ว 2 รายการติดต่อกัน ทั้งฟุตบอลโลก 2018 ที่ตกตัดเชือก (และเป็นอันดับ 4) ต่อด้วยยูโร 2020 ที่ถึงชิงมาแล้ว ก่อนแพ้อย่างหวุดหวิดมากๆ เพียงการดวลจุดโทษต่อ อิตาลี เท่านั้นเอง

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลค่อนข้างเป็นกังวล คือฟอร์มช่วงหลังที่สิงโตออกทรงฟุบอย่างชัดเจน เอาชนะใครไม่เป็นเลยใน 6 เกมของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก จนตกชั้น และน่าหวั่นเกรงว่าจะเร่งเครื่องฮึดขึ้นทันไหมเมื่อฟุตบอลโลก 2022 มาถึง

 

และกับขุมกำลัง 26 สิงโตคำราม ที่ เซาธ์เกต เลือกไป ก็ก่อให้เกิดคำถามในหลายจุดเหมือนกัน ตั้งแต่หลังสุดไปหน้าสุด ทั้งการที่ยังคงเชื่อใจในจอมรั่วอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถึงขั้นที่น่าจะยังคงยัดลงตัวจริงไม่เปลี่ยน, แดนกลางที่หิ้ว แคลวิน ฟิลลิปส์ ผู้ซึ่งเจ็บออดๆ แอดๆ มาทั้งซีซั่น ติดไปด้วย หรือข้างหน้าที่ไม่แคล้วคงต้องพึ่งพา แฮร์รี่ เคน เป็นสำคัญ

 

คำถามทั้งหมด จะปรากฏคำตอบในเกมกับ อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, เวลส์ และรอบถัดๆ ไป หากไม่เกิดข้อผิดพลาดหนักหนาจนร่วงรอบแรกแบบช็อกโลกไปเสียก่อน

 

โผ 26 แข้งอังกฤษ ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
1. จอร์แดน พิคฟอร์ด / 28 / เอฟเวอร์ตัน / 45
13. นิค โป๊ป / 10 / นิวคาสเซิ่ล / 10
23. อารอน แรมส์เดล / 24 / อาร์เซน่อล / 3

กองหลัง
2. ไคล์ วอล์คเกอร์ / 32 / แมนฯ ซิตี้ / 70 – 0
3. ลุค ชอว์ / 27 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 23 – 3
5. จอห์น สโตนส์ / 28 / แมนฯ ซิตี้ / 59 – 3
6. แฮร์รี่ แม็กไกวร์ / 29 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 48 – 7
12. คีแรน ทริปเปียร์ / 32 / นิวคาสเซิ่ล / 37 – 1
15. เอริก ไดเออร์ / 28 / สเปอร์ส / 47 – 3
16. โคเนอร์ คอดี้ / 29 / เอฟเวอร์ตัน / 10 – 1
18. เทรนท์ อล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ / 24 / ลิเวอร์พูล / 17 – 1
21. เบน ไวท์ / 25 / อาร์เซน่อล / 4 – 0

กองกลาง
4. ดีแคลน ไรซ์ / 23 / เวสต์แฮม / 34 – 2
8. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน / 32 / ลิเวอร์พูล / 70 – 2
14. แคลวิน ฟิลลิปส์ / 26 / แมนฯ ซิตี้ / 23 – 0
19. เมสัน เมาท์ / 23 / เชลซี / 32 – 5
22. จู๊ด เบลลิงแฮม / 19 / ดอร์ทมุนด์ / 17 – 0
26. โคเนอร์ กัลลาเกอร์ / 22 / เชลซี / 4 – 0

กองหน้า
7. แจ๊ค กรีลิช / 27 / แมนฯ ซิตี้ / 24 – 1
9. แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม) / 29 / สเปอร์ส / 75 – 51
10. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง / 27 / เชลซี / 79 – 19
11. มาร์คัส แรชฟอร์ด / 25 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 46 – 12
17. บูกาโย่ ซาก้า / 21 / อาร์เซน่อล / 20 – 4
20. ฟิล โฟเด้น / 22 / แมนฯ ซิตี้ / 18 – 2
24. คัลลั่ม วิลสัน / 30 / นิวคาสเซิ่ล / 4 – 1
25. เจมส์ แมดดิสัน / 26 / เลสเตอร์ / 1 – 0

หลุดโผ
ดีน เฮนเดอร์สัน (ฟอเรสต์), เบน ชิลเวลล์ (เชลซี), รีซ เจมส์ (เชลซี), ฟิคาโย่ โทโมรี่ (มิลาน), เจมส์ จัสติน (เลสเตอร์), ไทโรน มิงส์ (วิลล่า), ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส (เซาธ์แฮมป์ตัน), แอชลี่ย์ ยัง (วิลล่า), ไรอัน แซสเซยง (สเปอร์ส), ติโน่ ลอฟราเมนโต้ (เซาธ์แฮมป์ตัน), ทาริค แลมป์ตี้ย์ (ไบรท์ตัน), เคอร์ติส โจนส์ (ลิเวอร์พูล), เจมส์ วอร์ด-เพราส์ (เซาธ์แฮมป์ตัน), เอมิล สมิธ โรว์ (อาร์เซน่อล), โอลิเวอร์ สคิปป์ (สเปอร์ส), แฮร์รี่ วิงค์ส (ซามพ์โดเรีย), ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล), แอนโธนี่ กอร์ดอน (เอฟเวอร์ตัน), แทมมี่ อบราแฮม (โรม่า), จาร์ร็อด โบเว่น (เวสต์แฮม), ไอแวน โทนี่ย์ (เบรนท์ฟอร์ด), โอลลี่ วัตกิ้นส์ (วิลล่า), แดนนี่ เวลเบ็ค (ไบรท์ตัน), เมสัน กรีนวู้ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)

 

 

 

ฟ้าขาว อาร์เจนติน่า ชุดนี้…ถึงแชมป์โลก???
ทั้งเอไอ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์, โปรแกรมซิมูเลชั่นของเกมฟีฟ่า หรือการคาดหมายของหลากหลายกูรู ต่างก็ได้บทสรุปเดียวกันคือ แชมป์โลกประจำปีนี้ ได้แก่ ทีมชาติเมสซี่-เอ๊ย-ทีมชาติอาร์เจนติน่า ในการดูแลของ ลิโอเนล สคาโลนี่

 

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อมีความคาดหวังสูงขนาดนี้ เมสซี่ และพลพรรคฟ้าขาว จะสามารถนำโทรฟี่แชมป์โลกมาเสิร์ฟได้หรือไม่ เมื่ออย่างที่เราเห็นกันมาตลอดหลายสิบปี (จากแชมป์โลกหนสุดท้าย 1986) ว่าพวกเขามักไม่ “ขาด” ก็ “ล้นเกิน” ในบางอย่างหรือบางจุด จนไม่ประสบความสำเร็จซ้ำรอยยุค ดีเอโก้ มาราโดน่า ได้อีกเลย

 

แต่กระนั้น อาร์เจนติน่า ชุดนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็น “ของจริง” กำลังอยู่ในการต่อยอดสถิติไร้พ่ายให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งขุมกำลังที่ สคาโลนี่ เลือกมา ก็ดูจะไม่ได้ขาดอะไรไปนัก มีแค่ โจวานี่ โล เซลโซ่ มิดฟิลด์บียาร์เรอัล ที่เป็นแกนหลักแดนกลางในรอบคัดเลือก ซึ่งต้องถอนตัวไปเนื่องจากบาดเจ็บ กับเด็กใหม่มาแรงอย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยังไม่ถูกเรียกตัว ทว่าอันที่จริงก็ไม่เคยติดธงมาก่อนแต่อย่างใด

 

โผ 26 แข้งอาร์เจนติน่า ชุดลุยฟุตบอลโลก
ผู้รักษาประตู
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ / 30 / วิลล่า / 18
ฟรังโก้ อาร์มานี่ / 36 / ริเวอร์เพลท / 18
เคโรนิโม่ รุลลี่ / 30 / บียาร์เรอัล / 4

กองหลัง
นิโกลัส โอตาเมนดี้ / 34 / เบนฟิก้า / 92 – 4
มาร์กอส อคุนย่า / 31 / เซบีย่า / 42 – 0
นิโกลัส ตายาฟิโก้ / 30 / ลียง / 42 – 0
เคร์มัน เปซเซลล่า / 31 / เรอัล เบติส / 31 – 2
นาอูเอล โมลิน่า / 24 / แอตฯ มาดริด / 19 – 0
กอนซาโล่ มอนเทียล / 25 / เซบีย่า / 17 – 0
ฮวน ฟอยธ์ / 24 / บียาร์เรอัล / 15 – 0
คริสเตียน โรเมโร่ / 24 / สเปอร์ส / 12 – 1
ลิซานโดร มาร์ติเนซ / 24 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 9 – 0

กองกลาง
เลอันโดร ปาเรเดส / 28 / ยูเวนตุส / 45 – 4
โรดริโก้ เด ปอล / 28 / แอตฯ มาดริด / 43 – 2
กีโด้ โรดริเกซ / 28 / เรอัล เบติส / 25 – 1
เอเซเกล ปาลาซิออส / 24 / เลเวอร์คูเซ่น / 20 – 0
อเลฮานโดร โกเมซ / 34 / เซบีย่า / 15 – 3
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ / 23 / ไบรท์ตัน / 7 – 0
เอ็นโซ่ เฟร์นันเดซ / 21 / เบนฟิก้า / 2 – 0

กองหน้า
ลิโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม) / 35 / เปแอสเช / 164 – 90
อังเคล ดิ มาเรีย / 34 / ยูเวนตุส / 123 – 25
เลาตาโร่ มาร์ติเนซ / 25 / อินเตอร์ / 40 – 21
เปาโล ดีบาล่า / 29 / โรม่า / 34 – 3
นิโกลัส กอนซาเลซ / 24 / ฟิออเรนติน่า / 21 – 3
ฮัวกิน กอร์เรอา / 28 / อินเตอร์ / 18 – 3
ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ / 22 / แมนฯ ซิตี้ / 11 – 2

หลุดโผ
ฮวน มุสโซ่ (อตาลันต้า), ลูคัส มาร์ติเนซ (ฟิออเรนติน่า), มาร์กอส เซเนซี่ (บอร์นมัธ), โจวานี่ โล เซลโซ่ (บียาร์เรอัล), โรแบร์โต้ เปเรยร่า (อูดิเนเซ่), มักซิมิเลียโน่ เมซ่า (มอนเตอร์เรย์), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์), เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย (วิลล่า), มานูเอล ลันซินี่ (เวสต์แฮม), อังเคล กอร์เรอา (แอตฯ มาดริด), โจวานนี่ ซิเมโอเน่ (นาโปลี), อเลฮานโดร การ์นาโช่ (แมนฯ ยูไนเต็ด)

 

 

 

ตราไก่ ฝรั่งเศส กับหลายคำถามซึ่งต้องพิสูจน์
น่าสนใจ…น่าสนใจมากกับก้าวเดินของ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 2022 งวดนี้ เมื่อมีอย่างน้อย 4-5 คำถามที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ และบรรดาแข้งตราไก่ จะต้องตอบให้ได้ เช่นว่า

 

1. อาถรรพ์แชมป์เก่า ทั้ง อิตาลี, สเปน, เยอรมนี ต่างเอาตัวไม่รอด เป็นแชมป์โลกมาแล้วก็ร่วงเพียงรอบแรกของทัวร์นาเมนต์ถัดมาทั้งหมด ฝรั่งเศสล่ะ จะเข้าทรงเดียวกันหรือเปล่า

 

2. ขุมกำลัง พร้อมจริงๆ ไหม เมื่อตัวเจ็บสำคัญ อดไปบอลโลกมีทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ และล่าสุดกับ เพรสแนล คิมเพ็มเบ้ เซนเตอร์แบ็กเปแอสเช ที่ต้องถอนตัวจากการศึกครั้งนี้ไป แถม คาริม เบนเซม่า กับ ราฟาแอล วาราน ที่่ต่างก็เป็นคีย์แมนในเกมรุกและรับ ยังบาดเจ็บติดพัน ไม่ได้ช่วย เรอัล มาดริด ตลอดสี่ซ้าห้าเกมหลังอีกต่างหาก

 

3. ความเปลี่ยนแปลง ที่มีค่อนข้างเยอะจากชุดแชมป์โลก จะส่งผลดีหรือเสีย อย่างน้อยแผงกลางทั้งแผง เปลี่ยนหมด หรือจากชุดลุยยูโร 2020 ก็มีแค่ อาเดรียง ราบิโอต์ คนเดียวที่หลงเหลือมาอยู่ในทีมชุดนี้

 

4. การต้องเจอทีมของแสลงอย่าง เดนมาร์ก อีกแล้ว หลังแพ้มาทั้งเหย้าเยือนใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (1-2, 0-2) รอบปีที่ผ่านมา หากยังคงซ้ำแผลเก่า แพ้ทีมโคนมเป็นครั้งที่ 3 ติดกันขึ้นมา ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ทั้งร่วงรอบแรก หรือเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ไปเจอกระดูกชิ้นโตตั้งแต่รอบ 16 ทีม

 

5. ฟอร์มช่วงหลัง น่าเป็นห่วงใช่ย่อย ชนะเกม เนชั่นส์ ลีก แค่นัดเดียวเหนือ ออสเตรีย 2-0 นอกนั้นเสมอ 2 แพ้ 3 แม้ข้อดีคือการได้อยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งนัก อย่างน้อยน่าผ่าน ออสเตรเลีย กับ ตูนิเซีย ได้ แต่ก็อย่างที่ว่า ถ้าไปเจอของแข็งในรอบน็อกเอาต์แล้ว ก็เสียวว่า เอ็มบัปเป้ และชาวคณะ จะไปไม่เป็น

 

โผ 26 แข้งฝรั่งเศส ชุดลุยฟุตบอลโลก
ผู้รักษาประตู
อูโก้ โยริส / 35 / สเปอร์ส / 139
สตีฟ ม็องด็องด้า / 37 / แรนส์ / 34
อัลฟงส์ อเรโอล่า / 29 / เวสต์แฮม / 5

กองหลัง
ราฟาแอล วาราน / 29 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 87 – 5
เบนชาแม็ง ปาวาร์ / 26 / บาเยิร์น / 46 – 2
ลูคัส เอร์นันเดซ / 26 / บาเยิร์น / 32 – 0
อักเซล ดิซาซี่ / 24 / โมนาโก / 0 – 0
ชูลส์ กุนเด้ / 24 / บาร์เซโลน่า / 12 – 0
เตโอ เอร์นันเดซ / 25 / มิลาน / 7 – 1
วิลเลี่ยม ซาลิบา / 21 / อาร์เซน่อล / 7 – 0
ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ / 24 / บาเยิร์น / 7 – 1
อิบราฮิมา โกนาเต้ / 23 / ลิเวอร์พูล / 2 – 0

กองกลาง
อาเดรียง ราบิโอต์ / 27 / ยูเวนตุส / 29 – 2
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ / 22 / เรอัล มาดริด / 14 – 1
มัตเตโอ เก็นดูซี่ / 23 / มาร์กเซย / 6 – 1
จอร์แดน เวเรตูต์ / 29 / มาร์กเซย / 5 – 0
เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า / 20 / เรอัล มาดริด / 4 – 1
ยุสซูฟ โฟฟาน่า / 23 / โมนาโก / 2 – 0

กองหน้า
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ / 36 / มิลาน / 114 – 49
อองตวน กรีซมันน์ / 31 / แอตฯ มาดริด / 110 – 42
คาริม เบนเซม่า / 34 / เรอัล มาดริด / 97 – 37
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ / 23 / เปแอสเช / 59 – 28
คิงสลี่ย์ โกม็อง / 26 / บาเยิร์น / 40 – 5
อุสมัน เดมเบเล่ / 25 / บาร์เซโลน่า / 28 – 4
คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู / 25 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 8 – 0
มาร์คัส ตูราม / 25 / กลัดบัค / 4 – 0

หลุดโผ
ไมค์ เมนยอง (มิลาน), เบอนัวต์ คอสติล (โอแซร์), เพรสแนล คิมเพ็มเบ้ (เปแอสเช), แฟร์กล็องด์ เมนดี้ (เรอัล มาดริด), เบนชาแม็ง เมนดี้ (แมนฯ ซิตี้), โชนาต็อง เคลาส์ (มาร์กเซย), ลูก้าส์ ดีญ (วิลล่า), เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ (สเปอร์ส), เคิร์ต ซูม่า (เวสต์แฮม), บูบาการ์ กามาร่า (วิลล่า), เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี), ปอล ป๊อกบา (ยูเวนตุส), สตีเว่น เอ็นซอนซี่ (อัล-รายยาน), โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (ลียง), แบลส มาตุยดี้ (อินเตอร์ ไมอามี่), นาบิล เฟคีร์ (เบติส), โตมัส เลอมาร์ (แอตฯ มาดริด), วิสซาม เบน เยแดร์ (โมนาโก), มุสซ่า ดิยาบี้ (เลเวอร์คูเซ่น)

 

 

 

อินทรีเหล็ก เยอรมนี จากแชมป์โลกสู่รอบแรก, จากรอบแรกสู่…
ภายหลังเข้ามาสานต่องานของ โยอัคคิม เลิฟ หลังจบยูโร 2020 แล้วนั้น ฮันซี่ ฟลิค ก็สร้างปรากฏการณ์ให้กับทัพอินทรีเหล็ก ด้วยการพาทีมชนะรวดถึง 7 นัดในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกหนนี้ จนเป็นทีมแรกของยุโรปที่การันตีเข้ารอบสุดท้าย

 

อย่างไรก็ตาม กับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ในรอบปีที่ผ่านมา เยอรมนี ก็ถือว่าเสียรังวัดไปพอสมควร เมื่อกลับเอาชนะคู่แข่งได้แค่เกมเดียว (5-2 อิตาลี) นอกนั้นเสมอรัวๆ 4 เกม และแพ้พลิกล็อกคาบ้านต่อ ฮังการี หนึ่งนัด เรียกว่าพวกเขามุ่งหน้าสู่กาตาร์แบบที่ระดับความมั่นใจไม่ได้สูงมาก ทั้งยังต้องเสีย 2 คีย์แมนเกมรุกอย่าง มาร์โก รอยส์ จอมทัพดอร์ทมุนด์ กับ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงแอร์เบ ไลป์ซิก ที่ล้มเจ็บอดไปบอลโลกทั้งคู่ด้วย

 

จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา, เริ่มต้นตั้งแต่รอบแรกที่ต้องอยู่ในสายแข็งร่วมกับ สเปน-ญี่ปุ่น-คอสตาริกา, ว่าถัดจากการร่วงรอบแรกในทัวร์นาเมนต์ครั้งก่อนแล้ว อินทรีเหล็ก 2022 จะไปได้ไกลถึงไหน

 

โผ 26 แข้งเยอรมนี ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
1. มานูเอล นอยเออร์ / 36 / บาเยิร์น / 113
12. เควิน ทรัปป์ / 32 / แฟร้งค์เฟิร์ต / 6
22. มาร์ก-อันเดร แทร์ สเตเก้น / 30 / บาร์เซโลน่า / 30

กองหลัง
2. อันโตนิโอ รูดิเกอร์ / 29 / เรอัล มาดริด / 54 -2
3. ดาวิด เราม์ / 24 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 11 – 0
4. มัทธีอัส กินเทอร์ / 28 / ไฟรบวร์ก / 46 – 2
5. ติโล เคห์เรอร์ / 26 / เวสต์แฮม / 22 – 0
15. นิคลาส ซูเล่ / 27 / ดอร์ทมุนด์ / 42 – 1
16. ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ / 26 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 18 – 0
20. คริสเตียน กุนเทอร์ / 29 / ไฟรบวร์ก / 6 – 0
23. นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค / 22 / ดอร์ทมุนด์ / 5 – 0
25. อาร์เมล เบลล่า-ค็อตชัป / 20 / เซาธ์แฮมป์ตัน / 1 – 0

กองกลาง
6. โยชัว คิมมิช / 27 / บาเยิร์น / 70 – 5
7. ไค ฮาแวร์ตซ์ / 23 / เชลซี / 30 – 10
8. เลออน โกเร็ตซ์ก้า / 27 / บาเยิร์น / 44 – 14
11. มาริโอ เกิทเซ่ / 30 / แฟร้งค์เฟิร์ต / 63 – 17
14. จามาล มูเซียล่า / 19 / บาเยิร์น / 17 – 1
17. ยูเลี่ยน บรันท์ / 26 / ดอร์ทมุนด์ / 38 – 3
18. โยนาส ฮอฟมันน์ / 30 / กลัดบัค / 16 – 4
21. อิลคาย กุนโดกัน / 32 / แมนฯ ซิตี้ / 62 – 16

กองหน้า
9. นิคลาส ฟุลล์ครุก / 29 / เบรเมน / 0 – 0
10. แซร์จ นาบรี้ / 27 / บาเยิร์น / 36 – 20
13. โธมัส มุลเลอร์ / 33 / บาเยิร์น / 118 – 44
19. เลรอย ซาเน่ / 26 / บาเยิร์น / 47 – 11
24. คาริม อเดเยมี่ / 20 / ดอร์ทมุนด์ / 4 – 1
26. ยุสซูฟา มูโกโก้ / 18 / ดอร์ทมุนด์ / 0 – 0

หลุดโผ
แบร์นด์ เลโน่ (ฟูแล่ม), มัตส์ ฮุมเมิลส์ (ดอร์ทมุนด์), เยโรม บัวเต็ง (ลียง), โรบิน โกเซนส์ (อินเตอร์), เบนจามิน เฮนริกส์ (แอร์เบ ไลป์ซิก), โยนาธาน ทาห์ (เลเวอร์คูเซ่น), โรบิน ค็อก (ลีดส์), มาร์โก รอยส์ (ดอร์ทมุนด์), ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ (เบนฟิก้า), ฟลอเรียน นอยเฮาส์ (กลัดบัค), ยูเลี่ยน ไวเกิ้ล (กลัดบัค), ติโม แวร์เนอร์ (แอร์เบ ไลป์ซิก), ลูคัส เอ็นเมช่า (โวล์ฟสบวร์ก)

 

 

 

กระทิงดุ สเปน ในระบบเผด็จการของ หลุยส์ เอ็นริเก้
หนึ่งคือทรัพยากรนักเตะดีๆ ของ สเปน มีเยอะมาก และอีกหนึ่งก็คือ หลุยส์ เอ็นริเก้ มีแนวทางและการตัดสินใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาก ไม่สนกระแสสังคมใดๆ ทั้งสิ้น เราจึงได้เห็นแข้งสแปนิชตกขบวนอดไปฟุตบอลโลก 2022 อื้อซ่าตามรายชื่อด้านล่าง ชนิดไปรวมตัวเป็นอีกทีมได้ง่ายๆ

 

แต่ก็แน่นอนว่า การเลือกตัวแบบไม่ฟังเสียงใครของ เอ็นริเก้ ย่อมจะนำมาซึ่งความเสี่ยง ถ้าผลงานที่กาตาร์ไปได้สวย ก็รับเสียงปรบมือไป แต่ถ้าล้มเหลวขึ้นมา ไม่ต้องสงสัย… เละ

 

น่าสนใจมากเสียด้วยกับการที่ต้องอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย เจองานหนักทุกนัดในรอบแรก ไล่ตั้งแต่กับ คอสตาริกา ไปต่อกับ เยอรมนี ปิดท้ายด้วยเกมกับ ญี่ปุ่น

 

กระทิงดุในระบบเผด็จการของ เอ็นริเก้ จะออกหัวออกก้อย เดี๋ยวรู้กัน — เริ่มตั้งแต่รอบแรกนี่เลย!

 

โผ 26 แข้งสเปน ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
อูไน ซิมอน / 25 / บิลเบา / 27
โรเบิร์ต ซานเชซ / 25 / ไบรท์ตัน / 1
ดาบิด ราย่า / 27 / เบรนท์ฟอร์ด / 1

กองหลัง
จอร์ดี้ อัลบา / 33 / บาร์เซโลน่า / 86 – 9
เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า / 33 / เชลซี / 41 – 1
ดานี่ การ์บาฆัล / 30 / เรอัล มาดริด / 30 – 0
เปา ตอร์เรส / 25 / บียาร์เรอัล / 21 – 1
โฆเซ่ กาย่า / 27 / บาเลนเซีย / 18 – 3
เอริก การ์เซีย / 21 / บาร์เซโลน่า / 18 – 0
อายเมอริก ลาป๊อร์กต์ / 28 / แมนฯ ซิตี้ / 15 – 1
อูโก้ กียามอน / 22 / บาเลนเซีย / 3 – 1

กองกลาง
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ / 34 / บาร์เซโลน่า / 139 – 2
โกเก้ / 30 / แอตฯ มาดริด / 67 – 0
โรดรี้ / 26 / แมนฯ ซิตี้ / 34 – 1
มาร์กอส ยอเรนเต้ / 27 / แอตฯ มาดริด / 17 – 0
เปดรี้ / 19 / บาร์เซโลน่า / 14 – 0
กาบี / 18 / บาร์เซโลน่า / 12 – 1
คาร์ลอส โซเลร์ / 25 / เปแอสเช / 11 – 3

กองหน้า
อัลบาโร่ โมราต้า / 30 / แอตฯ มาดริด / 57 – 27
เฟร์ราน ตอร์เรส / 22 / บาร์เซโลน่า / 30 – 13
มาร์โก อเซนซิโอ / 26 / เรอัล มาดริด / 29 – 1
ปาโบล ซาราเบีย / 30 / เปแอสเช / 24 – 9
ดานี่ โอลโม่ / 24 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 24 – 4
เยเรมี่ ปิโน่ / 20 / บียาร์เรอัล / 6 – 1
อันซู ฟาติ / 20 / บาร์เซโลน่า / 4 – 1
นิโก้ วิลเลี่ยมส์ / 20 / บิลเบา / 2 – 0

หลุดโผ
ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี), เซร์คิโอ รามอส (เปแอสเช), อินยิโก้ มาร์ติเนซ (บิลเบา), ดีเอโก้ ยอเรนเต้ (ลีดส์), มาร์กอส อลอนโซ่ (บาร์เซโลน่า), อเลฆานโดร บัลเด้ (บาร์เซโลน่า), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล), เซร์จี้ โรเบร์โต้ (บาร์เซโลน่า), ซาอูล ญีเกซ (แอตฯ มาดริด), อิสโก้ (เซบีย่า), มิเกล เมริโน่ (โซเซียดัด), เซร์คิโอ กานาเลส (เบติส), แบรส เมนเดซ (โซเซียดัด), ปาโบล ฟอร์นัลส์ (เวสต์แฮม), บราฮิม ดิอาซ (มิลาน), โรดริโก้ โมเรโน่ (ลีดส์), มิเกล โอยาร์ซาบัล (โซเซียดัด), ยาโก้ อัสปาส (เซลต้า), เคราร์ด โมเรโน่ (บียาร์เรอัล), ราอูล เด โตมัส (ราโย บาเยกาโน่)

 

 

 

ปีศาจแดง เบลเยียม กับยุคทองหนสุดท้าย
อย่างที่ได้เอ่ยถึงไปแล้วใน คำให้การของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ว่า เบลเยียม ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ด้วยเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ กับการเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของยุคทอง เบลเจี้ยน โกลเด้น เจเนอเรชั่น เนื่องจากอีก 4 ปีข้างหน้า ยังไม่รู้ว่าพวก เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์, ติโบต์ กูร์กตัวส์, โรเมลู ลูกากู จะยังพร้อมรับใช้ชาติอยู่หรือไม่

 

รอบแรก ไม่น่าใช่ปัญหา แข็งหน่อยมี โครเอเชีย แต่ก็ยังแข็งไม่เท่าพวกเขา ส่วนอีกสองคู่แข่งอย่าง แคนาดา กับ โมร็อกโก ทิศทางออกไปในทางว่า จะชนะมากหรือชนะน้อย ดังนั้น คงต้องจับตาดูต่อในรอบน็อกเอาต์ ทีละแมตช์ ทีละก้าว

 

สำหรับขุมกำลังที่ มาร์ติเนซ เลือกมา ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไร แค่น่าเป็นห่วงที่ความฟิตของ โรเมลู ลูกากู ซึ่งได้เล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ไปแค่ 5 นัดในซีซั่นนี้ รวมถึงการเรื้อสนามของ เอแด็น อาซาร์ ที่ช่วงหลังกลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ในแนวรุกเรอัล มาดริด ไปแล้ว จะส่งผลเสียมากน้อยประการใด

 

โผ 26 แข้งเบลเยียม ชุดลุยฟุตบอลโลก
ผู้รักษาประตู
ติโบต์ กูร์กตัวส์ / 30 / เรอัล มาดริด / 96
ซิมง มินโยเล่ต์ / 34 / คลับ บรูช / 35
โคเอน คาสตีลส์ / 30 / โวล์ฟสบวร์ก / 4

กองหลัง
ยาน แฟร์ตองเก้น / 35 / อันเดอร์เลทช์ / 141 – 9
โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ / 33 / อันท์เวิร์ป / 123 – 5
โธมัส มูนิเยร์ / 31 / ดอร์ทมุนด์ / 58 – 8
ทิโมธี คาสตันเย่ / 26 / เลสเตอร์ / 25 – 2
อาร์เธอร์ เธียเต้ / 22 / แรนส์ / 3 – 0
เซโน่ เดบาสต์ / 19 / อันเดอร์เลทช์ / 2 – 0
วู้ท ฟาเอส / 24 / เลสเตอร์ / 1 – 0

กองกลาง
อักเซล วิตเซล / 33 / แอตฯ มาดริด / 126 – 12
เควิน เดอ บรอยน์ / 31 / แมนฯ ซิตี้ / 93 – 25
ยานนิค การ์รัสโก้ / 29 / แอตฯ มาดริด / 59 – 8
ยูรี่ ตีเลอมันส์ / 25 / เลสเตอร์ / 54 – 5
เลอันเดอร์ เดนดองเคอร์ / 27 / วิลล่า / 29 – 1
ฮานส์ ฟานาเก้น / 30 / คลับ บรูช / 22 – 5
เลอันโดร ทรอสซาร์ / 27 / ไบรท์ตัน / 21 – 5
ชาร์ลส์ เด คาตาแลร์ / 21 / มิลาน / 10 – 1
อมาดู โอนาน่า / 21 / เอฟเวอร์ตัน / 2 – 0

กองหน้า
เอแด็น อาซาร์ / 31 / เรอัล มาดริด / 122 – 33
ดรีส เมอร์เท่นส์ / 35 / กาลาตาซาราย / 106 – 21
โรเมลู ลูกากู / 29 / อินเตอร์ / 102 – 68
มิชี่ บัตชูอายี่ / 29 / เฟเนร์บาห์เช่ / 47 – 26
ธอร์แกน อาซาร์ / 29 / ดอร์ทมุนด์ / 45 – 9
เยเรมี่ โดกู / 20 / แรนส์ / 10 – 2
โลอิส โอเพ็นด้า / 22 / ล็องส์ / 4 – 1

หลุดโผ
มัตซ์ เซลส์ (สตราส์บูร์ก), เจสัน เดนาเยอร์ (ชาบับ อัล-อาห์ลี), เดดริค โบยาต้า (คลับ บรูช), โธมัส โฟเก็ต (แร็งส์), อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส (มิลาน), เดนนิส ปราเอ้ต์ (เลสเตอร์), อัลแบร์ แซมบี้ โลกอนก้า (อาร์เซน่อล), นาเซอร์ ชาดลี่ (เวสเตอร์โล), คริสเตียน เบนเตเก้ (ดีซี ยูไนเต็ด), ดิว็อค โอริกี้ (มิลาน), อัดนาน ยานาไซ (เซบีย่า)

 

 

 

โปรตุเกส กับบอลโลกครั้งสั่งลา CR7
สั่นสะเทือนวงการดีเหลือเกินกับการทิ้งระเบิดลูกนาปาล์มเดธของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านการให้สัมภาษณ์กับช่องทีวีของอังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องเน้นตอนนี้ คือเรื่อง ฟุตบอลโลก 2022 การช่วยชาติไปให้ถึงฝั่งฝัน — ที่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 อย่าง โรนัลโด้ ด้วย

 

ว่ากันตามตรง ชื่อนักเตะชุดลุยกาตาร์ของ แฟร์นันโด ซานโตส แข็งแกร่งน่าเกรงขามไม่เบา ดูหนั่นแน่นตั้งแต่หลังสุดมาหน้าสุด โดยเฉพาะเกมรุกที่เลือกลำบากเลย เมื่อคงต้องกันโควตาหนึ่งที่ไว้ให้ โรนัลโด้ ส่วนที่เหลือ อันเดร ซิลวา (แอร์เบ ไลป์ซิก), ชูเอา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด), ราฟาแอล เลเอา (เอซี มิลาน) ไปแย่งกันเอา

 

แต่ก็ต้องว่ากันตามตรงเพิ่มอีกว่า โปรตุเกส มีสิทธิ์จะแข็งขึ้นกว่านี้อีก ถ้าบรรดาตัวที่หลุดไปอย่าง มาริโอ รุย, เซดริก โซอาเรส, เนลซอน เซเมโด้, ชูเอา มูตินโญ่, เรนาโต้ ซานเชส, เปโดร เนโต้, กอนซาโล่ เกเดส ไม่นับ ดีโอโก้ โชต้า (บาดเจ็บ) ถูกหอบหิ้วไปกาตาร์ด้วย

 

แน่นอน ก็คงต้องตามดูกันว่า การตัดสินใจของ แฟร์นันโด ซานโตส ในการเลือกจิ้มขุมกำลังมาแบบนี้ จะปรากฏผลในท้ายที่สุดว่าอย่างไร

 

โผ 26 แข้งโปรตุเกส ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
รุย ปาตริซิโอ / 34 / โรม่า / 104
ดีโอโก้ คอสต้า / 23 / ปอร์โต้ / 7
โชเซ่ ซา / 29 / วูล์ฟส์ / 0

กองหลัง
เปเป้ / 39 / ปอร์โต้ / 128 – 7
ดานิโล เปเรยร่า / 31 / เปแอสเช / 63 – 2
ราฟาแอล เกร์เรยโร่ / 28 / ดอร์ทมุนด์ / 56 – 3
รูเบน ดิอาส / 25 / แมนฯ ซิตี้ / 39 – 2
ชูเอา กันเซโล่ / 28 / แมนฯ ซิตี้ / 37 -7
นูโน่ เมนเดส / 20 / เปแอสเช / 16 – 0
ดีโอโก้ ดาโล่ต์ / 23 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 6 – 2
อันโตนิโอ ซิลวา / 19 / เบนฟิก้า / 0 – 0

กองกลาง
วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ / 30 / เบติส / 75 – 5
แบร์นาร์โด้ ซิลวา / 28 / แมนฯ ซิตี้ / 72 – 8
ชูเอา มาริโอ / 29 / เบนฟิก้า / 52 – 2
บรูโน่ แฟร์นันเดส / 28 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 48 – 9
รูเบน เนเวส / 25 / วูล์ฟส์ / 32 – 0
ชูเอา ปาลินญ่า / 27 / ฟูแล่ม / 15 – 2
มาเตอุส นูเนส / 24 / วูล์ฟส์ / 9 – 1
โอตาวิโอ / 27 / ปอร์โต้ / 7 – 2
วิตินญ่า / 22 / เปแอสเช / 4 – 0

กองหน้า
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ / 37 / แมนฯ ยูไนเต็ด / 191 – 117
อันเดร ซิลวา / 27 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 51 – 19
ชูเอา เฟลิกซ์ / 23 / แอตฯ มาดริด / 23 – 3
ราฟาแอล เลเอา / 23 / มิลาน / 11 – 0
ริคาร์โด้ ออร์ต้า / 28 / บราก้า / 5 – 1
กอนซาโล่ รามอส / 21 / เบนฟิก้า / 0 – 0

หลุดโผ
อันโธนี่ โลเปส (ลียง), รุย ซิลวา (เบติส), มาริโอ รุย (นาโปลี), โดมิงกอส ดูอาร์เต้ (เคตาเฟ่), โชเซ่ ฟอนเต้ (ลีลล์), เซดริก โซอาเรส (อาร์เซน่อล), เนลซอน เซเมโด้ (วูล์ฟส์), ชูเอา มูตินโญ่ (วูล์ฟส์), เรนาโต้ ซานเชส (เปแอสเช), ดีโอโก้ โชต้า (ลิเวอร์พูล), เปโดร เนโต้ (วูล์ฟส์), กอนซาโล่ เกเดส (วูล์ฟส์), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง)

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Olympics

 

 

เรื่องน่าอ่าน
• บราซิลลิ่วแชมป์โลก…? : โผ 26 แข้งลุยฟุตบอลโลก 2022
• และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
• เจ็บขนาดนี้…คงจะไม่ไหว : สตาร์รายใดอดไปฟุตบอลโลก 2022 บ้างแล้ว?

รายชื่อนักเตะ อดไปบอลโลก 2022 เจ็บขนาดนี้...คงจะไม่ไหว

รายชื่อนักเตะ อดไปบอลโลก 2022 เจ็บขนาดนี้…คงจะไม่ไหว

รายชื่อนักเตะ สตาร์รายใดอดไปฟุตบอลโลก 2022

เจ็บปวดกว่าโดนหมางเมิน คือการที่รู้ว่าตัวเองมีที่ยืนเต็มเท้าอยู่แล้วแท้ๆ ในทีม แต่กลับโดนขวางไว้ไม่ให้ไปฟุตบอลโลก 2022 ด้วยเรื่องของโชคชะตา…อาการบาดเจ็บที่ไม่เข้าใครออกใคร

 

หากว่าเป็นฟุตบอลโลกปกติเหมือนที่เคยเป็นมา เวลานี้ แทบทุกอย่างในโลกลูกหนังจะหยุดพัก หยุดนิ่งแล้ว (คงเหลือแค่การเข้าแคมป์เตรียมทีม) เพื่อรอการมาถึงของ เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย เมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น เสียงนกหวีดแรกของมหกรรมลูกหนังโลกที่รอคอย ก็จะดังขึ้น

 

ทว่าก็อย่างที่ทราบกัน นี่คือ ฟุตบอลโลกครั้งพิเศษใส่ไข่ เตะกันตอนปลายปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นเกมระดับสโมสรที่ต้องหลีกทางให้ แม้จะต้องพักรบกันกลางศึกสงครามก็ตาม

 

อย่างที่บอก ถ้าเป็นบอลโลกปกติ ซีซั่นจะปิดลงแล้ว ทุกทีมเริ่มเข้าแคมป์เก็บตัวแล้ว และไม่มีอะไรน่าห่วงนอกจากปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อนในสนามซ้อม

 

แต่ในเมื่อเป็นบอลโลกครั้งสุดพิเศษ ก็ทำให้ทั้งฟุตบอลลีกยุโรปแทบทุกประเทศ ไปจนถึงฟุตบอลถ้วยของบางแห่ง ยังคงโรมรันพันตูกันอย่างซีเรียสเคร่งเครียด โดยจะหลีกทางให้ฟุตบอลโลก 2022 เพียง 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เท่านั้น

 

สิ่งที่ตามมาจากเรื่องนี้ ก็คือการที่นักเตะหลายรายสาดแข้งกันจนสะบักสะบอม และทยอยล้มเจ็บอย่างโชคร้าย จนมีหลายรายเหลือเกินที่จะทำได้แค่ดูบอลโลกที่กาตาร์ ผ่านจอทีวีไม่ต่างจากเราๆ ท่านๆ

รวมรายชื่อนักเตะคนดังที่ไม่ได้ไป บอลโลก 2022

ถึงตรงนี้มีใครบ้างที่ทั้งอดไปชัวร์ๆ และอยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยงต้องลุ้นใจหาย FIFA2022match.com รวบรวมเอาไว้แล้วตรงนี้…

รายชื่อนักเตะอังกฤษ
วืดชัวร์ : เบน ชิลเวลล์
สุ่มเสี่ยง : รีซ เจมส์, ไคล์ วอล์คเกอร์, แคลวิน ฟิลลิปส์, ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, บูกาโย่ ซาก้า, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน

 

ยืนยันจากทาง เชลซี แล้วว่า วิงแบ็กซ้ายตัวเก่งอย่าง เบน ชิลเวลล์ จะไม่ได้ไปแอ่ว กาตาร์ ในฐานะลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ภายหลังมีการตรวจปัญหาบาดเจ็บแฮมสตริงที่เจ้าตัวได้รับจากเกมถ้วยยุโรปอย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่ใช่เรื่องขำๆ แบบพัก 3-4 วันหายแต่อย่างใด

 

ส่วน รีซ เจมส์ ก็ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในตอนนี้ด้วยปัญหาบาดเจ็บเข่าที่ได้รับจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน แต่ดูจะเบากว่าเพื่อนร่วมค่ายหน่อย ยังมีลุ้นได้ไปบอลโลก

 

ด้าน ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลังคนสำคัญจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พักแข้งมาตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. หลังผ่าตัดโคนขาหนีบ แต่เจ้าตัวยังมั่นใจว่าจะเรียกฟิตทันติดธงสิงโต เช่นเดียวกับ แคลวิน ฟิลลิปส์ ที่หลังย้ายจาก ลีดส์ สู่ แมนฯ ซิตี้ แล้วก็เจ็บออดๆ แอดๆ จนได้เล่นแค่ 3 เกมเท่านั้น ก็ยังเชื่อว่าตัวเองยังอยู่ในข่ายพิจารณาของ แกเร็ธ เซาธ์เกต

 

ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า ออกจากสนามนัดที่ อาร์เซน่อล ชนะ ฟอเรสต์ 5-0 เมื่อสิ้นเดือน ต.ค. หลังเล่นไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทว่าก็ฟิตลงสำรองในเกมกับ เอฟซี ซูริค ได้ใน 4 วันให้หลัง ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาในการไปฟุตบอลโลก 2022

 

โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน หัวหอกเอฟเวอร์ตัน ก็เจ็บแฮมสตริง จนต้องออกจากสนามตอนกลางครึ่งหลังเกมแพ้ เลสเตอร์ 0-2 และจะต้องเข้ารับการสแกนอย่างละเอียดต่อไปเพื่อประเมินว่า ฟุตบอลโลก 2022 ยังเป็นไปได้สำหรับศูนย์หน้าวัย 25 อยู่หรือไม่

 

แต่สำหรับทาง ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ฟูลแบ็กจากเซาธ์แฮมป์ตัน แม้บาดเจ็บแฮมสตริงไม่หนักมาก แต่การที่แทบไม่อยู่ในสารบบทีมชาติ ที่ผ่านมาเคยเล่นให้อังกฤษแค่ 2 นัดเท่านั้น ทำให้โอกาสถูกคัดทิ้งมีมากกว่าได้ไป

 

 

รายชื่อนักเตะฝรั่งเศส
วืดชัวร์ : เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, บูบาการ์ กามาร่า
สุ่มเสี่ยง : เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, ลูคัส เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, อองโตนี่ มาร์กซิยาล

 

แชมป์เก่าจากฟุตบอลโลก 2018 อาการเพียบสุดในบรรดาทีมหัวแถวตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ภายหลังส่อแววไม่สู้ดีมาตั้งแต่คิวเตะ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก หนล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. ที่มีกลุ่มแข้งบาดเจ็บครึ่งค่อนทีม

 

ยืนยันแล้วว่า 2 คีย์แมนแดนกลางทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จากเชลซี และ ปอล ป๊อกบา จากยูเวนตุส ต่างต้องตกขบวน อดไปช่วยตราไก่ป้องกันแชมป์โลกอย่างแน่นอนแล้ว เมื่อรายแรกต้องเข้าผ่าตัดแฮสมตริง ส่วนรายหลังผ่าตัดเข่ามาแล้วพักใหญ่ แต่ยังไม่ใกล้เคียงกับการเรียกความฟิตจนถึงระดับ จนซีซั่นนี้ยังไม่ได้เล่นให้ ยูเว่ แม้แต่เกมเดียว

 

ส่วน บูบาการ์ กามาร่า กองกลางดาวรุ่งวัย 22 จากแอสตัน วิลล่า เข่าพังหลังเล่นให้สิงห์ผงาดไปแค่ 8 นัด บอลโลกครั้งนี้จึงเป็นได้แค่ผู้ชม

 

ยังมีกลุ่มสุ่มเสี่ยง ต้องรักษาตัวและเรียกฟิตให้ทันเวลาอีกหลายราย ไม่ว่าจะ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า (เชลซี), ลูคัส เอร์นันเดซ (บาเยิร์น) และ ราฟาแอล วาราน กับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งคู่) ที่ ณ ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ด้วยว่าจะพร้อมหรือไม่

 

 

รายชื่อนักเตะบราซิล
วืดชัวร์ : อาร์ตูร์ เมโล่
สุ่มเสี่ยง : ริชาร์ลิซอน, เบรเมอร์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

 

เส้นกราฟชีวิตของ อาร์ตูร์ เมโล่ คล้อยลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่อำลา บาร์เซโลน่า ไปเล่นกับ ยูเวนตุส อย่างเซอร์ไพรส์เมื่อสองปีก่อน จนซีซั่นนี้ถูกส่งยืมมา ลิเวอร์พูล ก็ยังแทบไม่ได้โชว์ฟอร์มอะไร ลงสนามไปนัดเดียวถ้วน และใกล้ชิดกับห้องพยาบาลมากกว่าสนามฟุตบอล เมื่อมีปัญหาบาดเจ็บต้นขา โดยที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เผยว่ามิดฟิลด์วัย 26 อาการ “ค่อนข้างซีเรียส” และ “ต้องพักยาว” ดังนั้นจึงหมดสิทธิ์ไปฟุตบอลโลก 2022 แน่นอน

 

ฝั่ง ริชาร์ลิซอน หนึ่งในตัวความหวังแนวรุกของ ลา เซเลเซา (ลงสนาม 38 นัดซัดแล้ว 17 ประตู) บาดเจ็บจากเกม สเปอร์ส ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เมื่อ 15 ต.ค. แต่ทั้งเจ้าตัวและ อันโตนิโอ คอนเต้ ยังมองแง่ดีว่าจะเรียกฟิตทันไป เวิลด์ คัพ

 

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตเจ้าของค่าตัว 105 ล้านปอนด์ ล่าสุดไม่ได้อยู่ในทีม แอสตัน วิลล่า ชุดเปิดบ้านสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และจะไม่พร้อมเล่นนัดหน้าด้วย แม้ยังไม่ทราบระยะพักที่แน่ชัดแต่ก็มากพอที่จะสั่นคลอนโอกาสไปบอลโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า คูตินโญ่ ก็ไม่ได้อยู่ในทีมของ ตีเต้ บ่อยนักด้วย สองปีหลังได้รับใช้ชาติแค่ 5 นัดเท่านั้น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงทีเดียวที่จะถูกกาชื่อทิ้ง 

 

สำหรับ เบรเมอร์ เซนเตอร์แบ็กยูเวนตุส พลาดช่วยทีมมา 5-6 เกมแล้ว แม้คาดหมายว่าจะฟิตทันเกมสัปดาห์นี้ แต่ด้วยการที่ ติเต้ มีตัวเลือกเซนเตอร์แซมบ้าในมืออยู่ไม่น้อย ก็ทำให้เสี่ยงมากว่าอดีตแข้งโตริโน่จะอดไปบอลโลกในที่สุด

 

 

รายชื่อนักเตะอาร์เจนติน่า
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : เปาโล ดีบาล่า, อังเคล ดิ มาเรีย, เลอันโดร ปาเรเดส, คริสเตียน โรเมโร่, ลิโอเนล เมสซี่

 

แม้ในระดับชาติ เปาโล ดีบาล่า ยังจะไม่ค่อยฉายแสงเท่าที่ควรจะเป็น ยิงได้แค่ 3 ลูกจากการลงสนาม 34 นัด แต่ด้วยชื่อชั้นและคุณภาพฝีเท้า มีไว้ก็ดีกว่าไม่มี เพียงแต่ก็ต้องลุ้นกันหน่อย ภายหลังดาวเตะวัย 28 ดวงแตก เจ็บต้นขาไปเองระหว่างยิงจุดโทษให้กับ โรม่า

 

รายงานจากสื่อ ณ ตอนนี้ ยังออกไปในทางเห็นแย้งกัน ฝั่งหนึ่งบอกว่า ดีบาล่า จะฟิตทันกลับมาเล่นให้ โรม่า ได้ในเกมสุดท้ายช่วงสัปดาห์หน้า ดังนั้นก็ยังได้ลุ้นไปฟุตบอลโลก 2022 อยู่ แต่อีกฝั่งก็บอกว่า ลิโอเนล สคาโลนี่ ตัดสินใจปล่อยนักเตะพักแล้ว และจะเลือกจิ้มกองหน้าคนอื่นที่ฟิตกว่า ไปบอลโลกแทน

 

ในราย อังเคล ดิ มาเรีย ตัวเก๋าวัย 34 จากยูเวนตุส เจ็บต้นขา แต่ยังถูกคาดหมายว่าจะไปช่วยงานทีมชาติได้ทันเวลา รวมถึง เลอันโดร ปาเรเดส กับ คริสเตียน โรเมโร่ ก็ไม่ได้เจ็บหนัก ยังเชื่อว่าจะฟิตทัน

 

สำคัญสุดคือ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดดาวเตะผู้เป็นแทบทุกอย่างในความหวังสอยแชมป์โลกสมัย 3 ของทัพฟ้าขาว ได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย ทำให้ต้องพักแข้งไประยะหนึ่ง อดช่วย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เล่นกับ ลอริยองต์ และแม้ว่า เปแอสเช จะยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เมสซี่ น่าจะกลับมาพร้อมรบในเร็ววัน แต่ก็ต้องห้ามลืมว่าฟุตบอลโลก 2022 กำลังคอยท่าอยู่ในเพียง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้เท่านั้น หากว่าต้องไปลุยบอลโลกแบบไม่สมบูรณ์ 100% ย่อมเป็นความเสียหายโดยตรงของ อาร์เจนติน่า 

 

 

รายชื่อนักเตะเยอรมนี
วืดชัวร์ : ติโม แวร์เนอร์
สุ่มเสี่ยง : มาร์โก รอยส์, เลรอย ซาเน่, มานูเอล นอยเออร์

 

อุตส่าห์ย้ายจาก เชลซี ไปหาโอกาสลงสนามสม่ำเสมอกับต้นสังกัดเก่า แอร์เบ ไลป์ซิก เพื่อเตรียมตัวรับใช้ทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งอันที่จริงก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม ยิง 9 ประตูจากการเล่น 16 นัด แต่ปรากฏว่า ติโม แวร์เนอร์ กลับได้รับบาดเจ็บข้อเท้าอย่างหนักจากเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชนะ ชัคตาร์ โดเนทส์ค 4-0 และ ไลป์ซิก ยืนยันว่า แวร์เนอร์ ต้องพักยาว หมดสิทธิ์ไปช่วยชาติที่กาตาร์โดยปริยาย

 

อีกสองตัวรุกจากต่างค่าย มาร์โก รอยส์ จากดอร์ทมุนด์ กับ เลรอย ซาเน่ จากบาเยิร์น อยู่ในจุดที่ดีกว่า แวร์เนอร์ พอสมควร หลังทั้งคู่เริ่มเรียกฟิตได้ในระดับที่น่าพอใจแล้ว มีโอกาสได้ไปกาตาร์มากกว่าที่จะพลาด

 

ส่วนยอดจอมหนึบวัย 36 อย่าง มานูเอล นอยเออร์ ที่ถูกคาดหมายว่าจะไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นหนสุดท้าย เป็นข่าวใหญ่จากการที่มีอาการของมะเร็งผิวหนังบนใบหน้า แถมช่วงหลังยังเจ็บไหล่อยู่เป็นระยะ ทว่าล่าสุดก็ฟิตกลับมาลงช่วย บาเยิร์น บุกเตะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ได้แล้ว ดังนั้นถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน ก็น่าจะได้ไปกาตาร์ตามปกติ

 

 

รายชื่อนักเตะสเปน
วืดชัวร์ : มิเกล โอยาร์ซาบัล
สุ่มเสี่ยง : เซร์คิโอ เรกีลอน, เคราร์ด โมเรโน่, เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า

 

แม้ในรายชื่อ 55 แข้งสเปนชุดเบื้องต้นที่หลุดออกมา (หลุยส์ เอ็นริเก้ ตั้งใจไม่เผยจนกว่าจะตัดตัวชุดสุดท้าย) มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกตัวเก่งจาก เรอัล โซเซียดัด จะยังติดอยู่ แต่ด้วยความที่ดาวเตะวัย 25 เข่าพังมาตั้งแต่ปลายซีซั่นก่อน แล้วยังต้องพักมาถึงตอนนี้ ยังไม่ได้เล่นเกมซีซั่นนี้แม้แต่เกมเดียว ก็ทำให้จะเรียกฟิตไม่ทันเป็นแน่

 

ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือ เกป้า “เดอะโค้ช” อาร์ริซาบาลาก้า จากการอัพเดตล่าสุดของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ปรากฏว่า เกป้า จะไม่ได้เล่นให้ เชลซี จนกว่าจะกลับมาเจอกันใหม่หลังบอลโลก เนื่องจากบาดเจ็บเท้า ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่านายด่านสแปนิชจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022 แน่ๆ แต่ด้วยการที่ เอ็นริเก้ มี 3 นายทวารอยู่แล้วในทีมชุดเตะ เนชั่นส์ ลีก เดือน ก.ย. (อูไน ซิมอน, โรเบิร์ต ซานเชซ, ดาบิด ราย่า) ก็ทำให้ยิ่งง่ายสำหรับ เอ็นริเก้ ไปอีกในการจะตัดชื่อ เกป้า ทิ้งไป หลังจากมือระดับ ดาบิด เด เคอา ก็ไม่ได้อยู่ใน 55 คนแรกก่อนแล้ว

 

 

รายชื่อนักเตะเนเธอร์แลนด์
วืดชัวร์ : จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
สุ่มเสี่ยง : เมมฟิส เดอปาย, มาร์เทน เดอ รอน, มัทไธส์ เดอ ลิกท์

 

มีปัญหาบาดเจ็บเกิดขึ้นในช่วงหลังทั้ง เมมฟิส เดอปาย (บาร์เซโลน่า), มาร์เทน เดอ รอน (อตาลันต้า) และ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ (ยูเวนตุส) แต่โอกาสที่ทั้งสามจะเรียกฟิตทันเวลาไปช่วยชาติที่กาตาร์ ยังมีมากกว่าไม่ได้ไป

 

แต่ที่พลาดแล้วตั้งแต่ต้นและน่าเจ็บใจแทน ได้แก่ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์อดีตดาวเด่นลิเวอร์พูล ที่อุตส่าห์ตัดใจย้ายหนีการเป็นคนไม่สำคัญที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หวังมาเกิดใหม่กับ โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่กลับบาดเจ็บหนักขั้นขาหักตั้งแต่ต้น พักยาวลืมวันลืมคืนไม่พอ ยังได้แค่ดูบอลโลกในฐานะกองเชียร์ด้วย

 

 

รายชื่อนักเตะเบลเยียม
วืดชัวร์ : โธมัส มูนิเยร์, อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส
สุ่มเสี่ยง : โรเมลู ลูกากู

 

เพราะไอ้ยักษ์เจ้าของสถิติถล่มประตู 68 ลูกในทีมชาติอย่าง โรเมลู ลูกากู ก็ “ยุบ” เป็นเหมือนกัน ซีซั่นนี้เพิ่งได้เล่นแค่ 5 นัด เนื่องจากเจ็บแฮมสตริง ครั้นเรียกฟิตลงสนามได้ก็ดันเจ็บซ้ำเสียอีกรอบ จนต้องลุ้นถึงวันท้ายๆ เลยว่าจะเรียกฟิตทันช่วยปีศาจแดงแห่งยุโรปสั่งลายุคทองกับบอลโลกได้หรือไม่

 

ส่วนที่วืดแล้ว และสำคัญกับทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ทั้งสองคน คือ โธมัส มูนิเยร์ แบ็กขวากำลังหลักจากดอร์ทมุนด์ โหนกแก้มฉีก ฟิตไม่ทันบอลโลก และ อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส ตัวรุกเอซี มิลาน เข่าพัง จะกลับมาเล่นได้อีกทีก็ต้นปีหน้า

 

 

รายชื่อนักเตะโปรตุเกส
วืดชัวร์ : ดีโอโก้ โชต้า, เปโดร เนโต้
สุ่มเสี่ยง : เปเป้, นูโน่ เมนเดส

 

ทำผลงานได้ดีกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นที่แล้ว (21 ประตู) จนหลายเดือนหลังถูกวางให้เป็นกองหน้าตัวจริงของโปรตุเกสอยู่ตลอด ทว่านอกจากความฝืดในซีซั่นนี้ (0 ประตู) แล้ว สำคัญคือ โชต้า เจ็บต้นขาจนต้องถูกหามออกในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อกลางเดือน ต.ค. ส่งผลให้ แฟร์นันโด ซานโตส เลี่ยงไม่ได้ต้องตัดชื่อทิ้งไปตั้งแต่ชุดเบื้องต้น 55 คน เช่นเดียวกับ เปโดร เนโต้ กองหน้าวูล์ฟส์ ที่เจ็บข้อเท้าจนต้องเข้าผ่าตัด

 

ด้าน เปเป้ ป.ประมุข ในวัย 39 ยังเป็นแกนหลักในแนวรับฝอยทองอยู่ แต่ช่วงหลังมีปัญหาเจ็บเข่ามารบกวน ส่วน นูโน่ เมนเดส เด็กเปแอสเช เจ็บกล้ามเนื้อ และทั้งคู่ต้องรีบเรียกฟิต พร้อมหวังว่าอาการของตัวเองจะไม่หนักหนาจนเกินไปนัก

 

 

รายชื่อนักเตะเดนมาร์ก
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมอน เคียร์

 

ต้องจับตากับ 2 เซนเตอร์แบ็กกำลังสำคัญ ทั้งกัปตันทีม ซิมอน เคียร์ จากเอซี มิลาน ที่เจ็บหนักและต้องพักมายาว ยังไม่แน่ชัดว่าจะเรียกความฟิตได้ถึงระดับที่เหมาะสมสำหรับการคุมหลังบ้านของทัพโคนมหรือไม่ ส่วน อันเดรียส คริสเตนเซ่น ของบาร์เซโลน่า ก็เริ่มมีปัญหาความฟิตในช่วงหลัง แม้จะไม่ได้มีรายงานว่าเจ็บหนักก็ตาม

 

 

รายชื่อนักเตะเวลส์
วืดชัวร์ : ทอม ลอว์เรนซ์, รีส นอร์ริงตัน-เดวิส
สุ่มเสี่ยง : แกเร็ธ เบล, โจ อัลเลน

 

กับการกลับเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี เลี่ยงไม่ได้ที่มังกรแดง เวลส์ ยังจำเป็นต้องพึ่งพาพลังสังหารของ แกเร็ธ เบล ที่แม้จะหลบฉากจาก เรอัล มาดริด ไปเล่นกับ แอลเอ เอฟซี ในสหรัฐฯ แล้วก็ตาม กระนั้น กัปตันวัย 33 ก็มีปัญหาความฟิตและไม่ถูกใช้งานสม่ำเสมอนักในช่วงหลัง ต้องดูต่อว่าสภาพร่างกายจะเข้าที่เข้าทางหรือไม่ อันเป็นกรณีเดียวกับอีกคนสำคัญในแดนกลางอย่าง โจ อัลเลน (สวอนซี)

 

 

รายชื่อนักเตะสหรัฐอเมริกา
วืดชัวร์ : ไมล์ส โรบินสัน
สุ่มเสี่ยง : แดริล ไดค์, เวสตัน แม็คเคนนี่

 

ไมล์ส โรบินสัน เซนเตอร์แบ็กแอตแลนต้า ยูไนเต็ด เจ็บเอ็นร้อยหวายฉีก พักยาวอดไปบอลโลกแล้ว ส่วน แดริล ไดค์ กองหน้าเวสต์บรอมวิช กับ เวสตัน แม็คเคนนี่ คีย์แมนแดนกลางจากยูเวนตุส ต้องเร่งเครื่องเรียกฟิตหน่อยในโค้งสุด้ายก่อนฟุตบอลโลก 2022

 

 

รายชื่อนักเตะเม็กซิโก
วืดชัวร์ : เฮซุส โคโรน่า
สุ่มเสี่ยง : ราอูล ฮิมิเนซ

 

ปีกตัวเก่งจากเซบีย่า เฮซุส โคโรน่า ที่เล่นทีมชาติไปแล้ว 71 เกม ต้องพลาดเวิลด์คัพครั้งนี้อย่างน่าเสียดายภายหลังขาหักเมื่อกลางปี และฟิตไม่ทันไปรับใช้ชาติ ส่วนดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง ราอูล ฮิมิเนซ จากวูล์ฟส์ ก็มีปัญหาโคนขาหนีบ โอกาสตอนนี้อยู่ที่ 50:50

 

 

รายชื่อนักเตะเกาหลีใต้
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : ซน ฮึง-มิน

 

เดินกุมหน้าออกจากเกม ชปล. กับมาร์กเซย ซึ่งตอนแรกเหมือนจะเป็นการบาดเจ็บขาแข้งเหมือนทั่วไป แต่ปรากฏว่าหนักถึงขั้นเบ้าตาซ้ายแตก จากจังหวะเข้าปะทะกับคู่แข่งอย่างจัง และต้องเข้ารับการผ่าตัด เพียงแต่ก็ยังพอมองแง่ดีได้ว่าต่อให้ไม่ 100% ก็ยังน่าจะพอใส่หน้ากากเป็นแบทแมนลงสนามในฟุตบอลโลก 2022 ได้

 

 

รายชื่อนักเตะญี่ปุ่น
วืดชัวร์ : ยูตะ นากายามะ
สุ่มเสี่ยง : –

 

ฮาจิเมะ โมริยาสุ ประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้ายแบบไม่รีรอมาก่อนใครเพื่อน แต่ปรากฏว่าไม่ทันไรก็ต้องปรับไลน์อัพเสียแล้ว เมื่อ ยูตะ นากายามะ กองหลังจากฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เจ็บส้นเท้าอย่างหนักระดับที่ต้องพักทั้งซีซั่น แน่นอนว่าก็ต้องถอนตัวไปโดยปริยาย และถึงตอนนี้ยังไม่มีการเรียกใครเข้ามาทดแทน

 

 

รายชื่อนักเตะโครเอเชีย
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

มิดฟิลด์ตัวเก่งจาก อินเตอร์ มิลาน ไม่ได้ลงช่วยงูใหญ่มาร่วม 1 เดือนแล้วจากการบาดเจ็บต้นขาในการรับใช้ชาติรอบที่แล้ว (เนชั่นส์ ลีก) แต่ก็คาดว่าจากที่พักมาระยะหนึ่งแล้ว ก็น่าจะเพียงพอให้ได้เรียกฟิตทันเวลา

 

 

รายชื่อนักเตะอุรุกวัย
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : โรนัลด์ อเราโฮ

 

บาดเจ็บต้นขาในการรับใช้ชาติหนก่อนเมื่อเดือน ก.ย. จนอดช่วย บาร์เซโลน่า นับแต่นั้นเป็นต้นมา แถมยังต้องเข้าผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาด ทว่ารายงานช่วงหลังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า โรนัลด์ อเราโฮ มีพัฒนาการที่ดี ถ้าไม่มัวไปติดไฟแดงเสียก่อน ก็น่าจะทะลุเข้าอ่อนนุช-เอ๊ย-ไปบอลโลกได้อยู่

 

 

รายชื่อนักเตะโปแลนด์
วืดชัวร์ : ยาคุบ โมเดอร์
สุ่มเสี่ยง : –

 

เอ็นฉีกตั้งแต่เดือน เม.ย. และต้องพักยาวหลายเดือน กองกลางจากไบรท์ตันจึงฟิตไม่ทันช่วยชาติในฟุตบอลโลก 2022 แน่นอน

 

 

รายชื่อนักเตะแคนาดา
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : อาติบา ฮัทชินสัน

 

กัปตันทีมชาติตัวเก๋าวัย 39 ยังไม่อาจฟื้นฟิตลงช่วย เบซิคตัส ได้เลยแม้แต่นัดเดียวในซีซั่นนี้ ภายหลังเจ็บกระดูกร้าวตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น แม้ยังพอได้ลุ้นกลับมาทัน แต่ก็น่าเสียวไส้ว่าจะฟิตไม่ถึงระดับ

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
BBC
Mirror Sports
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
ESPN
beIN SPORTS

 

เรื่องน่าอ่าน : และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
แบโผเบื้องต้น ‘โปรตุเกส’ ลุยฟุตบอลโลก 2022
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“4 สิ่งที่อังกฤษต้อง ‘เปลี่ยน’ เพื่อฟุตบอลโลก 2022”

ทั้งที่อยู่ในสถานะรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ปรากฏว่า อังกฤษ ฟุบหนักมากเหลือเกินในหลายเดือนหลัง–จนถึงขั้น “ตกชั้น” จากยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เห็นดังนี้ แดนนี่ เมอร์ฟี่ จึงมีคำแนะนำบางอย่างถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้า…

 

อาจพอเข้าใจได้ถึงการสะดุดล้มหน้าทิ่มหน้าตำ — แต่พอสังเขป สำหรับทีมที่เพิ่งไปถึงระดับ “รองแชมป์” (หรือแชมป์) ทัวร์นาเมนต์สำคัญก่อนหน้า เมื่อไม่ต้องมองไกล ก็ฟุตบอลโลกนี่เองที่ (ดูเหมือนจะ) มี  “อาถรรพ์แชมป์เก่า”  หลายปีหลังนอกจากป้องกันแชมป์ไม่ได้ ยังพาเหรดกันตกรอบแรกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

แต่ก็ยากที่ใครจะคาดคิดถึงชะตากรรมแบบนี้ของ อังกฤษ

 

แพ้ ฮังการี 0-1
เสมอ เยอรมนี 1-1
เสมอ อิตาลี 0-0
แพ้ ฮังการี 0-4
แพ้ อิตาลี 0-1

 

หนึ่งคือ ดันมาเจอ ฮังการี ชุดคึกเป็นม้า ชุดกัญชาเสรี แข็งที่สุดและดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
สองคือ โชคดวงอาจไม่เป็นใจในบางเกม
และสามคือ ก็ห่วยเองนั่นแหละจะโทษใคร!

 

ผลคือ 5 นัดผ่านไปใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 สิงโตคำรามกลายร่างเป็นแมวเหมียว ชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ลูกเดียวถ้วน–แถมเป็นจุดโทษ ไม่มีประตูจากโอเพ่นเพลย์ พร้อมการันตีการจบ “บ๊วยของกลุ่ม” โดยไม่ต้องสนใจเกมปิดท้ายกับ เยอรมนี ที่เวมบลีย์ ในวันที่ 26 ก.ย. แต่อย่างใด (เยอรมนีมี 6 แต้ม ส่วน ฮังการี – อิตาลี ชิงแชมป์กลุ่มกัน)

 

และการรั้งบ๊วยนั่น หมายถึงว่าพวกเขาต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีก B ร่วมกับพวก จอร์เจีย, กรีซ, คาซัคสถาน, มอนเตเนโกร หรืออีกหลายทีมเกรดรองของทวีป ใน UNL หนถัดไป 2024/25 (เพื่อชิงสิทธิ์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีก A อีกครั้งให้ได้)

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะมาถึงในอีกไม่เต็ม 2 เดือน เท่ากับ อังกฤษ จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ด้วยฟอร์มภาพรวมอันน่าผิดหวัง และบรรยากาศทะมึนทึมภายในทีม

 

“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต” แดนนี่ เมอร์ฟี่ ในฐานะคอมเมนเตเตอร์, อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ (2001-2003) 9 นัด และอดีตขวัญใจเด็กหงส์ ลิเวอร์พูล เกริ่นกับ เดลี่ เมล “การเล่นที่ไร้ความดุดันและขาดความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย และก่อให้เกิดความกังวลอย่างแท้จริง”

 

“คำถามก็คือ แล้วเขาควรทำอย่างไร? ควรยึดติดกับสิ่งที่มี — ที่ไม่นานนี้เขาพา อังกฤษ ไปถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกและเข้าชิงชนะเลิศยูโร หรือเขาควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง?”

 

“ในสายตาของผม เขาควรรีบลงมือเปลี่ยนก่อนที่จะสาย กล้าเสี่ยงกว่าที่เคยเป็น และนี่คือแผนการ 4 ลำดับขั้นของผม ในการจะช่วยเซฟอังกฤษของเซาธ์เกต”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"1. หันหลังให้ความเพลย์เซฟ
สำคัญคือ เนชั่นส์ ลีก ที่สิงโตคำรามกลายร่างเป็นน้อนแมว ลงสนาม 5 นัดชนะใครใม่เป็น ในขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ กำลังจะมาถึงในอีกไม่ครบ 2 เดือนเต็ม

 

สำหรับในรอบแรกที่กาตาร์ อังกฤษ จะอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ ซึ่ง เมอร์ฟี่ มองว่า “เราโชคดีมากพอที่ได้อยู่ในกลุ่มที่กาตาร์ซึ่งเราสามารถครองแชมป์กลุ่มได้แม้ว่าเราอาจจะเล่นได้ไม่ดีนักก็ตาม แต่หลังจากนั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นในรอบน็อคเอาท์?”

 

“เราจะทำได้แค่หวังว่า มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นซ้ำรอยทัวร์นาเมนต์เก่าๆ หรือเราจะฉกฉวยโอกาสจากรอบแบ่งกลุ่ม เปิดใช้พรสวรรค์ที่เรามีในแนวรุก สร้างความมั่นใจและโมเมนตัมจากตรงนั้น?”

 

“สมมุติว่าเราต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการเจอกับทีมแข็งๆ สักราย และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ถึงตรงนั้น เซาธ์เกต จะเจอปัญหากับหน้าที่การงานของเขาแน่ แต่ขณะเดียวกัน แฟนๆ จะยอมรับเรื่องราวที่โชคร้ายหากพวกเขารู้สึกว่าเราแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ถ้าเราทุ่มเทพยายามกันแล้วและเล่นได้น่าดูชม”

 

“ผมเป็นแฟนตัวยงของสิ่งที่แกเร็ธทำ เขาประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผมคาดไว้ แต่คุณไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้ ทุกอย่างต้องมีวิวัฒนาการ ถึงเวลาแล้วที่จะเสี่ยง ที่จะบิดให้เกิดความแตกต่าง การอยู่เฉยในตอนนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"2. โยนแผน 3 เซนเตอร์แบ็กทิ้งไปซะ
จะบอกว่า “ติดมาจากยูโร” ก็คงไม่ใช่ เพราะที่จริง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก 3-4-3 ในยูโร 2020 แค่ไม่กี่นัด เช่นเกมชนะ เยอรมนี 2-0 หรือนัดชิงชนะเลิศกับ อิตาลี เป็นต้น

 

แต่เมื่อมาถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มีอย่างน้อย 2-3 เกมที่ เซาธ์เกต เลือกใช้ 3 เซนเตอร์แบ็กลงสนาม อย่างเกมล่าสุดที่แพ้ อิตาลี 0-1 ก็ใช่ — ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก ไดเออร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขนาบข้างด้วยวิงแบ็ก รีซ เจมส์ – บูกาโย่ ซาก้า

 

จุดนี้คือสิ่งที่ เมอร์ฟี่ มองว่าต้อง “โละทิ้ง” สถานเดียว “ทุกคนต่างรู้ว่า อังกฤษ ไม่ได้ประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์นานกว่าเจ็ดชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เป็นเพราะเราถูกคาดเดารูปแบบการโจมตีได้ง่ายเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนระบบการเล่นจะช่วยได้”

 

“แกเร็ธ ต้องกลับไปเล่นด้วยแนวรับ 4 คน มีไม่กี่ทีมที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก มันเป็นการเล่นที่ระมัดระวังเกินไป การใช้หลังบ้าน 4 คนจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวมากขึ้น มันจะทำให้มีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้นด้วย รวมทั้งเหมาะกับการเล่นของ จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ เมสัน เมาท์ เช่นเดียวกัน”

 

“ระบบ 4 กองหลังจะทำให้มีตัวมากขึ้นในเกมรุก และยังเป็นสิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่คุ้นเคย นักเตะจากแมนฯ ซิตี้ เล่นในระบบนี้ ลิเวอร์พูลก็เช่นกัน สโมสรชั้นนำส่วนใหญ่ใช้ระบบนี้ทั้งนั้น”

 

“ไคล์ วอล์คเกอร์ ไม่ได้เล่นด้วยระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กกับ ซิตี้ ในทุกสัปดาห์ ไม่ต่างกันกัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ยูไนเต็ด ส่วนทาง เบลลิงแฮม เล่นแบบ 3 กองกลางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บูกาโย่ ซาก้า ก็ไม่ได้เป็นวิงแบ็กกับ อาร์เซน่อล อีกแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ แกเร็ธ กำลังทำ เหมือนเขากำลังขุดหลุมฝังกลบตัวเอง”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"3. กลับมาใช้งานแบ็กโฟร์
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว อดีตเจ้าพ่อฟรีคิกแห่งแอนฟิลด์ ย้ำว่า 4-4-2 ปกติ หรือไม่ก็ 4-3-3 หรืออะไรก็ได้–ให้เป็นแผงแบ็กโฟร์ คือหมากการเล่นที่เหมาะสมสุดแล้วของ อังกฤษ อย่าไปคิดอะไรซับซ้อนให้ปวดหัว

 

“หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ เซาธ์เกต คือเขาดูไม่แน่ใจว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากฟูลแบ็กของเขาออกมาได้อย่างไร เมื่อเขาดูเหมือนว่าจะมีตัวเลือกมากเกินไป”

 

“รีซ เจมส์ เป็นเพียงคนเดียวที่เล่นทางด้านขวาในระบบวิงแบ็กเป็นประจำ ส่วนที่เหลือค่อนข้างคุ้นเคยกับแบ็กโฟร์มากกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คีแรน ทริปเปียร์ ต่างเสนอในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

 

“ผมรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เห็น เบน ชิลเวลล์ ทางซ้าย เขารู้ระบบ 3 กองหลังดี เขาได้ลงสนามพอสมควรในซีซั่นนี้ เขาเปลี่ยนเกมให้เชลซีในนัดที่เจอกับเวสต์แฮม ทำประตูหนึ่งลูกและมีส่วนกับอีกหนึ่งประตูด้วย”

 

แต่ที่สำคัญนอกจากการกลับมาใช้แผงแบ็กโฟร์ ก็คือ เซาธ์เกต ต้องตัดสินใจเลือก “ฟูลแบ็กตัวจริง” ของตัวเอง ได้แล้ว — มาช้ายังดีกว่าไม่มา

 

“ถึงเวลาแล้วที่ แกเร็ธ จะต้องเลือกฟูลแบ็ก และมอบความไว้วางใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ สำหรับทีมที่เริ่มจะยิงประตูได้ยากขึ้นอย่างพวกเขา ยิ่งมีตัวสร้างสรรค์เกมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”

 

“ถ้าเขาเลือกจะปรับเป็นแผงแบ็กโฟร์ เซนเตอร์แบ็กของเขาจะสบายใจขึ้นกับการยืนตำแหน่ง แม็กไกวร์ อาจดูแข็งแกร่งในเกมกับอิตาลี แต่เขาไม่อาจหลีกหนีปัญหากับ ยูไนเต็ด ไปได้ และผมอยากเห็น ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้โอกาสลงสนามกับทีมของ เซาธ์เกต มากกว่านี้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"4. เชื่อใน เจมส์ แมดดิสัน
ปิดท้าย แดนนี่ เมอร์ฟี่ ชี้ไปที่จุดน่าสนใจอย่างการขาด “ตัวสร้างสรรค์เกม” ของทัพ ทรี ไลออนส์

 

เพราะแม้จะมีตัวดีๆ อย่าง เมสัน เมาท์, เจมส์ วอร์ด-เพราส์ หรือ ฟิล โฟเด้น ไปจนถึงตัวที่ไม่ถูกเลือกมาในทีมชุดเดือนนี้อย่าง แจ็ค กรีลิช, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เจสซี่ ลินการ์ด แต่ผลงานของ อังกฤษ ก็เป็นอย่างที่เห็นกัน พวกเขาไม่อาจปฏิเสธความดีความชอบ (หรอ?!?) ของการที่ยิงใครไม่ได้เลยในรูปแบบโอเพ่นเพลย์ ของ เนชั่นส์ ลีก งวดนี้

 

เมอร์ฟี่ มองว่า คนที่จะตอบโจทย์นี้ได้ คือคนที่ เซาธ์เกต มองข้ามไปตลอดช่วงหลัง — เจมส์ แมดดิสัน

 

“จากเดิมที่สามารถใส่ชื่อได้ 23 คน ฟุตบอลโลกครั้งนี้ แกเร็ธ สามารถยกขบวนนำทีม 26 คนไปกาตาร์ได้ และมันควรจะต้องมีพื้นที่สำหรับ เจมส์ แมดดิสัน”

 

“แม้ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ จะดูมีปัญหาในทีม แต่ก็ยังไม่มีกองกลางชาวอังกฤษคนใดที่สามารถทำประตูและแอสซิสต์ได้มากไปกว่า แมดดิสัน เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการเปิดแนวรับคู่แข่ง แม้ว่าเขาอาจไม่ได้เริ่มด้วยการเป็นตัวจริง แต่คุณก็รู้ว่าเขาจะลงมาและทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ เขาดีในระดับนั้น”

 

“การเล่นที่ไม่ต้องกังวลกับการทำผิดพลาด คือกุญแจสำคัญในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ผู้เล่นจำนวนมากเมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากการเล่นในระดับสโมสรไปสู่ระดับชาติ จะกังวลเรื่องการสูญเสียบอลเพราะจังหวะจ่ายบอลเสี่ยงๆ แต่ แมดดิสัน ไม่เป็นแบบนั้น”

 

สำหรับ แมดดิสัน วัย 25 สร้างผลงานสุดเจ๋งในซีซั่นที่แล้ว ด้วยการตะบันไปถึง 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีม (เจมี่ วาร์ดี้ 17, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ 11, แพ็ทสัน ดาก้า 11) ส่วนซีซั่นนี้ ท่ามกลางฟอร์มบู่ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ยังยิงได้ถึง 3 ลูกจาก 6 เกมพรีเมียร์ลีก

 

แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา เจ้าของเบอร์ 10 เลสเตอร์ ได้โอกาสลงสนามรับใช้ชาติไปเพียง 1 เกมถ้วนเท่านั้น ด้วยการลงเป็นสำรองครึ่งหลังนัดพบ มอนเตเนโกร ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่อยู่ในทีมชุดล่าสุดนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่ได้เล่นให้อังกฤษก่อนฟุตบอลโลก แกเร็ธ ควรยกเว้นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ แมดดิสัน”

 

“และก็ไม่สำคัญว่าเขาเคยมีความผิดทางวินงวินัยมาก่อนหรือไม่ หลายคนในทีมชุดนี้ก็เคยได้รับโอกาสครั้งที่สอง ไม่ว่าจะ แจ๊ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น หรือแม้แต่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เองก็เคยถูกตัดชื่อภายหลังมีเรื่องมีราวกับ โจ โกเมซ ส่วน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็มีประเด็นที่กรีซเหมือนกัน”

 

“ฟุตบอลต้องนำหน้าเรื่องอื่นแล้ว และเราจะยิ่งเห็นว่า อังกฤษ ต้องการ แมดดิสัน มากๆ หากว่าพวกเขายังคงล้มเหลวอยู่อีกในเกมกับ เยอรมนี”

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“อังกฤษยังเป็นแชมป์โลกได้!”
แต่ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายเริ่มจะกาชื่อ อังกฤษ ทิ้งจากสารบบแชมป์โลกที่กาตาร์ ทางฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลี ที่เป็นผู้สยบสิงโตโดยตรงใน เนชั่นส์ ลีก กลับมองต่างไปจากคนอื่นๆ เมื่อเชื่อว่า เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ยังคงมีโอกาสดีในการจะเพิ่มจำนวนโทรฟี่ขึ้นในช่วงปลายปีนี้

 

มันโช่ เอ่ยหลังเกมที่ ซาน ซิโร่ ว่า การเปลี่ยนแท็กติกของตนจาก 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสุดของชัยชนะ “ระบบเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเรื่องแคแรกเตอร์ ความมุ่งมั่นในการเล่นเกมบุกและควบคุมเกม เรายังขาดประสบการณ์กันอยู่บ้าง นักเตะบางคนของเขาอายุน้อยมาก แต่เราก็เล่นกันได้ดีในวันนี้”

 

“ชัยชนะเกมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อมันช่วยให้เรามีความสงบนิ่งที่จะมุ่งสู่การเป็นแชมป์กลุ่ม เราเอาชนะ อังกฤษ ได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก”

 

“ในสายตาของผม อังกฤษ คือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้พวกเขาจะแพ้เกมนี้ก็ตาม พวกเขาก็ยังมีโอกาสดีในการคว้าแชมป์โลก”

 

 

 

 

อ้างอิง
DAILY MAIL
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Teamtalk
Sky Sports
Futbol on FanNation