8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โครเอเชีย vs บราซิล
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 4 นัด
อุ่นเครื่อง 2005 เสมอ 1-1
ฟุตบอลโลก 2006 บราซิล ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1

บราซิล
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซอร์เบีย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ แคเมอรูน 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ เกาหลีใต้ 4-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที

 

มาถึงเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช จากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ กับ บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย เพียงแต่ทั้งสองก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็อาจไม่เปลี่ยนจากรอบก่อน แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานชนะติดต่อกัน 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

ส่วนเมื่อถึงรอบ 16 ทีม บราซิล ก็กลับไปร้อนแรงอีกครั้ง กราดยิง เกาหลีใต้ 4-1 ชนิดกด 4 เม็ดรวดในครึ่งแรกครึ่งเดียว และครึ่งหลังเล่นประคองสกอร์แบบเซฟๆ เลี่ยงปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม

 

ก่อนหน้านี้ ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน ทั้ง เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากฟุตบอลโลก 2022 

 

แต่สำหรับ เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ ฟิตฟื้นคืนตัวจริงไปเล่นในเกมก่อน นัดนี้จะลงเล่นได้ต่อเนื่อง คงเหลือเพียง อเล็กซ์ ซานโดร ที่ต้องพัก ถ้าไม่นับ กาเบรียล เชซุส กับ อเล็กซ์ เตลเลส ที่หมดสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

 

ตีเต้ คงไม่เปลี่ยนทีมที่เล่นดีอยู่แล้ว ในระบบ 4-2-3-1 นำขบวนโดย เนย์มาร์ เสริมด้วยตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่โหดดุครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
เจ้าของนิคเนม “R9” คนใหม่ ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม จากนั้นก็กดอีกเม็ดใส่ เกาหลีใต้ เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 41 นัดซัด 20 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, มาร์โก ลิวาย่า
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – ดานิโล่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, เอแดร์ มิลิเตา, – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 เนย์มาร์ กับ ฟีร์มิโน่ ซัดคนละเม็ด
• ยังเคยเจอกันในฟุตบอลโลกมา 2 ครั้ง ปี 2006 และ 2014 แซมบ้าก็ชนะ 2 นัดรวด 1-0 และ 3-1 ตามลำดับ โดยเกมหลัง เนย์มาร์ ซัด 2 ตุง
• เท่ากับ เนย์มาร์ ยิงประตูโครเอเชียมาแล้ว 3 ลูก
• บราซิล เป็นเพียงหนึ่งใน 2 ทีมที่ โครเอเชีย ไม่เคยเอาชนะได้ (ในการเจอกันมากกว่า 3 นัด) โดยนอกจากทีมแซมบ้าก็มี โปรตุเกส อีกราย (เตะ 7 เสมอ 1 แพ้ 6)
• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 10 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 4
• ลูก้า โมดริช จะลงรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 160 ส่วน อีวาน เปริซิช 120, มาเตโอ โควาซิช 89, เดยัน ลอฟเรน 77 ส่วน โดมินิค ลิวาโควิช จะเป็นเกมที่ 39 เท่านั้น
• เนย์มาร์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 124, ริชาร์ลิซอน 42, กาเซมิโร่ 69, ติอาโก้ ซิบวา 113, อลิสซอน เบ็คเกอร์ 61 ส่วนถ้า ดานี่ อัลเวส ได้เล่น จะเป็นเกมที่ 127 ทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียไปประตูเดียวจากการเล่น 3 นัดในฟุตบอลโลก 2022 และทุกนัดที่ลง บราซิลชนะรวด (เกมแพ้ แคเมอรูน 0-1 เป็น เอแดร์ซอน โมราเอส)

 

ความน่าจะเป็น
ด้วยความเหนียวแน่นในเกมรับและความเก๋าของแดนกลาง ทำให้ยังพอมีมุมที่ โครเอเชีย จะยันอยู่จนผ่าน 90 นาที แต่เมื่อดูจากความแข็งแกร่งและแพรวพราวของ บราซิล ที่มีทั้งในกลุ่มตัวจริงและตัวสำรองแล้ว ก็ให้น่าเป็นห่วงแทน โครเอเชีย ว่าจะเอาไม่อยู่เมื่อเกมงวดลง หรือหากว่าเม็ดแรกมาเร็ว ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่าจะไหลเหมือนที่ เกาหลีใต้ โดนมา

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

 

จากที่จบใน 90 นาที แถมยิงกันขาดถึง 3 จาก 4 คู่แรก พอมาถึง 4 คู่หลังของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 กลับออกทรงคาดเดาลำบากเหลือใจ ต้องวัดกันถึงดวลจุดโทษ 2 แมตช์ด้วยกัน และนี่คือบทบันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังและสิ่งสืบเอง สำหรับแมตช์ที่เหลืออยู่ของรอบ 2 เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์…

 

 

สุดทางปาฏิหาริย์! ซามูไรพ่ายดวลเป้าหมากรุก

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

หากยังพอจำกันได้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทัพซามูไรสีน้ำเงิน ประกาศไว้แต่แรกว่าเป้าหมายของเขาคือการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และนั่นเป็นสิ่งที่ใครก็ปรามาส ไม่คิดว่าจะทำได้–แม้แต่การผ่านรอบแรก แต่เมื่อเกมจริงมาถึง ญี่ปุ่น ก็พลิกสยบ เยอรมนี 2-1 ตั้งแต่แมตช์แรก ต่อมาแม้จะเจอความพลิกล็อกเล่นงานเองบ้างด้วยการแพ้ คอสตาริกา 0-1 แต่ก็ยังมาพลิกยิงแซงชนะ สเปน ในเกมที่บังคับต้องชนะอีก 2-1 จนผงาดคว้าแชมป์กลุ่มอีอย่างหล่อ

 

เพียงแต่คู่แข่งของ ญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่ทีมที่ใครจะสามารถมองข้ามได้ เมื่อนี่คือหนึ่งในทีมแข็งของยุโรป ดีกรีรองแชมป์โลกหนก่อนอย่าง โครเอเชีย ที่โชว์ความหลังเหนียวด้วยการไม่เสียประตูทั้งเกมกับ โมร็อกโก และ เบลเยียม โดยเฉพาะนัดหลังที่เป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบหรือตกรอบ ก็ไม่พลาดท่าเสียที แม้ภาพรวมอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนครั้งก่อนที่รัสเซีย แต่ยังเข้ารอบมาได้ตามเป้า

 

เกมที่ อัล จานู้บ สเตเดี้ยม โมริยาสุ มีการปรับไลน์อัพเล็กน้อย ริสึ โดอัน ถูกส่งลงตัวจริงบ้าง ประสานเกมรุกร่วมกับ ไดจิ คามาดะ และหน้าเป้า ไดเซน มาเอดะ ส่วนทัพตาหมากรุกของ ซลัตโก้ ดาลิช ก็ปรับเล็กๆ เหมือนกัน แต่ยังนำมาโดย 3 แดนกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช – มาเตโอ โควาซิช เช่นเดิม

 

ญี่ปุ่น ยังคงรักษามาตรฐานในการทำได้ดี เล่นได้เยี่ยม พังประตูนำก่อน 1-0 จากจังหวะตวัดยิงหน้ากรอบ 6 หลาของ ไดเซน มาเอดะ น.43 ทว่าต้นครึ่งหลัง น.55 ก็โดนตีเสมอ 1-1 จากลูกโขกเน้นๆ ของ อีวาน เปริซิช แล้วหลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทั้งใน 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ จนครบ 120 นาที ลงเอยที่ 1-1 เท่ากับเป็นคู่แรกที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

 

ญี่ปุ่น เสี่ยงทายได้เป็นฝ่ายยิงก่อน แต่….
ทาคุมิ มินามิโนะ ยิงติดเซฟ โดมินิค ลิวาโควิช 0-0
นิโกล่า วลาซิช ยิงเข้าไม่พลาด 0-1
คาโอรุ มิโตมะ ซัดเต็มข้อ ยังกดติดเซฟ ลิวาโควิช 0-1
มาร์เซโล่ โบรโซวิช ยิงเข้ากลางประตูเข้าอย่างมั่นใจ 0-2
ทาคุมะ อาซาโนะ ยิงเบี่ยงขวาเข้าไป ไล่ตีตื้นมาที่ 1-2
มาร์โก ลิวาย่า กดไปชนเสาเต็มใบ 1-2
ทว่ากัปตันทีม มายะ โยชิดะ ก็ยังซัดไม่ผ่านมือ ลิวาโควิช 1-2
จึงปิดท้ายที่ มาริโอ ปาซาลิช ยิงจมตาข่าย เช็คบิล 1-3

 

โครเอเชีย ชนะดวลเป้า 3-1 ได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป ส่วน ญี่ปุ่น ตกรอบ สิ้นสุดการผจญภัยอันเต็มไปด้วยความทรงจำแสนสวย แต่เพียงเท่านี้

 

(และประโยคของ เอโกะ จินปาจิ แห่ง Blue Lock ก็ดังขึ้น – “พอใจกันมากใช่มั้ย…ทีมที่ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เนี่ย หึหึหึ”)

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ญี่ปุ่น (3-4-3) ชูอิจิ กอนดะ – ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, มายะ โยชิดะ (c), โชโง ทานิงุจิ – จุนยะ อิโตะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ (อาโอะ ทานากะ 105), วาตารุ เอ็นโดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ (คาโอรุ มิโตมะ 64) – ไดจิ คามาดะ (ฮิโรกิ ซากาอิ 75), ไดเซน มาเอดะ (ทาคุมะ อาซาโนะ 64), ริสึ โดอัน (ทาคุมิ มินามิโนะ 87)
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์น่า บาริซิช – ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 99), มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาเตโอ โควาซิช (นิโกล่า วลาซิช 99) – อันเดรจ์ ครามาริช (มาริโอ ปาซาลิช 68), บรูโน่ เพ็ตโควิช (อันเต้ บูดิเมียร์ 62, มาร์โก ลิวาย่า 106), อีวาน เปริซิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 105)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• พบกัน 3 ครั้งในบอลโลกรอบสุดท้าย ญี่ปุ่น เอาชนะ โครเอเชีย ไม่ได้ทั้งหมด – แพ้ 0-1 ฟร้องซ์ 98, เสมอ 0-0 เยอรมนี 2006 และเสมอ 1-1 ก่อนแพ้ดวลเป้า ครั้งนี้
• ญี่ปุ่น ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนเช่นเคย และยังไม่เคยไปได้ไกลกว่านี้
1998 รอบแรก
2002 รอบ 16 ทีม (แพ้ ตุรกี 0-1)
2006 รอบแรก
2010 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ ปารากวัย 3-5)
2014 รอบแรก
2018 รอบ 16 ทีม (แพ้ เบลเยียม 2-3)
2022 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3)
• ทีมที่เป็นฝ่าย “ยิงจุดโทษก่อน” ในรอบน็อกเอาต์บอลโลก แพ้ติดต่อกันมา 7 เกมแล้ว นับตั้งแต่ คอสตาริกา แพ้ เนเธอร์แลนด์ 3-4 ปี 2014 ที่บราซิล4
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟ 3 จุดโทษในการดวลเป้าเป็นคนที่ 3 ถัดจาก ริคาร์โด้ (โปรตุเกส) 2006 และรุ่นพี่ ดานิเยล ซูบาซิช (โครเอเชีย) 2018

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ญี่ปุ่น แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3
• โครเอเชีย เข้ารอบสุดท้ายไปดวลกับ บราซิล ยักษ์อเมริกาใต้ที่พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้มาก่อนเลย จากการพบกัน 4 นัด
• โครเอเชีย ยังอยู่ในเส้นทางความ “สุดโต่ง” ในฟุตบอลโลก เมื่อถ้าไม่ตกรอบแรก ก็เข้ารอบลึกๆ ไปเลย
1998 อันดับ 3 (ชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1)
2002 รอบแรก
2006 รอบแรก
2014 รอบแรก
2018 รองแชมป์ (แพ้ ฝรั่งเศส 2-4)
2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย (เป็นอย่างน้อย)
• โดมินิค ลิวาโควิช นายประตูโลว์โพรไฟล์วัยย่าง 28 จาก ดินาโม ซาเกร็บ ถูกจับตาและคาดหมายว่าจะได้ย้ายสู่ทีมใหญ่ในเร็ววัน หลังขึ้นมาเป็นมือ 1 ในบอลโลกหนแรก และมีผลงานน่าประทับใจ
• อีวาน เปริซิช ยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นลูกที่ 6 สูงสุดเทียบเท่า ดาวอร์ ซูเคอร์
• ฮาจิเมะ โมริยาสุ ยังจะอยู่ทำงานคุมญี่ปุ่นต่อ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าลูกทีมวัยเก๋าจะยังเหลือใครบ้างในชุดถัดไป ซึ่งที่เข้าข่ายต้องจับตามี ยูโตะ นางาโตโมะ (36), เออิจิ คาวาชิมะ (39), มายะ โยชิดะ (34), ชูอิจิ กอนดะ (33) และ ฮิโรกิ ซากาอิ (32)

 

 

 

แซมบ้าฆ่าโสมแดดิ้น 4-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

แม้จะพลาดพลั้งส่งทีมสำรองลงไปแพ้ แคเมอรูน 0-1 ในเกมปิดกลุ่ม แต่ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรกับ บราซิล ที่เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองก็ฮึดเชือด สวิสส์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จนการันตีการเข้ารอบ (และแชมป์กลุ่ม) ไว้อยู่ก่อนแล้ว

 

ทางด้าน เกาหลีใต้ สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้าน ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่าเมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว (0-0 อุรุกวัย, 2-3 กาน่า) จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงได้ไม่พอในเกมของตัวเอง

 

เกมที่ สเตเดี้ยม 974 บราซิล ของ ตีเต้ ได้ เนย์มาร์ หายเจ็บข้อเท้ากลับมาเดินเกมรุกเคียงข้าง ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ เช่นเดียวกับ ดานิโล่ ที่ฟิตลงยืนแบ็กซ้าย (ส่วนแบ็กขวาเป็น เอแดร์ มิลิเตา) เพื่อชิงตั๋วเข้ารอบกับทางด้าน เกาหลีใต้ ที่นำมาโดย ซน ฮึง-มิน, ฮวาง ฮี-ชาน และ คิม มิน-แจ เหมือนเช่นเคย

 

ปรากฏว่า “ลา เซเลเซา” ใช้วิธีจู่โจมเร็วจน “โสมขาว” ตั้งตัวไม่ติด ครึ่งชั่วโมงแรกรัวแล้วสามเม็ด เริ่มจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ได้ลูกที่เสาไกลแล้วยิงยัดสวนทางเข้าไป น.7, จุดโทษที่ ริชาร์ลิซอน ไปโดน จอง อู-ยอง เตะใส่จนล้มลง และ เนย์มาร์ สังหารนิ่มๆ น.13, ริชาร์ลิซอน กดเน้นๆ ด้วยอีซ้าย น.29 แถม น.36 ยังฉีกกระจาย 4-0 จาก ลูคัส ปาเกต้า ที่ทะลุขึ้นวอลเลย์ผ่านมือ คิม ซึง-กยู ด้วย

 

ครึ่งแรกถ่างกระจายแล้ว 4-0 นับว่าเกมจบตรงนี้ เกาหลีใต้ หมดสิทธิ์คิดจะไปต่อ เท่ากับตาม ญี่ปุ่น ร่วงตกรอบไป สูญพันธุ์ทีมเอเชีย (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย) เกลี้ยงแผงในรอบ 16 ทีม

 

สำหรับเกมครึ่งหลัง บราซิล ยังมีโอกาสได้ประตูหลายครั้ง รวมถึง เกาหลีใต้ เองก็เปิดหน้าแลกจน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องเซฟช่วยบราซิลไว้ 2-3 หนเช่นกัน จนกระทั่งนาที 76 เพค ซุง-โฮ จึงยิงตีไข่แตก 1-4 จังหวะซัดฮาล์ฟวอลเลย์สวนจากหน้าเขตโทษส่งลูกทะยานเข้าประตูอย่างสวยงาม แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น จบเกมที่ บราซิล ชนะขาด 4-1

 

สิ่งเดียวที่ ตีเต้ อาจทำพลาดในเกมนี้ คือการปล่อยให้ เนย์มาร์ เล่นจนถึงนาทีที่ 80 แล้วค่อยถอดออกให้ โรดรีโก้ โกเอส ลงไปแทน ซึ่งซุปตาร์จากเปแอสเชที่เพิ่งยิงได้ลูกเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ต้องรีบประคบข้อเท้าทันทีหลังเข้าไปนั่งที่ข้างสนาม แม้คงไม่น่าห่วงสำหรับรอบถัดไปก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ (เวแวร์ตอน 80) เอแดร์ มิลิเตา (ดานี่ อัลเวส 63), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ (เบรแมร์ 72) – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – ราฟินญ่า, เนย์มาร์ (โรดรีโก้ โกเอส 80), วินิซิอุส จูเนียร์ (กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 72) – ริชาร์ลิซอน
เกาหลีใต้ (4-2-3-1) คิม ซึง-กยู – คิม มุน-ฮวาน, คิม มิน-แจ, คิม ยอง-กวอน, คิม จิน-ซู (ฮง ชอล น.46) – ฮวาง อิน-บอม (เพค ซึง-โฮ 65), จอง อู-ยอง (ซน จุน-โฮ 46) – ฮวาง ฮี-ชาน, อี แจ-ซอง (อี คัง-อิน 74), ซน ฮึง-มิน – โช คยู-ซอง (ฮวาง อุย-โจ 80)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เนย์มาร์
• บราซิล สร้างโอกาสจบได้ถึง 18 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ซึ่งหมายถึง คิม ซึง-กยู เซฟไป 5 รอบ ไม่วายโดน 4 เม็ด
• ส่วนสถิติของฟีฟ่า บอกว่า คิม ซึง-กยู มีส่วนป้องกัน หรือ Goals Prevented 18 ครั้งทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียประตูลูกแรก (เพค ซึง-โฮ) หลังลงเฝ้าเสา 3 เกม
• ริชาร์ลิซอน ยังอยู่ในเส้นทางช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังยิงไป 3 ลูก ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 เม็ด
• บราซิล เป็นทีมแรกที่ใช้งานนักเตะครบถ้วน 26 คน หลังมีการส่ง เวแวร์ตอน นายประตูมือสาม ลงสำรองไปแทน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ช่วงสิบนาทีท้าย

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ บราซิล 4-1 เกาหลีใต้
• บราซิล ลิ่วเข้าชน โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ที่พวกเขาไม่เคยแพ้มาก่อนจากการพบกัน 4 นัดก่อนหน้านี้ (ชนะ 3 เสมอ 1)
• หากเดินหน้าเอาชนะ โครเอเชีย ได้ต่อ บราซิล มีสิทธิ์พบกับคู่รักคู่แค้นร่วมทวีปอย่าง อาร์เจนติน่า ในรอบตัดเชือก (ถ้าฟ้าขาวสามารถผ่าน เนเธอร์แลนด์ ได้)
• เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกส ลาออกจากการคุมทีมเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว หลังทำทีมมา 4 ปีถ้วน มีสถิติคุมทีม 57 ชนะ 35 เสมอ 13 แพ้ 9 เปอร์เซ็นต์ชนะสูงถึง 61.4%
• บราซิล โดนตำหนิจากบางฝ่าย (เช่น รอย คีน) ถึงการทำท่าดีใจออกสเต็ปแดนซ์ยับหลังยิงประตูได้แต่ละลูก บ้างว่าไม่เหมาะสม บ้างว่าไม่เคารพคู่แข่ง แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแนวทางนี้เป็นเด็ดขาด เมื่อเป็นการแสดงความดีใจแบบเพียวๆ ไม่มีการดูหมิ่นคู่แข่งสอดแทรกอยู่แต่อย่างใด
• นับจากที่เข้าไปถึงเป็นอันดับ 4 บอลโลกในบ้านตัวเอง (2002) แล้ว เกาหลีใต้ ก็ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เลย และก่อนหน้านี้ (2010) ก็แพ้ทีมอเมริกาใต้มาเช่นกัน
2006 ตกรอบแรก
2010 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ อุรุกวัย 1-2)
2014 ตกรอบแรก
2018 ตกรอบแรก
2022 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ บราซิล 1-4)

 

 

กระทิงเขาหัก! โมร็อกโกเฮดวลเป้าเข้า 8 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

จากที่มองกันว่าอาจจะเป็น เดนมาร์ก, อุรุกวัย, เอกวาดอร์, เซอร์เบีย หรือ ญี่ปุ่น ที่จะเป็น “ม้ามืด” แห่งฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงตรงนี้ ชัดเจนแล้วว่าม้ามืดทีมนั้นก็คือ โมร็อกโก

 

เด็กๆ ของ วาลิด เรกรากี (ที่เพิ่งจะเข้าทำทีมต่อจาก วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อกลางปี) เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ปราบ เบลเยียม 2-0 และฟาดอีกสามแต้มด้วยการสยบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเสียเฉยๆ

 

ด้าน สเปน ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาดีเกินคาดอยู่เหมือนกันในนัดแรกที่ไล่โขยก คอสตาริกา 7-0 จากนั้นก็หวิดชนะ เยอรมนี แต่โดนทวงท้ายเกม 1-1 แต่ปรากฏว่านัดสุดท้าย เล่นแบบเอื่อยๆ จนโดน ญี่ปุ่น แซงเชือด 2-1 ท่ามกลางครหาว่าอันที่จริง พวกเขาตั้งใจแพ้เพื่อขวางไม่ให้ เยอรมนี หลุดเข้าไปเป็นเสี้ยนหนาม แถมตัวเองยังจะเลี่ยงทีมแข็งอย่าง โครเอเชีย หรือ บราซิล ในรอบถัดๆ ไปได้ด้วย

 

หากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายมอง — สเปน เลือกที่จะมาเจอ โมร็อกโก

 

แล้วเป็นไงล่ะเพื่อน…

 

ที่จริง เกมที่ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม หลายฝ่ายมองว่า “กระทิงดุ” เหนือกว่าพอตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจเจาะแนวรับของ โมร็อกโก เข้าได้เลย ทั้งใน 90 นาทีและ 120 นาที จบแบบไร้สกอร์ 0-0 ซึ่งโอกาสที่ใกล้เคียงสุดเป็นในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลา ปาโบล ซาราเบีย เข้าชาร์จลูกย้อนทางสะกิดเสาแรกหลุดออกไป นอกนั้นโอกาสทั้งหมดถ้าไม่หลุดไปเองก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน “โบโน่” บูนู นายประตูโมร็อกโก จากเซบีย่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงการดวลจุดโทษตัดสิน ก็กลายเป็น “โบโน่” ที่กลายเป็นโคตรพระเอก เซฟ 2 จุดโทษของทั้ง คาร์ลอส โซเลร์ และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ถัดจากที่ ปาโบล ซาราเบีย (ซึ่ง เอ็นริเก้ ตั้งใจส่งลงมายิงจุดโทษโดยเฉพาะ) ยิงคนแรกแล้วอัดไปชนเสาดังโครม

 

ส่งผลให้ โมร็อกโก ที่แม่นเป้ากว่า ยิงเข้า 3 จาก 4 คน โดยเฉพาะคนสุดท้าย อัชราฟ ฮาคิมี่ ที่ชิปนิ่มๆ เข้ากลางประตูนั้น เป็นฝ่ายชนะดวลเป้าด้วยสกอร์ประหลาด 3-0 — หมายถึงว่า สเปน ที่ก่อนนี้เผยว่าพวกเขาซ้อมยิงจุดโทษกันมาเป็นพันๆ ครั้ง ยิงไม่เข้าเลยเมื่อเกมจริงมาถึง และ… ตกรอบ…

 

สำหรับ โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก และเป็นทีมแอฟริการายที่ 3 ถัดจาก แคเมอรูน 1990, เซเนกัล 2002 และ กาน่า 2010 ที่มาได้ถึงตรงนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์, นาเยฟ อาแกร์ด (จาวาด เอล ยามิก 84), นูสแซร์ มาซราอุย (ยาเฮีย อัตติยัด-อัลลาห์ 82) – อัซซาดีน อูนาฮี (บาเดอร์ เบนูน 120), โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิรา 82) – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (อับเดลฮามิด ซาบิรี 82), โซฟียาน บูฟาล (อับเด เอซซัลซูลี่ 66)
สเปน (4-3-3) อูไน ซิมอน – มาร์กอส ยอเรนเต้, โรดรี้, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, จอร์ดี้ อัลบา (อเลฆานโดร บัลเด้ 98) – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี (คาร์ลอส โซเลร์ น.63) – เฟร์ราน ตอร์เรส (นิโก้ วิลเลี่ยมส์ 75, ปาโบล ซาราเบีย 118), มาร์โก อเซนซิโอ (อัลบาโร่ โมราต้า 63), ดานี่ โอลโม (อันซู ฟาติ 98)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ที่จริงแล้ว ยาสซีน บูนู เกิดที่แคนาดา แต่ย้ายมาโตที่โมร็อกโก ตอน 3 ขวบ และเคยเป็นเด็กฝึกของ แอตเลติโก มาดริด มาก่อน ก่อนจะย้ายจาก คิโรน่า มาเล่นกับ เซบีย่า ตั้งแต่ 2019 เป็นต้นมา พร้อมคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี Zamora Trophy ลา ลีกา ซีซั่นที่แล้วด้วย
• ตลอดเกม 120 นาที มียิงตรงกรอบกันแค่ 4 ครั้ง (สเปน 3 โมร็อกโก 1) และ สเปน ไม่ได้เตะมุมเลยสักครั้ง
• อัซซาดีน อูนาฮี วิ่งรวมระยะ 14.71 กม.
• ด้วยที่ตั้ง จึงสามารถนิยาม โมร็อกโก ว่าเป็นได้ทั้ง “ชาติอาหรับ” และ “แอฟริกาเหนือ” โดยนอกจากเป็นแอฟริกันรายที่ 4 ที่เข้ารอบ 8 ทีมบอลโลกแล้ว ก็นับเป็นชาติอาหรับรายแรกที่มาถึงตรงนี้
• สเปน ร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ซ้ำรอยเดิมจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
• สเปน ยังแพ้จุดโทษจนตกรอบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 3 หนซ้อน
ฟุตบอลโลก 2018 แพ้จุดโทษ รัสเซีย 3-4
ยูโร 2020 แพ้จุดโทษ อิตาลี 2-4
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้จุดโทษ โมร็อกโก 0-3

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก ชนะจุดโทษ สเปน 3-0
• โมร็อกโก เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปชน โปรตุเกส อีกหนึ่งเพื่อนบ้านต่างทวีป ที่อยู่ห่างกันแค่ข้ามทะเลชั่วโมงเศษ (เที่ยวบิน)
• อย่าว่าแต่เข้ารอบ 8 ทีม ก่อนนี้ โมร็อกโก เคยได้เข้าน็อกเอาต์ 16 ทีมบอลโลกมาแค่หนเดียวถ้วน คือปี 1986 นอกนั้นตกรอบแรก 4 ครั้ง
• วาลิด เรกรากี โค้ชเชื้อสายฝรั่งเศสวัย 47 กลายเป็นฮีโร่ของประเทศไปแล้ว และยังนับเป็นโค้ชแอฟริกันคนแรกที่เข้าถึง 8 ทีมสุดท้ายบอลโลก
• หลุยส์ เอ็นริเก้ ลาออกจากการทำทีม สเปน ในที่สุด หลังอยู่บนเก้าอี้มาตั้งแต่ปี 2018 (มีเว้นช่วงไปพักหนึ่ง) ลงสนาม 47 ชนะ 26 เสมอ 14 แพ้ 7

 

 

แฮตทริกแรกมา! ฝอยทองกระหน่ำสวิสส์ 6-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

นี่คือการพบกันครั้งที่ 26 เข้าไปแล้วของ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรายแรก ชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก ส่วนรายหลัง ชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 และเข้ารอบตามหลัง บราซิล มา

 

ที่จริง การเจอกันระหว่าง โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ 1938 แม้จะยิงกันเยอะในช่วงหลัง แต่ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาเรื่อยๆ

 

คัดบอลโลก 2016 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-0
คัดบอลโลก 2017 โปรตุเกส ชนะ 2-0
เนชั่นส์ลีก 2019 โปรตุเกส ชนะ 3-1
เนชั่นส์ลีก 2022 โปรตุเกส ชนะ 4-0
เนชั่นส์ลีก 2022 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 1-0

 

นั่นแสดงให้เห็นถึงความคู่คี่สูสีที่ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ มี และหลายฝ่ายก็คาดว่า การพบกันอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 น่าจะออกทรงกินกันยาก เผลอๆ อาจยิงยาวถึงดวลจุดโทษอีกเกม

 

ที่ไหนได้…

 

การเปลี่ยนทีมอย่างเซอร์ไพรส์ของ แฟร์นันโด ซานโตส เล่นงาน สวิตเซอร์แลนด์ ได้อย่างหนักหน่วง–ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะการดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้หัวหอกหน้าใหม่จากเบนฟิก้า กอนซาโล่ รามอส ลงตัวจริงหนแรกในทัวร์นาเมนต์ หลังจากที่ก่อนนี้ ดาวรุ่งวัย 21 ได้สัมผัสเกมในฐานะตัวสำรองท้ายเกมมาแค่ 2 นัด ลงนาที 88 กับกาน่า และนาที 82 กับอุรุกวัย (ส่วนกับ เกาหลีใต้ ไม่ได้เล่น)

 

1-0 ชูเอา เฟลิกซ์ ไหลให้ กอนซาโล่ รามอส พลิกยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรก น.17
2-0 เปเป้ ทิ่มโขกลูกเตะมุมของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ไม่เหลือ น.33
3-0 ดีโอโก้ ดาโล่ต์ แทงขึ้นหน้าให้ กอนซาโล่ รามอส จิ้มลอดขา ยานน์ ซอมเมอร์ น.51
4-0 รามอส จ่ายให้ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ สอดขึ้นกดด้วยซ้ายปะทะตาข่าย น.55
4-1 มานูเอล อคานจี เก็บตกชาร์จเตะมุมเสาสอง น.58
5-1 กอนซาโล่ รามอส ทะลุเข้ายกลูกข้ามตัว ซอมเมอร์ อย่างเหนือชั้น เป็นแฮตทริก น.67
6-1 หอกสำรอง ราฟาเอล เลเอา ปั่นด้วยขวาเข้าเสาสอง น.90+2

 

ผ่าน 48 เกมของรอบแรก และอีกหลายนัดของรอบ 16 ทีม “แฮตทริกแรก” ก็มาจนได้ และมาอย่างเซอร์ไพรส์กับราย กอนซาโล่ รามอส ที่แทบไม่มีใครรู้จักมักจี่มาก่อน

 

สำคัญคือ โปรตุเกส กรีธาทัพผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ อย่างสบาย ง่ายดายเกินคาด

 

เพื่อไปไล่ล่าแชมป์โลกสมัยแรก…ไม่ว่าจะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทีมตัวจริงหรือไม่ ก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร่ – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 74), วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา (รูเบน เนเวส 81) – บรูโน แฟร์นันเดส (ราฟาเอล เลเอา 87), กอนซาโล่ รามอส (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 74), ชูเอา เฟลิกซ์ (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 73)
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1) ยานน์ ซอมเมอร์ – เอดิมิลซอน แฟร์นันเดส, ฟาเบียน ชาร์ (เอราย โคเมิร์ต 46), มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดริเกซ – เรโม่ ฟรอยเลอร์ (เดนิส ซากาเรีย 54), กรานิต ชาก้า – เซอร์ดาน ชากิรี่, ชิบริล โซว์ (ฮาริส เซเฟโรวิช 54), รูเบน วาร์กัส (โนอาห์ โอคาฟอร์ 66) – บรีล เอ็มโบโล่ (อาร์ดอน ยาชารี 89)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : กอนซาโล่ รามอส
• กอนซาโล่ รามอส ซัด 3 ประตูในนัดเดียว แม้เพิ่งได้ลงเล่นฟุตบอลโลกไปเพียง 85 นาทีเท่านั้น และเป็นแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลก 2022
• กอนซาโล่ รามอส เป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ โธมัส สคูราวี่ ในเกมกับคอสตาริกา ปี 1990
• กอนซาโล่ รามอส ยิงประตูรอบน็อกเอาต์บอลโลก เกมเดียวได้ 3 ลูก มากกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เล่นมาทั้งชีวิต และไม่เคยยิงได้เลย
• เปเป้ กลายเป็นนักเตะสูงวัยสุดที่ยิงได้ในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก ด้วยอายุ 39 ปี 283 วัน
• สวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และ 4 จาก 5 หนหลัง (อีกหน ตกรอบแรก 2010)

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โปรตุเกส 6-1 สวิตเซอร์แลนด์
• โปรตุเกส ทะลุเข้าไปดวล โมร็อกโก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
• โปรตุเกส อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลกสมัยแรก โดยยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้มาก่อน ผลงานดีสุดคืออันดับสาม 1966 และอันดับสี่ 2006
• กอนซาโล่ รามอส เล่นทีมชาติ 4 นัด ซัด 4 ประตู
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่วายเป็นข่าวว่าออกลูกงอแง จะปลีกตัวทิ้งแคมป์ทีมชาติไปกลางคันด้วยความไม่พอใจที่ต้องตกเป็นตัวสำรองเกมสำคัญนัดล่าสุดนี้ แต่สมาคมบอลโปรตุเกสยืนกรานชัดว่าข่าวนี้เป็น fake news และ โรนัลโด้ ไม่ได้ออกอาการอะไรใดๆ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
amNewYork
SPORT
Bloomberg
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : บราซิล vs เกาหลีใต้
จันทร์ 5 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลการพบกัน : 7 นัด
อุ่นเครื่อง 1995 บราซิล ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 1997 บราซิล ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 1999 เกาหลีใต้ ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2002 บราซิล ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2013 บราซิล ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2019 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 2022 บราซิล ชนะ 5-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ แคเมอรูน 0-1

เกาหลีใต้
อุ่นเครื่อง ชนะ แคเมอรูน 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อุรุกวัย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ กาน่า 2-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ โปรตุเกส 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
บราซิล : เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองฮึดเชือด สวิสตเซอร์แลนด์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จากนั้นนัดสามปรับส่งสำรองลงหลังการันตีเข้ารอบได้แล้ว ปรากฏเจาะ แคเมอรูน ไม่เข้าก่อนโดนสวนถึงปลายคาง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแชมป์กลุ่มได้ตามเป้า
เกาหลีใต้ : สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่า เมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงไม่พอ

 

ความพร้อมก่อนเตะ
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และภาพรวมถือว่ายังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน เริ่มจาก เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากทัวร์นาเมนต์แล้ว

 

ตีเต้ เผยล่าสุดว่า มีโอกาสสูงที่ เนย์มาร์ จะฟื้นฟิตลงเล่นได้ในเกมนี้ แม้ยังต้องดูว่าจะเป็นตัวจริงเลย หรือสำรองไปก่อน ก็ตาม

 

ส่วน ดานิโล่ มีสิทธิ์คืนสนามเช่นกัน แต่สำหรับ อเล็กซ์ ซานโดร ยังต้องพัก

 

ตีเต้ จะกลับมาใช้ชุดใหญ่สุดอีกครั้ง ตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ กลับคืนสนาม

 

เกาหลีใต้
โสมขาวหลุดแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมของรอบคัดเลือก และนัดแรกที่เสมอ อุรุกวัย ไข่ไม่แตก 0-0 ก็ถือว่าทำได้ดี และแม้จะทำพลาดโดน กาน่า ยิงตัดสินชัย 3-2 ในเกมสอง ก็ยังฮึดสยบ โปรตุเกส 2-1 (กับอีกคู่ อุรุกวัย ชนะแค่ 2-0) จนเข้ารอบมาได้ด้วยการเป็นอันดับ 2

 

เกาหลีใต้ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง หลังจาก 2 ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา ตกรอบแรกทั้งที่บราซิลและรัสเซีย

 

เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ ไม่มีปัญหาสภาพทีมเมื่อ ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าตัวเก่งจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน หายเจ็บแฮมสตริงลงพังประตูชัยเหนือ โปรตุเกส มาแล้ว ส่วนทาง ซน ฮึง-มิน ดาวยิงตัวความหวังจากสเปอร์ส ต้องลงสนามแบบสวมหน้ากากกันกระแทก แต่สภาพความฟิตไม่เป็นปัญหา

 

ดังนั้นทำให้จะเป็นทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ซน ฮึง-มิน ถอยลงมาเป็นแผงเกมรุกทางซ้าย สนับสนุนหอกเป้า โช กิว-ซุง ที่กดไปแล้ว 2 ประตูใน เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์

 

ตัวความหวัง
บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 40 นัดซัด 19 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

เกาหลีใต้ : ซน ฮึง-มิน & โช กิว-ซุง
ซน ฮึง-มิน ถูกยกว่าเป็นแข้งเบอร์ 1 ของเอเชียยุคนี้ จากผลงานที่ร่ายให้ สเปอร์ส ต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ถึงขั้นคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อนมาแล้ว โดยในทีมชาติ โอปป้าซนยิงไป 35 ลูกจาก 107 นัด และพร้อมกันนั้น ฟุตบอลโลก 2022 ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวของ โช กิว-ซุง หัวหอกหน้าหล่อบอยแบนด์เค-ป๊อป วัย 24 จาก ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ซึ่งเริ่มติดธงในปีที่แล้ว และยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการเล่น 19 นัด รวม 2 เม็ดที่จัดใส่ กาน่า

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-3-3, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – มาร์กินญอส, ติอาโก้ ซิลวา, เอแดร์ มิลิเตา, ดานิโล่ – ฟาบินโญ่, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า
เกาหลีใต้ (4-2-3-1, กุนซือ เปาโล เบนโต้) คิม ซุง-กิว – คิม จิน-ซู, คิม ยัง-กวอน, คิม มิน-แจ, คิม มุน-วาน – ฮวาง อิน-บอม, จุง วู-ยัง – ซน ฮึง-มิน, จอง วู-ยอง, ควอน ชาง-ฮุน – โช กิว-ซุง

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เตะลับแข้งเจอกันมาเยอะทีเดียวที่ 7 ครั้ง บราซิลชนะ 6 เกาหลีใต้ได้เฮหนเดียว
• ล่าสุดเจอเมื่อเดือน มิ.ย. บราซิล ต้อนขาด 5-1 เนย์มาร์ซัดสอง ริชาร์ลิซอนหนึ่งเม็ด
• บราซิล ถูกหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 9 เกมทุกรายการ หลังแพ้พลิกต่อ แคเมอรูน
• แม้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะในประเทศ แต่ตัวอิมพอร์ตเล่นลีกยุโรปของ เกาหลีใต้ ก็มีอยู่ถึง 8 ราย
• เนย์มาร์ พังตาข่ายในทีมชาติแล้วถึง 75 ลูก ส่วน ริชาร์ลิซอน 19, อันโตนี่ 2 ส่วน วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ยิงให้ เรอัล มาดริด 47 ประตูตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพิ่งกดเม็ดเดียวเท่านั้นในทีมชาติ

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะสยบ โปรตุเกส เข้ารอบมาได้ แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นคือ โปรตุเกส ไม่ได้ใช้ทีมชุดใหญ่เต็มที่แต่อย่างใด ดังนั้นเงื่อนไขอยู่ที่ว่า บราซิล จะพร้อมรบขนาดไหนในสภาพทีมตัวเจ็บมีเยอะและต้องเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง กระนั้นก็เชื่อว่าด้วยความแข็งโป๊กของ 11 คนแรกแซมบ้า เกาหลีใต้ จึงไม่น่าเอาอยู่แต่อย่างใด

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : แคเมอรูน vs บราซิล
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ 0-1
นัดสองชนะ 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคเมอรูน
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เซอร์เบีย 3-3

บราซิล
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ผลการพบกัน : 6 นัด
ฟุตบอลโลก 1994 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 1996 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2001 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2003 แคเมอรูน ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้แบบต้องลุ้นเหนื่อย เช่นเดียวกับเมื่อถึงรอบสุดท้าย โดยเปิดสนามแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และไล่ตามตีเจ๊า เซอร์เบีย 3-3

 

แม้จะยืนอันดับ 3 ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียเหนือ เซอร์เบีย แต่ แคเมอรูน ก็จำเป็นจะต้องเอาชนะ บราซิล ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น เมื่อผลเสมอจะไม่เพียงพอให้ทำแต้มไปทาบ สวิตเซอร์แลนด์

 

ทีมหมอผีในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทว่าเสียประตูมือหนึ่ง อองเดร โอนาน่า ออกจากแคมป์ไปหลังแตกหักกับโค้ช และโดนลงโทษทางวินัย

 

ระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 นายประตูใช้มือสอง เดวิส เอปาสซี่ ส่วนเกมรุกวาง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ กับ บริย็อง เอ็มเบโม่ ขนาบข้างหอกเป้า เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และก็ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ลา เซเลเซา ของ ตีเต้ การันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เรียบร้อยไปแล้ว และก็จะจบแชมป์กลุ่มไม่ว่าเกมนี้จะได้ผลอย่างไร หากว่าในเวลาเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์ ไม่อาจเอาชนะ เซอร์เบีย ได้แบบยิงถล่มหลายประตู

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

การที่ลงเล่นแบบให้ครบโปรแกรม ทำให้เป็นโอกาสสำหรับการหมุนเวียนนักเตะ ซึ่งก็คาดว่าจะจัดสำรองลงเต็มระบบ เปิดโอกาสให้สำรองได้สัมผัสเกมฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะประตูอย่าง เอแดร์ซอน, กองหลัง เบรเมอร์ หรือแนวรุกที่จะปรับเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส และ กาเบรียล เชซุส เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
แคเมอรูน : แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์
เคยประกาศไว้ว่าตัวเองฝีเท้าดีไม่แพ้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพียงแต่วาสนาไม่ค่อยดี ได้อยู่แต่กับทีมไม่ได้ใหญ่โตอย่าง วาล็องเซียนส์, ลอริยองต์, ปอร์โต้, เบซิคตัส และปัจจุบันเล่นกับ อัล นาสเซอร์ ในซาอุฯ โดยถือว่าหัวหอกวัย 30 สร้างมาตรฐานการถล่มประตูได้ดีทีเดียว ยิงเกินสิบลูกในหลายซีซั่น และเป็นดาวซัลโวของทีมชุดนี้ หลังยิง 34 ประตูจาก 93 นัด รวมถึงประตูจุดประกาย 2-3 ก่อนตีเสมอ เซอร์เบีย นัดก่อนด้วย

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 40 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคเมอรูน (4-3-3, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) เดวิส เอปาสซี่ – นูฮู โตโล่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา, ปิแอร์ คุนเด้, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า – แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์, บริยอง เอ็มเบโม่, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) เอแดร์ซอน โมราเอส – อเล็กซ์ เตลเลส, เบรเมอร์, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – บรูโน่ กิมาไรส์, เฟร็ด – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, โรดรีโก้ โกเอส, อันโตนี่ – กาเบรียล เชซุส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 6 ครั้ง บราซิล ชนะ 5 แพ้ 1
• บราซิล ยิงขาดในการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน ส่วนอุ่นเครื่องล่าสุดปี 2018 ที่อังกฤษ แซมบ้าเชือด 1-0 จากประตูโทนของ ริชาร์ลิซอน
• บราซิล ชนะรวดมา 9 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 7 นัด
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดกันแล้ว เป็นเสมอ 3 แพ้ 3
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู
• กาเบรียล เชซุส ยิงในทีมชาติ 19 ประตูจาก 58 นัด

 

ความน่าจะเป็น
แม้ บราซิล เตรียมปรับส่งสำรองลงยกแผง และเล่นอย่างไม่กดดันหลังเข้ารอบแล้ว แต่กลุ่มแข้งสำรองก็เป็นตัวดีๆ ฝีเท้าจัดจ้านทั้งสิ้น แถมทุกคนยังต้องเน้นโชว์ฟอร์มให้เข้าตาโค้ช ยิ่งโดยเฉพาะเกมนี้ แคเมอรูน ต้องพยายามบุกแลกเพื่อคว้าชัย ยิ่งจะทำให้เข้าทาง บราซิล ไปกันใหญ่ โอกาสน้อยมากที่จะเกิดผลพลิกล็อก

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลงานรอบคัดเลือก
บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
อุ่นเครื่อง ชนะ เกาหลีใต้ 5-1
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
บราซิล ชนะ 3
เสมอ 4
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2

 

สภาพทีม
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 โดยที่เสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น

 

บราซิล ของ ตีเต้ ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 8 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่อัด เซอร์เบีย 2-0

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

เลี่ยงไม่ได้ที่ ตีเต้ จะต้องปรับทัพ โดยตำแหน่งแบ็กขวาจะส่งเสือเฒ่า ดานี่ อัลเวส ลงแทรน ส่วนตรงกลางน่าจะส่ง เฟร็ด ลงมาช่วยเกมรับร่วมกับ กาเซมิโร่ แล้วขยับ ลูคัส ปาเกต้า ขึ้นเป็นศูนย์กลางเกมรุก ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ กับ ราฟินญ่า โดยมี ริชาร์ลิซอน ที่กด 2 เม็ดในเกมแรก ค้ำหอกเป้า

 

สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม พร้อมกับเปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดัง มีแค่ต้องเช็กอาการของ เรนาโต้ สเตฟเฟ่น ที่เกมแรกไม่ได้เล่น ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ระบบมา 4-2-3-1 วาง รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ ปั้นเกมรุกหลังหอกเป้า บรีล เอ็มโบโล่ เจ้าของประตูโทนเกมสยบหมอผี

 

ตัวความหวัง
บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 39 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

สวิตเซอร์แลนด์ : เซอร์ดาน ชากิรี่
หลบไปค้าแข้งในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเร็ว เมื่อตอนนี้ อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลเพิ่งจะอายุ 31 เท่านั้น และยังคงเป็นคีย์แมนเกมรุกของทัพนาฬิกาอยู่เช่นเดิม พร้อมสถิติยิง 26 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 110 นัด ด้วยสไตล์การเล่นทะลุทะลวงพลังแรงสูง และมีทีเด็ดที่การยิงไกล ส่วนการเล่นให้ ชิคาโก้ ไฟร์ ซีซั่นล่าสุด 2022 ที่จบไปแล้ว ชากิรี่ ซัด 7 ลูกจากการเล่น 29 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – อเล็กซ์ ซานโดร, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – เฟร็ด, กาเซมิโร่ – วินิซิอุส จูเนียร์, ลูคัส ปาเกต้า, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกัน 9 ครั้ง บราซิล ข่มกว่าเล็กๆ ที่การชนะ 3 หน เจอล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 ลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 ซึ่งมีหลายนักเตะมากที่ติดทีมต่อเนื่องมาจากวันนั้น
• บราซิล ชนะรวดมา 8 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 6 นัด
• 11 เกมหลังในทุกถ้วย สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 5
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

ความน่าจะเป็น
แน่อยู่แล้วว่า สวิตเซอร์แลนด์ ไม่หมู และไม่ใช่ใครที่จะมาข้ามผ่านได้ง่ายๆ ทว่าตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วกับ เซอร์เบีย ที่แพ้ 2 เม็ดถือว่าน้อยแล้วด้วยซ้ำ บราซิล ชั่วโมงนี้กำลังพีคมาก แม้ไม่มี เนย์มาร์ ก็ยังมีตัวอื่นที่ทดแทนกันได้ ฉะนั้นเรื่องชนะคงค่อนข้างชัวร์ แค่อาจต้องลุ้นเม็ดสองหน่อยเนื่องจากหลังบ้านสวิสส์จัดว่าแน่นใช้ได้ทีเดียว

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565
02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล
02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : บราซิล vs เซอร์เบีย
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, .00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลงานรอบคัดเลือก
บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
คัดบอลโลก ชนะ โบลิเวีย 4-0
อุ่นเครื่อง ชนะ เกาหลีใต้ 5-1
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1

เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 1-0
เนชั่นส์ ลีก เสมอ สโลวีเนีย 2-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1

 

ผลการพบกัน (2 นัด)
อุ่นเครื่อง 2014 บราซิล ชนะ 1-0
บอลโลก 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

สภาพทีม
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 โดยที่เสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น 17 แมตช์

 

บราซิล ของ ตีเต้ ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 7 เกมรวดแล้ว รวมเกมอุ่นเครื่องในช่วงหลัง

 

สภาพทีมของ ตีเต้ ไม่ได้มีปัญหาสำคัญ มีแค่ อันโตนี่ ปีกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ็บเล็กๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอยู่แล้ว

 

การจัดทีมจะมาเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ที่ยึดไว้ตลอดช่วงหลัง เกมรุกวาง เนย์มาร์ เป็นศูนย์กลาง ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ กับ ราฟินญ่า โดยมี ริชาร์ลิซอน ค้ำหอกเป้า

 

เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดีไม่แพ้กัน ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก และเขี่ย โปรตุเกส ไปต่อในรอบเพลย์ออฟ และช่วงหลังก็กำลังเข้าฝัก ชนะ 5 จาก 6 เกมหลัง

 

อย่างไรก็ตาม ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดังที่เข้ามาทำทีมช่วงปี 2021 เป็นต้นมา มีปัญหาสำคัญอยู่ที่สภาพความฟิตของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ เจ็บข้อเท้าติดพันในช่วงหลัง

 

หากฟื้นฟิตทันเวลา มิโตรวิช จะลงล่าตาข่ายตามปกติ แต่หากไม่พร้อม จะเป็น ลูก้า โยวิช จับคู่หัวหอกกับ ดูซาน วลาโฮวิช แทน

 

ตัวความหวัง
บราซิล : เนย์มาร์
คงพูดไม่ได้ว่า เนย์มาร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกบราซิล แต่ที่ใกล้เคียงกว่าคือ เนย์มาร์ เป็น “ผู้นำ” เกมรุกแซมบ้า เป็นจุดศูนย์กลางของการขึ้นเกมในตำแหน่งหน้าต่ำหรือมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งประเด็นสำคัญคือ ในวัย 30 เนย์มาร์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอจะโละทิ้งความเป็น “ไอ้ขี้พุ่ง” หรือ “จอมแอ็กติ้ง” กลิ้ง 38 ตลบ อย่างที่เคยเป็นแล้ว และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ยิง 15 ลูกในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา และกดไป 5 เม็ดจากการรับใช้ชาติ 5 เกมหลังสุด

 

เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่กำลังถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในการเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของเขาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 50 ประตูจากการเล่น 76 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – อเล็กซ์ ซานโดร, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – เฟร็ด, กาเซมิโร่ – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน
เซอร์เบีย (3-4-1-2, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, สเตฟาน มิโตรวิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, เนมานย่า กูเดลจ์, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – ดูซาน ทาดิช – ดูซาน วลาโฮวิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งเจอกันมาในฟุตบอลโลกหนก่อน 2018 ที่รัสเซีย บราซิล กินนิ่ม 2-0 เปาลินโญ่ กับ ติอาโก้ ซิลวา จัดคนละเม็ด
• บราซิล ชนะรวดมา 7 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 5 นัด
• สองนัดหลัง บราซิล ยิงคู่แข่ง 8 ลูก ริชาร์ลิซอน ซัด 3, ราฟินญ่า 2, เนย์มาร์ 1 ประตู
• เซอร์เบีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 6 นัดติด เป็นชนะ 5 เสมอ 1
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 50 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 76 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
จัดเป็นหนึ่งในม้ามืดที่น่าจับตาของฟุตบอลโลก 2022 สำหรับ เซอร์เบีย เพียงแต่มาตรฐานของ บราซิล ก็ดูจะอยู่เลยขึ้นไปอีกระดับ ขุมกำลังที่ทัพแซมบ้ามีสามารถเล่นงาน เซอร์เบีย ได้ทั้งบรรดาตัวจริงและตัวสำรอง ดังนั้นชัยชนะของ บราซิล จึงมีความเป็นไปได้มากกว่าอย่างอื่น แค่ต้องระวังอาวุธเด็ดของเซิร์บอย่าง มิโตรวิช ไว้หน่อย ว่าอาจเล่นงานบราซิลเข้าได้สักประตู

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
บราซิล
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล

เซอร์เบีย
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — แคเมอรูน vs เซอร์เบีย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

บราซิลลิ่วแชมป์โลก...? : โผ 26 แข้งลุยฟุตบอลโลก 2022

บราซิลลิ่วแชมป์โลก…? : โผ 26 แข้งลุยฟุตบอลโลก 2022

กับเป้าหมายคว้าแชมป์โลกสมัย 6 โทรฟี่ที่รอคอยมา 2 ทศวรรษ บราซิล ในมือ ตีเต้ ได้ขุมกำลัง 26 คนสุดท้ายที่จะเดินทางไปลุยฟุตบอลโลก 2022 แล้วเป็นที่เรียบร้อย คำถามก็คือ…

 

ก่อนจะไปลงลึกถึงรายละเอียดและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ก็ไปสำรวจกันเลยกับโผ 26 นักเตะ final squad ทีมชาติบราซิล ชุดไล่ล่าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งมีการประกาศออกมาเมื่อ 7 พ.ย. และยังยืนยันเบอร์เสื้อมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

 

26 ขุนพลบราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
1. อลิสซอน เบ็คเกอร์ / อายุ 30 / ลิเวอร์พูล / เล่นทีมชาติ 57 นัด
12. เวแวร์ตอน / 34 / พัลไมรัส / 8
23. เอแดร์ซอน โมราเอส / 29 / แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / 18

 

กองหลัง
2. ดานิโล่ / 31 / ยูเวนตุส / เล่นทีมชาติ 46 นัด 1 ประตู
3. ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม) / 38 / เชลซี / 109 – 7
4. มาร์กินญอส / 28 / ปารีส แซงต์-แชร์กแมง / 71 – 5
6. อเล็กซ์ ซานโดร / 31 / ยูเวนตุส / 37 – 2
13. ดานี่ อัลเวส / 39 / พูมาส อูนัม / 124 – 8
14. เอแดร์ มิลิเตา / 24 / เรอัล มาดริด / 23 – 1
16. อเล็กซ์ เตลเลส / 29 / เซบีย่า / 8 – 0
22. เบรเมอร์ / 25 / ยูเวนตุส / 1 – 0

 

กองกลาง
5. กาเซมิโร่ / 30 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 65 – 5
7. ลูคัส ปาเกต้า / 25 / เวสต์แฮม ยูไนเต็ด / 35 – 7
8. เฟร็ด / 29 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 28 – 0
15. ฟาบินโญ่ / 29 / ลิเวอร์พูล / 28 – 0
17. บรูโน่ กิมาไรส์ / 24 / นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด / 8 – 1
26. เอแวร์ตอน ริเบยโร่ / 33 / ฟลาเมงโก้ / 21 – 3

 

กองหน้า
9. ริชาร์ลิซอน / 25 / ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ / 38 – 17
10. เนย์มาร์ / 30 / ปารีส แซงต์-แชร์กแมง / 121 – 75
11. ราฟินญ่า / 25 / บาร์เซโลน่า / 11 – 5
18. อันโตนี่ / 22 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 11 – 2
19. กาเบรียล เชซุส / 25 / อาร์เซน่อล / 56 – 19
20. วินิซิอุส จูเนียร์ / 22 / เรอัล มาดริด / 16 – 1
21. โรดรีโก้ โกเอส / 21 / เรอัล มาดริด / 5 – 1
24. กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ / 21 / อาร์เซน่อล / 3 – 0
25. เปโดร / 25 / ฟลาเมงโก้ / 2 – 1

 

บราซิลลิ่วแชมป์โลก...? : โผ 26 แข้งลุยฟุตบอลโลก 2022

 

กองหน้าบราซิล เต็มโควตา 9 ที่นั่ง
จัดมาแบบเต็มเหยียดสำหรับ ตีเต้ ที่เลือกเอาบรรดาตัวรุกกองหน้ามาถึง 9 ราย สูงสุดในโควต้าทีมชุดนี้ มากกว่ากองหลัง (8) และกองกลาง (6) จนโดนแซวว่า หรือพวกพี่จะมาในระบบ 1-0-9 หรือ 0-1-9 อะไรแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกตำแหน่งการยืนและธรรมชาติของแต่ละคนแล้ว จะพบว่า ตัวเลข 9 คนนี้ ก็ออกจะเหมาะสมดีอยู่แล้ว

 

หน้าเป้า – ริชาร์ลิซอน, กาเบรียล เชซุส, เปโดร
ปีกซ้าย – วินิซิอุส จูเนียร์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ปีกขวา – ราฟินญ่า, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส
หน้าต่ำ/กลางรุก – เนย์มาร์

 

เพราะ ตีเต้ มีหมากการเล่นชัดเจนเสมอมา และเขาไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเปลี่ยน เมื่อ บราซิล เดินหน้าชนะคู่แข่งมาแล้ว 7 เกมซ้อนในทุกรายการ และแพ้ใครไม่เป็นเลยจาก 17 เกมของรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนอเมริกาใต้

 

หมากการเล่นนั้นก็คือ 4-2-3-1 หรือไม่ก็ 4-2-1-3

 

เนย์มาร์ คือตัวยืน เป็นแกนหลักอย่างแท้จริงในเกมรุก ลา เซเลเซา แต่ตำแหน่งที่ยืนในทีมชาติสำหรับเขา คือการเล่น “มิดฟิลด์ตัวรุก” คอยพุ่ง (พุ่งจริง!) เข้าทำจากแถวสอง เช่นเดียวกับการเป็นตัวสร้างสรรค์เกม กำหนดทิศทางเกมบุก ประสานงานกับกองหน้าตัวเป้าและริมเส้นทั้งสองฝั่ง

 

สำหรับหน้าเป้า หากฟิตสมบูรณ์เต็มที่ ริชาร์ลิซอน จะเป็นตัวเลือกแรกสุด ขณะที่ กาเบรียล เชซุส แม้จะผ่านการรับใช้ชาติมามากกว่า (56:38) แต่ฟอร์มกับ อาร์เซน่อล ซีซั่นนี้มาแรงแค่ช่วงแรกๆ มาตอนหลังเริ่มออกลูกฝืด ยิงใครไม่ได้มา 9 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ ดังนั้นน่าจะเป็นตัวเลือกรองจาก ริชาร์ลิซอน — ย้ำว่าถ้าดาวเตะจาก สเปอร์ส มีสภาพร่างกาย 100%

 

ส่วน เปโดร กิเยร์เม่ อาบรู โดส ซานโตส “เปโดร” ชื่อเซอร์ไพรส์จาก ฟลาเมงโก้ (เคยอยู่ ฟิออเรนติน่า แว้บนึง แต่แจ้งเกิดไม่สำเร็จ) เป็นกองหน้าประเภทสูงใหญ่ 185 ซ.ม. ซึ่งไม่ค่อยมีในทีมชุดนี้ ดังนั้น ตีเต้ จึงน่าจะเล็งเห็นประโยชน์ด้านลูกกลางอากาศของเจ้าตัว รวมถึงว่าในเกมลับแข้งนัดล่าสุดที่ถล่ม ตูนิเซีย 5-1 เปโดร ก็ลงสำรองไปจัด 1 เม็ดด้วย ยิ่งเป็นเครดิตเสริมในการเลือกตัวของกุนซือแซมบ้าขึ้นไปอีก

 

ด้านตัวริมเส้น 5 รายชื่อ วินิซิอุส จูเนียร์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ราฟินญ่า, อันโตนี่ และ โรดรีโก้ โกเอส เข้าข่าย “ใครก็ได้” ตัวนั้นก็ดีตัวนี้ก็มัน แต่ก็คาดว่า วินิซิอุส จูเนียร์ จากเรอัล มาดริด จะเป็นตัวเลือกแรกฝั่งซ้าย และ ราฟินญ่า จากบาร์เซโลน่า จะเป็นตัวจริงฝั่งขวา ที่เหลืออีก 3 เป็นตัวสลับ และต้องสร้างผลงานให้ได้เพื่อโอกาสในการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริง

 

จะเห็นได้ว่า เมื่อจำแนกแต่ละตำแหน่งเกมรุกตามผังการเล่นของ ตีเต้ จริงๆ แล้วก็มีตัวเลือกเพียงที่ละ 2-3 รายเท่านั้น ดังนั้น 9 คนที่ถูกจิ้มเลือกไปกาตาร์ จึงไม่ถือว่า “ล้น” แต่อย่างใด

 

 

กองกลางบราซิล หิ้วไปตั้ง 6 คน
เวลาเดียวกัน การเลือกมิดฟิลด์ตัวกลาง 6 รายไปติดธง บราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 กลับอาจจะ “มากเกินไป” เสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับ 9 กองหน้าอย่างที่ว่าไป

 

เพราะก็ชัดเจนอีกเช่นกันว่า ระบบของ ตีเต้ คือ 4-2-3-1 (หรือ 4-2-1-3 หรือ 4-3-3) ที่มี เนย์มาร์ เป็นตัวปั้นเกมจากตรงกลาง ดังนั้นโควตาที่ว่างอยู่จึงเหลือเพียง “2 ที่” สำหรับคู่มิดฟิลด์ตัวกลาง ตำแหน่งที่จะช่วยงานเกมรับ คอยปัดเป่าตัดตอนเกมบุกคู่ต่อสู้ รวมถึงลำเลียงบอลจากหลังไปหน้า

 

และง่ายมาก ว่า กาเซมิโร่ กลางรับแถวหน้าของโลก จาก แมนฯ ยูไนเต็ด คือตัวเลือกแรกของ ตีเต้ ส่วนคู่ขาของ กาเซมิโร่ สามารถออกได้ทั้ง เฟร็ด และ ฟาบินโญ่

 

ส่วนอีก 3 ตัวเลือกอย่าง ลูคัส ปาเกต้า, บรูโน่ กิมาไรส์ และ เอแวร์ตอน ริเบยโร่ มีแค่สองทางคือ 1) รอโอกาสในฐานะสำรอง หรือไม่ก็ 2) หวังว่า ตีเต้ จะเน้นเกมรุกมากขึ้นไปอีก ด้วยการส่งพวกเขาไปเล่นคู่ กาเซมิโร่ — อันจะทำให้มิดฟิลด์ตัวรับแท้ๆ เหลือแค่คนเดียวในสนาม

 

 

กองหลัง-นายทวาร ล้วนมาตามนัด
ในส่วนของตัวเลือกกองหลัง 8 ราย ไม่ได้ถือว่ามีอะไรเซอร์ไพรส์มากมาย นำโดยกัปตันทีม ติอาโก้ ซิลวา จากเชลซี ที่จะได้ลงแน่นอนในแดนหลัง ส่วนอีก 3 เซนเตอร์แบ็กอย่าง มาร์กินญอส, เอแดร์ มิลิเตา หรือ เบรเมอร์ ก็ล้วนมีดีกรีในตัวเอง

 

ที่เหลืออีก 4 ก็แบ่งลงตัวพอดี แบ็กซ้าย 2 อเล็กซ์ ซานโดร & อเล็กซ์ เตลเลส กับแบ็กขวา 2 ดานี่ อัลเวส & ดานิโล่

 

สำหรับ ดานี่ อัลเวส จอมเก๋าวัย 39 ของพูมาส อูนัม ยังคงได้ไปสั่งลาบอลโลก เนื่องด้วยหนึ่งคือแบ็กขวาบราซิลนาทีนี้ ตัวเลือกมีไม่มาก และอีกหนึ่งคือ อัลเวส ก็ยัง “พึ่งพาได้อยู่” แม้อายุจะล่วงเลยขนาดนี้ — เพิ่งจะห้อตะบึงพาน้องๆ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก โตเกียว เกมส์ กลางปีที่แล้วนี่เอง

 

ด้านนายทวาร ไม่ต้องพูดถึงแบ็กอัพอย่าง เวแวร์ตอน จากพัลไมรัส ก็ได้

 

เมื่อข้อถกเถียงมีเพียงอย่างเดียว — ระหว่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ กับ เอแดร์ซอน โมราเอส ที่จริงแล้ว ใครควรเป็น “มือหนึ่ง” กันแน่?

 

บราซิลลิ่วแชมป์โลก...? : โผ 26 แข้งลุยฟุตบอลโลก 2022

 

รวมพลคนอกหัก…ตีเต้ไม่รักต้องทำไง?!?
แน่นอนที่สุด เมื่อมีคนสมหวังถูกเรียกตัวไปกาตาร์ ก็ต้องมีกลุ่มแข้งแซมบ้าที่ผิดหวัง ไม่ได้รับหมายเรียกจาก ตีเต้ และต้องดูฟุตบอลโลก 2022 ผ่านจอตู้ไม่ต่างจากเราท่าน

 

นี่คือรายชื่อทั้งหมดที่หลุดโผ

– ลูคัส มูร่า (กองหน้า, สเปอร์ส)
– โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (กองหน้า, ลิเวอร์พูล)
– มาเตอุส คุนญ่า (กองหน้า, แอตเลติโก มาดริด)
– กาเบรียล “กาบิโกล” บาร์โบซ่า (กองหน้า, ฟลาเมงโก้)
– ดาวิด เนเรส (กองหน้า, เบนฟิก้า)
– มัลคอม (กองหน้า, เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก)
– ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (กองกลาง, แอสตัน วิลล่า)
– ดั๊กลาส ลุยซ์ (กองกลาง, แอสตัน วิลล่า)
– อาร์ตูร์ เมโล่ (กองกลาง, ลิเวอร์พูล)
– กาเบรียล มากัลเญส (กองหลัง, อาร์เซน่อล)
– โรเชร์ อิบันเญซ (กองหลัง, โรม่า)
– ดีเอโก้ คาร์ลอส (กองหลัง, แอสตัน วิลล่า)
– เรนัน โลดี้ (กองหลัง, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)
– เอแมร์ซอน โรยัล (กองหลัง, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)

 

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ของแอสตัน วิลล่า กับ อาร์ตูร์ เมโล่ จากลิเวอร์พูล อดไปบอลโลกหนนี้เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บติดพัน ส่วน กาเบรียล มากัลเญส เซนเตอร์แบ็กอาร์เซน่อล แม้ฟอร์มดีกับปืนซีซั่น แต่ก็ยังไม่เคยติดทีมชาติมาก่อนเลย จึงไม่แปลกนักที่จะไม่ได้ไปกาตาร์

 

ที่เป็นประเด็นสำคัญสุดคือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยอดกองหน้าเจ้าของท่า “โนลุค” จากลิเวอร์พูล ผู้ซึ่งรับใช้ชาติไปแล้วไม่น้อยถึง 55 นัด ซัด 17 ประตู และถูกยกย่องเสมอมาว่า “เล่นเพื่อทีม” มากกว่าเพื่อตัวเอง กลับถูกมองข้ามไปเสีย

 

แต่ก็อย่างที่ได้ร่ายไว้ในย่อหน้า “9 กองหน้า” ข้างต้น ว่า ตีเต้ มีตัวเลือกในใจตัวเองที่ค่อนข้างชัด ไม่ว่าจะกับทั้งแท็กติกการเล่นหรือตัวลูกทีม — ริชาร์ลิซอน คือหอกเป้าเบอร์แรก ตามด้วย กาเบรียล เชซุส รวมถึงว่าก็ยังมีตัวเล่นลูกโด่งอย่าง เปโดร เป็นเบอร์ 3 ดังนั้นแล้ว แม้ ฟีร์มิโน่ จะมีดีพอสามารถเป็นตัวจริงให้กับทีมชาติไหนก็ได้ในโลก แต่ก็ไม่ใช่กับ บราซิล ชุดนี้ ที่หัวหอกวัย 31 จะเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น และกุนซืออย่าง ตีเต้ ก็เลือกจะไปต่อกับชอยส์อื่นอย่างที่ว่า

 

เอวังจึงมีด้วยประการฉะนี้

 

ตัวที่ไม่ติดชุดนี้ทุกคน คงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากต้องพยายามทำผลงานของตัวเองกับต้นสังกัดให้ดีที่สุด พร้อมหวังว่าหลุดคราวนี้แล้ว จะไม่ใช่หลุดเลยตลอดกาล

 

และเราคงต้องจับตาดูกันต่อว่าด้วยขุมกำลังแบบนี้ที่ ตีเต้ เลือกสรร บราซิล จะไปได้ไกลขนาดไหนที่กาตาร์

 

แชมป์โลกที่ห่างมือมานาน 20 ปี จะถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอยเสียทีไหม…

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
CBF
VOI
Marca

 

เรื่องน่าอ่าน
• เจ็บขนาดนี้…คงจะไม่ไหว : สตาร์รายใดอดไปฟุตบอลโลก 2022 บ้างแล้ว?
• และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
• กองหน้าบราซิลคนไหน…ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022
• ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง…คงตายตาหลับ

รายชื่อนักเตะ อดไปบอลโลก 2022 เจ็บขนาดนี้...คงจะไม่ไหว

รายชื่อนักเตะ อดไปบอลโลก 2022 เจ็บขนาดนี้…คงจะไม่ไหว

รายชื่อนักเตะ สตาร์รายใดอดไปฟุตบอลโลก 2022

เจ็บปวดกว่าโดนหมางเมิน คือการที่รู้ว่าตัวเองมีที่ยืนเต็มเท้าอยู่แล้วแท้ๆ ในทีม แต่กลับโดนขวางไว้ไม่ให้ไปฟุตบอลโลก 2022 ด้วยเรื่องของโชคชะตา…อาการบาดเจ็บที่ไม่เข้าใครออกใคร

 

หากว่าเป็นฟุตบอลโลกปกติเหมือนที่เคยเป็นมา เวลานี้ แทบทุกอย่างในโลกลูกหนังจะหยุดพัก หยุดนิ่งแล้ว (คงเหลือแค่การเข้าแคมป์เตรียมทีม) เพื่อรอการมาถึงของ เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย เมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น เสียงนกหวีดแรกของมหกรรมลูกหนังโลกที่รอคอย ก็จะดังขึ้น

 

ทว่าก็อย่างที่ทราบกัน นี่คือ ฟุตบอลโลกครั้งพิเศษใส่ไข่ เตะกันตอนปลายปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นเกมระดับสโมสรที่ต้องหลีกทางให้ แม้จะต้องพักรบกันกลางศึกสงครามก็ตาม

 

อย่างที่บอก ถ้าเป็นบอลโลกปกติ ซีซั่นจะปิดลงแล้ว ทุกทีมเริ่มเข้าแคมป์เก็บตัวแล้ว และไม่มีอะไรน่าห่วงนอกจากปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อนในสนามซ้อม

 

แต่ในเมื่อเป็นบอลโลกครั้งสุดพิเศษ ก็ทำให้ทั้งฟุตบอลลีกยุโรปแทบทุกประเทศ ไปจนถึงฟุตบอลถ้วยของบางแห่ง ยังคงโรมรันพันตูกันอย่างซีเรียสเคร่งเครียด โดยจะหลีกทางให้ฟุตบอลโลก 2022 เพียง 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ เท่านั้น

 

สิ่งที่ตามมาจากเรื่องนี้ ก็คือการที่นักเตะหลายรายสาดแข้งกันจนสะบักสะบอม และทยอยล้มเจ็บอย่างโชคร้าย จนมีหลายรายเหลือเกินที่จะทำได้แค่ดูบอลโลกที่กาตาร์ ผ่านจอทีวีไม่ต่างจากเราๆ ท่านๆ

รวมรายชื่อนักเตะคนดังที่ไม่ได้ไป บอลโลก 2022

ถึงตรงนี้มีใครบ้างที่ทั้งอดไปชัวร์ๆ และอยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยงต้องลุ้นใจหาย FIFA2022match.com รวบรวมเอาไว้แล้วตรงนี้…

รายชื่อนักเตะอังกฤษ
วืดชัวร์ : เบน ชิลเวลล์
สุ่มเสี่ยง : รีซ เจมส์, ไคล์ วอล์คเกอร์, แคลวิน ฟิลลิปส์, ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, บูกาโย่ ซาก้า, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน

 

ยืนยันจากทาง เชลซี แล้วว่า วิงแบ็กซ้ายตัวเก่งอย่าง เบน ชิลเวลล์ จะไม่ได้ไปแอ่ว กาตาร์ ในฐานะลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ภายหลังมีการตรวจปัญหาบาดเจ็บแฮมสตริงที่เจ้าตัวได้รับจากเกมถ้วยยุโรปอย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่ใช่เรื่องขำๆ แบบพัก 3-4 วันหายแต่อย่างใด

 

ส่วน รีซ เจมส์ ก็ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในตอนนี้ด้วยปัญหาบาดเจ็บเข่าที่ได้รับจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน แต่ดูจะเบากว่าเพื่อนร่วมค่ายหน่อย ยังมีลุ้นได้ไปบอลโลก

 

ด้าน ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลังคนสำคัญจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พักแข้งมาตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. หลังผ่าตัดโคนขาหนีบ แต่เจ้าตัวยังมั่นใจว่าจะเรียกฟิตทันติดธงสิงโต เช่นเดียวกับ แคลวิน ฟิลลิปส์ ที่หลังย้ายจาก ลีดส์ สู่ แมนฯ ซิตี้ แล้วก็เจ็บออดๆ แอดๆ จนได้เล่นแค่ 3 เกมเท่านั้น ก็ยังเชื่อว่าตัวเองยังอยู่ในข่ายพิจารณาของ แกเร็ธ เซาธ์เกต

 

ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า ออกจากสนามนัดที่ อาร์เซน่อล ชนะ ฟอเรสต์ 5-0 เมื่อสิ้นเดือน ต.ค. หลังเล่นไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทว่าก็ฟิตลงสำรองในเกมกับ เอฟซี ซูริค ได้ใน 4 วันให้หลัง ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาในการไปฟุตบอลโลก 2022

 

โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน หัวหอกเอฟเวอร์ตัน ก็เจ็บแฮมสตริง จนต้องออกจากสนามตอนกลางครึ่งหลังเกมแพ้ เลสเตอร์ 0-2 และจะต้องเข้ารับการสแกนอย่างละเอียดต่อไปเพื่อประเมินว่า ฟุตบอลโลก 2022 ยังเป็นไปได้สำหรับศูนย์หน้าวัย 25 อยู่หรือไม่

 

แต่สำหรับทาง ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ฟูลแบ็กจากเซาธ์แฮมป์ตัน แม้บาดเจ็บแฮมสตริงไม่หนักมาก แต่การที่แทบไม่อยู่ในสารบบทีมชาติ ที่ผ่านมาเคยเล่นให้อังกฤษแค่ 2 นัดเท่านั้น ทำให้โอกาสถูกคัดทิ้งมีมากกว่าได้ไป

 

 

รายชื่อนักเตะฝรั่งเศส
วืดชัวร์ : เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, บูบาการ์ กามาร่า
สุ่มเสี่ยง : เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, ลูคัส เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, อองโตนี่ มาร์กซิยาล

 

แชมป์เก่าจากฟุตบอลโลก 2018 อาการเพียบสุดในบรรดาทีมหัวแถวตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ภายหลังส่อแววไม่สู้ดีมาตั้งแต่คิวเตะ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก หนล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. ที่มีกลุ่มแข้งบาดเจ็บครึ่งค่อนทีม

 

ยืนยันแล้วว่า 2 คีย์แมนแดนกลางทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จากเชลซี และ ปอล ป๊อกบา จากยูเวนตุส ต่างต้องตกขบวน อดไปช่วยตราไก่ป้องกันแชมป์โลกอย่างแน่นอนแล้ว เมื่อรายแรกต้องเข้าผ่าตัดแฮสมตริง ส่วนรายหลังผ่าตัดเข่ามาแล้วพักใหญ่ แต่ยังไม่ใกล้เคียงกับการเรียกความฟิตจนถึงระดับ จนซีซั่นนี้ยังไม่ได้เล่นให้ ยูเว่ แม้แต่เกมเดียว

 

ส่วน บูบาการ์ กามาร่า กองกลางดาวรุ่งวัย 22 จากแอสตัน วิลล่า เข่าพังหลังเล่นให้สิงห์ผงาดไปแค่ 8 นัด บอลโลกครั้งนี้จึงเป็นได้แค่ผู้ชม

 

ยังมีกลุ่มสุ่มเสี่ยง ต้องรักษาตัวและเรียกฟิตให้ทันเวลาอีกหลายราย ไม่ว่าจะ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า (เชลซี), ลูคัส เอร์นันเดซ (บาเยิร์น) และ ราฟาแอล วาราน กับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งคู่) ที่ ณ ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ด้วยว่าจะพร้อมหรือไม่

 

 

รายชื่อนักเตะบราซิล
วืดชัวร์ : อาร์ตูร์ เมโล่
สุ่มเสี่ยง : ริชาร์ลิซอน, เบรเมอร์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

 

เส้นกราฟชีวิตของ อาร์ตูร์ เมโล่ คล้อยลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่อำลา บาร์เซโลน่า ไปเล่นกับ ยูเวนตุส อย่างเซอร์ไพรส์เมื่อสองปีก่อน จนซีซั่นนี้ถูกส่งยืมมา ลิเวอร์พูล ก็ยังแทบไม่ได้โชว์ฟอร์มอะไร ลงสนามไปนัดเดียวถ้วน และใกล้ชิดกับห้องพยาบาลมากกว่าสนามฟุตบอล เมื่อมีปัญหาบาดเจ็บต้นขา โดยที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เผยว่ามิดฟิลด์วัย 26 อาการ “ค่อนข้างซีเรียส” และ “ต้องพักยาว” ดังนั้นจึงหมดสิทธิ์ไปฟุตบอลโลก 2022 แน่นอน

 

ฝั่ง ริชาร์ลิซอน หนึ่งในตัวความหวังแนวรุกของ ลา เซเลเซา (ลงสนาม 38 นัดซัดแล้ว 17 ประตู) บาดเจ็บจากเกม สเปอร์ส ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เมื่อ 15 ต.ค. แต่ทั้งเจ้าตัวและ อันโตนิโอ คอนเต้ ยังมองแง่ดีว่าจะเรียกฟิตทันไป เวิลด์ คัพ

 

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตเจ้าของค่าตัว 105 ล้านปอนด์ ล่าสุดไม่ได้อยู่ในทีม แอสตัน วิลล่า ชุดเปิดบ้านสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา และจะไม่พร้อมเล่นนัดหน้าด้วย แม้ยังไม่ทราบระยะพักที่แน่ชัดแต่ก็มากพอที่จะสั่นคลอนโอกาสไปบอลโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่า คูตินโญ่ ก็ไม่ได้อยู่ในทีมของ ตีเต้ บ่อยนักด้วย สองปีหลังได้รับใช้ชาติแค่ 5 นัดเท่านั้น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงทีเดียวที่จะถูกกาชื่อทิ้ง 

 

สำหรับ เบรเมอร์ เซนเตอร์แบ็กยูเวนตุส พลาดช่วยทีมมา 5-6 เกมแล้ว แม้คาดหมายว่าจะฟิตทันเกมสัปดาห์นี้ แต่ด้วยการที่ ติเต้ มีตัวเลือกเซนเตอร์แซมบ้าในมืออยู่ไม่น้อย ก็ทำให้เสี่ยงมากว่าอดีตแข้งโตริโน่จะอดไปบอลโลกในที่สุด

 

 

รายชื่อนักเตะอาร์เจนติน่า
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : เปาโล ดีบาล่า, อังเคล ดิ มาเรีย, เลอันโดร ปาเรเดส, คริสเตียน โรเมโร่, ลิโอเนล เมสซี่

 

แม้ในระดับชาติ เปาโล ดีบาล่า ยังจะไม่ค่อยฉายแสงเท่าที่ควรจะเป็น ยิงได้แค่ 3 ลูกจากการลงสนาม 34 นัด แต่ด้วยชื่อชั้นและคุณภาพฝีเท้า มีไว้ก็ดีกว่าไม่มี เพียงแต่ก็ต้องลุ้นกันหน่อย ภายหลังดาวเตะวัย 28 ดวงแตก เจ็บต้นขาไปเองระหว่างยิงจุดโทษให้กับ โรม่า

 

รายงานจากสื่อ ณ ตอนนี้ ยังออกไปในทางเห็นแย้งกัน ฝั่งหนึ่งบอกว่า ดีบาล่า จะฟิตทันกลับมาเล่นให้ โรม่า ได้ในเกมสุดท้ายช่วงสัปดาห์หน้า ดังนั้นก็ยังได้ลุ้นไปฟุตบอลโลก 2022 อยู่ แต่อีกฝั่งก็บอกว่า ลิโอเนล สคาโลนี่ ตัดสินใจปล่อยนักเตะพักแล้ว และจะเลือกจิ้มกองหน้าคนอื่นที่ฟิตกว่า ไปบอลโลกแทน

 

ในราย อังเคล ดิ มาเรีย ตัวเก๋าวัย 34 จากยูเวนตุส เจ็บต้นขา แต่ยังถูกคาดหมายว่าจะไปช่วยงานทีมชาติได้ทันเวลา รวมถึง เลอันโดร ปาเรเดส กับ คริสเตียน โรเมโร่ ก็ไม่ได้เจ็บหนัก ยังเชื่อว่าจะฟิตทัน

 

สำคัญสุดคือ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดดาวเตะผู้เป็นแทบทุกอย่างในความหวังสอยแชมป์โลกสมัย 3 ของทัพฟ้าขาว ได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย ทำให้ต้องพักแข้งไประยะหนึ่ง อดช่วย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เล่นกับ ลอริยองต์ และแม้ว่า เปแอสเช จะยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เมสซี่ น่าจะกลับมาพร้อมรบในเร็ววัน แต่ก็ต้องห้ามลืมว่าฟุตบอลโลก 2022 กำลังคอยท่าอยู่ในเพียง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้เท่านั้น หากว่าต้องไปลุยบอลโลกแบบไม่สมบูรณ์ 100% ย่อมเป็นความเสียหายโดยตรงของ อาร์เจนติน่า 

 

 

รายชื่อนักเตะเยอรมนี
วืดชัวร์ : ติโม แวร์เนอร์
สุ่มเสี่ยง : มาร์โก รอยส์, เลรอย ซาเน่, มานูเอล นอยเออร์

 

อุตส่าห์ย้ายจาก เชลซี ไปหาโอกาสลงสนามสม่ำเสมอกับต้นสังกัดเก่า แอร์เบ ไลป์ซิก เพื่อเตรียมตัวรับใช้ทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งอันที่จริงก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม ยิง 9 ประตูจากการเล่น 16 นัด แต่ปรากฏว่า ติโม แวร์เนอร์ กลับได้รับบาดเจ็บข้อเท้าอย่างหนักจากเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชนะ ชัคตาร์ โดเนทส์ค 4-0 และ ไลป์ซิก ยืนยันว่า แวร์เนอร์ ต้องพักยาว หมดสิทธิ์ไปช่วยชาติที่กาตาร์โดยปริยาย

 

อีกสองตัวรุกจากต่างค่าย มาร์โก รอยส์ จากดอร์ทมุนด์ กับ เลรอย ซาเน่ จากบาเยิร์น อยู่ในจุดที่ดีกว่า แวร์เนอร์ พอสมควร หลังทั้งคู่เริ่มเรียกฟิตได้ในระดับที่น่าพอใจแล้ว มีโอกาสได้ไปกาตาร์มากกว่าที่จะพลาด

 

ส่วนยอดจอมหนึบวัย 36 อย่าง มานูเอล นอยเออร์ ที่ถูกคาดหมายว่าจะไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นหนสุดท้าย เป็นข่าวใหญ่จากการที่มีอาการของมะเร็งผิวหนังบนใบหน้า แถมช่วงหลังยังเจ็บไหล่อยู่เป็นระยะ ทว่าล่าสุดก็ฟิตกลับมาลงช่วย บาเยิร์น บุกเตะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ได้แล้ว ดังนั้นถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน ก็น่าจะได้ไปกาตาร์ตามปกติ

 

 

รายชื่อนักเตะสเปน
วืดชัวร์ : มิเกล โอยาร์ซาบัล
สุ่มเสี่ยง : เซร์คิโอ เรกีลอน, เคราร์ด โมเรโน่, เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า

 

แม้ในรายชื่อ 55 แข้งสเปนชุดเบื้องต้นที่หลุดออกมา (หลุยส์ เอ็นริเก้ ตั้งใจไม่เผยจนกว่าจะตัดตัวชุดสุดท้าย) มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกตัวเก่งจาก เรอัล โซเซียดัด จะยังติดอยู่ แต่ด้วยความที่ดาวเตะวัย 25 เข่าพังมาตั้งแต่ปลายซีซั่นก่อน แล้วยังต้องพักมาถึงตอนนี้ ยังไม่ได้เล่นเกมซีซั่นนี้แม้แต่เกมเดียว ก็ทำให้จะเรียกฟิตไม่ทันเป็นแน่

 

ที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือ เกป้า “เดอะโค้ช” อาร์ริซาบาลาก้า จากการอัพเดตล่าสุดของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ปรากฏว่า เกป้า จะไม่ได้เล่นให้ เชลซี จนกว่าจะกลับมาเจอกันใหม่หลังบอลโลก เนื่องจากบาดเจ็บเท้า ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่านายด่านสแปนิชจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022 แน่ๆ แต่ด้วยการที่ เอ็นริเก้ มี 3 นายทวารอยู่แล้วในทีมชุดเตะ เนชั่นส์ ลีก เดือน ก.ย. (อูไน ซิมอน, โรเบิร์ต ซานเชซ, ดาบิด ราย่า) ก็ทำให้ยิ่งง่ายสำหรับ เอ็นริเก้ ไปอีกในการจะตัดชื่อ เกป้า ทิ้งไป หลังจากมือระดับ ดาบิด เด เคอา ก็ไม่ได้อยู่ใน 55 คนแรกก่อนแล้ว

 

 

รายชื่อนักเตะเนเธอร์แลนด์
วืดชัวร์ : จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
สุ่มเสี่ยง : เมมฟิส เดอปาย, มาร์เทน เดอ รอน, มัทไธส์ เดอ ลิกท์

 

มีปัญหาบาดเจ็บเกิดขึ้นในช่วงหลังทั้ง เมมฟิส เดอปาย (บาร์เซโลน่า), มาร์เทน เดอ รอน (อตาลันต้า) และ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ (ยูเวนตุส) แต่โอกาสที่ทั้งสามจะเรียกฟิตทันเวลาไปช่วยชาติที่กาตาร์ ยังมีมากกว่าไม่ได้ไป

 

แต่ที่พลาดแล้วตั้งแต่ต้นและน่าเจ็บใจแทน ได้แก่ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์อดีตดาวเด่นลิเวอร์พูล ที่อุตส่าห์ตัดใจย้ายหนีการเป็นคนไม่สำคัญที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หวังมาเกิดใหม่กับ โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่กลับบาดเจ็บหนักขั้นขาหักตั้งแต่ต้น พักยาวลืมวันลืมคืนไม่พอ ยังได้แค่ดูบอลโลกในฐานะกองเชียร์ด้วย

 

 

รายชื่อนักเตะเบลเยียม
วืดชัวร์ : โธมัส มูนิเยร์, อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส
สุ่มเสี่ยง : โรเมลู ลูกากู

 

เพราะไอ้ยักษ์เจ้าของสถิติถล่มประตู 68 ลูกในทีมชาติอย่าง โรเมลู ลูกากู ก็ “ยุบ” เป็นเหมือนกัน ซีซั่นนี้เพิ่งได้เล่นแค่ 5 นัด เนื่องจากเจ็บแฮมสตริง ครั้นเรียกฟิตลงสนามได้ก็ดันเจ็บซ้ำเสียอีกรอบ จนต้องลุ้นถึงวันท้ายๆ เลยว่าจะเรียกฟิตทันช่วยปีศาจแดงแห่งยุโรปสั่งลายุคทองกับบอลโลกได้หรือไม่

 

ส่วนที่วืดแล้ว และสำคัญกับทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ทั้งสองคน คือ โธมัส มูนิเยร์ แบ็กขวากำลังหลักจากดอร์ทมุนด์ โหนกแก้มฉีก ฟิตไม่ทันบอลโลก และ อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส ตัวรุกเอซี มิลาน เข่าพัง จะกลับมาเล่นได้อีกทีก็ต้นปีหน้า

 

 

รายชื่อนักเตะโปรตุเกส
วืดชัวร์ : ดีโอโก้ โชต้า, เปโดร เนโต้
สุ่มเสี่ยง : เปเป้, นูโน่ เมนเดส

 

ทำผลงานได้ดีกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นที่แล้ว (21 ประตู) จนหลายเดือนหลังถูกวางให้เป็นกองหน้าตัวจริงของโปรตุเกสอยู่ตลอด ทว่านอกจากความฝืดในซีซั่นนี้ (0 ประตู) แล้ว สำคัญคือ โชต้า เจ็บต้นขาจนต้องถูกหามออกในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อกลางเดือน ต.ค. ส่งผลให้ แฟร์นันโด ซานโตส เลี่ยงไม่ได้ต้องตัดชื่อทิ้งไปตั้งแต่ชุดเบื้องต้น 55 คน เช่นเดียวกับ เปโดร เนโต้ กองหน้าวูล์ฟส์ ที่เจ็บข้อเท้าจนต้องเข้าผ่าตัด

 

ด้าน เปเป้ ป.ประมุข ในวัย 39 ยังเป็นแกนหลักในแนวรับฝอยทองอยู่ แต่ช่วงหลังมีปัญหาเจ็บเข่ามารบกวน ส่วน นูโน่ เมนเดส เด็กเปแอสเช เจ็บกล้ามเนื้อ และทั้งคู่ต้องรีบเรียกฟิต พร้อมหวังว่าอาการของตัวเองจะไม่หนักหนาจนเกินไปนัก

 

 

รายชื่อนักเตะเดนมาร์ก
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมอน เคียร์

 

ต้องจับตากับ 2 เซนเตอร์แบ็กกำลังสำคัญ ทั้งกัปตันทีม ซิมอน เคียร์ จากเอซี มิลาน ที่เจ็บหนักและต้องพักมายาว ยังไม่แน่ชัดว่าจะเรียกความฟิตได้ถึงระดับที่เหมาะสมสำหรับการคุมหลังบ้านของทัพโคนมหรือไม่ ส่วน อันเดรียส คริสเตนเซ่น ของบาร์เซโลน่า ก็เริ่มมีปัญหาความฟิตในช่วงหลัง แม้จะไม่ได้มีรายงานว่าเจ็บหนักก็ตาม

 

 

รายชื่อนักเตะเวลส์
วืดชัวร์ : ทอม ลอว์เรนซ์, รีส นอร์ริงตัน-เดวิส
สุ่มเสี่ยง : แกเร็ธ เบล, โจ อัลเลน

 

กับการกลับเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 64 ปี เลี่ยงไม่ได้ที่มังกรแดง เวลส์ ยังจำเป็นต้องพึ่งพาพลังสังหารของ แกเร็ธ เบล ที่แม้จะหลบฉากจาก เรอัล มาดริด ไปเล่นกับ แอลเอ เอฟซี ในสหรัฐฯ แล้วก็ตาม กระนั้น กัปตันวัย 33 ก็มีปัญหาความฟิตและไม่ถูกใช้งานสม่ำเสมอนักในช่วงหลัง ต้องดูต่อว่าสภาพร่างกายจะเข้าที่เข้าทางหรือไม่ อันเป็นกรณีเดียวกับอีกคนสำคัญในแดนกลางอย่าง โจ อัลเลน (สวอนซี)

 

 

รายชื่อนักเตะสหรัฐอเมริกา
วืดชัวร์ : ไมล์ส โรบินสัน
สุ่มเสี่ยง : แดริล ไดค์, เวสตัน แม็คเคนนี่

 

ไมล์ส โรบินสัน เซนเตอร์แบ็กแอตแลนต้า ยูไนเต็ด เจ็บเอ็นร้อยหวายฉีก พักยาวอดไปบอลโลกแล้ว ส่วน แดริล ไดค์ กองหน้าเวสต์บรอมวิช กับ เวสตัน แม็คเคนนี่ คีย์แมนแดนกลางจากยูเวนตุส ต้องเร่งเครื่องเรียกฟิตหน่อยในโค้งสุด้ายก่อนฟุตบอลโลก 2022

 

 

รายชื่อนักเตะเม็กซิโก
วืดชัวร์ : เฮซุส โคโรน่า
สุ่มเสี่ยง : ราอูล ฮิมิเนซ

 

ปีกตัวเก่งจากเซบีย่า เฮซุส โคโรน่า ที่เล่นทีมชาติไปแล้ว 71 เกม ต้องพลาดเวิลด์คัพครั้งนี้อย่างน่าเสียดายภายหลังขาหักเมื่อกลางปี และฟิตไม่ทันไปรับใช้ชาติ ส่วนดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง ราอูล ฮิมิเนซ จากวูล์ฟส์ ก็มีปัญหาโคนขาหนีบ โอกาสตอนนี้อยู่ที่ 50:50

 

 

รายชื่อนักเตะเกาหลีใต้
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : ซน ฮึง-มิน

 

เดินกุมหน้าออกจากเกม ชปล. กับมาร์กเซย ซึ่งตอนแรกเหมือนจะเป็นการบาดเจ็บขาแข้งเหมือนทั่วไป แต่ปรากฏว่าหนักถึงขั้นเบ้าตาซ้ายแตก จากจังหวะเข้าปะทะกับคู่แข่งอย่างจัง และต้องเข้ารับการผ่าตัด เพียงแต่ก็ยังพอมองแง่ดีได้ว่าต่อให้ไม่ 100% ก็ยังน่าจะพอใส่หน้ากากเป็นแบทแมนลงสนามในฟุตบอลโลก 2022 ได้

 

 

รายชื่อนักเตะญี่ปุ่น
วืดชัวร์ : ยูตะ นากายามะ
สุ่มเสี่ยง : –

 

ฮาจิเมะ โมริยาสุ ประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้ายแบบไม่รีรอมาก่อนใครเพื่อน แต่ปรากฏว่าไม่ทันไรก็ต้องปรับไลน์อัพเสียแล้ว เมื่อ ยูตะ นากายามะ กองหลังจากฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เจ็บส้นเท้าอย่างหนักระดับที่ต้องพักทั้งซีซั่น แน่นอนว่าก็ต้องถอนตัวไปโดยปริยาย และถึงตอนนี้ยังไม่มีการเรียกใครเข้ามาทดแทน

 

 

รายชื่อนักเตะโครเอเชีย
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

มิดฟิลด์ตัวเก่งจาก อินเตอร์ มิลาน ไม่ได้ลงช่วยงูใหญ่มาร่วม 1 เดือนแล้วจากการบาดเจ็บต้นขาในการรับใช้ชาติรอบที่แล้ว (เนชั่นส์ ลีก) แต่ก็คาดว่าจากที่พักมาระยะหนึ่งแล้ว ก็น่าจะเพียงพอให้ได้เรียกฟิตทันเวลา

 

 

รายชื่อนักเตะอุรุกวัย
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : โรนัลด์ อเราโฮ

 

บาดเจ็บต้นขาในการรับใช้ชาติหนก่อนเมื่อเดือน ก.ย. จนอดช่วย บาร์เซโลน่า นับแต่นั้นเป็นต้นมา แถมยังต้องเข้าผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาด ทว่ารายงานช่วงหลังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า โรนัลด์ อเราโฮ มีพัฒนาการที่ดี ถ้าไม่มัวไปติดไฟแดงเสียก่อน ก็น่าจะทะลุเข้าอ่อนนุช-เอ๊ย-ไปบอลโลกได้อยู่

 

 

รายชื่อนักเตะโปแลนด์
วืดชัวร์ : ยาคุบ โมเดอร์
สุ่มเสี่ยง : –

 

เอ็นฉีกตั้งแต่เดือน เม.ย. และต้องพักยาวหลายเดือน กองกลางจากไบรท์ตันจึงฟิตไม่ทันช่วยชาติในฟุตบอลโลก 2022 แน่นอน

 

 

รายชื่อนักเตะแคนาดา
วืดชัวร์ : –
สุ่มเสี่ยง : อาติบา ฮัทชินสัน

 

กัปตันทีมชาติตัวเก๋าวัย 39 ยังไม่อาจฟื้นฟิตลงช่วย เบซิคตัส ได้เลยแม้แต่นัดเดียวในซีซั่นนี้ ภายหลังเจ็บกระดูกร้าวตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น แม้ยังพอได้ลุ้นกลับมาทัน แต่ก็น่าเสียวไส้ว่าจะฟิตไม่ถึงระดับ

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
BBC
Mirror Sports
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
ESPN
beIN SPORTS

 

เรื่องน่าอ่าน : และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
แบโผเบื้องต้น ‘โปรตุเกส’ ลุยฟุตบอลโลก 2022
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กองหน้าบราซิลคนไหน…ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กลายเป็นปัญหาที่น่ายินดีกับการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกแนวรุกบราซิลแบบล้นมือนับไม่หวาดไม่ไหว และคงต้องปวดหัวเลือกเฟ้นว่าจะเอาใครไปหรือทิ้งใครไว้ที่บ้าน สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2022

 

เป็นปกติที่ขุมกำลัง (squad) ของชาติที่ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก จะถูกจัดสรรแบ่งออกตามตำแหน่ง ผู้รักษาประตู / กองหลัง / กองกลาง / กองหน้า ซึ่งครั้งนี้ เวิลด์ คัพ 2022 ฟีฟ่า อนุญาตให้แต่ละทีมสามารถใส่ final squad ได้ 23-26 คน โดยต้องส่งรายชื่อไม่เกิน 13 พ.ย.

 

ในส่วนของ “กองหน้า” นั่นหมายความรวมถึงทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า, ตัวริมเส้น และหน้าต่ำ-เพลย์เมกเกอร์

 

และโดยทั่วไป หลายๆ ชาติก็จะใส่ชื่อตัวเลือกกองหน้าไว้ทำศึกรอบสุดท้ายประมาณ 6-8 ราย ไม่เกินนี้

 

ปัญหา…กำลังเป็นของ บราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

 

คงนับเป็นปัญหาที่น่ายินดีของ ตีเต้ กุนซือ “ลา เซเลเซา” กับการมีตัวเลือกแนวรุกแบบล้นมือ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็แจ่มวาว ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อจะสามารถหิ้วไปได้แค่ 6-7-8 ราย มันจึงต้อง “เลือก” กันหน่อย

 

กองหน้าบราซิล มีใครเข้าข่ายถูกพิจารณาบ้าง เรารวบรวมรายชื่อไว้ได้… 17 คน!

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เนย์มาร์ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
119 นัด 74 ประตู
คงพอพูดได้ว่า นี่คือนักเตะที่ “ดีที่สุด” และเป็นตัวความหวังสูงสุดของ บราซิล ยุคนี้ พร้อมกันกับที่ เนย์มาร์ ก็ต้องแบกรับภาระความกดดันของการพาทีมประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกให้จงได้ ภายหลังเว้นว่างมา 20 ปี หรือก็คือเจเนอเรชั่นของ เนย์มาร์ นี่พอดี

 

เนย์มาร์ ยังอยู่ในเส้นทางของการพังสถิติทั้งหลายแหล่ของ ลา เซเลเซา ไม่ว่าจะ “ยิงประตูสูงสุดตลอดกาล” ของ เปเล่ ที่ทำไว้ 77 ประตู นั่นคือเหลือยิงให้ได้อีกแค่ 4 ลูกเท่านั้น เนย์มาร์ จะแซงหน้าอดีตแข้งเบอร์ 1 โลกอย่างราชาไข่มุกดำขึ้นไป — เผลอๆ จะทำสำเร็จในเบรคทีมชาติงวดนี้ด้วยซ้ำ กับการมีคิวเตะพบ กาน่า และ ตูนิเซีย

 

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็รับใช้ชาติไปแล้ว 119 นัด แม้จะตามหลังเจ้าของสถิติติดธงบราซิลสูงสุดตลอดกาลอย่าง มาร์กอส คาฟู (142 นัด) อยู่พอตัว แต่ก็อยู่ในระยะที่สามารถแซงได้เช่นกัน จากที่ตอนนี้ เนย์มาร์ อายุ 30 และยังเหลือเวลาเล่นทีมชาติอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี

 

สำคัญกว่าเรื่องสถิติ คือการยิงในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนอเมริกาใต้ ไปมากถึง 9 ประตู เป็นรองแค่ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ของโบลิเวีย (10 ลูก) รายเดียว และซีซั่นนี้ เนย์มาร์ ก็ลั่นไกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปแล้วถึง 11 ประตูจาก 11 นัด

 

นอกจากนั้น การที่ ตีเต้ ยังมักถอย เนย์มาร์ ลงต่ำไปยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยปั้นเกมจากตรงกลางและประสานเกมรุกร่วมกับอีก 3 กองหน้า ยังทำให้หมายถึงว่า จะมีแค่ปัญหาบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะพราก เนย์มาร์ ให้หลุดออกจากกาตาร์ 2022 ได้

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ริชาร์ลิซอน : สเปอร์ส
36 นัด 14 ประตู
หากว่า เนย์มาร์ คือเพชรเม็ดใหญ่สุดของ บราซิล นาทีนี้ ริชาร์ลิซอน ก็คือคนสำคัญลำดับถัดมา โทษฐานที่เป็น “กองหน้าตัวเป้า” ที่สามารถพึ่งพาและฝากความหวังได้มากที่สุดคนหนึ่ง

 

การเดินทางแบบไต่ระดับจากทีมเล็กไปใหญ่ ฟลูมิเนนเซ่ > วัตฟอร์ด > เอฟเวอร์ตัน > สเปอร์ส คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ริชาร์ลิซอน กำลังเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในเส้นทางค้าแข้ง และแม้จะต้องเสียเวลาปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ในกรุงลอนดอนอยู่บ้าง แต่ก็ยิงได้แล้ว 2 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

ส่วนในทีมชาติ กองหน้าวัย 25 กดไปแล้ว 14 ลูกจาก 36 นัด อันหมายถึงเล่น 2 นัดต้องมีสัก 1 ตุง เป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดในทีมรองจาก เนย์มาร์ รายเดียว

 

เรื่องได้ไปฟุตบอลโลก 2022 น่ะไปแน่ (ถ้าไม่เจ็บ) แค่ว่าต้องชิงตำแหน่งมงกุฎยอดเพชรกับ กาเบรียล เชซุส เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022วินิซิอุส จูเนียร์ : เรอัล มาดริด
14 นัด 1 ประตู
ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของการรับใช้ชาติ ภายหลังประเดิมเส้นทางติดธงด้วยความขลุกขลัก บาดเจ็บและโดนตัดออกจาก โคปา อเมริกา 2019 โดยจนถึงตอนนี้ลงสนาม 14 นัด เพิ่งกดไปเม็ดเดียว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ยังฉายแสงไม่มากในทีมชาติ แต่ วินิซิอุส จูเนียร์ (22) คือหนึ่งในดาวรุ่งของฟุตบอลยุคใหม่ที่ถูกยกย่องว่าจะช่วงชิงตำแหน่ง “แข้งตัวท็อปโลก” ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนั่นก็ด้วยผลงานที่ร่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในตลอด 2-3 ปีหลัง

 

ซีซั่นที่แล้วกด 22 ประตูจาก 52 นัด
ซีซั่นนี้ยิงแล้ว 5 ประตูจาก 9 เกม

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงหรือสำรอง วินิซิอุส ก็คือหมากสำคัญที่ ตีเต้ จะหมางเมินไปเสียมิได้ในภารกิจทวงแชมป์โลกที่กาตาร์

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : ลิเวอร์พูล
55 นัด 17 ประตู
เป็นหนึ่งในซีเนียร์อายุเกิน 30 ไม่กี่คนของ บราซิล ชุดปัจจุบัน ซึ่งถึงตรงนี้รับใช้ชาติไปแล้ว 55 นัด กด 17 ตุง

 

ตัวเลขพังสกอร์อาจไม่มากนัก แต่ก็เป็นในลักษณะเดียวกันนี้เวลาที่ ฟีร์มิโน่ เล่นให้ ลิเวอร์พูล เนื่องจากแนวทางการเล่นของเขาเน้นเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนรอบข้าง มากกว่าจะเน้นพังตาข่ายด้วยตัวเอง (นานๆ ยิงที ก็ยิงแบบไม่มองลูก ไรงี้)

 

แม้โดยชื่อชั้นและประสบการณ์ในทีมชาติ จะทำให้ ฟีร์มิโน่ ไม่น่าพลาดแทรกตัวไปเป็นหนึ่งในขุนพล ลา เซเลเซา แต่ด้วยการที่จะเป็น “หอกเป้าตัวเลือกที่ 3” ถัดจาก กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน พ่วงด้วยฟอร์มที่ค่อนข้างแผ่วกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ ก็ทำให้แอบเสียวๆ ว่า ฟีร์มิโน่ เสี่ยงจะหลุดโผอย่างเซอร์ไพรส์เอาได้เหมือนกัน

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ราฟินญ่า : บาร์เซโลน่า
9 นัด 3 ประตู
กระโดดข้ามขั้นจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปสู่ยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ ด้วยค่าตัวสมน้ำสมเนื้อ 50 ล้านปอนด์ และตัวริมเส้นวัยเบญจเพสก็มีที่ยืนชัดเจนในทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ

 

ส่วนกับทีมชาติบราซิล ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกไม่น้อย ด้วยการกดไปแล้ว 3 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 เกม หลังเพิ่งเริมติดธงเมื่อกลางปีที่แล้ว

 

ด้วยความครบเครื่อง ชงเองกินเองได้ ยิงประตูได้จากทุกพื้นที่ของสนาม รวมทั้งการเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินกับยอดทีมอย่าง บาร์ซ่า ก็ทำให้ ราฟินญ่า จะเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของ ตีเต้ ดีไม่ดีจะยึดตัวจริงไปยาวๆ

 

โอกาสไปบอลโลก 80%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อันโตนี่ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
9 นัด 2 ประตู
เจ้าของค่าตัว 100 ล้านยูโรคนล่าสุดของวงการ (95+5) ยังอยู่ในช่วงทำความรู้จักกับฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็ประเดิมยิงใส่ อาร์เซน่อล ไปแล้ว ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยพลิกล็อก 3-1

 

ประเด็นคือ อันโตนี่ ต้องสร้างความสม่ำเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้โดยเร็ว และเค้นฟอร์มสวยๆ ออกมาไม่แพ้ตอนที่อยู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นั่นถึงจะมีการันตีว่าเขาจะถูกจิ้มเลือกจาก ตีเต้ ให้ไปแอ่วกาตาร์

 

กระนั้นด้วยความห้าวเป้งสดใหม่ของแข้งวัย 22 ก็ทำให้ “มีไว้ดีกว่าไม่มี” อย่างน้อยคือหิ้วไป “ฝึกงาน” ก่อนใช้จริงๆ จังๆ ใน เวิลด์ คัพ ครั้งถัดๆ ไป

 

โอกาสไปบอลโลก 60%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มาเตอุส คุนญ่า : แอตฯ มาดริด
7 นัด 0 ประตู
เป็นตัวหลักชุดยู-23 และโอลิมปิกเกมส์ของบราซิล ชนิดมีสถิติกระหน่ำสุดประทับใจ 21 ประตูจากการเล่นแค่ 24 นัด อย่างไรก็ตาม ในการยกระดับขึ้นเล่นชุดใหญ่ มาเตอุส คุนญ่า ยังดูสอบไม่ผ่านเท่าไหร่ ยังเบิกสกอร์ไม่ได้จากการลงสนาม 7 นัด

 

เช่นกัน การยกระดับระดับสโมสร จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด (25-30 ล้านยูโร) ก็ยังลงหลักปักฐานสร้างฟอร์มดีๆ ไม่ได้มาก ซีซั่นก่อนยิง 7 ประตู ซีซั่นนี้ยังเป้าสะอาด

 

ดังนั้น โอกาส 50-50 ในตอนนี้ ถ้าไม่รีบเค้นฟอร์มในเดือนกว่าๆ สุดท้ายก่อนบอลโลก ก็เห็นทีว่าคงโดนตัดชื่อในที่สุด

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรดรีโก้ โกเอส : เรอัล มาดริด
5 นัด 1 ประตู
ย้ายจากบ้านเกิด (ฟลาเมงโก้) มาขึ้นฝั่งสเปนกับ เรอัล มาดริด ตามหลังเพื่อนร่วมรุ่น (แก่กว่า 1 ปี) วินิซิอุส จูเนียร์ 1 ปี และก็ได้ลงสนามสม่ำเสมอกับทีมชุดขาวมาตลอด แม้ผลงานอาจดูเป็นรอง วินิซิอุส อยู่บ้างก็ตาม

 

ปัญหาของ โรดรีโก้ คือการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกดีๆ ในตำแหน่งริมเส้นเป็นเบือเป็นบาน และเขายังไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องรีบใช้งานเจ้าหนูอายุ 21 รายนี้ เร็วเกินไป

 

ดูทรง ก็คงคล้ายๆ อันโตนี่ ว่าเอาไปฝึกงานที่กาตาร์ก่อน ค่อยใช้เต็มที่ในรายการต่อๆ ไปได้ ไม่เสียโควตา

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปโดร : ฟลาเมงโก้
1 นัด 0 ประตู
น้องใหม่ในทีมบราซิลชุดเตะลับแข้งเดือนนี้ – เปโดร กิเยร์เม่ อาบรู โดส ซานโตส “เปโดร” หัวหอกตัวเป้าวัย 25 จาก ฟลาเมงโก้

 

ความที่ไม่เคยติดธงมาก่อนเลย ทำให้โอกาสจะแซงหน้าแซงตาพวกรุ่นพี่ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 คงมีไม่เกิน 10-20% เท่านั้น

 

เรื่องเล่าของ เปโดร อยู่ที่ระดับสโมสรมากกว่า เมื่อเขาเคยได้ย้ายจาก ฟลูมิเนนเซ่ ไปเข้าสังกัด ฟิออเรนติน่า ที่อิตาลีเมื่อ ก.ย. 2019 ด้วยค่าตัวไม่เบา 11 ล้านยูโร โดยทำสัญญายาว 5 ปี แต่ปรากฏได้ลงสนามแค่ 4 นัดรวมเวลาแค่ 59 นาที ก็ย้ายยืมกลับบราซิลซบ ฟลาเมงโก้ ตอนเปิดตลาดหน้าหนาว 2020 อย่างด่วน ก่อนย้ายขาด 15 ล้านยูโร ในเวลาต่อมา

 

โอกาสไปบอลโลก 5%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล เชซุส : อาร์เซน่อล
56 นัด 19 ประตู
ไม่ติดอยู่ในทีมลับแข้งของเดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ แต่ก็คาดว่าเป็นเพราะ ตีเต้ อยากเปิดโอกาสให้ กาเบรียล เชซุส ได้พัก และ “ลองของ” ใช้งานตัวอื่นๆ บ้าง เท่านั้น

 

กับรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ ตีเต้ จะมองข้ามกองหน้าวัย 25 ไปหาตัวเลือกอื่น ด้วยผลงานที่ กาเบรียล เชซุส สร้างไว้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 236 นัด 95 ประตู
อาร์เซน่อล ซีซั่นนี้ 8 นัด 4 ประตู
ทีมชาติบราซิล 56 นัด 19 ประตู

 

ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 1 สมัย หนก่อนที่รัสเซีย โดยเป็นหอกเป้าตัวเลือกแรกสุด ลงตัวจริงครบทั้ง 5 นัด แต่กลับไม่อาจเบิกสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว (ก่อน บราซิล แพ้ เบลเยียม 1-2 ตกรอบ 8 ทีม) และนั่นจะเป็นแรงกระตุ้นพิเศษให้เจ้าตัว สำหรับการคลำเป้าให้ได้ในฟุตบอลโลก 2022

 

โอกาสไปบอลโลก 90%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ : อาร์เซน่อล
3 นัด 0 ประตู
แม้จะเป็นตัวจริงเคียงข้างกันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่สถานการณ์ในทีมชาติบราซิลของ 2 กาเบรียล — มาร์ติเนลลี่ กับ เชซุส ค่อนข้างแตกต่างกันมาก

 

อย่างที่ว่าไว้ข้างต้นว่า กาเบรียล เชซุส คงไม่พลาดไปกาตาร์เมื่อยังคงน่าจะเป็นตัวเลือกเบอร์ 1-2 ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของ ตีเต้ แต่กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แล้ว เอาแค่ให้ถูกเลือก ได้มีชื่อติดธงไป–แบบไม่ต้องลงก็ได้ ก็ต้องถือว่า “ถูกหวย” เข้าแล้ว

 

หนึ่งคืออายุอานามเพิ่ง 21 อีกหนึ่งคือเพิ่งเคยเล่นทีมชาติชุดใหญ่ไปแค่ 3 นัด แถมอีกหนึ่งก็คือ ริมเส้นแซมบ้าตัวเลือกดีๆ กว่าเขา มีอีกเพียบ!

 

โอกาสไปบอลโลก 30%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาบิโกล : ฟลาเมงโก้
18 นัด 5 ประตู
กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าเคล้าน้ำชากับเส้นทางของ กาเบรียล บาร์โบซ่า “กาบิโกล” ในตอนที่ย้ายจาก ซานโตส ไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวเหยียบ 30 ล้านยูโรเมื่อปี 2016 ปรากฏทำไปทำมาก็ “แจ้งดับ” ไม่ผุดไม่เกิด แทบไม่ได้เล่นและถูกส่งออกยืมไปทั้ง เบนฟิก้า, ซานโตส และ ฟลาเมงโก้ ก่อนย้ายขาดไป ฟลาเมงโก้ 18 ล้านยูโรในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ยิงกระจายในลีกบ้านเกิด มีปีที่ยิง 43 ลูกบ้าง 34 ลูกบ้าง ทำให้ กาบิโกล ได้โอกาสจาก ตีเต้ ไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในขวบปี 2021 ได้ลงสนามเกมทีมชาติถึง 12 นัด และซัดไป 3 ประตู

 

ในวัย 26 และการลงหลักปักฐานกับ ฟลาเมงโก้ เป็นอย่างดีมาตลอดสี่ซ้าห้าปีหลัง จึงเป็นคำถามว่า ตีเต้ จะยังคงเปิดทางให้ กาบิโกล อยู่หรือไม่ โดยเมื่อมองจากตอนนี้ โอกาสอยู่ที่ 50/50 เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อาร์ตูร์ กาบรัล : ฟิออเรนติน่า
0 นัด 0 ประตู
ระเบิดฟอร์มกับ บาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการยิง 65 ประตูในสองซีซั่นครึ่ง จน ฟิออเรนติน่า คว้าเข้าคอกเมื่อตลาดหน้าหนาวซีซั่นก่อน แต่ก็ดูยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับบอลอิตาลีอีกเยอะ เมื่อเพิ่งยิงไปแค่ 3 ลูก หนึ่งในนั้นเป็น 1 ประตูของซีซั่นนี้

 

อาร์ตูร์ กาบรัล เคยถูกเรียกไปติดธงแซมบ้ามาเมื่อ ต.ค. 2021 ในคิวคัดเลือกบอลโลก 2022 เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม และถ้าจับพลัดจับผลูถูกเรียกไปกาตาร์ขึ้นมา ก็คงถือเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มัลคอม : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
0 นัด 0 ประตู
สร้างชื่อกับ บอร์กโดซ์ จน บาร์เซโลน่า ทุ่ม 42 ล้านยูโรคว้าไปเสริมแกร่งริมเส้นเมื่อปี 2018 แต่ปรากฏไม่อาจแจ้งเกิดได้ ลงสนามแค่ 24 นัด (2 ประตู) ในซีซั่น 2018/19 ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

 

ที่น่าตกตะลึงมากกว่าคือหลังจบซีซั่นนั้น เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หอบเงินมา 40+5 ล้านยูโร ซื้อต่อไปร่วมทีม ทำให้ บาร์ซ่า อนุมัติปล่อยตัวแบบไม่ต้องคิดมาก ยอมขาดทุนล้านสองล้านหยวนๆ ไป

 

การย้ายไปรัสเซีย ทำให้ชื่อของ มัลคอม ค่อยๆ หายไปจากสารบบด้วย เพราะแม้จะเป็นตัวหลักของ เซนิต แต่ทั้งไกลปืนเที่ยง ทั้งปัญหาสงคราม ก็ทำให้ ตีเต้ ไม่เคยเรียกตัว มัลคอม ไปติดธงมาก่อนเลย แม้จะเคยมีผลงานแจ่มๆ ในโอลิมปิก 2020 (2021) ที่โตเกียว ด้วยการยิงประตูชัยสยบ สเปน 2-1 ส่งบราซิลคว้าเหรียญทองได้ก็ตาม

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ดาวิด เนเรส : เบนฟิก้า
7 นัด 1 ประตู
อีกหนึ่งรายที่ “หายต๋อม” อย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ครั้งหนึ่ง ดาวิด เนเรส เคยถูกยกย่องอย่างสูง รวมถึงเคยถูกเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายราย หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด ที่มีข่าวยื่น 50 ล้านยูโรเข้าทาบทาม

 

แต่ดูเหมือนการเลือกไม่ย้ายในครั้งนั้นจะเป็นการเดินหมากที่ผิด เวลาต่อมา เนเรส ค่อยๆ หลุดจากทีมตัวจริงอาแจ็กซ์ กระทั่งถูกขายไป ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 15+2 ล้านยูโร ต่อด้วยย้ายไป เบนฟิก้า 15 ล้านยูโรในซีซั่นนี้

 

การหายจากสปอตไลท์ ก็ทำให้ เนเรส หลุดจากโผบราซิลของ ตีเต้ ไปด้วย โดยไม่ถูกเรียกตัวมา 3 ปีแล้ว หลังจากลงเล่นไป 7 เกมภายในช่วงปี 2019

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปาลินโญ่ : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
0 นัด 0 ประตู
คนละ เปาลินโญ่ อดีตกองกลางสเปอร์สเจ้าของหมวกทีมชาติ 56 ใบ นี่คือ เปาลินโญ่ เอ็นริเก้ ซัมไปโย่ ฟิลโญ่ กองหน้าวัย 22 ที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ดึงตัวจาก วาสโก ดา กาม่า มาปลุกปั้นต่อตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

 

ถูกคาดหมายว่าอนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในผู้ช่วงชิงตำแหน่งหอกเป้าทีมชาติบราซิล แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ฟุตบอลโลก 2022 หลังจากที่ผ่านมา เคยเล่นแต่ทีมเยาวชน และไปโอลิมปิกที่โตเกียว เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เอวานิลสัน : ปอร์โต้
0 นัด 0 ประตู
อีกหนึ่งดาวรุ่งวัย 22 ที่เคยอยู่ในทีมเยาวชนแซมบ้ามาก่อน แต่ก็ยังไม่เคยเล่นชุดใหญ่เช่นเดียวกับ เปาลินโญ่

 

ปอร์โต้ ดึงตัวมาจาก ตอมเบนเซ่ เมื่อสองปีก่อน และสร้างชื่อในโปรตุเกสได้กับซีซั่นที่แล้ว ที่ยิงรวม 21 ประตู เป็นในลีกซะ 14 และในบอลถ้วยฝอยทอง 7 ลูก นับเป็นแข้งรายแรกถัดจาก มาริโอ ยาร์เดล (1997/98) ที่ยิงได้เกิน 6 ลูกในบอลถ้วยซีซั่นเดียว

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

สรุปโผตัวรุกบราซิลที่คาด
ไปฟุตบอลโลก 2022 : เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, วินิซิอุส จูเนียร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ราฟินญ่า, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส, กาเบรียล เชซุส
นอนดูบอลโลกอยู่บ้าน : เปโดร, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อาร์ตูร์ กาบรัล, มัลคอม, ดาวิด เนเรส, เปาลินโญ่, เอวานิลสัน
ลุ้นระทึก 50/50 : มาเตอุส คุนญ่า, กาบิโกล

 

 

ไกด์เถื่อน
(โอกาสไปบอลโลก 0%)

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
Twitter