เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ แคเมอรูน 3-3

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-1

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
ฟุตบอลโลก 2018 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-1

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดี ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก กระนั้นดูเหมือนแผนการที่ใช้ในเกมแรกจะไม่เวิร์ค แพ้ บราซิล 0-2 แบบน่าโดนยิงมากกว่านั้นเยอะ จากนั้นเกมสอง เหมือนจะแซงชนะ แคเมอรูน 3-1 อยู่แล้ว แต่กลับโดนลุยใส่จนสุดท้ายเสมอ 3-3

 

สองนัดมีแต้มเดียว จมบ๊วยกลุ่มจี ฉะนั้นทางเลือกเดียวคือต้องชนะนัดนี้เท่านั้น แล้วลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจดึงแต้มจาก บราซิล ได้

 

กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดัง ไม่มีปัญหาสภาพทีม เมื่อได้ทั้ง ฟิลิป คอสติช และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ฟิตกลับมาลงเล่นไปแล้ว โดยเฉพาะในรายหลัง ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ มี 1 ประตูแล้วด้วยในเกมเสมอ แคเมอรูน

 

ระบบยังยึด 3-4-2-1 แต่จะเน้นรุกบุกแลกมากหน่อย ดูซาน ทาดิช กับ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ปั้นเกมหลังหอกเป้า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม พร้อมกับเปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0 แต่ว่าจากนั้นต้าน บราซิล ไม่อยู่ แพ้ไป 0-1

 

สองนัดมี 3 แต้ม ทัพนาฬิกาจึงขอผลเสมอเกมนี้เป็นอย่างน้อย พร้อมกับลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจพลิกเอาชนะ บราซิล ได้

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดังเช่นกันนั้น มีแค่ต้องเช็กอาการของ โนอาห์ โอคาฟอร์ ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีปัญหาความฟิตจนหายหน้าไปจากเกมแพ้ บราซิล คาดว่าจะพร้อมกลับลงช่วยทีมได้ตามปกติ โดยจะยืนกลางรุกฝั่งขวา เล่นร่วมกับ ชิบริล โซว์ และ รูเบน วาร์กาส เพื่อสนับสนุนหน้าเป้า บรีล เอ็มโบโล่

 

ตัวความหวัง
เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่ถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 51 ประตูจากการเล่น 78 นัด

 

สวิตเซอร์แลนด์ : บรีล เอ็มโบโล่
พังประตูนำชัยให้ สวิตเซอร์แลนด์ เชือด แคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอน (ก่อนโอนสัญชาติ) 1-0 ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับบราซิลได้พอตัวทีเดียว ซึ่งแสดงถึงความอันตรายที่หอกร่างบึกวัย 25 มี โดยถึงตอนนี้กดให้ทีมชาติไปแล้ว 12 ลูกจากการเล่น 61 เกม ขณะที่ในสโมสร เอ็มโบโล่ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปเล่นกับ โมนาโก ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ และยิงไปแล้ว 8 ประตูด้วยกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เซอร์เบีย (3-4-2-1, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, ซาซ่า ลูคิช, เนมานย่า มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิช – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาครั้งเดียวถ้วนในฟุตบอลโลกครั้งก่อน มิโตรวิช ยิงนำ 1-0 ก่อน สวิตเซอร์แลนด์ แซงเข้าป้าย 2-1 จาก กรานิต ชาก้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่
• 4 ปีผ่านมาจากวันนั้น หลายนักเตะของทั้งสองทีม ยังคงอยู่เป็นตัวเลือก ทั้งตัวจริงและสำรอง
• 11 เกมหลังในทุกรายการของปีนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 6
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 51 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 78 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
คู่คี่สูสี คุณภาพของสองฝ่ายพอๆ กัน และอาจไม่ใช่เกมที่สนุกสนานตื่นเต้นนัก เมื่อ สวิตเซอร์แลนด์ เตรียมลงไปเล่นแบบเพลย์เซฟเต็มที่เพื่อดึง 1 แต้ม ปัญหาคือกองหลังสวิสส์จะรับมือกับ มิโตรวิช ได้ดีแค่ไหน ถ้าปักหลักได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็น่าจะเก็บผลเสมอได้ตามต้องการ

 

ผลที่คาด : เสมอ 0-0

 

แคเมอรูน vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

แคเมอรูน vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : แคเมอรูน vs เซอร์เบีย
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565, 17.00 น.
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : Amarin TV

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ 0-1
นัดสองชนะ 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคเมอรูน
อุ่นเครื่อง แพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1

เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก เสมอ สโลวีเนีย 2-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-2

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
อุ่นเครื่อง 2010 เซอร์เบีย ชนะ 4-3

 

สภาพทีม
แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้อย่างลุ้นระทึก แพ้ แอลจีเรีย ในรอบ 3 นัดแรก ก่อนนัดสองยิง แอลจีเรีย คืน 1-0 ใน 90 นาที จากนั้นต่อเวลาพิเศษโดนยิงตีเสมอ 1-1 น.118 แต่สุดท้ายทดเจ็บ 120+4 มาได้ประตูชัย 2-1 ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน จากผลเสมอ 2-2 หลังต่อเวลา

 

อย่างไรก็ตาม 5 เกมหลังสุดไม่ชนะใครเลย รวมถึงนัดแรกของกลุ่มที่แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1

 

ทีมหมอผีในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ไม่มีปัญหาเรื่องขุมกำลัง โดยสามารถใช้ชุดที่ดีที่สุดได้ ในระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 แผงรุกวาง คาร์ล โตโก เอคัมบี้ กับ บริย็อง เอ็มเบโม่ ขนาบข้างหอกเป้า เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดีเลย ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก กระนั้นดูเหมือนแผนการที่ใช้ในเกมแรกจะไม่เวิร์ค แพ้ บราซิล 0-2 แบบที่น่าโดนยิงมากกว่านั้นเยอะ

 

ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดังที่เข้ามาทำทีมช่วงปี 2021 เป็นต้นมา มีปัญหาอยู่ที่แค่ ฟิลิป คอสติช วิงแบ็กจากยูเวนตุส บาดเจ็บจนไม่ได้เล่นเกมแรก และต้องเช็กฟิตสำหรับเกมนี้

 

ส่วนในราย อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ หายเจ็บข้อเท้าลงเล่นกับ บราซิล ไปแล้ว ดังนั้นจะพร้อมลงสนามตามปกติ

 

ตัวความหวัง
แคเมอรูน : เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
กองหน้าที่ว่ากันว่าดวงแข็งที่สุดคนหนึ่งของวงการ จากหอกทื่อๆ ไม่ค่อยมีชั้นเชิงสมัยอยู่ สโต๊ค ซิตี้ ใครจะเชื่อว่าหลังจากนั้นได้เข้าร่วมทีมยักษ์ใหญ่ทั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาเยิร์น มิวนิค แถมครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมาก็เล่นดีเสียด้วย ยิงไป 11 ลูก จนถูกโยงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าจะมาคว้าตัวไปตอนตลาดเปิด ส่วนในทีมชาติ กองหน้าก้านยาววัย 33 เล่นมาแล้ว 70 นัด ยิง 19 ประตู

 

เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่ถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 50 ประตูจากการเล่น 77 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคเมอรูน (4-3-3, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) อันเดร โอนาน่า – นูฮู โตโล่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา, ซามูเอล กูเอ้ต์, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า – คาร์ล โตโก-เอคัมบี้, บริยอง เอ็มเบโม่, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
เซอร์เบีย (3-4-1-2, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป มลาเดโนวิช, ซาซ่า ลูคิช, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – ดูซาน ทาดิช – ดูซาน วลาโฮวิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เคยเจอกันมาแค่หนเดียว เกมลับแข้งเมื่อ 12 ปีก่อน เซอร์เบีย ชนะ 4-3 ส่วน เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ยิงได้หนึ่งเม็ด
• เกมแรก เซอร์เบีย โดน บราซิล ลุยเข้าใส่พร้อมสร้างโอกาสยิงได้มากถึง 24 ครั้ง สองในนั้นมีทั้งชนเสาและชนคาน
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 5 เกมติดกันแล้ว เป็นเสมอ 2 แพ้ 3
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 50 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 77 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
อย่างที่บอกว่า ดูเหมือน ดราแกน สตอยโควิช จะวางแผนมาผิดไปนิด กับการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็กไปชนกับ 3 กองหน้าบราซิลตรงๆ โดยไม่มีตัวช่วยคอยซ้อนคอยรอง จนสุดท้ายก็แพ้สบาย แต่นั่นก็คือบทเรียนสำคัญที่จะทำให้พวกเขาไม่พลาดอีกในเกมนี้ โดยเฉพาะว่าคุณภาพในทีมก็ดูเหนือกว่าด้วย น่าจะเบียดชนะไปได้ในที่สุด

 

ผลที่คาด : เซอร์เบีย ชนะ 1-0

 

โปรแกรมถัดไป
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565
02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล
02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : บราซิล vs เซอร์เบีย
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, .00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลงานรอบคัดเลือก
บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
คัดบอลโลก ชนะ โบลิเวีย 4-0
อุ่นเครื่อง ชนะ เกาหลีใต้ 5-1
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1

เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 1-0
เนชั่นส์ ลีก เสมอ สโลวีเนีย 2-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1

 

ผลการพบกัน (2 นัด)
อุ่นเครื่อง 2014 บราซิล ชนะ 1-0
บอลโลก 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

สภาพทีม
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 โดยที่เสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น 17 แมตช์

 

บราซิล ของ ตีเต้ ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 7 เกมรวดแล้ว รวมเกมอุ่นเครื่องในช่วงหลัง

 

สภาพทีมของ ตีเต้ ไม่ได้มีปัญหาสำคัญ มีแค่ อันโตนี่ ปีกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ็บเล็กๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอยู่แล้ว

 

การจัดทีมจะมาเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ที่ยึดไว้ตลอดช่วงหลัง เกมรุกวาง เนย์มาร์ เป็นศูนย์กลาง ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ กับ ราฟินญ่า โดยมี ริชาร์ลิซอน ค้ำหอกเป้า

 

เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดีไม่แพ้กัน ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก และเขี่ย โปรตุเกส ไปต่อในรอบเพลย์ออฟ และช่วงหลังก็กำลังเข้าฝัก ชนะ 5 จาก 6 เกมหลัง

 

อย่างไรก็ตาม ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดังที่เข้ามาทำทีมช่วงปี 2021 เป็นต้นมา มีปัญหาสำคัญอยู่ที่สภาพความฟิตของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ เจ็บข้อเท้าติดพันในช่วงหลัง

 

หากฟื้นฟิตทันเวลา มิโตรวิช จะลงล่าตาข่ายตามปกติ แต่หากไม่พร้อม จะเป็น ลูก้า โยวิช จับคู่หัวหอกกับ ดูซาน วลาโฮวิช แทน

 

ตัวความหวัง
บราซิล : เนย์มาร์
คงพูดไม่ได้ว่า เนย์มาร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกบราซิล แต่ที่ใกล้เคียงกว่าคือ เนย์มาร์ เป็น “ผู้นำ” เกมรุกแซมบ้า เป็นจุดศูนย์กลางของการขึ้นเกมในตำแหน่งหน้าต่ำหรือมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งประเด็นสำคัญคือ ในวัย 30 เนย์มาร์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอจะโละทิ้งความเป็น “ไอ้ขี้พุ่ง” หรือ “จอมแอ็กติ้ง” กลิ้ง 38 ตลบ อย่างที่เคยเป็นแล้ว และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ยิง 15 ลูกในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา และกดไป 5 เม็ดจากการรับใช้ชาติ 5 เกมหลังสุด

 

เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่กำลังถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในการเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของเขาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 50 ประตูจากการเล่น 76 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – อเล็กซ์ ซานโดร, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – เฟร็ด, กาเซมิโร่ – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน
เซอร์เบีย (3-4-1-2, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, สเตฟาน มิโตรวิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, เนมานย่า กูเดลจ์, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – ดูซาน ทาดิช – ดูซาน วลาโฮวิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งเจอกันมาในฟุตบอลโลกหนก่อน 2018 ที่รัสเซีย บราซิล กินนิ่ม 2-0 เปาลินโญ่ กับ ติอาโก้ ซิลวา จัดคนละเม็ด
• บราซิล ชนะรวดมา 7 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 5 นัด
• สองนัดหลัง บราซิล ยิงคู่แข่ง 8 ลูก ริชาร์ลิซอน ซัด 3, ราฟินญ่า 2, เนย์มาร์ 1 ประตู
• เซอร์เบีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 6 นัดติด เป็นชนะ 5 เสมอ 1
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 50 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 76 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
จัดเป็นหนึ่งในม้ามืดที่น่าจับตาของฟุตบอลโลก 2022 สำหรับ เซอร์เบีย เพียงแต่มาตรฐานของ บราซิล ก็ดูจะอยู่เลยขึ้นไปอีกระดับ ขุมกำลังที่ทัพแซมบ้ามีสามารถเล่นงาน เซอร์เบีย ได้ทั้งบรรดาตัวจริงและตัวสำรอง ดังนั้นชัยชนะของ บราซิล จึงมีความเป็นไปได้มากกว่าอย่างอื่น แค่ต้องระวังอาวุธเด็ดของเซิร์บอย่าง มิโตรวิช ไว้หน่อย ว่าอาจเล่นงานบราซิลเข้าได้สักประตู

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
บราซิล
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล

เซอร์เบีย
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — แคเมอรูน vs เซอร์เบีย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : “สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง”

อเล็กซานดาร์ มิโตรวิชช่วยให้ทีมชาติบ้านเกิดเซอร์เบียผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022

อยู่ในฐานะทีมนอกสายตาม้ามืดของฟุตบอลโลก 2022 แต่ เซอร์เบีย จะมีทัวร์นาเมนต์ที่ดีจริงๆ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช เป็นสำคัญ …แต่งานนี้ เจ้าตัวก็มั่นใจว่า “เดี๋ยวเจอแน่!”

 

โด่งดังอย่างเงียบๆ ในฐานะตัวความหวังสูงสุดของ ฟูแล่ม ชนิดยิงถึง 43 ประตูในฤดูกาลก่อน และสานต่อความยอดเยี่ยมด้วยการตะบันในพรีเมียร์ลีกไปแล้วอีกไม่น้อยในซีซั่นนี้

 

สำคัญกว่าฟอร์มระดับสโมสร ก็คือการเป็นดาวยิง “เบอร์ 1” ของชนชาติเซอร์เบีย — อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

ในวัย 28 เจ้าเวหาอย่าง มิโตรวิช กระหน่ำไปแล้ว 50 ประตูในนามทีมชาติ นับเป็นเจ้าของสถิติลั่นไกสูงสุดตลอดกาลของ เซอร์เบีย เหนือกว่าทุกตำนานไม่ว่าจะ สเตปัน โบเบ็ค (38 ประตู), ซาโว มิโลเซวิช (37) หรือ เปแดร๊ก มิยาโตวิช (27)

 

ซึ่งก็พร้อมๆ กับความพีคในชุดเจ้าสัวน้อย มิโตรวิช ยังยิงให้ เซอร์เบีย ไปถึง 8 กับ 6 ลูกใน 2 ปีปฏิทินหลังสุด ช่วยให้ทีมชาติบ้านเกิดครองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 เช่นเดียวกับแชมป์กลุ่มของยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก

 

สิ่งที่น่าจับตาต่อก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 โดยที่ มิโตรวิช มั่นใจว่า สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย กำลังรอให้มาถึงอยู่…ที่กาตาร์!

 

 

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

หลังจากช่วงโควิด-19 ที่ทำให้เกมทีมชาติหายไปนาน มันเป็นความรู้สึกอย่างไรในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิด เพื่อลงซ้อมและลงสนามเล่นให้เซอร์เบีย?
อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช : เป็นเรื่องจริงที่เกมทีมชาติถูกเว้นวรรคเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณเป็นตัวแทนของประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเวลา สถานที่ หรือความรู้สึกของคุณ ก็ล้วนแต่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการได้เล่นให้ทีมชาติ ทุกเกมสำคัญมากไม่ว่าจะเป็นแมตช์กระชับมิตรหรือเกมเป็นทางการ

 

การเล่นให้เซอร์เบีย มีความหมายต่อคุณอย่างไร?
เป็นเกียรติอย่างยิ่งในอาชีพการงานของผม การสวมเสื้อทีมชาติและเป็นตัวแทนประเทศของผมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ถือเป็นเรื่องประเมินค่าไม่ได้ ไม่ใช่แค่ในฟุตบอล แต่ในทุกกีฬา เป็นความพึงพอใจสูงสุดของทุกคนเสมอ สิ่งที่ผมเข้าใจเสมอมาคือ การได้เป็นตัวแทนของประชาชนและได้เล่นเพื่อประเทศของผม ถือเป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

หลังจากได้เล่นและยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปแล้ว การได้กลับไปเล่นอีกครั้งมีความหมายกับคุณมากแค่ไหน?
มันมีความหมายมาก เพราะในฐานะผู้เล่น คุณย่อมต้องการมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่เก่งที่สุดเสมอ ต้องขอบคุณที่ผมได้มีโอกาสเล่นและทำประตูในฟุตบอลโลก เพื่อรับประสบการณ์ที่มากขึ้น ผมคิดว่านักเตะทีมของเราส่วนใหญ่ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว นั่นทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นเราจะเตรียมพร้อมและหวังว่าผลลัพธ์จะดีขึ้น

 

คราวที่แล้วเราโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ฟุตบอลโลก 2018, ชนะ คอสตาริกา 1-0 เกมแรก จากนั้นแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2 และ บราซิล 0-2 จนตกรอบแรก) บางสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง อาจเป็นเพราะเราขาดประสบการณ์ แต่คราวนี้เราพร้อมแล้ว ทั้งนักเตะ ทีมชาติ และคนทั้งประเทศ ทุกคนต่างตื่นเต้นกับฟุตบอลโลกหนนี้

 

จากฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ คุณรู้สึกว่าคุณได้เปลี่ยนไปในฐานะผู้เล่นหรือในฐานะบุคคลหรือไม่อย่างไร?
ใช่ ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไปมาก ผมเติบโตขึ้นในทุกแง่ และเมื่อคุณโตขึ้น วิธีคิดของคุณจะเปลี่ยนไปด้วย ในฐานะผู้เล่น ผมแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ผมใจเย็นขึ้นและเรียนรู้ที่จะเล่นโดยใช้สมองมากขึ้น การแข่องขันแต่ละแมตช์ล้วนให้ประสบการณ์กับคุณ ดังนั้นผมคิดว่าผมเป็นผู้เล่นที่แตกต่างและดีกว่าเมื่อสี่ปีก่อนอย่างแน่นอน

 

ด้วยสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยม คุณมั่นใจแค่ไหนในการไปกาตาร์ในฐานะตัวความหวังของเซอร์เบีย?
ผมรู้สึกมั่นใจมาก มันเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้เล่นทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองหน้า เมื่อคุณอยู่ในสนามและทำประตูได้ คุณก็อยากจะลงเล่นให้ต่อเนื่องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรารู้ว่าฟุตบอลโลกรออยู่ข้างหน้า และยังมีอีกหลายแมตช์ให้เล่นก่อน แต่ผม เพื่อนร่วมทีม และคนทั้งประเทศต่างหฌตั้งตารอการแข่งขัน

 

เราแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้น เรามีกลุ่มที่แข็งแกร่งพร้อมทีมที่แข็งแกร่งและผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นก็คือเหตุผลที่เราเล่นเกมนี้ เราต้องการที่จะอยู่ที่นั่นและแข่งขันกับสิ่งที่ดีที่สุด – เราแทบรอกันไม่ไหวแล้ว ผมมั่นใจมาก ซึ่งผมก็คิดว่าทั้งทีมและคนทั้งประเทศรู้สึกเหมือนกัน

 

คุณเป็นฮีโร่สำหรับประเทศของคุณ และชาวเซอร์เบียก็คาดหวังให้คุณทำประตูอยู่เสมอ มันรู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นไอคอนของทีมแบบนี้?
มันเป็นงานของผม เมื่อผมเล่นให้กับทีมชาติ เล่นให้ฟูแล่ม หรือที่อื่นๆ ผู้คนต่างก็คาดหวังให้ผมทำประตู มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ คุณอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายเมื่อคุณเป็นกองหน้า คุณไม่สามารถเล่นได้ดีเสมอไป แต่คุณต้องยิงประตูให้ได้ ความกดดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากการที่ต้องทำประตูให้ได้ทุกนัด เพียงแต่ตลอดอาชีพการงานของผม ผมก็เคยชินกับสิ่งเหล่านี้ดี

 

ผมชอบความกดดัน และสิ่งที่ผมสามารถทำได้กับมัน ผมชอบทำคะแนนและรู้สึกกดดันบนไหล่ของผม ผมรู้ว่าทุกคนคาดหวังอะไรจากผม ความรู้สึกที่ดีที่สุดคือเมื่อทุกคนมีความสุขเพราะสิ่งที่คุณทำ ผมชอบที่จะทำประตูและผมชอบที่ทุกคนคาดหวังให้ผมทำประตู เพราะนั่นแปลว่าผมเก่งในสิ่งนี้

 

ในความเห็นของคุณ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกครั้งนี้ของเซอร์เบีย คืออะไร?
มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากมาย และช่วงเวลาที่ยากลำบาก ช่วงที่สำคัญ ทุกแมตช์มีความซับซ้อนในแบบของตัวเอง แม้แต่แมตช์กับทีมเล็กๆ เช่นกับ ลักเซมเบิร์ก หรือคู่ต่อสู้ที่คล้ายคลึงกัน แมตช์ประเภทนี้มีความสำคัญไม่น้อย เนื่องจากคุณต้องการแรงจูงใจพิเศษ แมตช์ที่มีความต้องการน้อยกว่าคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนั่นคือสิ่งที่ทีมมักจะทำพลาด โดยไม่มีข้อแก้ตัว

 

เรามักพลาดในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ด้วยเหตุนี้ เกมกับ อาเซอร์ไบจาน และ ลักเซมเบิร์ก ล้วนมีความสำคัญต่อการคัดเลือกไปเล่นที่กาตาร์ แน่นอนว่าการเอาชนะ โปรตุเกส ก็สำคัญเช่นกัน แต่ในเกมอย่างการเจอ ไอร์แลนด์ เดิมพันมันสูงมาก และความกดดันก็สูงเช่นกัน แต่บางทีมันก็เล่นง่ายกว่าเกมกับทีมเล็ก นั่นก็คือทุกนัดมีความยากซ่อนอยู่ และทุกชัยชนะต่างก็มีความสำคัญ

 

การมีทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะประสบการณ์สูง และผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ มาแล้วนั้น มีความสำคัญเพียงใด?
ผมคิดว่ามันเป็นข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมเลย เพราะเราทุกคนผ่านการคัดเลือกช่วงแรกมาแล้ว เราเล่นด้วยกันมานาน นั่นคือสิ่งสำคัญ และเราได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ผู้เล่นของเราหลายคนโตมาด้วยกันจริงๆ เรารู้จักกันเป็นอย่างดี และสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเพื่อนร่วมทีมของคุณ เรารู้ว่าเราคิดอย่างไร เราไม่ต้องใช้เวลามากในการเริ่มเล่นด้วยกันเป็นทีม และเป็นสิ่งสำคัญในทีมชาติสำหรับผู้เล่นที่จะรู้ว่าทุกคนเล่นและคิดอย่างไร

 

เรามั่นใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง เราอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของเรา เราทุกคนหวังว่าเราจะอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อที่จะได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่รออยู่ข้างหน้า เหมือนที่เราทำได้ในเกมกับโปรตุเกส โชคดีที่เรามีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่เราก็มั่นใจว่าเราสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้จริงๆ

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

ถึงเวลา “พลิกชะตา” ของเซอร์เบีย?
ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาหลายต่อหลายครั้ง จาก ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย จนมาเป็น เซอร์เบีย ในวันนี้ ซึ่งอันที่จริง พวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ครั้งแรกสุด 1930 ทีเดียว เพียงแต่ก็ล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นว่าตกรอบคัดเลือกอยู่เรื่อยๆ

 

ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย / Kingdom of Yugoslavia
1930 อันดับ 4
1934 ตกรอบคัดเลือก
1938 ตกรอบคัดเลือก
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย / SFR Yugoslavia
1950 รอบแรก
1954 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
1958 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
1962 อันดับ 4
1966 ตกรอบคัดเลือก
1970 ตกรอบคัดเลือก
1974 รอบสอง
1978 ตกรอบคัดเลือก
1982 รอบแรก
1986 ตกรอบคัดเลือก
1990 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย / FR Yugoslavia
1994 ติดโทษแบน
1998 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
2002 ตกรอบคัดเลือก
เซอร์เบีย-มอนเตเนโกร / Serbia and Montenegro
2006 รอบแรก
เซอร์เบีย / Republic of Serbia
2010 รอบแรก
2014 ตกรอบคัดเลือก
2018 รอบแรก

 

ในฐานะ เซอร์เบีย หรือ Republic of Serbia ที่เริ่มตั้งแต่ 2010 เป็นต้นมา พวกเขายังไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบแรกมาก่อน เมื่อแม้จะชนะได้ 1 เกมในรอบแรกแต่ละครั้ง แต่ก็ดันแพ้ซะ 2 เกมในแต่ละทัวร์นาเมนต์เช่นกัน

 

จนมายังฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ถือว่าทีมของ ดราแกน สตอยโควิช (ยูโกฯ 1983-2001, เคยคุม นาโงย่า แกรมปัส และ กว่างโจว อาร์&เอฟ) ที่มีขุนพลเอกอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, ดูซาน วลาโฮวิช, ลูก้า โยวิช, ดูซาน ทาดิช, ฟิลิป คอสติช, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช มาดีอย่างน่าแปลกใจ ในรอบคัดเลือกพวกเขาไม่แพ้ใครเลย ชนะ 6 เสมอ 2 โกยเข้ากระเป๋า 20 แต้ม เป็นแชมป์กลุ่มเอเหนือ โปรตุเกส พร้อมกับเขี่ย ไอร์แลนด์ ร่วงคัดเลือกไปอีกสมัย

 

ประเด็นสำคัญคือการเปิดบ้านเสมอ โปรตุเกส 2-2 ภายหลังโดนนำ 2-0 ในครึ่งชั่วโมงแรก จากนั้นก็บุกไปสยบ โปรตุเกส ถึงลิสบอน ในเกมปิดกลุ่ม 2-1 อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (ดาวซัลโวสูงสุด 8 ประตู) สังหารประตูชัยในนาทีสุดท้าย

 

มาตรฐานที่ยอดเยี่ยมของทัพ “ดิ อีเกิ้ลส์” ยังยืนระยะต่อมาใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ที่ เซอร์เบีย ผงาดครองแชมป์กลุ่ม 4 ลีกบี เหนือ นอร์เวย์, สโลวีเนีย และ สวีเดน

 

ก็พร้อมๆ กันกับความตกต่ำเหลือเชื่อของ สวีเดน (จมบ๊วย ร่วงตกชั้นสู่ลีกซี) และความเก่งกาจที่ยังไม่มากพอของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ กับพรรคพวก เป็นทาง เซอร์เบีย นี่เองที่เข้าป้ายเถลิงแชมป์กลุ่ม และได้เลื่อนชั้นไปเล่นในลีกเอ ร่วมกับยักษ์ใหญ่ร่วมทวีปทั้งหลายแหล่

 

แน่นอน เมื่อ “ทรง” มาดีๆ แบบนี้ เซอร์เบีย จึงถูกมองว่ามีสิทธิ์สร้างผลงานดีๆ ได้ในเวิลด์คัพงวดนี้ — ต่างไปจากหนก่อนๆ

 

แต่แรกสุดก็คือ ต้องผ่านรอบแรกไปให้ได้เสียก่อน

 

สำหรับที่กาตาร์ พวกเขาได้อยู่กลุ่มจีร่วมกับแชมป์โลก 5 สมัย/ตัวเก็งเต็งแชมป์อย่าง บราซิล พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทวีป สวิตเซอร์แลนด์ และทีมหัวแถวของแอฟริกาอย่าง แคเมอรูน

 

24 พ.ย. บราซิล v เซอร์เบีย
28 พ.ย. แคเมอรูน v เซอร์เบีย
2 ธ.ค. เซอร์เบีย v สวิตเซอร์แลนด์

 

แน่อยู่แล้วว่าในหน้ากระดาษ เซอร์เบีย เป็นรอง บราซิล พอตัว เพียงแต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า เมื่อเจอกันจริงๆ ในสนามแล้ว จะห่างกันอย่างที่ใครคาดไว้หรือเปล่า — เพียงแต่ก็อย่าลืมว่า ลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช เล่นงานได้ทุกทีมในโลก ไม่เว้นแต่ บราซิล ที่จะมี ติอาโก้ ซิลวา กับ มาร์กินญอส คอยตั้งรับ

 

แล้วหากแม้ว่าจะพ่าย บราซิล ในเกมแรก เซอร์เบีย ก็ยังจะมีโอกาสแก้มือในสองเกมถัดไปกับ แคเมอรูน และ สวิตเซอร์แลนด์ (อริเก่ามีความหลังกันมาจากบอลโลกหนก่อน เซอร์ดาน ชากิรี่ ลั่นไกสยบ เซอร์เบีย 2-1 นาทีสุดท้าย) อยู่

 

ดังนั้นนั่นหมายถึงว่า เซอร์เบีย มีโอกาสไปต่อรอบน็อกเอาต์อยู่ไม่น้อย เมื่อมองจากตรงนี้

 

อดใจรอไม่กี่วัน ก็ได้เห็นกันแล้วว่า เซอร์เบีย จะเป็นม้ามืดตัวจริงของรายการ หรือทำตัวน่าผิดหวังเข้าอีหรอบเดิม…

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Norway Posts English
Sportstar
MARCA