เต็ง ‘แชมป์โลก’ และความน่าจะเป็น

ความเชื่อหนึ่งที่ยังคงเดิมในเวทีฟุตบอลโลก นั่นคือ แชมป์โลก ถูกสงวนไว้สำหรับ “ชาติมหาอำนาจ” เพียงเท่านั้น

ซึ่งจะบอกว่าไม่ใช่แบบนั้น ก็พูดไม่ได้เสียด้วย

เพราะตลอดหน้าประวัติศาสตร์บอลโลก 92 ปี ชาติที่ขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกได้สำเร็จ ถูกจำกัดอยู่เพียง “8 ประเทศ” เท่านั้นเอง

1.  บราซิล ทีมเบอร์หนึ่งตลอดกาล ฟาดไปมากที่สุด 5 สมัย จากการเข้าชิงมากถึง 7 ครั้ง
2.  เยอรมนี ตามมาติดๆ ที่ 4 สมัย
3. เช่นเดียวกับ อิตาลี แชมป์โลก 4 สมัย…ที่คราวนี้ไม่ได้มารายงานตัว
4. อาร์เจนติน่า ครองแชมป์ 2 สมัยในยุคเรืองรองของตัวเอง
5. ฝรั่งเศส แชมป์โลกรายล่าสุด จัดไป 2 สมัยเช่นกัน
6. อุรุกวัย ได้ 2 สมัย ในยุคโบราณที่ฟุตบอลโลกยังไม่ป๊อป
7. สเปน แชมป์ 1 สมัย ได้เมื่อทศวรรษก่อน
8. อังกฤษ แชมป์ 1 สมัย ปี 1966 หนแรกและหนเดียวจนถึงตอนนี้

8 ชาติเหล่านี้ ผลัดกันชมเชยโทรฟี่แชมป์ทั้งในยุคที่ยังเป็น “จูลส์ ริเม่ต์ โทรฟี่” (1930-1970) มาจนถึง “ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ” (1974 ถึงปัจจุบัน) ในขณะที่มีอีก 5 ประเทศ กรุยทางจนเข้ามาถึงโทรฟี่ในระดับ “แค่เอื้อม” แต่ไปไม่ถึงด้วยความพ่ายแพ้นัดชิงชนะเลิศในท้ายที่สุด – เนเธอร์แลนด์ (เข้าชิง 3 รอบ), เชโกสโลวาเกีย (2), ฮังการี (2), สวีเดน (1) และ โครเอเชีย (1)

นอกนั้น อีกนับสิบนับร้อยชาติ (โดยยังไม่ต้องว่าถึงบางชาติที่ “ไม่เคยเข้ารอบสุดท้าย” มาก่อน) ได้แค่ชะเง้อชะแง้คอมอง สนุกกับการเข้าร่วมรอบสุดท้ายแล้วหลุดออกไป โดยไม่อาจตั้งความหวังคว้าโทรฟี่ได้จริงๆ จังๆ

กรณีนี้ เป็นที่วิเคราะห์กันในวงกว้างว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นก็ไม่ใช่อะไรที่ลึกลับซับซ้อน เช่นว่า

1) ความแข็งแกร่งในเชิงฟุตบอล

­
บราซิล ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องนี้ นี่คือชาติที่ส่งออกนักเตะระดับคุณภาพไปทั่วโลก แต่ไหนแต่ไรมาในยุค ซิโก้, เปเล่, โซคราเตส มาจนยุค 90 กับพวก โรนัลโด้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, มาร์กอส คาฟู, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่ ฯลฯ ซึ่งเมื่อแข้งที่เอกอุมากล้นด้วยความสามารถเหล่านี้มารวมตัวกัน ก็กลายเป็นสุดยอดทีมที่หาใครต้านทานได้ยาก และผลลัพธ์ก็คือแชมป์โลก 5 สมัย โดยที่เพิ่งเว้นช่วงเอาใน 20 ปีหลัง ตามสภาพขุมกำลังในแต่ละทัวร์นาเมนต์นั่นเอง

ไม่ต่างกัน เยอรมนี, อิตาลี หรือแชมป์โลกรายล่าสุดอย่าง ฝรั่งเศส ก็เข้าข่ายนี้ ว่าความแข็งโป๊กเปี่ยมคุณภาพในเชิงฟุตบอลของชาติตัวเอง เป็นปัจจัยสำคัญที่พาพวกเขาไปถึงเส้นชัย

ที่อยู่ในข้อยกเว้นอาจมีเพียง อุรุกวัย ที่ก็พอเข้าใจได้ว่าแชมป์ 2 สมัยของพวกเขา เกิดขึ้นในปี 1930 และ 1950 ที่เป็นในยุคแรกเริ่มของฟุตบอลโลก และหลายๆ ชาติยังไม่ได้สนใจหรือใส่ใจที่จะเข้าร่วม

2) ความแข็งแกร่งในลีกฟุุตบอล

­
ก็ครบถ้วนกับ 5 ลีกใหญ่ยุโรป – อังกฤษ, สเปน, อิตาลี, เยอรมนี, ฝรั่งเศส ที่ประสบความสำเร็จไปถึงแชมป์โลกอย่างน้อยชาติละ 1 สมัย แบบที่ก็เป็นข้อถกเถียงเสมอมาว่า อังกฤษ ชาติที่มี “พรีเมียร์ลีก” เป็นตัวชูโรง น่าได้แชมป์มากกว่าครั้งเดียว กระนั้น ก็มีเหตุผลต่างๆ นาๆ สำหรับการตกรอบเร็วตกรอบช้าของพวกเขาในแต่ละครั้ง เรื่องนี้ จะให้ว่ากันจริงๆ ก็เป็น “หนังม้วนยาว”

สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่รออยู่ ตัวเก็งเต็งแชมป์ก็ไม่พ้นเป็นหน้าเดิมๆ เป็นบรรดา “แชมป์เก่า” ในตลอดตัวเต็ง 5-6 เบอร์แรก

อัตราล่าสุดจากร้านพูลชั้นนำของอังกฤษอย่าง Sky Bet วางให้ บราซิล นำมาเป็นเต็ง 1 ในเรต 9/2 ด้วยเชื่อว่าขุมกำลังชุดนี้ของ ตีเต้ มีดีพอจะไปถึงเส้นชัยสมัย 6 โดยเฉพาะฟอร์มในช่วงคัดเลือกที่ “มาดี” เกินหน้าเกินตา เตะ 17 ชนะไปถึง 14 เกม แถมนอกจากไม่แพ้ใคร ยังเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้นตลอดเส้นทาง

บราซิล ยืนนำเป็นตัวเก็ง จากนั้นตามด้วย ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน, อาร์เจนติน่า และ เยอรมนี

ถอยลงมาอีกถึงเป็นกลุ่มที่ “ไม่เคย” ไปถึงแชมป์โลก ไม่ว่าจะ เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, เบลเยียม หรือ เดนมาร์ก

อย่างไรก็ตาม ที่น่าตั้งข้อสังเกตคืออัตราตัวเต็งเหล่านี้ กลับ “ไม่สอดคล้อง” กับการประมวลผลของปัญญาประดิษฐ์ AI ที่ TheAnalyst.com จัดทำขึ้น

TheAnalyst วิเคราะห์ออกมาได้ผลว่า ฝรั่งเศส มีโอกาสป้องกันแชมป์โลกไว้ได้สูงที่สุด ด้วยค่าเฉลี่ย 17.93%

ถัดจากนั้นถึงเป็น บราซิล 15.73% และ สเปน 11.53% นอกนั้นต่ำกว่า 10% ทั้งหมด (และนับสิบชาติที่ 0% กว่าๆ)

พอเข้าใจได้เช่นกันที่ AI ตีค่าได้แบบนี้ เมื่อดูถึงความแข็งแกร่งเชิงลึกในทัพตราไก่ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่มีนักเตะติดเกรดให้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันใช้ไม่ต่ำกว่า 2-3 คนในแต่ละตำแหน่ง โดยเฉพาะกองหน้าที่ “คนนั้นก็ดีคนนี้ก็แจ่ม” ทั้ง คาริม เบนเซม่า, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, คิงสลี่ย์ โกม็อง หรือ อองโตนี่ มาร์กซิยาล …ในวันที่ฟื้นฟอร์มกลับมาแล้ว (จะมีไหม???)

ฉะนั้น แชมป์โลก 2022 ให้พูด ณ ตอนนี้แบบไม่เอียงข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด อย่างไรเสีย การจะออกหน้า “แชมป์หน้าเก่า” ก็ดูจะง่ายกว่าการมีแชมป์รายใหม่ๆ เกิดขึ้น

เพียงแต่ก็ห้ามลืมว่า “ความพลิกผัน” เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลเสมอมา

ใครจะรู้ คีย์แมนของบรรดาชาติยักษ์ใหญ่ตัวเต็งบางราย อาจเจ็บหนักจนอดเข้าร่วมเล่น, ซุปตาร์บางรายอาจโดนใบแดงจนติดโทษแบนในรอบสำคัญ หรือไม่ ความผิดเพี้ยนแผ่นเสียงตกร่องอย่างที่เคยเกิดเมื่อครั้ง เยอรมนี ถล่ม บราซิล 7-1 (2014) ก็อาจเกิดขึ้นซ้ำได้อีก

ฉะนั้น การจับตาดูจนถึงเวลาแข่งขันจริงมาถึง แล้วลุ้นกับไปทีละแมตช์ทีละรอบ ก็อาจเป็นทางที่ง่ายที่สุด

แล้วจะเห็นเองว่า แชมป์โลก 2022 ถูกสงวนไว้สำหรับ “ชาติมหาอำนาจ” 8 รายเดิมนั่นอีกหรือไม่อย่างไร

หมายเหตุ
* อัตราแชมป์จาก Skt Bet
** เปอร์เซ็นต์แชมป์จาก TheAnalyst.com

อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_FIFA_World_Cup_finals
https://en.wikipedia.org/wiki/Brazil_national_football_team

ที่มารูปภาพ
sportsworldghana