แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ ‘เมสซี่’ แต่แข้งฟ้าขาว ‘ทุกคน’ ล้วนสำคัญ!

เปิดขุมกำลัง อาร์เจนติน่า ชุดแชมป์โลก 2022

ในเรื่องเล่าแชมป์โลกแต่ละสมัยของ อาร์เจนติน่า น่าแปลกไม่น้อยที่จะมี “พระเอก” เป็นเสมือนผู้นำทีมไปสู่ความสำเร็จ — ที่ให้บังเอิญว่า ต่างก็สวมเสื้อหมายเลข 10 ด้วยกันทั้งหมดเสียด้วย

 

1978 มาริโอ เคมเปส
1986 ดีเอโก้ มาราโดน่า
และ 2022 ลิโอเนล เมสซี่

 

แต่เอาเข้าจริง อาจ “ช็อตฟีล” ไปหน่อยที่ต้องบอกว่า… ฟุตบอล ไม่ใช่ “กีฬาชายเดี่ยว” แต่อย่างใด

 

ตราบใดที่ เมสซี่ ไม่อาจยิงประตูเสร็จแล้วคว้าถุงมือโกล์มาเฝ้าเสาได้ ก็เลิกพูดเสียทีว่า อาร์เจนติน่า ประสบความสำเร็จได้เพราะ เมสซี่ เพียงคนเดียว

 

เพราะไม่ใช่แค่ เมสซี่ แต่แข้งฟ้าขาว “ทุกคน” อีก 25 นักเตะ ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ก็ล้วนแต่มีความสำคัญ มีประโยชน์และส่งอิทธิพลจากการเล่นในตำแหน่งของตัวเอง

 

ดังนั้น ฟุตบอลโลก 2022 จึงไม่ใช่ “ฟุตบอลโลกของเมสซี่”

 

แต่คือฟุตบอลโลกของ “ทีมชาติอาร์เจนติน่า”

 

และว่ากันถึงที่สุด ก็คงเป็นของชาวอาร์เจนไตน์…ทุกชีวิต!

 

 

ผู้รักษาประตู
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!1. ฟรังโก้ อาร์มานี่
ลงสนาม : 0
รวมนาที : 0
เสียประตู : 0
ถ้าจะมีใครไม่สำคัญในทีมชุดแชมป์โลกชุดนี้ ก็ ฟรังโก้ อาร์มานี่ นี่แหละ (ฮา) โดยนายประตูวัย 36 จาก ริเวอร์เพลท มาเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในฐานะมือสองรองจาก เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ซึ่งโชคไม่ดีที่ทัวร์นาเมนต์นี้ อาร์เจนติน่า ไม่มีเกมในลักษณะ “ไม่ซีเรียส” อยู่เลย ทำให้โอกาสลงสนามทั้งหมดเป็นของมือหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!12. เคโรนิโม่ รุลลี่
ลงสนาม : 0
รวมนาที : 0
เสียประตู : 0
หนักกว่ามือสองอย่าง ฟรังโก้ อาร์มานี่ ก็คือมือสามอย่าง เคโรนิโม่ รุลลี่ จอมหนึบวัย 30 จาก บียาร์เรอัล ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่ว่าไว้ในท่อนขยายของ อาร์มานี่ ว่า อาร์เจนติน่า ไม่มีเกมขำๆ แต่อย่างใด ส่งผลให้ทั้งมือสองและมือสาม ได้แค่ร่วมซ้อมและรอสแตนด์บายข้างสนามเท่านั้น

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!23. เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริงทั้งหมด)
รวมนาที : 690
เสียประตู : 8
เซฟประตู : 6
สร้างชื่อทั้งในฐานะมือหนึ่งแชมป์โลก, จอมเซฟจุดโทษ และตัวตึงค่ายฟ้าขาว เจ้าของรางวัลนายประตูยอดเยี่ยม Golden Glove โดยแม้จะเสียประตูไปไม่น้อย 8 ลูกจาก 7 นัด แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ในวัย 30 (แล้ว) จาก แอสตัน วิลล่า ก็แสดงให้เห็นว่าเขาคือยอดนายทวารคนหนึ่งของวงการ ซึ่งนอกจากการเซฟจุดโทษของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ในช่วงดวลเป้า (สองรอบ) แล้ว ก็ยังเซฟช็อตสำคัญมากๆ จากการยิงของ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หอกสำรองฝรั่งเศส ในช่วงทดเจ็บ 120+3 ของการต่อเวลาพิเศษ ช่วยให้ อาร์เจนติน่า ยื้อไปได้จนถึงดวลเป้า ไม่เช่นนั้นฟ้าขาวก็คงต้องรอแชมป์โลกไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย

 

 

 

กองหลัง
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!2. ฮวน ฟอยธ์
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 5
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กองหลังสารพัดประโยชน์จาก บียาร์เรอัล ได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2022 แค่ 5 นาทีสุดท้ายของเกมที่ อาร์เจนติน่า ยิง โครเอเชีย ขาดลอยไปแล้ว 3-0 ในรอบตัดเชือก แต่ด้วยวัยแค่ 24 จึงยังถือว่ามีอนาคตอีกยาวไกลในทีมฟ้าขาว

 

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!3. นิโกลัส ตายาฟิโก้
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 3 สำรอง 3)
รวมนาที : 373
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แบ็กซ้ายวัย 30 จาก โอลิมปิก ลียง ออกสตาร์ทตัวจริงในนัดแรก แต่ผลแพ้ ซาอุดีอาระเบีย อย่างช็อกโลก 1-2 ก็ทำให้เขาโดนลงโทษอย่างกลายๆ ด้วยการโดนดร็อปจากทีมตัวจริงในเกมถัดๆ มา จนกระทั่งคืนสู่ 11 คนแรกอีกครั้งได้ในรอบตัดเชือกกับ โครเอเชีย ภายหลัง มาร์กอส อคุนย่า ติดโทษแบน แต่แม้รายหลังจะพ้นโทษพร้อมเล่นนัดชิง ก็ยังเป็นโอกาสของ ตายาฟิโก้ ได้ยืนตัวจริงต่ออย่างเซอร์ไพรส์ในนัดชิงแชมป์กับ ฝรั่งเศส

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!4. กอนซาโล่ มอนเทียล
ลงสนาม : 4 (ตัวจริง 1 สำรอง 3)
รวมนาที : 118
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
หนึ่งในโจ๊กเกอร์ที่ ลิโอเนล สคาโลนี่ ให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษสำหรับความนิ่งแน่นอนของการยิงจุดโทษ เมื่อแม้ว่าแบ็กขวาวัย 25 จากเซบีย่า จะได้เล่นตัวจริงแค่นัดเดียวกับ เม็กซิโก (2-0) แต่เมื่อเกมยืดเยื้อถึงดวลเป้าแล้ว มอนเทียล ก็จะถูกส่งลงไปเป็นมือสังหารเสมอ และยิงได้อย่างเฉียบขาดเข้าเป้าทั้งเกมชนะ เนเธอร์แลนด์ 4-3 และชนะ ฝรั่งเศส 4-2 (แต่ก็โดนจับแฮนด์บอล เสียจุดโทษลูก 3-3)

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!6. เคร์มัน เปซเซลล่า
ลงสนาม : 3 (ตัวจริง 0 สำรอง 3)
รวมนาที : 60
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
เซนเตอร์แบ็กตัวสำรองวัย 31 จาก เรอัล เบติส ถูกส่งลงท้ายเกมแทนเพื่อนทั้ง 3 นัดของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 ได้แก่รอบแรกที่ชนะ โปแลนด์ 2-0 (12 นาที), รอบ 8 ทีมชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3 (43 นาที) และนัดชิง ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 4-2 ก็ได้ลงไปช่วยอุดเกมรับเฮือกท้าย นาที 116

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!8. มาร์กอส อคุนย่า
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 4 สำรอง 2)
รวมนาที : 373
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แบ็กซ้ายประสบการณ์สูงวัย 31 จากเซบีย่า เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นสำรองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ แต่ก็ก้าวขึ้นไปเป็นตัวจริงแทนที่ ตายาฟิโก้ ตั้งแต่นัดชนะ เม็กซิโก 2-0 เป็นต้นไป จนกระทั่งรอบ 8 ทีมที่มาโดนใบเหลืองเพิ่ม ทำให้ติดแบนอดเล่นรอบตัดเชือก จนกลายเป็นว่าต้องหลุดเป็นสำรองไปเสียในนัดชิงกับ ฝรั่งเศส เพียงแต่ก็ยังถูกเปลี่ยนลงไปช่วยเสริมเกมรับแทน อังเคล ดิ มาเรีย ในนาที 64

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!13. คริสเตียน โรเมโร่
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 6 สำรอง 1)
รวมนาที : 547
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แม้จะเข้าๆ ออกๆ ไม่ได้เป็นตัวจริงถาวรของ สเปอร์ส แต่กับทีมชาติแล้ว เซนเตอร์แบ็กวัย 24 จัดเป็นคนสำคัญในแผงหลัง เป็นตัวยืนมาตั้งแต่ โคปา อเมริกา 2021 ระดับติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2022 ก็เป็นตัวจริงถึง 6 จาก 7 นัดที่ อาร์เจนติน่า ลงสนาม รวมถึงก็เป็นตัวจริงแบบอยู่ครบเกม 120 นาทีของนัดชิงชนะเลิศ

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!19. นิโกลัส โอตาเมนดี้
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 7 สำรอง 0)
รวมนาที : 690
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 1
ทั้งที่ขวบวัยปาไป 34 ย่าง 35 และหลบไปสังกัดทีมเกรดรองอย่าง เบนฟิก้า แล้ว แต่ปรากฏว่า โอตาเมนดี้ แทรกลงตัวจริงในทีมของ สคาโลนี่ อย่างเซอร์ไพรส์ แถมสร้างสถิติน่าสะพรึงอย่างการลงเป็น 11 คนแรกครบถ้วนทั้ง 7 นัดและเล่นครบทุกนาทีของทั้ง 7 แมตช์ ไม่ถูกถอดออกแม้แต่ครั้งเดียว จนมีเพียง โอตาเมนดี้, เมสซี่ และนายประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เท่านั้น ที่ลงเล่นครบทั้ง 690 นาทีที่กาตาร์ ของทีมฟ้าขาว

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!25. ลิซานโดร มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 2 สำรอง 3)
รวมนาที : 303
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
สร้างชื่อเป็นปราการหลังจอมแกร่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา แต่กับทีมชาติแล้ว ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวเลือกที่ 3 รองจากทั้ง นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ จนในเวิลด์คัพหนนี้ได้เล่นตัวจริงแค่ 2 นัด เกมรอบแรกกับ เม็กซิโก และลงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็กนัดชนะ เนเธอร์แลนด์ รอบ 8 ทีม

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!26. นาอูเอล โมลิน่า
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 6 สำรอง 1)
รวมนาที : 567
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
มีเส้นทางค้าแข้งพุ่งขึ้นดุจดั่งพลุไฟ เมื่อแบ็กขวาวัย 24 เพิ่งจะย้ายจาก อูดิเนเซ่ ไป แอตเลติโก มาดริด ซีซั่นนี้เอง รวมถึงก็เพิ่งเริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่ในปีก่อนเท่านั้น แต่ไม่มีใครหยุดอยู่จนกลายเป็นแบ็กขวาตัวเลือกแรกของ สคาโลนี่ ไปแล้ว ในฟุตบอลโลก 2022 ก็ลงตัวจริง 6 นัด สำรองหนเดียวนัดพบ เม็กซิโก และมี 1 ประตูในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ รวมถึง 1 แอสซิสต์กับ โปแลนด์ ด้วย

 

 

 

 

 

กองกลาง
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!5. เลอันโดร ปาเรเดส
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 2 สำรอง 3)
รวมนาที : 225
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
อันที่จริง กลางรับวัย 28 จาก ยูเวนตุส เป็นคนที่ติดทีมชาติมาเยอะที่สุด (45 นัด) ในบรรดามิดฟิลด์ที่ สคาโลนี่ เลือกมา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงทัวร์นาเมนต์ก็ดันหลุดออกจาก 11 คนแรกไปเสีย เหตุผลอาจมาจากเกมแรกกับ ซาอุฯ ที่ ปาเรเดส ได้เล่นตัวจริงแต่เล่นไม่ค่อยดี ปิดเกมคู่แข่งไม่อยู่ โดนทะลวง 2 ประตูจนโดนถอดออกหลังจากนั้น แล้วก็หายหน้าไป ค่อยกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งตอนตัดเชือกกับ โครเอเชีย

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!7. โรดริโก้ เด ปอล
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 7 สำรอง 0)
รวมนาที : 599
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
โรดริโก้ “เดอะ บอดี้การ์ด” เด ปอล องครักษ์พิทักษ์เมสซี่ จัดเป็นหนึ่งในคีย์แมนชุดแชมป์โลกของทัพฟ้าขาว ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างรุกก็ดีรับก็ได้ ขับเคลื่อนแดนกลางด้วยพลังแรงสูง แม้จะไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ แต่มิดฟิลด์เชื้อสายอิตาลีวัย 28 จาก แอตเลติโก มาดริด ก็ไม่หลุดจากทีมเลยแม้แต่นัดเดียว และมีนาทีในสนามเป็นรองแค่ 3 คนที่ได้ลงทุกนาที (เอมี่ มาร์ติเนซ, โอตาเมนดี้, เมสซี่) เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!14. เอเซเกล ปาลาซิออส
ลงสนาม : 3 (ตัวจริง 0 สำรอง 3)
รวมนาที : 50
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กลางรับตัวเลือกรองลงไปจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาฟุตบอลโลกในฐานะอะไหล่สำรองของพี่ๆ ส่งผลให้ได้เล่นแค่ 3 เกม (เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, โครเอเชีย) เป็นตัวสำรองช่วงท้ายทั้งหมด และมีนาทีในสนามแค่ 50 นาทีเท่านั้น

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!16. ติอาโก้ อัลมาด้า
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 7
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มิดฟิลด์หนุ่มน้อยวัย 21 เด็กสุดในทีมแชมป์โลกชุดนี้ (อ่อนเดือนกว่า เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ) ได้มาฟุตบอลโลก 2022 อย่างส้มหล่น โดยถูกเรียกมาแทนตัวเจ็บอย่าง ฮัวกิน กอร์เรอา ซึ่งดาวรุ่งจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ทีมในสหรัฐฯ ก็ได้สัมผัสเกมที่กาตาร์แค่ 7 นาทีถ้วน จากการลงสำรองท้ายเกมกับ โปแลนด์ ซึ่งนับเป็นการเล่นชุดใหญ่เกมที่ 3 เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!17. อเลฮานโดร โกเมซ
ลงสนาม : 2 (ตัวจริง 2 สำรอง 0)
รวมนาที : 107
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
ตัวรุกสูงวัย (34) จาก เซบีย่า เพิ่งจะมาติดทีมชาติอาร์เจนติน่าสม่ำเสมอก็ในช่วงที่มี สคาโลนี่ ทำทีมนี่เอง แต่ก็มีรอยด่างตรงที่ประตูสุดท้ายที่ทำได้ต้องย้อนไปไกลถึงท้ายซีซั่นก่อนทีเดียว ส่วนที่กาตาร์ “ปาปู้” โกเมซ ได้เล่นตัวจริง 2 เกม กับ ซาอุฯ และ ออสเตรเลีย แต่ก็ไม่มีผลงานอะไรเท่าไหร่ โดนถอดออกต้นครึ่งหลังทั้งสองนัด

 

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!18. กีโด้ โรดริเกซ
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 1 สำรอง 0)
รวมนาที : 56
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กลางรับร่างโย่งวัย 28 จาก เรอัล เบติส เป็นตัวจริงชุดแชมป์ โคปา อเมริกา กลางปีที่แล้ว แต่หลุดลงเป็นสำรองของชุดแชมป์โลก ได้เล่นแค่เกมเดียว (ลงตัวจริง) นัดชนะ เม็กซิโก 2-0 ก่อนโดนถอดออกกลางครึ่งหลัง กระนั้นก็เหมือนเป็นการค้นพบของทัวร์นาเมนต์เหมือนกัน เมื่อตัวที่ลงแทนคือ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ผู้ซึ่งกลายเป็นดาวเด่นในที่สุด

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!20. อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 6 สำรอง 0)
รวมนาที : 550
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
มิดฟิลด์จาก ไบรท์ตัน ได้ของขวัญวันเกิด (24 ธ.ค.) อายุครบ 24 ปีระดับพรีเมี่ยมอย่างเหรียญทองและโทรฟี่แชมป์โลก ภายหลังลูกชายของ คาร์ลอส “โคโล่” แม็ค อัลลิสเตอร์ อดีตตัวทีมชาติอาร์เจนติน่า 3 นัด (โบคา จูเนียร์ส 1992-1996) จัดเป็นหนึ่งในความเซอร์ไพรส์ของทีมแชมป์โลก ด้วยการที่ก่อนทัวร์นาเมนต์ อเล็กซิส เพิ่งติดธงชุดใหญ่มาแค่ 7 เกมเท่านั้น แต่ก็ถูกเลือกจาก สคาโลนี่ ให้ลงตัวจริงในฟุตบอลโลก 2022 นับตั้งแต่รอบแรกนัดสอง กับ เม็กซิโก เป็นต้นไป (มียิง 1 ลูกกับ โปแลนด์) จนกระทั่งถึงเกมชิงชนะเลิศ

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!24. เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 5 สำรอง 2)
รวมนาที : 564
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
หลังจากถูกส่งลงสำรองครึ่งชั่วโมงท้ายของเกมกับ เม็กซิโก แล้วสร้างผลงานได้ทันที ยิง 1 ประตูปิดกล่องให้ อาร์เจนติน่า กำชัย 2-0 ก็กลายเป็นเหมือนการค้นพบสุดสำคัญของ สคาโลนี่ ที่หลังจากนั้นก็ส่งมิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 จาก เบนฟิก้า ลงตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และ เฟร์นานเดซ ทำอีก 1 แอสซิสต์นัดชนะ โปแลนด์ ก่อนจะช่วยให้ฟ้าขาวไปถึงฝั่งฝัน จนสุดท้ายก็ได้รับคัดเลือกให้คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของรายการ FIFA Young Player Award ไปครอง

 

 

 

 

 

กองหน้า
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!9. ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 5 สำรอง 2)
รวมนาที : 464
ประตู : 4
แอสซิสต์ : 0
ที่จริง ผู้คนก็พอรู้อยู่แล้วว่า ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ไม่ธรรมดา จากการจิ้มเลือกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้มาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ และก็มีผลงานยิง 7 ประตูในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าเจ้าหนุ่มวัย 22 จะระเบิดเถิดเทิงได้ขั้นนี้ เริ่มจากฉกชิงตัวจริงมาจาก เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แล้วก็ยึดเอาไว้แบบยาวๆ จนถึงแชมป์โลก โดยมีผลงานชิ้นโบว์แดงที่การซัด 2 ตุงในเกมสยบ โครเอเชีย 3-0 รอบตัดเชือก รวมสอยไป 4 ประตูในฟุตบอลโลกครั้งแรกของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!11. อังเคล ดิ มาเรีย
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 4 สำรอง 1)
รวมนาที : 288
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
น้อยแต่มาก… เกือบจะเป็นสุดยอดโจ๊กเกอร์แห่งฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเรียกจุดโทษ 1 และยิงประตูเองอีก 1 นำ อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ ฝรั่งเศส 2-0 ก่อนที่จะมาโดนทีเด็ด คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จนเจียนอยู่เจียนไปและต้องเสียน้ำตาบนม้านั่งสำรองหลายรอบ ซึ่งที่จริง ในวัยย่าง 35 และสภาพร่างกายไม่ได้ฟิตปั๋งเหมือนตอนรุ่งๆ ดิ มาเรีย ก็คงมาเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ในท้ายที่สุดก็มีแชมป์โลกติดมือเข้าจนได้

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!15. อังเคล กอร์เรอา
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 5
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มาลุยฟุตบอลโลก 2022 แบบที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากอยู่แล้ว ด้วยการเป็นมวยแทนของ นิโก้ กอนซาเลซ ที่เจ็บจนต้องถอนตัวไปก่อนทัวร์นาเมนต์ และกองหน้ากึ่งปีกวัย 27 จาก แอตเลติโก มาดริด ก็ไม่ได้ขออะไรมากนอกจากให้ทีมประสบความสำเร็จ โดยที่เขาได้ลงสำรอง 5 นาทีท้ายของเกมกับ โครเอเชีย ภายหลังสกอร์ขาดไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!21. เปาโล ดีบาล่า
ลงสนาม : 2 (ตัวจริง 0 สำรอง 2)
รวมนาที : 18
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
หวิดจะกลายเป็นผู้แพ้ในทีมผู้ชนะ จากการที่หัวหอกเพียบดีกรี (12 แชมป์สมัยอยู่ ยูเวนตุส, ติดทีมแห่งปี เซเรีย อา 4 รอบ) อย่าง ดีบาล่า ไม่ถูกเลือกจาก สคาโลนี่ ให้ได้ลงสนามเลย ด้วยเหตุผลเรียบๆ ง่ายๆ (แต่เจ็บปวด) ว่า ในสายตาของโค้ชอย่างเขา มีตัวเลือกที่ดีกว่าให้ใช้งาน แต่ในที่สุดแล้วก็ยังได้ลงสำรองในเกมกับ โครเอเชีย และ ฝรั่งเศส โดยที่ยังไว้ลายด้วยการสังหารจุดโทษเข้าอย่างไม่พลาดในช่วงดวลเป้าชี้ขาด จึงนับว่ามีส่วนสำคัญกับการเป็นแชมป์โลกครั้งนี้ด้วย

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!22. เลาตาโร่ มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 2 สำรอง 4)
รวมนาที : 241
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มาลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่หน 3 (แต่บอลโลกครั้งแรก) ของตัวเองด้วยสถานะตัวจริง และมีสถิติดีด้วยในการรับใช้ชาติ (21 ประตูจาก 40 นัด) แต่เกือบๆ จะกลายเป็น Flop of the Tournament ไปเสีย ด้วย 2 ประตูที่ถูกยกเลิกด้วยวีเออาร์เกมเปิดหัวกับ ซาอุฯ ที่ดูจะส่งผลกับความมั่นใจโดยตรง จนเล่นได้อย่างย่้ำแย่ในเกมถัดๆ มา (โดนดร็อปสำรองตั้งแต่เกมกับ โปแลนด์ เป็นต้นไป) โดยเฉพาะนัดชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ที่มีโอกาสถ่างสกอร์หลายหนแต่พลาดไปหมด และสุดท้ายไม่มีประตูเลยในเส้นทางสู่แชมป์โลก อย่างไรก็ตาม ถือว่า เลาตาโร่ ยังเล่นได้อย่างวูบวาบในนัดชิง อย่างน้อยมีส่วนร่วมกับประตูนำ 3-2 ที่เขาส่องติดเซฟ อูโก้ โยริส ก่อนบอลมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงเข้าไป

 

 

 

ตัวละครลับ
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!เซร์คิโอ อเกวโร่
อดีตดาวยิงวัย 34 อาศัยช่วงว่างๆ ภายหลังต้องเลิกเล่นอาชีพไปแบบช็อกวงการด้วยปัญหาหัวใจ เดินทางไปสมทบกับแคมป์ทีมชาติอาร์เจนตินาที่ประเทศกาตาร์ โดยในช่วงแรกมีปัญหาไม่ได้อนุมัติบัตรผ่านจากฝ่ายจัดฯ แต่ในที่สุดก็ได้ไฟเขียวและอยู่ยาวมาจนจบรายการ โดยเป็นเสมือนสตาฟฟ์โค้ชอย่างไม่เป็นทางการ ให้คำปรึกษาน้องๆ โดยเฉพาะบรรดากองหน้า และเมื่อทีมได้แชมป์โลกก็สวมเสื้อเบอร์ 19 ซึ่งเคยใส่ลุยบอลโลก 2018 ไปร่วมฉลองอย่างออกนอกหน้าที่กลางสนาม

 

 

 

 

 

 

 

 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง…กุนซือ
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!ลิโอเนล สคาโลนี่
ที่จริง นี่คือเพื่อนรุ่นพี่ร่วมทีมของ เมสซี่ ในชุดที่ อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี เพียงแต่ว่าแบ็กขวา/ปีกขวา (สร้างชื่อกับ ลา กอรุนญ่า, เวสต์แฮม, ลาซิโอ) อย่าง สคาโลนี่ ก็ได้เล่นแค่เกมเดียวในทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ให้หลังมาอีก 9 ปี (2015) เขาจะแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า

 

หนึ่งปีหลังจากนั้น สคาโลนี่ ได้โอกาสเข้ามาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่เซบีย่า และเมื่อเจ้านายใหญ่ขยับไปรับงานคุมทีมชาติ สคาโลนี่ ก็ติดสอยห้อยตามไปช่วยงาน ซัมเปาลี เช่นกัน

 

ครั้นเมื่อ อาร์เจนติน่า ล้มเหลวกับฟุตบอลโลก 2018 แล้ว ซัมเปาลี ถูกเด้งพ้นไป สคาโลนี่ ก็ยังคงได้จับงานกับทีมชาติต่อ–ในฐานะกุนซือรักษาการร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ปาโบล ไอมาร์ และถัดมาก็ขึ้นคุมเดี่ยวๆ หลังจากนั้นไม่นาน

 

เอาเข้าจริง การนั่งเก้าอี้แบบ “ไร้ดีกรี” ไม่เคยคุมสโมสรใดมาก่อนเลย ทำให้ สคาโลนี่ ถูกปรามาสถึงฝีมือไว้เยอะ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเสียงครหาก็เปลี่ยนเป็นเสียงปรบมือ และดังสนั่นหวั่นไหวเสียด้วย

 

สคาโลนี่ กลายเป็น “คนที่ใช่” ของ อาร์เจนติน่า ไปเสียเฉยๆ ด้วยผลงานประจักษ์ชัดอย่างแชมป์โคปา อเมริกา 2021 แถมจากแมตช์สู่แมตช์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี อาร์เจนติน่า ของ สคาโลนี่ ก็กลายเป็นเบอร์ 2 “สถิติโลก” ไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 36 นัดทีเดียว

 

ต่อเมื่อแพ้ ซาอุดีอาระเบีย อย่างพลิกล็อก 1-2 ในเกมเปิดหัวฟุตบอลโลก 2022 แล้ว หลังจากนั้น อาร์เจนติน่า ในมือกุนซือหนุ่มวัย 44 ก็ไม่แพ้ใครอีก…จนกระทั่งผงาดครองแชมป์โลกที่รอคอยมา 36 ปี

 

นั่นเท่ากับว่า สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด!

 

43 นัดล่า
ชนะ 29
เสมอ 13
แพ้แค่ 1 เกมถ้วน

 

ที่สำคัญ จากโค้ชมือใหม่หัดขับ ไม่ค่อยประสีประสาแท็กติกอะไรในช่วงแรกๆ คงถือได้ว่า สคาโลนี่ เป็นหนึ่งใน “จอมแท็กติก” ของวงการ และการตัดสินใจเลือกบางสิ่งของเขาก็มักได้ผล “ถูกต้อง” เสียด้วย

 

ไม่ว่าจะ
• เปลี่ยนทีม 5 ตำแหน่งจากเกมแพ้ ซาอุฯ จนชนะ เม็กซิโก 2-0
• เลือกใช้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ เป็นตัวจริงต่อเนื่อง
• วางเด็ก 21 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เป็นแกนกลาง
• ถอดและดร็อป เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลังผ่านไปเกมครึ่ง เปิดทางให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ลงไปสร้างชื่อ
• หย่อน 3 เซนเตอร์แบ็กลงไปรับมือ เนเธอร์แลนด์ แล้วยันอยู่จน 7 นาทีท้าย (ค่อยมาโดน 2 เม็ดหลังจากนั้น แต่ก็ยังชนะดวลจุดโทษ)
• ปรับระบบมาเน้นรุกอีกครั้งในรอบตัดเชือก แล้วก็อัด โครเอเชีย ขาด 3-0
• ใช้เสือเฒ่าอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ในนัดชิง เพื่อปั่นป่วนเกมรับฝั่งขวาของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะ และ ดิ มาเรีย ก็ทำงานได้อย่างสุดยอด เรียกจุดโทษ 1 ยิงเอง 1

 

การเลือกตัวและการวางหมากเหล่านี้ของ สคาโลนี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญสู่แชมป์โลกของ อาร์เจนติน่า

 

ฉะนั้น ก็อาจพูดได้ว่า ถ้าไม่ได้โค้ชคนนี้ เมสซี่ ก็อาจไปไม่ถึงแชมป์โลก

 

เช่นกัน หากปราศจากจิ๊กซอว์ทั้ง 24-25 ชิ้นที่เหลือ–นอกจากชิ้นใหญ่สุดอย่าง เมสซี่ แล้ว ก็คงไม่มีทางที่ อาร์เจนติน่า จะไปถึงเส้นชัยได้

 

ฉะนั้น แน่นอนที่สุด แชมป์โลกครั้งนี้ที่อยู่มือฟ้าขาว เครดิตต้องเป็นของ “ทุกคน” — ในฐานะของ “ทีม”

 

ไกด์เถื่อน

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA
fbref.com

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter
GettyImages

 

เรื่องน่าอ่าน
แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า เสมอ ฝรั่งเศส 3-3, ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า ชนะ 4-2

 

“บ้าบอเป็นที่สุด” ใครบางคนหล่นนิยามถึงเกมนี้ไว้

 

แม้จะพอคาดเดาได้ถึงผลเสมอ แต่ก็ยากจะมีใครคาดคิดว่าตัวเลขสกอร์บอร์ดจะขยับขึ้นพรวดๆ แบบนี้ และต้องตัดสินกันแบบเอาอกแตะเส้นชัยในท้ายที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะว่า ฝรั่งเศส มีรูปเกมที่แย่ น่าส่ายหัวเป็นที่สุดถึงกว่า 70 นาที

 

นี่คือเกมประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

 

นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 เกมที่ทำให้โลกได้รู้ซึ้งอีกครั้งว่า “ฟุตบอล” มันโคตรจะดราม่าและลุ้นระทึกกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นไหนๆ…

 

เกมชิงแชมป์โลกที่ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ทีมฟ้าขาวในการดูแลของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่แพ้แค่เกมเดียวจาก 42 นัดหลัง จัดเต็มกำลังทัพลงแต่ปรับระบบจาก 4-1-3-2 มาเป็น 4-3-3 เมื่อได้ อังเคล ดิ มาเรีย ฟิตคืนตัวจริงมาเดิมเกมรุกร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ส่วนตรงกลาง เลอันโดร ปาเรเดส โดนดร็อป และแบ็กซ้ายยังยึด นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงต่อแม้ มาร์กอส อคุนย่า จะพ้นแบนแล้วก็ตาม

 

ฝั่งแชมป์เก่าของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง มาด้วย 11 คนแรกชุดเดิมทั้งสิ้น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บติดตัว พร้อมกับที่ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยกลับคืนตำแหน่ง เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ ลงตามเดิม

 

เริ่มเกมขึ้น 5 นาที อาร์เจนติน่า ได้ทักทายก่อนจากลูกส่องไกลเต็มข้อของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ บอลพุ่งแรงเข้าหากรอบประตู แต่ก็เข้าซอง อูโก้ โยริส แบบไม่กระฉอก

 

ช่วงสิบนาทีแรกเป็น อาร์เจนติน่า ที่ครองบอลลุยเข้าใส่ก่อน โดยช่วงนาทีที่ 9 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่ หลัง คริสเตียน โรเมโร่ เข้าปะทะแบบทิ่มศอกใส่กลางลำตัว อูโก้ โยริส จนนายด่านตราไก่ล้มลงไปกอง แต่ปฐมพยาบาลแล้วก็เล่นต่อได้ตามปกติ

 

นาที 20 เพิ่งเป็นโอกาสแรกของ ฝรั่งเศส จากฟรีคิกข้างเขตโทษ อองตวน กรีซมันน์ เปิดให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โถมโขกที่เสาไกลข้ามคานไป แต่ก็มีเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์หัวหอกตราไก่ดังขึ้นมาด้วย

 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แต่เพียงนาทีเดียวถัดมา ฝรั่งเศส ก็งานเข้าเสียดื้อๆ อังเคล ดิ มาเรีย ล็อกหลบ อุสมัน เดมเบเล่ ที่สุดเส้นหลังซ้ายแล้วโดน เดมเบเล่ ตามมารวบจากด้านหลัง ผู้ตัดสิน ซิมอน มาร์ซิเนี้ยค จากโปแลนด์ เป่าจุดโทษทันทีอย่างมั่นใจ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าเสียบเสาอย่างมั่นใจเช่นกัน ส่ง อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 1-0 เร็วในนาทีที่ 23 ซึ่งก็ทำให้ เมสซี่ ขึ้นนำดาวซัลโวแล้วที่ 6 ประตู

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

จากนั้น ฝรั่งเศส พยายามตั้งเกมสู้ แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสยิงครั้งแรกสกอร์ก็ขยับขึ้นเป็น 2-0 ของ อาร์เจนติน่า เสียแล้วในนาที 37 จังหวะสวนเร็ว เมสซี่ แปะออกขวาให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทิ่มขึ้นหน้าให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปาดต่อไปเสาไกลถึง อังเคล ดิ มาเรีย ยิงไม่จับสวนตัว โยริส เข้าไปอย่างเฉียบคม ฟ้าขาวทิ้ง 2-0 ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

โดนไปสองเม็ด เดส์ชองส์ ปรับเกมส่งสำรองกองหน้า 2 คนรวดทันทีในนาที 41 ถอดทั้ง ชิรูด์ กับ เดมเบเล่ ออกให้ มาร์คุส ตูราม กับ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ลงไปแทน หวังแก้คืนให้เร็วที่สุด

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ท้ายครึ่งแรกและทดเจ็บ 7 นาที ฝรั่งเศส เกมกระเตื้องขึ้นบ้างแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแนวรับฟ้าขาวไปลุ้นสกอร์ไม่ได้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แทบไม่ได้ออกจอ จนสิ้นครึ่งแรกลงไปที่ อาร์เจนติน่า นำห่าง 2-0 ขึ้นแท่นรอชูถ้วยแชมป์โลกตั้งแต่ตรงนี้

 

ต่อครึ่งหลังยังไม่มีเปลี่ยนตัวเพิ่ม เกมของ ฝรั่งเศส ไม่ได้ดีขึ้นหรือคุมสถานการณ์อะไรมากมาย รวมถึงว่าไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ต้องหนักใจหรือออกแรงเซฟไว้ด้วย ตัวความหวังสูงสุดอย่าง เอ็มบัปเป้ ยังเงียบฉี่ บางจังหวะมีจ่ายติดเองก็มี

 

ครบชั่วโมง ฝรั่งเศส ยังมีโอกาสจบเป็นศูนย์ ผิดกับ อาร์เจนติน่า ที่ลุยขึ้นไปได้เสียว 2-3 หน จนนาที 64 สคาโลนี่ ขยับส่งสำรองลงคนแรก มาร์กอส อคุนย่า ลงไปเติมเกมรับแทน ดิ มาเรีย

 

นาที 68 ฝรั่งเศส ได้จบหนแรกจากเตะมุม ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ โขกโดนไม่ดีหลุดกรอบไปไม่ใกล้เคียง และต่อมาอีกสามนาที เอ็มบัปเป้ สบโอกาสส่องด้วยซ้าย ข้ามคานไป เป็นจังหวะซัดแรกของเขาในเกมนี้

 

จากนั้น เดส์ชองส์ เปลี่ยนเพิ่มอีกสอง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ลงแทน อองตวน กรีซมันน์ กับ เตโอ เอร์นันเดซ ตามลำดับ

 

แต่แล้วจากเกมที่ดูไม่มีอะไร ฝรั่งเศส ก็มาได้จุดโทษคืนบ้างในนาที 79 เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไปเหนี่ยว ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษคืนให้ตราไก่ ซึ่งก็เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กดเสียบมุมไม่พลาด ไล่มากระชั้น 1-2 และเป็นเม็ดที่ 6 เท่ากับ เมสซี่ 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แล้วก็กลายเป็นว่า ฝรั่งเศส กลับสู่เกมได้ทันทีด้วยประตูตีเสมอ 2-2 ในอีกสองนาทีให้หลัง คิงสลี่ย์ โกม็อง เบียดชนะแย่งบอลจาก เมสซี่ ได้ที่ฝั่งขวา แล้วถ่ายให้ ราบิโอต์ เคาะขึ้นหน้า เอ็มบัปเป้ โขกทำชิ่งกับ มาร์คุส ตูราม จนทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วล้มตัวยิงวอลเลย์เร็วจังหวะเดียว บอลพุ่งผ่านมือ เอมี่ มาร์ติเนซ เข้าเสาไกลพอดิบพอดี ฝรั่งเศส กลับสู่เกมด้วยประตูที่ 7 ของ เอ็มบัปเป้ ในรายการนี้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงทดเจ็บ 90+4 ฝรั่งเศส หวิดแซงนำด้วยจากจังหวะซัดของ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ติดเซฟ มาร์ติเนซ ที่เสาแรก ขณะที่ อาร์เจนติน่า ก็มีลุ้นตอน 90+7 เมสซี่ ใส่เต็มข้อด้วยซ้าย ติดปลายมือ อูโก้ โยริส นิดเดียว ส่งผลให้ 90 นาทีจบลงอย่างสนุก 2-2 และต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อตัดสิน

 

เข้าช่วงต่อเวลา สคาโลนี่ ถอด นาอูเอล โมลิน่า ออกให้ กอนซาโล่ มอนเทียล ลงคุมเกมรับริมเส้นขวาแทน และรูปเกมกลายเป็นเหมือนช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ที่ ฝรั่งเศส ครองบอลคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ขาดก็แต่จังหวะลุ้นสกอร์เหมาะๆ

 

เข้าครึ่งหลังต่อเวลาได้แว้บเดียว นาที 109 กลายเป็น อาร์เจนติน่า นำอีกหน 3-2 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แทงให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าทางขวาไปส่องเต็มแรงติดเซฟ โยริส แต่บอลเด้งมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงข้ามเส้นประตูเข้าไปแม้มี ชูลส์ กุนเด้ ควักออกมาก็ตาม และเช็กวีเออาร์แล้วไม่ล้ำหน้า อาร์เจนติน่า เฮสนั่น 3-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม อีกอึดใจเดียวถัดมา นาที 116 ฝรั่งเศสก็มาได้จุดโทษที่สอง เอ็มบัปเป้ ยิงไปชนแขน กอนซาโล่ มอนเทียล ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแฮนด์บอล ซึ่งก็เป็น เอ็มบัปเป้ คว้าลูกมาสังหารเองอย่างมั่นใจเบียดเสาเข้าไปแบบไม่เผื่อให้ลุ้น ตีเสมอ 3-3 เป็นแฮตทริกพร้อมลูกที่ 8 ของ เอ็มบัปเป้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ทดเจ็บต่อเวลา 120+3 ตราไก่เกือบแซงเข้าป้าย ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ติดซูเปอร์เซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ ไม่น่าเชื่อ และฟ้าขาวสวนไปก็ถึงจบ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้โหม่งในจุดอันตรายแต่โดนไม่ดีจนหลุดกรอบไปเอง สุดท้าย 120 นาทีจบอย่างสุดตื่นเต้น 3-3 ต้องชี้ขาดแชมป์โลกด้วยการดวลจุดโทษ

 

ถึงจุดโทษ อูโก้ โยริส เสี่ยงทายชนะเลือกยิงก่อน
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงเข้าไปแม้ มาร์ติเนซ จะพุ่งถึงแต่ปัดไม่ออก 1-0
ลิโอเนล เมสซี่ กดเรียดเข้าไปโดยที่ โยริส มาไม่ถึงแค่เสี้ยววินาที 1-1
คิงสลี่ย์ โกม็อง ซัดติดเซฟ มาร์ติเนซ เต็มๆ 1-1
เปาโล ดีบาล่า ส่องด้วยซ้ายเข้ากลางประตู 1-2
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหลุดเสาไปเอง 1-2
เลอันโดร ปาเรเดส กดเสียบมุมไม่พลาด 1-3
ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงเสยแสกกลาง 2-3
และ กอนซาโล่ มอนเทียล สังหารนำชัยเข้ามุมประตู 4-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า ชนะดวลจุดโทษ 4-2 ครองแชมป์โลกสมัย 3 ที่ห่างหายมา 36 ปี หรือตั้งแต่ 1986 และ ลิโอเนล เมสซี่ ไปถึงโทรฟี่แชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิต ในเกมสุดท้ายที่ลงเล่นฟุตบอลโลกสำหรับตัวเขา

 

สำหรับ ฝรั่งเศส มีรางวัลปลอบใจแค่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้รองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 จากการซัดไป 8 ประตูด้วยกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้ (เปาโล ดีบาล่า 120), นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 91) – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 102), อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เคร์มัน เปซเซลล่า 116) – อังเคล ดิ มาเรีย (มาร์กอส อคุนย่า 64), ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 102), ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า 71), ราฟาแอล วาราน (อิบราฮิมา โกนาเต้ 113), ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ (อักเซล ดิซาซี่ 120) – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า 96), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (มาร์คุส ตูราม 41), อองตวน กรีซมันน์ (คิงสลี่ย์ โกม็อง 71), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 41)

 

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด เมสซี่ คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ 5 หน ที่เหลือเป็นของ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส (ของซาอุฯ) นัดแพ้ซาอุฯ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ นัดชนะโปแลนด์
• 5 แมนออฟเดอะแมตช์ ยังสูงสุดในฟุตบอลโลก 2022 รองจากนั้นคือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 3
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 17 ประตูจากการลงสนามแค่ 11 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 เจ็ดประตู
• เมสซี่ ยึดสถิติดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก แทนที่ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยการยิงไป 13 ประตู
• เมสซี่ เป็นคนที่ 9 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และบัลลง ดอร์ ได้ในเส้นทางอาชีพ ร่วมกับ ตำนานอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, แกร์ด มุลเลอร์, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, กาก้า

 

• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ “ครบทุกรอบ” ตั้งแต่รอบแรกยันนัดชิง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
• เมสซี่ ได้แชมป์โลกในการเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนติน่า และ 53 กับเปแอสเช
• เมสซี่ ทำสถิติลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สูงสุดเป็นจำนวน 26 เกม ตั้งแต่ 2006 – 2022 เหนือกว่า โลธ่าร์ มัทเธอุส 25, มิโรสลาฟ โคลเซ่ 24, เปาโล มัลดินี่ 23 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 22

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 57 นัด ชนะ 37 เสมอ 15 แพ้ 5)
• สคาโลนี่ เป็นกุนซือแชมป์โลกที่วัยอ่อนเยาว์สุด 44 ปี 216 วัน
• ที่จริง งานทำทีมอาร์เจนติน่า ก็คืองานใหญ่จ๊อบแรกสุดของ สคาโลนี่ หลังแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า ปี 2015 แล้วมาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ทั้งที่ เซบีย่า และในทีมชาติอาร์เจนติน่า (ฟุตบอลโลก 2018) รวมถึงเคยได้คุมอาร์เจนฯ เยาวชนยู-20 มาก่อนเท่านั้น

 

• อังเคล ดิ มาเรีย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูได้ทั้งในนัดชิงโคปา อเมริกา และฟุตบอลโลก
• ตอนหมดครึ่งแรก อาร์เจนติน่า ข่มขาดด้วยโอกาสยิงรวม 6:0 และยิงตรงกรอบ 3:0 รวมถึงเตะมุม 2:0 ด้วย
• ตลอด 120 นาที อาร์เจนติน่า สร้างโอกาสยิงรวม 20 ครั้ง ตรงกรอบ 10 ส่วน ฝรั่งเศส 10/5

 

• อาร์เจนติน่า หยุดสถิติแย่ๆ อย่างการแพ้นัดชิงบอลโลกไว้ที่ 2 หนติด 1990 กับ 2014
• อาร์เจนติน่า เป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• อาร์เจนติน่า ตอกย้ำการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 6 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
4-2 ฝรั่งเศส, ชิงชนะเลิศ 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)

 

• ฝรั่งเศส เป็นเพียงทีมที่ 2 ที่ตามหลัง 0-2 ในนัดชิงชนะเลิศ แล้วกลับมาได้ ถัดจาก เยอรมนี ที่ทำไว้สองหนในปี 1954 และ 1986
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจาก เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ของอังกฤษ 1966
• เอ็มบัปเป้ คว้าดาวซัลโวด้วยการยิงไป 8 ประตู สูงสุดนับแต่ โรนัลโด้ (บราซิล) 2002
• ออเรเลียง ชูอาเมนี่ วิ่งรวม 15.8 กม. ในเกมนี้ ก่อนมายิงจุดโทษและซัดออกไปเอง
• อูโก้ โยริส กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากสุด ที่จำนวน 20 นัด เหนือ มานูเอล นอยเออร์ 19 และ เซปป์ ไมเออร์ 18

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส
ลิโอเนล สคาโลนี่ : “ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ ผมอาจรู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าวันอื่นๆ แต่วันนี้ผมได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่”
“ทีมชุดนี้ทำให้ผมภาคภูมิใจเป็นที่สุด ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นของพวกเขา ผมอยากบอกทุกคนว่ามีความสุขให้เต็มที่ เพราะนี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์”

 

ลิโอเนล เมสซี่ : “นี่คือแชมป์ที่ขาดหายไปของผม ตอนนี้ผมได้มาครองแล้ว มันบ้ามากๆ ตอนนี้ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปฉลองแชมป์ที่ประเทศของผม เพื่อพบเจอกับความบ้าคลั่งของที่นั่น”
“เราเจอกับความยากลำบากมากมาย วันนี้คุณต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก ฟุตบอลเป็นกีฬาที่บ้าคลั่งมาก การคว้าแชมป์โลกเป็นความฝันของเด็กๆ ทุกคน นี่คือแชมป์สำหรับประชาชนชาวอาร์เจนไตน์”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “ที่จริง เราเอาเกมมาอยู่ในการควบคุมได้แล้ว แต่ทีมของเรากลับถูกกำหนดให้ต้องเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ฝรั่งเศสเกือบทำประตูชัยได้เช่นกัน แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เรามาอยู่ตรงนี้”
“ฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ตอนนี้ผมไม่มีคำพูดมาอธิบายถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับผมในเวลานี้ได้เลย”

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “เราไม่ได้พลิกสถานการณ์ (ในช่วง 70 นาทีแรก) ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เราต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างตลอด 4 วันที่ผ่านมา อาการป่วยและจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมด้วย”

 

อูโก้ โยริส : “เราตอบสนองได้ดีมาก มันเกือบจะเหมือนการแข่งขันชกมวย เราแลกกันหมัดต่อหมัด สิ่งเดียวที่เราเสียใจคงเป็นผลงานในครึ่งแรก แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังไม่ยอมแพ้ เราเชื่อมั่นไปจนจบ มันเป็นการตัดสินผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ”
“มันเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องมาอยู่อีกฝั่ง (ของผู้ชนะ) แต่เราทุ่มเททุกอย่างลงไปในรายการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแข่งขัน มันเป็นการแข่งขันที่ยาวนานนับเดือน”
“ในรอบชิงชนะเลิศ เราสามารถตามหลัง 0-2 ได้ แต่เรายังคงเชื่อมั่นไปจนจบ เราสามารถพลิกสถานการณ์ แต่มันกลับไม่มีรอยยิ้ม โดยเฉพาะโอกาสในนาที 120 (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ) ซึ่งน่าจะทำให้เราพลิกนำ 4-3”
“มันคือฟุตบอล เราต้องยินดีกับอาร์เจนติน่าที่ประสบความสำเร็จในรายการที่ยอดเยี่ยม รอบชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยม”

 

ราฟาแอล วาราน : “แน่นอน เราผิดหวังกันมาก เราทุ่มเทกันเต็มที่แล้ว เราเจอกับอุปสรรคมากมายตลอดที่ลงเล่นรายการนี้ เราไม่เคยเอามาเป็นข้ออ้างหรือยอมแพ้ เราไม่ได้อยู่ในเกมนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ท้ายสุดเราน่าจะชนะ ผมภูมิใจกับกลุ่มนี้และการเป็นคนฝรั่งเศสมาก”
“เราจะรักษาความภาคภูมิใจนี้ไว้ มัน (การตามหลัง 0-2) เกิดขึ้นรวดเร็วมาก หลังจากนั้นสภาพร่างกายเราดีขึ้นกว่าเดิม เราดันกลับและเชื่อมั่นไปจนจบเกม เราเกือบจะเปลี่ยนเกมได้แล้วหลังจากมีการออกตัวที่แย่”
“มันเป็นการเดินทางที่คดเคี้ยว แต่ทีมนี้มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความห้าวหาญ นั่นทำให้เรากลับมาสู่เกม เราผิดหวังแต่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก”

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-3 (4-2) ฝรั่งเศส
• 6 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ กาตาร์ 2022 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำประตูกันได้มากที่สุด 172 ลูก ทำลายสถิติของ ฟร้องซ์ 98 และ บราซิล 2014 ที่มียิงกัน 171 ประตู
• ดาวบนโลโก้ทีมชาติอาร์เจนติน่า จะเพิ่มขึ้นเป็นดวงที่ 3 ตามจำนวนแชมป์โลกที่ได้มา 3 สมัย
• ลิโอเนล เมสซี่ ยืนยันยังไม่มีแผนอำลาทีมชาติในเร็วๆ นี้ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ต่อให้ลากยาวขนาดไหนก็ไปไม่ถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา

• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เผยจะขอตัดสินอนาคต อยู่หรือไปจากทีมชาติฝรั่งเศส หลังผ่านช่วงปีใหม่นี้ไปแล้ว ภายหลังคุมมาตั้งแต่ 2012 ผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 5 ครั้ง

 

ทำเนียบแชมป์โลก ตลอดหน้าประวัติศาสตร์
1930 อุรุกวัย
1934 อิตาลี
1938 อิตาลี
1950 อุรุกวัย
1954 เยอรมนีตะวันตก
1958 บราซิล
1962 บราซิล
1966 อังกฤษ
1970 บราซิล
1974 เยอรมนีตะวันตก
1978 อาร์เจนติน่า
1982 อิตาลี
1986 อาร์เจนติน่า
1990 เยอรมนีตะวันตก
1994 บราซิล
1998 ฝรั่งเศส
2002 บราซิล
2006 อิตาลี
2010 สเปน
2014 เยอรมนี
2018 ฝรั่งเศส
2022 อาร์เจนติน่า

 

ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022
8 ประตู : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
7 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
4 ประตู : ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (อาร์เจนติน่า), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส)
3 ประตู : ริชาร์ลิซอน (บราซิล), บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อังกฤษ), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน), เอนเนร์ วาเลนเซีย (เอกวาดอร์), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์), กอนซาโล่ รามอส (โปรตุเกส)

 

รางวัลต่างๆ ของฟุตบอลโลก 2022
นักเตะยอดเยี่ยม
Golden Ball – ลิโอเนล เมสซี่
Silver Ball – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
Bronze Ball – ลูก้า โมดริช

 

ดาวซัลโว
Golden Boot – คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (8 ประตู 2 แอสซิสต์)
Silver Boot – ลิโอเนล เมสซี่ (7 ประตู 3 แอสซิสต์)
Bronze Boot – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (4 ประตู 0 แอสซิสต์)

 

ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม Golden Glove – เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม FIFA Young Player Award – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แฟร์เพลย์ FIFA Fair Play Trophy – ทีมชาติอังกฤษ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ...!?!

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า v ฝรั่งเศส
อาทิตย์ 18 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 12 นัด
ฟุตบอลโลก 1930 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1965 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1971 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3
กระชับมิตร 1971 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
อินดิเพนเดนซ์ 1972 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1974 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1977 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
กระชับมิตร 1986 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
กระชับมิตร 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 2009 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3

 

แมตช์ต่อแมตช์ กว่าจะถึงนัดชิง ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ลงสนามด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะฟอร์มครึ่งแรกที่เหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างทะลุเข้าซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าไปทั้งหมด แล้วกลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ แซงนำ 2-1 จาก ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 สุดท้ายจึงปรากฏผลช็อกโลกตั้งแต่เกมแรก

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
สถานการณ์บีบบังคับให้ อาร์เจนติน่า พลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่แม้ต้องลุ้นเหนื่อยไม่น้อยกับเกมดึงช้าของ เม็กซิโก กว่าที่จะได้ประตูนำก็ในนาที 64 จากลูกส่องไกลนอกเขตโทษของ เมสซี่ แต่เมื่อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องผ่าน กิเยร์โม่ โอชัว ตอนท้ายเกม ก็เท่ากับ อาร์เจนติน่า ปิดกล่องกำชัย 2-0

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
แทบจะพับสนามบุกใส่ฝ่ายเดียว สร้างโอกาสยิงประตูรวม 24 ครั้ง แถม เมสซี่ ยังมีพลาดจุดโทษในครึ่งแรก ก่อนได้เฮจาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.46 และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.67 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ยังคงผงาดแชมป์กลุ่มซีได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้สุดช็อกก็ตาม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
คุมสถานการณ์ในครึ่งแรกได้ดีกว่า ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงฝ่าวงล้อมของ เมสซี่ น.35 ก่อนที่ครึ่งหลังจะฉีกหนี 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ แต่ท้ายเกม น.77 ออสเตรเลีย ไล่มา 1-2 จากการยิงของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป (นับเป็นทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งทำให้ อาร์เจนติน่า สั่นไหวพอสมควร ออสเตรเลีย มีโอกาสทวง 2-2 ได้ด้วยตอนเฮือกท้าย เจ้าหนูเด็ก 18 กาแร็ง คูโอล สบโอกาสเข้าทำระยะอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนฟ้าขาวเบียดชนะหวุดหวิด

 

รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3
ดูเหมือนเป็นงานสบายเมื่อขึ้นนำ 2-0 จาก นาอูเอล โมลิน่า และจุดโทษของ เมสซี่ ทว่าช่วงท้ายรวมทดเจ็บอีก 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับสู่เกมได้สำเร็จจากลูกโขกของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ กลับตัวยิงตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 จากนั้นช่วงต่อเวลาไม่มียิงเพิ่ม ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟลูกยิงของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ เอาไว้ได้ จน อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

 

รอบตัดเชือก ชนะ โครเอเชีย 3-0
ง่ายเกินคาดไปมาก จากที่ 15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ จู่ๆ น.32 ผู้ตัดสินก็แจกจุดโทษที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดน โดมินิก ลิวาโควิช ชนล้ม ซึ่งก็เป็น เมสซี่ ที่กดจุดโทษนำ 1-0 ต่อด้วย 7 นาทีให้หลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวไปโดยที่กองหลังโครแอตสกัดบอลแป้กงัดไม่ออก เสร็จ อัลวาเรซ ดีดเข้าไปง่ายๆ ก่อนครึ่งหลังเกมปิดสนิท 3-0 น.69 เมสซี่ เลี้ยงเลาะโชว์ความเหนือชั้นโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เช็คบิลเม็ดสองของตัวเอง พา อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

 

ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
เปิดมากลายเป็น ออสเตรเลีย พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ ฝรั่งเศส ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
นัดล้างตากับ เดนมาร์ก ที่หักคอไก่มา 2 เกมซ้อนก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.61 ก่อนที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น จะโขกเตะมุมให้ เดนมาร์ก ตามทวง 1-1 ในเจ็ดนาทีให้หลัง แต่ในขณะที่เกมกำลังจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับประตูชัย 2-1 ในนาทีที่ 86 อองตวน กรีซมันน์ เปิดผ่านมาเสาสองให้ เอ็มบัปเป้ พุ่งเข้าฮอส

 

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอยด่างพร้อยเล็กๆ ของชาวคณะตราไก่ในเวิลด์คัพงวดนี้ กับการที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปรับส่งสำรองลงแทบทั้งแผงหลังการันตีเข้ารอบแล้ว จนโดนทีเด็ด วาบี คาซรี่ เจาะตาข่ายกลางครึ่งหลัง จากนั้นทดเจ็บ อองตวน กรีซมันน์ ยิงเข้าแล้ว แต่โดนวีเออาร์ริบคืนไป แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
ทั้งที่แฟนๆ แอบมีกังวลจะโดนทีเด็ด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าให้ แต่กลายเป็นว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดสกอร์นำ น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ก่อนที่ เลวานดอฟสกี้ จะทำได้แค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 เข้าไปแล้ว

 

รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1
มีการมองกันว่า 50:50 ด้วยความที่ อังกฤษ ดูมาแรงอย่างน่ากลัว แต่ ฝรั่งเศส ก็ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหน้าเขตโทษเข้าไปในนาทีที่ 17 จากนั้น อังกฤษ ทวงคืน 1-1 ต้นครึ่งหลังจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 อองตวน กรีซมันน์ ครอสแม่นๆ ให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าไป ซึ่งที่จริง อังกฤษ ก็มีโอกาสดีที่จะตีเสมอรอบสอง ปรากฏ แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษข้ามคานออกไปเสีย

 

รอบตัดเชือก ชนะ โมร็อกโก 2-0
สร้างปาฏิหาริย์มาไกลถึงตัดเชือก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บของคีย์แมนทำให้ โมร็อกโก เครื่องช็อตไปเสีย เริ่มเกมขึ้นแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับ 1-0 ทันที เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า เข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ ลอยตัววอลเลย์เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แม้หลังจากนั้น โมร็อกโก จะสู้ได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบไปเสาไกลคล้ายประตูแรก ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ สบโอกาสชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด และแม้จะแพ้ ซาอุฯ เป็นประเดิม แต่หลังจากนั้นก็แก้ตัวฮึดขึ้น จนกระทั่งมาถึงรอบตัดเชือก ยิงถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

 

เท่ากับ อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษ ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986

 

สำหรับสภาพทีมเกมชิงดำ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีความพร้อมมากขึ้นกว่ารอบตัดเชือก เมื่อได้ทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกัน

 

นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาตัวเจ็บอะไรเพิ่มเติม ลิโอเนล เมสซี่ ที่่ก่อนหน้านี้มีรายงานพลาดซ้อมวันพฤหัสบดี ไม่ได้มีข่าวบาดเจ็บหลังจากนั้น เท่ากับจะพร้อมนำทีมลงล่าแชมป์โลกและชิงรองเท้าทองคำตามปกติ

 

สคาโลนี่ ปรับระบบมา 2 เกมติดต่อกัน 5-3-2 นัดชนะดวลเป้า เนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็น 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 เกมกับ โครเอเชีย ซึ่งก็เชื่อว่าจะยึดรูปแบบหลังเอาไว้ในการดวลกับ ฝรั่งเศส

 

เลอันโดร ปาเรเดส ยืนกลางรับต่ำกว่าเพื่อน ขยับขึ้นมามี โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนเกมรุกยึดที่คู่กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งผ่าน โปแลนด์, อังกฤษ และล่าสุดม้ามืด โมร็อกโก ที่เอาตราไก่ไม่อยู่

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แล้วแม้การลงเตะ 3-4 เกมหลังจะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็ดันมาเกิดปัญหาไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว จนนักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยไข้ ที่ถูกระบุชื่อมีทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อาเดรียง ราบิโอต์, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ซึ่งสองรายแรกก็พลาดเกมกับ โมร็อกโก มาแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทั้ง 5 คนสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้ว

 

กระนั้นปัญหากลับมีมาเพิ่มอีก ด้วยรายงานล่าสุดจาก เล กิ๊ป ตอนดึกวันเสาร์ ว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หอกเป้าเบอร์แรกที่กดแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 มีปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อน มีโอกาสที่จะลงเล่นไม่ได้ด้วย

 

เดส์ชองส์ คงต้องเช็กสภาพนักเตะที่มีอาการป่วย และโดยเฉพาะ ชิรูด์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งชื่อ โดยถ้าพร้อมทั้งหมดก็จะยึดทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แต่หากว่า ชิรูด์ ไม่พร้อม ก็มีสิทธิ์จะขยับ เอ็มบัปเป้ ขึ้นหน้าสุด แล้วหย่อน มาร์คุส ตูราม หรือ คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปเสริมแถวสอง

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะหวนคืนทีมมาสมทบนัดชิง หลังจากคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด ได้แล้วนั้น แต่กระแสก็เงียบไป และไม่มีข่าวเซอร์ไพรส์อะไรในโค้งสุดท้าย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 65 นัด ซัด 33 ประตู (สองในนั้นกดใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกครั้งก่อน) และทำไปแล้ว 5 เม็ดในบอลโลก ได้ลุ้นชิงรองเท้าทองคำกับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 15 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 10 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 5 เม็ด อยู่ในเส้นทางช่วงชิงดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – เลอันโดร ปาเรเดส – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม)

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
• มีประวัติศาสตร์พบกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรก 1930 (อาร์เจนติน่าชนะ 1-0) รวมแล้วเจอกันมา 12 ครั้ง
• อาร์เจนติน่า เหนือกว่าด้วยการชนะ 6 นัด ที่เหลือเสมอ 3 และฝรั่งเศสชนะ 3
• พบกันล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกันสนั่นก่อนฝรั่งเศสชนะ 4-3 แต่ที่จริงระหว่างเกม ฝรั่งเศสฉีกหนี 4-2 ก่อนโดนยิงเพิ่มทดเจ็บ / คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง อองตวน กรีซมันน์ หนึ่งเม็ด
• อาร์เจนติน่า จะเล่นนัดชิงบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 มีเพียง เยอรมนี (8) ที่เหนือกว่า
• การเข้าชิง 2 ครั้งหลัง (1990 กับ 2014) อาร์เจนติน่า แพ้ทั้งหมด
• แต่ถ้าครั้งนี้ชนะ จะเป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• ฝรั่งเศส เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัดด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย เกมเปิดรอบแรก แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 42 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• 42 นัดหลัง อาร์เจนติน่า ชนะ 29 เสมอ 12 แพ้ 1 / เสมอแล้วชนะจุดโทษ 2
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูกเป็นอย่างน้อยมา 5 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 42 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 56 นัด ชนะ 37 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 172, อังเคล ดิ มาเรีย 129, เลอันโดร ปาเรเดส 51, โรดริโก้ เด ปอล 51, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 100 ถ้วนพอดี
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนามแค่ 10 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 ห้าประตู

 

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, กุนซือแชมป์โลก 2018 และพาทีมเข้าชิงต่อเนื่อง ครั้งนี้

 

• ก่อนจะมาทำคลีนชีตเกมแรก นัดชนะ โมร็อกโก 2-0 ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก
• 3 นัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 7 ประตู
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูก กำลังนำดาวซัลโวร่วม และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 6 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์

 

• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 144 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 2 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 145, ราฟาแอล วาราน 93, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 117, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 120, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 66
• ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหน ครองแชมป์โลก 2 สมัยต่อเนื่อง และ โยริส จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ถ้าเอาชนะ อาร์เจนติน่า สำเร็จ

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 3-1
“ผมได้ดูเกมของ ฝรั่งเศส มาหลายนัด บางครั้งผมรู้สึกเบื่อการเล่นของพวกเขาเล็กน้อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมแชมป์เก่าอย่างพวกเขามีความยืดหยุ่นในตัวสูง มากกว่าจะเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น พวกเขาทำให้ผมนึกถึงรถซีตรองบนถนน”
“และแทนที่จะเล่นแบบครองบอล พวกเขาไม่สนใจจะทำมันเลย แต่การเล่นแบบของพวกเขามันก็เวิร์คจนถึงตอนนี้ ด้าน อาร์เจนติน่า ดูเล่นด้วยความมีอารมณ์ร่วมสูง มากกว่าความแข็งแกร่งรอบด้าน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ฝรั่งเศส ดูดีกว่า”
“อาร์เจนติน่าต้องสู้เพื่อเสื้อแข่ง แฟนบอล และเมสซี่ แต่พวกเขาต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมมองว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่หนักหน่วงรุนแรง เพราะ ฝรั่งเศส ไม่กลัวที่จะสู้ด้วยเกมปะทะ”
“ผมขอเลือก ฝรั่งเศส ชนะเกมนี้ เพราะที่จริงผมก็เลือกพวกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ และผมก็อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2018 ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นลักษณะนั้นอีกครั้ง”

 

ความน่าจะเป็น
ไม่มีอะไรยากไปกว่าการคาดเดาผลสกอร์ของเกมนี้แล้ว เมื่อนี่คือเกมชิงแชมป์ ชิงดำ ชิงโทรฟี่แชมป์โลก ต่างฝ่ายจึงต่างจะใส่สุดชนิดยอมแลกด้วยชีวิต และต่างก็ย่อมเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเพื่อให้การลงเล่นเกมจริงไม่เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงขึ้น รวมถึงว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งหากออกรูปนี้ ก็หมายถึงว่า 90 นาทีมีสิทธิ์กินกันไม่ลง ต้องยืดเยื้อครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าเพิ่งมั่นใจว่า เมสซี่ จะเจอเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ฟุตบอล มักจัดตอนจบหักมุมให้อยู่เสมอ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปนัดชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022 : โครเอเชีย 2-1 โมร็อกโก

 

ไม่ได้ถือว่าผิดไปจากความคาดหมาย ด้วยมาตรฐานก็ดี ด้วยปัญหาที่ โมร็อกโก ต้องเผชิญเอาในช่วงท้ายของ ฟุตบอลโลก 2022 ก็ดี

 

ที่สุดแล้ว เหรียญทองแดงได้ถูกคล้องลงบนคอนักเตะโครเอเชีย และ ซลัตโก้ ดาลิช

 

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม คืนเสาร์ 17 ธันวาคม…

 

เกมชิงอันดับ 3 แมตช์นี้ ทั้ง ซลัตโก้ ดาลิช และ วาลิด เรกรากี แม้ต่างก็ยังต้องการชัยชนะเพื่อคว้ารางวัลปลอบใจ ให้หลังจากความพ่ายแพ้ในรอบตัดเชือก แต่ก็เลือกที่จะเปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งทั้งคู่ โครเอเชีย เปิดทางให้สำรองอย่าง มิสลาฟ ออร์ซิช, มาร์โก ลิวาย่า, ลอฟโร มาเยอร์, โยซิป ซูตาโล่, โยซิป สตานิซิช ลงสนาม พร้อมปรับระบบเป็น 3-5-2

 

ด้าน โมร็อกโก สถานการณ์บังคับให้ต้องเปลี่ยนเมื่อทั้ง โรแม็ง ซาอิสส์, นาเยฟ อาแกร์ด, นูสแซร์ มาซราอุย ต่างบาดเจ็บ แต่แนวรุกยังคงเดิมที่ ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล

 

เริ่มเกมขึ้นเพียง 9 นาที โครเอเชีย ก็ขยับนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากฟรีคิกลูกสูตร เปิดขึ้นหน้าให้ อีวาน เปริซิช โหม่งกลับเข้าตรงกลาง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล พุ่งโขกต่อเน้นๆ ส่งบอลเสียบเสาโดยที่ ยาสซีน บูนู ตามไม่ทัน ตาหมากรุกนำหน้า 1-0

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

 

แต่ว่าสองนาทีให้หลัง โมร็อกโก ก็ตามทวงคืนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน จากฟรีคิกริมเส้นขวาเปิดเข้าใน ลอฟโร มาเยอร์ โหม่งสกัดกลายเป็นบอลทะลักกลับหลังเข้าจุดอันตราย อัชราฟ ดารี จึงสบช่องเข้าชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือ เปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

 

จากนั้นเกมเป็นอย่างคู่คี่สูสี ผลัดกันครองบอล แต่โอกาสลุ้นสกอร์ใกล้เคียงก็มีไม่มากนัก

 

แต่ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบเสมอกัน โครเอเชีย ก็ขึ้นนำได้อีกครั้งจากการเสียบอลหน้าเขตตัวเองของ บิลัล เอล คันนุส ไปจบที่ มิสลาฟ ออร์ซิช เอี้ยวตัวปั่นด้วยขวาส่งลูกกระแทกเสาไกลเข้าไปอย่างงดงาม โครเอเชีย นำ 2-1 เมื่อสิ้นครึ่งแรก

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

 

ต่อครึ่งหลัง เกมยังเป็น โครเอเชีย ที่ทำได้ดีกว่าชัด หาจังหวะเข้าทำใกล้เคียงได้ 2-3 หน แต่ยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร ขณะที่เกมก็หยุดค่อนข้างบ่อยเมื่อต่างฝ่ายต่างทยอยเปลี่ยนส่งสำรองลงเป็นระยะ

 

ล่วงมาช่วงท้าย นาที 87 โครเอเชีย น่าได้เพิ่มอย่างยิ่ง มาเตโอ โควาซิช ทะลุเข้ายิงโล่งๆ ทางซ้ายเขตโทษ แต่แปหลุดเสาไกลออกไปเอง

 

เฮือกท้าย โมร็อกโก ลุยแหลกหวังทวงคืนให้ได้ จนทดเจ็บ 90+6 ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ สบโอกาสขึ้นโหม่งโล่งๆ ในกรอบหกหลา ลูกลอยไปตกเพดานตาข่ายอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้เกมจบลง โครเอเชีย ชนะ 2-1 ครองอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022 และเป็นหนที่ 2 ถัดจาก 1998

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (3-5-2) โดมินิก ลิวาโควิช – โยซิป ซูตาโล่, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, โยซิป สตานิซิช – อีวาน เปริซิช, มาเตโอ โควาซิช, ลูก้า โมดริช, ลอฟโร มาเยอร์ (มาริโอ ปาซาลิช 66), มิสลาฟ ออร์ซิช (คริสติยาน ยาคิช 90+5) – อันเดรจ์ ครามาริช (นิโกล่า วลาซิช 61), มาร์โก ลิวาย่า (บรูโน่ เพ็ตโควิช 66)
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก (เซลิม อมัลลาห์ 66), อัชราฟ ดารี (บาเดอร์ เบนูน 64), อัชราฟ ฮาคิมี่ – บิลัล เอล คันนุส (อัซซาดีน อูนาฮี 56), โซฟียาน อัมราบัต, อับเดลฮามิด ซาบิรี่ (อิเลียส แชร์ 46) – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล (อานาสส์ ซารูรี่ 64)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล
• ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ทำประตูในอายุ 20 ปี 328 วัน น้อยสุดของโครเอเชีย
• อีวาน เปริซิช แอสซิสต์ที่ 5 สูงสุดในบอลโลกของ โครเอเชีย พร้อมกับยิง 6 ลูก สูงสุดเช่นกัน
• มิสลาฟ ออร์ซิช เพิ่งยิงประตูที่ 2 ในการรับใช้ชาติ 27 นัด
• ลูก้า โมดริช ลงสนามครบ 90 นาทีในการเล่นทีมชาตินัดที่ 162 ซึ่งคงจะเป็นเกมฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายของชายวัย 37 อย่างเขา
• โมร็อกโก ทำคลีนชีต 4 จาก 5 เกมแรกในฟุตบอลโลก 2022 แต่สองเกมหลังเสียนัดละสองลูก จนเข้าป้ายอันดับ 4

 

ปากคำหลังเกม โครเอเชีย 2-1 โมร็อกโก
ซลัตโก้ ดาลิช : “นี่คือเหรียญทองแดงที่มีประกายสีทอง เราคว้าชัยชนะในเกมที่ยากลำบากมากได้ ดังนั้นนี่คือเหรียญรางวัลสำหรับชาวโครแอตทุกคน มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ที่เราได้เหรียญรางวัลทั้งสองครั้งในสองทัวร์นาเมนต์หลังสุด และผมก็ขอแสดงความยินดีกับลูกทีมของผมทุกคนด้วย”

 

วาลิด เรกรากี : “ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์ ทุกคนสงสัยเรา แต่เรามาได้ไกลเกินความคาดหมาย แต่มันก็ยังดีไม่พอ เราจำเป็นต้องสร้างตัวอย่างเพื่ออนาคต”
“มีบางเรื่องที่กินใจผมมาก ตอนที่ผมเห็นภาพเด็กๆ เพราะฟุตบอลทำให้ผู้คนมีฝัน เราปล่อยให้เด็กๆ ฝัน เราต้องรักษาฝันให้มีชีวิต เด็กๆ ในโมร็อกโก และทั่วโลก ฝันที่จะได้แชมป์โลก และมันมีความหมายต่อผมยิ่งกว่าการชนะในเกมฟุตบอลโลกจริงๆ ซะอีก”
“เราประสบความสำเร็จอย่างวิเศษ แต่เราต้องการทำให้ได้อย่างนี้อีก หากเราผ่านเข้ารอบแปดทีม หรือรอบตัดเชือกเป็นประจำ สักวันเราก็จะได้แชมป์โลก”

โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย 2-1 โมร็อกโก
• โครเอเชีย ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 1 ยิงได้ 8 เสีย 7 คลีนชีต 2 ใบเหลือง 8 ใบแดง 0
• โมร็อกโก ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 2 ยิงได้ 6 เสีย 5 คลีนชีต 4 ใบเหลือง 9 ใบแดง 1
• โมร็อกโก ทำคลีนชีตสูงสุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่ 4 แมตช์ แต่ ยาสซีน บูนู คลีนชีต 3 นัด เนื่องจากเกมชนะ เบลเยียม 2-0 เป็นมือสอง มูเนียร์ โมฮาเมดี้ ลงเฝ้าเสา
• จบอันดับ 4 แต่ก็ถือเป็นผลงานสุดยอดของ โมร็อกโก อยู่ดี ที่เป็นทีมแอฟริกา/อาหรับ รายแรกที่มาถึงตรงนี้ รวมถึงเป็นผลงานดีสุดของตัวเองด้วย ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายปี 1986

 

• กุนซือสองฝั่ง ซลัตโก้ ดาลิช และ วาลิด เรกรากี จะยังอยู่คุมทีมต่อไปอย่างแน่นอน โดย โครเอเชีย มีภารกิจถัดไปคือ รอบคัดเลือก ยูโร 2024 และรอบชิงแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 ด้าน โมร็อกโก อยู่ในเส้นทางรอบคัดเลือก AFCON 2023 โดยเตะไปแล้ว 2 นัด
• ลูก้า โมดริช ยืนยันแล้วว่าจะยังคงเล่นทีมชาติจนถึงรอบชิงแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 กลางปีหน้า เป็นอย่างน้อย จากนั้นจะดูอีกครั้งว่าอยากไปต่อ ยูโร 2024 หรือไม่
• โครเอเชีย ถ้าไม่ตกรอบแรก ก็มาจนถึงสุดทางในฟุตบอลโลกทุกครั้งที่ผ่านมา (แยกจาก ยูโกสลาเวีย มาเข้าร่วมปี 1998)
1998 อันดับ 3
2002 ตกรอบแรก
2006 ตกรอบแรก
2014 ตกรอบแรก
2018 รองแชมป์
2022 อันดับ 3

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย vs โมร็อกโก : ชิงอันดับ 3 รางวัลปลอบใจ ฟุตบอลโลก 2022
ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022
ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

โครเอเชีย vs โมร็อกโก : ชิงอันดับ 3 รางวัลปลอบใจ ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs โมร็อกโก : ชิงอันดับ 3 รางวัลปลอบใจ ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงอันดับ 3 : โครเอเชีย vs โมร็อกโก
เสาร์ 17 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 2 นัด
ฮัสซัน II โทรฟี่ 1996 เสมอ 2-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ 0-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2
รอบตัดเชือก แพ้ อาร์เจนติน่า 0-3

 

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0
รอบตัดเชือก แพ้ ฝรั่งเศส 0-2

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

กระนั้นเมื่อมาถึงนัดตัดเชือก ก็ต้านความแข็งแกร่งของ อาร์เจนติน่า ไม่อยู่ แพ้ขาด 0-3 จนต้องมาชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022 แทน

 

นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

คาดว่าด้วยการที่เกมนี้ไม่ได้สำคัญมาก ทำให้อาจปรับส่งสำรองลงบางราย เช่นข้างหน้าวาง นิโกล่า วลาซิช กับ ลอฟโร มาเยอร์ เดินเกมรุกขนาบข้าง บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

แต่ตัวที่มีสิทธิ์ลงสนามเกมนี้เป็นการอำลาการรับใช้ชาติ อย่าง ลูก้า โมดริช (37), เดยัน ลอฟเรน (33) หรือ โดมากอย วีด้า (33) มีสิทธิ์ได้ลงตัวจริงเป็นการสั่งลา

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0

 

อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก ก็ไปไม่ได้ต่อเมื่อต้องเจอแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ในรอบตัดเชือก พ่ายไป 0-2 แม้จะสู้ได้ดีก็ตาม

 

สภาพทีมของ วาลิด เรกรากี อ่วมหนักมาตั้งแต่รอบที่แล้ว และเกมนี้จะไม่มีคู่เซนเตอร์แบ็กตัวเลือกแรก กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด ที่ยังเจ็บไม่หาย

 

นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค กับ อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ก็ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

ข่าวดีมีแค่ วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกแล้ว

 

เชื่อว่าการจัดทีมจะมีหมุนส่งตัวสดๆ บางตำแหน่งลงเช่นกัน ขณะที่การจัดเกมรับ มีสิทธิ์จะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช
ฟิตเปรี๊ยะจนมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 161 นัดก็ตาม

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา บาริซิช, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า – มาเตโอ โควาซิช, คริสติยัน ยาคิช, ลูก้า โมดริช – นิโกล่า วลาซิช, บรูโน่ เพ็ตโควิช, ลอฟโร มาเยอร์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, ยาห์ย่า จาบราน – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, อับเด เอซซัลซูลี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งจะเจอกันมาในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022 จบเจ๊าไร้สกอร์ 0-0
• เท่ากับพบกัน 2 ครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ กินกันไม่ลง เสมอกันทั้งหมด
• หลังจากไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5 โครเอเชีย ก็พ่าย อาร์เจนติน่า จนอดเข้าชิงสองสมัยซ้อน
• โครเอเชีย มีโอกาสเข้าป้ายอันดับ 3 เป็นครั้งที่สอง ถัดจาก ฟร้องซ์ 98
• หลังจากไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโก ก็มาโดนทีเด็ด ฝรั่งเศส จนแพ้เป็นหนแรก รวมถึงว่า วาลิด เรกรากี ก็แพ้ครั้งแรกจากการทำทีม 9 นัดด้วย (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้1)
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• และไม่ว่าจะเข้าป้ายที่อันดับ 3 หรือ 4 ก็จะเป็นผลงานดีสุดของตัวเองและทีมแอฟริกัน/อาหรับ ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• ถ้าได้ลงสนาม ลูก้า โมดริช จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 162, อีวาน เปริซิช 123, โดมากอย วีด้า 101, มาเตโอ โควาซิช 91, มาร์เซโล่ โบรโซวิช 84, เดยัน ลอฟเรน 79
• ถ้าได้ลงสนาม ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 52, อัชราฟ ฮาคิมี่ 61, โซฟียาน อัมราบัต 46, ฮาคิม ซีเย็ค 50, โซฟียาน บูฟาล 39, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 57

 

ความน่าจะเป็น
ก็ขนาดว่า วาลิด เรกรากี ยังบอกเองว่าน่าเสียดายที่เกมเจอ ฝรั่งเศส ทีมตนมีปัญหาเรื่องขุมกำลัง การขาดหายของแข้งคนสำคัญที่ทยอยกันล้มเจ็บไป ส่งผลโดยตรงกับฟอร์มในสนามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกมนี้ก็ไม่น่าต่างจากเดิม ความนิ่งแน่นอนเป็นของ โครเอเชีย มากกว่า และน่าจะเอาชนะไปได้ในที่สุด

 

ผลที่คาด : โครเอเชีย ชนะ 2-1

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก

 

เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามร้านสะดวกซื้อ ม้ามืดอย่าง โมร็อกโก (ที่สู้สุดใจในรอบที่ผ่านๆ มา จนเสียขุนพลเดี้ยงกันไปทีละรายๆ) แม้จะมาแรงแค่ไหน ก็ไม่ไหวเหมือนกันเมื่อต้องเจอ “ของจริง” เข้าในเกมตัดเชือก

 

อันที่จริง โมร็อกโก ก็ทำได้ดีไม่น้อยในการต่อกรเปิดหน้าแลกหมัดต่อหมัดกับแชมป์เก่า

 

แต่เมื่อทีเด็ดทีขาดขึ้นกับฝั่ง ฝรั่งเศส ฝ่ายเดียว

 

“ดรีมแมตช์” อย่าง ฝรั่งเศส v อาร์เจนติน่า จึงเกิดขึ้นในท้ายที่สุด…

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

กับเกมตัดสินอยู่หรือไป จะได้ชิงแชมป์หรือชิงเหรียญทองแดง ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อัล เบย์ท สเตเดี้ยม กลางดึกคืนพุธ 14 ธ.ค. การจัดทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เจอปัญหาอย่างที่มีรายงานปูดมา เมื่อทั้ง ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ป่วยไข้ไม่พร้อมเล่นเกมนี้ ทำให้ต้องปรับส่ง อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

แต่นอกนั้นคงเดิม แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ฟาก วาลิด เรกรากี หายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ ได้ทั้ง โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นูสแซร์ มาซราอุย ผ่านความฟิตคืนสนามในเกมรับพร้อมกัน พร้อมกับเลือกปรับระบบการเล่นเป็นครั้งแรกของทัวร์นาเมนต์ จาก 4-3-3 ไปใช้ 5-4-1 ตั้งรับเต็มกำลัง ถ่าง ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ออกเล่นตัวริมเส้นแดนกลาง ทิ้งหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ค้ำไว้ข้างหน้ารายเดียว

 

กระนั้นในราย นาเยฟ อาแกร์ด ที่ตอนแรกมีชื่อในไลน์อัพ กลับเจ็บซ้ำตอนวอร์ม ทำให้สุดท้ายต้องเป็น อัชราฟ ดารี ลงไปเล่นแทน

 

เริ่มเกมไปเพียง 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮทันทีจากการจบหนแรกของเกม อองตวน กรีซมันน์ ถ่ายลูกให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า กลายเป็นเข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ เติมขึ้นมาลอยตัววอลเลย์ผ่าน ยาสซีน บูนู เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม เป็น 1-0 ของตราไก่อย่างรวดเร็ว

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ห้านาทีให้หลังเป็นโอกาสของ โมร็อกโก ที่ต้องเปิดเกมสู้บ้าง อัซเซดีน อูนาฮี ซัดเปรี้ยงระยะไกลส่งบอลเข้าหาเสาสอง ไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส ที่กระโดดปัดไว้ได้สวยๆ

 

สกอร์ที่มาเร็วทำให้เกมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้น นาที 16 ฮาคิม ซีเย็ค ทะลุเข้าไปส่องทางขวาออกไปเองแบบไร้กดดัน ฝรั่งเศส ตั้งเกมสวนขึ้นมาจบที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ทางฝั่งซ้าย บอลพุ่งแรงกระแทกเสาแรกอย่างจัง พลาดโอกาสฉีกสกอร์หนีห่างอย่างน่าเสียดาย

 

ข่าวร้ายของ โมร็อกโก ยังมีต่อเนื่อง เมื่อถึงนาที 20 ปรากฏว่ากัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ ก็ส่งสัญญาณไปข้างสนามว่าฝืนเล่นต่อไม่ไหวแล้ว ต้องกะเผลกออกให้ เซลิม อมัลลาห์ ลงสำรองไปแทน

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

เกมลดความเร็วลงไปในช่วงกลางครึ่งแรก แต่ก็ยังคงเป็น ฝรั่งเศส ที่ใกล้เคียงกับการได้เม็ดสองในนาที 36 บอลยัดเข้าจุดอันตรายมาจบที่ ชิรูด์ ตวัดยิงโล่งๆ ไม่เข้าเป้า หลุดเสาแรกไปเอง

 

โมร็อกโก เกือบได้เหมือนกันในนาที 44 จากเตะมุมที่ปลิ้นมาเข้าทาง จาวัด เอล ยามิก โชว์กระโดดโอเวอร์เฮดคิกสุดงาม บอลลอยเข้าติดปลายมือ โยริส ที่เสาประตู

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

จากนั้นครึ่งแรกสิ้นสุดลงไป ฝรั่งเศส ยังไม่ได้เพิ่มมากไปกว่า 1-0 แต่ก็ถือว่าเล่นด้วยความสบายใจพอสมควร

 

ต่อครึ่งหลัง โมร็อกโก มีเปลี่ยนเพิ่ม ถอด นูสแซร์ มาซราอุย ที่ไม่สมบูรณ์ ออกไปให้ ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ ลงเล่นแทน

 

สิบนาทีแรกของครึ่งหลังเป็น โมร็อกโก ที่ลุยเข้าใส่อย่างต่อเนื่องแล้ว ฝรั่งเศส ต้องหาโอกาสโต้กลับเป็นระยะ เพียงแต่พายุเกมบุกของทีมสิงโตแอตลาสก็ยังไม่อาจหาโอกาสจะแจ้งที่จะเปลี่ยนสกอร์ได้แต่อย่างใด

 

ถึงนาที 65 ฝรั่งเศส เปลี่ยนเกมเติมความสดแดนหน้าบ้าง ให้ มาร์คุส ตูราม ลงไปแทน ชิรูด์ ที่ไร้บทบาทในครึ่งหลัง

 

เกมเปิดแลกกันต่อเนื่องเมื่อเข้ายี่สิบนาทีท้าย โดยที่ทาง ฝรั่งเศส มีลุ้น 2-3 หนที่จะบวกสกอร์เพิ่ม แต่ไม่เฉียบคมพอ ส่วน โมร็อกโก เกมสะดุดไป และมักเสียบอลในพื้นที่สุดท้าย

 

แต่แล้วเมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบขึ้นหน้าไปเสาไกลคล้ายประตูแรก และเสร็จหอกสำรองอีกรายที่เพิ่งลงไปไม่กี่วินาที ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ วิ่งเข้าชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 กำตั๋วเข้าชิงบอลโลกไว้อยู่มือ

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

 

ท้ายเกมที่มีทดเจ็บให้ 6 นาที โมร็อกโก เกือบฮึดตีไข่แตกได้เหมือนกันตอน 90+4 จังหวะซัดของ อูนาฮี ที่แฉลบไปติดตัวคุมเส้น ชูลส์ กุนเด้ หวุดหวิด ที่สุดจึงจบที่ ฝรั่งเศส กำชัย 2-0 ลุยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะชิงชัยกับ อาร์เจนติน่า วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

 

ด้าน โมร็อกโก ไปชิงอันดับ 3 ปลอบใจกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเตะกันวันเสาร์ 17 ธ.ค.

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้, ชูลส์ กุนเด้ – ยุสซูฟ โฟฟาน่า, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 78), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 65)
โมร็อกโก (5-4-1) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย (ยาห์ย่า อัตติอัต-อัลลาห์ 46), โรแม็ง ซาอิสส์ (เซลิม อมัลลาห์ 20, อับเด เอซซัลซูลี่ 79), อัชราฟ ดารี, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ฮาคิมี่ – โซฟียาน บูฟาล (ซากาเรีย อบูคลัล 66), อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, ฮาคิม ซีเย็ค – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ (อับเดอร์ราซัค ฮัมดัลลาห์ 66)

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

• แมนออฟเดอะแมตช์ : อองตวน กรีซมันน์
• อองตวน กรีซมันน์ ลงไปช่วยงานเกมรับ (Defensive Pressures Applied) ถึง 69 ครั้งในเกมนี้
• ฝรั่งเศส ยิงตรงกรอบ 2 ครั้งเท่านั้น เป็น 2 ประตู จากโอกาสยิงทั้งหมด 14 ครั้ง ด้าน โมร็อกโก ยิงรวม 13 หน ตรงกรอบครั้งเดียว
• ฝรั่งเศส ไม่โดนใบเหลืองในเกมนี้ เท่ากับโดนไปแค่ 5 ใบตลอดทัวร์นาเมนต์ น้อยสุดในบรรดาทีมที่ยังอยู่ (แฟร์เพลย์ อังกฤษ 1 เหลือง 0 แดง)
• ฝรั่งเศส ไม่แพ้เกมฟุตบอลโลกเป็นนัดที่ 26 (ชนะ 25 เสมอ 1) หากเป็นฝ่ายขึ้นนำเมื่อสิ้นครึ่งแรก

 

• 4 จาก 5 ประตูล่าสุดในรอบตัดเชือกของ ฝรั่งเศส (คิดเป็น 80%) มาจากกองหลัง – 1998 ลิลิยอง ตูราม (2 ลูก), 2018 ซามูแอล อุมติตี้, 2022 เตโอ เอร์นันเดซ
• ประตูของ เตโอ เอร์นันเดซ เกิดขึ้นตอน 4 นาที 39 วินาที เป็นประตูเร็วที่สุดของรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ลูกยิงของ วาว่า เกมบราซิลชนะฝรั่งเศส 5-2 ปี 1958
• เตโอ เอร์นันเดซ ยิงประตูที่ 2 ในการเล่นทีมชาติ 12 นัด
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงประตูแรกสุด ในการเล่นทีมชาติเกมที่ 4

 

• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ใช้เวลา 44 วินาทีในสนาม ยิงลูก 2-0 เป็นสถิติเร็วสุดอันดับ 3 ของฟุตบอลโลก (ตัวสำรองพังประตู) ถัดจาก ริชาร์ด โมราเลส (อุรุกวัย) 2002 และ เอ๊บเบ้ ซานด์ (เดนมาร์ก) 1998
• ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ มาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเป็นมวยแทน เสียบโควตาของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่เจ็บจนต้องถอนตัวไป
• เตโอ เอร์นันเดซ (25) ก็กลายมาเป็นแบ็กซ้ายตัวเลือกแรก แทนที่พี่ชาย ลูคัส เอร์นันเดซ (26) ที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย จนต้องถอนตัวไป
• ฝรั่งเศส และ อูโก้ โยริส เพิ่งจะทำคลีนชีตหนแรกในฟุตบอลโลก 2022

 

• โมร็อกโก ยังมีสิทธิ์คว้าอันดับ 3 ได้ถ้าชนะ โครเอเชีย วันเสาร์นี้ แต่ก็จัดเป็นทีมประวัติศาสตร์ของแอฟริกา/อาหรับ อยู่แล้ว หลังมาไกลถึงรอบตัดเชือก
• วาลิด เรกรากี เพิ่งทำทีมแพ้นัดแรกจากการเล่น 9 นัด (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 1)
• ถัดจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด เท่ากับ โมร็อกโก เพิ่งเสีย 2 ประตูแรกจากฝีมือของคู่แข่ง ในเกมนี้

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

ปากคำหลังเกม ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “มันให้ทั้งอารมณ์ตื้นตันใจและภาคภูมิใจ แน่นอนว่า นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญ แต่เราก็ยังเหลืออีกหนึ่งก้าว เราทำงานร่วมกันมานานนับเดือน ซึ่งไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายเราก็มีความสุขกัน และบรรดานักเตะของผมต่างก็ได้รับรางวัลตอบแทนความพยายาม”
“ตั้งแต่ที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้เริ่มขึ้น เมสซี่ ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านไป 4 ปี พวกเขาเป็นทีมที่แตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อ 4 ปีก่อนผมได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขา (เมสซี่) จะไปเล่นในตำแหน่งไหน และท้ายที่สุดเขาพัฒนาตัวเองให้ไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในการดวลกับพวกเรา”
“จากจุดนั้น เขาดูต่อเนื่องมากกว่าเดิมในการเล่นร่วมกับกองหน้าอีกราย และเขามีอิสระมาก เขาสัมผัสบอลหลายครั้ง เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากจริงๆ
“เราจะทำให้แน่ใจว่าได้จำกัดขอบเขตการเล่นของเขากับการมีอิทธิพลต่อเกมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งพวกเขาก็คงจะพยายามทำบางอย่างกับนักเตะของพวกเราเช่นกัน”

 

อองตวน กรีซมันน์ : “ในตอนที่ อาร์เจนติน่า มี เลโอ (เมสซี่) อยู่ด้วย มันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เราได้เห็นมาเกือบทุกๆ เกม เรารู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร นี่คือทีมที่ยากในการต่อกรอย่างมาก พวกเขาอยู่ในทรงที่ดี มันเป็นกลุ่มนักเตะที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา”
“มันจะเป็นเกมที่ไม่ง่าย พวกเขาจะมีกองเชียร์ที่คอยอยู่ข้างๆ แล้วเราจะได้รู้ว่าเราสามารถทำอะไรกันได้บ้าง”

 

เตโอ เอร์นันเดซ : “เมสซี่? เราไม่กลัวหรอก พวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เราก็ยังมีเวลาเตรียมตัวอีก 2-3 วัน เกมนี้ถือเป็นเกมที่ยากของเรา โมร็อกโก มีทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่สุดท้ายเราชนะ และตอนนี้เราจำเป็นต้องคิดถึงนัดชิงฯ เท่านั้น เราทำงานหนักมานานร่วมเดือนเพื่อมาถึงจุดนี้ ผมเหนื่อย แต่มันก็เป็นอะไรที่งดงาม”

 

วาลิด เรกรากี : “เรามีนักเตะบาดเจ็บหลายราย บางคนซ้อมไม่ได้ บางคนต้องพลาดการลงสนาม หรือไม่ก็เจ็บระหว่างเกม แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว”
“เราแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของฟุตบอลโมร็อกโกแล้ว และเรามีแฟนบอลที่น่าทึ่ง เราคิดว่าเราอยู่ไม่ไกลเลยจากการที่เราสามารถต่อสู้ได้ในเกมระดับท็อป เราเล่นกันอย่างเต็มที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
“เราเสีย อาแกร์ด ตอนวอร์มอัพ รวมทั้ง ซาอิสส์ และ มาซราอุย แต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัว เราต้องจ่ายค่าตอบแทนจากการก่อความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เราทิ้งโอกาสไปในครึ่งแรก และประตูที่สองฆ่าเรา แต่มันไม่อาจพรากทุกอย่างที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้”

 

ยาสซีน บูนู : “เกมออกมาไม่ง่ายเลย เราใฝ่ฝันที่จะไปถึงชิงชนะเลิศ และเรามีความมั่นใจในการเอาชนะ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทุกๆ คนเล่นเกมที่ยอดเยี่ยม ทุ่มเทความพยายามลงไปอย่างมาก”
“เรายังคงเหลือเกมให้ลงสนามอีกหนึ่งนัด ซึ่งเป็นเกมที่เราต้องเล่นอย่างเอาจริงเอาจังเหมือนกับที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้”
“เราแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับสูงที่สามารถต่อกรกับชาติใหญ่ๆ ได้สูสี ประตูแรก (ของฝรั่งเศส) ทำให้เกมของเรายุ่งยากซับซ้อน แต่เราก็แสดงให้เห็นถึงบุคลิกและมีโอกาสหลังจากเสียประตูไป หลังจากนั้น มีประตูที่สองเกิดขึ้นพร้อมกับโชคช่วยพวกเขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม”

 

ไก่สยายปีก! อัดโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟุตบอลโลก 2022 ปะทะฟ้าขาว

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 โดยเตรียมพบ อาร์เจนติน่า ที่เจอกันมาแล้วใน รัสเซีย 2018 ฝรั่งเศสชนะ 4-3 รอบ 16 ทีมสุดท้าย (คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 ประตู, อองตวน กรีซมันน์ 1)
• ฝรั่งเศส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 4 ในเพียง 7 ทัวร์นาเมนต์หลังสุด
1998 ชนะ บราซิล 3-0
2006 แพ้ดวลจุดโทษ อิตาลี 3-5
2018 ชนะ โครเอเชีย 4-2
2022 เตรียมพบ อาร์เจนติน่า
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, เป็นกุนซือชุดแชมป์โลก 2018 และยังนำทีมเข้าชิงได้อีกหน ปีนี้
• เริ่มคุมทีมปี 2012 จนถึงวันนี้ เดส์ชองส์ พาทัพตราไก่ลงสนาม 138 นัด ชนะ 89 เสมอ 27 แพ้ 22 เปอร์เซ็นต์ชนะ 64.49%

 

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ไม่ยิงเพิ่มมา 2 เกมติด คงสถิติไว้ที่ 5 ประตูเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ และคู่นี้จะเผชิญหน้ากันโดยตรงในนัดชิงชนะเลิศ
• เช่นเดียวกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่กดไปคนละ 4 ตุงเท่ากัน
• อองตวน กรีซมันน์ ยังทำ 3 แอสซิสต์ เท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่
• มีกระแสข่าวว่า เรอัล มาดริด พร้อมเปิดไฟเขียวกรณีพิเศษให้ คาริม เบนเซม่า กลับเข้าสู่แคมป์ทีมชาติฝรั่งเศส มาเป็นตัวเลือกสำรองของกองหน้าตราไก่นัดชิงชนะเลิศ หลังยอดดาวยิงวัย 34 เจ้าของบัลลง ดอร์ 2022 ฟิตกลับมาลงซ้อมกับทีมชุดขาวได้แล้ว

 

• ในการคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ฝรั่งเศส ผ่านทั้ง ออสเตรเลีย (2-1), เดนมาร์ก (0-0) และ อาร์เจนติน่า (4-3) ในทัวร์นาเมนต์ เหมือนครั้งนี้ที่ชนะ ออสเตรเลีย 4-1, เดนมาร์ก 2-1 และเตรียมเจอ อาร์เจนติน่า นัดชิง
• ทีมตัวจริงนัดชิงปี 2018 (4-2 โครเอเชีย) ของ ฝรั่งเศส มีทั้ง อูโก้ โยริส, ราฟาแอล วาราน, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้ง 5 คนนี้ก็จะได้เล่นนัดชิงฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน
• ยังมี เบนชาแม็ง ปาวาร์ ลงตัวจริง 2018 แต่เป็นสำรองของทีมชุดนี้ ส่วนทาง สตีฟ ม็องด็องด้า, อัลฟงส์ อเรโอล่า และ อุสมัน เดมเบเล่ เป็นสำรองไม่ได้ใช้ของนัดชิงเมื่อ 4 ปีก่อน
• ฝรั่งเศส เป็นชาติแรกถัดจาก บราซิล 1998 ที่มีโอกาสป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ
• อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ก็ต้องเอาชนะ อาร์เจนติน่า ให้ได้เท่านั้นในวันอาทิตย์นี้ เพื่อยืนยันการเป็นทีมแรกถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่ ที่ป้องกันแชมป์โลกได้จริง

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

เรื่องน่าอ่าน
ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022
คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?!?
เต็ง ‘แชมป์โลก’ และความน่าจะเป็น

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย

เดินทางมาถึงคู่แรกของรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงดึกคืนวันอังคาร 13 ธ.ค. ท่ามกลางการจับตาของคอบอลทั่วทั้งโลก

 

แน่อยู่แล้วว่า อาร์เจนติน่า เป็นฝ่ายเหนือกว่า โครเอเชีย

 

แต่บางฝ่าย–โดยเฉพาะคนโครแอตและกองเชียร์ตาหมากรุก ก็ยังเชื่อว่า ภายหลังชนะดวลจุดโทษมา 2 รอบติด ก็ “มีลุ้น” จะเฮต่อเนื่องเป็นรอบ 3 ไม่ว่า อาร์เจนติน่า จะเต็งมาจากไหนก็เถอะ

 

อย่างน้อยก็ ลูก้า โมดริช คนนึง – “ผมว่าเรา (โครเอเชีย) มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันกับ เรอัล มาดริด ที่ไม่ยอมแพ้และสู้จนวินาทีสุดท้ายของเกม เราพร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะเราเตรียมตัวมาดี และผมคิดว่ามันจะเพียงพอที่ทำให้เราเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ”

 

กระนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ก็กลายเป็นว่า โครเอเชีย สิ้นท่า ไม่เหลือลายรองแชมป์เก่า

 

มาถึงตัดเชือกบอลโลก 3 หน…ร่วงที่รอบนี้ 2 ครั้ง

 

แม้ทรงจะไม่ถึงกับแบ๊ด แต่ก็แซดอย่างบ่อยเหมือนกันแฮะ…

 

แมตช์ตัดสินใครจะเช้าชิงแชมป์โลก ใครจะได้แค่ชิงเหรียญทองแดงปลอบใจ ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ โครเอเชีย เริ่มต้นขึ้นพร้อมการปรับหมากอีกครั้งของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่เปลี่ยนระบบใช้ 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 อัดแดนกลางแน่นด้วย 4 มิดฟิลด์ ต่างไปจากนัดก่อน (ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์) ที่ใช้ 5-3-2 ลงสู้ ด้าน ซลัตโก้ ดาลิช มาด้วยทีมเดิม นำโดย 3 แผงกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาเตโอ โควาซิช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียว โครเอเชีย ครองเกมดีกว่าเล็กน้อย แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าทำไม่สำเร็จ

 

นาที 25 เป็นโอกาสจบแรกของเกม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลองส่องปั่นโค้งๆ ด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหาเสาและไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช ที่แม้จะตะปบไม่อยู่แต่ก็ไม่มีดาบสองจากทีมฟ้าขาว

 

นาทีถัดมา โครเอเชีย ต่อเกมสวนขึ้นไปได้สวยจน อันเดรจ์ ครามาริช โดนชนล้มเป็นฟรีคิกเยื้องขวาระยะ 30 หลา แต่ ลูก้า โมดริช เลือกเปิดขึ้นหน้าโดนโขกสกัดออกมาไม่มีอะไร

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แต่แล้วจู่ๆ นาที 32 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้บอลตักข้ามแผงหลังมาให้ทะลุเข้าเขตโทษแล้วแตะหนี โดมินิก ลิวาโควิช ก่อนโดนชนล้ม ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแบบไม่เช็กวีเออาร์ แถมให้ใบเหลืองนายประตูโครแอต ซึ่งก็เป็น ลิโอเนล เมสซี่ นั่นเองที่หยิบบอลมาสังหารด้วยซ้ายเสยเพดานตาข่ายอย่างเฉียบคม อาร์เจนติน่า ขยับนำ 1-0 ในนาที 34 เป็นประตูที่ 5 ของ เมสซี่ ส่งให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ทั้งนี้ มาริโอ มานด์ซูคิช อดีตดาวยิงโครเอเชีย ที่มาในฐานะสตาฟฟ์โค้ชทีมหมากรุก โดนใบแดงไล่ออกไปจากข้างสนามด้วย ข้อหาประท้วงหนัก

 

แล้วเมื่อตั้งเกมเล่นกันใหม่ สกอร์ก็ไหลขึ้น 2-0 เสียดื้อๆ อีก จากจังหวะเตะมุมของโครเอเชียเองที่โดนสวนเร็ว ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวขึ้นหน้ามาจนจุดอันตราย ปรากฏว่าทั้ง โยซิป ยูราโนวิช และ บอร์นา โซซ่า กลับสกัดบอลแป้กๆ งัดไม่ออก สุดท้ายยังคงเข้าทาง อัลวาเรซ ดีดผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปง่ายๆ 2-0 ในนาที 39

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สกอร์ยังเกือบขยับเป็น 3-0 ด้วยในจังหวะเตะมุมนาที 43 บอลเปิดมาตรงกลางเข้าหัว อัลวาเรซ โขกเปลี่ยนทางจังๆ ส่งลูกกำลังจะข้ามเส้น ลิวาโควิช ยังแสดงปฏิกิริยาชั้นยอดสปริงตัวปัดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด

 

จากนั้นครึ่งแรกจบลงไปแบบงงๆ โครเอเชีย ตามหลัง อาร์เจนติน่า 0-2 ทั้งที่ก็ไม่ได้เล่นเป็นรองอะไรนักตลอดครึ่งเวลา

 

ต่อครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช ปรับส่งสำรอง 2 รายรวดทันที นิโกล่า วลาซิช กับ มิสลาฟ ออร์ซิช ลงไปแทน มาริโอ ปาซาลิช กับ บอร์นา โซซ่า ที่มีส่วนผิดพลาดในประตูที่สอง ไม่เท่านั้น เล่นไป 5 นาทีก็เสริมกองหน้า บรูโน่ เพ็ตโควิช ลงมาแทนกลางรับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

เกมของ โครเอเชีย ยกระดับขึ้นทันตา เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่แบบพับสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ปัญหาก็คือยังคงสร้างโอกาสจะแจ้งไม่สำเร็จ ทั้งยังเป็น อาร์เจนติน่า ด้วยที่เกือบได้เฮหนสาม จังหวะสวนนาที 58 เมสซี่ ทำชิ่งกับเพื่อนจนทะลุเข้าไปทางซ้ายแล้วกดกะยัดเสาแรก ไม่ผ่านเซฟ ลิวาโควิช

 

ผ่านนาที 62 ลิโอเนล สคาโลนี่ กะเอาชัวร์แล้วด้วยการส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปอุดเกมรับ พร้อมปรับระบบเป็น 3 เซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 แม้จนป่านนี้ โครเอเชีย ยังยิงไม่ตรงกรอบเลยสักครั้งก็ตาม

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แล้วถึงนาที 69 เกมก็ปิดสนิท ด้วยสกอร์ 3-0 ของอาร์เจนติน่า เมสซี่ เลี้ยงเลาะที่สุดเส้นหลังขวาโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กดด้วยขวาส่งลูกผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปไม่เหลือซาก 3-0 ด้วยสองเม็ดของกองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

นาที 73 โครเอเชีย ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ อีวาน เปริซิช ยิงเข้าข้อส่งลูกเข้าหาโคนเสา แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ล้มดักไว้อยู่แล้ว เป็นการยิงตรงกรอบหนแรกของทีมตาหมากรุกเกมนี้

 

ล่วงเข้าสิบนาทีท้าย โครเอเชีย พยายามเปิดเกมแลกหมัดสุดกำลัง แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่เข้าถึงจุดตายฟ้าขาวจริงๆ จังๆ สุดท้ายเกมจบลง อาร์เจนติน่า ชนะขาด 3-0 ล้างแค้นคืนอย่างเบ็ดเสร็จจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งโครเอเชียเอาชนะพวกเขาด้วยสกอร์นี้ในรอบแรก

 

สำหรับ อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 เป็นทีมแรก โดยต้องรอดูว่าระหว่าง ฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก ใครจะตามเข้ามาช่วงชิงโทรฟี่ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับพวกเขา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (ฮวน ฟอยธ์ 86) – เลอันโดร ปาเรเดส (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 62) – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (อังเคล กอร์เรอา 86), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เอเซเกล ปาลาซิออส 74) – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เปาโล ดีบาล่า 74), ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า (มิสลาฟ ออร์ซิช 46), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 50), ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 81) – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช (มาร์โก ลิวาย่า 72), มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 46)

 

• ที่จริง ครึ่งแรก โครเอเชีย จ่ายบอลได้มากกว่าด้วย 298:182 ครั้ง แต่ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบเลย ส่วน อาร์เจนฯ ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งได้มา 2 ประตู
• ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงประตูที่ 4 ในเวิลด์คัพหนนี้ และเป็นเม็ดที่ 7 จากการเล่นทีมชาติ 18 นัด
• หลายฝ่ายมองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคือจุดโทษที่ ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ เป่าให้กับ อาร์เจนติน่า ในจังหวะที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ชนเข้ากับ โดมินิค ลิวาโควิช ซึ่งผู้ตัดสินบางคนอาจปล่อยผ่าน
แกรี่ เนวิลล์ : “มันไม่มีทางเป็นจุดโทษได้เลย”
เอียน ไรท์ : “พวกเขาไม่เช็ควีเออาร์ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สำหรับผมมันไม่ใช่จุดโทษ”
รอย คีน : “ผมเห็นด้วยกับพวกเขา มันไม่ใช่จุดโทษสำหรับผม”

 

• โครเอเชีย ร่วงรอบตัดเชือกด้วยการแพ้เป็นนัดแรกของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงแพ้เกมแรกหลังไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน
• โครเอเชีย ยังต้องเฝ้าฝันถึงแชมป์โลกต่อไป ถัดจากการเป็นอันดับสาม ฟร้องซ์ 98, รองแชมป์โลก 2018 และอันดับ 3-4 กาตาร์ 2022
• นี่คือความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดของ โครเอเชีย ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ถัดจากที่แพ้ บราซิล กับ เม็กซิโก 1-3 ในรอบแรกของปี 2014 และแพ้ ฝรั่งเศส 2-4 นัดชิงปี 2018

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นนัดที่ 6 เมสซี่ คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปซะ 4 เกม
• เมสซี่ กดประตูที่ 5 ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมกับทำ 3 แอสซิสต์ สูงสุดเทียบเท่า อองตวน กรีซมันน์, แฮร์รี่ เคน, บรูโน่ แฟร์นันเดส
• เมสซี่ ยิงรวมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพิ่มเป็น 11 ประตู แซงหน้า กาเบรียล บาติสตูต้า ในการเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ยิงได้มากสุดในบอลโลก
• เมสซี่ ทำแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเทียบเท่า ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ 8 แอสซิสต์
• เมสซี่ มีส่วนร่วมกับถึง 19 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (11 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์) เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ มิโรสลาฟ โคลเซ่, โรนัลโด้ และ แกร์ด มุลเลอร์ นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในปี 1966 เป็นต้นมา

• เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นนัดที่ 25 เป็นสถิติมากสุดเทียบเท่า โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งทีมชาติเยอรมนี
• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ “ทั้งยิงทั้งจ่าย” (ประตู+แอสซิสต์) ในนัดเดียวเป็นจำนวน 4 นัด โดยนัดแรกทำได้ในเกมพบ เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2006 ส่วน 3 นัดเป็นฟุตบอลโลกหนนี้ที่พบ เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย
• เมสซี่ ยิงหรือจ่ายในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 13 นัด เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ โรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล
• เมสซี่ ได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก ที่จำนวน 10 นัด โดยทำไปแล้ว 4 ครั้งที่กาตาร์

• เมสซี่ ยิงประตูในทีมชาติ 16 ลูกในปี 2022 (13 นัด) มากกว่าที่เคยยิงได้ในแต่ละปี ตลอดเส้นทางค้าแข้ง
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนาม 10 นัดหลัง
• 3 จาก 5 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ของ เมสซี่ เป็นจุดโทษ
• เมสซี่ เป็นนักเตะสูงอายุที่สุด (35) ที่สามารถยิงได้ถึง 5 ประตูในฟุตบอลโลกสมัยเดียว
• ในฟุตบอลโลก 2022 จนถึงตอนนี้ เมสซี่…
โอกาสยิงรวม 27
ยิงตรงกรอบ 14
ประตู 5
แอสซิสต์ 3
สร้างโอกาสจบ 18
สร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 14
เลี้ยงผ่าน 36

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
ลิโอเนล เมสซี่ : “เราไม่คาดคิดว่าจะพ่ายต่อ ซาอุดีอาระเบีย มันคือบททดสอบอันสาหัสสำหรับทั้งทีม แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราแข็งแกร่งกันขนาดไหน เราเอาชนะได้ในนัดที่เหลือ และมันก็ยากมากๆ เพราะทุกนัดคือนัดชิงชนะเลิศ หากเราไม่ชนะ ทุกอย่างก็คงยุ่งยากสำหรับเรา”
“เราลงเล่นนัดชิงห้านัด (ในทัวร์นาเมนต์นี้) และสามารถเอาชนะได้หมด ผมหวังว่าจะชนะเหมือนเดิมในนัดชิงชนะเลิศ เราเชื่อมั่น แต่ก็รู้ด้วยว่าเราสามารถทำได้ในฐานะทีม”

 

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ : “เราคู่ควรกับสิ่งนี้ เรามีเกมที่สุดยอดมากๆ เราเข้าชิงชนะเลิศกันแล้ว และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ครอบครัวของผมคงคลั่งมาก เหมือนกับทั้งประเทศ เรามีความสุขมากกับผลงานของเรา แต่เราก็ต้องการมากกว่านี้อีก”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “มหัศจรรย์มาก เราคิดไว้แต่แรกว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก แต่เรารู้วิธีปิดเกม สองนัดที่ผ่านมาเราเสียประตูในช่วงท้าย ผมดีใจที่เราปิดเกมได้ในวันนี้”
“เมสซี่ ไม่มีการทำอะไรผิดพลาดเลยในทัวร์นาเมนต์นี้ ยิ่งเขาสูงวัยขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ๋งเป้งขึ้นเท่านั้น ฟอร์มของเขามันเหนือจริงมาก”

 

ซลัตโก้ ดาลิช : “เราเล่นได้ดีตลอดครึ่งชั่วโมงแรก แต่เรายังไม่นิ่งพอในจังหวะของเรา เราเสียประตูที่น่ากังขามากๆ เริ่มจากจังหวะเตะมุมที่มีปฏิกิริยาของผู้เล่นผม แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร จากนั้นก็เป็นจุดโทษ เอาตามตรงมันค่อนข้างเบาและง่ายเกินไป เราพยายามกลับมาให้ได้และก็เสียประตูที่สอง เราครองบอลได้ แต่ไม่ได้สร้างโอกาสจะแจ้ง”
“จุดโทษทำให้ทิศทางของเกมเปลี่ยนไปเลย พวกเขาเป็นฝ่ายได้คอนโทรลเกม และการครองบอลก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเรา”

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
• อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ผ่านมา ชนะ 2 แพ้ 3 ในเกมชิงดำ
1930 แพ้ อุรุกวัย 2-4
1978 ชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1
1986 ชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 แพ้ เยอรมนี 0-1

 

• อาร์เจนติน่า สานต่อสถิติสุดยอด “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2
2022 ชนะ โครเอเชีย 3-0

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำให้ อาร์เจนติน่า มีผลงานแพ้แค่เกมเดียวใน 42 นัดหลังสุด และยิงประตูอย่างน้อย 2 ลูกมาเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกัน

 

• ซลัตโก้ ดาลิช ยืนยันจะนั่งเก้าอี้คุม โครเอเชีย ต่อไปจนถึงหมดสัญญา หลังจบยูโร 2024 ที่เยอรมนี ภายหลังทำทีมมาตั้งแต่ปี 2017 (ชนะ 69 เสมอ 33 แพ้ 18) แต่ก็เปรยว่าแข้งสูงวัยชุดนี้บางคน คงไม่ได้ไปต่ออีกแล้ว

 

• อาร์เจนติน่า ทำให้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 11 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (21 แมตช์) มีการชนะแบบ “ยิงขาด” เพิ่มขึ้นอีกนัด ถัดจากเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง นอกนั้นอีก 80% ออกสกอร์เฉือน หรือจบเสมอกันแล้วต้องต่อเวลา หรือกระทั่งดวลจุดโทษชี้ขาด

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : ฝรั่งเศส vs โมร็อกโก
พุธ 14 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
A v B 1963 โมร็อกโก ชนะ 2-1
B v A 1966 เสมอ 2-2
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1967 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1975 เสมอ 1-1, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 3-1
เมดิเตอร์เรเนียน เกมส์ 1987 เสมอ 0-0
โฟร์ เนชั่นส์ 1988 ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
Under-21 v A 1996 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
คิง ฮัสซัน คัพ 1998 เสมอ 2-2, ฝรั่งเศส ชนะจุดโทษ 6-5
อุ่นเครื่อง 1999 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
ฮัสซัน II 2000 ฝรั่งเศส ชนะ 5-1
อุ่นเครื่อง 2007 เสมอ 2-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1

โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ โปรตุเกส 1-0

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู ตามด้วยรอบ 8 ทีม บลุ้นระทึกหน่อย แต่ยังอร่อยมากพอจะเบียดชนะ อังกฤษ 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ สังหารชัยในเกมที่ แฮร์รี่ เคน พลาดจุดโทษสำคัญท้ายเกม

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แต่ว่าการลงเตะ 3 เกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ แม้ เบนเซม่า จะคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด แล้ว แต่กระแสคืนทีมชาติก็เงียบไปแล้วเช่นกัน

 

แต่แม้จะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า นักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยแทรกซ้อน โดยเฉพาะ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร และมีสิทธิ์จะเรียกฟิตไม่ทันเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซึ่งถ้าไม่พร้อมจริงจะเป็น อิบราฮิมา โกนาเต้ กับ ยุสซูฟ โฟฟาน่า เสียบตำแหน่งแทนตามลำดับ

 

ส่วนถ้าพร้อมทั้งหมด เดส์ชองส์ ก็จะยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ด้วยระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0 เช่นเดียวกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยังคงหักปากกาเซียนอีกด้ามด้วยการสยบ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1-0 เท่ากับ 5 เกมของฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาเสียแค่ประตูเดียว และยังมาจากการยิงตัวเองของ นาเยฟ อาแกร์ด ในเกมกับ แคนาดา ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพทีมเกมนี้ของ เรกรารี นั้น “อ่วมมากแม่” มีทั้งตัวเจ็บและตัวแบน มีสิทธิ์ขาดได้ถึง 5 คนในเกมนี้

 

เริ่มจากคู่เซนเตอร์แบ็กตัวจริง กัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ กับ นาเยฟ อาแกร์ด มีปัญหาบาดเจ็บทั้งคู่ รายแรกจาก เบซิคตัส เดี้ยงจนต้องหามออกจากเกมกับ โปรตุเกส ตอนครึ่งหลัง ส่วนรายหลังจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เจ็บจนไม่ได้เล่นตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ถัดมา นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กซ้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค ก็เจ็บจนพลาดรอบที่แล้วเช่นกัน เพิ่มเติมด้วย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ มิดฟิลด์จากซามพ์โดเรีย ต้องเช็กสภาพว่าจะพร้อมหรือไม่

 

นอกจากนั้น วาลิด เชดดิร่า กองหน้าตัวสำรองจาก บารี่ ติดโทษแบนไม่อาจลงเล่นได้แน่นอน หลังโดนสองเหลืองหนึ่งแดงในเกมที่ผ่านมา

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวรับ มีโอกาสสูงที่ เรกรากี จะต้องเปลี่ยนรวดเดียว 3 คน หากว่า ซาอิสส์ – อาแกร์ด – มาซราอุย ไม่พร้อม โดยจะเป็น จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี และ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ ลงแทน เหลือตัวจริงแค่แบ็กขวา อัชราฟ ฮาคิมี่

 

อย่างไรก็ตามแนวรุกไม่เป็นปัญหาแม้จะขาด เชดดิร่า ที่เป็นสำรอง โดยให้ ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 64 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด ยืนแท่นผู้นำอยู่ขณะเหลือแค่ 4 เกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์

 

โมร็อกโก : ยาสซีน “โบโน่” บูนู
โตจาก วีดัด คาซาบลังก้า แล้วย้ายข้ามห้วยมาเข้าแคมป์ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ที่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ขวางทางอยู่ได้ โดยอันที่จริงถือว่าจอมหนึบเชื้อสายแคนาดาวัย 31 โด่งดังอย่างเงียบๆ อยู่กับ เซบีย่า มาได้พักหนึ่งแล้ว หลังมาเล่นแบบยืมตัวปี 2019 ก่อนย้ายขาดในปีถัดมา แล้วก็สร้างชื่อระดับคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี ลา ลีกา Zamora Trophy ติดตัวในซีซั่นก่อน ส่วนในทีมชาติ เริ่มติดธงปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนจะเป็นมือหนึ่งในช่วง 4-5 ปีหลัง แล้วก็โครมครามสุดๆ ในฟุตบอลโลก 2022 หนนี้

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ (อิบราฮิมา โกนาเต้), ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์, จาวัด เอล ยามิก, อัชราฟ ดารี, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, โซฟียาน บูฟาล

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม ฝรั่งเศส ปะทะ โมร็อกโก
• โมร็อกโก เคยเป็นประเทศในอาณานิคมของ ฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ. 1912 – 1956
• ความที่เป็นเมืองขึ้นของกัน ทำให้เจอกันบ่อยพอตัวในยุคโบราณ รวมพบกัน 11 นัด ฝรั่งเศสชนะใน 90 นาที 5 นัด โมร็อกโกชนะเกมเดียว
• แต่ 2 ทศวรรษหลัง พบกันหนเดียวเท่านั้น อุ่นเครื่องปี 2007 ที่ปารีส เสมอกัน 2-2
• คาริม เบนเซม่า อยู่ในเกมวันนั้น แต่ก็โชคร้ายไม่ได้เล่นฟุตบอลโลก 2022 อย่างที่ทราบ

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก โดยไม่มีเกมที่ทำคลีนชีตได้เลย
• สองนัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 5 ประตู
• แม้ไม่อาจถือได้ว่าชนะรวด แต่เกมแพ้ ตูนิเซีย 0-1 นัดปิดรอบแรก ก็เป็นการปรับส่งทีมสำรองลงสนาม ดังนั้นด้วย 11 คนแรกชุดนี้จึงจัดว่าชนะ 4 เกมซ้อนได้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
• ทำลายอาถรรพ์ทีมแชมป์เก่าตกรอบแรก 3 ทัวร์นาเมนต์รวดไปแล้ว และอยู่ในเส้นทางสำหรับการจะเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ ถัดจาก บราซิล 1962 ยุค เปเล่
• ฝรั่งเศส เพิ่งโดนใบเหลืองไปแค่ 5 ใบ น้อยสุดในจำนวนทีมที่ยังเหลือ (น้อยสุด อังกฤษ 1) รวมถึงว่าก็ยิงได้เยอะสุด (11 ประตู) ในจำนวนทีมที่ยังเหลือ

• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• วาลิด เรกรากี เกิดที่ฝรั่งเศส (1975) โตมาเล่นฟุตบอลอาชีพในฝรั่งเศส ตำแหน่งแบ็กขวา สังกัด ราซิ่ง ปารีส, ตูลูส, อชักซิโอ, ราซิ่ง ซานตานเดร์ (สเปน), ดิชง และ เกรอน็อบล์ แต่ติดทีมชาติโมร็อกโก 45 นัด ระหว่างปี 2001-2009
• โซฟียาน บูฟาล เกิดที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส (1993) และเล่นอาชีพในลีกฝรั่งเศสตั้งแต่แรกจนตอนนี้ สังกัด อองเช่ร์
• โรแม็ง ซาอิสส์ เกิดที่ฝรั่งเศส (1990) สร้างชื่อกับ เลอ อาฟร์ ก่อนย้ายไป วูล์ฟแฮมป์ตัน และตอนนี้อยู่ เบซิคตัส
• แข้งโมร็อกโกชุดนี้ เล่นใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส จำนวน 5 คน – อัซซาดีน อูนาฮี (อองเช่ร์), โซฟียาน บูฟาล (อองเช่ร์), อัชราฟ ดารี (แบรสต์), อัชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช), ซากาเรีย อาบูคลัล (ตูลูส)
• ถ้าได้ลงตามปกติ ยาสซีน บูนู จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 51, อัชราฟ ฮาคิมี่ 60, โซฟียาน อัมราบัต 45, ฮาคิม ซีเย็ค 49, โซฟียาน บูฟาล 38, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ 56

• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 5 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์ สูงสุดเทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี่
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 143 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 1 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 144, ราฟาแอล วาราน 92, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 116, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 119, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 65

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมา 10 เกมซ้อน แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3
• โมร็อกโก แพ้ครั้งสุดท้ายในยุค วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อ 1 มิ.ย. แพ้ สหรัฐอเมริกา 0-3

• เกมรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 10 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (20 แมตช์) ล้วนแต่ออกผลชนะแพ้แบบเบียดๆ หรือลงเอยด้วยผลเสมอต้องยืดเยื้อ ถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียง “เกมเดียวถ้วน” เท่านั้น ที่ชนะกันเกินกว่า 3 ประตูขึ้นไป
– ยิงกันถล่มทลาย 1 นัดถ้วน คือเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง
– ชนะห่างหน่อย 2-0 มีเกิดขึ้น 3 นัด
โปแลนด์ 0-2 อิตาลี (1982)
ฝรั่งเศส 0-2 เยอรมนีตะวันตก (1986)
อาร์เจนติน่า 2-0 เบลเยียม (1986)
– ชนะประตูเดียว 9 นัด
บัลแกเรีย 1-2 อิตาลี (1994), สวีเดน 0-1 บราซิล (1994), ฝรั่งเศส 2-1 โครเอเชีย (1998), เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้ (2002), บราซิล 1-0 ตุรกี (2002), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส (2006), อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์ (2010), เยอรมนี 0-1 สเปน (2010), ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม (2018)
– ชนะช่วงต่อเวลา 2 นัด
เยอรมนี 0-0 อิตาลี / อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0 (2006)
โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ /โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1 (2018)
– ชนะดวลจุดโทษ 5 นัด
เยอรมนีตะวันตก 3-3 ฝรั่งเศส / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 5-4 (1982)
อาร์เจนติน่า 1-1 อิตาลี / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
เยอรมนีตะวันตก 1-1 อังกฤษ / เยอรมนีฯ ชนะจุดโทษ 4-3 (1990)
บราซิล 1-1 เนเธอร์แลนด์ / บราซิล ชนะจุดโทษ 4-2 (1998)
เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า / อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2 (2014)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1
“แผนการของ โมร็อกโก ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน รับลึกแล้วโต้ แต่มันก็ไม่ง่ายต่อการรับมือของทุกคู่แข่ง พวกเขาผ่านเกมกับทีมอย่าง โครเอเชีย, เบลเยียม, สเปน, โปรตุเกส มาแล้ว และไม่เสียประตูเลยสักลูก”
“แต่ปัญหาก็คือความอ่อนล้าที่ต้องเผชิญ โรแม็ง ซาอิสส์ ต้องโดนหามออกจากเกมก่อน และยังมีต้องกังวลเรื่องความฟิตของทั้งกองหลัง นาเยฟ อาแกร์ด และคีย์แมน โซฟียาน อัมราบัต นั่นจะทำให้เกมโต้กลับของพวกเขาอาจไม่เต็มประสิทธิภาพ”
“ด้าน ฝรั่งเศส ไม่ได้เล่นด้วยสุดยอดฟุตบอลอะไร แต่พวกเขาอยู่ในระดับสูงมานาน และแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมที่เหนือกว่า อังกฤษ และคุณภาพเกมรุกของพวกเขาก็จตะสร้างความแตกต่างได้ในเกมนี้ ฝรั่งเศส จะยิงประตูแรกได้ และผ่านเกม 90 นาทีไปด้วยชัยชนะ”
“ที่จริง ผมก็อยากให้ความเห็นของผมผิด เพราะการเดินทางของทีมแอฟริกาอย่าง โมร็อกโก ในครั้งนี้ จะเป็นสุดยอดเรื่องเล่าตลอดกาลของฟุตบอลโลก ทว่าเมื่อมองเรื่องจริง มันก็คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องบอกลา”

 

ความน่าจะเป็น
มาได้ตรงนี้ต้องยกย่องและปรบมือดังๆ ให้กับ โมร็อกโก แต่ก็ควรถือว่าพวกเขามาไกลมากพอแล้ว เมื่อปาฏิหาริย์ไม่ได้มีขายตามข้างทาง โมร็อกโก ก็คงต้องเลิกฝันถึงการจะทะลุเข้าชิงแชมป์โลกเสียที โดยเฉพาะเมื่อดันมาเกิดปัญหาในเกมรับขึ้นพอดี ต่อให้ระบบจะดีแค่ไหน เมื่อตัวไม่สมบูรณ์ก็ต้านลำบาก แถมจุดเด่นของ ฝรั่งเศส ชุดนี้ ยังอยู่ที่เกมรุกสุดจัดจ้าน จับตัวนี้ตัวนั้นมา จับตั้วนั้นตัวโน้นมี อีกด้วย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย

อังคาร 13 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1994 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1998 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2006 โครเอเชีย ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2014 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
ฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชีย ชนะ 3-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3

โครเอเชีย

รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า

 

มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้โดน เนเธอร์แลนด์ ตามตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ 90+11 แต่ก็ยังมีคุณภาพมากพอจะเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ

 

มาถึงเกมรอบตัดเชือกนัดนี้ หมายความว่า อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่ 2 เกมซ้อนเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษซ้ำอีก ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986 มาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล สคาโลนี่ มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร คราวนี้แผลเกิดขึ้นที่หลังบ้านบ้าง เมื่อทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมฟ้าขาวมาตลอดทัวร์นาเมนต์ ต้องติดโทษแบนพร้อมกัน ไม่สามารถลงเล่นเกมนี้ได้

 

ส่วน 3 แนวรุก ที่ก่อนหน้านี้ อังเคล ดิ มาเรีย เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน ทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก หลังฟิตกลับมาได้ตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ภายหลังปรับใช้ระบบสามเซนเตอร์แบ็กเพื่อเน้นเพลย์เซฟในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ ก็เชื่อว่า สคาโลนี่ จะไม่ประมาท โครเอเชีย และยึดหมากนี้เอาไว้ต่อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้ลงมาถมเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ ส่วนตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายที่ อคุนย่า ติดแบน จะเป็น นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงแทน

 

ดังนั้นเกมรุกจึงจะมาแบบ 2 กองหน้าอีกครั้ง ใช้ ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เข้าทำ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

โครเอเชีย

ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

มาถึงเกมชี้ชะตาเข้าชิงหรือแค่ชิงที่ 3 นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ส่วนทาง บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย ฟิตกลับมาลงตัวจริงในเกมกับ บราซิล ไปก่อนแล้ว เกมนี้สามารถเล่นได้ต่อเนื่อง

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็ไม่น่าเปลี่ยนจากรอบก่อนๆ แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่

กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 4 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช

อะไรจะฟิตได้ขนาดนี้ ฟิตเปรี๊ยะจนเริ่มมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก็๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมล่าสุดกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 160 นัดก็ตาม

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (5-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า ปะทะ โครเอเชีย

• หลังจากเสมอแบบไร้สกอร์ในปี 1994 ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาคนละ 2 ครั้ง
• พบกันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ก็ผลัดกันแพ้ชนะเช่นกัน
• ล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โครเอเชีย ทำเซอร์ไพรส์ยิงขาดถึง 3-0 ด้วยมีจุดเปลี่ยนกับลูก 1-0 ที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ เตะเปิดเข้าทาง อันเต้ เรบิช ยิงเข้าไปง่ายๆ ก่อนท้ายเกม ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช จะมาบวกเพิ่มปิดเกมที่ 3-0

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 41 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูก มา 4 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 41 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 55 นัด ชนะ 36 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 171, อังเคล ดิ มาเรีย 129, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 99, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 46
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,002 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 171 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง

• อาร์เจนติน่า พกสุดยอดสถิติมาด้วยอย่างการที่ “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก แต่นำเอาแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 เข้าไปชิงชนะเลิศกัน (และ อาร์เจนติน่า ต่อเวลาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ครองแชมป์โลกสมัยแรก)
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1 / นัดชิงแพ้ อุรุกวัย 2-4
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0 / นัดชิงชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3 / นัดชิงแพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 / นัดชิงแพ้ เยอรมนี 0-1

• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้งในบอลโลกหนนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2014

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวดในฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว

• มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง (10 แมตช์) ที่เกิดการยิงกันแบบ “ขาดลอย” ในรอบตัดเชือก ซึ่งก็คือ เกมที่ เยอรมนี มอบฝันร้ายให้ บราซิล 7-1 เมื่อปี 2014 นอกนั้นถ้าไม่เสมอกันก็ชนะแบบเฉือนเม็ดเดียว
ฟุตบอลโลก 2002 เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้, บราซิล 1-0 ตุรกี
ฟุตบอลโลก 2006 เยอรมนี 0-0 อิตาลี (อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก 2010 อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี 0-1 สเปน
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล 1-7 เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า (อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2)
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม, โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ (โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
“ต้องยอมซูฮกให้กับ โครเอเชีย เลย เพราะที่จริงผมกาชื่อพวกเขาทิ้งไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าผมมองพวกเขาผิดไป พวกเขาเป็นทีมที่ออร์แกไนซ์กันได้ดีมาก ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ยังยอดเยี่ยม พวกเขาเก็บบอลได้ คอนโทรลเกมได้ มีความยืดหยุ่นสูง”
“ดังนั้นนี่จะเป็นเกมยากมากๆ ของ อาร์เจนติน่า แต่ผมก็เชื่อว่า อาร์เจนติน่า จะลงเล่นแบบไม่ประมาท และรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไรจากคู่แข่ง มันอาจจะเป็นโอกาส 50-50 ในการหาผู้ชนะ แต่ก็คงไม่ผิดบาปเกินไปนักถ้าผมจะให้หัวใจนำมากกว่าหัวสมอง และผมจะเลือกให้ เมสซี่ ทะลุเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ”
“ผมพูดเสมอมาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือนักเตะหมายเลขหนึ่ง และเขาครองแชมป์โลกในปี 1986 เส้นทางมหัศจรรย์ของ เมสซี่ ถูกตีตราจากบางคนว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อเขายังไปไม่ถึงแชมป์โลก แต่ตอนนี้เขาเหลือแค่ 2 นัดเพื่อทำมันให้เป็นจริง และผมก็อยากเห็นมันเกิดขึ้น”
“ใช่ นี่ยังหมายความว่าผมกาชื่อ โครเอเชีย ทิ้งไปจากฟุตบอลโลก 2022 อีกครั้ง และเชื่อผมสิ ถ้าเกมต้องถึงช่วงดวลจุดโทษ มันก็จะเป็น โครเอเชีย อีกนั่นแหละที่ชนะ”

 

ความน่าจะเป็น
เลิกคิดเรื่องยิงถล่มขาดลอยกันได้ เมื่อ 90% ของรอบตัดเชือกช่วงหลายปีหลังออกเฉือนๆ หรือไม่ก็เจ๊ากัน สำหรับเกมนี้ ก็แน่นอนเช่นกันว่าคู่คี่สูสี มีโอกาสชนะพอๆ กัน แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ อาร์เจนติน่า ว่าจะสามารถปิดจุดอ่อนของตัวเองอย่างการ “แผ่วปลาย” ได้หรือไม่ หลังจากสองรอบที่ผ่านมาโดนเจาะตอนท้ายตลอด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ พวกเขาคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปต่อนัดชิงดำให้ได้

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0

 

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

เฮี้ยนไม่เว้นวัน สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจไม่เว้นเกม สร้างเซอร์ไพรส์และเรื่องเล่าขานต่างๆ นานาได้ในทุกเกมที่ผ่านพ้นไป สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะเมื่อยิ่งงวดลง ยิ่งมาถึงน็อกเอาต์วันท้ายๆ ก็ยิ่งมีประเด็นให้โลกลูกหนังต้องตามติด–ชนิดตาห้ามกะพริบ!

 

ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ! โมร็อกโกลิ่วตัดเชือกบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่เพียงแต่การเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ แต่มาถึงตรงนี้ คงพูดได้ว่า โมร็อกโก มีเอี่ยวกับการ “คว้าแชมป์โลก” แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเกมประวัติศาสตร์ที่ วาลิด เรกรารี และลูกทีมสิงโตแอตลาส จัดมาเสิร์ฟแฟนๆ

 

รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 สองคู่สุดท้าย วันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. เริ่มจากแมตช์ โมร็อกโก พบ โปรตุเกส ซึ่งตัวแทนจากแอฟริกาต้องปรับหลังบ้านเล็กน้อยหลัง นาเยฟ อาแกร์ด บาดเจ็บ ส่วนทาง แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส เจ้าของแฮตทริกในเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 รอบที่แล้ว ลงตัวจริงต่อ

 

กระนั้น เกมรุกของทีมฝอยทองไม่อาจเจาะแนวรับโมร็อกโกที่นำโดยกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ และนายด่านจอมหนึบ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เข้าไปได้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล รวมถึงว่าโอกาสจบก็ไม่ได้มีมากครั้งนักด้วย

 

จนในช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 โมร็อกโก ก็ทำเซอร์ไพรส์เจาะประตูนำไปก่อนจากลูกครอสเข้าหน้าประตู ของ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ เข้าทาง ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ขึ้นโขกตัดหน้านายทวาร ดีโอโก้ คอสต้า เข้าประตูไปพอดิบพอดี

 

ครึ่งหลัง โปรตุเกส โถมเกมรุกขึ้นอีกระดับ โดยมีการส่ง โรนัลโด้ ลงสำรองมาเพิ่ม และ CR7 ก็มีโอกาสดีที่จะพังประตูตีเสมอตอนทดเจ็บ จากการทะลุเข้าไปส่องในเขตโทษทางขวา ทว่าก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู แต่อย่างใด

 

ทดเวลา 90+3 วาลิด เชดดิร่า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับเกม แค่ว่าหอกสำรองโมร็อกโกจะอดเล่นในรอบตัดเชือกเท่านั้น

 

สุดท้ายเกมจบลง โมร็อกโก ชนะ 1-0 โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกอีกครั้ง และ โรนัลโด้ เดินร่ำไห้ออกจากสนาม ด้วยความที่นี่คือเกมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 ปีอย่างเขา และความหวังในการผงาดแชมป์โลกครั้งแรก ต้องมีอันสิ้นสุดลงไป

 

สำหรับ โมร็อกโก ของกุนซือ วาลิด เรกรากี เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เป็นชาติแอฟริกันและอาหรับที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นรายแรก รวมถึงมีโอกาสขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพิ่งเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นจากการเล่น 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์ (อัชราฟ ดารี 57), จาวัด เอล ยามิก, ยาเอีย อัตติยัต-อัลลาห์ – อัซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิร่า 65) – ฮาคิม ซีเย็ค (ซากาเรีย อาบูคลัล 82), ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (บาเดอร์ เบนูน 65), โซฟียาน บูฟาล (ยาห์ย่า จาบราน 82)
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 79), เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ชูเอา กันเซโล่ 51) – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 69), รูเบน เนเวส (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 51), แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส (ราฟาเอล เลเอา 69), ชูเอา เฟลิกซ์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ยาสซีน บูนู คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดในกลุ่มนายทวาร เทียบเท่า โดมินิค ลิวาโควิช ของโครเอเชีย
• ตามสถิติฟีฟ่า ยาสซีน บูนู ทำ Goals Prevented เกมนี้ 11 ครั้ง
• ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ กระโดดโหม่งทำประตูในเกมนี้สูงถึง 2.78 เมตร เหนือกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ 2.5 เมตร ในเกม ยูเวนตุส พบ ซามพ์โดเรีย

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมาเป็นเกมที่ 10 แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3

• นี่คือการพบกันเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• ให้หลัง 32 ปี พบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน
• และล่าสุดกับเกมนี้ ที่ โมร็อกโก กำชัย 1-0
• โปรตุเกส ไปไม่ถึงดวงดาวในฟุตบอลโลกเหมือนเช่นเคย โดยตกทั้งรอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลัง ส่วนผลงานดีสุดยังคงเป็นอันดับ 3 ปี 1966

• กอนซาโล่ รามอส มีโอกาสยิง 6 ครั้งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริกได้ แต่มาเกมนี้โอกาสลดเหลือ 1 ครั้งถ้วน ไม่มีประตู ก่อนถูกถอดออกในนาที 69
• อันเดร ซิลวา ที่ยิง 19 ประตูในทีมชาติ มีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลก 2022 แค่ราวครึ่งชั่วโมง ด้วยการลงสำรองนาที 65 เกมแพ้ เกาหลีใต้ 1-2
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นทีมชาติเกมที่ 196 แต่ถ้าจำกัดเฉพาะ “รอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก” แล้ว นี่คือนัดที่ 8 รวมเวลา 9 ชั่วโมงครึ่ง โอกาสยิง 27 ครั้ง… ได้มา 0 ประตู

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• รอบตัดเชือก โมร็อกโก จะพบกับชาติที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมอย่าง ฝรั่งเศส ที่เคยปกครอง โมร็อกโก ระหว่างปี 1912 – 1956
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• การตกรอบอย่างสุดช็อกของ โปรตุเกส นำมาซึ่งบทสัมภาษณ์เผ็ดร้อน เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของทางฝั่ง เปเป้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่มีต่อผู้ตัดสิน ฟาคุนโด้ เตโย่ จากอาร์เจนติน่า ว่าไม่โปร่งใส ไม่ทันเกมอย่างที่ควรเป็น ทั้งยังเป็นสิงห์เชิ้ตดำเกรดรอง ไม่เคยผ่านการตัดสินเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน แต่กลับได้มาทำหน้าที่ในเกมสำคัญอย่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกอย่างน่าประหลาดใจ ไปจนถึงว่าก็ไม่ควรได้ทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์

• แฟร์นันโด ซานโตส ยังไม่ด่วนตัดสินอนาคตตัวเอง โดยขอเจรจากับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกสเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำทีมต่อหรือสละเก้าอี้ไป หลังคุมยาวมาตั้งแต่ปี 2014 และมีแชมป์ยูโร 1 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1 สมัย ติดมือ แต่ตกแค่รอบ 16 ทีมกับ 8 ทีมฟุตบอลโลก เท่านั้น

• แม้ไม่ได้ประกาศชัด แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เดินออกจากสนามแบบน้ำตานองอาบสองแก้ม ก็เผยเป็นนัยว่า เขาอาจจะเลิกเล่นทีมชาติแต่เพียงเท่านี้ ลงรับใช้ชาติไปทั้งสิ้น 196 นัด ยิง 118 ประตู โดยเป็นเจ้าของสถิติทั้งลงสนามมากสุดและยิงประตูสูงสุดตลอดกาลกับทีมชาติ ทว่าก็ยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 2022 จากจุดโทษนัดชนะ กาน่า 3-2 เกมแรกของทัวร์นาเมนต์
“การคว้าแชมป์โลกกับ โปรตุเกส คือความฝันและความทะเยอทะยานสูงสุดในอาชีพของผม โชคดีที่ผมได้แชมป์มามากมาย รวมทั้งกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การพาประเทศของเราประสบความสำเร็จขั้นที่สูงที่สุดในโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 5 สมัย รวมเวลาเกินกว่า 16 ปี ผมยิงประตูได้ ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเทอย่างเต็มร้อยในสนาม ผมไม่เคยหนีหน้าจากการต่อสู้ และผมไม่เคยยอมแพ้ที่จะสานฝัน”
“น่าเศร้าที่เมื่อวานฝันจบลงอย่างไม่สมควร ผมอยากให้คุณรู้มากกว่าการที่มันจะถูกเขียนถึง ถูกพูดถึง หรือว่าถูกเล่าลือ แต่ความทุ่มเทที่ผมมีต่อ โปรตุเกส ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผมต่อสู้เพื่อเป้าหมายเสมอ และผมไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีม และประเทศของผม”
“สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันมันงดงามจนกระทั่งมันจบสิ้นลง… ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเป็นผู้แนะนำที่ดี และเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้ทำตามต้องการ”

 

 

เคนขว้างตั๋วทิ้ง-สิงโตสลบพ่ายตราไก่ 1-2

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

นี่คือเกมคู่คี่สูสี ที่มีสิทธิ์ตัดสินกันด้วย “รายละเอียดเล็กๆ”

 

รายละเอียดเล็กจิ๋วอย่าง “องศาการเหินของลูกบอล” ขณะออกจากปลายเท้า แฮร์รี่ เคน ในเสี้ยววินาทีนั้น…

 

คู่ดึกของวันเสาร์ เกมสุดท้ายของรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 บิ๊กแมตช์ของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส เกมนี้ต่างฝ่ายต่างยึด 11 คนแรกชุดเดิมลงสนาม สิงโตคำรามนำมาโดย แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนตราไก่ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ รวมพลังเข้าทำ

 

เป็น ฝรั่งเศส ที่ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันจากหน้าเขตโทษผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 17

 

แต่จากนั้น อังกฤษ ก็ทวงคืน 1-1 ตอนต้นครึ่งหลัง จากจุดโทษที่ ซาก้า โดน ชูอาเมนี่ ขัดขาล้มลงไป และ แฮร์รี่ เคน ตะบันผ่าน อูโก้ โยริส ไม่พลาด เป็นประตูทำสถิติยิงสูงสุดในทีมชาติ 53 ลูก เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์

 

ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 กรีซมันน์ ก็ครอสแม่นๆ จากซ้ายเข้าไปให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แม็กไกวร์ ตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส นำ 2-1

 

ท้ายเกมหลังจากนั้นอีก น.82 อังกฤษ มีโอกาสดีในการตามตีเสมอรอบสอง เมื่อมาได้จุดโทษจากวีเออาร์ที่ตัวสำรอง เมสัน เมาท์ โดน เตโอ เอร์นันเดซ กระแทกล้มหน้าทิ่ม อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง รวมถึงฟรีคิกหน้าเขตโทษในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กดเสยคานออกไปแค่คืบเท่านั้น จนจบที่ ฝรั่งเศส กำชัยแบบลุ้นเหนื่อย 2-1

 

ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวนับตั้งแต่แชมป์โลกสมัยแรก 1966 เป็นต้นมา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แจ๊ค กรีลิช 90+8), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เมสัน เมาท์ 79) – บูกาโย่ ซาก้า (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 79), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (มาร์คัส แรชฟอร์ด 85)
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 79), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
• ชิรูด์ กดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลูกเดียวถ้วน
• ชิรูด์ ทำเพิ่มเป็น 53 ลูก ฉีกหนีเจ้าของสถิติคนเก่า เธียร์รี่ อองรี (51) เพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว
• อูโก้ โยริส ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ ฝรั่งเศส สูงสุดแบบเดี่ยวๆ 143 นัด แทนที่ ลิลิยอง ตูราม 142
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไร้สกอร์ที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดเทียบเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• ยังเป็นแอสซิสต์ที่ 27 จากการเล่นทีมชาติ 115 นัดของ กรีซมันน์ ด้วย

• ฝรั่งเศส ทำไป 11 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ โดยที่ 9 ลูกในนั้นมาจาก เอ็มบัปเป้ + ชิรูด์ สองคน ที่เหลืออีกสองเม็ดเป็น อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่
• ฝรั่งเศส มาถึงตรงนี้โดยไม่มีการทำคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 5 นัด เสียนัดละ 1 ลูกมาตลอด

• อังกฤษ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 7 สูงที่สุดในบรรดาทุกทีมที่ได้เข้ามาเล่น เวิลด์ คัพ
• ฟุตบอลโลก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง อังกฤษ ตกไม่ซ้ำรอบ
2010 ตกรอบ 16 ทีม
2014 ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 ตกรอบตัดเชือก / ได้อันดับ 4
2022 ตกรอบ 8 ทีม
• การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ยังคงชนะใครไม่เป็น มีผลเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก่อนแพ้ ฝรั่งเศส นัดนี้
• อังกฤษ เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แค่เกมเดียวจากการพบกัน 7 นัดหลัง (แพ้ 5 เสมอ 1)
• หากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก อังกฤษ ไม่เคยพลิกกลับมาชนะได้ในเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยได้ผลเสมอ 2 แพ้ 7

• จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงเข้าไปในสกอร์ 1-1 นับเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติอังกฤษ เทียบเท่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นที่เรียบร้อย
• ส่วนการพลาดจุดโทษในช่วงท้าย นับเป็นการพลาดครั้งที่ 11 ของเขาในตลอดเส้นทางค้าแข้ง และพลาดหนที่ 4 ในการเล่นทีมชาติ
• สัดส่วนของการยิงจุดโทษเข้ากับยิงพลาดของ แฮร์รี่ เคน คือ 58:11
• เคน ยังทำสถิติสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากที่สุดเป็นเกมที่ 11 (6 เกมในฟุตบอลโลก 2018 และอีก 5 เกมในฟุตบอลโลก 2022) แซงหน้าสถิติ 10 เกมของ บิลลี่ ไรท์ (1950-1958), บ๊อบบี้ มัวร์ (1966-1970) และ เดวิด เบ็คแฮม (2002-2006)
• เจมส์ แมดดิสัน กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มีนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็น 0, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสำรอง 1, แคลวิน ฟิลลิปส์ ลงสำรอง 2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
• ฝรั่งเศส เข้าไปดวลกับชาติที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอย่าง โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก
• พบกันก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ฝรั่งเศส ข่มขาดด้วยชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโกชนะแค่ 1
• ฝรั่งเศส ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งรายใหม่ สำหรับการผงาดครองแชมป์โลก 2022 จากการปรับเรตล่าสุดของ สกาย เบท ในอัตรากดต่ำเพียง 1/1 จากนั้นจึงตามด้วย อาร์เจนติน่า 13/8, โครเอเชีย 7/1 และเต็งเบอร์สุดท้าย โมร็อกโก 8/1 รวมถึงมีเรต 10/1 ในบางเจ้า

• เลส์ เบลอส์ กลายเป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนต์อีก 4 ปีถัดมา เพราะไม่เคยมีแชมป์เก่าชาติไหนเลยที่เคยทำได้ จากครั้งสุดท้ายที่ บราซิล ทำไว้ ด้วยการเป็นแชมป์โลก 1994 และเป็นรองแชมป์ 1998
• มีกระแสข่าวว่า ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะยังคงได้ไฟเขียวให้ดูแลทีมต่อไปจนถึงจบ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี เพื่อตอบแทนผลงานที่ดีในบอลโลกหนนี้ แม้สมาคมฯ จะมีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานและพร้อมเข้ารับตำแหน่งอยู่ ก็ตาม

• ในส่วนของผู้ตกรอบอย่าง อังกฤษ แม้ ณ ตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่ได้ประกาศลาออก โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ว่าขอเวลาอีกนิดเพื่อตัดสินใจอนาคต แต่ก็มีการเปิดราคากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ เซาธ์เกต ไว้แล้ว โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่เปแอสเช ยืนแท่นเต็งหนึ่ง 4/1 จากนั้นตามด้วย โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซี 5/1, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ 8/1, เอ๊ดดี้ ฮาว กุนซือนิวคาสเซิ่ล 10/1, แกรห์ม พ็อตเตอร์ กุนซือเชลซี 12/1, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 16/1, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 16/1, สตีฟ คูเปอร์ 16/1 และ เวย์น รูนี่ย์ 18/1

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !