โปรตุเกส vs กาน่า : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส vs กาน่า : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช : โปรตุเกส vs กาน่า
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส
ชนะ ตุรกี 3-1 รอบเพลย์ออฟ
ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 2-0 รอบเพลย์ออฟ

กาน่า
ชนะ ไนจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกเสมอ 0-0
นัดสองเสมอ 1-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โปรตุเกส
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 4-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สเปน 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 4-0

กาน่า
กิริน คัพ เสมอ ชิลี 0-0, ชนะจุดโทษ 3-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาตาร์ 1-2
อุ่นเครื่อง แพ้ บราซิล 0-3
อุ่นเครื่อง ชนะ นิคารากัว 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 2-0

 

ผลการพบกัน (1 นัด)
ฟุตบอลโลก 2014 โปรตุเกส 2-1 กาน่า

 

สภาพทีม
โปรตุเกส
กว่าจะเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้ก็ต้องออกแรงหนักไม่น้อย เมื่อต้องไปตัดสินชะตาในรอบเพลย์ออฟ 2 เกม จากนั้นในช่วงเดือนหลังๆ ถือว่าฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ ชนะสลับแพ้ ล่าสุดชนะ ไนจีเรีย 4-0 บรูโน่ แฟร์นันเดส ซัดสอง

 

สำหรับการตัดตัว 26 คนสุดท้ายเพื่อมาลุยฟุตบอลโลก 2022 ของ แฟร์นันโด ซานโตส มีมองข้ามชื่อบางคนไปเหมือนกัน เช่น ชูเอา มูตินโญ่, เปโดร เนโต้, โชเซ่ ฟอนเต้, มาริโอ รุย, เซดริก โซอาเรส อดมาโชว์ตัวที่กาตาร์ทั้งหมด เช่นเดียวกับ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าลิเวอร์พูล ที่บาดเจ็บ

 

ซานโตส ไม่ได้มีปัญหาตัวเจ็บเพิ่มเติม และการจัดทีมก็จะมาชุดเดิมๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ นำขบวนโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่จะยืนเป็น 3 กองหน้าร่วมกับ ราฟาเอล เลเอา และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา

 

ทั้งนี้แม้ โรนัลโด้ จะแจ้งถึงปัญหาบาดเจ็บกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จนไม่ได้มีส่วนร่วมในช่วง 2-3 เกมสุดท้ายก่อนพักเบรค แต่ตอนนี้ฟิตพร้อมเต็มที่แล้ว พร้อมเล่นตามปกติ และจะเล่นด้วยการเป็นฟรีเอเยนต์ด้วย ภายหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด แถลงฉีกสัญญาปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วเรียบร้อย

 

กาน่า
กาน่าที่ไม่มีโจอี้ แต่มีสมาชิกหน้าเก่าๆ อยู่หลายรายทีเดียว ทั้งคู่พี่น้อง อายิว, โธมัส ปาร์เตย์, ดาเนียล อมาร์ตีย์ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้แบบมีโชคเล็กๆ จากการเตะตัดสินกับ ไนจีเรีย ที่ออกหน้าเสมอทั้งสองนัด สุดท้ายกลายเป็นกาน่าได้เข้ารอบมาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยกฎประตูทีมเยือน

 

ปัญหาใหญ่ของ อ๊อตโต้ อัดโด้ กุนซือทีมดาวดำ คือพวกเขาเสีย โจ วอลลาค็อตต์ จาก ชาร์ลตัน แอธเลติก บาดเจ็บไม่พร้อมช่วยชาติลุยบอลโลก และต้องถอนตัวไปก่อนประกาศ 26 คนสุดท้าย

 

การขาดหายของมือหนึ่ง ทำให้จะเป็น ลอว์เรนซ์ อาติ-ซิกี้ จาก เซนต์ กัลเลน ลงเฝ้าเสาแทน ส่วนเกมรุกจะใช้ อินยากี้ วิลเลี่ยมส์ ดาวยิงสมาชิกใหม่จาก แอธเลติก บิลเบา ล่าตาข่ายในฐานะกองหน้าตัวเป้า

 

ตัวความหวัง
โปรตุเกส : คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แม้จะมีปัญหาทั้งเรื่องฟอร์มการเล่นและเรื่องอื่นๆ ที่มารบกวนหัวใจ จนทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีครึ่งซีซั่นแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ดี (3 ประตูจาก 16 นัด) แต่ในระดับนานาชาติที่สปีดบอลช้ากว่า ยอดแข้งวัย 37 ยังอันตรายสำหรับทุกคู่แข่งเสมอ เช่นเดียวกับที่สามารถปิดสกอร์ได้จากทุกรูปแบบ ใกล้ไกล ลูกนิ่งลูกเคลื่อนไหว และการที่เจ้าตัวเองก็รู้ว่านี่คงเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของตัวเองแล้ว ทำให้จะใส่สุดชีวิตไม่มีอะไรต้องกั้๊กไว้ ตั้งแต่เกมแรกเป็นต้นไป

 

กาน่า : อินยากี้ วิลเลี่ยมส์
มีเส้นทางชีวิตค้าแข้งน่าสนใจแบบที่เขียนถึงได้เป็นหน้าหรือเอาไปทำหนังสั้นได้เลยสำหรับหัวหอกวัย 28 เชื้อสายกาน่า ที่เกิดและเติบโตในสเปน ก่อนสร้างชื่อกับ แอธเลติก บิลเบา อย่างยาวนานภายใต้สังกัดเดียว ลงเล่นไปกว่าสามร้อยนัด (355) ซัด 78 ประตู โดยในช่วงรุ่นๆ ลงเล่นให้ทีมชาติสเปนชุดยู-21 มากถึง 17 เกม ก่อนเล่นให้ สเปน ชุดใหญ่ 1 นัดด้วยในปี 2016 จนเกือบได้ไปยูโร 2016 อยู่แล้วแต่ไม่ถูกเลือก แต่ต่อมาเมื่อพบว่า ฟีฟ่า อนุญาตให้นักเตะเปลี่ยนทีมชาติได้ถ้ายังไม่เคยได้เล่นเกมใดในทัวร์นาเมนต์เป็นทางการ วิลเลี่ยมส์ จึงตอบรับคำเชิญจาก กาน่า มาเข้าร่วมเมื่อกลางปีนี้เอง ถึงตรงนี้ได้สัมผัสเกมกับ กาน่า ไปแล้ว 3 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
โปรตุเกส (4-3-3, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) รุย ปาตริซิโอ – นูโน่ เมนเดส, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ชูเอา กันเซโล่ – รูเบน เนเวส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, บรูโน่ แฟร์นันเดส – ราฟาเอล เลเอา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา
กาน่า (4-2-3-1, กุนซือ อ๊อตโต้ อัดโด้) ลอว์เรนซ์ อาติ-ซิกี้ – กีเดี้ยน เมนซาห์, โมฮัมเหม็ด ซาลิซู, ดาเนียล อมาร์ตีย์, ทาริค แลมพ์ตีย์ – ซาลิส อับดุล ซาเหม็ด, โธมัส ปาร์เตย์ – อองเดร อายิว, จอร์แดน อายิว, คามัลดีน ซุเลมาน่า – อินยากี้ วิลเลี่ยมส์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เคยฉะกันมาในรอบแรกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล เป็น โปรตุเกส เบียดชนะ 2-1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูชัยสิบนาทีท้าย
• โปรตุเกส เพิ่งได้เข้าเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 เท่านั้น และไม่เคยเข้าถึงชิงชนะเลิศมาก่อน ดีที่สุดอันดับ 3 ปี 1966
• กาน่า ชนะไม่เป็นในรอบแบ่งกลุ่มบอลโลก 2014 (เสมอ 1 แพ้ 2) ซึ่งเป็นหนล่าสุดที่ได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้าย
• 5 นัดหลังของ โปรตุเกส ไม่มีประตูจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้แต่ลูกเดียว
• นอกจาก โรนัลโด้ มีอีกแค่ 2 คนที่ยิงเกิน 10 ลูกในทีมชาติโปรตุเกส คือ อันเดร ซิลวา (19) กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส (11)

 

ความน่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2022

แม้จะมีปัญหาทั้งเรื่องฟอร์มการเล่นและเรื่องอื่นๆ ที่มารบกวนหัวใจ จนทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีครึ่งซีซั่นแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ดี แต่ในระดับนานาชาติที่สปีดบอลช้ากว่า ยอดแข้งวัย 37 ยังอันตรายสำหรับทุกคู่แข่งเสมอ ซึ่งดูวี่แววแล้ว กาน่า ก็ไม่น่าจะเอาอยู่แต่อย่างใด ยิ่งโดยเฉพาะว่า โปรตุเกส ไม่ได้มีทีเด็ดแค่ โรนัลโด้ คนเดียวด้วย

 

ผลที่คาด : โปรตุเกส ชนะ 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
โปรตุเกส
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — โปรตุเกส vs อุรุกวัย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 22.00 — เกาหลีใต้ vs โปรตุเกส

กาน่า
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 20.00 — เกาหลีใต้ vs กาน่า
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 22.00 — กาน่า vs อุรุกวัย

อุรุกวัย vs เกาหลีใต้ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

อุรุกวัย vs เกาหลีใต้ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช : อุรุกวัย vs เกาหลีใต้
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, 20.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
อุรุกวัย
อันดับ 3 โซนอเมริกาใต้
เตะ 18 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 6 ยิงได้ 22 เสีย 22

เกาหลีใต้
อันดับ 2 กลุ่มเอ รอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 13 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อุรุกวัย
อุ่นเครื่อง ชนะ เม็กซิโก 3-0
อุ่นเครื่อง เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ปานามา 5-0
อุ่นเครื่อง แพ้ อิหร่าน 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ แคนาดา 2-0

เกาหลีใต้
EAFF E-1 ชนะ ฮ่องกง 3-0
EAFF E-1 แพ้ ญี่ปุ่น 0-3
อุ่นเครื่อง เสมอ คอสตาริกา 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ แคเมอรูน 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0

 

ผลการพบกัน
8 นัด อุรุกวัยชนะ 6 เสมอ 1 เกาหลีใต้ชนะ 1

 

สภาพทีม
อุรุกวัย
เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัย (ยุคโบราณ 1930 และ 1950) เป็นอันดับ 3 โซนอเมริกาใต้ตามมาตรฐาน แต่ช่วงหลังก็ถือว่าเข้าฝักดีทีเดียว ปีนี้ลงเล่นไป 9 นัด ชนะได้ถึง 7 เกม ที่เหลือเสมอ 1 แพ้ 1 เท่านั้น และล่าสุดอุ่นเครื่องตบ แคนาดา 2-0 ดาร์วิน นูนเยซ กดหนึ่งเม็ด

 

สำหรับการมาฟุตบอลโลก 2022 คงถือเป็นการสั่งลาหลายๆ ตัวเก๋าของทีมจอมโหด ไม่ว่าจะ หลุยส์ ซัวเรซ ในวัย 35, เอดินสัน คาวานี่ 35, มาร์ติน กาเซเรส 35, แฟร์นานโด มุสเลร่า 36 และ ดีเอโก้ โกดิน 36

 

ส่วนของความพร้อม กุนซือ ดีเอโก้ อลอนโซ่ ที่เข้ามาทำทีมแทนคุณปู่ ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ ซึ่งคุมอยู่นานแสนนาน 2006-2021 นั้น มีปัญหาแค่ โรนัลด์ อเราโฮ เซนเตอร์แบ็กจากบาร์เซโลน่า ที่คาดว่าจะยังไม่ฟื้นฟิตทันเกมนี้ แต่มีสิทธิ์กลับมาได้ในเกมถัดไป ดังนั้นเซนเตอร์แบ็กจะเป็น โกดิน ยืนกับ โฮเซ่ คิมิเนซ

 

ด้านเกมรุกใช้ 3 กองหน้า ดาร์วิน นูนเยซ, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟาคุนโด้ เปยิสตรี้ ลงสู้ ส่วน คาวานี่ นั่งสำรองไปก่อน

 

เกาหลีใต้
โสมขาวเข้ามาด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ แต่ก็หลุดแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมของการคัดเลือก และช่วงหลังมาดีเช่นกัน ชนะ 5 จาก 7 เกมหลังสุด

 

เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ มีต้องเช็กสภาพแค่ ซน ฮึง-มิน ยอดดาวยิงจากสเปอร์ส แค่รายเดียว แต่ก็เชื่อว่าแม้ไม่เต็มถังก็ยังจะถูกเข็นลงสนาม โดยสวมหน้ากากป้องกันอาการบาดเจ็บซ้ำที่ใบหน้าเอา

 

นอกนั้นจะเป็นทีมเดิมๆ ในระบบ 4-3-3 แดนหน้านอกจาก ซน ฮึง-มิน ยังมี ฮวาง อุย-โจ จากโอลิมเปียกอส และ ฮวาง ฮี-ชาน จากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

 

ตัวความหวัง
อุรุกวัย : ดาร์วิน นูนเยซ
กด 34 ประตูกับการเล่นให้ เบนฟิก้า ซีซั่นก่อน จนทำให้ ลิเวอร์พูล ทุ่ม 85 ล้านปอนด์ (รวมออปชั่นเสริม) ดึงมาเสริมทัพ ซึ่งผลงานก็ออกมาไม่เลวเลยกับปีแรกของการเล่นในอังกฤษ สอยไป 9 ประตูจาก 18 นัด ซึ่งพร้อมๆ กันกับที่ เอดินสัน คาวานี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ โรยราไปตามกาลเวลา นูนเยซ วัย 23 ก็ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ในเกมรุกทัพจอมโหดได้ทันที ถึงตรงนี้เล่นทีมชาติ 13 นัด ซัดแล้ว 3 ตุง

 

เกาหลีใต้ : ซน ฮึง-มิน
สิ่งเดียวที่น่าหนักใจคือหลังบาดเจ็บมา ซน ฮึง-มิน จะลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยสภาพความพร้อม 100% เต็มหรือไม่ เมื่อลำพังฝีเท้าไม่เป็นที่ต้องสงสัยอยู่แล้ว ถูกยกว่าเป็นแข้งเบอร์ 1 ของเอเชียยุคนี้ด้วยซ้ำไป จากผลงานที่ร่ายให้ สเปอร์ส ต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า จนถึงขั้นคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อนมาแล้ว ขณะที่ในทีมชาติ โอปป้าซนยิงไป 35 ลูกจาก 104 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
อุรุกวัย (4-3-3, กุนซือ ดีเอโก้ อลอนโซ่) แฟร์นันโด มุสเลร่า – มาติอัส โอลิเวร่า, โฮเซ่ คิมิเนซ, ดีเอโก้ โกดิน, กิเยร์โม่ วาเลร่า – โรดริโก้ เบนตันกูร์, ลูคัส ตอร์เรร่า, เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ – ดาร์วิน นูนเยซ, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟาคุนโด้ เปยิสตรี้
เกาหลีใต้ (4-3-3, กุนซือ เปาโล เบนโต้) คิม ซุง-กิว – คิม จิน-ซู, คิม ยัง-กวอน, คิม มิน-แจ, ยุน จอง-กิว – ควอน ชาง-ฮุน, ฮวาง อิน-บอม, จุง วู-ยัง – ซน ฮึง-มิน, ฮวาง อุย-โจ, ฮวาง ฮี-ชาน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาเยอะทีเดียว 8 ครั้ง อุรุกวัย ข่มด้วยการชนะ 6 แต่ล่าสุด ลับแข้งเมื่อปี 2018 เกาหลีใต้ เบียด 2-1 ที่กรุงโซล
• ยังเคยเตะกันในบอลโลก 2 หน 1990 กับ 2010 อุรุกวัยชนะทั้งสองครั้ง 1-0 กับ 2-1
• อุรุกวัย เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 (ก่อนแพ้ฝรั่งเศส 0-2) ถัดจากที่เข้ารอบ 16 ทีม (2014) และคว้าอันดับ 4 (2010) ก่อนหน้านั้น
• แม้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะในประเทศ แต่ตัวอิมพอร์ต เล่นลีกยุโรปของ เกาหลีใต้ ก็มีอยู่ถึง 8 ราย โดยอยู่กับ โอลิมเปียกอส ในกรีซ 2 ราย ฮวาง อุย-โจ กับ ฮวาง อิน-บอม
• เกาหลีใต้ นัดทีมจากอเมริกาใต้มาอุ่นเครื่องด้วยถึง 3 นัดเมื่อกลางปี แพ้ บราซิล 1-5, ชนะ ชิลี 2-0 และเสมอ ปารากวัย 2-2

 

ความน่าจะเป็น
ถูกยกให้เป็นหนึ่งในม้ามืดที่น่าจับตาของฟุตบอลโลก 2022 จากการที่ อุรุกวัย กำลังมีนักเตะดีๆ หลายตำแหน่งในทีม กระนั้นหลังจากที่ตัวแทนเอเชีย 2 รายทำผลงานได้สุดยอดไปแล้ว เกาหลีใต้ ก็มีสิทธิ์เป็นอีกทีมที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมเอเชียชั่วโมงนี้ ดังนั้นหมายความว่า นี่จะไม่ใช่งานง่ายของ อุรุกวัย แน่ ชนะได้ก็คงแค่ออกเบียด หรือมุมเสมอก็มีอยู่เหมือนกัน

 

ผลที่คาด : อุรุกวัย ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
อุรุกวัย
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — โปรตุเกส vs อุรุกวัย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 22.00 — กาน่า vs อุรุกวัย

เกาหลีใต้
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 20.00 — เกาหลีใต้ vs กาน่า
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 22.00 — เกาหลีใต้ vs โปรตุเกส

สวิตเซอร์แลนด์ vs แคเมอรูน : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

สวิตเซอร์แลนด์ vs แคเมอรูน : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : สวิตเซอร์แลนด์ vs แคเมอรูน
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, 17.00 น.
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : THAI PBS

 

ผลงานรอบคัดเลือก
สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ แอลจีเรีย 0-1
นัดสองชนะ แอลจีเรีย 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สเปน 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2

แคเมอรูน
คัดเลือก AFCON ชนะ บุรุนดี 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1

 

ผลการพบกัน
ไม่เคยพบกันมาก่อน

 

สภาพทีม
สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม กระนั้นในช่วงหลังฟอร์มก็ดร็อปลงไปพอตัว แม้จะมีเกมที่ชนะทั้ง โปรตุเกส และ สเปน ก็ตาม

 

ล่าสุด สวิตเซอร์แลนด์ ลงลับแข้งกับ กาน่า แล้วแพ้สบาย 0-2 เมื่อ 17 พ.ย.

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดัง มีต้องเช็กแค่ประตูมือหนึ่ง ยานน์ ซอมเมอร์ ที่เจ็บข้อเท้าเล็กๆ ก่อนหน้านี้ แต่ก็คาดว่าจอมหนึบจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค จะฟื้นฟิตพร้อมเฝ้าเสาได้ตามปกติ ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ระบบมา 4-2-3-1 วาง รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ ปั้นเกมรุกหลังหอกเป้า บรีล เอ็มโบโล่ ที่เป็นตัวเลือกก่อน ฮาริส เซเฟโรวิช

 

แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้อย่างลุ้นระทึก แพ้ แอลจีเรีย ในรอบ 3 นัดแรก ก่อนนัดสองยิง แอลจีเรีย คืน 1-0 ใน 90 นาที จากนั้นต่อเวลาพิเศษโดนยิงตีเสมอ 1-1 น.118 แต่สุดท้ายทดเจ็บ 120+4 มาได้ประตูชัย 2-1 ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน จากผลเสมอ 2-2 หลังต่อเวลา

 

อย่างไรก็ตาม 4 เกมหลังสุดไม่ชนะใครเลย เสมอ 2 แพ้ 2 ในเกมอุ่นเครื่องเตรียมทีมก่อนบอลโลก

 

ทีมหมอผีอยู่ในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ที่ขยับจากการทำทีมชุดยู-23 มาคุมชุดใหญ่แทน โทนี่ คอนไซเซา เมื่อช่วงต้นปี

 

ซง ไม่มีปัญหาเรื่องขุมกำลัง โดยสามารถใช้ชุดที่ดีที่สุดได้ ในระบบเพลย์เซฟ 4-1-4-1 หอกเป้าทิ้งค้ำไลน์ไว้ตัวเดียวคือ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

ตัวความหวัง
สวิตเซอร์แลนด์ : เซอร์ดาน ชากิรี่
หลบไปค้าแข้งในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเร็ว เมื่อตอนนี้ อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลเพิ่งจะอายุ 31 เท่านั้น และยังคงเป็นคีย์แมนเกมรุกของทัพนาฬิกาอยู่เช่นเดิม พร้อมสถิติยิง 26 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 109 นัด ด้วยสไตล์การเล่นทะลุทะลวงพลังแรงสูง และมีทีเด็ดที่การยิงไกล ส่วนการเล่นให้ ชิคาโก้ ไฟร์ ซีซั่นล่าสุด 2022 (ที่จบไปแล้ว) ชากิรี่ ซัด 7 ลูกจาก 29 นัด

 

แคเมอรูน : เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
กองหน้าที่ว่ากันว่าดวงแข็งที่สุดคนหนึ่งของวงการ จากหอกทื่อๆ ไม่ค่อยมีชั้นเชิงสมัยอยู่ สโต๊ค ซิตี้ ใครจะเชื่อว่าเขาได้เข้าร่วมทีมยักษ์ใหญ่ทั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาเยิร์น มิวนิค ในเวลาต่อมา โดยครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมาก็เล่นดีเสียด้วย ยิง 11 ลูก จนถูกโยงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าจะมาคว้าตัวไปตอนตลาดเปิด ส่วนในทีมชาติ กองหน้าก้านยาววัย 33 เล่นมาแล้ว 69 นัด ยิง 19 ประตู

 

11 ตัวจริงที่คาด
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, ฟาเบียร์ ชาร์, ซิลวาน วิดมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่
แคเมอรูน (4-1-4-1, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) อันเดร โอนาน่า – เอ็นโซ เอบอสเซ่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา – คาร์ล โตโก-เอคัมบี้, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า, โอลิวิเย่ร์ เอ็นชาม, บริยอง เอ็มเบโม่ – เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้ไม่เคยพบกันมาก่อนเลยสักครั้ง แม้แต่เกมกระชับมิตรอุ่นเครื่อง
• 10 เกมหลังในทุกถ้วย สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 5 โดยมีช่วงหว่างกลางที่ไม่ชนะใคร 5 เกมซ้อน
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 4 เกมติดกันแล้ว หรือไม่ชนะใครเลยตลอดครึ่งปีหลังมานี้
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
แรกสุดคือฟอร์มช่วงหลัง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง ถัดมาคือ ทั้งสองไม่ใช่ทีมที่พังประตูได้เป็นล่ำเป็นสัน แถมอีกอย่างว่า ทั้งคู่ก็เน้นเกมรับเหนียวแน่นเป็นหลัก ทำให้มีโอกาสที่คู่นี้จะลงเอย 0-0 อีกเกมของฟุตบอลโลก 2022 หรือเต็มที่ก็จะตัดสินกันด้วยเพียงประตูเดียวเท่านั้น

 

ผลที่คาด : เสมอ 0-0

 

โปรแกรมถัดไป
สวิตเซอร์แลนด์
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

แคเมอรูน
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — แคเมอรูน vs เซอร์เบีย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล

เบลเยียม vs แคนาดา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เบลเยียม vs แคนาดา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ : เบลเยียม vs แคนาดา
พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น. (เช้าตรู่วันพฤหัสบดี 24)
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ไทยรัฐทีวี

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เบลเยียม
แชมป์กลุ่มอี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 25 เสีย 6

แคนาดา
แชมป์รอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เตะ 14 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 23 เสีย 7

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เบลเยียม
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เวลส์ 1-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปแลนด์ 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 2-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-1
อุ่นเครื่อง แพ้ อียิปต์ 1-2

แคนาดา
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮอนดูรัส 1-2
อุ่นเครื่อง ชนะ กาตาร์ 2-0
อุ่นเครื่อง แพ้ อุรุกวัย 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ บาห์เรน 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ ญี่ปุ่น 2-1

 

ผลการพบกัน (1 นัด)
อุ่นเครื่อง 1989 แคนาดา 0-2 เบลเยียม

 

สภาพทีม
เบลเยียม
ผ่านเข้ารอบแบบไร้พ่ายจากรอบคัดเลือกโซนยุโรป กระนั้นช่วงหลังฟอร์มก็ออกแกว่งพอสมควร แพ้มารวด 2 นัดหลัง อันเป็นเกมสุดท้ายของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่พ่าย เนเธอร์แลนด์ 0-1 และอุ่นเครื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน แพ้ อียิปต์ 1-2 ที่คูเวต

 

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือชาวสแปนิชของทัพปีศาจแดงแห่งยุโรป ยังถูกคาดหมายว่าจะคุมทีมในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย ภายหลังอยู่บนเก้าอี้มาพักใหญ่ตั้งแต่ปี 2016 และร่วมสร้างยุคทองให้ เบลเยียม เต็มไปด้วยนักเตะระดับคุณภาพ แต่กลับมีร่องรอยตำหนิตรงที่ไม่มีแชมป์รายการใดติดมือเป็นชิ้นเป็นอัน ดีที่สุดคือเป็นอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

 

สำหรับความพร้อมของ เบลเยียม ในเกมนี้ มาร์ติเนซ ไม่สามารถใช้งาน โรเมลู ลูกากู ดาวยิงเบอร์หนึ่งเจ้าของสถิติ 68 ประตูในนามทีมชาติ ได้ หลังจากหัวหอกอินเตอร์ มิลาน เจ็บต้นขาจนไม่ได้เล่นมาตั้งแต่สิ้นเดือน ต.ค.

 

ที่ต้องเช็กฟิตยังมี เลอันโดร ทรอสซาร์ ตัวปั้นเกมฟอร์มแรงจากไบรท์ตัน และ โธมัส มูนิเยร์ แบ็กขวาดอร์ทมุนด์ แต่ก็เชื่อว่าทั้งสองจะพร้อมเป็นตัวเลือกในที่สุด

 

การขาด ลูกากู ทำให้หน้าเป้าจะเป็นโอกาสของ มิชี่ บัตซูอายี่ โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอแด็น อาซาร์ เป็นตัวปั้นเกมสนับสนุน

 

แคนาดา
ทัพเมเปิ้ลได้กลับมาโชว์ตัวในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้ง หลังหายหน้าไปตั้งแต่ได้เล่นหนแรกเมื่อปี 1986 หรือช่วงที่นักเตะแทบทั้งหมดในทีมชุดนี้ยังไม่ทันลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ (ยกเว้นแค่กัปตันทีม อติบา ฮัทชินสัน เกิดปี 1983)

 

แต่มาคราวนี้ถือว่า แคนาดา น่าเกรงขามทีเดียว ด้วยการผงาดแชมป์ของรอบ 3 โซนคอนคาเคฟ เหนือขั้วอำนาจเก่าทั้ง เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา แถม แคนาดา ยังเอาชนะทั้งสองชาติ รวมไปถึง คอสตาริกา โดยตรงในรอบคัดเลือกครั้งนี้ด้วย

 

แคนาดา คุมทีมโดย จอห์น เฮิร์ดแมน โค้ชชาวอังกฤษ ที่ขยับจากทีมชาติฝ่ายหญิง (2011-2018) มารับงานนี้ และในทีมมีดาวเด่นอย่าง อัลฟอนโซ่ เดวิส (บาเยิร์น), โจนาธาน เดวิด (ลีลล์), ไคล์ ลาริน (คลับ บรูช), สตีเฟ่น ยุสตากิโต้ (ปอร์โต้) เป็นแกนนำ

 

เฮิร์ดแมน ไม่มีปัญหาในการจัดทีมเกมนี้ โดยจะวางระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 อัลฟอนโซ่ เดวิส ขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย ส่วนสามกองหน้าเป็น โจนาธาน เดวิด, ไคล์ ลาริน และ ทาจอน บัคคาแนน

 

ตัวความหวัง
เบลเยียม : เควิน เดอ บรอยน์
สร้างชื่อขึ้นเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก และมาตรฐานสูงๆ ก็ยังคงอยู่เช่นเดิมในซีซั่นนี้ ที่ยิง 3 ประตู แอสซิสต์อีกถึง 13 กับการเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 19 นัด จนตัวจบสกอร์อย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ แทบจะควักเงินจ้าง เดอ บรอยน์ ไปเป็นผู้ช่วยส่วนตัวนอกสนามอยู่แล้ว สำหรับในทีมชาติ (94 นัด 25 ประตู) เดอ บรอยน์ ก็ถือเป็นทีเด็ดทีขาดที่ทุกคู่แข่งต้องระวังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะลูกจ่ายคมๆ หรือการชงเองกินเองที่มิดฟิลด์วัย 31 พร้อมจัดให้ได้หมด

 

แคนาดา : อัลฟอนโซ่ เดวิส
นักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้ของ แคนาดา หรือกระทั่งอาจจะดีที่สุดตลอดกาล โตมากับ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ก่อนที่มหาอำนาจฟุตบอลเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค จะทุ่มเงินเป็นสถิติ 22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (รวมโบนัสเสริมในอนาคต) คว้าตัวไปปั้นต่อ ตอนที่ เดวิส อายุได้แค่ 17-18 เท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีคำว่าผิดหวัง เมื่อเจ้าหนูเชื้อสายกาน่าพัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด เป็นตัวหลักให้กับทัพเสือใต้มาแล้วเป็นปีที่ 4 พร้อมกระแสยกย่องว่าเป็น “แบ็กซ้ายเบอร์ 1 โลก” จากบางฝ่าย ที่สำคัญ ยังสารพัดประโยชน์ทางกราบซ้าย จนการใส่ชื่อไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ เดวิส ไปในฐานะตัวเลือก “กองหน้า” ด้วยซ้ำ

 

11 ตัวจริงที่คาด
เบลเยียม (3-4-2-1, กุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ) ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ยาน แฟร์ตองเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เลอันเดร์ เดนดองเคอร์ – ยานนิค การ์รัสโก้, อักเซล วิตเซล, ยูรี่ ตีเลมันส์, โธมัส มูนิเยร์ – เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ – มิชี่ บัตชูอายี่
แคนาดา (3-4-3, กุนซือ จอห์น เฮิร์ดแมน) มิลาน บอร์ยาน – คามาล มิลเลอร์, สตีเว่น วิตอเรีย, อลิสแตร์ จอห์นสตัน – อัลฟอนโซ่ เดวิส, สตีเฟ่น ยุสตาคิโอ, อติบา ฮัทชินสัน, ริชี่ ลาร์เยีย – ไคล์ ลาริน, โจนาธาน เดวิด, ทาจอน บัคคาแนน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาครั้งเดียวเมื่อปี 1989 เบลเยียม ชนะไม่ลำบาก 2-0
• เบลเยียม มีนักเตะที่เล่นทีมชาติเกิน 100 นัดถึง 6 รายในทีมชุดนี้ (แฟร์ตองเก้น 142, วิตเซล 127, อัลเดอร์ไวเรลด์ 124, อาซาร์ 123, เมอร์เทนส์ 107, ลูกากู 102)
• อติบา ฮัทชินสัน กัปตันแคนาดา อ่อนกว่ากุนซือ จอห์น เฮิร์ดแมน แค่ 7-8 ปี
• ไคล์ ลาริน ยิงในทีมชาติ 25 ประตู ส่วน โจนาธาน ดาวิด 22 ลูก

 

ความน่าจะเป็น
เบลเยียม ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีที่สุดหรือพีคๆ เหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน และจะเจองานไม่ง่ายจาก แคนาดา ที่แม้จะเป็นการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสมัยแรกถัดจาก 1986 ก็ตาม เพียงแต่อย่างไรเสีย อย่างน้อยที่สุดหนึ่งเม็ดก็น่าเจาะเข้า แล้วค่อยลุ้นต่อกับเม็ดสองเพิ่มเติม

 

ผลที่คาด : เบลเยียม ชนะ 1-0

 

โปรแกรมถัดไป
เบลเยียม
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 20.00 — เบลเยียม vs โมร็อกโก
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — โครเอเชีย vs เบลเยียม

แคนาดา
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — โครเอเชีย vs แคนาดา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — แคนาดา vs โมร็อกโก

สเปน vs คอสตาริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

สเปน vs คอสตาริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี : สเปน vs คอสตาริกา
พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
สเปน
แชมป์กลุ่มบี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 15 เสีย 5

คอสตาริกา
อันดับ 4 รอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เพลย์ออฟต่างโซน ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
สเปน
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 3-1

คอสตาริกา
เนชั่นส์ ลีก ชนะ มาร์ตินีก 2-0
เพลย์ออฟบอลโลก ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง เสมอ เกาหลีใต้ 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ อุซเบกิสถาน 2-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 2-0

 

ผลการพบกัน
3 นัด สเปนชนะ 2 เสมอ 1

 

สภาพทีม
สเปน
หลุยส์ เอ็นริเก้ พากระทิงดุเจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลงานค่อนข้างดี รวมถึงในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก็ชนะ โปรตุเกส ในนัดตัดสินจนครองแชมป์กลุ่ม ได้ไปต่อในรอบชิงแชมป์ ปีหน้า

 

สิ่งเดียวที่ขัดใจแฟนๆ คือการที่ เอ็นริเก้ เลือกขุมกำลังนักเตะมาลุยบอลโลกแบบยึดถือในแนวทางตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สนใจกระแสสังคม จนตัวดีๆ อย่าง ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี), เซร์คิโอ รามอส (เปแอสเช), อินยิโก้ มาร์ติเนซ (บิลเบา), มาร์กอส อลอนโซ่ (บาร์เซโลน่า), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล), ซาอูล ญีเกซ (แอตฯ มาดริด), อิสโก้ (เซบีย่า), โรดริโก้ โมเรโน่ (ลีดส์), มิเกล โอยาร์ซาบัล (โซเซียดัด) หรือ ยาโก้ อัสปาส (เซลต้า) ได้แค่ดูบอลโลกจากที่บ้านทั้งหมด แม้บางตัวจะหลุดไปเพราะบาดเจ็บก็ตาม

 

ส่วนในราย โฆเซ่ กาย่า แบ็กซ้ายบาเลนเซีย ถอนตัวออกไปจากทัพ 26 คน หลังบาดเจ็บแทรกซ้อน โดยเป็น อเลฮานโดร บัลเด้ เด็ก 19 จากบาร์ซ่า เข้ามาแทนที่

 

คาดว่าไลน์อัพจะไม่ต่างจากช่วงหลังมากนัก ระบบ 4-3-3 ประตูเป็น อูไน ซิมอน แดนกลางบาร์ซ่าเหมาทั้ง เปดรี้, บุสเก็ตส์, กาบี ส่วนแนวรุกเชื่อว่า ปาโบล ซาราเบีย จะได้เล่นร่วมกับ อัลบาโร่ โมราต้า และ เฟร์ราน ตอร์เรส

 

คอสตาริกา
ทีมกล้วยหอมจากคอนคาเคฟ ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 6 และทัวร์นาเมนต์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยเคยสร้างผลงานสุดยอดไว้ในฟุตบอลโลก 2014 ที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

คอสตาริกา ต้องออกแรงใช่ย่อยในการผ่านรอบคัดเลือกงวดนี้ เมื่อต้องตัดสินในรอบเพลย์ออฟต่างทวีปกับ นิวซีแลนด์ และเบียดชนะสุดหวิว 1-0

 

ในการทำทีมของ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ คอสตาริกายังมาด้วยสมาชิกหน้าเดิมๆ อย่าง เคย์เลอร์ นาวาส, ไบรอัน โอเวียโด้, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลท์ซิน เตเฮด้า, กัปตันทีม ไบรอัน รุยซ์ และ โจเอล แคมป์เบลล์ ที่รวมตัวกันมาตั้งแต่บอลโลก 2014 แล้ว

 

ตัวความหวัง
สเปน : อัลบาโร่ โมราต้า
แมว 9 ชีวิตแห่งทัพกระทิงดุ เมื่อต่อให้ฟอร์มในระดับสโมสรจะออกทะเลขนาดไหน ก็ยังมีที่ยืนในทีมชาติอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกับชุดปัจจุบันทั้งที่ผลงานกับ แอตเลติโก มาดริด ไม่ได้สวยหรูนัก (5 ประตูซีซั่นนี้) ซึ่งปัจจัยอย่างหนึ่งอาจเพราะ สเปน ขาดแคลนหน้าเป้าแท้ๆ ลักษณะเดียวกับ โมราต้า ด้วย กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับหัวหอกวัย 30 ด้วยเหมือนกันว่าก็ทำผลงานได้ดีจริงในทีมชาติ สองปีหลังกดไป 9 ประตู รวมแล้วมี 27 ลูกจาก 57 นัด

 

คอสตาริกา : โจเอล แคมป์เบลล์
ดังมานาน สร้างชื่อมาจนถึงจุดพีคแล้วก็ดร็อปลงไปจนแฟนบอลแทบจะลืมหน้ากันแล้ว แต่แท้ที่จริง อดีตกองหน้าอาร์เซน่อลรายนี้เพิ่งจะอายุ 30 ถ้วนเท่านั้นเอง โดยตอนที่เป็นแข้งปืนโต เขาอายุแค่ 22-23 เท่านั้น จากนั้นก็ย้ายออกไปยังหลายประเทศ ปัจจุบันอยู่กับ คลับ เลออน ในเม็กซิโก และยังคงเฝ้ารับใช้ชาติอยู่ต่อไป เล่นแล้ว 119 นัด ซัด 25 ประตู หนึ่งในนั้นก็คือประตูสำคัญดับ นิวซีแลนด์ จนพาให้ คอสตาริกา มาเล่นฟุตบอลโลก 2022

 

11 ตัวจริงที่คาด
สเปน (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้) อูไน ซิมอน – จอร์ดี้ อัลบา, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, เปา ตอร์เรส, ดานี่ การ์บาฆัล – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี – ปาโบล ซาราเบีย, อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส
คอสตาริกา (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ) เคย์เลอร์ นาวาส – ไบรอัน โอเวียโด้, ออสการ์ ดูอาร์เต้, ฟรานซิสโก้ กัลโว, คาร์ลอส มาร์ติเนซ – ไบรอัน รุยซ์, แกร์สัน ตอร์เรส, เยลท์ซิน เตเฮด้า – โจเอล แคมป์เบลล์, อันโธนี่ คอนเตรราส, เซลโซ่ บอร์เกส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• สเปน ไม่เคยแพ้ คอสตาริกา มาก่อนในการนัดเตะลับแข้งกัน 3 เกมก่อนหน้านี้ ล่าสุดปี 2017 สเปน ยิงแหลก 5-0 ที่มาลาก้า
• สเปน แพ้แค่นัดเดียวจากการเล่น 11 เกมหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 1)
• คอสตาริกา ก็แพ้แค่นัดเดียวจากการเล่น 13 เกมหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 1)
• สเปน ชุดนี้ มีแค่ 2 คนที่ยิงประตูในทีมชาติได้เกิน 10 ลูก คือ อัลบาโร่ โมราต้า (27) กับ เฟร์ราน ตอร์เรส (13)
• คอสตาริกา ชุดนี้ มีนักเตะอายุ 30 ขึ้นไป มากถึง 11 คน สูงวัยสุดคือ ไบรอัน รุยซ์ กัปตันทีมวัย 37

 

ความน่าจะเป็น
แม้ สเปน จะแกว่งๆ อยู่บ้างในช่วงหลัง แต่ขุมกำลังของพวกเขาคือนักเตะระดับคุณภาพแทบทั้งสิ้น ในขณะที่ คอสตาริกา ยังคงต้องพึ่งพาหน้าเก่าๆ แข้งตกยุคอย่าง โจเอล แคมป์เบลล์, ไบรอัน รุยซ์ หรือ เคย์เลอร์ นาวาส อยู่เลย ซึ่งหมายถึงว่าคงไม่ได้มีอะไรใหม่มาโชว์นัก หากว่า สเปน เล่นได้ตามแผนและใช้โอกาสไม่เปลือง ก็น่าจะผ่านได้ไม่ยาก

 

ผลที่คาด : สเปน ชนะ 3-1

 

โปรแกรมถัดไป
สเปน
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — สเปน vs เยอรมนี
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — ญี่ปุ่น vs สเปน

คอสตาริกา
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ญี่ปุ่น vs คอสตาริกา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — คอสตาริกา vs เยอรมนี

เยอรมนี vs ญี่ปุ่น : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เยอรมนี vs ญี่ปุ่น : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี : เยอรมนี vs ญี่ปุ่น

พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 20.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เยอรมนี
แชมป์กลุ่มเจ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 36 เสีย 4

ญี่ปุ่น
อันดับ 2 กลุ่มบี รอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 12 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เยอรมนี
เนชั่นส์ ลีก เสมอ ฮังการี 1-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ อิตาลี 5-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ อังกฤษ 3-3
อุ่นเครื่อง ชนะ โอมาน 1-0

ญี่ปุ่น
EAFF E-1 เสมอ จีน 0-0
EAFF E-1 ชนะ เกาหลีใต้ 3-0
กิริน คัพ ชนะ สหรัฐอเมริกา 2-0
กิริน คัพ เสมอ เอกวาดอร์ 0-0
อุ่นเครื่อง แพ้ แคนาดา 1-2

 

ผลการพบกัน
4 นัด เกมอุ่นเครื่องทั้งสิ้น เยอรมนีชนะ 2 เสมอ 2

 

สภาพทีม ฟุตบอลโลก 2022

เยอรมนี
ตัวแทนยุโรปรายแรกที่่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายบอลโลกหนนี้ หมายมั่นปั้นมือเต็มที่จะมาแก้ตัวจากการตกรอบแรกอย่างสุดช็อคในครั้งก่อน ซึ่งเป็นผลให้ โยอัคคิม เลิฟ สละเก้าอี้ไป และ ฮันส์ ดีเตอร์ ฟลิค เข้ามาแทน

 

ผลงานของอินทรีเหล็กในรอบคัดเลือกเป็นไปอย่างร้ายกาจ แต่ก็ออกแผ่วเล็กๆ ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ที่ชนะได้แค่เกมเดียวจาก 6 แมตช์

 

สำหรับความพร้อม ฟลิค ไม่มี มาร์โก รอยส์ ตัวรุกจากดอร์ทมุนด์ และ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงเบอร์แรกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ตั้งแต่แรก หลังทั้งคู่บาดเจ็บจนไม่พร้อมเล่นบอลโลก นอกนั้น ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์, ฟลอเรียน นอยเฮาส์, โรบิน โกเซนส์ โดนมองข้ามไปไม่เรียกมาติดธง

 

จาก 26 แข้งที่มี ฟลิค สามารถเลือกใช้ได้ครบถ้วนทุกคนในเกมนี้ ซึ่งด้วยการที่หัวหอกเบอร์ 1 อย่าง แวร์เนอร์ ไม่มา ทำให้คาดว่าจะเป็น โธมัส มุลเลอร์ ขยับขึ้นยืนแทนโดยมี จามาล มูเซียล่า เป็นตัวต่ำคอยสนับสนุน และอาจมีการสลับตำแหน่งกันได้ในระหว่างเกม

 

ญี่ปุ่น
ทัพซามูไรสีน้ำเงินผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ภายหลังเปิดประเดิมไว้เมื่อปี 1998 ก่อนจะได้เป็นเจ้าภาพร่วมในสี่ปีให้หลัง

 

การมาบอลโลกครั้งนี้ ญี่ปุ่นของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ เจอปัญหาพอสมควรกับรอบคัดเลือก ที่ฟอร์มหลุดแพ้ 2 จาก 3 เกมแรก แต่หลังจากนั้นก็กระเตื้องขึ้นได้ จนสุดท้ายเข้าป้ายเป็นรองแชมป์กลุ่ม ซึ่งยังคงได้ตั๋วมารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

 

ความพร้อมเกมนี้ โมริยาสุ ต้องเช็กแค่ ทาคุมะ อาซาโนะ ซึ่งโดยปกติเป็นสำรองอยู่แล้ว โดยคาดว่าเกมรุกจะวาง ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ และ จุนยะ อิโตะ ปั้นเกมสนับสนุนหอกเป้า ทาคุมิ มินามิโนะ

 

ตัวความหวัง
เยอรมนี : จามาล มูเซียล่า
ถูกคาดหมายตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนว่าจะกลายมาเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของฟุตบอลเยอรมัน ซึ่งที่สุดแล้วเจ้าหนูเชื้อสายอังกฤษวัย 19 ก็ทำได้อย่างที่หลายฝ่ายมอง โดยแม้จะเพิ่งยิงไปได้แค่ลูกเดียว แต่ก็ได้สัมผัสเกมระดับชาติมาแล้วถึง 19 นัด และดูจะมีตำแหน่งตัวจริงในการทำทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ด้วย โดยเฉพาะเมื่อซีซั่นนี้กำลังเข้าฝัก กดไปแล้ว 12 ประตูจากการเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค 22 เกม

 

ญี่ปุ่น : ไดอิจิ คามาดะ
อันที่จริง ตัวรุกวัย 26 เพิ่งได้โอกาสเล่นทีมชาติไปเพียง 22 นัดเท่านั้น และมียิง 6 ประตู โดยยังไม่เคยผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการไหนมาก่อนเลย แต่ที่ทำให้ คามาดะ น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการคุ้นชินกับฟุตบอลสไตล์เยอรมันๆ เป็นอย่างดี ภายหลังปักหลักเล่นกับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2017 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังร่ายฟอร์มอย่างโดดเด่นในตลอด 2-3 ปีหลัง ซีซั่นก่อนยิง 9 ลูก ต่อด้วยยิงเยอะถึง 12 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา

 

11 ตัวจริงที่คาด
เยอรมนี (4-2-3-1, กุนซือ ฮันซี่ ฟลิค) มานูเอล นอยเออร์ – ดาวิด เราม์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิคลาส ซูเล่, ติโล เคห์เรอร์ – เลออน โกเร็ตซ์ก้า, โยชัว คิมมิช – เลรอย ซาเน่, จามาล มูเซียล่า, แซร์จ นาบรี้ – โธมัส มุลเลอร์
ญี่ปุ่น (4-2-3-1, กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ) ชูอิจิ กอนดะ – ยูโตะ นางาโตโมะ, มายะ โยชิดะ, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, ฮิโรกิ ซากาอิ – กาคุ ชิบาซากิ, ฮิเดมาสะ โมริตะ – ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ, จุนยะ อิโตะ – ทาคุมิ มินามิโนะ

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันล่าสุดปี 2006 เสมอกัน 2-2 ที่เลเวอร์คูเซ่น
• ไม่นับเจ้าภาพกาตาร์ เยอรมนี คือทีมแรกสุดที่ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ภายหลังชนะ 9 จาก 10 นัดของรอบคัดเลือก
• ฟุตบอลโลกครั้งก่อน เยอรมนี โดนตัวแทนเอเชียอย่าง เกาหลีใต้ ยัดเยียดความปราชัย 2-0 จนตกรอบแรกอย่างสุดช็อก
• นักเตะญี่ปุ่นชุดนี้ เล่นในลีกเยอรมันถึง 8 คน
• นิคลาส ฟุลครุก หัวหอกหน้าใหม่ของเยอรมนี จากเบรเมน ยิงประตูได้ทันทีในเกมประเดิมทีมชาติ นัดชนะ โอมาน 1-0 เมื่อ 16 พ.ย.

 

ความน่าจะเป็น
คงไม่ใช่งานง่ายนักของ เยอรมนี ในการเจอกับทีมวิ่งสู้ฟัดและเทคนิคดีอย่าง ญี่ปุ่น แต่การจะคาดหวังถึงผลเซอร์ไพรส์อย่างที่ ซาอุฯ ทำกับ อาร์เจนติน่า อาจเป็นเรื่องยากไปนิด อย่างไรเสีย ระดับชั้นของอินทรีเหล็กก็ยังเหนือกว่า น่าเอาชนะได้ 1 เม็ดเป็นอย่างน้อย

 

ผลที่คาด : เยอรมนี ชนะ 1-0, 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
เยอรมนี
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — สเปน vs เยอรมนี
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — คอสตาริกา vs เยอรมนี

ญี่ปุ่น
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ญี่ปุ่น vs คอสตาริกา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — ญี่ปุ่น vs สเปน

โมร็อกโก vs โครเอเชีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs โครเอเชีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ : โมร็อกโก vs โครเอเชีย
พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 17.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
โมร็อกโก
ชนะ ดีอาร์ คองโก รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกเสมอ 1-1, นัดสองชนะ 4-1

โครเอเชีย
แชมป์กลุ่มเอช โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 21 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โมร็อกโก
คัด AFCON ชนะ แอฟริกาใต้ 2-1
คัด AFCON ชนะ ไลบีเรีย 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ ปารากวัย 0-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์เจีย 3-0

โครเอเชีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เดนมาร์ก 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ฝรั่งเศส 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เดนมาร์ก 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 3-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 1-0

 

ผลการพบกัน (1 นัด)
อุ่นเครื่อง 1996 โมร็อกโก 2-2 โครเอเชีย

 

สภาพทีม
โมร็อกโก
มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่ โมร็อกโก ก็อยู่ในทรงที่ดีทีเดียว ชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุด และแพ้เกมเดียวเท่านั้นจาก 8 แมตช์หลัง

 

กับนัดเปิดหัวฟุตบอลโลก 2022 เกมนี้ เรกรากี มีปัญหาตัวเจ็บอยู่ 2 ราย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ กองกลางจากซามพ์โดเรีย กับ อับเดสซาหมัด เอซซาลซูลี่ กองหน้าโอซาซูน่า ไม่พร้อมเล่น

 

แต่ขุนพลตัวหลักอย่าง ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, นูสแซร์ มาซราอุย หรือ อัชราฟ ฮาคิมี่ พร้อมรบตามปกติทั้งหมด

 

โครเอเชีย
กำลังอยู่ในร่างทอง ซูเปอร์ไซย่า เมื่อชนะมาติดต่อกัน 5 เกมซ้อน ทั้งใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และเกมอุ่นเครื่องล่าสุดเมื่อกลางเดือน ที่เบียด ซาอุฯ 1-0 จากประตูโทนของ อันเดรจ์ ครามาริช ท้ายเกม

 

ซลัตโก้ ดาลิช ไม่มีปัญหาตัวผู้เล่นใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากที่นายทวาร ลอฟเร่ คาลินิช เจ็บอยู่ก่อนแล้วจนหลุดโผไปตั้งแต่ก่อนประกาศรายชื่อ รวมถึงตัวที่ถูกกาทิ้งอย่าง ดูเย่ กาเลต้า-คาร์ หรือ โยซิป เบรคาโล่ ก็ไม่ได้มีความสำคัญกับทีม

 

คาดว่าระบบจะใช้ 4-3-3 แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าดัน อีวาน เปริซิช ไปเดินเกมรุกร่วมกับ มาร์โก ลิวาย่า และ นิโกล่า วลาซิช

 

ตัวความหวัง
โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ฮาคิม ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนตัวกุนซือเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้เขาจะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี จนซีซั่นนี้เพิ่งได้เล่นแค่ 9 นัด แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 18 ประตูจาก 43 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 54 เกมทีมชาติ

 

โครเอเชีย : อีวาน เปริซิช
แม้การเป็นลูกทีมของ อันตนิโอ คอนต้ ที่สเปอร์ส เปริซิช จะถูกใช้งานเป็นวิงแบ็กฝั่งซ้าย แต่กับการารับใช้ชาติแล้ว เขาคือปีกซ้ายที่มีหน้าที่เล่นเกมรุกเต็มอัตรา หรือจะเรียกว่ากองหน้าไปเลยก็ได้ไม่ผิด เช่นเดียวกับเกมนี้ที่ถูกคาดหมายว่าจะถูกใช้เป็นกองหน้าฝั่งซ้ายอีกครั้งในระบบ 3 ตัวรุก ซึ่งสิ่งที่เราเห็นกันมาตลอดกับ สเปอร์ส รวมถึง อินเตอร์ มิลาน คือ เปริซิช แค่ต้องปรับความคมให้เพิ่มมากขึ้นอีกนิด สกอร์จะไหลมาเทมามากกว่าที่เป็น แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็นำดาวซัลโวของทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
โมร็อกโก (4-2-3-1, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, นาเยฟ อาแกร์ด, โรแม็ง ไซส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต – ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, เซลิม อมัลลาห์ – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, โยซิป ซูตาโล่, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, มาร์โก ลิวาย่า, นิโกล่า วลาซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เคยพบกันมาแค่ครั้งเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1996 ยุค โรเบิร์ต โปรซิเนซกี้, โรเบิร์ต ยาร์นี่, ซโวนิเมียร์ ซอลโด้, มุสตาฟา ฮัดจิ ซึ่งลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 และมีเตะจุดโทษตัดสิน โครเอเชียชนะ 7-6
• โมร็อกโกชุดนี้มีเด็กอายุ 18 ด้วย อย่าง บิลาล เอล คานนุส กองกลางดาวรุ่งจาก เกงค์ ซึ่งไม่เคยเล่นชุดใหญ่มาก่อน แต่เคยเล่นให้ทั้ง เบลเยียม และ โมร็อกโก ในชุดเยาวชน
• โครเอเชีย มีถึง 3 คนที่เล่นทีมชาติทะลุร้อยนัด คือ ลูก้า โมดริช (155), อีวาน เปริซิช (116) และ โดมากอย วิด้า (100)
• ดาวซัลโวชุดนี้ของ โครเอเชีย เป็นวิงแบ็กอย่าง อีวาน เปริซิช ที่กดไป 32 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
คู่คี่สูสีกันมาก ทั้ง โมร็อกโก และ โครเอเชีย ที่ต่างก็แข็งแกร่งหนั่นแน่นในทุกขุมกำลังตั้งแต่หลังมาหน้าสุด ทำให้เกมนี้เป็นอะไรที่คาดเดาลำบาก และแม้ โครเอเชีย จะมีดาวเด่นอย่าง ลูก้า โมดริช, มาเตโอ โควาซิช หรือ อีวาน เปริซิช ในทีม แต่ โมร็อกโก ชุดนี้ก็นำขบวนมาโดย ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบ็กขวาระดับโลกอย่าง อัชราฟ ฮาคิมี่ ทำให้จะสู้กันอย่างดุเดือด ผลสามารถออกได้ทั้งสามหน้า และอาจตัดสินกันด้วยประตูเดียว

ผลที่คาด : 1-0

 

โปรแกรมถัดไป
โมร็อกโก
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 20.00 — เบลเยียม vs โมร็อกโก
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — แคนาดา vs โมร็อกโก

โครเอเชีย
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — โครเอเชีย vs แคนาดา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — โครเอเชีย vs เบลเยียม

 

ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี : ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย
22 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น. (เช้าตรู่พุธ 23 พ.ย.)
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ฝรั่งเศส
แชมป์กลุ่มดี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 3

ออสเตรเลีย
ชนะ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ 2-1 รอบ 4 โซนเอเชีย (รอบเพลย์ออฟ)
ชนะจุดโทษ เปรู 5-4 (หลังเสมอ 0-0) รอบเพลย์ออฟต่างทวีป

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก เสมอ โครเอเชีย 1-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ ออสเตรีย 1-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2

ออสเตรเลีย
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 2-1
คัดบอลโลก ชนะ ยูเออี 2-1
คัดบอลโลก เสมอ เปรู 0-0 / ชนะจุดโทษ 5-4
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 2-0

 

ผลการพบกัน
5 นัด ฝรั่งเศสชนะ 3 เสมอ 1 ออสเตรเลีย ชนะ 1

 

สภาพทีม
ฝรั่งเศส
เหมือนจะโดน “อาถรรพ์แชมป์เก่า” กัดกินอย่างน่าแปลกใจ จน ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เสียนักเตะทั้งคนสำคัญและตัวสลับไปอย่างน้อย 7 รายในช่วงที่ผ่านมา ไล่จาก โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่สองรายหลังเจ็บหลังตัดตัว 26 คนสุดท้าย กระทั่งมาถึงรายล่าสุดอย่าง คาริม เบนเซม่า

 

การถอนตัวของ เบนเซม่า เจ้าของบัลลงดอร์ 2022 ทำให้เป็นบอลโลกหนแรกถัดจากปี 1978 ที่ไม่มีเจ้าของรางวัลดังกล่าว เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์

 

กระนั้น หลังจาก เบนเซม่า ถอนตัวไป เดส์ชองส์ ก็ไม่ได้เรียกใครเข้ามาเสริม หลังจากเพิ่มชื่อ มาร์คุส ตูราม (มึนเช่นกลัดบัค) กับ ร็องดาล โคโล มูอานี่ (แฟร้งค์เฟิร์ต) มาในโควตากองหน้าตัวเป้า ถัดจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เปแอสเช) และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (เอซี มิลาน)

 

ปัญหาของ เดส์ชองส์ ยังมีอย่างเรื่องฟอร์มการเล่นช่วงหลัง ที่ชนะแค่เกมเดียวจาก 6 นัดของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ที่เหลือเสมอ 2 แพ้ 3

 

นอกจากนั้น สภาพร่างกายของ ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์แบ็กคนสำคัญจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ แม้จะเชื่อว่ามีโอกาสลงได้มากกว่าก็ตาม

 

คาดว่าแชมป์เก่าจะมาในระบบ 4-2-3-1 วาง อาเดรียง ราบิโอต์ ยืนกลางคู่ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ และให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คิงสลี่ย์ โกม็อง เป็นตัวรุกสนับสนุนหอกเป้า คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ออสเตรเลีย
ฝั่งทัพจิงโจ้ กว่าจะได้เข้ารอบสุดท้ายมา ต้องเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นเตะเพลย์ออฟถึง 2 รอบ และกว่าจะโค่นคู่แข่งต่างทวีปอย่าง เปรู ได้ (หลังเสมอ 0-0) ก็ต้องลุ้นหนักถึงจะได้เฮจากการดวลจุดโทษ

 

สภาพทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ ไม่ได้มีปัญหาเท่าฝรั่งเศส โดยเสียแค่ มาร์ติน บอยล์ ถอนตัวไป กับต้องเช็กฟิต แฮร์รี่ ซุตตาร์

 

อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียชุดนี้ ไม่ค่อยจะมีสตาร์ในทีมนักแล้ว ตัวที่เล่นในยุโรปมีจำกัดเช่นกัน อาทิ อาจ์ดิน ฮรุสติช (เวโรน่า), อารอน มอย (เซลติก), แจ๊คสัน เออร์ไวน์ (ซังต์ เพาลี), ฟราน คาราซิช (เบรสชา), ไบลี่ย์ ไรท์ (ซันเดอร์แลนด์) หรือ แฮร์รี่ ซุตตาร์ (สโต๊ค)

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 59 เกม ยิง 28 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

ออสเตรเลีย : แม็ทธิว เลคกี้
ตัวรุกประสบการณ์สูงวัย 31 ที่ลงเล่นทีมชาติมาแล้ว 73 นัด (13 ประตู) และผ่านรายการใหญ่มาแล้วทั้งฟุตบอลโลก 2 รอบ 2014 กับ 2018, เอเชียน คัพ 2 หน และคอนเฟดฯ คัพ อีกหนึ่ง เวลานี้อยู่ในสังกัด เมลเบิร์น ซิตี้ ภายหลังโกอินเตอร์ไปเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่นานนับสิบปี กับทั้ง กลัดบัค, เอฟเอสเฟา แฟร้งค์เฟิร์ต, อิงโกลชตัดท์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เรียกว่าหลังจากหมดยุค แฮร์รี่ คีเวลล์, มาร์ค วิดูก้า หรือ ทิม เคฮิลล์ แล้วก็มี แม็ทธิว เลคกี้ นี่แหละเป็นดาวเด่น

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – ลูคัส เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ราฟาแอล วาราน, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คิงสลี่ย์ โกม็อง – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ออสเตรเลีย (4-2-3-1, กุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์) แม็ต ไรอัน – เนธาเนียล แอตกินสัน, แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไค โรว์เลส, อาซิซ เบฮิช – อารอน มอย, คาเมรอน เออร์ไวน์ – อาเวอร์ มาบิล, อาจ์ดิน ฮรุสติช, แม็ทธิว เลคกี้ – เจมี่ แม็คลาเรน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งเจอกันมาในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยลงเตะเป็นเกมแรกของกลุ่มด้วย ฝรั่งเศส เฉือนชัย 2-1 จากการยิงตัวเองของ อาซิซ เบฮิช ก่อนจบ 9 นาที
• หนเดียว (จาก 5 นัด) ที่ ออสเตรเลีย ชนะฝรั่งเศสได้ คือใน คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2001 ที่เบียดชนะ 1-0
• ออสเตรเลีย ไปไกลสุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งพวกเขาก็ตกรอบอย่างหวุดหวิด โดน อิตาลี ยิงจุดโทษทดเจ็บ 90+5 (ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ)
• บรรดาตัวเลือกกองกลางของฝรั่งเศส มีเพียง อาเดรียง ราบิโอต์ ที่รับใช้ทีมชาติชุดใหญ่เกิน 15 นัด (29 นัด 2 ประตู) นอกนั้นอีก 5 ชอยส์ล้วนแต่เล่นทีมชาติไม่เกิน 14 เกม แถม 4 คนในนั้นยังเล่นมาแค่ 5-6 นัดด้วย
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (28), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (49), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 119 ลูก โดยเฉพาะ ชิรูด์ ที่ขออีก 3 ประตูจะกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของฝรั่งเศสเหนือ เธียร์รี่ อองรี (51)

 

ความน่าจะเป็น
สองวันที่ผ่านไปของฟุตบอลโลก 2022 ตัวแทนจากเอเชียโชว์ฟอร์มดูไม่ได้เลยทั้งเจ้าภาพ กาตาร์ และ อิหร่าน ซึ่งแม้ว่า ออสเตรเลีย จะไม่เชิงใช่ทีมของเอเชีย แต่ระดับชั้นก็อยู่ประมาณเดียวกัน และแม้ ฝรั่งเศส จะเจอปัญหาแข้งเดี้ยงเยอะแถมฟอร์มช่วงหลังยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ตัวที่ยังอยู่ก็ล้วนแต่เป็นของจริงทั้งสิ้น ถ้าเล่นกันอย่างลงล็อก เจาะลูกแรกได้เร็ว ก็มีแค่จะยิงได้ 3 หรือ 4 ลูก หรือมากกว่านั้น

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 4-0

 

โปรแกรมถัดไป
ฝรั่งเศส
เสาร์ 26 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565 — 22.00 — ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส

ออสเตรเลีย
เสาร์ 26 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ตูนิเซีย vs ออสเตรเลีย
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565 — 22.00 — ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก

เม็กซิโก vs โปแลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เม็กซิโก vs โปแลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี : เม็กซิโก vs โปแลนด์
อังคาร 22 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่าายทอดสด : ไทยทีวีสีช่อง 3

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เม็กซิโก
อันดับ 2 รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เตะ 14 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 17 เสีย 8

โปแลนด์
ชนะเพลย์ออฟเหนือ สวีเดน
(ชนะบายเหนือ รัสเซีย, ชนะ สวีเดน 2-0)

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เม็กซิโก
อุ่นเครื่อง แพ้ ปารากวัย 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ เปรู 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ โคลอมเบีย 2-3
อุ่นเครื่อง ชนะ อิรัก 4-0
อุ่นเครื่อง แพ้ สวีเดน 1-2

โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เบลเยียม 0-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0

 

ผลการพบกัน
8 นัด เม็กซิโกชนะ 3 เสมอ 2 โปแลนด์ชนะ 3

 

สภาพทีม
เม็กซิโก
เข้ารอบสุดท้ายมาด้วยการเป็นรองแชมป์โซนคอนคาเคฟ แต่ว่าฟอร์มช่วงหลังค่อนข้างแกว่ง ชนะสลับแพ้มาอย่างต่อเนื่องในตลอด 3-4 เดือนหลังของคิวทีมชาติ

 

กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ มีปัญหาสภาพทีมเล็กน้อยแต่ก็เป็นจุดสำคัญอย่าง ราอูล ฮิมิเนซ กองหน้าตัวความหวังจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ไม่ได้เล่นให้ทีมหมาป่ามาตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่ยังคงอยู่เป็นตัวเลือกในทีมชุดนี้ แม้อาจไม่ได้เริ่มที่การเป็นตัวจริงก็ตาม

 

ยกเว้น ฮิมิเนซ แล้วก็ถือว่า เม็กซิโก อยู่ในจุดที่สมบูรณ์ดี สามารถใช้งานตัวหลักที่มีได้ทั้งหมด กระนั้นทีมชุดนี้ไม่มีตัวดังอย่าง ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นันเดซ หรือ เฮซุส มานูเอล โคโรน่า ติดมาด้วย โดยรายหลังฟื้นฟิตไม่ทันเล่นบอลโลก

 

โปแลนด์
เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเซอร์ไพรส์ในช่วงปลายปีที่แล้ว กับการที่ เปาโล ซูซ่า โค้ชชาวโปรตุเกส ตัดสินใจสละเก้าอี้ไปรับตำแหน่งกับ พัลไมรัส ก่อนที่ โปแลนด์ จะคว้าเอา เชสลาฟ มิชนีวิซ อดีตกุนซือลีเกีย วอร์ซอว์ และทีมชาติชุดยู-21 เข้ามาสานงานต่อ

 

ในการเตะ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี โปแลนด์ เอาชนะไม่ได้เลยในเกมเหย้าเยือนกับ เบลเยียม และ เนเธอร์แลนด์ แต่ท้ายสุดก็เอาชนะ เวลส์ ได้ 1-0 ต่อด้วยอุ่นเครื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ชนะ ชิลี 1-0 อีก

 

เชสลาฟ มิชนีวิซ มีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก โดยแทบไม่ได้ขาดสมาชิกหน้าเก่ารายใดไป ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคยในระบบ 3-5-2

 

ตัวความหวัง
เม็กซิโก : เออร์วิ่ง โลซาโน่
ในช่วงเวลาที่ ราอูล ฮิมิเนซ ดาวยิงตัวเจ็บจากวูล์ฟส์ ยังไม่อาจวางใจได้เรื่องสภาพความฟิต คนที่ทัพจังโก้อันตรายต้องพึ่งพาในเกมรุกก็คือ เออร์วิ่ง “ชัคกี้” โลซาโน่ ตัวรุกสารพัดประโยชน์วัย 27 จากนาโปลี ซึ่งที่จริงก็ถูกจับตามองตั้งแต่ฟุตบอลโลกหนที่แล้วที่รัสเซีย โชคร้ายที่ไปไม่ได้ไกลนักเมื่อต้องเจอ บราซิล ในรอบ 8 ทีม โดย โลซาโน่ เล่นทีมชาติไปแล้ว 60 นัด ซัด 16 ประตู แต่ที่แรงกว่าคือฟอร์มกับต้นสังกัด นาโปลี ที่ยิง 4 ลูกจาก 19 เกมในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา

 

โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
หากว่า อาร์เจนติน่า ถูกเรียกว่า ทีมชาติเมสซี่ แล้ว โปแลนด์ ก็ควรต้องถูกเรียกว่า “ทีมชาติเลวานดอฟสกี้” ด้วยเช่นกัน เมื่อนี่คือผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชาติอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของดาวยิงรายนี้เป็นสำคัญ ซึ่ง เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 76 ประตูในนามทีมชาติ ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดไปแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
เม็กซิโก (4-3-3, กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่) กิเยร์โม่ โอชัว – เฮซุส กายาร์โด้, เซซ่าร์ มอนเตส, เนสเตอร์ อเราโฮ, ฮอร์เก้ ซานเชซ – อันเดรส กวาร์ดราโด้ (C), เอ๊ดสัน อัลวาเรซ, คาร์ลอส โรดริเกซ – อเล็กซิส เวก้า, เฮนรี่ มาร์ติน, เออร์วิ่ง โลซาโน่
โปแลนด์ (3-5-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – ยาน เบ๊ดนาเร็ค, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์ – นิโกล่า ซาเลฟสกี้, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, คริสเตียน บีลิค, ดาเมี่ยน ซีมานสกี้, แม็ตตี้ แคช – อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้พบกันหนล่าสุด เกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2017 เม็กซิโกบุกชนะ 1-0 ที่กดังค์ส
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 2 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 6 นัดรอบปี 2022 แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อันเดรส กวาร์ดราโด้ กัปตันทีมวัย 36 ของเม็กซิโก ลงเล่นทีมชาติมาแล้วถึง 178 นัด และฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นสมัยที่ 5 เช่นเดียวกับ กิเยร์โม่ โอชัว
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
ว่ากันเรื่องความเจนจัดในฟุตบอลโลก เม็กซิโก เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้ กระนั้นขุมกำลังชุดนี้ของทัพจังโก้ยังเต็มไปด้วยคำถาม และดูดร็อปลงไปจากครั้งก่อนๆ พอตัว ผิดกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่น่ากลัวเสมอไม่ว่าจะเล่นให้สโมสรหรือทีมชาติ ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว พลังสังหารของ เลวานดอฟสกี้ ก็น่าเชื่อถือมากกว่าจะอยู่ข้างเม็กซิโก

 

ผลที่คาด : โปแลนด์ ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
เม็กซิโก
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 02.00 — อาร์เจนติน่า vs เม็กซิโก
พุธ 30 พฤศจิกายน — 02.00 — ซาอุดีอาระเบีย vs เม็กซิโก

โปแลนด์
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 20.00 — โปแลนด์ vs ซาอุดีอาระเบีย
พุธ 30 พฤศจิกายน — 02.00 — โปแลนด์ vs อาร์เจนติน่า

เดนมาร์ก vs ตูนิเซีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เดนมาร์ก vs ตูนิเซีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี : เดนมาร์ก vs ตูนิเซีย

อังคาร 22 พฤศจิกายน 2565, 20.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เดนมาร์ก
แชมป์กลุ่มเอฟ รอบคัดเลือกโซนยุโรป
แข่ง 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 30 เสีย 3

ตูนิเซีย
ชนะ มาลี รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนแอฟริกา
(นัดแรกชนะ 1-0 นัดสองเสมอ 0-0)

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เดนมาร์ก
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ฝรั่งเศส 2-0

ตูนิเซีย
กิริน คัพ ชนะ ชิลี 2-0
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ โคโมรอส 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ บราซิล 1-5
อุ่นเครื่อง ชนะ อิหร่าน 2-0

 

ผลการพบกัน (1 นัด)
อุ่นเครื่อง 2002 เดนมาร์ก 2-1 ตูนิเซีย

 

สภาพทีมเดนมาร์กและตูนิเซียฟุตบอลโลก 2022
เดนมาร์ก
แม้จะแพ้ โครเอเชีย เหย้าเยือนจนพลาดแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก แต่มาตรฐานโดยรวมและขุมกำลังก็ยังไม่ต่างไปจากชุดที่เข้าถึงรอบตัดเชือก ยูโร 2020 มากนัก โดยก่อนหน้า เนชั่นส์ ลีก ก็ชนะ 9 เกมซ้อนจนครองแชมป์กลุ่มคัดบอลโลก และตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายเป็นรายที่ 3 ถัดจากเจ้าภาพ กาตาร์ และ เยอรมนี

 

แคสเปอร์ ฮูลมันด์ เรียก 5 ชื่อสุดท้ายมาสมทบ จนเป็นทีม 26 คน ซึ่งไม่นับว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรมาก ยุสซูฟ ยูรารี่ โพลเซ่น, คริสเตียน นอร์การ์ด, อเล็กซานเดอร์ บาห์, โรเบิร์ต สคอฟ รวมถึงประตูสำรอง เฟรดริค รอนโนว์ ตามมาลุยบอลโลก

 

ความพร้อมในเกมเปิดหัวพบ ตูนิเซีย มีแค่ต้องเช็กสภาพ โยนาส วินด์ กองหน้าจากโวล์ฟสบวร์ก แต่ก็ไม่นับเป็นสมาชิกคนสำคัญนัก โดยเฉพาะแดนหน้าที่เวลานี้ทัพโคนมมีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ สามารถสลับกันเล่นได้หมด

 

ตูนิเซีย
ผ่าน มาลี ของ อีฟส์ บิสซูม่า, มุสซ่า เชเนโป, อมาดู ไฮดาร่า มาได้แบบหวิวๆ สกอร์รวม 1-0 ในรอบคัดเลือกรอบ 3 โซนแอฟริกา เท่ากับได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 6 และสองหนติด

 

กุนซือ จาเลล คาดรี้ มีต้องเช็กอาการของกัปตันทีม ยุสเซฟ เอ็มซานี่ ว่าจะพร้อม 100% หรือไม่ ภายหลังมีการบาดเจ็บติดพันในช่วงหลัง แต่ก็คาดว่าน่าจะเรียกฟิตได้ทันนำทัพลงสนาม

 

ระบบคาดว่าจะใช้ 4-3-3 แเนกลางนำโดยดาวรุ่ง ฮันนิบาล เมจ์บรี้ และข้างหน้าวาง อานิส เบน สลิมาเน่, ยุสเซฟ เอ็มซานี่, วาห์บี คาซรี่ เข้าแลก

 

ตัวความหวัง
เดนมาร์ก : คริสเตียน เอริคเซ่น
มีฉากชีวิตตลอดปีหลังๆ เหมือนในนิยาย ที่ล้มฟุบหมดสติกลางสนามจนอยู่บนเส้นของความเป็นความตายในยูโร 2020 และถูกคาดหมายว่าจะต้องเลิกเล่นไปแล้ว ก่อนจะฟื้นตัวกลับมากลายเป็นคีย์แมนแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบัน ซึ่งก็ส่งผลดีต่อ เดนมาร์ก โดยตรง จากการที่คลาสบอลหรือเซนส์บอลของ เอริคเซ่น จัดอยู่ในระดับแถวหน้าของยุโรปอย่างสบาย แถมยังมีสถิติสวยๆ ของการพังประตูในนามทีมชาติ ที่กดไปแล้ว 39 ลูก (จาก 117 นัด) เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมชุดนี้…ทั้งที่เล่นตำแหน่งกองกลางล้วนๆ

ตูนิเซีย : ฮันนิบาล เมจ์บรี้
เจ้าหนูหัวฟูวัยเพียง 19 ได้มาฟุตบอลโลก 2022 อย่างเซอร์ไพรส์ในขณะที่รุ่นพี่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนทำได้แค่ดูบอลโลกอยู่บ้าน ซึ่งก็เนื่องมาจากฟอร์มที่น่าประทับใจในการไปเล่นยืมตัวกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ตลอดครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ที่ได้ลงสนาม 15 นัด มีส่วนช่วยทีมยืนกลางตาราง ทั้งนี้ เมจ์บรี้ ที่เคยเล่นทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชน ตัดสินใจคว้าโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติตูนิเซียชุดใหญ่มาตั้งแต่กลางปี 2021 หรือตอนอายุแค่ 18 เท่านั้น และถึงตรงนี้ลงสนามเคียงข้างรุ่นพี่ๆ ไปแล้ว 18 เกม

 

11 ตัวจริงที่คาด
เดนมาร์ก (3-4-1-2, กุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมันด์) แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมอน เคียร์ (C), โยอาคิม อันเดอร์เซ่น – โยอาคิม เมห์เล่, โธมัส เดอลานีย์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, ดาเนี่ยล วาสส์ – คริสเตียน เอริคเซ่น – มาร์ติน เบรธเวท, แคสเปอร์ โดลเบิร์ก
ตูนิเซีย (4-3-3, กุนซือ จาเลล คาดรี้) อายเมน ดาห์เมน – โมฮาเหม็ด ดราเกอร์, มอนตาสซาร์ ทาลบี้, ดีแลน บรอนน์, อาลี อับดี – เอสซ่า ไลดูนี่, เอลเยส ชกิรี่, ฮันนิบาล เมจ์บรี้ – อานิส เบน สลิมาเน่, ยุสเซฟ เอ็มซานี่ (C), วาห์บี คาซรี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้เคยพบกัน 1 ครั้งถ้วนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เดนมาร์กเบียดชนะ 1-0 เอ๊บเบ้ ซานด์ สังหารชัยกลางครึ่งหลัง
• เดนมาร์ก ยิงคู่แข่งได้นัดละ 2 ประตูเป็นอย่างน้อย 6 จาก 8 เกมหลัง
• ตูนิเซีย เจอทีมยุโรป 2 นัดในฟุตบอลโลกหนก่อน 2018 และแพ้ทั้งสองนัดต่อ อังกฤษ 1-2 และ เบลเยียม 2-5
• โยอาคิม เมห์เล่ ยิงไปถึง 9 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 31 นัด ด้วยตำแหน่งวิงแบ็ก
• อานิส เบน สลิมาเน่ กับ อิสซาม เยบาลี เล่นในลีกเดนมาร์ก กับ บรอนด์บี้ และ โอบี โอเดนเซ่ ตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
โดยชื่อชั้น ตูนิเซีย ห่างจาก เดนมาร์ก มากอยู่แล้ว และฟอร์มที่เป็นช่วงหลังของทัพโคนมก็บอกว่าพวกเขายังไม่หลุดจากมาตรฐานสูงสุดไปมากนัก หลังบ้านยังแข็ง เกมรุกถ้าไม่ใช้โอกาสเปลืองไปเองก็จะมีประตูมาเสิร์ฟทุกเกม ดังนั้น ชัยชนะของ เดนมาร์ก จึงค่อนข้างชัวร์ อยู่ที่จะยิงได้มากหรือน้อย

 

ผลที่คาด : เดนมาร์ก ชนะ 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
เดนมาร์ก
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 23.00 — ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก
พุธ 30 พฤศจิกายน — 22.00 — ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก

ตูนิเซีย
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 17.00 — ตูนิเซีย vs ออสเตรเลีย
พุธ 30 พฤศจิกายน — 22.00 — ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส