8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs ฝรั่งเศส

เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : Thairath TV

 

ผลการพบกัน : 31 นัด
อังกฤษ ชนะ 17
เสมอ 5
ฝรั่งเศส ชนะ 9

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อังกฤษ

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อิหร่าน 6-2
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เวลส์ 3-0
รอบ 16 ทีม ชนะ เซเนกัล 3-0

 

ฝรั่งเศส

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

สิงโตคำราม มีรอบแรกที่ดี ยิง อิหร่าน กับ เวลส์ รวมกัน 9 ประตู เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และยังเจองานง่ายในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม ผ่าน เซเนกัล สบายบรื๋อ 3-0

 

กับเกมนี้ที่ต้องเจอทีมระดับเฮฟวี่เวตเป็นนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร เริ่มจาก เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ที่ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้วเนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีรายงานว่าเป็นเพราะแตกหักกับทีมสตาฟฟ์ ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงลอนดอนหลังโดนโจรขึ้นบ้าน แม้กลับมาทันเกมนี้และลงซ้อมไปแล้ว แต่ก็จะเป็นสำรองไปก่อน

 

จอห์น สโตนส์ มีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ เช่นเดียวกับ คัลลิ่ม วิลสัน ซึ่งต้องเช็กสภาพกันก่อนเกม ซึ่งถ้า สโตนส์ ไม่พร้อม เอริก ไดเออร์ จะลงมาคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แทน

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือก

 

11 คนแรกคาดว่าน่าจะยังยึดระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น และ บูกาโย่ ซาก้า แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ก่อนหน้ากด 2 ตุงใส่เวลส์ ก็มีสิทธิ์สอดแทรกลงเช่นกัน

 

ฝรั่งเศส

เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

แต่ว่าสองเกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบไปเช่นกัน

 

เดส์ชองส์ จะยึดทีมเดิมในรอบที่แล้ว ด้วยระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : แฮร์รี่ เคน

ฟอร์มแผ่วไปก็จริงในช่วง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่ควรยึดโยงมากกว่าคือฟอร์มที่ร่ายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซีซั่นนี้ ซึ่งออกมาไม่เลวเลยคือ 13 ประตูจาก 22 นัด ที่สำคัญ เคน ยังพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลกมาแล้วด้วยการกด 6 ลูก คว้าดาวซัลโวรัสเซีย 2018 ส่วนมาในเวิลด์คัพครั้งนี้ นอกจากเป็นจอมแอสซิสต์แล้ว ก็ยังประเดิมเม็ดแรกใส่ เซเนกัล ไปแล้วด้วย ซึ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากแน่นอน

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้

เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 63 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่เป็นเพื่อนบ้าน ห่างกันแค่ช่องแคบโดเวอร์ 34 กม. ทำให้คู่นี้นัดเจอกันค่อนข้างบ่อยในอดีต ประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ 1923 แล้ว รวมเจอกัน 31 ครั้ง อังกฤษ ข่มกว่าด้วยชัยชนะ 17 เกม
• เคยซัดกันมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ปี 1966 กับ 1982 อังกฤษ ชนะรวด 2-0 กับ 3-1 ตามลำดับ
• แต่การพบกัน 6 เกมหลังสุด (2004 เป็นต้นมา) ฝรั่งเศส พลิกเป็นฝ่ายข่ม ด้วยผลชนะ 4 (เสมอ 1 แพ้ 1) ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2017 ฝรั่งเศสชนะ 3-2 แฮร์รี่ เคน ยิงสองตุง ก่อน อุสมัน เดมเบเล่ สังหารชัยท้ายเกม

 

• อังกฤษ ไม่แพ้ใครมา 5 เกม เป็นชนะ 3 เสมอ 2
• อังกฤษ ยิงคู่แข่งด้วยสกอร์ 3-0 มาสองเกมซ้อน และไม่เสียประตูตลอด 3 เกมหลัง
• ในฟุตบอลโลก 2022 อังกฤษ ยิงไปแล้ว 12 ประตูจาก 4 นัด เฉลี่ยนัดละ 3 ลูก
• แต่การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ชนะใครไม่เป็นเลย เช่นเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี

 

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูกถ้วน
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว ที่ 52 ประตู และทุกลูฏที่จะยิงได้ต่อจากนี้ มีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป

 

• หากได้เล่นเกมนี้ แฮร์รี่ เคน จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 80, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 74, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 53, จอร์แดน พิคฟอร์ด 50, จู๊ด เบลลิงแฮม 22
• เช่นกัน อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 143, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 118, อองตวน กรีซมันน์ 115, ราฟาแอล วาราน 91, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 64

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งนัดที่โอกาสออก ชนะ-เสมอ-แพ้ มีพอๆ กันทุกหน้า แต่ด้วยความแข็งแกร่งจากหลังสุดมาหน้าสุดของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะเกมรุกที่ร้อนแรง อันตรายทุกตัว ก็น่าจะเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และพลพรรคสิงโตได้ แม้ว่าที่จริง อังกฤษ ก็มาดี และมีคุณสมบัติมากพอจะไปต่อก็ตาม แต่คงต้านความหื่นกระหายชัยของตราไก่ลำบากหน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

 

โมร็อกโก vs โปรตุเกส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs โปรตุเกส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โมร็อกโก vs โปรตุเกส
เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 2 นัด
ฟุตบอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ 3-1
ฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะ 1-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0

โปรตุเกส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ กาน่า 3-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อุรุกวัย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ เกาหลีใต้ 1-2
รอบ 16 ทีม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0

 

อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก สะบักสะบอมไม่น้อยจากการศึกกับทัพกระทิงดุ จนต้องเสียกองหลังคนสำคัญ นาเยฟ อาแกร์ด เจ็บโคนขาหนีบ เกมนี้หมดสิทธิ์ลงสนาม พร้อมกับต้องเช็กฟิตกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ ที่มีอาการบริเวณแฮมสตริง

 

ยังเชื่อว่า ซาอิสส์ จะกัดฟันลงเล่นแม้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ไม่เช่นนั้น เรกรากี ต้องปรับคู่เซนเตอร์แบ็กพร้อมกันทั้งสองราย

 

ระบบคงเดิม 4-3-3 อัชราฟ ฮาคิมี่ ประจำการแบ็กขวา แนวรุก ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

โปรตุเกส
แชมป์ยูโร 2016 ยังไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน รวมถึงว่าก็ยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้ด้วย ดังนั้นจึงมุ่งมั่นเต็มที่ในการคว้าโทรฟี่อำลายุคสมัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอีกหลายตัวเก๋าในทีม

 

และแม้เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 จะมีตำหนิพอสมควรกับการทุบ กาน่า 3-2 แต่ก็ยังสร้างความต่อเนื่องด้วยการตบ อุรุกวัย 2-0 จนสุดท้ายแม้จะแพ้ เกาหลีใต้ แต่ไม่ได้มากพอให้หลุดออกจากตำแหน่งแชมป์กลุ่ม ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ แบบยิงไม่ยั้ง 6-1

 

แฟร์นันโด ซานโตส ยังมีปัญหาตัวเจ็บคั่งค้างอยู่ 2 ราย คือ นูโน่ เมนเดส กับ ดานิโล่ เปเรยร่า ซึ่งเป็นกองหลังทั้งคู่ โดยรายแรกเจ็บหนักพักยาวหมดสิทธิ์เล่นฟุตบอลโลก 2022 แล้ว ส่วนรายหลังยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ ต้องลุ้นให้ทีมไปต่อรอบหน้า

 

ซานโตส มีการปรับทัพสำคัญในรอบที่ผ่านมา ด้วยการดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งโรยราไปตามวัย ลงสู่ม้านั่งสำรอง เปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส ดาวรุ่งวัย 21 จากเบนฟิก้า ลงตัวจริงแทน และ รามอส ก็ตอบแทนด้วยการทำแฮตทริกในทันที

 

ดังนั้นการจัดทัพจึงจะไม่เปลี่ยน ในระบบ 4-3-3 ข้างหน้าขยับ บรูโน่ แฟร์นันเดส ขึ้นมาเล่นร่วมกับ กอนซาโล่ รามอส และ ชูเอา เฟลิกซ์ ขณะที่แนวรับ ท่านผู้เฒ่า เปเป้ วัยย่าง 40 จะลงยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ รูเบน ดิอาส เช่นเดิม

 

ตัวความหวัง
โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้จะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 19 ประตูจาก 47 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 58 เกมทีมชาติ

 

โปรตุเกส : กอนซาโล่ รามอส
แม้จะยิง 1 ลูกในเกมลับแข้งกับ ไนจีเรีย (4-0) ก่อนบอลโลก แต่ก็น้อยคนนักที่จะรู้จักเด็กหนุ่มชื่อ กอนซาโล่ มาติอัส รามอส เมื่อนี่คือหัวหอกดาวรุ่งวัยเพียง 21 ที่ขึ้นชั้นมาเล่นกับ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ เมื่อปี 2020 เป็นต้นมา และที่จริงก็เพิ่งระเบิดฟอร์มน่าประทับใจในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมานี้เอง ด้วยการยิง 14 ประตูจาก 21 นัด เป็นใบเบิกทางให้ แฟร์นันโด ซานโตส หิ้วมาฟุตบอลโลก 2022 และเพียงเกมแรกที่ลงตัวจริงก็กระหน่ำแฮตทริกใส่ สวิตเซอร์แลนด์ จนแฟนๆ แทบจะลืมไปแล้วว่ามี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ที่ม้านั่งสำรอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, จาวัด เอล ยามิก, โรแม็ง ซาอิสส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
โปรตุเกส (4-3-3, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) ดีโอโก้ คอสต้า – ราฟาเอล เกร์เรยโร่, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – รูเบน เนเวส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส, ชูเอา เฟลิกซ์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• แม้จะอยู่ห่างกันแค่ชั่วโมงเศษ (ทางอากาศ) แต่คู่นี้พบกันมาเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งสองเกม หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• จากนั้นอีก 32 ปี มาพบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน

 

• วาลิด เรกรารี เป็นฮีโร่ของชนชาติโมร็อกโกไปแล้ว และจะคุมทีมลงสนามเกมนี้เป็นเพียงนัดที่ 8 เท่านั้น ด้วยสถิติไร้พ่าย ที่ผ่านมาชนะ 4 เสมอ 3
• โมร็อกโก ยังไร้พ่ายมาถึง 9 เกมซ้อน และในจำนวนนี้ทำคลีนชีตได้ถึง 7 เกม
• แม้กระทั่งการดวลจุดโทษ โมร็อกโก ก็ยังจะทำคลีนชีต ชนะ สเปน 3-0

 

• ในการเจอทีมจากแอฟริกาหนล่าสุด โปรตุเกส เฉือนชนะ กาน่า 3-2 ซึ่งก็คือเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้
• 5 นัดหลัง โปรตุเกส ยิงรวม 16 ประตู เฉลี่ยนัดละ 3.2 ลูก
• โปรตุเกส อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลกสมัยแรก โดยยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้มาก่อน ผลงานดีสุดคืออันดับสาม 1966 และอันดับสี่ 2006

 

• กอนซาโล่ รามอส เป็นเจ้าของแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลก 2022 และเป็นคนแรกที่ทำแฮตทริกในรอบน็อกเอาต์บอลโลก นับตั้งแต่ โธมัส สคูราวี่ ปี 1990 นอกจากนั้นยังเป็นคนแรกในรอบ 15 เกมของโปรตุเกส ถัดจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดสามใส่ ลักเซมเบิร์ก เมื่อ ต.ค. 2021
• กอนซาโล่ รามอส เล่นทีมชาติ 4 นัด ซัด 4 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
เป็นอีกเกมที่คาดเดาผลได้ลำบาก ด้วยแม้ว่า โปรตุเกส จะถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ มา แต่ระดับคุณภาพของ โมร็อกโก ที่แสดงให้เห็นตลอดในฟุตบอลโลก 2022 ก็ทำให้เชื่อได้ว่าจะไม่ใช่เกมแบบนั้น ดีไม่ดีมีสิทธิ์ซ้ำรอยเกมที่แล้วของ โมร็อกโก ซึ่งกินกันไม่ลงใน 90 นาที จากนั้นก็ค่อยมาดูกันว่าโชคดวงจะเข้าข้างฝั่งไหน

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : JKN18

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
อุ่นเครื่อง 1974 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4-1
ฟุตบอลโลก 1974 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 1979 เสมอ 0-0, อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 8-7
ฟุตบอลโลก 1998 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 1999 เสมอ 1-1
อุ่นเครื่อง 2003 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2006 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 2014 เสมอ 0-0, อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 4-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
เนเธอร์แลนด์
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซเนกัล 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เอกวาดอร์ 1-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ กาตาร์ 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-1

อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ ออสเตรเลีย 2-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
เนเธอร์แลนด์
เห็นเงียบๆ แต่ฟอร์มเยี่ยมไปเลย หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 ต่อมารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ก็ผ่าน สหรัฐอเมริกา ไม่ลำบาก 3-1

 

ประเด็นก็คือ นับตั้งแต่ที่กลับเข้ามาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจบยูโร 2020 แล้วนั้น ฟาน กัล ยังไม่พาทีมกังหันลมแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียว โดยลงสนาม 19 นัด ชนะ 14 เสมอ 5

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล อยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดทั้งสิ้น ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้ต่อเนื่องแล้ว

 

สำหรับนายประตู จะยังคงเป็น อันดรีส น็อพเพิร์ต จอมหนึบวัย 28 จากฮีเรนวีน ที่เพิ่งลงประเดิมทีมชาติใน เวิลด์ คัพ เที่ยวนี้ และเล่นได้อย่างน่าพอใจ

 

ระบบคงเดิม 3-4-2-1 หลังบ้านนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตรงกลางขยับ ดาวี่ คลาสเซ่น ขึ้นเสริมเกมรุก และหน้าคู่ เมมฟิส เดอปาย จับคู่ โคดี้ กัคโป ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ด้วยทรงดีเป็นที่สุด ยืนสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ

 

เกมนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีต้องเช็กอาการของ 3 แนวรุก ทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน แต่ก็คาดว่าทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก

 

ระบบใช้ 4-3-3 และอาจมีปรับบางจุดจากเกมที่แล้วเพื่อเติมความสด แต่เกมรุกจะนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ตามเดิม เพิ่มเติมด้วย ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อังเคล ดิ มาเรีย ที่น่าจะฟิตพร้อมคืนสนามแล้ว

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

ตัวความหวัง
เนเธอร์แลนด์ : โคดี้ กัคโป
แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว ด้วยการกดไปนัดละลูกในรอบแรก ลุ้นรองเท้าทองคำเต็มตัว รวมแล้วยิงไป 6 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 13 นัด โดยตัวรุกวัย 23 จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถูกพูดถึงผ่านหน้าสื่ออยู่เรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา จากฟอร์มสุดแจ่มที่ร่ายให้กับต้นสังกัด ซีซั่นก่อนยิง 21 ประตู ซีซั่นนี้กดแล้ว 13 ลูก ก่อนมาสร้างชื่อในเวิลด์คัพหนนี้อย่างที่ว่าไป

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย ไม่มีอะไรต้องกั๊กหรือต้องยั้งไว้อีกแล้วสำหรับ เมสซี่ ที่จะใส่สุดเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการเล่นทีมชาติปีนี้ ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 3 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัวเช่นกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2, กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล) อันดรีส น็อพเพิร์ต – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รอน, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น – โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย
อาร์เจนติน่า (4-3-3, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อังเคล ดิ มาเรีย, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาเยอะทีเดียว 9 นัด เนเธอร์แลนด์ข่มด้วยสถิติชนะ 4 และ อาร์เจนติน่า เอาชนะได้หนเดียวเท่านั้นใน 90 นาที
• พบกันล่าสุดในฟุตบอลโลกที่บราซิล รอบตัดเชือก อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 4-2 หลังเสมอ 0-0 เกมนั้น หลุยส์ ฟาน กัล คุมทีมกังหันอยู่ (รอบสอง)
• ถ้านับเฉพาะ 90 นาที อาร์เจนติน่า ไม่ชนะ เนเธอร์แลนด์ มา 44 ปีแล้ว (ตั้งแต่ 1978)
• ประตูที่ เดนนิส เบิร์กแคมป์ สังหารชัยดับ อาร์เจนติน่า 2-1 นาทีสุดท้ายของรอบ 8 ทีม ฟร้องซ์ 98 ยังติดชาร์ตหนึ่งในประตูที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลก จนวันนี้

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 40 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• ดาลี่ย์ บลินด์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 99, เมมฟิส เดอปาย 86, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ 54, เฟรงกี้ เดอ ยอง 50 หากทั้งหมดได้เล่นเกมนี้
• ส่วน อันดรีส น็อพเพิร์ต จะรับใช้ชาติเป็นเกมที่ 5 ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 (2 คลีนชีต, เสีย 2 ประตู)

 

• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 170, อังเคล ดิ มาเรีย 128, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 98, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 45
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,001 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 170 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช

 

• นี่จะเป็นการดวลกันของกุนซือที่แก่ที่สุด (ของฟุตบอลโลก 2022) หลุยส์ ฟาน กัล 71 ปี กับอ่อนที่สุด ลิโอเนล สคาโลนี่ 44 ปี
• หลุยส์ ฟาน กัล คุมเนเธอร์แลนด์รอบสาม 19 นัด ไร้พ่าย (ชนะ 14 เสมอ 5) ฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 40 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 54 นัด ชนะ 36 เสมอ 13 แพ้ 5)

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งเกมที่คาดเดาผลได้ยากทีเดียว เมื่อแม้ อาร์เจนติน่า จะดูมีเกมรุกร้อนแรง นำโดยยอดแข้งอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ แต่ทีมกังหันก็มีดีที่เกมรับซึ่งนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ดังนั้นเกมนี้จึงอาจตัดสินกันด้วยรายละเอียดเล็กๆ เช่นใครทำพลาดในช่วงชี้เป็นชี้ตาย ก็ถึงพัง รวมถึงว่ามีโอกาสสูงที่จะออกยืดเยื้อ กินกันไม่ลงใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โครเอเชีย vs บราซิล
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 4 นัด
อุ่นเครื่อง 2005 เสมอ 1-1
ฟุตบอลโลก 2006 บราซิล ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1

บราซิล
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซอร์เบีย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ แคเมอรูน 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ เกาหลีใต้ 4-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที

 

มาถึงเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช จากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ กับ บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย เพียงแต่ทั้งสองก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็อาจไม่เปลี่ยนจากรอบก่อน แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานชนะติดต่อกัน 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

ส่วนเมื่อถึงรอบ 16 ทีม บราซิล ก็กลับไปร้อนแรงอีกครั้ง กราดยิง เกาหลีใต้ 4-1 ชนิดกด 4 เม็ดรวดในครึ่งแรกครึ่งเดียว และครึ่งหลังเล่นประคองสกอร์แบบเซฟๆ เลี่ยงปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม

 

ก่อนหน้านี้ ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน ทั้ง เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากฟุตบอลโลก 2022 

 

แต่สำหรับ เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ ฟิตฟื้นคืนตัวจริงไปเล่นในเกมก่อน นัดนี้จะลงเล่นได้ต่อเนื่อง คงเหลือเพียง อเล็กซ์ ซานโดร ที่ต้องพัก ถ้าไม่นับ กาเบรียล เชซุส กับ อเล็กซ์ เตลเลส ที่หมดสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

 

ตีเต้ คงไม่เปลี่ยนทีมที่เล่นดีอยู่แล้ว ในระบบ 4-2-3-1 นำขบวนโดย เนย์มาร์ เสริมด้วยตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่โหดดุครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
เจ้าของนิคเนม “R9” คนใหม่ ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม จากนั้นก็กดอีกเม็ดใส่ เกาหลีใต้ เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 41 นัดซัด 20 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, มาร์โก ลิวาย่า
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – ดานิโล่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, เอแดร์ มิลิเตา, – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 เนย์มาร์ กับ ฟีร์มิโน่ ซัดคนละเม็ด
• ยังเคยเจอกันในฟุตบอลโลกมา 2 ครั้ง ปี 2006 และ 2014 แซมบ้าก็ชนะ 2 นัดรวด 1-0 และ 3-1 ตามลำดับ โดยเกมหลัง เนย์มาร์ ซัด 2 ตุง
• เท่ากับ เนย์มาร์ ยิงประตูโครเอเชียมาแล้ว 3 ลูก
• บราซิล เป็นเพียงหนึ่งใน 2 ทีมที่ โครเอเชีย ไม่เคยเอาชนะได้ (ในการเจอกันมากกว่า 3 นัด) โดยนอกจากทีมแซมบ้าก็มี โปรตุเกส อีกราย (เตะ 7 เสมอ 1 แพ้ 6)
• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 10 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 4
• ลูก้า โมดริช จะลงรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 160 ส่วน อีวาน เปริซิช 120, มาเตโอ โควาซิช 89, เดยัน ลอฟเรน 77 ส่วน โดมินิค ลิวาโควิช จะเป็นเกมที่ 39 เท่านั้น
• เนย์มาร์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 124, ริชาร์ลิซอน 42, กาเซมิโร่ 69, ติอาโก้ ซิบวา 113, อลิสซอน เบ็คเกอร์ 61 ส่วนถ้า ดานี่ อัลเวส ได้เล่น จะเป็นเกมที่ 127 ทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียไปประตูเดียวจากการเล่น 3 นัดในฟุตบอลโลก 2022 และทุกนัดที่ลง บราซิลชนะรวด (เกมแพ้ แคเมอรูน 0-1 เป็น เอแดร์ซอน โมราเอส)

 

ความน่าจะเป็น
ด้วยความเหนียวแน่นในเกมรับและความเก๋าของแดนกลาง ทำให้ยังพอมีมุมที่ โครเอเชีย จะยันอยู่จนผ่าน 90 นาที แต่เมื่อดูจากความแข็งแกร่งและแพรวพราวของ บราซิล ที่มีทั้งในกลุ่มตัวจริงและตัวสำรองแล้ว ก็ให้น่าเป็นห่วงแทน โครเอเชีย ว่าจะเอาไม่อยู่เมื่อเกมงวดลง หรือหากว่าเม็ดแรกมาเร็ว ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่าจะไหลเหมือนที่ เกาหลีใต้ โดนมา

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

 

จากที่จบใน 90 นาที แถมยิงกันขาดถึง 3 จาก 4 คู่แรก พอมาถึง 4 คู่หลังของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 กลับออกทรงคาดเดาลำบากเหลือใจ ต้องวัดกันถึงดวลจุดโทษ 2 แมตช์ด้วยกัน และนี่คือบทบันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังและสิ่งสืบเอง สำหรับแมตช์ที่เหลืออยู่ของรอบ 2 เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์…

 

 

สุดทางปาฏิหาริย์! ซามูไรพ่ายดวลเป้าหมากรุก

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

หากยังพอจำกันได้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทัพซามูไรสีน้ำเงิน ประกาศไว้แต่แรกว่าเป้าหมายของเขาคือการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และนั่นเป็นสิ่งที่ใครก็ปรามาส ไม่คิดว่าจะทำได้–แม้แต่การผ่านรอบแรก แต่เมื่อเกมจริงมาถึง ญี่ปุ่น ก็พลิกสยบ เยอรมนี 2-1 ตั้งแต่แมตช์แรก ต่อมาแม้จะเจอความพลิกล็อกเล่นงานเองบ้างด้วยการแพ้ คอสตาริกา 0-1 แต่ก็ยังมาพลิกยิงแซงชนะ สเปน ในเกมที่บังคับต้องชนะอีก 2-1 จนผงาดคว้าแชมป์กลุ่มอีอย่างหล่อ

 

เพียงแต่คู่แข่งของ ญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่ทีมที่ใครจะสามารถมองข้ามได้ เมื่อนี่คือหนึ่งในทีมแข็งของยุโรป ดีกรีรองแชมป์โลกหนก่อนอย่าง โครเอเชีย ที่โชว์ความหลังเหนียวด้วยการไม่เสียประตูทั้งเกมกับ โมร็อกโก และ เบลเยียม โดยเฉพาะนัดหลังที่เป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบหรือตกรอบ ก็ไม่พลาดท่าเสียที แม้ภาพรวมอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนครั้งก่อนที่รัสเซีย แต่ยังเข้ารอบมาได้ตามเป้า

 

เกมที่ อัล จานู้บ สเตเดี้ยม โมริยาสุ มีการปรับไลน์อัพเล็กน้อย ริสึ โดอัน ถูกส่งลงตัวจริงบ้าง ประสานเกมรุกร่วมกับ ไดจิ คามาดะ และหน้าเป้า ไดเซน มาเอดะ ส่วนทัพตาหมากรุกของ ซลัตโก้ ดาลิช ก็ปรับเล็กๆ เหมือนกัน แต่ยังนำมาโดย 3 แดนกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช – มาเตโอ โควาซิช เช่นเดิม

 

ญี่ปุ่น ยังคงรักษามาตรฐานในการทำได้ดี เล่นได้เยี่ยม พังประตูนำก่อน 1-0 จากจังหวะตวัดยิงหน้ากรอบ 6 หลาของ ไดเซน มาเอดะ น.43 ทว่าต้นครึ่งหลัง น.55 ก็โดนตีเสมอ 1-1 จากลูกโขกเน้นๆ ของ อีวาน เปริซิช แล้วหลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทั้งใน 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ จนครบ 120 นาที ลงเอยที่ 1-1 เท่ากับเป็นคู่แรกที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

 

ญี่ปุ่น เสี่ยงทายได้เป็นฝ่ายยิงก่อน แต่….
ทาคุมิ มินามิโนะ ยิงติดเซฟ โดมินิค ลิวาโควิช 0-0
นิโกล่า วลาซิช ยิงเข้าไม่พลาด 0-1
คาโอรุ มิโตมะ ซัดเต็มข้อ ยังกดติดเซฟ ลิวาโควิช 0-1
มาร์เซโล่ โบรโซวิช ยิงเข้ากลางประตูเข้าอย่างมั่นใจ 0-2
ทาคุมะ อาซาโนะ ยิงเบี่ยงขวาเข้าไป ไล่ตีตื้นมาที่ 1-2
มาร์โก ลิวาย่า กดไปชนเสาเต็มใบ 1-2
ทว่ากัปตันทีม มายะ โยชิดะ ก็ยังซัดไม่ผ่านมือ ลิวาโควิช 1-2
จึงปิดท้ายที่ มาริโอ ปาซาลิช ยิงจมตาข่าย เช็คบิล 1-3

 

โครเอเชีย ชนะดวลเป้า 3-1 ได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป ส่วน ญี่ปุ่น ตกรอบ สิ้นสุดการผจญภัยอันเต็มไปด้วยความทรงจำแสนสวย แต่เพียงเท่านี้

 

(และประโยคของ เอโกะ จินปาจิ แห่ง Blue Lock ก็ดังขึ้น – “พอใจกันมากใช่มั้ย…ทีมที่ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เนี่ย หึหึหึ”)

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ญี่ปุ่น (3-4-3) ชูอิจิ กอนดะ – ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, มายะ โยชิดะ (c), โชโง ทานิงุจิ – จุนยะ อิโตะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ (อาโอะ ทานากะ 105), วาตารุ เอ็นโดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ (คาโอรุ มิโตมะ 64) – ไดจิ คามาดะ (ฮิโรกิ ซากาอิ 75), ไดเซน มาเอดะ (ทาคุมะ อาซาโนะ 64), ริสึ โดอัน (ทาคุมิ มินามิโนะ 87)
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์น่า บาริซิช – ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 99), มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาเตโอ โควาซิช (นิโกล่า วลาซิช 99) – อันเดรจ์ ครามาริช (มาริโอ ปาซาลิช 68), บรูโน่ เพ็ตโควิช (อันเต้ บูดิเมียร์ 62, มาร์โก ลิวาย่า 106), อีวาน เปริซิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 105)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• พบกัน 3 ครั้งในบอลโลกรอบสุดท้าย ญี่ปุ่น เอาชนะ โครเอเชีย ไม่ได้ทั้งหมด – แพ้ 0-1 ฟร้องซ์ 98, เสมอ 0-0 เยอรมนี 2006 และเสมอ 1-1 ก่อนแพ้ดวลเป้า ครั้งนี้
• ญี่ปุ่น ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนเช่นเคย และยังไม่เคยไปได้ไกลกว่านี้
1998 รอบแรก
2002 รอบ 16 ทีม (แพ้ ตุรกี 0-1)
2006 รอบแรก
2010 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ ปารากวัย 3-5)
2014 รอบแรก
2018 รอบ 16 ทีม (แพ้ เบลเยียม 2-3)
2022 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3)
• ทีมที่เป็นฝ่าย “ยิงจุดโทษก่อน” ในรอบน็อกเอาต์บอลโลก แพ้ติดต่อกันมา 7 เกมแล้ว นับตั้งแต่ คอสตาริกา แพ้ เนเธอร์แลนด์ 3-4 ปี 2014 ที่บราซิล4
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟ 3 จุดโทษในการดวลเป้าเป็นคนที่ 3 ถัดจาก ริคาร์โด้ (โปรตุเกส) 2006 และรุ่นพี่ ดานิเยล ซูบาซิช (โครเอเชีย) 2018

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ญี่ปุ่น แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3
• โครเอเชีย เข้ารอบสุดท้ายไปดวลกับ บราซิล ยักษ์อเมริกาใต้ที่พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้มาก่อนเลย จากการพบกัน 4 นัด
• โครเอเชีย ยังอยู่ในเส้นทางความ “สุดโต่ง” ในฟุตบอลโลก เมื่อถ้าไม่ตกรอบแรก ก็เข้ารอบลึกๆ ไปเลย
1998 อันดับ 3 (ชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1)
2002 รอบแรก
2006 รอบแรก
2014 รอบแรก
2018 รองแชมป์ (แพ้ ฝรั่งเศส 2-4)
2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย (เป็นอย่างน้อย)
• โดมินิค ลิวาโควิช นายประตูโลว์โพรไฟล์วัยย่าง 28 จาก ดินาโม ซาเกร็บ ถูกจับตาและคาดหมายว่าจะได้ย้ายสู่ทีมใหญ่ในเร็ววัน หลังขึ้นมาเป็นมือ 1 ในบอลโลกหนแรก และมีผลงานน่าประทับใจ
• อีวาน เปริซิช ยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นลูกที่ 6 สูงสุดเทียบเท่า ดาวอร์ ซูเคอร์
• ฮาจิเมะ โมริยาสุ ยังจะอยู่ทำงานคุมญี่ปุ่นต่อ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าลูกทีมวัยเก๋าจะยังเหลือใครบ้างในชุดถัดไป ซึ่งที่เข้าข่ายต้องจับตามี ยูโตะ นางาโตโมะ (36), เออิจิ คาวาชิมะ (39), มายะ โยชิดะ (34), ชูอิจิ กอนดะ (33) และ ฮิโรกิ ซากาอิ (32)

 

 

 

แซมบ้าฆ่าโสมแดดิ้น 4-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

แม้จะพลาดพลั้งส่งทีมสำรองลงไปแพ้ แคเมอรูน 0-1 ในเกมปิดกลุ่ม แต่ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรกับ บราซิล ที่เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองก็ฮึดเชือด สวิสส์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จนการันตีการเข้ารอบ (และแชมป์กลุ่ม) ไว้อยู่ก่อนแล้ว

 

ทางด้าน เกาหลีใต้ สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้าน ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่าเมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว (0-0 อุรุกวัย, 2-3 กาน่า) จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงได้ไม่พอในเกมของตัวเอง

 

เกมที่ สเตเดี้ยม 974 บราซิล ของ ตีเต้ ได้ เนย์มาร์ หายเจ็บข้อเท้ากลับมาเดินเกมรุกเคียงข้าง ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ เช่นเดียวกับ ดานิโล่ ที่ฟิตลงยืนแบ็กซ้าย (ส่วนแบ็กขวาเป็น เอแดร์ มิลิเตา) เพื่อชิงตั๋วเข้ารอบกับทางด้าน เกาหลีใต้ ที่นำมาโดย ซน ฮึง-มิน, ฮวาง ฮี-ชาน และ คิม มิน-แจ เหมือนเช่นเคย

 

ปรากฏว่า “ลา เซเลเซา” ใช้วิธีจู่โจมเร็วจน “โสมขาว” ตั้งตัวไม่ติด ครึ่งชั่วโมงแรกรัวแล้วสามเม็ด เริ่มจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ได้ลูกที่เสาไกลแล้วยิงยัดสวนทางเข้าไป น.7, จุดโทษที่ ริชาร์ลิซอน ไปโดน จอง อู-ยอง เตะใส่จนล้มลง และ เนย์มาร์ สังหารนิ่มๆ น.13, ริชาร์ลิซอน กดเน้นๆ ด้วยอีซ้าย น.29 แถม น.36 ยังฉีกกระจาย 4-0 จาก ลูคัส ปาเกต้า ที่ทะลุขึ้นวอลเลย์ผ่านมือ คิม ซึง-กยู ด้วย

 

ครึ่งแรกถ่างกระจายแล้ว 4-0 นับว่าเกมจบตรงนี้ เกาหลีใต้ หมดสิทธิ์คิดจะไปต่อ เท่ากับตาม ญี่ปุ่น ร่วงตกรอบไป สูญพันธุ์ทีมเอเชีย (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย) เกลี้ยงแผงในรอบ 16 ทีม

 

สำหรับเกมครึ่งหลัง บราซิล ยังมีโอกาสได้ประตูหลายครั้ง รวมถึง เกาหลีใต้ เองก็เปิดหน้าแลกจน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องเซฟช่วยบราซิลไว้ 2-3 หนเช่นกัน จนกระทั่งนาที 76 เพค ซุง-โฮ จึงยิงตีไข่แตก 1-4 จังหวะซัดฮาล์ฟวอลเลย์สวนจากหน้าเขตโทษส่งลูกทะยานเข้าประตูอย่างสวยงาม แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น จบเกมที่ บราซิล ชนะขาด 4-1

 

สิ่งเดียวที่ ตีเต้ อาจทำพลาดในเกมนี้ คือการปล่อยให้ เนย์มาร์ เล่นจนถึงนาทีที่ 80 แล้วค่อยถอดออกให้ โรดรีโก้ โกเอส ลงไปแทน ซึ่งซุปตาร์จากเปแอสเชที่เพิ่งยิงได้ลูกเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ต้องรีบประคบข้อเท้าทันทีหลังเข้าไปนั่งที่ข้างสนาม แม้คงไม่น่าห่วงสำหรับรอบถัดไปก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ (เวแวร์ตอน 80) เอแดร์ มิลิเตา (ดานี่ อัลเวส 63), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ (เบรแมร์ 72) – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – ราฟินญ่า, เนย์มาร์ (โรดรีโก้ โกเอส 80), วินิซิอุส จูเนียร์ (กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 72) – ริชาร์ลิซอน
เกาหลีใต้ (4-2-3-1) คิม ซึง-กยู – คิม มุน-ฮวาน, คิม มิน-แจ, คิม ยอง-กวอน, คิม จิน-ซู (ฮง ชอล น.46) – ฮวาง อิน-บอม (เพค ซึง-โฮ 65), จอง อู-ยอง (ซน จุน-โฮ 46) – ฮวาง ฮี-ชาน, อี แจ-ซอง (อี คัง-อิน 74), ซน ฮึง-มิน – โช คยู-ซอง (ฮวาง อุย-โจ 80)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เนย์มาร์
• บราซิล สร้างโอกาสจบได้ถึง 18 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ซึ่งหมายถึง คิม ซึง-กยู เซฟไป 5 รอบ ไม่วายโดน 4 เม็ด
• ส่วนสถิติของฟีฟ่า บอกว่า คิม ซึง-กยู มีส่วนป้องกัน หรือ Goals Prevented 18 ครั้งทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียประตูลูกแรก (เพค ซึง-โฮ) หลังลงเฝ้าเสา 3 เกม
• ริชาร์ลิซอน ยังอยู่ในเส้นทางช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังยิงไป 3 ลูก ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 เม็ด
• บราซิล เป็นทีมแรกที่ใช้งานนักเตะครบถ้วน 26 คน หลังมีการส่ง เวแวร์ตอน นายประตูมือสาม ลงสำรองไปแทน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ช่วงสิบนาทีท้าย

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ บราซิล 4-1 เกาหลีใต้
• บราซิล ลิ่วเข้าชน โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ที่พวกเขาไม่เคยแพ้มาก่อนจากการพบกัน 4 นัดก่อนหน้านี้ (ชนะ 3 เสมอ 1)
• หากเดินหน้าเอาชนะ โครเอเชีย ได้ต่อ บราซิล มีสิทธิ์พบกับคู่รักคู่แค้นร่วมทวีปอย่าง อาร์เจนติน่า ในรอบตัดเชือก (ถ้าฟ้าขาวสามารถผ่าน เนเธอร์แลนด์ ได้)
• เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกส ลาออกจากการคุมทีมเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว หลังทำทีมมา 4 ปีถ้วน มีสถิติคุมทีม 57 ชนะ 35 เสมอ 13 แพ้ 9 เปอร์เซ็นต์ชนะสูงถึง 61.4%
• บราซิล โดนตำหนิจากบางฝ่าย (เช่น รอย คีน) ถึงการทำท่าดีใจออกสเต็ปแดนซ์ยับหลังยิงประตูได้แต่ละลูก บ้างว่าไม่เหมาะสม บ้างว่าไม่เคารพคู่แข่ง แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแนวทางนี้เป็นเด็ดขาด เมื่อเป็นการแสดงความดีใจแบบเพียวๆ ไม่มีการดูหมิ่นคู่แข่งสอดแทรกอยู่แต่อย่างใด
• นับจากที่เข้าไปถึงเป็นอันดับ 4 บอลโลกในบ้านตัวเอง (2002) แล้ว เกาหลีใต้ ก็ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เลย และก่อนหน้านี้ (2010) ก็แพ้ทีมอเมริกาใต้มาเช่นกัน
2006 ตกรอบแรก
2010 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ อุรุกวัย 1-2)
2014 ตกรอบแรก
2018 ตกรอบแรก
2022 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ บราซิล 1-4)

 

 

กระทิงเขาหัก! โมร็อกโกเฮดวลเป้าเข้า 8 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

จากที่มองกันว่าอาจจะเป็น เดนมาร์ก, อุรุกวัย, เอกวาดอร์, เซอร์เบีย หรือ ญี่ปุ่น ที่จะเป็น “ม้ามืด” แห่งฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงตรงนี้ ชัดเจนแล้วว่าม้ามืดทีมนั้นก็คือ โมร็อกโก

 

เด็กๆ ของ วาลิด เรกรากี (ที่เพิ่งจะเข้าทำทีมต่อจาก วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อกลางปี) เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ปราบ เบลเยียม 2-0 และฟาดอีกสามแต้มด้วยการสยบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเสียเฉยๆ

 

ด้าน สเปน ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาดีเกินคาดอยู่เหมือนกันในนัดแรกที่ไล่โขยก คอสตาริกา 7-0 จากนั้นก็หวิดชนะ เยอรมนี แต่โดนทวงท้ายเกม 1-1 แต่ปรากฏว่านัดสุดท้าย เล่นแบบเอื่อยๆ จนโดน ญี่ปุ่น แซงเชือด 2-1 ท่ามกลางครหาว่าอันที่จริง พวกเขาตั้งใจแพ้เพื่อขวางไม่ให้ เยอรมนี หลุดเข้าไปเป็นเสี้ยนหนาม แถมตัวเองยังจะเลี่ยงทีมแข็งอย่าง โครเอเชีย หรือ บราซิล ในรอบถัดๆ ไปได้ด้วย

 

หากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายมอง — สเปน เลือกที่จะมาเจอ โมร็อกโก

 

แล้วเป็นไงล่ะเพื่อน…

 

ที่จริง เกมที่ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม หลายฝ่ายมองว่า “กระทิงดุ” เหนือกว่าพอตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจเจาะแนวรับของ โมร็อกโก เข้าได้เลย ทั้งใน 90 นาทีและ 120 นาที จบแบบไร้สกอร์ 0-0 ซึ่งโอกาสที่ใกล้เคียงสุดเป็นในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลา ปาโบล ซาราเบีย เข้าชาร์จลูกย้อนทางสะกิดเสาแรกหลุดออกไป นอกนั้นโอกาสทั้งหมดถ้าไม่หลุดไปเองก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน “โบโน่” บูนู นายประตูโมร็อกโก จากเซบีย่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงการดวลจุดโทษตัดสิน ก็กลายเป็น “โบโน่” ที่กลายเป็นโคตรพระเอก เซฟ 2 จุดโทษของทั้ง คาร์ลอส โซเลร์ และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ถัดจากที่ ปาโบล ซาราเบีย (ซึ่ง เอ็นริเก้ ตั้งใจส่งลงมายิงจุดโทษโดยเฉพาะ) ยิงคนแรกแล้วอัดไปชนเสาดังโครม

 

ส่งผลให้ โมร็อกโก ที่แม่นเป้ากว่า ยิงเข้า 3 จาก 4 คน โดยเฉพาะคนสุดท้าย อัชราฟ ฮาคิมี่ ที่ชิปนิ่มๆ เข้ากลางประตูนั้น เป็นฝ่ายชนะดวลเป้าด้วยสกอร์ประหลาด 3-0 — หมายถึงว่า สเปน ที่ก่อนนี้เผยว่าพวกเขาซ้อมยิงจุดโทษกันมาเป็นพันๆ ครั้ง ยิงไม่เข้าเลยเมื่อเกมจริงมาถึง และ… ตกรอบ…

 

สำหรับ โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก และเป็นทีมแอฟริการายที่ 3 ถัดจาก แคเมอรูน 1990, เซเนกัล 2002 และ กาน่า 2010 ที่มาได้ถึงตรงนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์, นาเยฟ อาแกร์ด (จาวาด เอล ยามิก 84), นูสแซร์ มาซราอุย (ยาเฮีย อัตติยัด-อัลลาห์ 82) – อัซซาดีน อูนาฮี (บาเดอร์ เบนูน 120), โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิรา 82) – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (อับเดลฮามิด ซาบิรี 82), โซฟียาน บูฟาล (อับเด เอซซัลซูลี่ 66)
สเปน (4-3-3) อูไน ซิมอน – มาร์กอส ยอเรนเต้, โรดรี้, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, จอร์ดี้ อัลบา (อเลฆานโดร บัลเด้ 98) – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี (คาร์ลอส โซเลร์ น.63) – เฟร์ราน ตอร์เรส (นิโก้ วิลเลี่ยมส์ 75, ปาโบล ซาราเบีย 118), มาร์โก อเซนซิโอ (อัลบาโร่ โมราต้า 63), ดานี่ โอลโม (อันซู ฟาติ 98)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ที่จริงแล้ว ยาสซีน บูนู เกิดที่แคนาดา แต่ย้ายมาโตที่โมร็อกโก ตอน 3 ขวบ และเคยเป็นเด็กฝึกของ แอตเลติโก มาดริด มาก่อน ก่อนจะย้ายจาก คิโรน่า มาเล่นกับ เซบีย่า ตั้งแต่ 2019 เป็นต้นมา พร้อมคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี Zamora Trophy ลา ลีกา ซีซั่นที่แล้วด้วย
• ตลอดเกม 120 นาที มียิงตรงกรอบกันแค่ 4 ครั้ง (สเปน 3 โมร็อกโก 1) และ สเปน ไม่ได้เตะมุมเลยสักครั้ง
• อัซซาดีน อูนาฮี วิ่งรวมระยะ 14.71 กม.
• ด้วยที่ตั้ง จึงสามารถนิยาม โมร็อกโก ว่าเป็นได้ทั้ง “ชาติอาหรับ” และ “แอฟริกาเหนือ” โดยนอกจากเป็นแอฟริกันรายที่ 4 ที่เข้ารอบ 8 ทีมบอลโลกแล้ว ก็นับเป็นชาติอาหรับรายแรกที่มาถึงตรงนี้
• สเปน ร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ซ้ำรอยเดิมจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
• สเปน ยังแพ้จุดโทษจนตกรอบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 3 หนซ้อน
ฟุตบอลโลก 2018 แพ้จุดโทษ รัสเซีย 3-4
ยูโร 2020 แพ้จุดโทษ อิตาลี 2-4
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้จุดโทษ โมร็อกโก 0-3

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก ชนะจุดโทษ สเปน 3-0
• โมร็อกโก เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปชน โปรตุเกส อีกหนึ่งเพื่อนบ้านต่างทวีป ที่อยู่ห่างกันแค่ข้ามทะเลชั่วโมงเศษ (เที่ยวบิน)
• อย่าว่าแต่เข้ารอบ 8 ทีม ก่อนนี้ โมร็อกโก เคยได้เข้าน็อกเอาต์ 16 ทีมบอลโลกมาแค่หนเดียวถ้วน คือปี 1986 นอกนั้นตกรอบแรก 4 ครั้ง
• วาลิด เรกรากี โค้ชเชื้อสายฝรั่งเศสวัย 47 กลายเป็นฮีโร่ของประเทศไปแล้ว และยังนับเป็นโค้ชแอฟริกันคนแรกที่เข้าถึง 8 ทีมสุดท้ายบอลโลก
• หลุยส์ เอ็นริเก้ ลาออกจากการทำทีม สเปน ในที่สุด หลังอยู่บนเก้าอี้มาตั้งแต่ปี 2018 (มีเว้นช่วงไปพักหนึ่ง) ลงสนาม 47 ชนะ 26 เสมอ 14 แพ้ 7

 

 

แฮตทริกแรกมา! ฝอยทองกระหน่ำสวิสส์ 6-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

นี่คือการพบกันครั้งที่ 26 เข้าไปแล้วของ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรายแรก ชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก ส่วนรายหลัง ชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 และเข้ารอบตามหลัง บราซิล มา

 

ที่จริง การเจอกันระหว่าง โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ 1938 แม้จะยิงกันเยอะในช่วงหลัง แต่ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาเรื่อยๆ

 

คัดบอลโลก 2016 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-0
คัดบอลโลก 2017 โปรตุเกส ชนะ 2-0
เนชั่นส์ลีก 2019 โปรตุเกส ชนะ 3-1
เนชั่นส์ลีก 2022 โปรตุเกส ชนะ 4-0
เนชั่นส์ลีก 2022 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 1-0

 

นั่นแสดงให้เห็นถึงความคู่คี่สูสีที่ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ มี และหลายฝ่ายก็คาดว่า การพบกันอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 น่าจะออกทรงกินกันยาก เผลอๆ อาจยิงยาวถึงดวลจุดโทษอีกเกม

 

ที่ไหนได้…

 

การเปลี่ยนทีมอย่างเซอร์ไพรส์ของ แฟร์นันโด ซานโตส เล่นงาน สวิตเซอร์แลนด์ ได้อย่างหนักหน่วง–ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะการดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้หัวหอกหน้าใหม่จากเบนฟิก้า กอนซาโล่ รามอส ลงตัวจริงหนแรกในทัวร์นาเมนต์ หลังจากที่ก่อนนี้ ดาวรุ่งวัย 21 ได้สัมผัสเกมในฐานะตัวสำรองท้ายเกมมาแค่ 2 นัด ลงนาที 88 กับกาน่า และนาที 82 กับอุรุกวัย (ส่วนกับ เกาหลีใต้ ไม่ได้เล่น)

 

1-0 ชูเอา เฟลิกซ์ ไหลให้ กอนซาโล่ รามอส พลิกยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรก น.17
2-0 เปเป้ ทิ่มโขกลูกเตะมุมของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ไม่เหลือ น.33
3-0 ดีโอโก้ ดาโล่ต์ แทงขึ้นหน้าให้ กอนซาโล่ รามอส จิ้มลอดขา ยานน์ ซอมเมอร์ น.51
4-0 รามอส จ่ายให้ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ สอดขึ้นกดด้วยซ้ายปะทะตาข่าย น.55
4-1 มานูเอล อคานจี เก็บตกชาร์จเตะมุมเสาสอง น.58
5-1 กอนซาโล่ รามอส ทะลุเข้ายกลูกข้ามตัว ซอมเมอร์ อย่างเหนือชั้น เป็นแฮตทริก น.67
6-1 หอกสำรอง ราฟาเอล เลเอา ปั่นด้วยขวาเข้าเสาสอง น.90+2

 

ผ่าน 48 เกมของรอบแรก และอีกหลายนัดของรอบ 16 ทีม “แฮตทริกแรก” ก็มาจนได้ และมาอย่างเซอร์ไพรส์กับราย กอนซาโล่ รามอส ที่แทบไม่มีใครรู้จักมักจี่มาก่อน

 

สำคัญคือ โปรตุเกส กรีธาทัพผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ อย่างสบาย ง่ายดายเกินคาด

 

เพื่อไปไล่ล่าแชมป์โลกสมัยแรก…ไม่ว่าจะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทีมตัวจริงหรือไม่ ก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร่ – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 74), วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา (รูเบน เนเวส 81) – บรูโน แฟร์นันเดส (ราฟาเอล เลเอา 87), กอนซาโล่ รามอส (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 74), ชูเอา เฟลิกซ์ (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 73)
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1) ยานน์ ซอมเมอร์ – เอดิมิลซอน แฟร์นันเดส, ฟาเบียน ชาร์ (เอราย โคเมิร์ต 46), มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดริเกซ – เรโม่ ฟรอยเลอร์ (เดนิส ซากาเรีย 54), กรานิต ชาก้า – เซอร์ดาน ชากิรี่, ชิบริล โซว์ (ฮาริส เซเฟโรวิช 54), รูเบน วาร์กัส (โนอาห์ โอคาฟอร์ 66) – บรีล เอ็มโบโล่ (อาร์ดอน ยาชารี 89)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : กอนซาโล่ รามอส
• กอนซาโล่ รามอส ซัด 3 ประตูในนัดเดียว แม้เพิ่งได้ลงเล่นฟุตบอลโลกไปเพียง 85 นาทีเท่านั้น และเป็นแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลก 2022
• กอนซาโล่ รามอส เป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ โธมัส สคูราวี่ ในเกมกับคอสตาริกา ปี 1990
• กอนซาโล่ รามอส ยิงประตูรอบน็อกเอาต์บอลโลก เกมเดียวได้ 3 ลูก มากกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เล่นมาทั้งชีวิต และไม่เคยยิงได้เลย
• เปเป้ กลายเป็นนักเตะสูงวัยสุดที่ยิงได้ในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก ด้วยอายุ 39 ปี 283 วัน
• สวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และ 4 จาก 5 หนหลัง (อีกหน ตกรอบแรก 2010)

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โปรตุเกส 6-1 สวิตเซอร์แลนด์
• โปรตุเกส ทะลุเข้าไปดวล โมร็อกโก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
• โปรตุเกส อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลกสมัยแรก โดยยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้มาก่อน ผลงานดีสุดคืออันดับสาม 1966 และอันดับสี่ 2006
• กอนซาโล่ รามอส เล่นทีมชาติ 4 นัด ซัด 4 ประตู
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่วายเป็นข่าวว่าออกลูกงอแง จะปลีกตัวทิ้งแคมป์ทีมชาติไปกลางคันด้วยความไม่พอใจที่ต้องตกเป็นตัวสำรองเกมสำคัญนัดล่าสุดนี้ แต่สมาคมบอลโปรตุเกสยืนกรานชัดว่าข่าวนี้เป็น fake news และ โรนัลโด้ ไม่ได้ออกอาการอะไรใดๆ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
amNewYork
SPORT
Bloomberg
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

หากว่ารอบแรกผ่านไปเร็วแล้ว น็อกเอาต์นี่ต่างหากที่พุ่งพรวดแบบที่ถ้าไม่ทันตั้งตัว แต่ละเกมก็ผ่านไปเสียแล้ว และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งฉากหน้าฉากหลังและสิ่งสืบเนื่องที่ตามมา กับรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

 

‘กังหัน’ ร้อนผ่านมะกันไม่ยาก 3-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 จนโคจรมาพบกับ สหรัฐอเมริกา ที่ไร้พ่ายในรอบแรก และชนะ อิหร่าน 1-0 เข้าป้ายเป็นอันดับ 2 กลุ่มบี

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล จัดว่าอยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดให้ต้องเป็นกังวล ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

และรูปเกมก็ออกในทรง “ใสแจ๋วแวววับ” สำหรับทัพกังหัน โดยเฉพาะเมื่อ สหรัฐฯ พลาดโอกาสพังประตูนำ (ก้ำกึ่งล้ำหน้า) ไปในนาทีที่ 2 คริสเตียน พูลิซิช ทะลุแนวหลังดัตช์เข้าไปกดด้วยซ้าย ติดขา อันดรีส น็อพเพิร์ต หวุดหวิด

นาทีที่ 10 เดนเซล ดุมฟรีส์ ปาดจากขวามาที่จุดนัดพบใกล้จุดโทษให้ เมมฟิส เดอปาย กดเปรี้ยงพังสกอร์ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทดเจ็บครึ่งแรก น.45+1 ดาลี่ย์ บลินด์ จะบวกเพิ่มเป็น 2-0 ด้วยลูกยิงลักษณะเดียวกับ เดอปาย และยังมาจากการแอสซิสต์ให้ของแบ็กขวา ดุมฟรีส์ คนเดิม

 

ครึ่งหลังแม้ สหรัฐฯ จะตีไข่แตกไม่มีปี่มีขลุ่ยจากการไขว้ยิงเข้าเสาสองแบบมีโชคของหอกสำรอง ฮาจี ไรท์ น.76 แต่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ก็ลุยขึ้นซัดปิดกล่อง น.81 ทำให้เกมนี้ แบ็กขวาจากอินเตอร์ มิลาน ทั้งยิง 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์

 

เนเธอร์แลนด์ ของจารย์ปู่ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายเพิ่มเป็นนัดที่ 19 พร้อมกับเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แก้ตัวจากฟุตบอลโลกหนก่อนที่ตกตั้งแต่รอบคัดเลือก ขณะที่ 2 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้า ไปไกลถึงรองแชมป์โลก 2010 และอันดับสาม 2014

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ รอบ 16 ทีมเนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (c), นาธาน อาเก้ (มัทไธส์ เดอ ลิกท์ 90+3) – เดนเซล ดุมฟรีส์, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน คอไมเนอร์ส 46), เฟรงกี้ เดอ ยอง, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น (สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ 46) – โคดี้ กัคโป (วู้ท เวกอร์สท์ 90+3), เมมฟิส เดอปาย (ชาฟี ซิมอนส์ 83)
สหรัฐอเมริกา (4-3-3) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโญ่ เดสท์ (ดีอันเดร เยดลิน 75), วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, ทิม รีม, แอนโทนี่ โรบินสัน (จอร์แดน มอร์ริส 90+2) – ยูนุส มูซาห์, ไทเลอร์ อดัมส์ (c), เวสตัน แม็คเคนนี่ (เบรนแดน อารอนสัน 67) – ทิโมธี เวอาห์ (ฮาจี ไรท์ 67), เฮซุส เปเรยร่า (โจวานนี่ เรย์น่า 46), คริสเตียน พูลิซิช

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เดนเซล ดุมฟรีส์
• ที่จริง สหรัฐอเมริกา สร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าด้วยซ้ำ ยิง 18 ตรงกรอบ 7 ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ยิง 11 ตรงกรอบ 6
• ยูนุส มูซาห์ วิ่งรวม 12.14 กม.
• ดาลี่ย์ บลินด์ ยิงในทีมชาติเป็นลูกที่ 3 และลูกแรกนับแต่ปี 2014
• เมมฟิส เดอปาย เพิ่งยิงประตูที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังยิงให้ บาร์เซโลน่า ไปลูกเดียวจาก 3 เกม แต่ก็เป็นลูกที่ 43 ในทีมชาติ เหลืออีก 7 เม็ดจะเทียบเท่าดาวซัลโวสูงสุดของชาติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ เนเธอร์แลนด์ 3-1 สหรัฐฯ
• เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย เป็นครั้งที่ 7 จากการเข้ารอบสุดท้าย 11 หน
• หลุยส์ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายในการกลับมาทำทีมชาติรอบ 3 เพิ่มเป็นนัดที่ 19 (ชนะ 14 เสมอ 5)
• เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ หมดสัญญากับ สหรัฐฯ แล้ว (หลังเริ่มคุมปี 2018) และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเซ็นใหม่อีกฉบับเพื่อต่อเวลาทำทีมหรือไม่
• ภารกิจสำคัญลำดับถัดๆ ไปของ สหรัฐฯ ก็คือการเตรียมทีมลุยฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา และ เม็กซิโก ทำให้ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ

 

 

‘ฟ้าขาว’ เบียดจิงโจ้เหนื่อย 2-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

แม้จะเริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 แต่หลังจากนั้น ลิโอเนล เมสซี่ และชาวคณะฟ้าขาว ก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย

 

ด้านจิงโจ้นอกสายตา ออสเตรเลีย โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มดี

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ถือได้ว่า “ซอคเกอรูส์” ของ เกรแฮม อาร์โนลด์ สู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและคู่ควรกับเสียงปรบมืออย่างยิ่ง เป็นฟอร์มการเล่นที่ฟ้องว่า ไอ้ที่กล้าๆ เขี่ย เดนมาร์ก ร่วงรอบแรกไป ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่ประการใด

 

ทั้งนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ จัด 11 คนแรกแบบไม่มีเซอร์ไพรส์ ลิโอเนล เมสซี่ นำเกมรุกฟ้าขาวร่วมกับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อเลฮานโดร โกเมซ ที่เสียบตำแหน่งแทนตัวเจ็บอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนหลังบ้าน คริสเตียน โรเมโร่ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ยังคงเป็นตัวเลือกก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 

แม้ในครึ่งแรก อาร์เจนติน่า จะคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ขึ้นนำ 1-0 จากการซัดด้วยซ้ายข้างถนัดของ ลิโอเนล เมสซี่ น.35 ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ในฟุตบอลโลกงวดนี้ของ เมสซี่ แต่ ออสเตรเลีย ก็ไม่ได้ปล่อยให้ อาร์เจนติน่า ขยำขยี้อย่างมันเท้า

 

ครึ่งหลัง อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ เข้าไปในนาที 57 จุดนี้เองที่ทำให้ลูกทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ อยู่เฉยไม่ได้ ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นจนกระทั่งตีไข่แตก 1-2 ในนาทีที่ 77 จากการซัด (แบบเสี่ยงดวง) ของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป และนับเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของกองกลางฟ้าขาว

 

ช่วงเวลาที่เหลือ เกมเปิดอย่างยิ่ง ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสบวกประตูเพิ่ม โดยเฉพาะ อาร์เจนติน่า ที่น่าได้จาก 2 โอกาสทองของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แต่กลับพลาดไปทั้งสองหน ขณะที่ ออสเตรเลีย ก็หวิดตีเสมอได้ในเฮือกสุดท้ายของการทดเจ็บ 7 นาที กาแร็ง คูโอล หลุดไปยิงเน้นๆ ในจุดอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

เป็นเซฟสำคัญยิ่งที่ช่วยให้เกมจบใน 90 นาที ไม่ต้องยืดเยื้อไปถึงต่อเวลา และส่ง อาร์เจนติน่า เข้าไปบู๊กับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 80), คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 72) – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เอเซเกล ปาลาซิออส 80) – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 71), อเลฮานโดร โกเมซ (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 50)
ออสเตรเลีย (4-4-2) แม็ทธิว ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค (ฟราน คาราซิช 72), แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไคย์ โรวล์ส, อาซิซ เบฮิช – แม็ทธิว เลคกี้ (กาแร็ง คูโอล 72), คีอานู แบ็คคัส (ไอจ์ดิน ฮรุสติช 58), อารอน มอย, ไรลี่ย์ แม็คกรี (เคร็ก กู๊ดวิน 58) – แจ็คสัน เออร์ไวน์, มิตเชลล์ ดู๊ค (เจมี่ แม็คลาเรน 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ได้เตะมุมเกมนี้ ครั้งเดียวถ้วน
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูที่ 14 ในการรับใช้ชาติ 11 นัดของปีนี้
• เปาโล ดีบาล่า มีจำนวนนาทีในฟุตบอลโลก 2022 เป็น 0
• ลิโอเนล สคาโลนี่ คุมทีม 54 นัด เพิ่งแพ้แค่ 5 เกม ที่เหลือชนะ 36 เสมอ 13

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 2-1 ออสเตรเลีย
• อาร์เจนติน่า ผ่านเข้าไปดวลกับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอกันเป็นครั้งที่ 10 โดยหนึ่งในนั้นเป็นนัดชิงบอลโลก 1978 ด้วย (อาร์เจนฯ ชนะ 3-1)
• อาร์เจนฯ เข้าถึง 8 ทีมบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 5 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แม้ตกรอบแล้ว แต่ ออสเตรเลีย ชุดนี้ยังถูกยกว่าเป็น “นิว โกลเด้น เจเนอเรชั่น” และ เกรแฮม อาร์โนลด์ เตรียมขยายสัญญาทำทีมเพิ่มไปอีก

 

 

 

‘เอ็มบัปเป้’ สุดฮอตนำไก่สอยโปล 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้านบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ฝรั่งเศส ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ทำลาย “อาถรรพ์แชมป์เก่า” การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนาม รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด

 

ด้านคู่แข่งอย่าง โปแลนด์ ที่จริงก็นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์ ตอนจบเกมปิดกลุ่มที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก เป็น 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮง-เฮง-เฮง ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

เดส์ชองส์ เรียกตัวหลัก 11 คนแรกที่ใช้ใน 2 เกมแรก กลับคืนสู่ไลน์อัพทั้งหมด นำโดยแผงรุก 4 ประสาน อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เพื่อสู้กับ โปแลนด์ ที่นำมาโดยตัวอันตรายอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

อย่างไรก็ตาม เกมออกมา “ขาด” กว่าที่คิด เลวานดอฟสกี้ ทำดีที่สุดแค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 โดยที่ต้องยิงใหม่รอบสองด้วย หลังรอบแรกไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่หลัง โยริส หลุดมาจากเส้นประตูทั้งสองเท้า

 

ส่วนก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศส ดาหน้าเรียงยิงแบบไม่พัก เริ่มจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดเสียบเสา น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ทำให้ ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ไม่พลาด แถม เอ็มบัปเป้ ยังขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลกงวดนี้ ด้วยการกดไป 5 ประตู

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (ยุสซุฟ โฟฟาน่า 66), อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 76), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 76)
โปแลนด์ (3-4-3) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิออร์ (ยาน เบ๊ดนาเร็ค 87) – แม็ตตี้ แคช, เซบาสเตียน ซีมานสกี้ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค 64), เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค (คริสเตียน บีลิค 71), เพอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ (คามิล โกรซิคกี้ 87) – ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ยาคุบ คามินสกี้ (นิโกล่า ซาเลฟสกี้ 71)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัด 2 ประตูแถมทำ 1 แอสซิสต์
• อูโก้ โยริส ลงสนามทีมชาติ 142 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ ลิลิยอง ตูราม ดังนั้นเกมหน้า จะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้ว
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เล่นทีมชาตินัดที่ 138 (78 ประตู) และเจ้าตัวเปรยว่า คงเลิกเล่นทีมชาติเสียที ในวัย 34

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
• ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปดวล อังกฤษ
• ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ซึ่งไม่มีใครทำได้มาตั้งแต่ บราซิล 1962
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีโอกาสสูงทีเดียวในการคว้ารองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังกดประตูที่ 5 ขณะที่คู่แข่งรายอื่น ( คน) ยิงได้ 3 ประตู

 

 

สบาย! ‘สิงโต’ ขย้ำเซเนกัลขาด 3-0

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ภายหลังเปิดประเดิมถล่ม อิหร่าน 6-2 ก็แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทำได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ และยิงประตูได้มากถึง 9 ลูก (แม้จะมีเกมไร้สกอร์แทรกก็ตาม)

 

ฟากคู่แข่งของทัพสิงโตสามตัวอย่าง “สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม ชนะ กาตาร์ 3-1 และ เอกวาดอร์ 2-1 เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับทัพเล็กๆ ส่ง ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง ซึ่งถือว่าผิดคาดที่เดียวซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กด 2 ตุงใส่ เวลส์ กลับหลุดลงเป็นตัวสำรอง

 

ถ้าเกมฝรั่งเศสว่าง่ายแล้ว อังกฤษยิ่งง่ายกว่ากันเยอะ บุกใส่แทบจะฝ่ายเดียวจนได้ 3 ประตูจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.38, แฮร์รี่ เคน น.45+3 และ บูกาโย่ ซาก้า น.57 ซึ่งก็น่าเสียดายแทน เซเนกัล ไม่หาย ว่าถ้าพวกเขายังมี ซาดิโอ มาเน่ อยู่ ก็คงเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และหลังบ้านอังกฤษได้มากกว่าที่เป็น

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (เอริก ไดเออร์ 77), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม (เมสัน เมาท์ 76), ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แคลวิน ฟิลลิปส์ 82) – บูกาโย่ ซาก้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด 65), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (แจ๊ค กรีลิช 65)
เซเนกัล (4-2-3-1) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซุฟ ซาบาลี่, คาลิดู คูลิบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, อิสมาอิล จาค็อบส์ (โฟเด้ บัลโล-ตูเร่ 84) – ปาเต้ ซิสส์ (ปาเป้ เกย์ 46), นัมปาลิส เมนดี้ – เกรแป็ง ดิยัตต้า (ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ 46), อิลิมาน เอ็นดิอาย (บัมบ้า เดียง 46), อิสไมล่า ซาร์ – บูลาย เดีย (ฟามาร่า ดีดิอู 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : แฮร์รี่ เคน
• 3 ประตูที่ อังกฤษ ได้ มาจากการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่า นั้น
• อังกฤษ ชนะคู่แข่งด้วยการยิง 3 ประตูขึ้นไป เป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2022
• อังกฤษ ไม่เสียประตูเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน
• ขออีกประตูเดียว แฮร์รี่ เคน จะเป็นดาวยิงสูงสุดของอังกฤษ เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ที่ 53 ประตู
• บูกาโย่ ซาก้า ยิงลูกที่ 7 ในการเล่นทีมชาติ 23 นัด

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
• อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แกเร็ธ เซาธ์เกต สร้างมาตรฐานทำ อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมรายการใหญ่ (เป็นอย่างน้อย) 3 รายการซ้อน ถัดจากอันดับ 4 บอลโลก 2018, รองแชมป์ยูโร 2020 และถึง 8 ทีมบอลโลกหนนี้
• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกจากแคมป์กลับบ้านที่ลอนดอนกลางคัน หลังครอบครัวถูกขโมยขึ้นบ้าน และยังไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาทันเกมกับ ฝรั่งเศส หรือไม่

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
Royal Blue Mersey
Premium Times Nigeria
REUTERS
The Northern Echo

เรื่องน่าอ่าน
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด

โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์

อังคาร 6 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : GMM25

 

ผลการพบกัน : 25 นัด
โปรตุเกส ชนะ 9
เสมอ 5
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 11

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โปรตุเกส
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สเปน 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 4-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาน่า 3-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อุรุกวัย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เกาหลีใต้ 1-2

 

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 3-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
โปรตุเกส : ชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ไม่ได้เล่นดีมากแต่ก็มียิงประตูทำสถิติ จนเกมสุดท้ายแม้จะหลุดแพ้ เกาหลีใต้ แต่ก็ไม่ได้สั่นคลอนตำแหน่งแชมป์กลุ่ม
สวิตเซอร์แลนด์ : แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แข็งแกร่งทั้งในเกมชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 ดังนั้นจึงเข้ารอบได้ตามสมควร

 

ความพร้อมก่อนเตะ โปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

โปรตุเกส
แม้เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 จะมีรตำหนิพอสมควรกับการทุบ กาน่า 3-2 แต่ก็ยังสร้างความต่อเนื่องด้วยการตบ อุรุกวัย อีก 2-0 จนสุดท้ายแม้จะแพ้ เกาหลีใต้ แต่ไม่ได้มากพอให้หลุดออกจากตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

โปรตุเกส เข้ารอบน็อกเอาต์ได้อีกครั้ง เป็นหนที่ 4 จากการเล่นฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยหนึ่งในนั้นมีเข้าไปเป็นอันดับ 4 (2006) ด้วย

 

เกมล่าสุด แฟร์นันโด ซานโตส ปรับ 11 คนแรกค่อนข้างเยอะหลังจากเข้ารอบไปแล้ว และเกมนี้จะกลับไปใช้ตัวจริงเต็มพิกัดอีกหน กระนั้นพวกเขาก็มีปัญหาตัวเจ็บ ทั้ง ดานิโล่ เปเรยร่า, โอตาวิโอ และ นูโน่ เมนเดส

 

ในราย นูโน่ เมนเดส แบ็กดาวรุ่งจากเปแอสเช เจ็บหนักที่ต้นขา รายงานระบุต้องพัก 2 เดือน เท่ากับปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ไปโดยปริยาย ขณะที่ ดานิโล่ เปเรยร่า ก็ยังไม่พร้อมคืนสังเวียน

 

การจัดทัพใช้ 4-3-1-2 ข้างหน้าวาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ชูเอา เฟลิกซ์ เข้าทำ รูเบน ดิอาส สนับสนุนเกมโดย บรูโน่ แฟร์นันเดส ขณะที่ผู้เฒ่า เปเป้ วัยย่าง 40 จะลงยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ รูเบน ดิอาส

 

สวิตเซอร์แลนด์
เปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0 แต่ว่าจากนั้นต้าน บราซิล ไม่อยู่ แพ้ไป 0-1

 

สุดท้ายเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย จนชนะ 3-2 ได้เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เป็นการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายหนที่ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดัง มีแค่ต้องเช็กอาการของ เรนาโต้ สเตฟเฟ่น ซึ่งเจ็บกล้ามเนื้อก่อนหน้านี้

 

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีปัญหาความฟิตจนหายหน้าไปจากเกมแพ้ บราซิล กลับลงช่วยทีมไปแล้วแถมยิงประตูได้ด้วย และเกมนี้ก็จะยืนกลางรุกฝั่งขวา เล่นร่วมกับ ชิบริล โซว์ และ รูเบน วาร์กาส เพื่อสนับสนุนหน้าเป้า บรีล เอ็มโบโล่ ในระบบ 4-2-3-1

 

ตัวความหวัง
โปรตุเกส : บรูโน่ แฟร์นันเดส
ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่โดดเด่นที่สุดเมื่อสวมชุด โปรตุเกส ลงสนามในช่วงหลัง แต่คือ บรูโน่ แฟร์นันเดส จอมทัพจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยิ่งเล่นยิ่งส่งอิทธิพล เผลอๆ ในภาพรวมจะเล่นได้ดีกว่าตอนรับใช้ปีศาจแดงต้นสังกัดด้วยซ้ำไป โดยสตาร์วัย 28 กดประตูในทีมชาติไปถึง 7 ลูกจากการเล่น 11 นัดในปีนี้ รวมถึง 2 ประตูที่เช็คบิล อุรุกวัย

 

สวิตเซอร์แลนด์ : บรีล เอ็มโบโล่
พังประตูนำชัยให้ สวิตเซอร์แลนด์ เชือด แคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอน (ก่อนโอนสัญชาติ) 1-0 ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับบราซิลได้พอตัว แล้วก็มายิงอีกเม็ดนัดสยบ เซอร์เบีย ซึ่งแสดงถึงความอันตรายที่หอกร่างบึกวัย 25 มี โดยถึงตอนนี้กดให้ทีมชาติไปแล้ว 13 ลูกจากการเล่น 62 เกม ขณะที่ในสโมสร เอ็มโบโล่ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปเล่นกับ โมนาโก ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ และยิงไปแล้ว 8 ประตูด้วยกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
โปรตุเกส (4-3-1-2, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) ดีโอโก้ คอสต้า – ชูเอา กันเซโล่, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – รูเบน เนเวส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส – คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ชูเอา เฟลิกซ์
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันบ่อยถึง 25 ครั้ง หรือตั้งแต่ 1938 เป็นต้นมาแล้ว โดย สวิตเซอร์แลนด์ เหนือกว่าที่ชนะ 11 เสมอ 5 ส่วนโปรตุเกสชนะ 9
• เพิ่งพบกันเหย้าเยือนใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี โปรตุเกสเปิดบ้านชนะ 4-0 ก่อนสวิสส์เปิดบ้านชนะคืน 1-0
• 12 เกมในทุกรายการของปีนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 6
• โปรตุเกส ไม่เคยเข้าถึงชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมาก่อนเลย ดีสุดคือเป็นอันดับ 3 และ 4
• นอกจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (118) มีอีกแค่ 2 คนที่ยิงเกิน 10 ลูกในทีมชาติโปรตุเกส คือ อันเดร ซิลวา (19) กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส (13)

 

ความน่าจะเป็น
แม้ชนะ 2 เกมแรกและตีตั๋วเข้ารอบได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่เกมสามหลุดแพ้ เกาหลีใต้ รวมถึงก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ท็อปฟอร์มมากมาย ทำให้ โปรตุเกส ยังไม่ถูกยกเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์โลก ซึ่งด้วยความเหนียวแน่นของเกมรับสวิสส์ และการที่เอาชนะกันได้มาแล้วไม่กี่เดือนก่อน ทำให้จะไม่ใช่เกมง่ายของทีมฝอยทอง และคงยากหน่อยถ้าคิดจะชนะใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

โมร็อกโก vs สเปน : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs สเปน : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : โมร็อกโก vs สเปน

อังคาร 6 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 3 นัด
คัดบอลโลก 1961 สเปน ชนะ 1-0
คัดบอลโลก 1961 สเปน ชนะ 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 เสมอ 2-2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โมร็อกโก
อุ่นเครื่อง เสมอ ปารากวัย 0-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์เจีย 3-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ โครเอเชีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เบลเยียม 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคนาดา 2-1

สเปน
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ คอสตาริกา 7-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เยอรมนี 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ญี่ปุ่น 1-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม โมร็อกโก และ สเปน

โมร็อกโก : ม้ามืดตัวจริงของฟุตบอลโลก 2022 เริ่มต้นด้วยการยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ปราบ เบลเยียม 2-0 และฟาดอีกสามแต้มด้วยการสยบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม แบบที่ยิง 4 เสียแค่ 1
สเปน : เริ่มต้นดีเกินคาด ขยี้ คอสตาริกา 7-0 จากนั้นก็หวิดชนะ เยอรมนี แต่โดนทวงท้ายเกม 1-1 แต่ปรากฏว่านัดสุดท้าย เล่นแบบเอื่อยๆ จนโดน ญี่ปุ่น แซงเชือด 2-1 ท่ามกลางครหาว่าอันที่จริง พวกเขาตั้งใจแพ้เพื่อขวางไม่ให้ เยอรมนี หลุดเข้าไปเป็นเสี้ยนหนาม แถมตัวเองยังจะเลี่ยง โครเอเชีย หรือ บราซิล ในรอบถัดๆ ไปได้ด้วย

 

ความพร้อมก่อนเตะ โมร็อกโก และ สเปน

โมร็อกโก
มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

เรกรากี มีตัวเจ็บเหลือในราย อับเดสซาหมัด เอซซาลซูลี่ กองหน้าโอซาซูน่า ในขณะที่ นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กจากบาเยิร์น มิวนิค กับ อับเดลฮามิด ซาบิรี่ กองกลางจากซามพ์โดเรีย ฟื้นฟิตพร้อมกลับมาเล่นตั้งแต่นัดก่อนแล้ว จนถือว่าค่อนข้างพร้อมรบดีทีเดียว

 

ระบบใช้ 4-3-3 อัชราฟ ฮาคิมี่ ประจำการแบ็กขวา แนวรุก ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่

 

สเปน
หลุยส์ เอ็นริเก้ พากระทิงดุเจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลงานค่อนข้างดี รวมถึงในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ก็ครองแชมป์กลุ่ม ได้ไปต่อในรอบชิงแชมป์ ปีหน้า

 

จากนั้นเมื่อเริ่มเกมแรก ทำได้ดีเกินความคาดหมาย กราดยิง คอสตาริกา ดับอนาถ 7-0 เฟร์ราน ตอร์เรส ซัดสอง ที่เหลือช่วยกันยิงอีก 5 คน ต่อมา แบ่งแต้มด้วยผลเสมอ เยอรมนี 1-1 และนัดสุดท้าย พลิกพ่าย ญี่ปุ่น 1-2 ทำให้เข้าด้วยการเป็นที่สองของกลุ่ม

 

เอ็นริเก้ ไม่มีปัญหาตัวเจ็บเพิ่มเติม และด้วยทีมที่เล่นกันดีอยู่แล้ว ทำให้คงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริง ระบบ 4-3-3 ประตูเป็น อูไน ซิมอน แดนกลางบาร์ซ่าเหมาทั้ง เปดรี้, บุสเก็ตส์, กาบี ส่วนแนวรุก ดานี่ โอลโม่ จะเล่นร่วมกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และ อัลบาโร่ โมราต้า

 

ตัวความหวัง
โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้จะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 19 ประตูจาก 46 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 57 เกมทีมชาติ

 

สเปน : อัลบาโร่ โมราต้า
แมว 9 ชีวิตแห่งทัพกระทิงดุ เมื่อต่อให้ฟอร์มในระดับสโมสรจะออกทะเลขนาดไหน ก็ยังมีที่ยืนในทีมชาติอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกับชุดปัจจุบันทั้งที่ผลงานกับ แอตเลติโก มาดริด ไม่ได้สวยหรูนัก (5 ประตูซีซั่นนี้) กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับหัวหอกวัย 30 ด้วยเหมือนกันว่าก็ทำผลงานได้ดีจริงในทีมชาติ สองปีหลังกดไป 12 ประตู รวมแล้วมี 30 ลูกจาก 60 นัด รวมถึงเป็นหนึ่งในสองคนที่ยิงตลอด 3 เกมรอบแรกฟุตบอลโลก 2022

 

11 ตัวจริงที่คาด
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, นาเยฟ อาแกร์ด, โรแม็ง ซาอิสส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, อับเดลฮามิด ซาบิรี่ – ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
สเปน (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้) อูไน ซิมอน – จอร์ดี้ อัลบา, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, โรดรี้, ดานี่ การ์บาฆัล – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี – ดานี่ โอลโม่, อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 3 เกม สเปน ไม่เคยแพ้
• ล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ 2-2 ยาโก้ อัสปาส ยิงตีเสมอให้สเปนนาทีสุดท้าย
• โมร็อกโก อยู่ในทรงที่ดีเยี่ยม ชนะ 6 จาก 8 เกมหลังสุด และแพ้เกมเดียวเท่านั้นจาก 11 แมตช์หลัง
• สเปน ทำคลีนชีตได้แค่นัดเดียวจาก 4 เกมหลังสุด
• สเปน ชุดนี้ มีแค่ 2 คนที่ยิงประตูในทีมชาติได้เกิน 10 ลูก คือ อัลบาโร่ โมราต้า (30) กับ เฟร์ราน ตอร์เรส (15)

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะแพ้ ญี่ปุ่น มา แต่ทั้งปรับทัพเยอะ ทั้งดูเล่นไม่ค่อยเต็มที่ ทำให้เมื่อกลับมาใช้ชุดใหญ่และเน้นทุกเม็ดแล้ว สเปน คือทีมที่ใครก็ประมาทไม่ได้ทั้งนั้น และแม้ โมร็อกโก จะมาดี แข็งทั้งรุกรับ แต่ยังพอมีช่องให้เจาะเข้า และเกมรุกที่จัดจ้านของ สเปน ก็น่าจะทำให้พวกเขาได้ไปต่อ

 

ผลที่คาด : สเปน ชนะ 2-1

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : บราซิล vs เกาหลีใต้
จันทร์ 5 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลการพบกัน : 7 นัด
อุ่นเครื่อง 1995 บราซิล ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 1997 บราซิล ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 1999 เกาหลีใต้ ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2002 บราซิล ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2013 บราซิล ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2019 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 2022 บราซิล ชนะ 5-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ แคเมอรูน 0-1

เกาหลีใต้
อุ่นเครื่อง ชนะ แคเมอรูน 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อุรุกวัย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ กาน่า 2-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ โปรตุเกส 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
บราซิล : เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองฮึดเชือด สวิสตเซอร์แลนด์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จากนั้นนัดสามปรับส่งสำรองลงหลังการันตีเข้ารอบได้แล้ว ปรากฏเจาะ แคเมอรูน ไม่เข้าก่อนโดนสวนถึงปลายคาง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแชมป์กลุ่มได้ตามเป้า
เกาหลีใต้ : สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่า เมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงไม่พอ

 

ความพร้อมก่อนเตะ
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และภาพรวมถือว่ายังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน เริ่มจาก เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากทัวร์นาเมนต์แล้ว

 

ตีเต้ เผยล่าสุดว่า มีโอกาสสูงที่ เนย์มาร์ จะฟื้นฟิตลงเล่นได้ในเกมนี้ แม้ยังต้องดูว่าจะเป็นตัวจริงเลย หรือสำรองไปก่อน ก็ตาม

 

ส่วน ดานิโล่ มีสิทธิ์คืนสนามเช่นกัน แต่สำหรับ อเล็กซ์ ซานโดร ยังต้องพัก

 

ตีเต้ จะกลับมาใช้ชุดใหญ่สุดอีกครั้ง ตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ กลับคืนสนาม

 

เกาหลีใต้
โสมขาวหลุดแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมของรอบคัดเลือก และนัดแรกที่เสมอ อุรุกวัย ไข่ไม่แตก 0-0 ก็ถือว่าทำได้ดี และแม้จะทำพลาดโดน กาน่า ยิงตัดสินชัย 3-2 ในเกมสอง ก็ยังฮึดสยบ โปรตุเกส 2-1 (กับอีกคู่ อุรุกวัย ชนะแค่ 2-0) จนเข้ารอบมาได้ด้วยการเป็นอันดับ 2

 

เกาหลีใต้ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง หลังจาก 2 ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา ตกรอบแรกทั้งที่บราซิลและรัสเซีย

 

เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ ไม่มีปัญหาสภาพทีมเมื่อ ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าตัวเก่งจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน หายเจ็บแฮมสตริงลงพังประตูชัยเหนือ โปรตุเกส มาแล้ว ส่วนทาง ซน ฮึง-มิน ดาวยิงตัวความหวังจากสเปอร์ส ต้องลงสนามแบบสวมหน้ากากกันกระแทก แต่สภาพความฟิตไม่เป็นปัญหา

 

ดังนั้นทำให้จะเป็นทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ซน ฮึง-มิน ถอยลงมาเป็นแผงเกมรุกทางซ้าย สนับสนุนหอกเป้า โช กิว-ซุง ที่กดไปแล้ว 2 ประตูใน เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์

 

ตัวความหวัง
บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 40 นัดซัด 19 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

เกาหลีใต้ : ซน ฮึง-มิน & โช กิว-ซุง
ซน ฮึง-มิน ถูกยกว่าเป็นแข้งเบอร์ 1 ของเอเชียยุคนี้ จากผลงานที่ร่ายให้ สเปอร์ส ต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ถึงขั้นคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อนมาแล้ว โดยในทีมชาติ โอปป้าซนยิงไป 35 ลูกจาก 107 นัด และพร้อมกันนั้น ฟุตบอลโลก 2022 ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวของ โช กิว-ซุง หัวหอกหน้าหล่อบอยแบนด์เค-ป๊อป วัย 24 จาก ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ซึ่งเริ่มติดธงในปีที่แล้ว และยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการเล่น 19 นัด รวม 2 เม็ดที่จัดใส่ กาน่า

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-3-3, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – มาร์กินญอส, ติอาโก้ ซิลวา, เอแดร์ มิลิเตา, ดานิโล่ – ฟาบินโญ่, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า
เกาหลีใต้ (4-2-3-1, กุนซือ เปาโล เบนโต้) คิม ซุง-กิว – คิม จิน-ซู, คิม ยัง-กวอน, คิม มิน-แจ, คิม มุน-วาน – ฮวาง อิน-บอม, จุง วู-ยัง – ซน ฮึง-มิน, จอง วู-ยอง, ควอน ชาง-ฮุน – โช กิว-ซุง

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เตะลับแข้งเจอกันมาเยอะทีเดียวที่ 7 ครั้ง บราซิลชนะ 6 เกาหลีใต้ได้เฮหนเดียว
• ล่าสุดเจอเมื่อเดือน มิ.ย. บราซิล ต้อนขาด 5-1 เนย์มาร์ซัดสอง ริชาร์ลิซอนหนึ่งเม็ด
• บราซิล ถูกหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 9 เกมทุกรายการ หลังแพ้พลิกต่อ แคเมอรูน
• แม้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะในประเทศ แต่ตัวอิมพอร์ตเล่นลีกยุโรปของ เกาหลีใต้ ก็มีอยู่ถึง 8 ราย
• เนย์มาร์ พังตาข่ายในทีมชาติแล้วถึง 75 ลูก ส่วน ริชาร์ลิซอน 19, อันโตนี่ 2 ส่วน วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ยิงให้ เรอัล มาดริด 47 ประตูตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพิ่งกดเม็ดเดียวเท่านั้นในทีมชาติ

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะสยบ โปรตุเกส เข้ารอบมาได้ แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นคือ โปรตุเกส ไม่ได้ใช้ทีมชุดใหญ่เต็มที่แต่อย่างใด ดังนั้นเงื่อนไขอยู่ที่ว่า บราซิล จะพร้อมรบขนาดไหนในสภาพทีมตัวเจ็บมีเยอะและต้องเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง กระนั้นก็เชื่อว่าด้วยความแข็งโป๊กของ 11 คนแรกแซมบ้า เกาหลีใต้ จึงไม่น่าเอาอยู่แต่อย่างใด

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1