และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่... ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่…

อดใจรอกันอีกแค่เดี๋ยวเดียว สิ่งที่โลกลูกหนังเฝ้าคอยกันมา 4 ปีอย่าง “ฟุตบอลโลก 2022” ก็จะถึงเวลาโรมรันกันแล้ว และโดยไม่ต้องพึ่งแม่หมอพ่อเดา เราก็ทราบผล “แชมป์โลก” ล่วงหน้าเรียบร้อย…ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์สุดอัจฉริยะ!

 

เดินทางเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนกันแล้ว ซึ่งหมายถึงว่าอีกเพียงไม่กี่วันกี่คืนเท่านั้น เสียงนกหวีดแรกแห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ก็จะดังขึ้น

 

20 พฤศจิกายน ลากยาวไปจนเกือบหนึ่งเดือนเต็ม 18 ธันวาคม ที่โลกลูกหนังจะหยุดหมุน เพื่อเว้นวรรคและเป็นสักขีพยานของการช่วงชิงแชมป์รายการที่สำคัญที่สุดของเมืองมนุษย์

 

และก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จริงจะมาถึง เราก็ทราบผลบทสรุปของ กาตาร์ 2022 เรียบร้อยแล้ว… ผ่านการทำนายประมวลผลคิดวิเคราะห์แยกแยะของ “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์” ในการดูแลของ บีซีเอ รีเสิร์ช (BCA Research) สถาบันวิเคราะห์การลงทุนระดับโลก แห่งประเทศแคนาดา

 

บทวิเคราะห์นี้มีชื่ออันแสนยาวเหยียดว่า “The Most Important Of All Unimportant Forecasts 2nd Edition: 2022 FIFA World Cup ซึ่งเป็นการประมวลผลสถิติตัวเลขหลากหลาย เช่น ผลการแข่งขัน 192 นัดของรอบแรก กับสกอร์ของอีก 64 เกมรอบน็อกเอาต์ ฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่ 2006 – 2018, อายุอานามของนักเตะแต่ละทีม จนถึง “ค่าพลัง” ความเร็วและค่าเฉลี่ย Team Average Player Rating ที่ปรากฏอยู่ในเกมฟุตบอลเลื่องชื่ออย่าง FIFA (อันมาจากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ชั้นหนึ่งแล้วจากค่ายเจ้าของเกม EA Sport)

 

ข้อมูลทั้งหมดที่มี จะถูกแปลงเป็นสมการยากๆ เช่น yi* = χi’β + ϵi หรือ Pr(yi = win | χi, β, γ) = 1 – ϕ(γ2 – χi’ β) อันจะถูกส่งต่อเข้าสู่ซูเปอร์คอมพิเตอร์อัจฉริยะ เพื่อแปลงผลให้ออกมาจนได้ข้อสรุป

 

“สี่ปีก่อน เราได้เผลผลวิเคราะห์ฟุตบอลโลก 2018 เอาไว้ นั่นคือครั้งแรกที่เราได้ลองทำนายผลฟุตบอลโลกกันเป็นครั้งแรก” BCA Research ระบุ “มาตอนนี้ เราได้พัฒนาแบบจำลองเชิงปริมาณขึ้นอีก เพื่อคาดการณ์การแข่งขันกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก”

 

“นอกจากแง่ของเกมกีฬาแล้ว เราเราหวังว่ารายงานชิ้นนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากความผันผวนของตลาดสินทรัพย์, ความตกต่ำอย่างรุนแรงของ ธนาคารกลาง, อัตราเงินเฟ้อที่สูงในรอบหลายสิบปี จนถึงกระทั่งสงครามในยูเครน”

 

สำหรับรอบแบ่งกลุ่ม ผลจากการประมวลคิดวิเคราะห์แยกแยะของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ออกมาว่า “แทบไม่มีเซอร์ไพรส์” บรรดาทีมใหญ่พาเหรดเข้าน็อกเอาต์ได้ทั้งหมด ไม่มีชาติหัวแถวรายไหนที่หลุดออกจากรอบแรก รวมถึงแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่ยุติ “อาถรรพ์แชมป์เก่า” ลงได้ — แม้จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มดี ตามหลังของแสลงส่วนตัวอย่าง เดนมาร์ก ก็ตาม

 

ส่วนกลุ่มรวมตัวขาโหด “Group of Death” อย่างกลุ่มอี ที่ประกอบด้วย สเปน, เยอรมนี, คอสตาริกา และ ญี่ปุ่น นั้น ก็เป็น 2 ยักษ์ใหญ่ทวีปยุโรปที่กอดคอเข้ารอบไปด้วยกัน ปล่อยให้ทีมกล้วยหอมจอมซนและ “ซามูไรบลู” สิ้นสุดการผจญภัยในฟุตบอลโลก 2022 ที่เพียงรอบแรก

 

ขณะที่ทีมขวัญใจมหาชน สิงโตคำราม อังกฤษ ไม่เจอปัญหาใดทั้งสิ้นในการผ่านรอบแรก “แฮร์รี่ เคน, จู๊ด เบลลิงแฮม และ บูกาโย่ ซาก้า อยู่ในฟอร์มที่ดีมากตั้งแต่ซีซั่นนี้เริ่มขึ้น และคุณภาพโดยรวมของคนอื่นๆ จะช่วยให้ อังกฤษ ครองแชมป์กลุ่มอย่างไม่ลำบาก”

 

และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่... ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

 

ผลวิเคราะห์ฟุตบอลโลก 2022 โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ BCA Research

รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มเอ : กาตาร์, เอกวาดอร์, เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. เนเธอร์แลนด์ 2. เซเนกัล

 

กลุ่มบี : อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, เวลส์
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. อังกฤษ 2. สหรัฐอเมริกา

 

กลุ่มซี : อาร์เจนติน่า, ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก, โปแลนด์
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. อาร์เจนติน่า 2. เม็กซิโก

 

กลุ่มดี : ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก, ตูนิเซีย
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. เดนมาร์ก 2. ฝรั่งเศส

 

กลุ่มอี : สเปน, คอสตาริกา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. สเปน 2. เยอรมนี

 

กลุ่มเอฟ : เบลเยียม, แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. เบลเยียม 2. โครเอเชีย

 

กลุ่มจี : บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์, แคเมอรูน
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. บราซิล 2. สวิตเซอร์แลนด์

 

กลุ่มเอช : โปรตุเกส, กาน่า, อุรุกวัย, เกาหลีใต้
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : 1. โปรตุเกส 2. อุรุกวัย

 

 

รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เนเธอร์แลนด์ – สหรัฐอเมริกา
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : เนเธอร์แลนด์
แม้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก เมื่อหนึ่งในตัวเต็งอย่าง เนเธอร์แลนด์ ได้คู่แข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็น สหรัฐอเมริกา ที่คู่นี้ไม่เคยได้เจอกันในทัวร์นาเมนต์เป็นทางการมาก่อนเลย (เจอในนัดลับแข้ง 5 ครั้ง) ซึ่งผลก็เป็น “อัศวินสีส้ม” กำชัยได้ตามคาด

 

อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อาร์เจนติน่า
รีแมตช์การเจอกันเมื่อครั้งก่อน รัสเซีย 2018 คราวนั้น ฝรั่งเศส สอนเชิงถล่มเอาชนะ อาร์เจนติน่า สี่เม็ด กระนั้นมาคราวนี้ อาร์เจนติน่า ชำระแค้นได้สำเร็จ ด้วยความลงตัวและคุณภาพที่ชัดกว่าแชมป์เก่า “ฝรั่งเศสมีปัญหานักเตะบาดเจ็บมากเกินไป โดยเฉพาะในแดนกลาง นี่คือจุดสำคัญทำให้ อาร์เจนติน่า ฉกฉวยความได้เปรียบ”

 

สเปน – โครเอเชีย
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : สเปน
เพิ่งงัดกันมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020 และต้องยืดเยื้อกันถึงต่อเวลา สเปน ถึงเอาชนะได้ 5-3 ภายหลังเสมอสุดเดือด 3-3 ใน 90 นาที มาครั้งนี้ในบอลโลกที่กาตาร์ ไม่เดือดปุดขนาดนั้น และยังคงเป็น สเปน คว้าชัยได้ไปต่อรอบ 8 ทีม

 

บราซิล – อุรุกวัย
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : บราซิล
ไม่มีอะไรพลิกโผสำหรับการตัดกันเองของ 2 ตัวแทนจากอเมริกาใต้ หลังจากการพบกันช่วงหลัง ก็เป็น “ลา เซเลเซา” ที่กินขาดอยู่แล้ว — ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า บราซิล ไม่แพ้ อุรุกวัย มา 20 ปีเข้าไปแล้ว (ชนะรวด 4 เกมหลัง) และเกมนี้ก็ออกทรงเดิมเช่นเคย

 

อังกฤษ – เซเนกัล
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อังกฤษ
อาจต้องระแวดระวังหน่อยกับพลังรุกของ ซาดิโอ มาเน่ และความหนักแน่นในเกมรับของ คาลิดู คูลิบาลี่ แต่ แฮร์รี่ เคน และพลพรรคสิงโตคำราม ก็ยังกรีธาทัพผ่าน เซเนกัล ได้อย่างไร้ปัญหา

 

เดนมาร์ก – เม็กซิโก
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : เม็กซิโก
ทั้งที่อุตส่าห์คว้าแชมป์กลุ่มมาครองได้เหนือ ฝรั่งเศส แต่เมื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาต์แล้ว โคนมเดนมาร์กของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ก็กลับเครื่องสะดุดเพลาหักสลักหายฯ ไปเสียดื้อๆ แพ้พลิกล็อกต่อ เม็กซิโก จนร่วงตกรอบ หมดลายม้ามืดที่หลายฝ่ายคาดหมาย เป็นทัพจังโก้อันตรายที่ได้ไปต่อในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

เบลเยียม – เยอรมนี
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : เยอรมนี
ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ของรอบ 16 ทีม เบลเยียม ลงสนามไปด้วยความหวังตั้งใจจะคว้าชัยชนะเพื่อส่งต่อ “ยุคทอง” ของตัวเองไปให้ไกลที่สุด ทว่า เยอรมนี ก็เป็นคู่แข่งที่หนักหนาสาหัสเกินไปเสียแล้ว บทสรุปคือยุคทองปีศาจแดงฯ (เดอ บรอยน์, ลูกากู, อาซาร์, กูร์กตัวส์ ฯลฯ) ต้องจากลาฟุตบอลโลกหนนี้ไปโดยไม่ประสบความสำเร็จอีกตามเคย

 

โปรตุเกส – สวิตเซอร์แลนด์
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : โปรตุเกส
เจอกันรัวๆ ในช่วงหลัง รวมถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ซึ่งต่างฝ่ายต่างเอาชนะกันได้ในบ้าน มาคราวนี้ที่สนามกลางต่างแดน ก็เป็น โปรตุเกส ของ โรนัลโด้ และชาวคณะ ที่ได้ไปต่อ

 

 

รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เนเธอร์แลนด์ – อาร์เจนติน่า
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อาร์เจนติน่า
รีแมตช์เกมสุดคลาสสิกจาก ฟร้องซ์ 98 ที่มีลูกยิงของ เดนนิส เบิร์กแค้มป์ เป็นช็อตตัดสินเกมอันสุดตรึงตราตรึงใจ ซึ่ง อาร์เจนติน่า ก็ต้องรอคอยมาถึง 24 ปี ถึงจะสามารถชำระแค้นได้เป็นผลสำเร็จ ลิโอเนล เมสซี่ ดีเกินกว่าที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จะต้านทานอยู่

 

สเปน – บราซิล
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : บราซิล
อีกหนึ่งซูเปอร์แมตช์ของรายการ สเปน กับ บราซิล โคจรมาเจอกันเป็นเพียงครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ทศวรรษหลัง ปรากฏเป็น เนย์มาร์, กาเบรียล เชซุส, วินิซิอุส, อันโตนี่, กาเซมิโร่, เฟร็ด ได้ชูธงชาติฉลองชัย

 

อังกฤษ – เม็กซิโก
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อังกฤษ
รอบที่แล้ว เซเนกัล มารอบนี้ เม็กซิโก ซึ่งล้วนแต่เป็นรอง อังกฤษ ในหลากหลายแง่มุม สุดท้ายก็เป็นสิงโตคำรามของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่คว้าชัยต่อเนื่อง ลุยไปถึงรอบตัดเชือก กาตาร์ 2022

 

เยอรมนี – โปรตุเกส
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : โปรตุเกส
ผ่านเกมสุดโหดกับ สเปน ในรอบแรก ต่อด้วยกับ เบลเยียม ในรอบสอง ส่งผลให้ “อินทรีเหล็ก” ออกลูกยุบในตัวเอง พลังลด ร่างกายล้า จนที่สุดแล้ว โปรตุเกส ก็เบียดกำชัยได้อย่างสนุกตื่นเต้น ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

 

 

รอบรองชนะเลิศ
อาร์เจนติน่า – บราซิล
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อาร์เจนติน่า
“ซูเปอร์กลาซิโก้” ฉะกันทีไร โลกต้องหยุดหมุนเพื่อเฝ้ามองเมื่อนั้น และแน่นอนกับคราวนี้ที่มีเดิมพันใหญ่ถึงขั้น “ตั๋วเข้าชิงบอลโลก” ให้ได้แย่งชิง และเกมก็ดุเดือดขั้นสุดจนแทบจะยกพวกตีกันเสียให้รู้ดำรู้แดง ซึ่งสุดท้ายก็เป็น อาร์เจนติน่า ของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ฝากรอยแค้นใหญ่เอาไว้ให้กับ บราซิล ด้วยชัยชนะ–และการได้เข้าชิงฟุตบอลโลก

 

อังกฤษ – โปรตุเกส
ทีมเข้ารอบ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : โปรตุเกส
เกมสุดคู่คี่สูสีในแง่ของศักดิ์ของศรี การปะทะกันของ 2 ทีมหัวแถวทวีปยุโรปที่เคยมีประวัติฟาดฟันกันมาพอท้วมๆ สิ่งที่น่าสนใจคือภายหลัง อังกฤษ ผ่านทีมรองบ่อนอย่าง เซเนกัล และ เม็กซิโก มาได้ ก็ถึงคราวต้องหยุดความฝันเอาไว้เท่านี้เมื่อต้องเจอของแข็งจริงจังอย่างทัพฝอยทอง แต่ว่าเกมลากยาวถึงดวลจุดโทษ และ โปรตุเกส เฉือนหวิว “ทั้งสองทีมจะยิงได้ โดยที่ โปรตุเกส มีโอกาส 56% ในการเข้ารอบ และ อังกฤษ จะเข้าสู่การดวลจุดโทษแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก พวกเขาชนะแค่หนเดียวจากการดวลเป้า 4 ครั้งในฟุตบอลโลก”

 

 

นัดชิงอันดับ 3
บราซิล – อังกฤษ
ผู้ชนะ โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : บราซิล
เกมปลอบใจที่ไม่ใคร่จะมีใครสนใจสักเท่าไร อังกฤษ มาถึงตรงนี้เป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน ภายหลังแพ้ เบลเยียม 0-2 ในนัดชิงที่สามที่รัสเซีย และก็ยังคงซ้ำรอยกับหนนี้ ที่ บราซิล กำชัย ได้เหรียญทองแดงไปครอง

 

 

นัดชิงชนะเลิศ
อาร์เจนติน่า – โปรตุเกส
แชมป์โลก โดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ : อาร์เจนติน่า
สุดยอดเกม “แมตช์ในฝัน” ที่โลกจับตา นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 อันเป็นเกมสั่งลา เวิลด์ คัพ ของ 2 เสือเฒ่า ลิโอเนล เมสซี่ (35) กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (37) ผู้ชนะจะไปถึงฝั่งฝันที่ตามหามานานตลอดเส้นทางอาชีพ และยังจะได้เลิกเล่นไปพร้อมดีกรี “แชมป์โลก” ติดตัว

 

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คำนวณผลเกมชิงดำนัดนี้ออกมาว่า “ยืดเยื้อ” กินกันไม่ลงทั้งใน 90 และ 120 นาที จนสุดท้าย ต้องตัดสินแชมป์กันด้วยการดวลจุดโทษ — ซึ่งไม่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2006 (อิตาลี ชนะดวลเป้าเหนือ ฝรั่งเศส)

 

และผลสุดท้าย… เมสซี่ คือผู้ชนะ อาร์เจนติน่า ผงาดครองแชมป์โลกสมัยที่ 3 และหนแรกนับจากปี 1986

 

ทำนายผลบอลโลกด้วย AI 1986

 

“อันที่จริง การเลือกระหว่าง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ มันก็เหมือนการต้องเลือกระหว่าง โมสาร์ท กับ บีโธเฟ่น หรือไม่ก็ ดา วินชี่ กับ ไมเคิ่ลแอนเจโล่”

 

“แต่ภายหลังการวิเคราะห์และไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เราเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างแห่งฟุตบอลโลก 2022 เสร็จสิ้นลง อาร์เจนติน่า และ ลิโอเนล เมสซี่ จะเป็นผู้ได้ชูถ้วยแชมป์โลกขึ้นที่กาตาร์” BCA Research ทิ้งท้าย

 

ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

 

…ทั้งนี้ทั้งนั้น การคำนวณต่อฟุตบอลโลก 2022 ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ว่า ก็เหมือนเช่นเคยว่าเป็นการวิเคราะห์ด้วยสถิติตัวเลข โดยขาดไปซึ่งสิ่งสำคัญอย่าง “ความพลิกล็อก” และ “เหนือคาด” อันเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลเสมอมา

 

ดังนั้น บทสรุปที่ว่า เมสซี่ จะมาชิงแชมป์โลกกับ โรนัลโด้ และผู้ได้ชูโทรฟี่คือ เมสซี่ และพลพรรคฟ้าขาว ในท้ายที่สุด ก็คงเชื่อถือไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์

 

เอาเป็นว่า อดใจรออีกเดี๋ยว อีกไม่กี่สิบวันก็ได้เห็นของจริง

 

เผลอๆ ทั้ง อาร์เจนติน่า ทั้ง โปรตุเกส อาจตกรอบแรกพร้อมกันทั้งคู่ก็ได้…ใครจะรู้!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
BCA Research
FourFourTwo
DohaNews
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
ShutterStock
Bulgaria Posts English
MassLive
AFP

ทีมชาติโปรตุเกส โผรายชื่อนักเตะ ลุยฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติโปรตุเกส โผรายชื่อนักเตะ ลุยฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทีมชาติโปรตุเกส นำทีมบุกบอลโลก

แบกความหวังชิ้นโตหอบใส่กระเป๋า นำมาโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าเก่าที่คงจะเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งสุดท้าย แต่คำถามสำคัญก็คือ โปรตุเกส จะไปได้ไกลขนาดไหน ที่กาตาร์…

 

ก่อนจะไปลงลึกถึงรายละเอียดและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ก็ดูกันเลยกับโผ 55 นักเตะเบื้องต้น preliminary squad ทีมชาติโปรตุเกส ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ของกุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส ที่เปิดเผยออกมาเมื่อ 23 ตุลาคม ก่อนที่พวกเขาจะตัดตัวให้เหลือไม่เกิน 26 คนสุดท้าย final squad เพื่อส่งรายชื่อให้กับ ฟีฟ่า ภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน

 

รายชื่อนักเตะทีมชาติโปรตุเกส ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
รุย ปาตริซิโอ / อายุ 34 / โรม่า / เล่นทีมชาติ 104 นัด
อันโธนี่ โลเปส / 32 / ลียง / 14
ดีโอโก้ คอสต้า / 23 / ปอร์โต้ / 7
รุย ซิลวา / 28 / เบติส / 1
โชเซ่ ซา / 29 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 0

 

กองหลัง
เปเป้ / 39 / ปอร์โต้ / เล่นทีมชาติ 128 นัด ยิง 7 ประตู
ดานิโล่ เปเรยร่า / 31 / เปแอสเช / 63 – 2
ราฟาแอล เกร์เรยโร่ / 28 / ดอร์ทมุนด์ / 56 – 3
โชเซ่ ฟอนเต้ / 38 / ลีลล์ / 50 – 1
รูเบน ดิอาส / 25 / แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / 39 – 2
ชูเอา กันเซโล่ / 28 / แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / 37 – 7
เซดริก โซอาเรส / 31 / อาร์เซน่อล / 34 – 1
เนลซอน เซเมโด้ / 28 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 24 – 0
นูโน่ เมนเดส / 20 / เปแอสเช / 16 – 0
มาริโอ รุย / 31 / นาโปลี / 12 – 0
ดีโอโก้ ดาโล่ต์ / 23 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 6 – 2
โดมิงกอส ดูอาร์เต้ / 27 / เคตาเฟ่ / 3 – 0
ฟาบิโอ การ์โดโซ่ / 28 / ปอร์โต้ / 0 – 0
ดาวิด การ์โม่ / 23 / ปอร์โต้ / 0 – 0
เธียร์รี่ กอร์เรอา / 23 / บาเลนเซีย / 0 – 0
ติอาโก้ ชาโล่ / 22 / ลีลล์ / 0 – 0
กอนซาโล่ อินาซิโอ / 21 / สปอร์ติ้ง / 0 – 0
ดีโอโก้ เลอิเต้ / 23 / อูนิโอน เบอร์ลิน / 0 – 0
นูโน่ ซานโตส / 27 / สปอร์ติ้ง / 0 – 0
อันโตนิโอ ซิลวา / 18 / เบนฟิก้า / 0 – 0
นูโน่ ตาวาเรส / 22 / มาร์กเซย / 0 – 0

 

กองกลาง
ชูเอา มูตินโญ่ / 36 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 146 – 7
วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ / 30 / เบติส / 75 – 5
แบร์นาร์โด้ ซิลวา / 28 / แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / 72 – 8
ชูเอา มาริโอ / 29 / เบนฟิก้า / 52 – 2
บรูโน่ แฟร์นันเดส / 28 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 48 – 9
เรนาโต้ ซานเชส / 25 / เปแอสเช / 32 – 3
รูเบน เนเวส / 25 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 32 – 0
ชูเอา ปาลินญ่า / 27 / ฟูแล่ม / 15 – 2
แซร์โจ้ โอลิเวียร่า / 30 / กาลาตาซาราย / 13 – 0
มาเตอุส นูเนส / 24 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 9 – 1
โอตาวิโอ / 27 / ปอร์โต้ / 7 – 2
วิตินญ่า / 22 / เปแอสเช / 4 – 0
ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ / 20 / ลิเวอร์พูล / 0 – 0
ฟลอเรนติโน่ หลุยส์ / 23 / เบนฟิก้า / 0 – 0
ฟาบิโอ วิเอร่า / 22 / อาร์เซน่อล / 0 – 0

 

กองหน้า
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ / 37 / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / 191 – 117
อันเดร ซิลวา / 26 / แอร์เบ ไลป์ซิก / 51 – 19
กอนซาโล่ เกเดส / 25 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 32 – 7
ชูเอา เฟลิกซ์ / 22 / แอตเลติโก มาดริด / 23 – 3
ราฟาเอล เลเอา / 23 / เอซี มิลาน / 11 – 0
ฟรานซิสโก้ ตรินเกา / 22 / สปอร์ติ้ง / 7 – 0
ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า / 28 / บราก้า / 5 – 1
เปาลินโญ่ / 29 / สปอร์ติ้ง / 3 – 2
เปโดร กอนซัลเวส / 24 / สปอร์ติ้ง / 2 – 0
ดาเนี่ยล โปเดนเซ่ / 27 / วูล์ฟแฮมป์ตัน / 1 – 0
เบโต้ / 24 / อูดิเนเซ่ / 0 – 0
โชต้า / 23 / เซลติก / 0 – 0
กอนซาโล่ รามอส / 21 / เบนฟิก้า / 0 – 0
วิตินญ่า / 22 / บราก้า / 0 – 0

 

• ภายหลังผ่าน “ยุคมืด” ที่ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกแบบรัวๆ 3 ครั้งซ้อนระหว่างปี 1990-1998 (ทั้งที่ก็มียอดแข้งอย่าง หลุยส์ ฟิโก้, รุย คอสต้า, เจา ปินโต้, แฟร์นันโด เคาโต้, แซร์โจ้ คอนไซเซา, เปาโล ซูซ่า, วิเตอร์ บาย่า ฯลฯ ในทีม) โปรตุเกส ก็พลิกกระดานได้สำเร็จ เข้ารอบสุดท้ายบอลโลกหนนี้เป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน

 

• อย่างไรก็ตาม โปรตุเกส ไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน ผลงานดีสุดยังคงเป็นในฟุตบอลโลก 1966 ที่แดนผู้ดี ซึ่งตำนานอย่าง ยูเซบิโอ พาทีมฝอยทองผยองเดชยึดอันดับ 3

 

• จากนั้นรองลงมาคือเป็นอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2006 อันเป็นการเล่นบอลโลกสมัยแรกของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

 

• จากวันนั้นจนถึงวันนี้ หากไม่เกิดดวงแตกบาดเจ็บในเดือนสุดท้ายก่อน “กาตาร์ 2022” มาถึง โรนัลโด้ ก็จะได้เล่นฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 5 อันเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า อันโตนิโอ การ์บาฮัล (เม็กซิโก), โลธ่าร์ มัทเธอุส (เยอรมนี), ราฟาเอล มาร์เกซ (เม็กซิโก) และรวมถึง ลิโอเนล เมสซี่ คนดีคนเดิมของอาร์เจนติน่า

 

• สมัยที่ 5 และก็น่าจะเป็นสมัยสุดท้ายของ โรนัลโด้ ในวัย 37

 

ทีมชาติโปรตุเกส โผรายชื่อนักเตะ ลุยฟุตบอลโลก 2022• ซึ่งก็แน่นอนว่า แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงมี โรนัลโด้ เป็นคีย์แมนแดนหน้าอยู่ในชุดนี้ แม้ผลงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะค่อนข้างดร็อปในซีซั่นนี้ (ลง 12 ยิง 2) ก็ตาม

 

• โรนัลโด้ จะไม่ถูกคัดทิ้งแน่ เช่นเดียวกับตัวประสบการณ์สูงอย่าง อันเดร ซิลวา, กอนซาโล่ เกเดส หรือ ชูเอา เฟลิกซ์ ไปจนถึง ราฟาเอล เลเอา ที่สร้างชื่อกับ เอซี มิลาน ได้อย่างน่าจับตาตลอดปีหลังๆ แม้จะเพิ่งได้โอกาสรับใช้ทีมชาติไปเพียง 11 เกมก็ตาม

 

• แต่นอกจากกลุ่มข้างต้น บรรดารายชื่อกองหน้าที่เรียกมาในชุดเบื้องต้น รวมถึง 14 ราย อาจมีมากถึงครึ่งที่ถูกคัดทิ้ง โดยเฉพาะพวกดาวรุ่งไม่เคยติดธงมาก่อนเลยอย่าง เบโต้ (24), โชต้า (23), กอนซาโล่ รามอส (21) หรือ วิตินญ่า (22)

 

ทีมชาติโปรตุเกส โผรายชื่อนักเตะ ลุยฟุตบอลโลก 2022• ในราย โชต้า นับเป็นข่าวฮือฮาเล็กๆ ในสื่ออังกฤษ เมื่อ “Jota Out / Jota In” ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าลิเวอร์พูล (เล่นทีมชาติ 29 นัด 10 ประตู) เจ็บหนักพักยาว อดไปช่วย โปรตุเกส เตะบอลโลกหนนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมี ชูเอา เปโดร เนเวส ฟิลิเป้ “โชต้า” ปีกเด็กจาก กลาสโกว์ เซลติก ติดอยู่ในชุดเบื้องต้น ภายหลังยิง 18 ประตูให้ทีมม้าลายเขียวขาว ในระยะหนึ่งซีซั่นครึ่ง

 

• ที่จะถูกคัดทิ้งอีกเพียบเป็นสิบคนคือกลุ่มกองหลัง ที่ แฟร์นันโด ซานโตส เรียกไปอยู่ในชุดเบื้องต้นถึง 21 ราย โดยมี 9 คนในนั้นไม่เคยผ่านประสบการณ์ทีมชาติมาก่อนเลย แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าที่สุดแล้ว ตัวเก๋าๆ ก็ได้ไปกันหมด นำมาโดย เปเป้ ป.ประมุข ที่ปาเข้าไป 39 แล้วยังเตะปากกองหน้าคู่แข่งได้อยู่ เช่นเดียวกับ โชเซ่ ฟอนเต้ ในวัย 38 ที่ก็ยังมีที่ทางในทีมชาติ นอกนั้นตัวดังๆ อย่าง รูเบน ดิอาส, ชูเอา กันเซโล่, ดีโอโก้ ดาโล่ต์, ดานิโล่ เปเรยร่า, มาริโอ รุย ก็จะไม่พลาดแน่

 

ทีมชาติโปรตุเกส โผรายชื่อนักเตะ ลุยฟุตบอลโลก 2022• เด็กสุดในชุดเบื้องต้นนี้ เป็น อันโตนิโอ ซิลวา เซนเตอร์แบ็กวัยเพียง 18 จากเบนฟิก้า ที่เพิ่งขึ้นชุดใหญ่ในซีซั่นนี้ แต่มีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 100 ล้านยูโร และถูกคาดหมายว่าจะเป็นแกนหลักของ โปรตุเกส ในระยะยาว

 

• สำหรับกลุ่มกองกลางโปรตุเกส ก็เป็นชุดเดิมๆ อย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, บรูโน่ แฟร์นันเดส, ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน เนเวส, เรนาโต้ ซานเชส ที่จะได้ไปชัวร์ แต่หนึ่งในจุดที่น่าสนใจคือ มาเตอุส นูเนส ดาวเตะรูปหล่อขวัญใจคนไทย เจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 38 ล้านปอนด์ ยังไม่มีการันตีว่าจะได้ไปฟุตบอลโลกแน่ๆ ภายหลังเพิ่งติดธงไปแค่ 9 นัด และฟอร์มกับทัพหมาป่าหลังย้ายมา ก็ยังไม่น่าประทับใจนัก

 

• ส่วนทาง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เจ้าหนูวัย 20 จากลิเวอร์พูล แม้จะไม่เคยติดธงมาก่อน แต่คาดว่ามีโอกาสได้ไปสูง หลังลงเล่นสม่ำเสมอกับหงส์แดงในตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

• ย้ำอีกทีว่าจากชุดเบื้องต้น 55 คน แฟร์นันโด ซานโตส จะตัดเหลือชุดสุดท้ายไม่เกิน 26 คน ภายใน 10 พ.ย.

 

• ทั้งนี้ โปรตุเกส อยู่ในกลุ่มเอช ร่วมกับของแข็งจากต่างทวีปทั้งสิ้น โดยมีคิวเตะดังนี้
24/11 โปรตุเกส – กาน่า
28/11 โปรตุเกส – อุรุกวัย
02/12 เกาหลีใต้ – โปรตุเกส

 

• ด้วยความที่อยู่ในกลุ่มแข็งพอตัว และไม่เคยเป็นแชมป์โลกมาก่อน ทำให้ โปรตุเกส ไม่ถูกมองว่ามีภาษีดีนักในการผงาดแชมป์สมัยแรกที่กาตาร์ เวลานี้เป็นตัวเต็งลำดับที่ 8-9 เท่านั้น ในราคาประมาณ 15/1 หรือ 16/1

 

• ยิ่งไปกว่านั้น ฟอร์มการเล่นช่วงเดือนหลังๆ ที่วูบลงไป มีหลุดแพ้ทั้ง สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และแพ้ สเปน สกอร์เดียวกันใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ก็ทำให้เป็นงานหนักอึ้งของ โรนัลโด้ และชาวคณะฝอยทอง ไม่น้อยเลย สำหรับความหวังสูงสุดในการผงาดบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรก ภายหลังครองแชมป์ทวีปยุโรป ยูโร 2016 สำเร็จมาแล้วในยุคสมัยของ CR7.

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA
Oddschecker

ภาพประกอบ
AP
Nike
Glasgow Live
FootballTransfers

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : “สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง”

อเล็กซานดาร์ มิโตรวิชช่วยให้ทีมชาติบ้านเกิดเซอร์เบียผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022

อยู่ในฐานะทีมนอกสายตาม้ามืดของฟุตบอลโลก 2022 แต่ เซอร์เบีย จะมีทัวร์นาเมนต์ที่ดีจริงๆ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช เป็นสำคัญ …แต่งานนี้ เจ้าตัวก็มั่นใจว่า “เดี๋ยวเจอแน่!”

 

โด่งดังอย่างเงียบๆ ในฐานะตัวความหวังสูงสุดของ ฟูแล่ม ชนิดยิงถึง 43 ประตูในฤดูกาลก่อน และสานต่อความยอดเยี่ยมด้วยการตะบันในพรีเมียร์ลีกไปแล้วอีกไม่น้อยในซีซั่นนี้

 

สำคัญกว่าฟอร์มระดับสโมสร ก็คือการเป็นดาวยิง “เบอร์ 1” ของชนชาติเซอร์เบีย — อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

ในวัย 28 เจ้าเวหาอย่าง มิโตรวิช กระหน่ำไปแล้ว 50 ประตูในนามทีมชาติ นับเป็นเจ้าของสถิติลั่นไกสูงสุดตลอดกาลของ เซอร์เบีย เหนือกว่าทุกตำนานไม่ว่าจะ สเตปัน โบเบ็ค (38 ประตู), ซาโว มิโลเซวิช (37) หรือ เปแดร๊ก มิยาโตวิช (27)

 

ซึ่งก็พร้อมๆ กับความพีคในชุดเจ้าสัวน้อย มิโตรวิช ยังยิงให้ เซอร์เบีย ไปถึง 8 กับ 6 ลูกใน 2 ปีปฏิทินหลังสุด ช่วยให้ทีมชาติบ้านเกิดครองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 เช่นเดียวกับแชมป์กลุ่มของยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก

 

สิ่งที่น่าจับตาต่อก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 โดยที่ มิโตรวิช มั่นใจว่า สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย กำลังรอให้มาถึงอยู่…ที่กาตาร์!

 

 

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

หลังจากช่วงโควิด-19 ที่ทำให้เกมทีมชาติหายไปนาน มันเป็นความรู้สึกอย่างไรในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิด เพื่อลงซ้อมและลงสนามเล่นให้เซอร์เบีย?
อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช : เป็นเรื่องจริงที่เกมทีมชาติถูกเว้นวรรคเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณเป็นตัวแทนของประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเวลา สถานที่ หรือความรู้สึกของคุณ ก็ล้วนแต่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการได้เล่นให้ทีมชาติ ทุกเกมสำคัญมากไม่ว่าจะเป็นแมตช์กระชับมิตรหรือเกมเป็นทางการ

 

การเล่นให้เซอร์เบีย มีความหมายต่อคุณอย่างไร?
เป็นเกียรติอย่างยิ่งในอาชีพการงานของผม การสวมเสื้อทีมชาติและเป็นตัวแทนประเทศของผมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ถือเป็นเรื่องประเมินค่าไม่ได้ ไม่ใช่แค่ในฟุตบอล แต่ในทุกกีฬา เป็นความพึงพอใจสูงสุดของทุกคนเสมอ สิ่งที่ผมเข้าใจเสมอมาคือ การได้เป็นตัวแทนของประชาชนและได้เล่นเพื่อประเทศของผม ถือเป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

หลังจากได้เล่นและยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปแล้ว การได้กลับไปเล่นอีกครั้งมีความหมายกับคุณมากแค่ไหน?
มันมีความหมายมาก เพราะในฐานะผู้เล่น คุณย่อมต้องการมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่เก่งที่สุดเสมอ ต้องขอบคุณที่ผมได้มีโอกาสเล่นและทำประตูในฟุตบอลโลก เพื่อรับประสบการณ์ที่มากขึ้น ผมคิดว่านักเตะทีมของเราส่วนใหญ่ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว นั่นทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นเราจะเตรียมพร้อมและหวังว่าผลลัพธ์จะดีขึ้น

 

คราวที่แล้วเราโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ฟุตบอลโลก 2018, ชนะ คอสตาริกา 1-0 เกมแรก จากนั้นแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2 และ บราซิล 0-2 จนตกรอบแรก) บางสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง อาจเป็นเพราะเราขาดประสบการณ์ แต่คราวนี้เราพร้อมแล้ว ทั้งนักเตะ ทีมชาติ และคนทั้งประเทศ ทุกคนต่างตื่นเต้นกับฟุตบอลโลกหนนี้

 

จากฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ คุณรู้สึกว่าคุณได้เปลี่ยนไปในฐานะผู้เล่นหรือในฐานะบุคคลหรือไม่อย่างไร?
ใช่ ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไปมาก ผมเติบโตขึ้นในทุกแง่ และเมื่อคุณโตขึ้น วิธีคิดของคุณจะเปลี่ยนไปด้วย ในฐานะผู้เล่น ผมแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ผมใจเย็นขึ้นและเรียนรู้ที่จะเล่นโดยใช้สมองมากขึ้น การแข่องขันแต่ละแมตช์ล้วนให้ประสบการณ์กับคุณ ดังนั้นผมคิดว่าผมเป็นผู้เล่นที่แตกต่างและดีกว่าเมื่อสี่ปีก่อนอย่างแน่นอน

 

ด้วยสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยม คุณมั่นใจแค่ไหนในการไปกาตาร์ในฐานะตัวความหวังของเซอร์เบีย?
ผมรู้สึกมั่นใจมาก มันเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้เล่นทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองหน้า เมื่อคุณอยู่ในสนามและทำประตูได้ คุณก็อยากจะลงเล่นให้ต่อเนื่องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรารู้ว่าฟุตบอลโลกรออยู่ข้างหน้า และยังมีอีกหลายแมตช์ให้เล่นก่อน แต่ผม เพื่อนร่วมทีม และคนทั้งประเทศต่างหฌตั้งตารอการแข่งขัน

 

เราแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้น เรามีกลุ่มที่แข็งแกร่งพร้อมทีมที่แข็งแกร่งและผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นก็คือเหตุผลที่เราเล่นเกมนี้ เราต้องการที่จะอยู่ที่นั่นและแข่งขันกับสิ่งที่ดีที่สุด – เราแทบรอกันไม่ไหวแล้ว ผมมั่นใจมาก ซึ่งผมก็คิดว่าทั้งทีมและคนทั้งประเทศรู้สึกเหมือนกัน

 

คุณเป็นฮีโร่สำหรับประเทศของคุณ และชาวเซอร์เบียก็คาดหวังให้คุณทำประตูอยู่เสมอ มันรู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นไอคอนของทีมแบบนี้?
มันเป็นงานของผม เมื่อผมเล่นให้กับทีมชาติ เล่นให้ฟูแล่ม หรือที่อื่นๆ ผู้คนต่างก็คาดหวังให้ผมทำประตู มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ คุณอยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายเมื่อคุณเป็นกองหน้า คุณไม่สามารถเล่นได้ดีเสมอไป แต่คุณต้องยิงประตูให้ได้ ความกดดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากการที่ต้องทำประตูให้ได้ทุกนัด เพียงแต่ตลอดอาชีพการงานของผม ผมก็เคยชินกับสิ่งเหล่านี้ดี

 

ผมชอบความกดดัน และสิ่งที่ผมสามารถทำได้กับมัน ผมชอบทำคะแนนและรู้สึกกดดันบนไหล่ของผม ผมรู้ว่าทุกคนคาดหวังอะไรจากผม ความรู้สึกที่ดีที่สุดคือเมื่อทุกคนมีความสุขเพราะสิ่งที่คุณทำ ผมชอบที่จะทำประตูและผมชอบที่ทุกคนคาดหวังให้ผมทำประตู เพราะนั่นแปลว่าผมเก่งในสิ่งนี้

 

ในความเห็นของคุณ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกครั้งนี้ของเซอร์เบีย คืออะไร?
มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากมาย และช่วงเวลาที่ยากลำบาก ช่วงที่สำคัญ ทุกแมตช์มีความซับซ้อนในแบบของตัวเอง แม้แต่แมตช์กับทีมเล็กๆ เช่นกับ ลักเซมเบิร์ก หรือคู่ต่อสู้ที่คล้ายคลึงกัน แมตช์ประเภทนี้มีความสำคัญไม่น้อย เนื่องจากคุณต้องการแรงจูงใจพิเศษ แมตช์ที่มีความต้องการน้อยกว่าคือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนั่นคือสิ่งที่ทีมมักจะทำพลาด โดยไม่มีข้อแก้ตัว

 

เรามักพลาดในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ด้วยเหตุนี้ เกมกับ อาเซอร์ไบจาน และ ลักเซมเบิร์ก ล้วนมีความสำคัญต่อการคัดเลือกไปเล่นที่กาตาร์ แน่นอนว่าการเอาชนะ โปรตุเกส ก็สำคัญเช่นกัน แต่ในเกมอย่างการเจอ ไอร์แลนด์ เดิมพันมันสูงมาก และความกดดันก็สูงเช่นกัน แต่บางทีมันก็เล่นง่ายกว่าเกมกับทีมเล็ก นั่นก็คือทุกนัดมีความยากซ่อนอยู่ และทุกชัยชนะต่างก็มีความสำคัญ

 

การมีทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะประสบการณ์สูง และผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ มาแล้วนั้น มีความสำคัญเพียงใด?
ผมคิดว่ามันเป็นข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมเลย เพราะเราทุกคนผ่านการคัดเลือกช่วงแรกมาแล้ว เราเล่นด้วยกันมานาน นั่นคือสิ่งสำคัญ และเราได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ผู้เล่นของเราหลายคนโตมาด้วยกันจริงๆ เรารู้จักกันเป็นอย่างดี และสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเพื่อนร่วมทีมของคุณ เรารู้ว่าเราคิดอย่างไร เราไม่ต้องใช้เวลามากในการเริ่มเล่นด้วยกันเป็นทีม และเป็นสิ่งสำคัญในทีมชาติสำหรับผู้เล่นที่จะรู้ว่าทุกคนเล่นและคิดอย่างไร

 

เรามั่นใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง เราอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของเรา เราทุกคนหวังว่าเราจะอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อที่จะได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่รออยู่ข้างหน้า เหมือนที่เราทำได้ในเกมกับโปรตุเกส โชคดีที่เรามีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่เราก็มั่นใจว่าเราสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้จริงๆ

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

มิโตรวิชกับฟุตบอลโลก 2022 : "สิ่งที่ดีที่สุดของ เซอร์เบีย ยังมาไม่ถึง"

ถึงเวลา “พลิกชะตา” ของเซอร์เบีย?
ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาหลายต่อหลายครั้ง จาก ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย จนมาเป็น เซอร์เบีย ในวันนี้ ซึ่งอันที่จริง พวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ครั้งแรกสุด 1930 ทีเดียว เพียงแต่ก็ล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นว่าตกรอบคัดเลือกอยู่เรื่อยๆ

 

ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย / Kingdom of Yugoslavia
1930 อันดับ 4
1934 ตกรอบคัดเลือก
1938 ตกรอบคัดเลือก
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย / SFR Yugoslavia
1950 รอบแรก
1954 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
1958 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
1962 อันดับ 4
1966 ตกรอบคัดเลือก
1970 ตกรอบคัดเลือก
1974 รอบสอง
1978 ตกรอบคัดเลือก
1982 รอบแรก
1986 ตกรอบคัดเลือก
1990 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย / FR Yugoslavia
1994 ติดโทษแบน
1998 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
2002 ตกรอบคัดเลือก
เซอร์เบีย-มอนเตเนโกร / Serbia and Montenegro
2006 รอบแรก
เซอร์เบีย / Republic of Serbia
2010 รอบแรก
2014 ตกรอบคัดเลือก
2018 รอบแรก

 

ในฐานะ เซอร์เบีย หรือ Republic of Serbia ที่เริ่มตั้งแต่ 2010 เป็นต้นมา พวกเขายังไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบแรกมาก่อน เมื่อแม้จะชนะได้ 1 เกมในรอบแรกแต่ละครั้ง แต่ก็ดันแพ้ซะ 2 เกมในแต่ละทัวร์นาเมนต์เช่นกัน

 

จนมายังฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ถือว่าทีมของ ดราแกน สตอยโควิช (ยูโกฯ 1983-2001, เคยคุม นาโงย่า แกรมปัส และ กว่างโจว อาร์&เอฟ) ที่มีขุนพลเอกอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, ดูซาน วลาโฮวิช, ลูก้า โยวิช, ดูซาน ทาดิช, ฟิลิป คอสติช, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช มาดีอย่างน่าแปลกใจ ในรอบคัดเลือกพวกเขาไม่แพ้ใครเลย ชนะ 6 เสมอ 2 โกยเข้ากระเป๋า 20 แต้ม เป็นแชมป์กลุ่มเอเหนือ โปรตุเกส พร้อมกับเขี่ย ไอร์แลนด์ ร่วงคัดเลือกไปอีกสมัย

 

ประเด็นสำคัญคือการเปิดบ้านเสมอ โปรตุเกส 2-2 ภายหลังโดนนำ 2-0 ในครึ่งชั่วโมงแรก จากนั้นก็บุกไปสยบ โปรตุเกส ถึงลิสบอน ในเกมปิดกลุ่ม 2-1 อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (ดาวซัลโวสูงสุด 8 ประตู) สังหารประตูชัยในนาทีสุดท้าย

 

มาตรฐานที่ยอดเยี่ยมของทัพ “ดิ อีเกิ้ลส์” ยังยืนระยะต่อมาใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ที่ เซอร์เบีย ผงาดครองแชมป์กลุ่ม 4 ลีกบี เหนือ นอร์เวย์, สโลวีเนีย และ สวีเดน

 

ก็พร้อมๆ กันกับความตกต่ำเหลือเชื่อของ สวีเดน (จมบ๊วย ร่วงตกชั้นสู่ลีกซี) และความเก่งกาจที่ยังไม่มากพอของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ กับพรรคพวก เป็นทาง เซอร์เบีย นี่เองที่เข้าป้ายเถลิงแชมป์กลุ่ม และได้เลื่อนชั้นไปเล่นในลีกเอ ร่วมกับยักษ์ใหญ่ร่วมทวีปทั้งหลายแหล่

 

แน่นอน เมื่อ “ทรง” มาดีๆ แบบนี้ เซอร์เบีย จึงถูกมองว่ามีสิทธิ์สร้างผลงานดีๆ ได้ในเวิลด์คัพงวดนี้ — ต่างไปจากหนก่อนๆ

 

แต่แรกสุดก็คือ ต้องผ่านรอบแรกไปให้ได้เสียก่อน

 

สำหรับที่กาตาร์ พวกเขาได้อยู่กลุ่มจีร่วมกับแชมป์โลก 5 สมัย/ตัวเก็งเต็งแชมป์อย่าง บราซิล พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทวีป สวิตเซอร์แลนด์ และทีมหัวแถวของแอฟริกาอย่าง แคเมอรูน

 

24 พ.ย. บราซิล v เซอร์เบีย
28 พ.ย. แคเมอรูน v เซอร์เบีย
2 ธ.ค. เซอร์เบีย v สวิตเซอร์แลนด์

 

แน่อยู่แล้วว่าในหน้ากระดาษ เซอร์เบีย เป็นรอง บราซิล พอตัว เพียงแต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า เมื่อเจอกันจริงๆ ในสนามแล้ว จะห่างกันอย่างที่ใครคาดไว้หรือเปล่า — เพียงแต่ก็อย่าลืมว่า ลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช เล่นงานได้ทุกทีมในโลก ไม่เว้นแต่ บราซิล ที่จะมี ติอาโก้ ซิลวา กับ มาร์กินญอส คอยตั้งรับ

 

แล้วหากแม้ว่าจะพ่าย บราซิล ในเกมแรก เซอร์เบีย ก็ยังจะมีโอกาสแก้มือในสองเกมถัดไปกับ แคเมอรูน และ สวิตเซอร์แลนด์ (อริเก่ามีความหลังกันมาจากบอลโลกหนก่อน เซอร์ดาน ชากิรี่ ลั่นไกสยบ เซอร์เบีย 2-1 นาทีสุดท้าย) อยู่

 

ดังนั้นนั่นหมายถึงว่า เซอร์เบีย มีโอกาสไปต่อรอบน็อกเอาต์อยู่ไม่น้อย เมื่อมองจากตรงนี้

 

อดใจรอไม่กี่วัน ก็ได้เห็นกันแล้วว่า เซอร์เบีย จะเป็นม้ามืดตัวจริงของรายการ หรือทำตัวน่าผิดหวังเข้าอีหรอบเดิม…

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Norway Posts English
Sportstar
MARCA

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

6 ชาติเผยรายชื่อ “ชุดเบื้องต้น” ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นตรียมตัดตัวชุดสุดท้ายลุยฟุตบอลโลก 2022

หนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนนกหวีดแรกแห่งฟุตบอลโลก 2022 จะดังขึ้น นั่นหมายถึงการเตรียมความพร้อมทุกอย่างกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายเต็มทีแล้ว นั่นรวมถึงการประกาศรายชื่อนักเตะเบื้องต้น เพื่อเตรียมตัดตัวชุดสุดท้ายลุยกาตาร์ด้วย

 

โดยไม่ต้องปล่อยให้ใครเผลอ วันเวลาก็พาเรามาใกล้กับ ฟุตบอลโลก 2022 เต็มแก่ ชนิดที่เหลืออีกเพียง 4 สุดสัปดาห์เท่านั้น เป็นอันจบ — จบเวลาของบอลลีก และเริ่มต้น เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ อย่างเป็นทางการ

 

แน่นอน ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ ยิ่งต้องจับตากันมากขึ้นกับทุกแมตช์ของบอลลีก (และถ้วยยุโรป) ที่ผ่านไป จะมีใครที่ “ดวงแตก” บาดเจ็บขึ้นมาจนอดไปฟุตบอลโลกบ้าง

 

และถึงตรงนี้–หนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนบอลโลก–ก็เริ่มมีบางชาติสมาชิกรอบสุดท้าย ที่เปิดเผยรายชื่อนักเตะลุยกาตาร์ “ชุดเบื้องต้น” (provisional squad) ออกมาแล้ว

 

สำหรับชุดเบื้องต้น เป็นเรื่องของแต่ละชาติ แต่ละสมาคม ที่จะกำหนดตัวเลขออกมาเอง อยาก 30, 40 หรือ 50 ก็ได้หมด (สูงสุด 55)

 

แต่จากนั้น ทุกชาติจะต้องทำการตัดตัว และส่งรายชื่อชุดสุดท้าย (final squad) 23-26 นักเตะให้กับ ฟีฟ่า ภายในวันที่ 13 พฤศจิกายน

 

ส่วนเมื่อส่งรายชื่อชุดสุดท้ายแล้ว จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในกรณีมีตัวเจ็บเพิ่มหรือติดโควิด-19 ก็ต้องทำก่อนลงสนามนัดแรก (ของตัวเอง) 24 ชั่วโมง เท่านั้น.

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

 

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ : กลุ่มเอ
กุนซือ : หลุยส์ ฟาน กัล (เนเธอร์แลนด์)
ไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์นักกับรายชื่อแข้ง 39 รายเบื้องต้นของทัพกังหันลม เนเธอร์แลนด์ ที่จารย์ปู่ หลุยส์ ฟาน กัล ประกาศออกมา โดยบรรดาแกนหลักที่ใช้ตลอดหลายเดือนหลัง ล้วนแต่มาครบ

 

อัศวินสีส้ม นำมาโดยกัปตัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เช่นเดียวกับ มัทไธส์ เดอ ลิกท์, เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์, ดอนเยลล์ มาเลน, โคดี้ กัคโป หรือ วินเซนต์ ยานส์เซ่น ที่กลับมาอยู่ในสารบบอีกครั้ง

 

ตัวที่ติดไม่ถือว่าน่าเซอร์ไพรส์ แต่ตัวที่หลุดโผ อดไปบอลโลกนี่สิ เอามาเขียนเป็นหนึ่งคอลัมน์ได้ง่ายๆ เลยไม่ว่าจะ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ที่บาดเจ็บ, ฮันส์ ฮาเตบัวร์ ของอตาลันต้า, ริค คาร์สดอร์ป ของโรม่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค จอมอาภัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะได้แค่ดูบอลโลกผ่านจอทีวีเท่านั้น

 

รายชื่อนักเตะเนเธอร์แลนด์ ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
ยาสเปอร์ ชิลเลสเซ่น (33) เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น (เล่นทีมชาติ 63 นัด)
ยุสติน ไบจ์โลว์ (24) เฟเยนูร์ด (6)
มาร์ค เฟล็คเค่น (29) ไฟรบวร์ก (4)
เรมโก้ พาสเฟียร์ (38) อาแจ็กซ์ (2)
อันเดรียส น็อพเพิร์ต (28) ฮีเรนวีน (0)

 

กองหลัง
ดาลี่ย์ บลินด์ (32) อาแจ็กซ์ (เล่นทีมชาติ 94 นัด 2 ประตู)
สเตฟาน เดอ ฟราย (30) อินเตอร์ มิลาน (59 / 3)
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (31) ลิเวอร์พูล (49 / 6)
มัทไธส์ เดอ ลิกท์ (23) บาเยิร์น มิวนิค (38 / 2)
เดนเซล ดุมฟรีส์ (26) อินเตอร์ มิลาน (37 / 5)
นาธาน อาเก้ (27) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (29 / 3)
ยูร์เรียน ทิมเบอร์ (21) อาแจ็กซ์ (10 / 0)
ไทเรลล์ มาลาเซีย (23) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (6 / 0)
เดวีน เรนช์ (19) อาแจ็กซ์ (1 / 0)
มิตเชล บาคเกอร์ (22) เลเวอร์คูเซ่น (0 / 0)
สเวน บ็อตมัน (22) นิวคาสเซิ่ล (0 / 0)
เยเรมี่ ฟริมปง (21), เลเวอร์คูเซ่น (0 / 0)
ปาสกาล สไตรค์ (23) ลีดส์ (0 / 0)
มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน (21) โวล์ฟสบวร์ก (0 / 0)

 

กองกลาง
เฟรงกี้ เดอ ยอง (25) บาร์เซโลน่า (45 / 1)
สตีเฟ่น แบร์กฮุยส์ (30) อาแจ็กซ์ (39 / 2)
ดาวี่ คลาสเซ่น (29) อาแจ็กซ์ (35 / 9)
มาร์เท่น เดอ รอน (31) อตาลันต้า (30 / 0)
ยอร์ดี้ คลาซี่ (31) อาแซด อัล์คมาร์ (17 / 0)
ไรอัน กราเฟนเบิร์ก (20) บาเยิร์น มิวนิค (11 / 1)
เทน คูปไมเนอร์ส (24) อตาลันต้า (10 / 1)
กุส ทิล (24) พีเอสวี (5 / 1)
เคนเน็ธ เทย์เลอร์ (20) อาแจ็กซ์ (2 / 0)
ชาบี ซิมอนส์ (19) พีเอสวี (0 / 0)

 

กองหน้า
เมมฟิส เดอปาย (28) บาร์เซโลน่า (81 / 42)
ลุค เดอ ยอง (32) พีเอสวี (38 / 8)
สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (25) อาแจ็กซ์ (24 / 7)
วินเซนต์ ยานส์เซ่น (28) รอยัล อันท์เวิร์ป (20 / 7)
ดอนเยลล์ มาเลน (23) ดอร์ทมุนด์ (19 / 4)
วู้ท เวกอร์สท์ (30) เบซิคตัส (15 / 3)
โคดี้ กัคโป (23) พีเอสวี (9 / 3)
อาร์โนต์ ดันยูม่า (25) บียาร์เรอัล (6 / 2)
โนอา ลัง (23) คลับ บรูช (5 / 1)
ไบรอัน บร๊อบบี้ย์ (20) อาแจ็กซ์ (0 / 0)

 

หลุดโผ
ทิม ครูล (นอริช), โยเอล เฟลท์มัน (ไบรท์ตัน), พาทริค ฟาน อานโฮลท์ (กาลาตาซาราย), บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ (อาแซด), ฮันส์ ฮาเตบัวร์ (อตาลันต้า), โอเว่น วินจ์ดัล (อาแจ็กซ์), ริค คาร์สดอร์ป (โรม่า), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (โรม่า), ควินซี่ โพรเมส (สปาร์ตัก มอสโก), ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

กาตาร์ : กลุ่มเอ
กุนซือ : เฟลิกซ์ ซานเชซ (สเปน)
ชาติเจ้าภาพในการนำทัพของกุนซือสแปนิช เฟลิกซ์ ซานเชซ มีกลุ่มนักเตะที่ชัดเจนเป็นแกนมาตลอดนานนับปี และชุดเบื้องต้น 30 คนที่เผยไว้แล้ว ก็เป็นหน้าเดิมๆ แทบทั้งสิ้น โดยพวกเขาจะไปเข้าแคมป์เก็บตัวกันที่ประเทศสเปนและออสเตรีย ก่อนตัดชื่อสี่ซ้าห้าคนออกไป ก่อนยื่นให้ฟีฟ่า

 

รายชื่อนักเตะกาตาร์ ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
ชาอัด อัล ชีเอ็บ (32) อัล-ซาดด์ (75)
เมชาล บาร์ชัม (24) อัล-ซาดด์ (13)
ยูเซฟ ฮัสซัน (26) อัล-การาฟา (7)
ซาลาห์ ซากาเรีย (23) อัล-ดูฮาอิล (1)

 

กองหลัง
อับเดลการิม ฮัสซัน (29) อัล-ซาดด์ (125 /15)
บูอาเล็ม คูคี่ (32) อัล-ซาดด์ (100 / 20)
เปโดร มิเกล กอร์เรอา “โร-โร” (32) อัล-ซาดด์ (79 / 1)
ทาเร็ค ซัลมาน (24) อัล-ซาดด์ (58 / 0)
บัสซัม อัล-ราวี (24) อัล-ดูฮาอิล (53 / 2)
มูซับ เคเดอร์ (29) อัล-ซาดด์ (29 / 0)
โฮมัม อาห์เหม็ด (23) อัล-การาฟา (27 / 2)
โมฮัมหมัด อีหมัด (21) อัล-วาครา (0 / 0)
ยัสเซ็ม กาเบอร์ (20) อัล-อาราบี (0 / 0)

 

กองกลาง
คาริม บูเดียฟ (32) อัล-ดูฮาอิล (111 / 5)
อับดุลลาซิช ฮาเต็ม (31) อัล-รายยาน (98 / 11)
อาลี อัสซาดัลลา (29) อัล-ซาดด์ (58 / 12)
โมฮัมเหม็ด วาอัด (23) อัล-ซาดด์ (20 / 0)
อับเดลราห์มัน มุสตาฟา (25) อัล-ดูฮาอิล (4 / 0)
โอซาม่า อัล-ไทรี (20) อัล-รายยาน (0 / 0)
อาห์เหม็ด ฟาเดล (29) อัล-วาครา (0 / 0)
มอสตาฟา ทาเร็ค (21) อัล-ซาดด์ (0 / 0)

 

กองหน้า
ฮัสซัน อัล-ไฮดอส (31) อัล-ซาดด์ (165 / 34)
อัคราม อาฟิฟ (25) อัล-ซาดด์ (86 / 26)
อัลโมเอซ อาลี (26) อัล-ดูฮาอิล (76 / 39)
อิสมาอีล โมฮัมหมัด (32) อัล-ดูฮาอิล (68 / 4)
โมฮัมเหม็ด มุนตารี่ (28) อัล-ดูฮาอิล (47 / 13)
อาห์เหม็ด อลาเอลดิน (29) อัล-การาฟา (46 / 1)
ยูซุฟ อับดูริซัก (23) อัล-ซาดด์ (7 / 1)
คาลิด มูเนียร์ (23) อัล-วาครา (2 / 0)
นาอิฟ อัล-ฮาดรามี่ (21) อัล-รายยาน (2 / 0)

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า : กลุ่มซี
กุนซือ : ลิโอเนล สคาโลนี่ (อาร์เจนติน่า)
ประกาศโครมมาตับใหญ่ 40 ราย นั่นจึงหมายถึงว่า ลิโอเนล สคาโลนี่ มีงานที่ต้องทำเยอะทีเดียวสำหรับการคัดเข้าคัดออก ให้เหลือไม่เกิน 26 คนในชุดสุดท้ายสำหรับลุยฟุตบอลโลก 2022

 

ฟ้าขาว นำมาโดย ลิโอเนล เมสซี่ แน่นอนอยู่แล้ว และซูเปอร์สตาร์รายอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายติดธงตลอดช่วงหลังก็ไม่หายไปไหน อันรวมถึง เปาโล ดีบาล่า ที่ล่าสุดล้มเจ็บไปกับ โรม่า ก็ยังได้โอกาสจาก สคาโลนี่ อยู่–ด้วยมองแง่ดีว่าจะฟิตทันรอบสุดท้าย

 

สำหรับตัวหลุดโผ อาจมีชื่อดังพอตัวอย่าง มานูเอล ลันซินี่ ของเวสต์แฮม หรือ โรแบร์โต้ เปเรยร่า ของอูดิเนเซ่ จนถึง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ถือว่าน่าแปลกใจนัก เมื่อตัวเลือกดีๆ ในชั่วโมงนี้ของอาร์เจนติน่า มีเยอะแบบไหล่ชนไหล่ทีเดียว

 

รายชื่อนักเตะอาร์เจนติน่า ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (30) แอสตัน วิลล่า (18)
ฟรังโก้ อาร์มานี่ (36) ริเวอร์เพลท (18)
อกุสติน มาร์เคซิน (34) เซลต้า บีโก้ (8)
เคโรนิโม่ รุลลี่ (30) บียาร์เรอัล (4)
ฮวน มุสโซ่ (28) อตาลันต้า (2)

 

กองหลัง
นิโกลัส โอตาเมนดี้ (34) เบนฟิก้า (92 / 4)
มาร์กอส อคุนย่า (30) เซบีย่า (42 / 0)
นิโกลัส ตายาฟิโก้ (30) โอลิมปิก ลียง (42 / 0)
เคร์มัน เปซเซลล่า (31) เรอัล เบติส (31 / 2)
นาอูเอล โมลิน่า (24) แอตเลติโก มาดริด (19 / 0)
กอนซาโล่ มอนเทียล (25) เซบีย่า (17 / 0)
ฮวน ฟอยธ์ (24) บียาร์เรอัล (15 / 0)
คริสเตียน โรเมโร่ (24) สเปอร์ส (12 / 1)
ลูคัส มาร์ติเนซ กวาร์ต้า (26) ฟิออเรนติน่า (11 / 0)
ลิซานโดร มาร์ติเนซ (24) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (9 / 0)
ฟาคุนโด้ เมดิน่า (23) ล็องส์ (2 / 0)
มาร์กอส เซเนซี่ (25) บอร์นมัธ (1 / 0)
นาอูเอน เปเรซ (22) อูดิเนเซ่ (1 / 0)

 

กองกลาง
อังเคล ดิ มาเรีย (34) ยูเวนตุส (123 / 25)
เลอันโดร ปาเรเดส (28) ยูเวนตุส (45 / 4)
โรดริโก้ เด ปอล (28) แอตเลติโก มาดริด (43 / 2)
โจวานี่ โล เซลโซ่ (26) บียาร์เรอัล (41 / 2)
กีโด้ โรดริเกซ (28) เรอัล เบติส (25 / 1)
นิโกลัส กอนซาเลซ (24) ฟิออเรนติน่า (21 / 3)
เอเซเกล ปาลาซิออส (24) เลเวอร์คูเซ่น (20 / 0)
อเลฮานโดร โกเมซ (34) เซบีย่า (15 / 3)
นิโกลัส โดมิงเกซ (24) โบโลญญ่า (11 / 1)
ลูคัส โอคัมโปส (28) อาแจ็กซ์ (10 / 2)
อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ (23) ไบรท์ตัน (7 / 0)
เอ็นโซ่ เฟร์นันเดซ (21) เบนฟิก้า (2 / 0)
เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย (25) แอสตัน วิลล่า (1 / 0)
ติอาโก้ อัลมาด้า (21) แอตแลนต้า ยูไนเต็ด (1 / 0)

 

กองหน้า
ลิโอเนล เมสซี่ (35) เปแอสเช (164 / 90)
เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (25) อินเตอร์ มิลาน (40 / 21)
เปาโล ดีบาล่า (28) โรม่า (34 / 3)
อังเคล กอร์เรอา (27) แอตเลติโก มาดริด (22 / 3)
ฮัวกิน กอร์เรอา (28) อินเตอร์ มิลาน (18 / 3)
ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (22) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (11 / 2)
ลูคัส อลาริโอ (30) แฟร้งค์เฟิร์ต (9 / 3)
โจวานนี่ ซิเมโอเน่ (27) นาโปลี (5 / 1)

 

หลุดโผ
เอสเตบัน อันดราดร้า (มอนเตอร์เรย์), มานูเอล ลันซินี่ (เวสต์แฮม), โรแบร์โต้ เปเรยร่า (อูดิเนเซ่), มักซิมิเลียโน่ เมซ่า (มอนเตอร์เรย์), คริสเตียน เมดิน่า (โบคา จูเนียร์ส), อเลฮานโดร การ์นาโช่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ลูคัส โบเย่ (เอลเช่)

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

โปแลนด์ : กลุ่มซี
กุนซือ : เชสลาฟ มิชนีวิซ (โปแลนด์)
ไม่พลาดอยู่แล้วสำหรับตัวความหวังอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยอดดาวยิงบาร์เซโลน่า หรือตัวความหวังเบอร์รองอย่าง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (ยูเวนตุส) และ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค (ซาแลร์นิตาน่า) ที่จะมีชื่อติดทีมทั้งในชุดเบื้องต้น 47 คน และชุดสุดท้ายไปบอลโลก

 

และที่จริงแล้ว ชุดสุดท้ายของ โปแลนด์ ก็คาดเดาไม่ยากนัก ว่าบรรดานักเตะที่ติดธงมาแค่สี่ซ้าห้านัด (อยู่ในทีมชุดเบื้องต้นนับสิบราย) จะถูกคัดออก การเรียกตัวพวกนี้มาติดทีมชุดเบื้องต้น ก็เผื่อว่าจะได้มาเรียนงานก่อนเรียกใช้มากขึ้นไปในอนาคต

 

รายชื่อนักเตะโปแลนด์ ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
วอยเชียค เชสนี่ (32) ยูเวนตุส (66)
ลูคัส สโครุปสกี้ (31) โบโลญญ่า (7)
บาร์ทโลเมียจ ดราคอฟสกี้ (25) สเปเซีย (2)
คามิล กราบาร่า (23) โคเปนเฮเก้น (1)
ราโดสลาฟ มาเย็คกี้ (22) แซร์เคิล บรูช (1)

 

กองหลัง
คามิล กลิค (34) เบเนเวนโต้ (98 / 6)
บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้ (30) ซามพ์โดเรีย (45 / 0)
ยาน เบ๊ดนาเร็ค (26) แอสตัน วิลล่า (44 / 1)
อาร์ตูร์ เยเดอซีร์เซียค (34) ลีเกีย วอร์ซอว์ (40 / 3)
โทมัสซ์ เคดซิโอร่า (28) ดินาโม เคียฟ (26 / 1)
อาร์คาดิอุสซ์ เรก้า (27) สเปเซีย (15 / 0)
ทิโมเตอุส ปูชาซ (23) อูนิโอน เบอร์ลิน (12 / 0)
พาเวล ดาวิโดวิซ (27) เวโรน่า (8 / 0)
แม็ตตี้ แคช (25) แอสตัน วิลล่า (7 / 1)
มิชาล เฮลิค (27) ฮัดเดอร์สฟิลด์ (7 / 0)
นิโกล่า ซาเลฟสกี้ (20) โรม่า (7 / 0)
โรเบิร์ต กุมมี่ (24) เอาก์สบวร์ก (4 / 0)
ยาคุบ คีวิออร์ (22) สเปเซีย (4 / 0 )
มิชาล คาร์บอฟนิค (21) ดุสเซลดอร์ฟ (3 / 0)
พาเวล บอชนีวิซ (26) ฮีเรนวีน (2 / 0)
มาเตอุสซ์ วีเตสก้า (25) แกลร์กมงต์ ฟุต (1 / 0)
พาทริค คุน (27) ราคอฟ (0 / 0)
มาอิค นาฟร็อคกี้ (21) ลีเกีย วอร์ซอว์ (0 / 0)

 

กองกลาง
เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค (32) อัล-ชาบับ (93 / 5)
คามิล โกรซิคกี้ (34) โปกอน (86 / 17)
ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ (28) นาโปลี (74 / 9)
คาโรล ลิเน็ตตี้ (27) โตริโน่ (42 / 5)
มาเตอุสซ์ คลิช (32) ลีดส์ (41 / 2)
เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ (27) ล็องส์ (25 / 1)
คามิล ยอซเวียค (24) ชาร์ล็อตต์ (22 / 3)
ยาเซ็ค โกรัลสกี้ (30) โบคุ่ม (21 / 1)
เซบาสเตียน ซีมานสกี้ (23) เฟเยนูร์ด (17 / 1)
ดาเมียน ซีมานสกี้ (27) เออีเค เอเธนส์ (8 / 1)
คาสเปอร์ คอซลอฟสกี้ (19) วิเทสส์ (6 / 0)
ซีมอน ซูร์คอฟสกี้ (25) ฟิออเรนติน่า (6 / 0)
คริสเตียน บีลิค (24) เบอร์มิงแฮม (5 / 0)
ยาคุบ คามินสกี้ (20) โวล์ฟสบวร์ก (3 / 1)
มาเตอุสซ์ เลคอฟสกี้ (19) โปกอน (1 / 0)
มิชาล สโคราส (22) เลซ พอซนาน (1 / 0)
พาทริค ซีเซ็ค (24) เพียสท์ กลีวิซ (0 / 0)
ยาคุบ ปิโอตรอฟสกี้ (25) ลูโดโกเร็ตส์ (0 / 0)

 

กองหน้า
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (34) บาร์เซโลน่า (134 / 76)
อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (28) ยูเวนตุส (63 / 16)
คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค (27) ซาแลร์นิตาน่า (24 / 10)
คาโรล ซวิเดอร์สกี้ (25) ชาร์ล็อตต์ (17 / 8)
อดัม บุคซ่า (26) ล็องส์ (9 / 5)
ดาวิด คอฟนัคกี้ (25) ดุสเซลดอร์ฟ (7 / 1)

 

หลุดโผ
มาร์ซิน คามินสกี้ (ชาลเก้), เซบาสเตียน วาลูคีวิซ (เอ็มโปลี), บาร์ตอสซ์ ซาลามอน (เลซ พอซนัน), เพอร์เซมีสลาฟ พลาเชต้า (เบอร์มิงแฮม), ยาคุบ โมเดอร์ (ไบรท์ตัน)

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดี อาระเบีย : กลุ่มซี
กุนซือ : แอร์กเว เรอนาร์ (ฝรั่งเศส)
หนึ่งในทีมแข็งของทวีปเอเชีย แอบลุ้นเข้ารอบได้อยู่เหมือนกันกับการได้อยู่ร่วมกลุ่มกับ โปแลนด์ และ เม็กซิโก ส่วน อาร์เจนติน่า ยกขึ้นหิ้งไปก่อนทีมหนึ่งก็ได้

 

ในการเผยชื่อชุดเบื้องต้น 33 คนของ แอร์กเว เรอนาร์ อดีตนายใหญ่โมร็อกโก-ไอวอรี่โคสต์-แซมเบีย ฯลฯ ทั้งหมดก็เป็นชุดที่ใช้ตลอดช่วงหลัง ซึ่งไม่ว่าใครจะหลุดหรือติดไปรอบสุดท้าย คุณภาพก็อาจไม่แตกต่างกันนัก

 

รายชื่อนักเตะซาอุฯ ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
โมฮัมเหม็ด อัล-โอไวส์ (31) อัล-ฮิลาล (37)
ฟาวาซ อับ-การ์นี่ (30) อัล-ชาบาบ (10)
โมฮัมเหม็ด อัล รูบาอี (25) อัล-อาห์ลี (6)
นาวาฟ อัล-อาคิดี้ (22) อัล-นาสเซอร์ (0)

 

กองหลัง
ยาสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่ (30) อัล-ฮิลาล (70 / 2)
โมฮัมเหม็ด อัล-เบรอิค (30) อัล-ฮิลาล (35 / 1)
อาลี อัล-บูไลฮี (32) อัล-ฮิลาล (32 / 0)
ซุลตาน อัล-กานัม (28) อัล-นาสเซอร์ (23 / 0)
ซาอุด อับดุลฮามิด (23) อัล-ฮิลาล (17 / 0)
อับดุลเลลาห์ อัล-อัมรี (25) อัล-นาสเซอร์ (14 / 1)
ฮัสซัน ทัมบัคตี (23) อัล-ชาบาบ (14 / 0)
อับดุลลาห์ มาดู (29) อัล-นาสเซอร์ (12 / 0)
อาห์เหม็ด บัมซาอุด (26) อัล-อิตติฮัด (1 / 0)

 

กองกลาง
ฟาฮัด อัล-มูวาลัด (28) อัล-ชาบาบ (71 / 17)
ซัลมาน อัล-ฟาราจ (33) อัล-ฮิลาล (68 / 8)
ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี (31) อัล-ฮิลาล (66 / 17)
นาวาฟ อัล-อาเบ็ด (32) อัล-ชาบาบ (50 / 8)
อับดุลลาห์ โอตาฟ (30) อัล-ฮิลาล (44 / 1)
ฮัตตัน บาเฮบรี (30) อัล-ชาบาบ (37 / 4)
โมฮาเหม็ด คันโน (28) อัล-ฮิลาล (33 / 1)
อับดุลเลลาห์ อัล-มัลกี (28) อัล-ฮิลาล (21 / 0)
ซามี อัล-นาเจ (25) อัล-นาสเซอร์ (15 / 2)
อาลี อัล-ฮัสซัน (25) อัล-นาสเซอร์ (9 / 1)
นาสเซอร์ อัล-ดอว์ซารี (23) อัล-ฮิลาล (8 / 0)
อายมาน ยาห์ย่า (21) อัล-นาสเซอร์ (6 / 0)
อับดุลราห์มาน อัล-อาบูด (27) อัล-อิตติฮัด (2 / 0)
ริยาดห์ ชาราฮิลี่ (29) อาบา (2 / 0)

 

กองหน้า
ฟิราส อัล-บูไรคาน (22) อัล-ฟาเตห์ (24 / 6)
อับดุลลาห์ อัล-ฮัมดัน (23) อัล-ฮิลาล (20 / 5)
ซาเลห์ อัล-เชห์รี (28) อัล-ฮิลาล (16 / 8)
ไฮตัม อาซีรี่ (21) อัล-อาห์ลี (4 / 0)
อับดุลลาห์ ราดีฟ (19) อัล-ทาวูน (3 / 0)

 

 

6 ชาติเผยรายชื่อ "ชุดเบื้องต้น" ลุยฟุตบอลโลก 2022

ชุดเบื้องต้นลุยฟุตบอลโลก 2022

อุรุกวัย : กลุ่มเอช
กุนซือ : ดีเอโก้ อลอนโซ่ (อุรุกวัย)
น่าจับตาอย่างยิ่งกับ อุรุกวัย ในการทำทีมของอดีตดาวเตะบาเลนเซีย-แอตฯ มาดริด อย่าง ดีเอโก้ อลอนโซ่ ที่เข้ามาดูแลทีมชาติแทนที่คุณตา ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ (75) ที่คุมทัพจอมโหดอยู่นานเหลือเกินในระหว่างปี 2006–2021

 

สำหรับชุดเบื้องต้นที่ อลอนโซ่ เผยออกมา มีมากถึง 55 ราย และชื่อที่คุ้นหูต่างอยู่ครบถ้วนไม่ว่าจะ หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี่, ดาร์วิน นูนเยซ, โรนัลด์ อเราโฮ หรือกระทั่ง ดีเอโก้ โกดิน และ แฟร์นันโด มุสเลร่า ในวัย 36

 

ซึ่งด้วยการประกาศแบบเต็มแม็กซ์ 55 รายชื่อ จึงทำให้จะมีถึงกว่า 29 คน ที่อกหัก อดไปฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับทีมชาติบ้านเกิด นั่นเอง

 

รายชื่อนักเตะอุรุกวัย ชุดเบื้องต้นก่อนตัดตัวไปฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู
แฟร์นันโด มุสเลร่า (36) กาลาตาซาราย (133)
เซร์คิโอ โรเช่ต์ (29) นาซิอองนาล (8)
เซบาสเตียน โซซ่า (36) อินดิเพนเดียนเต้ (1)
กิเยร์โม่ เด อโมเรส (28) ลานุส (0)
ซานติอาโก้ เมเล่ (25) อูนิโอน (0)
กาสตัน โอลิเวียร่า (29) โอลิมเปีย (0)

 

กองหลัง
ดีเอโก้ โกดิน (36) เวเลซ ซาร์สฟิลด์ (159 / 8)
มาร์ติน กาเซเรส (35) แอลเอ แกแล็กซี่ (115 / 4)
โฮเซ่ คิมิเนซ (27) แอตเลติโก มาดริด (78 / 8)
เซบาสเตียน โกอาเตส (32) สปอร์ติ้ง (47 / 1)
มาติอัส วินย่า (24) โรม่า (26 / 0)
โจวานนี่ กอนซาเลซ (28) มายอร์ก้า (16 / 0)
โรนัลด์ อเราโฮ (23) บาร์เซโลน่า (12 / 0)
กิเยร์โม่ วาเรล่า (29) ฟลาเมงโก้ (9 / 0)
มาติอัส โอลิเวร่า (24) นาโปลี (8 / 0)
ฮัวกิน ปิเกเรซ (24) พัลไมรัส (7 / 0)
ดาเมียน ซัวเรซ (34) เคตาเฟ่ (7 / 0)
เซบาสเตียน กาเซเรส (23) อเมริกา (2 / 0)
บรูโน่ เมนเดซ (23) โครินเธียนส์ (2 / 0)
อกุสติน โรเคล (25) แฮร์ธ่า (1 / 0)
กาสตัน อัลวาเรซ (22) เคตาเฟ่ (0 / 0)
ซานติอาโก้ บวยโน่ (23) คิโรน่า (0 / 0)
เลอันโดร กาเบรร่า (31) เอสปันญ่อล (0 / 0)
อัลฟอนโซ่ เอสปิโน่ (30) กาดิซ (0 / 0)
ลูคัส โอลาซ่า (28) เรอัล บายาโดลิด (0 / 0)
เฟเดริโก้ เปเรยร่า (22) ลิเวอร์พูล มอนเตวิเดโอ (0 / 0)
โฮเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ (25) นาซิอองนาล (0 / 0)

 

กองกลาง
มาติอัส เวซิโน่ (31) ลาซิโอ (62 / 4)
โรดริโก้ เบนตันกูร์ (25) สเปอร์ส (51 / 1)
เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ (24) เรอัล มาดริด (44 / 4)
จอร์เจียน เด อาร์รัสแซต้า (28) ฟลาเมงโก้ (40 / 8)
ลูคัส ตอร์เรยร่า (26) กาลาตาซาราย (40 / 0)
นิโกลัส เด ลา ครูซ (25) ริเวอร์เพลท (17 / 2)
เมาโร อารัมบาร์รี่ (27) เคตาเฟ่ (12 / 0)
แฟร์นันโด กอร์เรียราน (27) ซานโตส ลากูน่า (7 / 0)
มานูเอล อูร์กาเต้ (21) สปอร์ติ้ง (6 / 0)
เซซ่าร์ อเราโฮ (21) ออร์แลนโด้ ซิตี้ (0 / 0)
มักซิมิเลียโน่ อเราโฮ (22) ปวยบลา (0 / 0)
เฟลิเป้ การ์บาโย่ (26) นาซิอองนาล (0 / 0)
ฟาบริซิโอ ดิอาซ (19) ลิเวอร์พูล มอนเตวิเดโอ (0 / 0)

 

กองหน้า
หลุยส์ ซัวเรซ (35) นาซิอองนาล (134 / 68)
เอดินสัน คาวานี่ (35) บาเลนเซีย (133 / 58)
โฮนาธาน โรดริเกซ (29) อเมริกา (29 / 3)
มักซี่ โกเมซ (26) แทร็บซอนสปอร์ (27 / 4)
ดาร์วิน นูนเยซ (23) ลิเวอร์พูล (13 / 3)
ฟาคุนโด้ ตอร์เรส (22) ออร์แลนโด้ ซิตี้ (10 / 0)
ฟาคุนโด้ เปยิสตรี้ (20) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (7 / 0)
อกุสติน อัลวาเรซ มาร์ติเนซ (21) ซาสซูโอโล่ (4 / 1)
ดีเอโก้ รอสซี่ (24) เฟเนร์บาห์เช่ (4 / 1)
อกุสติน คาน็อบบิโอ (24) ปาราเนนเซ่ (3 / 0)
ดาวิด เตรันส์ (28) ปาราเนนเซ่ (2 / 0)
ไบรอัน โอคัมโป้ (23) กาดิซ (1 / 0)
มาร์ติน ซาเตรียโน่ (21) เอ็มโปลี (1 / 0)
ติอาโก้ บอร์บาส (20) ลิเวอร์พูล มอนเตวิเดโอ (0 / 0)
นิโกลัส โลเปซ (29) ยูเอเอ็นแอล (0 / 0)

 

หลุดโผ
โรดริโก้ ซาลาซาร์ (ชาลเก้), กาสตัน เปเรยโร่ (กายารี่), นาฮิตัน นานเดซ (กายารี่), คริสเตียน สตูอานี่ (คิโรน่า)

 

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA
Daily Mail

ภาพประกอบ
Newsdelivers
Sporting News
VOI
US Soccer
PokerStars News

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?!?

คาริม เบนเซม่าไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์แล้วจะต่อยอดไปถึงการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022ได้หรือไม่?

ไม่ใส่ใจเรื่องทรงผม ไม่สนเรื่องภาพลักษณ์ ไม่เล่นโซเชียลและไม่ได้อยากเป็นข่าว สิ่งที่ คาริม เบนเซม่า ทำมีแค่เรื่องในสนามและการยิงประตู…จนในที่สุดก็ไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์ คำถามคือ จะต่อยอดไปถึงการเป็น “แชมป์โลก” ได้หรือไม่?

 

จากศูนย์ฝึกเยาวชน AS Des Buers Villeurbanne และ Bron ตอนกลางยุค 90 ด.ช. การีม (คาริม) มอสตาฟา เบนเซม่า ในวัย 9 ขวบ ได้รับเชิญจากสโมสรชั้นแนวหน้าอย่าง โอลิมปิก ลียง ให้เข้าทดสอบฝีเท้า ภายหลังเล่นดีจนฟอร์มเข้าตาบรรดาแมวมองทั่วแดนน้ำหอม ด้วยตำแหน่งศูนย์หน้าดาวยิงที่เลือกเล่นตั้งแต่ตอนที่หนวดเครายังไม่ทันขึ้น — ด้วยมีตำนานอย่าง โรนัลโด้ โล้นทองคำแห่งบราซิล เป็นไอดอล

 

และหลังจากฝึกปรือฝีมือในอะคาเดมี่ของลียง (ควบคู่กับการเป็นเด็กเก็บบอลในบางเกมของทีมชุดใหญ่) ได้พักหนึ่ง เจ้าหนูเชื้อสายแอลจีเรียนวัย 17 ก็ได้โอกาสประเดิมเกมกับทีมของ ปอล เลอ กูแอ็น ในระหว่างครึ่งฤดูกาลหลังของ 2004/05 ด้วยการลงสำรองนัดชนะ เม็ตซ์ 2-0 กลางเดือนมกราคม 2005 พร้อมทำแอสซิสต์ได้ 1 ลูกเป็นประเดิมด้วย

 

แม้ว่าซีซั่นถัดมา 2005/06 จะยังไม่ถึงเวลาของการแจ้งเกิดเต็มตัว เมื่อกุนซือที่เข้ามาใหม่อย่าง เชราร์ อุลลิเยร์ เลือกจะไว้ใจบรรดากองหน้ารุ่นพี่ (ซิลแว็ง วิลตอร์, เฟร็ด, ยอห์น คาริว) มากกว่าจนทำให้ เบนเซม่า ได้เล่นแค่ 16 เกม แต่มันก็เป็นปีที่เขาสามารถเริ่ม “นับหนึ่ง” ได้แล้วกับการทำสกอร์ในลีกสูงสุด (รวมถึงมี 1 เม็ดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชนะ โรเซนบอร์ก 2-1) พร้อมกับพูดได้ว่า “มีส่วนร่วม” กับแชมป์ ลีก เอิง สมัยที่ 5 ของสโมสร ในตอนนั้น

 

วันเวลาที่ผ่านไป มาพร้อมกับพรรษาทางฟุตบอลที่แก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง เบนเซม่า สร้างชื่อคับลีกน้ำหอมในซีซั่น 2007/08 ด้วยการกระหน่ำรวม 31 ประตู เป็นทั้งดาวซัลโวสโมสรและดาวซัลโว ลีก เอิง (20 ลูก) ช่วยให้ ลียงลงเป็นยิง ของโค้ชใหม่ (อีกแล้ว) อแล็ง แปร์กแร็ง ซิวดับเบิ้ลแชมป์บอลลีก+บอลถ้วยไปครอง เป็นหนแรกของสโมสร ขณะที่ตัว เบนเซม่า ก็คว้ารางวัลนักเตะแห่งปีลีกเอิงไปนอนกอด

 

ซีซั่นรุ่งขึ้น 2008/09 เบนเซม่า อาจหล่นไปจากมาตรฐานเล็กน้อย ด้วยการยิงรวม 23 ประตู (และ ลียง จบแบบมือเปล่า) แต่ฟอร์มที่ยืนระยะสม่ำเสมอของกองหน้าวัย 21 ก็มากพอที่จะเข้าตามหาอำนาจลูกหนังยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด จนมีการเข้าหา ลียง หลังจบซีซั่น ด้วยข้อเสนอ 35+6 ล้านยูโร ที่แม้จะดูไม่ได้สูงนักแต่ก็จัดเป็น “กำไรล้วน” ของลียง ที่ปลุกปั้น เบนเซม่า มาตั้งแต่เป็นแข้งเยาวชน

 

สำคัญคือ, อย่างที่อาจไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น, เบนเซม่า ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “หน้าตลาดที่ดีที่สุด” ครั้งหนึ่งของทีมชุดขาว สำหรับซัมเมอร์ 2009 ที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้ของดีๆ หลายรายเข้าไปสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับราชันชุดขาวได้โดยตรง

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?นี่คือตัวใหม่ (ส่วนหนึ่ง) ที่ เรอัล มาดริด ได้มาในซัมเมอร์นั้น
1. คาริม เบนเซม่า 35+6 ล้านยูโร จากลียง
2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 94 ล้านจาก แมนฯ ยูไนเต็ด
3. กาก้า 67 ล้านจาก เอซี มิลาน
4. ชาบี อลอนโซ่ 35+5 ล้านจาก ลิเวอร์พูล
5. อัลบาโร่ อาร์เบลัว 4.5 ล้านจาก ลิเวอร์พูล
6. ราอูล อัลบิโอล 15 ล้านจาก บาเลนเซีย

 

น่าสนใจว่าอันที่จริง เบนเซม่า ก็เริ่มต้นเส้นทางการสร้างตำนานใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้อย่างลำบากยากเข็ญมิใช่น้อย เมื่อไหนจะเป็นการย้ายมาเล่นนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรก, ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมและภาษาใหม่, ต้องเจอคู่แข่งอย่งตำแหน่งอย่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน รวมทั้ง ราอูล กอนซาเลซ ที่ยังอยู่เป็นปีสุดท้าย จนกระทั่งสื่อหลักอย่าง มาร์ก้า ขนานนามว่าเขาเป็น “อเนลก้าคนใหม่” ผู้กำลังจะตามรอย นิโกล่าส์ อเนลก้า กองหน้าฝรั่งเศสที่ย้ายจาก อาร์เซน่อล มาสู่ทีมชุดขาวอย่างฮือฮาในปี 1999 แล้วก็ย้ายออกอย่างรวดเร็ว (ไปเปแอสเช) ในเพียงปีเดียวถัดมา

 

ปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ส่งผลให้ เบนเซม่า ยิงได้แค่ 9 ลูกเท่านั้นในปีประเดิมกับ เรอัล มาดริด

 

เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่า มาร์ก้า ได้ส่งพวงมาลัยไปขอขมาลาโทษ เบนเซม่า หรือยัง เมื่อในที่สุดแล้ว หอกผมเกรียนเลือดเฟร้นช์ก็แจ้งเกิดกับ เรอัล มาดริด ได้อย่างสวยงาม — ด้วยต้องให้เครดิตกับยอดโค้ชอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เช่นกัน ที่เข้ามาทำทีมแทน มานูเอล เปเยกรินี่ ในซีซั่น 2010/11 แล้วมอบความไว้วางใจให้กับ เบนเซม่า อย่างเต็มที่ในฐานะหัวหอกตัวเป้า “ตัวเลือกแรก” ในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งมี อังเคล ดิ มาเรีย – เมซุต โอซิล – โรนัลโด้ คอยเดินเครื่องสนับสนุน เบนเซม่า ในขณะที่ อิกวาอิน กับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เป็นตัวเลือกรองลงมา (ส่วน ราอูล ย้ายไปชาลเก้)

 

ปีนั้น เบนเซม่า ได้เล่นมากถึง 48 นัด และตอบแทนความไว้วางใจนั้นด้วยการผลิตสกอร์ 26 ลูก — มากกว่านี้มีแค่ โรนัลโด้ ร่างซูเปอร์ไซย่า ที่กดรวม 53 ประตูในทุกรายการ

 

และโดยไม่มีการหันหลังกลับ เบนเซม่า ไม่เคยหลุดจากตำแหน่งของเขาอีกเลย ไม่ว่าทีมจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เพื่อนร่วมทีมคนใดย้ายเข้าย้ายออก รวมถึงว่ามีกุนซือสักกี่คนที่หมุนเวียนกันเข้ามาทำหน้าที่ใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

 

ไม่ใส่ใจเรื่องทรงผม ไม่สนเรื่องภาพลักษณ์ ไม่เล่นโซเชียลและไม่ได้อยากเป็นข่าวกอสซิปซุบซิบบนหน้าสื่อ สิ่งที่ เบนเซม่า ทำมีแค่เรื่องในสนามและการยิงประตู

จนในที่สุดก็ไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์ 2022

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?บัลลง ดอร์ 2022
1. คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด / ฝรั่งเศส)
2. ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล-บาเยิร์น / เซเนกัล)
3. เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้ / เบลเยียม)
4. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น-บาร์เซโลน่า / โปแลนด์)
5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล / อียิปต์)

 

ว่ากันว่ามีอยู่ 5-6 เหตุผลด้วยกันที่ทำให้ลูกบอลทองคำ รางวัลที่ถือเป็นเกียรติยศส่วนตัวลำดับสูงสุดของแข้งอาชีพ ตกเป็นของกองหน้าวัย 34 อย่าง เบนเซม่า ในการประกาศเป็นทางการเมื่อ 17 ตุลาคม

 

1. การยิงกระจายถึง 44 ประตู (บวกกับ 15 แอสซิสต์) จากการลงสนาม 46 นัดของซีซั่นก่อน ช่วยให้ เรอัล มาดริด เป็นทั้งแชมป์ ลา ลีกา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และซูเปร์โกปา เด เอสปันย่า

 

2. จำนวนสกอร์ 44 ลูกนั่น เท่ากับค่าเฉลี่ยพังตาข่ายได้ในทุก 66.42 นาที

 

3. เฉพาะใน ลา ลีกา หนุ่มเบนซ์ยิงไป 27 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์ หรือคือมีส่วนร่วมกับประตูที่ เรอัล มาดริด ทำได้ถึง 48.75%

 

4. ยิง 15 ประตูใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นก่อน โดยมีถึง 2 แฮตทริกระหว่างทาง คือในเกมอัด เปแอสเช 3-1 ที่มาดริด และบุกชนะ เชลซี 3-1 ที่ลอนดอน

 

5. ผลงานในทีมชาติฝรั่งเศสก็แจ๋ว ยิงไป 6 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 10 เกม อันรวมถึงการยิงประตูใส่ สเปน ช่วยให้ตราไก่เบียดชนะ 2-1 ครองแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2021

 

6. รอบปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครที่โดดเด่นเท่า เบนเซม่า จริงๆ นั่นแหละ (เมื่อคู่ยอดมนุษย์ เมสซี่ & โรนัลโด้ ดร็อปไปตามกาลเวลา) โดยในแง่ของการกระทุ้งตาข่าย อาจมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงเป็นบ้าเป็นหลัง 50 ลูกกับบาเยิร์น และ 14 ลูกกับบาร์เซโลน่า ซีซั่นนี้ แถมยังมีอีกนับสิบลูกกับทีมชาติโปแลนด์ แต่ก็มีเพียงแชมป์บุนเดสลีกา รายการเดียวเท่านั้นที่ เลวาน ได้ไป

 

…ทีนี้ คำถามสำคัญก็คือ เบนเซม่า จะสามารถต่อยอดรางวัลบอลทองคำของตัวเองนี้ ไปสู่การเป็น “แชมป์โลก” ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ได้หรือไม่

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?

 

(สำหรับในทีมตราไก่ ถือได้ว่า เบนเซม่า มีเส้นทางที่ไม่ราบเรียบเอาเลย นับตั้งแต่เริ่มต้นติดธงชุดใหญ่ปี 2007 และไม่ประสบความสำเร็จกับทัวร์นาเมนต์ใด รวมถึงโดนกาชื่อทิ้งอดไปบอลโลก 2010 ก็มาเจอคดีอื้อฉาว ว่ากันว่าเพื่อนวัยเด็กของ เบนเซม่า ได้ติดต่อผ่านเขาเพื่อขู่เรียกเงินจาก มาติเยอ วัลบูเอน่า แลกกับเซ็กซ์เทปของมิดฟิลด์ร่างเล็ก จนสุดท้ายมีการดำเนินคดียกแก๊ง และ เบนเซม่า โดนแบนกลายๆ ไม่ถูกเรียกติดธงตลอดช่วงปี 2016-2020)

 

(แต่แล้ว ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ต้านทานความร้อนแรงของ เบนเซม่า ไม่ไหว เรียกคืนธงตอนกลางปี 2021 เพื่อไปเล่นยูโร 2020 ซึ่งหัวหอกเคราเฟิ้มก็จัดให้ 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์ จน เบนเซม่า มีที่มีทางในทีมชาติเป็นการถาวรอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน)

 

ลองย้อนไปดูนักเตะที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ ในปีฟุตบอลโลก กันหน่อย

 

รางวัล บัลลงดอร์ ในปีฟุตบอลโลก / แชมป์โลก
1958 เรย์มงด์ โกปา (ฝรั่งเศส) / บราซิล
1962 โยเซฟ มาโซปุสต์ (เช็ก) / บราซิล
1966 บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน (อังกฤษ) / อังกฤษ
1970 แกร์ด มุลเลอร์ (เยอรมนี) / บราซิล
1974 โยฮัน ครัฟฟ์ (เนเธอร์แลนด์) / เยอรมนีตะวันตก
1978 เควิน คีแกน (อังกฤษ) / อาร์เจนติน่า
1982 เปาโล รอสซี่ (อิตาลี) / อิตาลี
1986 อีกอร์ เบลานอฟ (สหภาพโซเวียต) / อาร์เจนติน่า
1990 โลธ่าร์ มัทเธอุส (เยอรมนี) / เยอรมนีตะวันตก
1994 ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ (บัลแกเรีย) / บราซิล
1998 ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส) / ฝรั่งเศส
2002 โรนัลโด้ (บราซิล) / บราซิล
2006 ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (อิตาลี) / อิตาลี
2010 ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) / สเปน
2014 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) / เยอรมนี
2018 ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย) / ฝรั่งเศส
2022 คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส) / ……

 

จะเห็นได้ว่า รางวัลบัลลงดอร์ในปีฟุตบอลโลก (หลังเปลี่ยนกฎยอมรับนักเตะนอกยุโรป) ก่อนที่จะมาถึงยุคของ เมสซี่ & โรนัลโด้ ก็สอดคล้องกันดีกับนักเตะที่ได้แชมป์โลก

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะนำเอามาเป็นน้ำหนักกะเกณฑ์อะไรก็คงไม่ได้ เมื่อตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา บัลลง ดอร์ แจกรางวัลกันในช่วงปลายปี–หลังจากที่ ฟุตบอลโลก โรมรันสาดแข้งได้บทสรุปไปเรียบร้อยแล้วตอนกลางปี แตกต่างจากปีนี้ที่ เวิลด์ คัพ ฉบับพิเศษ ยังเดินทางมาไม่ถึง

 

ดังนั้น นั่นหมายความว่า เจ้าของบัลลง ดอร์ 2022 จะเผชิญชะตากรรมอย่างไรใน ฟุตบอลโลก 2022 ก็ยังไม่อาจล่วงรู้ได้

 

และเป็นหน้าที่ของ เบนเซม่า & ชาวคณะตราไก่ เพียงเท่านั้น ที่จะต้องรวมพลังกันไปให้ถึงฝั่งฝัน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ ฟอร์มระยะหลังของ ตราไก่ ในมือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ออกทรงน่าละเหี่ยใจ มีเสียวสันหลังอย่างไรไม่รู้ — 6 เกมหลังชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 3 สำคัญคือ แพ้ เดนมาร์ก แบบไปกลับ ก่อนที่จะต้องเจอกันอีกหนในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง 26 พ.ย.

 

เช่นเดียวกับปัจจัยเรื่องความพร้อม อย่างที่เคยได้เอ่ยไว้ในเรื่อง “เบรคสุดท้าย…ก่อนฟุตบอลโลก 2022” ว่า ฝรั่งเศส ต้องลงเตะ เนชั่นส์ ลีก 2 แมตช์สุดท้ายอันเป็นเสมือนเกมเตรียมความพร้อมก่อนลุยบอลโลก แบบไม่มีตัวหลักเกินสิบราย (ในจำนวนนี้ก็คือ เบนเซม่า ด้วย) ที่บาดเจ็บ จนมาถึงข่าวล่าสุดอย่างการเสียคีย์แมนแดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เจ็บหนักพักยาว อดไปฟุตบอลโลกเรียบร้อยแล้วหนึ่งหน่อ

 

ไหนเลยจะยังมี “อาถรรพ์แชมป์เก่า” ว่าบอลโลก 3 หนหลัง แชมป์เก่าล้วน ตกรอบแรก เรียบวุธ (อิตาลี, สเปน, เยอรมนี) และบอลโลก 5 ครั้งหลัง แชมป์เก่าตกรอบแรกไป 4 หน

 

จึงไม่มีการันตีอะไรเลยว่า ฝรั่งเศส จะมีทัวร์นาเมนต์ที่ดีในฟุตบอลโลก 2022

 

ฉะนั้น ขึ้นอยู่กับอาวุธสำคัญอย่าง เบนเซม่า รวมถึง คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คิงสลี่ย์ โกม็อง, คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู ฯลฯ ว่าจะรีดเค้นฟอร์มระดับท็อปออกมาส่งเสริมกันและกันได้ดีเพียงใด

 

ว่ากันตามตรง บัลลงดอร์ ไม่ได้หมายความถึง แชมป์โลก

 

เบนเซม่า ในฐานะผู้นำเกมรุกฝรั่งเศส จึงต้องสวมหัวใจสิงห์สู้กันนัดต่อนัด นำพาทีมเอาชนะ “เกมชิงชนะเลิศทั้ง 7” (รอบแรก 3 + น็อกเอาต์อีก 4) ให้ได้ในตลอดรายการที่กาตาร์ นั่นต่างหากถึงจะเจอเส้นชัยที่ใฝ่หา

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Onmanorama
WGOQATAR
Eurosport

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

“หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง”

ไปร่วมทัวร์นาเมนต์ในฐานะตัวเต็งเบอร์ต้นๆ แต่ก็เป็นความท้าทายไม่ใช่น้อย — แต่ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ก็ตั้งความหวังไว้ด้วยใจมาดมั่นว่า สเปน จะผงาดแชมป์โลกได้อีกครั้ง…ที่กาตาร์!

 

จากวันแรกของการเข้ารายงานตัวรับใช้ชาติ ตอนต้นปี 2009 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ได้ทำให้แดนกลางของ สเปน แข็งแกร่งและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพไม่แพ้ บาร์เซโลน่า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในยุคสมัยของเขา

 

จากนัดแรกสู่ 10 เกม, 20, 30, 50 จนถึง 100 และทะลุร้อยไปสู่ 139 บุสเก็ตส์ ได้ชูโทรฟี่แชมป์ในสีเสื้อกระทิงดุมาแล้ว 2 หน คือแชมป์โลก 2010 กับแชมป์ยูโร 2012

 

และจากชุดแชมป์โลกที่แอฟริกาใต้นั่น มิดฟิลด์ก้านยาวชาวกาตาลัน ก็หลายเป็นเพียง “ผู้เหลือรอดรายสุดท้าย” เพียงรายเดียวที่ยังเฝ้าอดเฝ้าทนรับใช้ชาติอยู่ ในขณะที่เพื่อนเก่าอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ, การ์เลส ปูโยล, อิเกร์ กาซิยาส, ชาบี อลอนโซ่, ดาบิด บีย่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส ฯลฯ เลิกเล่นไปเลี้ยงหลานกันหมดแล้ว

 

ไม่ต้องสงสัย การอยู่โยงเล่นให้ สเปน ถึงวัย 34 ของ บุสเก็ตส์ ต้องมีเป้าหมายบางอย่าง

 

บางอย่างที่ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน — “ผมหวังว่าเราจะครองแชมป์โลกได้อีกครั้ง” เป็นการทิ้งทวนก่อนรีไทร์ตัวไปอีกคน…

 

 

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

 

คุณเล่นให้ทีมชาติมานานมาก ผ่านช่วงเวลาและอะไรๆ มากมายกับสเปน จนมาถึงทีมชุดปัจจุบันที่เตรียมจะไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 คุณมองเห็นอะไรจากทีมชุดนี้บ้าง?
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ : ดีเลย พวกเราเป็นกลุ่มนักเตะอายุน้อย แต่เราก็มีผู้เล่นที่มากประสบการณ์บางคน เช่นตัวผมเองอยู่ และผมคิดว่ามันเป็นส่วนผสมที่ดีมาก ทุกคนรู้บทบาทของตัวเองดี และทุกคนอยากมีส่วนร่วมและนำบางสิ่งมาสู่ทีม นั่นทำให้เรามีระดับการแข่งขันสูงภายในทีม

 

สำหรับผู้เล่นอายุน้อย พวกเขากระตือรือร้นที่จะเล่น พวกเขามีความทะเยอทะยานสูง และเต็มใจที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ทัวร์นาเมนต์เหล่านั้นมอบให้คุณ ซึ่งผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากกว่าก็สามารถให้คำแนะนำแก่พวกเขาได้ พวกเขาเต็มใจที่จะทำทั้งหมดนั้น และทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นมากสำหรับผู้จัดการทีมและสำหรับทีมโดยภาพรวม

 

คุณคาดหวังอะไรกับสเปน ในทุกครั้งที่ลงเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เช่นฟุตบอลโลก?
เรามีความคาดหวังสูงเสมอนั่นแหละ เพราะกองเชียร์สแปนิชคาดหวังให้เราดีที่สุดเสมอ และผมคิดว่านั่นก็คือสิ่งที่ควรจะเป็น ชัดเจนว่าเรามีช่วงเวลาที่ดีมากตอนที่เราคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัยและฟุตบอลโลก แต่หลังจากนั้นมาเราก็ต้องผิดหวังกันหลายครั้ง แต่มาถึงตอนนี้ ผมคิดว่าเราได้ให้ความหวังกับผู้คนอีกครั้ง และพวกเขาก็กลับมาสนใจอีกครั้งเช่นกัน ผมมั่นใจว่าคู่ต่อสู้ของเราจะยำเกรงเรา และแฟนๆ ของเราก็จะสนับสนุนเราเต็มที่ ดังนั้นเราหวังว่าทุกอย่างจะเป็นปรากฎการณ์ เราหวังว่าเราจะเล่นได้ตามสไตล์ของเรา ซึ่งนำเรามาที่นี่ ที่ฟุตบอลโลก และผมหวังว่าเราจะสามารถทำตามความคาดหวังของทุกคนได้

 

คุณลงสนามให้กับทีมชาติมาแล้วมากกว่า 139 นัด ซึ่งปรากฏว่า คุณได้กลายเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เหลืออยู่จากทีมชุดแชมป์โลก 2010…
มันคงเป็นกฎของฟุตบอลและก็ของชีวิตด้วย ใช่ไหมล่ะ? ผมหมายถึงความจริงที่ว่า แต่ละปีล้วนผ่านไปสำหรับทุกคน ย้อนกลับไปตอนนั้น ผมเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดหรือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมชาติชุดแชมป์โลก มาตอนนี้ผมกลายเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงที่สุดคนหนึ่ง ดังนั้นผมจึงภูมิใจมากที่ตัวเองได้โอกาสก้าวข้ามสิ่งต่างๆ มาตลอดช่วงเวลานั้น และมีที่ทางในทีมชาติที่มีโปรแกรมลงสนามเล่นเกมและทัวร์นาเมนต์มากมาย

 

ดังนั้น ตอนนี้ผมจะพยายามช่วยทีมอย่างเต็มที่ ผมหวังว่าเราจะสามารถครองแชมป์โลกได้อีกครั้ง แต่เรารู้ว่ามันจะยากมาก อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ขีดฆ่ามันทิ้งไปเด็ดขาด เพราะเรารู้ว่าเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งและศักยภาพสูงในระดับนานาชาติ เรารู้ว่าเราสามารถไปได้ไกล อย่างที่เราทำได้ในทัวร์นาเมนต์หลังๆ

 

คุณมีบทบาทอย่างไรในทีม? คุณต้องคอยให้คำแนะนำน้องๆ หรือไม่?
ใช่ เพราะนอกเหนือจากความจริงที่ว่าผมได้เข้าชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับ สเปน มาแล้ว ผมยังมีประสบการณ์มากมายกับทีมชาติไม่ว่าจะในแง่ดีหรือเลวร้าย ผมจะพยายามช่วยทีมจากจุดของผม ไม่ใช่แค่ในฐานะกัปตันทีม แต่รวมถึงในฐานะผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในเกมและทัวร์นาเมนต์แบบนี้ด้วย

 

ผมไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า แต่มีการพูดเกี่ยวกับคุณว่า “คุณสามารถดูเกมทั้งเกมและคุณอาจไม่เห็น บุสเก็ตส์ แต่ถ้าคุณดูการเล่นของ บุสเก็ตส์ คุณจะเห็นเกมทั้งเกม” คุณคิดว่าอย่างไร?
ดี ผมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมากในแผนการของทั้งสโมสรและทีมชาติ ผมเล่นในตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญของเกมการแข่งขัน ผมยังต้องคอยออร์แกไนซ์ทีม สั่งงาน พยายามช่วยเพื่อน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ และผมคิดว่าท้ายที่สุด ผมไม่รู้ว่าตำแหน่งของผมสำคัญที่สุดในแง่ของสถิติการทำประตูและผลการแข่งขันหรือไม่ แต่ผมคิดว่าการมีทีมที่กะทัดรัดและแข็งแกร่ง มันสำคัญมาก เพราะแทบทุกอย่างจะต้องผ่านไปตรงกลาง ทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล

 

คุณได้เล่นกับยอดคนอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ หรือ อันเดรียส อิเนียสต้า ในช่วงที่ผ่านมา นั่นเป็นส่วนที่ช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้นด้วยรึเปล่าในแง่ของกองกลาง?
แน่นอนที่สุด การได้เล่นกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกจะทำให้คุณเติบโตและเรียนรู้ และยังนำคุณไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผมโชคดีที่ได้ทำมันและประสบความสำเร็จ เราคว้าแชมป์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันคือผลตอบแทนของสิ่งที่เราต่อสู้มาในเกมฟุตบอล

 

อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่ามันยากมากที่จะเป็นแชมป์ มีเพียงทีมเดียวและผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำสำเร็จ ผมโชคดีพอที่จะได้สัมผัสกับสิ่งนั้น ผมดีใจและซาบซึ้งมาก ตอนนี้ผมยังมีความสุขกับเพื่อนร่วมทีมของผม แม้ว่าพวกเขาจะอายุน้อย แต่แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม ถึงขั้นดีที่สุดในโลก และผมแน่ใจว่าพวกเขาจะมีเส้นทางอาชีพเหมือนเจเนอเรชั่นก่อนๆ เหมือนที่ผมเคยเป็นมาในสมัยยังเด็ก

 

จากบทบาทของคุณในฐานะหัวหน้าทีม มันทำให้คุณรู้สึกกดดันมากขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่?
ความกดดันอยู่กับผมตลอดอาชีพการค้าแข้ง เมื่อคุณเล่นให้กับทีมระดับหัวกะทิหรือทีมชาติสเปน หรือสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า ทุกวันคือบททดสอบใหม่ ทุกวันที่ผ่านไปบังคับให้คุณต้องโชว์ฟอร์มในระดับสูง อาชีพของคุณจะต้องไร้ที่ติ ผมคิดว่าผมรู้วิธีจัดการกับมันเป็นอย่างดี นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่ คือสาเหตุที่ผมมีเส้นทางอาชีพที่ดี สิ่งสำคัญคือการเล่นเพื่อประโยชน์ของทีม คุณต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งในฐานะส่วนตัวและส่วนรวม และคุณจำเป็นต้องมีแผนการร่วมกับทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งผมคิดว่าเราพร้อมมากในเรื่องนั้น

 

หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้เรียกนักเตะหน้าใหม่ 2-3 รายเข้ามาสู่ทีมชาติสเปนในเกมช่วงหลัง คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเราสามารถคาดหวังอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้บ้าง?
พวกเขาได้มาอยู่ที่นี่เพราะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในสโมสรของตัวเอง เพราะพวกเขามีความโดดเด่น และเพราะสไตล์การเล่นตรงกับสไตล์ที่โค้ชต้องการและเข้ากับสไตล์ของทีมชาติ อย่างที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้กล่าวไว้ในการสัมภาษณ์และงานแถลงข่าวหลายครั้งว่าอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้เราจึงมี กาบี ที่อายุ 18 และมีผู้เล่นอายุน้อยหลายคน เช่น เปดรี้, อันซู ฟาติ และอีกหลายๆ คน พวกเขาทั้งหมดพร้อมนำเสนอทักษะการเล่นของตัวเอง และนำบางสิ่งมาสู่สเปน และนั่นทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นด้วย เพราะเรามีผู้เล่นที่สามารถเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันได้

 

คุณได้พูดถึงนักเตะบางคนจากบาร์ซ่า หรือ เรอัล มาดริด ที่มีผู้เล่นคนสำคัญอยู่ในทีมชาติเสมอ คุณพอบอกได้ไหมถึงความสำคัญของระบบการพัฒนานักเตะเยาวชนของบาร์ซ่า?
เรามีสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งจะแข็งแกร่งในขณะที่เราได้บอล และจากนั้น เราจะพยายามทำให้ดีกว่าคู่ต่อสู้ และสร้างโอกาสในการทำประตูให้ได้มากที่สุด เราจะพยายามเล่นให้ดีกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ มันไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราต้องตั้งรับ เราจะไม่อยากแย่งบอลกลับให้เร็วที่สุด ดุดันและฉับไว ผมคิดว่านั่นเป็นข้อได้เปรียบที่เรามีในฐานะทีม และเรารู้วิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น มันก็จริงเช่นกัน อย่างที่คุณพูด มีผู้เล่นหลายคนจากบาร์ซ่าที่ถูกเรียกไปเล่นให้ทีมชาติสเปนอยู่เสมอ

 

บาร์ซ่า มีความคิดแบบเดียวกับของทีมชาติสเปน อย่างที่ผมได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ให้ครอบครองบอลเอาไว้ ให้มีผู้เล่นที่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับบอล และเล่นด้วยทักษะที่สูง ผมคิดว่ามันมาจากช่วงเวลาของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ผมว่านั่นเป็นช่วงที่ผู้เล่นบาร์เซโลน่ามีจำนวนมากที่สุดในทีมชาติ จากนั้นมาเราก็มีนักเตะบาร์ซ่าอยู่ในทีมหลายคนมาตลอด การค้นหาผู้เล่นจากสโมสรที่มีสไตล์เดียวกับทีมชาติจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มันทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นมาก แม้แต่โค้ชทีมชาติของเราก็ยังเคยเป็นกุนซือของเราในบาร์ซ่าด้วย

 

สิ่งหนึ่งที่ผู้คนจะจับตาสำหรับฟุตบอลโลก คือนักเตะที่จะแจ้งเกิดได้อย่างเปรี้ยงปร้าง ซึ่งในสายตาคุณแล้ว ใครมีสิทธิ์จะได้เป็นคนนั้นในฟุตบอลโลก 2002
ผู้เล่นที่เราจะได้จับตามองเป็นพิเศษในช่วงฟุตบอลโลกครั้งนี้คือ เปดรี้ นั่นเป็นเพราะว่า เขาเข้าถึงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่อายุน้อยมากๆ และเขาจะได้โชว์มันสู่สายตาชาวโลกว่าเขาเป็นนักเตะชั้นยอดขนาดไหน

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

กระทิงดุของ หลุยส์ เอ็นริเก้
ฟีฟ่า กำหนดเส้นตายการส่งรายชื่อลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ของทีมชาติต่างๆ เอาไว้ในวันที่ 13 พฤศจิกายน โดยมีพิเศษใส่ไข่คือแต่ละทีมสามารถเพิ่มจำนวนขุมกำลังขึ้นจากเดิม 23 ราย เป็น 26 นักเตะได้ และยังสามารถถอนชื่อนักเตะที่บาดเจ็บหรือติดโควิด (พร้อมเรียกคนใหม่เข้าเสียบแทน) ได้ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนที่จะลงสนามแมตช์แรก

 

สำหรับ สเปน กำลังอยู่ในจุดที่ดีพอตัว ภายหลังผงาดคว้าแชมป์กลุ่มเอ ลีกเอ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้ด้วยชัยชนะนัดสุดท้ายเหนือ โปรตุเกส 1-0 ส่งผลให้ได้ผ่านเข้ารอบชิงแชมป์ Nations League Finals ตอนกลางปีหน้า

 

ด้วยเหตุที่ฟอร์มกำลังดี ทำให้คาดกันว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงขุมกำลังของเขามากนักจากชุดล่าสุดที่มีการประกาศ (เพื่อเล่นเนชั่นส์ ลีก 2 เกมสุดท้าย) เมื่อเดือนกันยายน

 

ด้านล่างนี้ คือ squad ของกระทิงดุ ชุด (คาดว่าจะ) ลุยฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ ซึ่งการันตีได้ว่า จะผิดไปจากนี้ไม่เกิน 3-4 จุด

 

และมั่นใจได้เลยว่า 3 นายทวารในใจ เอ็นริเก้ จะไม่ผิดไปจากนี้ — หมายความถึงว่า จอมหนึบอย่าง ดาบิด เด เคอา หรือ เกป้า “เดอะโค้ช” อาร์ริซาบาลาก้า จะได้ดูบอลโลกผ่านจอทีวีเหมือนเราๆ ท่านๆ เท่านั้น!

 

26 นักเตะที่คาดว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ จะหิ้วไปเล่นฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมอน (แอธเลติก บิลเบา), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน), ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)

กองหลัง : อายเมริก ลาป๊อร์กต์ (แมนฯ ซิตี้), เปา ตอร์เรส (บียาร์เรอัล), อูโก้ กียามอน (บาเลนเซีย), โฆเซ่ กาย่า (บาเลนเซีย), จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า), ดานี่ การ์บาฆัล (เรอัล มาดริด), เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี), เอริก การ์เซีย (บาร์เซโลน่า), มาร์กอส อลอนโซ่ (บาร์เซโลน่า)

กองกลาง : เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า), โกเก้ (แอตฯ มาดริด), มาร์กอส ยอเรนเต้ (แอตฯ มาดริด), กาบี (บาร์เซโลน่า), เปดรี้ (บาร์เซโลน่า), โรดรี้ (แมนฯ ซิตี้), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล), คาร์ลอส โซเลร์ (เปแอสเช), มิเกล เมริโน่ (เรอัล โซเซียดัด)
กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า (แอตฯ มาดริด), เฟร์ราน ตอร์เรส (บาร์เซโลน่า), ปาโบล ซาราเบีย (เปแอสเช), มาร์โก อเซนซิโอ (เรอัล มาดริด), นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (แอธเลติก บิลเบา)

หลุดโผ : ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี), เซร์คิโอ รามอส (เปแอสเช), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า, เลิกเล่นทีมชาติแล้ว), เซร์จี้ โรเบร์โต้ (บาร์เซโลน่า), นาโช่ เฟร์นานเดซ (เรอัล มาดริด), ดีเอโก้ ยอเรนเต้ (ลีดส์), ลูคัส บาซเกซ (เรอัล มาดริด), ฟาเบียน รุยซ์ (เปแอสเช), ซาอูล ญีเกซ (แอตเลติโก มาดริด), ดานี่ โอลโม่ (แอร์เบ ไลป์ซิก), ปาโบล ฟอร์นาลส์ (เวสต์แฮม), มิเกล โอยาร์ซาบัล (เรอัล โซเซียดัด), บราฮิม ดิอาซ (เอซี มิลาน), เคราร์ด โมเรโน่ (บียาร์เรอัล), โรดริโก้ โมเรโน่ (ลีดส์), อดาม่า ตราโอเร่ (วูล์ฟแฮมป์ตัน), อันซู ฟาติ (บาร์เซโลน่า)

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA
Goal

ภาพประกอบ
Man’s World India
EQUIPOS DE FUTBOL
Getty Images

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"

ลิโอเนล เมสซี่ : “ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม”

เพราะทุกสิ่งบนโลก ล้วนแต่มีตอนจบเป็นของตัวเอง ก็ยืนยันป็นที่เรียเบร้อยว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะมีฟุตบอลโลก 2022 เป็น เวิลด์ คัพ ครั้งสุดท้าย ในเส้นทางเลี่ยมทองของตัวเขาเอง

 

อย่างที่ทราบกันดี อาร์เจนติน่า เป็นแชมป์โลก 2 สมัย ท่ามกลางการมงว่าพวกเขาควรได้มากสมัยกว่านี้ เมื่อพิจารณาจาก “ขุมสมบัติ” ที่พวกเขามี — ขุมสมบัติอย่างสุดยอดนักเตะในทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะ ดีเอโก้ มาราโดน่า, เคลาดิโอ คานิกเกีย, กาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน โรมัน ริเกลเม่, เฟร์นานโด เรดอนโด้, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่, มาร์ติน ปาแลร์โม่, เอร์นัน เครสโป, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, วอลเตอร์ ซามูเอล ฯลฯ หรือล่วงเลยมาในยุค ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ฯลฯ

 

สำคัญสุดคือ ลิโอเนล เมสซี่ นี่คือดาวเตะที่ “เก่งกาจที่สุดในโลก” ยุคนี้สมัยนี้

 

แต่ก็เป็นเรื่องตลกร้ายอีกเช่นกัน ว่าแข้งระดับ เมสซี่ ผู้ซึ่งครองแชมป์นับสิบนับร้อยรายการกับทั้ง บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กลับไม่เคยได้สัมผัสกับโทรฟี่แชมป์โลกมาก่อนเลยสักครั้ง

 

ไปย้อนดูกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เมสซี่ ในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านๆ มา

 

ก่อนจะร่วมเป็นสักขีพยานกับฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของ เมสซี่ ที่กาตาร์…

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2006 : เปิดซิงในวัย 18
ลงสนาม : 3 นัด
ยิง : 1 ประตู
ในวันวัยยังเข้าผับไม่ได้ และที่จริงก็เพิ่งขยับขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ บาร์เซโลน่า แค่ปีกว่าๆ (ไม่น่าลืมกัน…) เมสซี่ ได้รับหมายเรียกจาก โฮเซ่ เปเกร์มัน ให้เข้ารายงานตัวกับทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่เป็นครั้งแรกตอนกลางปี 2005 และเขาถูกส่งลงสำรองนัดพบ ฮังการี ทันที–และโดนใบแดงทันทีในเพียง 2 นาทีแรก จากจังหวะพยายามกระชากหนีกองหลังที่ดึงเสื้อเขา แล้วผู้ตัดสินมองว่า เมสซี่ ตั้งใจสับศอกใส่คู่แข่ง

 

หนึ่งปีให้หลัง เปเกร์มัน ไม่พลาดจะใส่ชื่อเจ้าหนูเมสซี่ ไปฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี โดยเป็นหนึ่งในตัวเลือกศูนย์หน้าร่วมกับ เอร์นัน เครสโป, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, คาร์ลอส เตเวซ, โรดริโก้ ปาลาซิโอ และ ฮูลิโฮ ริคาร์โด้ ครูซ

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นดาวรุ่งอายุ 18 เมสซี่ จึงไม่มีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติเวลานั้น เช่นกันกับที่ อาร์เจนติน่า ไม่ได้มีทัวร์นาเมนต์ที่น่าประทับใจอะไรนัก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย พ่ายจุดโทษ เยอรมนี 2-4 โดยที่ เมสซี่ ไม่ได้ถูกใช้งานในเกมนี้ หลังจากมี 1 ประตูจากการลงสำรองมาขยี้ เซอร์เบีย-มอนเตเนโกร 6-0 ในรอบแรก

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2010 : กับเจ้านายชื่อ มาราโดน่า
ลงสนาม : 5 นัด
ยิง : 0 ประตู
น่าลืมเลือน… นิยามได้ว่า “น่าลืมเลือน” สำหรับฟุตบอลโลกคราวนี้ของ เมสซี่ เมื่อทั้งที่มีกุนซือระดับคนในตำนานอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า (ผู้ล่วงลับ) เป็นเจ้านายและที่ปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งอันที่จริง ลางหายนะก็เริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่รอบคัดเลือก เมื่อ อาร์เจนติน่า ในกำมือของ “เสือเตี้ย” แพ้ถึง 6 นัด ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำจนถึงเกมสุดท้าย ก่อนจะผ่านเข้ารอบได้ด้วยการเป็นอันดับ 4 เหนือตำแหน่งเพลย์ออฟแค่ 4 แต้ม

 

สำหรับในรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้, ทั้งที่ เมสซี่ กำลังเบ่งบานกับบาร์ซ่า และเพิ่งพาอาร์เจนฯ ครองแชมป์โอลิมปิก 2008 มา, ฟ้าขาวก็ล้มเหลวอย่างรุนแรง แม้จะผ่านรอบแรกแบบชนะรวด 3 เกมซ้อน แต่ที่สุดแล้วก็ไปแพ้ เยอรมนี ในรอบ 8 ทีม ขาดลอยถึง 0-4 ขณะที่ เมสซี่ ซึ่งถูกจับเล่นตำแหน่งหน้าต่ำ หลังคู่หัวหอกนั้น ไม่มีสกอร์เลยสักลูกตลอดทัวร์นาเมนต์

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2014 : แค่เอื้อมเท่านั้น
ลงสนาม : 7 นัด
ยิง : 4 ประตู
พลิกชะตาจาก 4 ปีก่อนเป็นมาทำได้ดีมากถึงดีที่สุดในรอบหลายสิบปี ถัดจากการเข้าถึงชิงฟุตบอลโลก 1990 ช่วงเวลาที่ มาราโดน่า อายุ 30 ถ้วน และ เมสซี่ เพิ่ง 3 ขวบ

 

แต่ถึงจะดีที่สุด…ก็ยังไปไม่ถึงแชมป์อยู่ดี

 

เมสซี่ งัดฟอร์มสุดยอดออกมาโชว์ที่บราซิลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ยิง 4 ประตูจาก 3 เกมรอบแรก พร้อมมีส่วนสำคัญพาทีมของ อเลฮานโดร ซาเบย่า (ล่วงลับเช่นกัน) ชนะรวด 3 นัด

 

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ กลับกระสุนหมด หยุดยิงเมื่อสิ้นสุดรอบแรก ในขณะที่ อาร์เจนติน่า ยังกรุยทางต่อไปได้เรื่อยๆ

 

ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0 รอบ 16 ทีม
ชนะ เบลเยียม 1-0 รอบ 8 ทีม
ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 รอบตัดเชือก

 

จนนัดชิงชนะเลิศที่เจ้าภาพ บราซิล ไม่มาตามนัด–กลายเป็น เยอรมนี มาแทน… อาร์เจนติน่า ก็บอก “ชิกหายเลี้ยว” เมื่ออินทรีเหล็กคือ “ของแสลง” โดยตรงของฟ้าขาวมาหลายปีดีดัก ที่สุดแล้วก็เป็น เยอรมนี เบียดชนะ 1-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยที่ เมสซี่ เล่นไม่ออกเท่าที่ควรจะเป็น

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2018 : ตัวประกอบอย่างฟ้า-ขาว
ลงสนาม : 4 นัด
ยิง : 1 ประตู
จากที่พลิกชะตาความล้มเหลวในปี 2010 มาถึงชิงชนะเลิศในปี 2014 อาร์เจนติน่า ก็กลับไปฟุบอย่างน่าผิดหวังเสียอีกรอบสำหรับ ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ภายใต้การทำทีมของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี

 

กระเสือกกระสนกันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่สองเกมแรกไม่ชนะใคร — เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 ตามด้วยแพ้ โครเอเชีย 0-3 จนชัยชนะเกมสุดท้ายเหนือ ไนจีเรีย (เมสซี่ยิงลูกแรก) 2-1 ดีพอจะทำให้ อาร์เจนติน่า คว้าอันดับ 2 ของกลุ่ม เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างฉิวเฉียด

 

แต่เมื่อรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมมาถึง อาร์เจนฯ โคจรมาเจอกับ ฝรั่งเศส ก็จบเห่ในพริบตา สกอร์อาจออกเบียดที่ 4-3 แต่ในระหว่างเกม ฝรั่งเศส ฉีกสกอร์นำห่างถึง 4-2 (คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สองเม็ด) แล้วค่อยมาโดนบีบตอนทดเจ็บเท่านั้นเอง

 

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2022 : The Final Countdown
ยิง 9 ประตูใน 3 เกมหลัง
รอบคัดเลือกและเกมอุ่นเครื่อง
อันที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อะไร กับการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 (สูงสุดเทียบเท่า อันโตนิโอ การ์บาฮัล, โลธาร์ มัทเธอุส, ราฟาเอล มาร์เกซ รวมถึงน่าจะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกคน) แล้วมันจะเป็นครั้งสุดท้ายของดาวเตะวัย 35 อย่าง ลิโอเนล เมสซี่

 

โดยไม่ปล่อยให้กะเก็งกันเอาเอง เมสซี่ ให้สัมภาษณ์กับช่องทีวีอาร์เจนติน่า ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือบทสรุปของเขากับ เวิลด์ คัพ (อาจมีไปต่ออีกนิดกับทีมชาติ แต่จะไม่อยู่ถึงบอลโลก 2026 แน่) “นี่จะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของผม อย่างแน่นอน ผมตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว”

 

“ผมกำลังนับถอยหลังเพื่อถึงวันที่ได้ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในแง่หนึ่ง ผมแทบรอไม่ไหวให้มันมาถึง แต่เวลาเดียวกัน ผมก็ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้ อาร์เจนติน่า มีทัวร์นาเมนต์ที่ดี”

 

หลายฝ่ายมองว่า อาร์เจนติน่า มีโอกาสดีสำหรับการขึ้นบัลลังก์แชมป์อีกสมัยที่กาตาร์ เมื่อ ลิโอเนล สคาโลนี่ กำลังทำทีมแล่นฉิว เป็นอันดับ 2 ของสถิติโลกไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 35 นัด

 

เรื่องนี้ เมสซี่ คอมเมนต์ว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าเราเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์รึเปล่า แต่อาร์เจนติน่าเองก็เป็นหนึ่งในทีมที่ลุ้นแชมป์มาตลอดอยู่แล้ว เพราะประวัติศาสตร์ของเรา เพราะสิ่งที่รายการนี้มีความหมายต่อเรา ส่วนตัวผมคิดว่ายังมีบางทีมที่อยู่เหนือเราในตอนนี้ แต่เราก็ใกล้กับพวกเขามาก”

 

“เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี มีกลุ่มนักเตะที่แข็งแกร่ง แต่ทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้นได้ในฟุตบอลโลก”

 

สำหรับซีซั่นนี้ เมสซี่ ดูกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยการยิงไป 8 ประตู แอสซิสต์อีก 8 ครั้ง จากการเล่น 13 เกมทุกรายการ ส่วนในทีมชาติก็อย่างที่ว่า — สามเกมหลังล่อไป 9 ประตู

 

“ข้อเท็จจริงคือ ใช่ ผมอยู่ในจุดที่ดีเช่นกัน ผมผ่านช่วงปรีซีซั่นอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากไม่ได้ทำแบบนี้มาในปีก่อน ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันทำให้ผมเริ่มต้นได้ช้า และมันทำให้ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยลงตัวเมื่อทัวร์นาเมนต์มาถึง แถมเมื่อผมกลับมาจากการเล่นทีมชาติ ก็บาดเจ็บเพิ่มอีกด้วย”

 

“แต่ปรีซีซั่นหนล่าสุดนี้ มันสำคัญมากที่ได้เริ่มต้นในทิศทางที่ต่างไป ผมสามารถมุ่งหน้าสู่การแข่งขันของปีนี้ได้ด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง ด้วยความคิดที่แตกต่าง และมีแรงกระตุ้นที่ดี”

 

ไม่นานเกินรอ… ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ อาร์เจนติน่า จะอยู่ร่วมสายกับ ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์

 

เราคงได้เห็นกัน ว่าฟ้าขาวที่กำลังมาดีๆ จะก้าวไปได้ไกลขนาดไหน

 

และคนพิเศษอย่าง เมสซี่ จะปิดตำนานฟุตบอลโลกของเขาลงแบบใด

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
AS
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Daily Sabah
Barca Universal

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 วิเคราะห์ทีมชาติเบลเยี่ยม

 

ยืนระยะยึดเบอร์ 1 โลก FIFA Ranking ยาวนานกว่า 4 ปี กระนั้น เบลเยียม ในยุคทองของพวกเขา กลับไปไกลสุดเพียงอันดับ 3 รัสเซีย 2018 ดังนั้น มันจึงเป็นความท้าทายและการเดิมพันครั้งใหญ่ของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ในการเข้าสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 

 

ต่างไปจากระดับสโมสร ที่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่โยงคุมทีมหนึ่งทีมใด “ยันลูกบวช” นับสิบๆ ปี แล้วประสบความสำเร็จด้วยดี

 

ในระดับนานาชาติ มักไม่มีโค้ชรายไหนอยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนั้น — หรือถ้ามี ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยแนวทางและวิธีการอันแตกต่างออกไป บางที ค่าเฉลี่ยการนั่งเก้าอี้ 4-5 ปีสำหรับกุนซือทีมชาติ อาจเป็นจังหวะ “พอดีๆ” มากกว่าอย่างอื่น 

 

สำหรับ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ การพา เบลเยียม ไปฟุตบอลโลก 2022 ก็อาจเป็น “ทัวร์นาเมนต์สุดท้าย” ของเขากับงานนี้ ด้วยสัญญาที่คงอยู่ถึงแค่จบทัวร์นาเมนต์ และการอยู่ยาวมาตั้งแต่ปี 2016 (เข้ามาแทน มาร์ก วิลม็อตส์) หรือการที่นั่งเก้าอี้มา 6 ปีแล้วจนถึงตอนนี้ 

 

ไม่ต้องรอจนครบ 8 ปีแล้วยังทู่ซี้จะไปต่อ แม้ยังไม่ได้พูดอะไรชัด โค้ชหนุ่มสแปนิชรายนี้ ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะปิดฉากอำลาไปเมื่อจบบอลโลกที่กาตาร์ — หรืออาจมีต่อเวลาสักนิดสักหน่อย เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี เพื่อพาทีมลุยต่อในรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก กลางปีหน้า และ/หรือท้าชิง ยูโร 2024 โดยไม่ลากยาวไปถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) แต่อย่างใด

 

หนึ่งคือการพาทีมลุยบอลโลกหนสุดท้ายของตัวเขาเอง และอีกหนึ่งคือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่ “หลัก 3” กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

สำคัญมาก… ทั้งการเป็นยุคทอง ทั้งการยึดอันดับ 1 โลกเอาไว้หลายปีดีดัก — แต่กลับไม่มีแชมป์รายการใดติดไม้ติดมือ จบอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 (ชนะ อังกฤษ 2-0) ส่วน ยูโร ทั้งสองรอบที่คั่นกลาง (2016 และ 2020) ล้วนแต่หยุดเส้นทางแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

ฉะนั้น คงพูดได้ว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ และชาวคณะปีศาจแดงฯ เบลเยียม

 

ซึ่งก่อนจะยกพลลุยกาตาร์ (อยู่ร่วมกลุ่มกับ แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย) ในฐานะกึ่งๆ “ม้านอกสายตา” เป็นเพียงตัวเต็งแชมป์ลำดับที่ 7-8

 

มาร์ติเนซ ได้ให้การถึงสิ่งต่างๆ ไว้ ดังนี้…

ฟังสัมภาษณ์ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุด ในเบลเยี่ยม

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

คุณทำผลงานในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นโค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเบลเยียม มันทำให้คุณภาคภูมิใจกับมันขนาดไหน?
โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ : ใช่ ผมภูมิใจกับมันมาก แต่ผมควรชี้ให้เห็นว่าตัวผมเองเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของความพยายามอย่างมากของสมาคมฟุตบอลเบลเยียม ซึ่งส่งผลให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และผู้เล่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นั่นคือสิ่งที่ผมภาคภูมิใจอย่างแท้จริง มากกว่าการชนะเกมใดเกมหนึ่ง ชัยชนะเป็นผลมาจากการทำงานหนักที่ดำเนินการโดยคนเบื้องหลังร่วมๆ 100 คน ซึ่งได้พยายามกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยทีม และสังคมฟุตบอลเบลเยียม ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก

 

 

ย้อนไปในฟุตบอลโลก 2018 คุณมีความทรงจำอะไรจากทัวร์นาเมนต์นั้น? การพลาดเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศในเพียงเอื้อมมือ มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากรึเปล่า?
ไม่รู้สินะ ความรู้สึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมยึดถือเมื่อมองสิ่งต่างๆ ย้อนกลับไป ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และเมื่อความพ่ายแพ้เกิดขึ้น คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณได้เผชิญหน้ากับทีมที่พยายามจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันกับคุณ

 

ความพ่ายแพ้ในรอบตัดเชือกเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่คุณต้องหาวิธีรับมือ มันยากมาก แต่คุณสามารถข้ามผ่านความรู้สึกผิดหวังนั้นได้ด้วยการเล่นอีกเกมหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่เราทำเมื่อเราจบอันดับสามในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก เรามีความรู้สึกว่าเราได้ทำงานของเราออกมาดีแล้ว มากกว่าที่จะรู้สึกว่ามันคือการพลาดโอกาสครั้งใหญ่ และผู้เล่นของเรากลุ่มนี้ก็กลายเจเนอเรชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเล่นฟุตบอลโลกของเบลเยียม

 

 

รอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งนั้น เกมที่ เบลเยียม พบกับ ญี่ปุ่น ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ด้วยการที่ เบลเยียม พลิกชนะ 3-2 หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-2 คุณพอจะอธิบายความรู้สึกของคุณในระหว่างเกมนั้นได้ไหม?
ผมค่อนข้างสงบในระหว่างเกมนะ ส่วน ณ ตอนนี้เมื่อคิดย้อนไปถึงมัน ใจผมก็เต้นแรงขึ้นนิดหน่อย เพราะมันเป็นแมตช์ที่เหลือเชื่อจริงๆ สำหรับคนกลาง เมื่อทีมหนึ่งนำหน้าสองประตูเหนืออีกทีม โดยที่ในหน้าประวัติศาสตร์ แทบไม่มีทีมไหนที่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ใน 90 นาที ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นน่าจะเป็นปี 1966 ดังนั้นมันจึงเป็นตอนจบที่ค่อนข้างหายาก และการที่เราเล่นสวนกลับในช่วง 10 วินาทีสุดท้ายของแมตช์นั้นจนได้ชัยชนะ ก็โดดเด่นเอามากๆ

 

ที่จริง ตรงข้างสนาม เรากำลังง่วนอยู่กับการค้นหาวิธีการที่เราจะทำกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อมันจบแบบนั้น ผมรู้สึกลึกๆ ว่าเราออกจะดีใจกันเกินหน้าเกินตาไปสักหน่อย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันก็อาจเป็นแมตช์ที่น่าจดจำที่สุดที่ผมเคยมีส่วนร่วม

 

 

ลูกทีมของคุณ 6 คนลงสนามรับใช้ทีมชาติเบลเยียมมาแล้วมากกว่า 100 นัด – ยาน แฟร์ตองเก้น, อักเซล วิตเซล, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เอแด็น อาซาร์, ดรีส เมอร์เทนส์ และ โรเมลู ลูกากู คำถามคือ อะไรคือข้อดีของการมีนักเตะประสบการณ์สูงเหล่านี้อยู่หลายคนในทีม?
สำคัญมากๆ ตอนที่ผมเข้ามาคุมทีมชาติเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป้าหมายคือเพื่อพัฒนากลุ่มผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถทิ้งมรดกตกทอดไว้กับฟุตบอลเบลเยียมได้ ซึ่งนอกจาก 6 คนที่คุณพูดถึง เรายังมีอีกสองคนที่ใกล้จะถึงหลักเดียวกันนั้น ทั้ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ และ เควิน เดอ บรอยน์

 

เรากำลังพูดถึงผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเล่นทีมชาติ คนที่ลงเล่นในระดับสูงสุด และสามารถส่งทอดบางอย่างไปสู่นักเตะเยาวชนของเราได้ และนั่นคือสิ่งสำคัญสุด เราต้องปลาบปลื้มไปกับเจเนอเรชั่นนี้ เรียนรู้จากพวกเขา และใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นหลัง พวกเขามีข้อความสำคัญที่จะส่งต่อไปสู่เจเนอเรชั่นถัดไป

 

 

 

โรเมลู ลูกากู กำลังเป็นคนทำประตูได้สูงสุดตลอดกาลของเบลเยียม (68 ประตู) เขาสำคัญกับทีมของคุณขนาดไหน?
ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับ โรเมลู ในระดับสโมสร (เอฟเวอร์ตัน) มาก่อนแล้ว และผมรู้ว่าเขาจดจ่ออยู่กับการเล่นของตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเขาเป็นนักเตะที่รักการยิงประตู โรเมลูเป็นผู้เล่นประเภทที่สามารถเปลี่ยนฟอร์มการเล่นที่ดีให้กลายเป็นผลสกอร์ที่ดีได้เสมอ ผ่านการจบสกอร์ที่เฉียบคมของเขา เขามีอิทธิพลกับทีมอย่างมหาศาล และเขาก็ได้รับความเคารพจากทุกคนในทีม เนื่องด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เสมอมาของเขา

 

 

เอแด็น อาซาร์ เป็นคนสำคัญของเบลเยียมมาตลอด รวมถึงเป็นกัปตันของคุณด้วย แต่เขาไม่ได้โอกาสเล่นมากนักกับ เรอัล มาดริด แล้วคุณจะจัดการกับเขาอย่างไรที่กาตาร์?
ถ้าคุณยังจำได้ ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 คุณอาจจำสิ่งที่ อาซาร์ ทำเอาไว้ รวมถึงความแตกต่างที่เขาสร้างได้ในเกม เขาไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนักในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา กับการเข้าร่วมทีมใหม่แล้วได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ และเรามีความมั่นใจในตัวเขาอย่างเต็มที่ อะไรที่เขาจะนำมาสู่ทีมของเราในฐานะกัปตันทีมชาติ เราแทบรอไม่ไหวที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อที่เขาจะได้แสดงออกอีกครั้งว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

เควิน เดอ บรอยน์ ก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาหลายปีแล้ว อะไรที่ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่พิเศษเช่นนี้?
เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาสามารถสร้างการจ่ายบอลและโอกาสในการทำประตูทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเห็นเขาทำแบบนี้ได้มาหลายปีแล้ว แน่นอนว่ามีเพลย์เมกเกอร์จำนวนมากที่สามารถกำหนดเกมได้ มองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

 

ความแตกต่างระหว่างคนอื่นๆ กับ เควิน เดอ บรอยน์ คือในขณะเดียวกัน เขายังเพิ่มจังหวะความเร็วของเกมขึ้นด้วย เขายกระดับการเล่นเพลย์เมกเกอร์ขึ้นไปอีกขั้น และนำเอาความเข้มข้นและคุณภาพที่แท้จริงมาสู่พื้นที่สุดท้ายของสนาม ทั้งเวลาที่มีและไม่มีบอล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นหนึ่งเดียวทั้งในเบลเยียมและในภาพรวมของวงการฟุตบอลสมัยใหม่

 

 

ถือได้ว่า เบลเยียม มีผู้เล่นที่มีคุณภาพสูงอยู่ทั่วสนาม แต่อะไรคือคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมคุณ?
จุดแข็งที่สำคัญสุดของทีม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือความเข้าใจที่ผู้เล่นทั้งหมดของเราสร้างขึ้นร่วมกัน และความสุขที่พวกเขาดูเหมือนจะได้รับจากการเป็นส่วนหนึ่งของทีม อย่าลืมว่าทีมนี้มีความคาดหวังสูง และอาจกลายเป็นภาระได้ ดูเหมือนว่านักเตะ, โดยเฉพาะคนที่เล่นในต่างแดน, ต่างยินดีรับความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นทูตของฟุตบอลเบลเยียม เป็นกลุ่มผู้เล่นที่ท้าทายต่อแรงกดดัน และพร้อมอยู่ภายใต้สปอตไลท์เพื่อให้พวกเขาสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่กับประเทศของพวกเขาได้ มันน่าทึ่งจริงๆ

 

 

มักมีการพูดถึง “ยุคทอง” ของเบลเยียม อยู่เสมอ มันเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับทีมคุณขึ้นอีกหรือไม่?
แรกเริ่ม การใช้นิยามว่า “ยุคทอง” เป็นของทีมในปี 1986 ส่วนมาวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป คำว่า “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” อาจเหมาะสมมากกว่าในกรณีนี้ เมื่อกลุ่มนักเตะของเราเติบโตเบ่งบานขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ

 

แต่นักเตะของเราก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรที่จะถูกเรียกแบบนี้ และพวกเขาคุ้นเคยกับการได้ยินมันดี เพราะสิ่งนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ก่อนฟุตบอลโลก 2018 แล้ว แน่นอนว่ามันมีความกดดันและความคาดหวังแฝงอยู่สูง และสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นในเชิงบวกเสมอไป แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเบลเยียมของเรา

 

 

ตอนนี้ เบลเยียม ตกลงมาอยู่อันดับ 2 ฟีฟ่า แรงกิ้ง ไปแล้ว ไม่ใช่เบอร์ 1 โลกเหมือนที่เคยเป็นมานาน มันทำให้คุณและทีมต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างรึเปล่า?
ไม่เลย คุณต้องบอกตัวเองว่าอะไรเหล่านั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ในฐานะประเทศที่มีประชากรแค่ 11 ล้านคน การอยู่ในอันดับ 1 ของโลกเป็นเวลา 4 ปี ถือเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อแล้ว มีเพียง บราซิล และ สเปน เท่านั้นที่ครอบครองตำแหน่งนั้นเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณตกลงสู่อันดับ 2 คุณก็แค่ต้องจดจ่ออยู่กับการทวงตำแหน่งกลับคืนมา เพื่อนำหน้าทีมอย่าง บราซิล, ฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า หรือ อังกฤษ นั่นกระตุ้นให้เราต้องปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และฟุตบอลโลก 2022 ก็ช่วยให้เรามีโอกาสทำเช่นนั้นได้.

 

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

ทีมชาติเบลเยี่ยม กับปลายทาง ‘ยุคทอง’ บอลโลก วิเคราะห์บอลโลกวันนี้

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นเรื่อง ว่า ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ คือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่หลัก 3 กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

นี่คือข้อเท็จจริงของ “อายุอานาม” ในขุมกำลังชุดปัจจุบัน
ยาน แฟร์ตองเก้น …… 35
ดรีส เมอร์เทนส์ …… 35
ซิมง มินโยเล่ต์ …… 34
โคเอน คาสตีลส์ …… 34
โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ …… 33
อักเซล วิตเซล …… 33
โธมัส มูนิเยร์ …… 31
เดดริค โบยาต้า …… 31
เควิน เดอ บรอยน์ …… 31
เอแด็น อาซาร์ …… 31
ติโบต์ กูร์กตัวส์ …… 30
ธอร์แกน อาซาร์ …… 29
ยานนิค การ์รัสโก้ …… 29
โรเมลู ลูกากู …… 29
มิชี่ บัตชูอายี่ …… 29

 

นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม หลังจบฟุตบอลโลก จะยังเหลือสักกี่รายที่ได้ไปต่อกับรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 รวมถึง ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี

 

คงไม่ต้องพูดถึง ฟุตบอลโลก 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) ที่ 15 รายชื่อข้างต้น อาจเหลือไม่เกินหนึ่งหยิบมือ

 

ฉะนั้น นอกจากเฮดโค้ชอย่าง มาร์ติเนซ แล้ว กาตาร์ 2022 ก็จะเป็น “ฟุตบอลโลกหนสุดท้าย” ของหลายนักเตะเบลเยียม ด้วยเช่นกัน

 

และนั่นยิ่งทำให้น่าจับตาเป็นสักขีพยานมากขึ้นไปอีก ว่าพวกเขาจะออกแบบตอนจบของ Golden Generation ชุดนี้ที่ร่วมสร้างกันมานานปี ว่าอย่างไร…

 

(ทั้งนี้ทั้งนั้น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับ เบลเยียม ก็ยังพอมีอยู่ เมื่อใช่ว่ากลุ่มแข้งคุณภาพสูงๆ ใกล้จะถูกตัดตอนหมดวาระแบบเกลี้ยงแผง อย่างน้อย เควิน เดอ บรอยน์ ยังน่าไปต่อได้อีกพักใหญ่ รวมถึงเจนใหม่อย่าง ยูรี่ ตีเลมันส์ 25, เลอันโดร ทรอสซาร์ 27, อมาดู โอนาน่า 21, อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส 23, ชาร์ลส์ เด เคเตแลร์ 21, อัลแบร์ แซมบี้ โลกอนก้า 22, เชเรมี่ โดกู 20 ฯลฯ ก็ไปได้อีกยาวๆ)

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA

 

ภาพประกอบ
BeSoccer
Goal
The Times

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

เห็นเงียบๆ แต่ก็ไร้พ่ายมาเรียบสำหรับ อาร์เจนติน่า ที่ถึงตอนนี้ เข้าใกล้การทำลายสถิติโลกไปทุกขณะ และมันจะสมบูรณ์แบบสุดๆ ไปเลยหากสถิติถูกทำลายลง…พร้อมมีโทรฟี่ “แชมป์โลก” เป็นรางวัลตอบแทน

 

ทั้งที่เคยมีสุดยอดดาวเตะอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า, เคลาดิโอ คานิกเกีย, กาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน โรมัน ริเกลเม่, เฟร์นานโด เรดอนโด้, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่, มาร์ติน ปาแลร์โม่, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, วอลเตอร์ ซามูเอล ฯลฯ หรือล่วงเลยมาในยุค ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ฯลฯ

 

แต่จะว่า “ลุงภัพ” -แอ่แฮ่- “อาภัพ” ก็อาจได้ เมื่อ อาร์เจนติน่า มีวาสนาไปถึงบัลลังก์แชมป์โลกมาได้แค่ 2 สมัยเท่านั้น

 

ใช่ที่ “เคยไปถึงมาแล้ว” ไม่เหมือน เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส หรือบรรดาทีมในเอเชีย-แอฟริกา ที่ได้แต่ชะเง้อชะแง้แลมอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว — เทียบกับ บราซิล (5 สมัย) เทียบกับ อิตาลี (4) หรือ เยอรมนี (4) ทุกเสียงต่างลงความเห็นว่า อาร์เจนติน่า โชคร้ายพอตัวที่ได้แชมป์โลกมาแค่ 2 ครั้ง — และมันนานมาแล้วตั้งแต่ 1978 กับ 1986

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ถ้ายังไม่ชัดพอ ก็ต้องบอกว่าแชมป์โลกหนสุดท้ายของพวกเขา ต้องย้อนไป 36 ปีที่แล้วโน่น!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ประเด็นสำคัญก็คือ การต้องอกหักรักคุด พลาดท่าเสียทีในนัดชิงชนะเลิศให้กับอริต่างทวีปอย่าง เยอรมนี นั่นเอง

 

ฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี อาร์เจนติน่า ของ คาร์ลอส บิลาร์โด้ และยอดขุนพลอย่าง มาราโดน่า เข้าถึงนัดชิงดำด้วยหมายมั่นปั้นมือว่าจะ “ป้องกันแชมป์” ให้จงได้ แต่ปรากฏว่า เยอรมนีตะวันตก ของ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ (และยอดแข้งอย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส, รูดี้ โฟลเลอร์, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, เคล้าส์ เอาเกนธาเลอร์ ฯลฯ) มาดีและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ตลอดเกมเป็นอินทรีเหล็กที่กดเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งก็มาได้จุดโทษเอาช่วงท้าย 5 นาทีก่อนจบ และ อันเดรียส เบรห์เม่ สังหารนำชัยให้ เยอรมนี 1-0 (โดยที่ในระหว่างเกม เปโดร มอนซอน ของอาร์เจนฯ เสียบหนักจนโดนใบแดง น.65 นับเป็นคนแรกที่โดนไล่ออกในนัดชิงบอลโลก)

 

ขึ้นไทม์แมชีนมาสู่อีก 24 ปีให้หลัง ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โชคชะตาขีดเส้นให้ อาร์เจนติน่า (คุมโดย อเลฮานโดร ซาเบย่า / มีนักเตะอย่าง เมสซี่, อิกวาอิน, มาสเคราโน่, เอเซเกล ลาเวซซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, มาร์กอส โรโฮ) ได้โคจรมาชิงแชมป์โลกกับ เยอรมนี (โยอัคคิม เลิฟ / มิโรสลาฟ โคลเซ่, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มานูเอล นอยเออร์) เข้าอีกหน

 

ใครจะไปคิดว่าสกอร์จะออกซ้ำเดิม ไม่มีผิดเพี้ยน

 

90 นาทีในมาราคาน่าสิ้นสุดที่ 0-0 โดยที่ต่างฝ่ายต่างพลาดโอกาสทองที่จะขึ้นนำไปฝั่งละหนสองหน กระทั่งครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ น.113 มาริโอ เกิทเซ่ ก็สบโอกาสทะลุเข้าฝั่งซ้ายเขตโทษไปตวัดยิงผ่าน เซร์คิโอ โรเมโร่ เข้าซุกก้นตาข่าย เป็นประตูโทนที่เบิกโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลโลกให้กับ เยอรมนี เป็นสมัยที่ 4

 

นอกจากการแพ้ เยอรมนี สองหนในนัดชิงดำแล้ว ก็เช่นกันกับการฟอร์มหลุดเอาในเกมตัดสินนัดสำคัญ–ในระบบน็อกเอาต์ของ เวิลด์ คัพ

 

ไม่นับ 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่ อาร์เจนติน่า ฟอร์มหลุดถึงขั้นตกรอบแรก นอกนั้น ทีมฟ้าขาวล้วนหลุดออกจากบอลโลกในรอบน็อกเอาต์ทั้งสิ้น

 

1994 ที่สหรัฐอเมริกา ร่วงรอบ 16 ทีม แพ้ โรมาเนีย (จอร์จี้ ฮาจี้) 2-3
1998 ที่ฝรั่งเศส ร่วงรอบ 8 ทีม แพ้ เนเธอร์แลนด์ (เดนนิส เบิร์กแคมป์) 1-2
2006 ที่เยอรมนี หลุดที่ 8 ทีม แพ้ เยอรมนี (เจ้าเก่า) ในการดวลจุดโทษ 2-4
2010 ที่แอฟริกาใต้ ยังคงตก 8 ทีมซ้ำ แพ้ เยอรมนี (อีกแล้วจ้า) ขาดลอย 0-4
มาล่าสุด 2018 ที่รัสเซีย ก็หล่นเร็วแค่รอบ 16 ทีม แพ้ ฝรั่งเศส (คีลิยัน เอ็มบัปเป้) 3-4

 

กระนั้น มาคราวนี้ ท่านว่า อะไรๆ อาจต่างไปจากเดิม

 

ถึงเวลาแล้วที่ อาร์เจนติน่า จะคว้าแชมป์โลกสมัยสาม…!?!

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสร้างทีมชุดแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างถูกที่ถูกเวลาของ ลิโอเนล สคาโลนี่ และการ (ว่ากันว่า) ควรถึงเวลาอันสมควรเสียทีที่สุดยอดดาวเตะจากต่างดาวอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ จะผงาดบัลลังก์แชมป์โลก พาตัวเองไปถึงฝันอันสูงสุดก่อนอำลาทีมชาติ และรวมถึงบอกลาเส้นทางค้าแข้งไปในอนาคตอันใกล้ด้วย

 

สำหรับ สคาโลนี่ อันที่จริง โค้ชหนุ่มวัย 44 รายนี้ถูกปรามาสถึงฝีไม้ลายมือไว้ไม่น้อย เมื่อเขาไม่เคยได้จับงานคุมทีมสโมสรใดใดมาก่อนเลย — หากยังพอจำกันได้ นี่คือกองหลังฝีเท้าพอไปวัดไปวาได้อยู่ในยุคต้น 2000 โดยสร้างชื่อกับ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า รวมถึงมีช่วงที่มาแวะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ ลาซิโอ อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะแขวนสตั๊ดเลิกเล่นกับ อตาลันต้า ในปี 2015 (นี่เองนะ) ส่วนในทีมชาติ เคยสวมชุดฟ้าขาวลงสนามแค่ 7 นัดในระหว่างปี 2003-2006

 

แต่ก็นั่นแหละ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนาท่านว่าคงลำบาก

 

จากการเป็นมือขวา ผู้ช่วยกุนซือ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่เซบีย่า สคาโลนี่ ถูกหอบหิ้วจากเจ้านายมารับงานกับทีมชาติอาร์เจนติน่าต่อในช่วงปี 2017 ซึ่งเมื่อ อาร์เจนติน่า ล้มเหลวกับฟุตบอลโลก 2018 แล้ว ซัมเปาลี ถูกเด้งพ้นไป สคาโลนี่ กลับยังคงได้จับงานกับทีมชาติต่อ–ในฐานะกุนซือรักษาการ ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ปาโบล ไอมาร์ และขึ้นคุมเดี่ยวๆ หลังจากนั้น

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?อย่างที่ว่า การนั่งเก้าอี้แบบ “ไร้ดีกรี” ทำให้ สคาโลนี่ ถูกปรามาสถึงฝีมือไว้เยอะ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเสียงครหาก็เงียบลง

 

สคาโลนี่ กลายเป็น “คนที่ใช่” ของ อาร์เจนติน่า ไปเสียเฉยๆ ด้วยผลงานประจักษ์ชัดตลอดหลายปีหลัง โดยเฉพาะใน โคปา อเมริกา 2021 ซึ่งทัพ “ลา อัลบิเซเลสเต้” เดินหน้าสังหารคู่แข่งแบบไม่มีแผ่ว จนนัดชิงก็ปราบเจ้าภาพ บราซิล 1-0 ด้วยประตูโทนของ อังเคล ดิ มาเรีย ฉลองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้กลางมาราคาน่า

 

ไปถึงเส้นชัย โคปา อเมริกา และยังต่อเนื่องด้วยรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ที่ อาร์เจนติน่า ก้าวเท้าได้อย่างเข้มแข็ง อาจไม่ได้หวือหวายิงกระจายเหมือน บราซิล แต่เรื่อยๆ มาเรียงๆ และไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 11 เสมอ 6 การันตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายแบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย

 

จากแมตช์สู่แมตช์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนมาวันนี้ อาร์เจนติน่า ของ สคาโลนี่ กลายเป็นเบอร์ 2 “สถิติโลก” ไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 35 นัด นับรวม 2 เกมลับแข้งล่าสุดในเดือนนี้ ที่ฟ้าขาวผ่าน ฮอนดูรัส กับ จาไมก้า ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-0

 

สถิติไร้พ่าย 35 นัดของอาร์เจนติน่า
1. ชนะ ชิลี 2-1 / โคปา อเมริกา 2019
2. เสมอ ชิลี 0-0 / กระชับมิตร
3. ชนะ เม็กซิโก 4-0 / กระชับมิตร
4. เสมอ เยอรมนี 2-2 / กระชับมิตร
5. ชนะ เอกวาดอร์ 6-1 / กระชับมิตร
6. ชนะ บราซิล 1-0 / กระชับมิตร
7. เสมอ อุรุกวัย 2-2 / กระชับมิตร
8. ชนะ เอกวาดอร์ 1-0 / คัดบอลโลก 2022
9. ชนะ โบลิเวีย 2-1 / คัดบอลโลก 2022
10. เสมอ ปารากวัย 1-1 / คัดบอลโลก 2022
11. ชนะ เปรู 2-0 / คัดบอลโลก 2022
12. เสมอ ชิลี 1-1 / คัดบอลโลก 2022
13. เสมอ โคลอมเบีย 2-2 / คัดบอลโลก 2022
14. เสมอ ชิลี 1-1 / โคปา อเมริกา 2021
15. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
16. ชนะ ปารากวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
17. ชนะ โบลิเวีย 4-1 / โคปา อเมริกา 2021
18. ชนะ เอกวาดอร์ 3-0 / โคปา อเมริกา 2021
19. เสมอ โคลอมเบีย 1-1 (ชนะจุดโทษ 3-2) / โคปา อเมริกา 2021
20. ชนะ บราซิล 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
21. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-1 / คัดบอลโลก 2022
22. ชนะ โบลิเวีย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
23. เสมอ ปารากวัย 0-0 / คัดบอลโลก 2022
24. ชนะ อุรุกวัย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
25. ชนะ เปรู 1-0 / คัดบอลโลก 2022
26. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
27. เสมอ บราซิล 0-0 / คัดบอลโลก 2022
28. ชนะ ชิลี 2-1 / คัดบอลโลก 2022
29. ชนะ โคลอมเบีย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
30. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-0 / คัดบอลโลก 2022
31. เสมอ เอกวาดอร์ 1-1 / คัดบอลโลก 2022
32. ชนะ อิตาลี 3-0 / ชิงแชมป์ Finalissima
33. ชนะ เอสโตเนีย 5-0 / กระชับมิตร
34. ชนะ ฮอนดูรัส 3-0 / กระชับมิตร
35. ชนะ จาไมก้า 3-0 / กระชับมิตร

 

35 นัดของการไร้พ่าย ไม่ต้องสงสัยว่าเครดิตต้องเป็นของ สคาโลนี่ พร้อมๆ กันกับเสียงปรบมือที่ขุนพลฟ้าขาวทุกรายคู่ควรจะได้รับ

 

ทั้งความเหนียวแน่นหนึบของนายประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
แผงหลังที่เข้าเท่าเข้าทีมิใช่เบา ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนคู่ คริสเตียน โรเมโร่ โดยมี นาอูเอล โมลิน่า กับ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ขนาบข้าง
แดนกลางที่แข็งโป้ก ลงตัวทั้งบู๊บุ๋น – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, โจวานี่ โล เซลโซ่
เกมรุกที่มีตัวเลือกเยอะ และพึ่งพาได้แทบทุกคน – เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, เปาโล ดีบาล่า, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ฮัวกิน กอร์เรอา
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาพีคอีกครั้งในนามทีมชาติของ ลิโอเนล เมสซี่

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ยิงคนเดียว 5 ประตูในเกมถลุง เอสโตเนีย 5-0
เบิ้ลสองใส่ ฮอนดูรัส ในชัยชนะ 3-0
ลงสำรองไปเบิ้ลอีกสองใส่ จาไมก้า จนชนะขาด 3-0
เท่ากับ 3 นัดหลังในการรับใช้ชาติ พ่อกดไป 9 ประตู

 

 

 

 

 

 

คำถามคือ ถ้า เมสซี่ พีคถึงขีดสุดอยู่แบบนี้ในฟุตบอลโลก 2022 อะไรจะเกิดขึ้นกันล่ะ?

 

อย่างไรก็ตาม สถิติที่ อาร์เจนติน่า ทำไว้ ยังไปไม่ถึง “สถิติโลก” ที่จารึกไว้เมื่อไม่นานนี้โดย อิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งทัพอัซซูร์รี่สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนานถึง 37 นัด กินเวลาครอบคลุม ยูโร 2020 ที่พวกเขาครองแชมป์ทวีปยุโรปได้อย่างยิ่งใหญ่ (ก่อนจะตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบตกตะลึงกันทั้งบาง)

 

ทำเนียบทีมชาติไร้พ่ายยาวนานที่สุด
37 นัด (ชนะ 30 เสมอ 7) อิตาลี 2018-2021
35 (26-9) อาร์เจนติน่า 2019-2022 (ยังไปได้ต่อ)
35 (26-9) แอลจีเรีย 2018-2022
35 (32-3) สเปน 2007-2009
35 (28-7) บราซิล 1993-1996
31 (21-10) อาร์เจนติน่า 1991-1993
30 (22-8) ฝรั่งเศส 1994-1996
30 (24-6) อิตาลี 1935-1939

 

อย่างไรก็ตามซ้อนอย่างไรก็ตาม อาร์เจนติน่า ก็ขอไปต่ออีกแค่ 3 นัดเท่านั้นเพื่อทำลายสถิติ นั่นหมายถึง สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเพียง “ไม่ทันพ้นรอบแรก” ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อาร์เจนติน่า มีคิวต้องดวลกับ ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์ ตามลำดับ

 

อีกทั้ง อิตาลี ยังทำเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การทำลายสถิติเรื่องนี้ สามารถเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันกับการผงาดแชมป์ทวีปได้ ดังนั้นถ้า อาร์เจนติน่า คิดจะเดินตามรอย ก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปแต่ประการใด

 

ยังเริ่มมีการมองกันแล้วว่า มันอาจเกิด “ดรีมแมตช์” ขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ที่ Lusail Iconic Stadium

 

นั่นเพราะ อาร์เจนติน่า ของ เมสซี่ และชาวคณะ ฝังตัวอยู่ในกลุ่มซี หรือ “สายบน”

 

ในขณะที่ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในกลุ่มเอช หรือ “สายล่าง”

 

หากต่างฝ่ายต่างจบที่แชมป์กลุ่ม หรือรองแชมป์กลุ่มของตัวเอง เหมือนๆ กัน (ไม่ว่าจะเป็นที่ 1 หรือ 2 ขอแค่เหมือนกัน อย่าต่าง) คู่นี้ก็จะไม่เจอกันในรอบน็อกเอาต์…จนกระทั่ง นัดชิงชนะเลิศ!

 

นั่นคือถ้า อาร์เจนติน่า ยึดแชมป์กลุ่มซี ได้ตามคาด และเวลาเดียวกัน โปรตุเกส ก็ไม่พลาดจบที่แชมป์กลุ่มเอช จากนั้นต่างฝ่ายต่างเอาชนะคู่แข่งได้ทีละรอบๆ แบบไม่มีสะดุดในเกมน็อกเอาต์

 

นัดชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธ.ค. ก็จะเป็นการดวลกันของ อาร์เจนติน่า กับ โปรตุเกส

 

แน่นอน เมสซี่ ก็จะมาจับไม้จับมือแลกธงกับ โรนัลโด้ ที่กลางสนาม ก่อนสาดแข้งกันให้ยับในอีก 90 หรือ 120 นาที++ หลังจากนั้น (หากว่าไม่เจ็บไม่แบนกันทั้งคู่ด้วยนะ)

 

และด้วยอายุอานาม 35 ของเมสซี่ กับ 37 ของโรนัลโด้ นั่นยังหมายถึงว่า นัดชิงชนะเลิศ (ในฝัน) นี้อาจเป็น “เกมสุดท้าย” ในการรับใช้ชาติของทั้งคู่

 

เกมสุดท้าย ที่มีเดิมพันเป็นโทรฟี่แชมป์โลก

 

คลาสสิกเป็นบ้าเป็นบอ!

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
Sportingnews
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Trend Detail News
Complete Sports
Twitter

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

ถ้าไม่ใช่ ‘เจ้าพ่อคอนเทนต์’ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

จะกี่เสียงที่บอกให้เปลี่ยน จะกี่คนที่เร้าให้ดร็อป แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่สนใจ ยังคงใช้งาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อย่างสม่ำเสมอ จนเป็นคำถามว่า เอ…หรือมันเพราะ อังกฤษ ขาดแคลนผู้เล่นตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” อย่างนั้นหรือ???

 

กลายเป็นเรื่องลึกลับของโลกลูกหนัง ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับยอดดาวเตะที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กันแน่?

 

เพราะจากเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่งฝีเท้าจัดจ้าน เจ้าของรางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้ 2017/18, เจ้าของค่าตัว 80 ล้านปอนด์ในตอนย้ายสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัมเมอร์ 2019 และเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดง

 

วันผ่านคืนผัน แม็กไกวร์ กลับกลายเป็น “เจ้าพ่อคอนเทนต์” ในแง่ลบ เป็นตัวตลกกลางสนาม และเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งสามารถตักตวงได้อย่างเต็มที่ในแทบทุกเกมที่ลงเล่น

 

พอเข้าใจได้กับฟอร์มที่ดาวน์ลงไปในฤดูกาลที่แล้ว (2021/22) เมื่อแนวรับแต่ละคนรอบข้างของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มหลุด ไว้วางใจได้ยากกันแทบทุกคน ที่สุดแล้วผลงานที่ต้นสังกัดเข้าป้ายเพียงอันดับ 6 ในลีก ไม่มีแชมป์รายการใดติดมือ ไปจนถึงการเปลี่ยนตัวกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนเด้ง ราล์ฟ รังนิค ก็อยู่ไม่ยืด ยังผลเสียในเรื่องของ “ความมั่นใจ” ที่ลดระดับลงของ แม็กไกวร์

 

แต่ครั้นซีซั่นใหม่นี้มาถึง กุนซือใหม่ เอริก เทน ฮาก เข้ามา–พร้อมการันตีปลอกแขนให้ แม็กไกวร์ ว่าจะยังคงได้เป็นหัวหน้าทีมผีแดงต่อไป ดาวเตะวัย 29 ก็กลับไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งที่เคยมีออกมาได้ ยังคงเล่นผิดเล่นพลาด เชื่องช้า สมาธิหลุด และอะไรต่างๆ นานา จนยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าค่าตัว 80 ล้านปอนด์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายไปนั้น กลายเป็นการลงทุนที่เหลวไหลไม่ได้ความอีกหนึ่งดีล

 

นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก แม็กไกวร์ ลงตัวจริงจับคู่เพื่อนใหม่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปรากฏ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 1-2

 

สัปดาห์ถัดมา แม็กไกวร์ ลงตัวจริงต่อเนื่องในเกมบุกเตะ เบรนท์ฟอร์ด ปรากฏโดนผึ้งต่อยแบบไม่ต้องเล่นมุกว่า “ต่อยนานยัง” แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ขาด 0-4

 

ถัดมา เทน ฮาก ตัดสินใจดร็อป แม็กไกวร์ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้ ราฟาแอล วาราน ลงมายืนคู่ มาร์ติเนซ บ้าง และทันใดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เดินหน้าชนะ 4 เกมติดต่อกันทันที!

 

ยิ่งตลกร้ายกับตัว แม็กไกวร์ ขึ้นไปอีก เมื่อการกลับสู่ไลน์อัพตัวจริงอีกหน ในเกมยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดเปิดบ้านรับมือ เรอัล โซเซียดัด จากสเปน ก็ปรากฏเป็น โซเซียดัด บุกกำชัยถึงแมนเชสเตอร์ 1-0

 

สรุปสั้นๆ คือ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ ลงตัวจริง แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เรียบ
และ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ โดนดร็อป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กำชัยได้ทั้งหมด
(เลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนแซวยับ ว่าจุดเปลี่ยนในฟอร์มดีๆ ของผี ก็คือการถอด แม็กไกวร์ ออกจากทีมนี่เอง)

 

ประเด็นก็คือ เห็นแบบนี้ กุนซือทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ยังคงมอบความไว้วางใจให้กับ แม็กไกวร์ อย่างเต็มที่ในคิวทีมชาติ 2 นัดของเดือนนี้ (กันยายน 2022) คิวที่เป็นการเตรียมตัวหนท้ายๆ มากๆ ก่อน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จะมาถึง

 

23 ก.ย. อังกฤษ บุกเตะ อิตาลี ที่ซาน ซิโร่ — แม็กไกวร์ ลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์

 

แม้ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร แต่ อังกฤษ ก็แพ้ 0-1

 

26 ก.ย. อังกฤษ กลับมาเปิดเวมบลีย์รับมือ เยอรมนี — แม็กไกวร์ ยังคงลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ จอห์น สโตนส์ (ก่อน ไคล์ วอล์คเกอร์ เปลี่ยนลงแทน สโตนส์ ที่บาดเจ็บท้ายครึ่งแรก)

 

เกมนี้เองที่ แม็กไกวร์ โชว์ฟอร์ม “สร้างคอนเทนต์” เข้าให้อีกแล้ว

 

ขณะเกมเสมอ 0-0 น.50 แม็กไกวร์ รับบอลจาก ไดเออร์ แล้วจ่ายไปติด จามาล มูเซียล่า มันดื้อๆ วินาทีต่อมาที่ มูเซียล่า เลี้ยงจี้เข้าใส่ แม็กไกวร์ ก็ไปรวบดาวรุ่งเยอรมันล้มลงอย่างเสียท่า ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วเป่าจุดโทษ อิลคาย กุนโดกัน สังหารไม่พลาด 1-0

 

น.67 แม็กไกวร์ โดนตัดลูกในแดนคู่แข่ง บอลถูกลำเลียงสวนเร็วขึ้นมาจบที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ปั่นโค้งหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบเสาอย่างงดงาม 2-0

 

ยังดีที่เกมไม่ได้จบแค่ตรงนี้ (ไม่งั้นยิ่งโดนด่าเละขึ้นอีก) อังกฤษ ยังฮึดขึ้นยิงแซงนำ 3-2 ในยี่สิบนาทีท้าย กระทั่งเกมสิ้นสุดอย่างระทึกที่ 3-3 ไค ฮาแวร์ตซ์ ซัดเม็ดสองทวงเจ๊า น.87 (เป็นความผิดพลาดซองแตกของ นิค โป๊ป บ้าง)

 

แต่ถึงจะไม่แพ้คารัง อังกฤษ ก็ยังสั่งลา เนชั่นส์ ลีก 2022/23 อย่างช้ำเลือดช้ำหนองอยู่ดี — ชนะใครไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 3 รั้งบ๊วยกลุ่ม 3 ลีกเอ ที่หมายถึงว่าต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีกบีร่วมกับทีมเกรดรองๆ ทั้งหลายแหล่ใน UNL งวดหน้า 2024/25

 

สำหรับ แม็กไกวร์ ได้รับการตัดเกรดฟอร์มการเล่นจากสื่อผู้ดี ดังนี้…
บีบีซี 2.58/10
สกาย สปอร์ตส์ 5/10
อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด 3/10
เทเลกราฟ 4/10
เดอะ ซัน 4/10

 

นอกจากการตัดเกรด สื่อทุกสำนักยังแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เซาธ์เกต พลาดอย่างแรงที่ยังคงไว้วางใจในตัว แม็กไกวร์ อยู่ — บีบีซี ถึงกับพาดหัวว่า “แฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือปัญหาของ แกเร็ธ เซาธ์เกต” ทีเดียว

 

ฟอร์มที่ยังคงผุพัง ความมั่นใจที่ลดระดับจนแทบเหลือ 0 บวกกับ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

นั่นจึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่า การที่ แม็กไกวร์ ยังได้โอกาสจาก เซาธ์เกต นั่นเพราะว่าหรือจริงๆ แล้ว อังกฤษ ขาดแคลนนักเตะตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” หรืออย่างไร?

 

และถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อคอนเทนต์อย่าง แม็กไกวร์ แล้ว ยังมีตัวอื่นที่สามารถเป็นหลักในแนวรับสิงโตคำราม ได้อีกหรือไม่?

 

ลองไปสำรวจตรวจตรากันหน่อยน่าจะดี…

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น สโตนส์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 59 นัด
หนึ่งในตัวยืนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต อีกรายนั่นแหละ ถ้าไม่เจ็บหนักไปเสียก่อนก็จะได้ไปฟุตบอลโลก 2022 แบบ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ด้วยดีกรีเล่นทีมชาติ 59 นัด กับความสำเร็จเพียบรายการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เจ้าตัวย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นด้วยตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

 

ซีซั่นนี้ สโตนส์ ยังแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ด้วยการขยับขึ้นยืน “มิดฟิลด์ตัวรับ” กับทาง แมนฯ ซิตี้ เพียงแต่โดยธรรมชาติก็ยังคงเป็นเซนเตอร์แบ็กอยู่นั่นเอง

 

นี่คือหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ของ เซาธ์เกต และสามารถเป็นคีย์แมนในแดนหลังได้อย่างแน่นอน หากว่าจะหมางเมิน แม็กไกวร์ ไปหาคนอื่นเพื่อมาเติมเต็มหลังบ้าน

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เอริก ไดเออร์ : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
รับใช้ชาติ 47 นัด
เว้นระยะการรับใช้ชาติไปตลอดปี 2021 ก่อนถูกเรียกกลับมาลงตัวจริงทั้ง 2 เกมที่พบกับ อิตาลี และ เยอรมนี ในเดือนนี้

 

ที่จริง อดีตเด็กปั้นสปอร์ติ้ง ลิสบอน เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่การเป็นมิดฟิลด์ แต่เวลาถัดมาก็ถอยลงต่ำ มายืนแบ็กขวาบ้าง เซนเตอร์แบ็กบ้าง

 

แม้ในภาพรวมของการเล่น ไดเออร์ ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในเกมรับที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะให้เป็นตัวจริงหรือสำรองก็ตาม

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไคล์ วอล์คเกอร์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 70 นัด
อีกหนึ่งขาประจำของ เซาธ์เกต สำหรับการเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวขวาสุดในหมาก 3 กองหลัง หรือจะรับบทแบ็กขวาในแผงแบ็กโฟร์ก็สามารถทำได้อย่างไม่เคอะเขิน เมื่อโดยปกติก็ยืนตรงนี้อยู่แล้วในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

 

ด้วยดีกรีติดทีมยอดเยี่ยม ยูโร 2020 และการรับใช้ชาติมากถึง 70 นัด สูงที่สุดในบรรดาแผงรับชุดนี้ ทำให้ไม่ต้องห่วงเช่นกันว่า วอล์คเกอร์ จะไม่ได้ไปกาตาร์ เพียงแต่ด้วยอายุอานาม 32 แล้ว ก็ทำให้มีสิทธิ์ว่านี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวได้

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คอนเนอร์ โคดี้ : เอฟเวอร์ตัน
รับใช้ชาติ 10 นัด
ย้ายออกจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปสู่สัญญายืมตัวที่ เอฟเวอร์ตัน อย่างเซอร์ไพรส์ในตลาดล่าสุด เมื่อทั้งที่เป็นกัปตันทีมหมาป่า และลงเล่นอย่างสม่ำเสมอปีละไม่ต่ำกว่า 40 นัดมาหลายปีดีดัก

 

ส่วนเมื่อย้ายสู่ กูดิสัน พาร์ค แล้ว เซนเตอร์แบ็กวัย 29 ก็ยังคงได้เล่นต่อเนื่อง ลงสนามไปแล้ว 6 เกมให้ทีมทอฟฟี่ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

 

อย่างไรก็ตาม ข้อด้อยของ โคดี้ คือการที่ไม่ค่อยได้โอกาสลงสนามในระดับนานาชาติมากนัก ไม่ว่าจะเป็นในถ้วยยุโรปหรือกับทีมชาติ ที่เขาเคยได้เล่นให้สิงโตคำรามมาแค่ 10 เกมเท่านั้น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022มาร์ก เกฮี : คริสตัล พาเลซ
รับใช้ชาติ 3 นัด
คริสตัล พาเลซ ทุ่ม 18 ล้านปอนด์ซื้อ เกฮี มาจาก เชลซี ในปีที่แล้ว และมีส่วนสำคัญในเกมรับของ ปาทริค วิเอร่า มาตลอด จนซีซั่นนี้ก็เริ่มได้ปลอกแขนกัปตันทีมไปสวมใส่บ้างแล้ว

 

ด้วยวัยเพียง 22 คงต้องถือว่า เกฮี ยังอยู่ในขั้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และยังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิคาโย่ โทโมรี่ : เอซี มิลาน
รับใช้ชาติ 3 นัด
นี่คือคนที่หลายฝ่ายมองว่า นี่ต่างหากตัวที่ เซาธ์เกต ควรยึดโยงและมอบความไว้วางใจให้ และโชคดีแค่ไหนแล้วที่นักเตะเลือกรับใช้ อังกฤษ ไม่เป็นทีมชาติบ้านเกิดจริงๆ อย่าง แคนาดา

 

ปราการหลังวัย 24 เจ้าของชื่อเต็มยาวเหยียด “โอลูวาฟิคาโยมี่ โอลูวาดามิโลล่า โทโมรี่” เป็นเด็กปั้นของ เชลซี ที่ถูกส่งออกยืมตัวไปฝึกงานอย่างสม่ำเสมอกับหลายค่ายในช่วงที่่ผ่านมา ทั้งกับ ไบรท์ตัน, ฮัลล์ ซิตี้, ดาร์บี้ และ เอซี มิลาน

 

จนซีซั่น 2020/21 ที่ไปยืมตัวกับ มิลาน แล้วโชว์ฟอร์มเข้าตา ยักษ์ใหญ่แดนมะกะโรนีจึงควัก 25 ล้านปอนด์ซื้อขาด และซีซั่นที่แล้วก็ลงสนามถึง 40 นัด มีส่วนสำคัญช่วยให้ มิลาน คว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้สำเร็จในรอบสิบปี จนมาซีซั่นนี้ก็ยังได้เล่นต่อเนื่อง มีตำแหน่งตัวจริงการันตี

 

ทั้งดีกรีแชมป์กัลโช่ ทั้งประสบการณ์ระดับสูงในลีกเลี่ยนและ ชปล. จนถึงการเล่นได้ดีกับ มิลาน วีกแล้ววีกเล่า ล้วนเป็นจุดที่ทำให้ เซาธ์เกต ควรเปิดที่ทางให้ โทโมรี่ มากกว่าที่เป็น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คริส สมอลลิ่ง : โรม่า
รับใช้ชาติ 31 นัด
อีกหนึ่งคนที่ไปได้ดีกับการเล่นต่างแดน แต่ไม่รู้ว่าช้าไปแล้วหรือยังกับการหวนมารับใช้ชาติ ในวัย 32 ย่าง 33

 

อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างถาวรไปแจ้งเกิดใหม่กับ โรม่า เมื่อปี 2020 (ภายหลังยืมตัวมาแล้ว 1 ปี) ด้วยค่าตัวไม่ใช่เบา 15+5 ล้านยูโร แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่ดีของทัพหมาป่า โดยเฉพาะเมื่อ สมอลลิ่ง เด่นถึงขั้นเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2022 ที่ชนะ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม 1-0

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เบน ไวท์ : อาร์เซน่อล
รับใช้ชาติ 4 นัด
ไม่อยู่ในทีมชุดเตะ UNL เดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ ทั้งที่นักเตะกำลังเล่นได้ดีกับ อาร์เซน่อล ไม่ว่าจะยืนเซนเตอร์แบ็กหรือถ่างออกมาเล่นแบ็กขวาก็ตาม

 

เคยถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่โอเวอร์เกินไปของ อาร์เซน่อล ที่จ่าย 50 ล้านปอนด์ซื้อจาก ไบรท์ตัน ปีที่แล้ว แต่นี่คือการจ่ายเพื่ออนาคต เมื่อ ไวท์ สามารถอยู่โยงรับใช้ทีมได้นับสิบปี จากที่ตอนนี้เพิ่ง 24 เท่านั้น

 

เช่นกัน มาตรฐานระดับนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ถ้า เซาธ์เกต จะวางให้ ไวท์ เป็นตัวหลักหลังบ้านชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ก็จะยิ่งดีต่อตัวนักเตะมากขึ้นไปอีก

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไทโรน มิงส์ : แอสตัน วิลล่า
รับใช้ชาติ 17 นัด
อยู่ในทีมชุดรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ก็กลับถูกมองข้ามไปในระยะหลัง ซึ่งอาจจะด้วยฟอร์มกับ แอสตัน วิลล่า ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก รวมถึงการมีตัวเลือกเซนเตอร์แบ็กค่อนข้างเยอะของ เซาธ์เกต

 

แต่หากได้อยู่ในทีม มิงส์ ก็น่าจะสร้างประโยชน์กับลูกกลางอากาศได้มาก กับส่วนสูงถึง 196 เซนติเมตร ใหญ่ที่สุดในทัพสิงโตคำราม

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส : เบิร์นลี่ย์
รับใช้ชาติ 0 นัด
ดาวรุ่งชื่อเรียกยากอายุเพียง 20 ขวบที่ เบิร์นลี่ย์ ยืมตัวมาใช้จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่เคยก้าวขึ้นมาเล่นสิงโตคำรามชุดใหญ่มาก่อน ภายหลังตระเวนเล่นชุดเล็กไล่ระดับจาก ยู-16 ไปจนถึง ยู-21 มาแล้วเป็นสิบๆ เกม

 

ยังจัดเป็นเพียงอนาคตของทีมชาติอังกฤษ แต่ก็น่าจับตามองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อ ฮาร์วู้ด-เบลลิส กำลังได้รับการโค้ชโดยตรงจากตำนานเรือใบอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่เบิร์นลี่ย์

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เลวี่ คอลวิลล์ : ไบรท์ตัน
รับใช้ชาติ 0 นัด
เช่นกันกับ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส ว่า เลวี่ คอลวิลล์ ก็คงยังเป็นอนาคตระยะยาวของสิงโตคำราม ไม่ใช่กับชุดนี้ ที่คงเซอร์ไพรส์มากๆ หาก เซาธ์เกต จะชายตามอง

 

คอลวิลล์ อายุแค่ 19 เท่านั้น และซีซั่นนี้ย้ายยืมจาก เชลซี ไป ไบรท์ตัน ซึ่งก็ได้ลงสนามสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 นัด

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022แกรี่ เคฮิลล์ : ฟรีเอเยนต์
รับใช้ชาติ 61 นัด
อยู่ในสถานะ “กึ่งเลิกเล่น” ภายหลังแยกทางกับ บอร์นมัธ เมื่อหมดสัญญาหลังจบซีซันที่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับใครใหม่

 

ดาวเตะวัย 36 อาจผ่านวันวัยพีคๆ ของตัวเองมาแล้ว (และสภาพร่างกายก็คงไม่ 100%) แต่เรื่องประสบการณ์คงถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร กับการรับใช้ชาติ 61 นัด ผ่านฟุตบอลโลกมา 2 สมัย ยูโรอีก 1 หน รวมถึงการอยู่โยงเล่นกับ เชลซี ยาวนาน 6-7 ปีก่อนหน้านี้

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิล โจนส์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รับใช้ชาติ 27 นัด
ตัวละครลับค่ายปีศาจแดง…ลับเสียจนซีซั่นนี้ เอริก เทน ฮาก ยังไม่ใช้งานแม้แต่นาทีเดียว แถมไม่ถูกลงทะเบียนเป็นหนึ่งใน 25 รายชื่อทีมชุดใหญ่เพื่อเล่นพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุอานามแค่ 30 ถ้วน หากว่า โจนส์ เรียกความฟิตกลับมาอยู่ในทีมผีแดง ชุดลงเล่นบอลถ้วยรายการต่างๆ ได้ ก็อาจมีสิทธิ์คืนสู่ทำเนียบทีมชาติได้เหมือนกัน หลังได้สวมชุดสิงโตคำรามหนสุดท้าย ก็ฟุตบอลโลก 2018 โน่น

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น เทอร์รี่ & ริโอ เฟอร์ดินานด์
รับใช้ชาติรวมกัน 159 นัด
อันนี้ขายขำแล้วจ้า เมื่อแต่ละคนเลิกเล่นไปนานโข แถมอายุเลยหลักสี่เข้าไปแล้ว (41 กับ 43) แต่ถ้าจะเรียกตัวมาเป็นทีมสตาฟฟ์ ช่วยติวเข้มกองหลังที่มี ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุป
จากลิสต์ที่ร่ายมาทั้งหน้า ชัดเจนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ได้ขาดไร้ซึ่งตัวเลือกเลย กับปราการหลังที่เข้าข่ายนับสิบราย เขาสามารถจิ้ม “ใครก็ได้ทั้งนั้น” มาแทน แม็กไกวร์ ไม่ว่าจะใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กที่ชอบ หรือกลับไปใช้แผงแบ็กโฟร์ก็ตาม

 

โทโมรี่ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – โทโมรี่ – สโตนส์
ไดเออร์ – สโตนส์ – โทโมรี่
ไวท์ – ไดเออร์ – สโตนส์
โทโมรี่ – ไวท์ – ไดเออร์
ฯลฯ และ ฯลฯ

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เซาธ์เกต เพียงคนเดียว

 

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า จากที่ตะบี้ตะบันส่งลงมาตลอด ไม่ดร็อปไม่เปลี่ยนออก ก็ไม่มีทีท่าเลยว่า เซาธ์เกต จะเปลี่ยนใจไปจากชายคนนี้

 

แถมในการให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ เยอรมนี นายใหญ่สิงโตคำราม ก็ยังเอ่ยปากหนุนหลัง แม็กไกวร์ เข้าให้อีก “ผมรู้ ทุกคนสนใจแต่ความผิดพลาดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่า แฮร์รี่ ทำได้ดีแค่ไหนในสองเกมที่ผ่านมา เขามีจังหวะที่ช่วยทีมได้หลายครั้ง แต่ทุกอย่างถูกบดบังโดยความผิดพลาดไม่กี่ครั้ง”

 

“มันมีประเด็นให้ได้ถกเถียงกันอยู่เสมอ แต่ผมคิดว่าช่วงเวลาแบบนี้ เราต้องสนับสนุนนักเตะที่ดีที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดของเราอย่างเต็มที่”

 

เพราะนั้น, ในกรณีที่ถ้า แม็กไกวร์ ไม่อาจเรียกฟอร์มที่ดีและเรียกความมั่นใจของตัวเองได้จริงๆ ในสองเดือนท้ายก่อนฟุตบอลโลก 2022, สุดท้ายท้ายสุดจริงๆ ทางเดียวที่จะทำให้ เซาธ์เกต เปลี่ยนใจได้

 

กองเชียร์สิงโตก็คงต้องแช่งชักหักกระดูกให้ แม็กไกวร์ ดวงแตกเจ็บหนักจนอดไปบอลโลกเท่านั้นเอง!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
BBC
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Sports Illustrated
Getty Images
Twitter