เรื่อง

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ ‘เมสซี่’ แต่แข้งฟ้าขาว ‘ทุกคน’ ล้วนสำคัญ!

เปิดขุมกำลัง อาร์เจนติน่า ชุดแชมป์โลก 2022

ในเรื่องเล่าแชมป์โลกแต่ละสมัยของ อาร์เจนติน่า น่าแปลกไม่น้อยที่จะมี “พระเอก” เป็นเสมือนผู้นำทีมไปสู่ความสำเร็จ — ที่ให้บังเอิญว่า ต่างก็สวมเสื้อหมายเลข 10 ด้วยกันทั้งหมดเสียด้วย

 

1978 มาริโอ เคมเปส
1986 ดีเอโก้ มาราโดน่า
และ 2022 ลิโอเนล เมสซี่

 

แต่เอาเข้าจริง อาจ “ช็อตฟีล” ไปหน่อยที่ต้องบอกว่า… ฟุตบอล ไม่ใช่ “กีฬาชายเดี่ยว” แต่อย่างใด

 

ตราบใดที่ เมสซี่ ไม่อาจยิงประตูเสร็จแล้วคว้าถุงมือโกล์มาเฝ้าเสาได้ ก็เลิกพูดเสียทีว่า อาร์เจนติน่า ประสบความสำเร็จได้เพราะ เมสซี่ เพียงคนเดียว

 

เพราะไม่ใช่แค่ เมสซี่ แต่แข้งฟ้าขาว “ทุกคน” อีก 25 นักเตะ ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ก็ล้วนแต่มีความสำคัญ มีประโยชน์และส่งอิทธิพลจากการเล่นในตำแหน่งของตัวเอง

 

ดังนั้น ฟุตบอลโลก 2022 จึงไม่ใช่ “ฟุตบอลโลกของเมสซี่”

 

แต่คือฟุตบอลโลกของ “ทีมชาติอาร์เจนติน่า”

 

และว่ากันถึงที่สุด ก็คงเป็นของชาวอาร์เจนไตน์…ทุกชีวิต!

 

 

ผู้รักษาประตู
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!1. ฟรังโก้ อาร์มานี่
ลงสนาม : 0
รวมนาที : 0
เสียประตู : 0
ถ้าจะมีใครไม่สำคัญในทีมชุดแชมป์โลกชุดนี้ ก็ ฟรังโก้ อาร์มานี่ นี่แหละ (ฮา) โดยนายประตูวัย 36 จาก ริเวอร์เพลท มาเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในฐานะมือสองรองจาก เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ซึ่งโชคไม่ดีที่ทัวร์นาเมนต์นี้ อาร์เจนติน่า ไม่มีเกมในลักษณะ “ไม่ซีเรียส” อยู่เลย ทำให้โอกาสลงสนามทั้งหมดเป็นของมือหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!12. เคโรนิโม่ รุลลี่
ลงสนาม : 0
รวมนาที : 0
เสียประตู : 0
หนักกว่ามือสองอย่าง ฟรังโก้ อาร์มานี่ ก็คือมือสามอย่าง เคโรนิโม่ รุลลี่ จอมหนึบวัย 30 จาก บียาร์เรอัล ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่ว่าไว้ในท่อนขยายของ อาร์มานี่ ว่า อาร์เจนติน่า ไม่มีเกมขำๆ แต่อย่างใด ส่งผลให้ทั้งมือสองและมือสาม ได้แค่ร่วมซ้อมและรอสแตนด์บายข้างสนามเท่านั้น

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!23. เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริงทั้งหมด)
รวมนาที : 690
เสียประตู : 8
เซฟประตู : 6
สร้างชื่อทั้งในฐานะมือหนึ่งแชมป์โลก, จอมเซฟจุดโทษ และตัวตึงค่ายฟ้าขาว เจ้าของรางวัลนายประตูยอดเยี่ยม Golden Glove โดยแม้จะเสียประตูไปไม่น้อย 8 ลูกจาก 7 นัด แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ในวัย 30 (แล้ว) จาก แอสตัน วิลล่า ก็แสดงให้เห็นว่าเขาคือยอดนายทวารคนหนึ่งของวงการ ซึ่งนอกจากการเซฟจุดโทษของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ในช่วงดวลเป้า (สองรอบ) แล้ว ก็ยังเซฟช็อตสำคัญมากๆ จากการยิงของ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หอกสำรองฝรั่งเศส ในช่วงทดเจ็บ 120+3 ของการต่อเวลาพิเศษ ช่วยให้ อาร์เจนติน่า ยื้อไปได้จนถึงดวลเป้า ไม่เช่นนั้นฟ้าขาวก็คงต้องรอแชมป์โลกไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย

 

 

 

กองหลัง
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!2. ฮวน ฟอยธ์
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 5
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กองหลังสารพัดประโยชน์จาก บียาร์เรอัล ได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2022 แค่ 5 นาทีสุดท้ายของเกมที่ อาร์เจนติน่า ยิง โครเอเชีย ขาดลอยไปแล้ว 3-0 ในรอบตัดเชือก แต่ด้วยวัยแค่ 24 จึงยังถือว่ามีอนาคตอีกยาวไกลในทีมฟ้าขาว

 

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!3. นิโกลัส ตายาฟิโก้
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 3 สำรอง 3)
รวมนาที : 373
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แบ็กซ้ายวัย 30 จาก โอลิมปิก ลียง ออกสตาร์ทตัวจริงในนัดแรก แต่ผลแพ้ ซาอุดีอาระเบีย อย่างช็อกโลก 1-2 ก็ทำให้เขาโดนลงโทษอย่างกลายๆ ด้วยการโดนดร็อปจากทีมตัวจริงในเกมถัดๆ มา จนกระทั่งคืนสู่ 11 คนแรกอีกครั้งได้ในรอบตัดเชือกกับ โครเอเชีย ภายหลัง มาร์กอส อคุนย่า ติดโทษแบน แต่แม้รายหลังจะพ้นโทษพร้อมเล่นนัดชิง ก็ยังเป็นโอกาสของ ตายาฟิโก้ ได้ยืนตัวจริงต่ออย่างเซอร์ไพรส์ในนัดชิงแชมป์กับ ฝรั่งเศส

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!4. กอนซาโล่ มอนเทียล
ลงสนาม : 4 (ตัวจริง 1 สำรอง 3)
รวมนาที : 118
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
หนึ่งในโจ๊กเกอร์ที่ ลิโอเนล สคาโลนี่ ให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษสำหรับความนิ่งแน่นอนของการยิงจุดโทษ เมื่อแม้ว่าแบ็กขวาวัย 25 จากเซบีย่า จะได้เล่นตัวจริงแค่นัดเดียวกับ เม็กซิโก (2-0) แต่เมื่อเกมยืดเยื้อถึงดวลเป้าแล้ว มอนเทียล ก็จะถูกส่งลงไปเป็นมือสังหารเสมอ และยิงได้อย่างเฉียบขาดเข้าเป้าทั้งเกมชนะ เนเธอร์แลนด์ 4-3 และชนะ ฝรั่งเศส 4-2 (แต่ก็โดนจับแฮนด์บอล เสียจุดโทษลูก 3-3)

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!6. เคร์มัน เปซเซลล่า
ลงสนาม : 3 (ตัวจริง 0 สำรอง 3)
รวมนาที : 60
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
เซนเตอร์แบ็กตัวสำรองวัย 31 จาก เรอัล เบติส ถูกส่งลงท้ายเกมแทนเพื่อนทั้ง 3 นัดของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 ได้แก่รอบแรกที่ชนะ โปแลนด์ 2-0 (12 นาที), รอบ 8 ทีมชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3 (43 นาที) และนัดชิง ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 4-2 ก็ได้ลงไปช่วยอุดเกมรับเฮือกท้าย นาที 116

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!8. มาร์กอส อคุนย่า
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 4 สำรอง 2)
รวมนาที : 373
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แบ็กซ้ายประสบการณ์สูงวัย 31 จากเซบีย่า เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นสำรองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ แต่ก็ก้าวขึ้นไปเป็นตัวจริงแทนที่ ตายาฟิโก้ ตั้งแต่นัดชนะ เม็กซิโก 2-0 เป็นต้นไป จนกระทั่งรอบ 8 ทีมที่มาโดนใบเหลืองเพิ่ม ทำให้ติดแบนอดเล่นรอบตัดเชือก จนกลายเป็นว่าต้องหลุดเป็นสำรองไปเสียในนัดชิงกับ ฝรั่งเศส เพียงแต่ก็ยังถูกเปลี่ยนลงไปช่วยเสริมเกมรับแทน อังเคล ดิ มาเรีย ในนาที 64

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!13. คริสเตียน โรเมโร่
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 6 สำรอง 1)
รวมนาที : 547
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
แม้จะเข้าๆ ออกๆ ไม่ได้เป็นตัวจริงถาวรของ สเปอร์ส แต่กับทีมชาติแล้ว เซนเตอร์แบ็กวัย 24 จัดเป็นคนสำคัญในแผงหลัง เป็นตัวยืนมาตั้งแต่ โคปา อเมริกา 2021 ระดับติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2022 ก็เป็นตัวจริงถึง 6 จาก 7 นัดที่ อาร์เจนติน่า ลงสนาม รวมถึงก็เป็นตัวจริงแบบอยู่ครบเกม 120 นาทีของนัดชิงชนะเลิศ

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!19. นิโกลัส โอตาเมนดี้
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 7 สำรอง 0)
รวมนาที : 690
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 1
ทั้งที่ขวบวัยปาไป 34 ย่าง 35 และหลบไปสังกัดทีมเกรดรองอย่าง เบนฟิก้า แล้ว แต่ปรากฏว่า โอตาเมนดี้ แทรกลงตัวจริงในทีมของ สคาโลนี่ อย่างเซอร์ไพรส์ แถมสร้างสถิติน่าสะพรึงอย่างการลงเป็น 11 คนแรกครบถ้วนทั้ง 7 นัดและเล่นครบทุกนาทีของทั้ง 7 แมตช์ ไม่ถูกถอดออกแม้แต่ครั้งเดียว จนมีเพียง โอตาเมนดี้, เมสซี่ และนายประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เท่านั้น ที่ลงเล่นครบทั้ง 690 นาทีที่กาตาร์ ของทีมฟ้าขาว

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!25. ลิซานโดร มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 2 สำรอง 3)
รวมนาที : 303
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
สร้างชื่อเป็นปราการหลังจอมแกร่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา แต่กับทีมชาติแล้ว ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวเลือกที่ 3 รองจากทั้ง นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ จนในเวิลด์คัพหนนี้ได้เล่นตัวจริงแค่ 2 นัด เกมรอบแรกกับ เม็กซิโก และลงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็กนัดชนะ เนเธอร์แลนด์ รอบ 8 ทีม

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!26. นาอูเอล โมลิน่า
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 6 สำรอง 1)
รวมนาที : 567
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
มีเส้นทางค้าแข้งพุ่งขึ้นดุจดั่งพลุไฟ เมื่อแบ็กขวาวัย 24 เพิ่งจะย้ายจาก อูดิเนเซ่ ไป แอตเลติโก มาดริด ซีซั่นนี้เอง รวมถึงก็เพิ่งเริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่ในปีก่อนเท่านั้น แต่ไม่มีใครหยุดอยู่จนกลายเป็นแบ็กขวาตัวเลือกแรกของ สคาโลนี่ ไปแล้ว ในฟุตบอลโลก 2022 ก็ลงตัวจริง 6 นัด สำรองหนเดียวนัดพบ เม็กซิโก และมี 1 ประตูในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ รวมถึง 1 แอสซิสต์กับ โปแลนด์ ด้วย

 

 

 

 

 

กองกลาง
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!5. เลอันโดร ปาเรเดส
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 2 สำรอง 3)
รวมนาที : 225
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
อันที่จริง กลางรับวัย 28 จาก ยูเวนตุส เป็นคนที่ติดทีมชาติมาเยอะที่สุด (45 นัด) ในบรรดามิดฟิลด์ที่ สคาโลนี่ เลือกมา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงทัวร์นาเมนต์ก็ดันหลุดออกจาก 11 คนแรกไปเสีย เหตุผลอาจมาจากเกมแรกกับ ซาอุฯ ที่ ปาเรเดส ได้เล่นตัวจริงแต่เล่นไม่ค่อยดี ปิดเกมคู่แข่งไม่อยู่ โดนทะลวง 2 ประตูจนโดนถอดออกหลังจากนั้น แล้วก็หายหน้าไป ค่อยกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งตอนตัดเชือกกับ โครเอเชีย

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!7. โรดริโก้ เด ปอล
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 7 สำรอง 0)
รวมนาที : 599
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
โรดริโก้ “เดอะ บอดี้การ์ด” เด ปอล องครักษ์พิทักษ์เมสซี่ จัดเป็นหนึ่งในคีย์แมนชุดแชมป์โลกของทัพฟ้าขาว ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างรุกก็ดีรับก็ได้ ขับเคลื่อนแดนกลางด้วยพลังแรงสูง แม้จะไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ แต่มิดฟิลด์เชื้อสายอิตาลีวัย 28 จาก แอตเลติโก มาดริด ก็ไม่หลุดจากทีมเลยแม้แต่นัดเดียว และมีนาทีในสนามเป็นรองแค่ 3 คนที่ได้ลงทุกนาที (เอมี่ มาร์ติเนซ, โอตาเมนดี้, เมสซี่) เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!14. เอเซเกล ปาลาซิออส
ลงสนาม : 3 (ตัวจริง 0 สำรอง 3)
รวมนาที : 50
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กลางรับตัวเลือกรองลงไปจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาฟุตบอลโลกในฐานะอะไหล่สำรองของพี่ๆ ส่งผลให้ได้เล่นแค่ 3 เกม (เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, โครเอเชีย) เป็นตัวสำรองช่วงท้ายทั้งหมด และมีนาทีในสนามแค่ 50 นาทีเท่านั้น

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!16. ติอาโก้ อัลมาด้า
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 7
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มิดฟิลด์หนุ่มน้อยวัย 21 เด็กสุดในทีมแชมป์โลกชุดนี้ (อ่อนเดือนกว่า เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ) ได้มาฟุตบอลโลก 2022 อย่างส้มหล่น โดยถูกเรียกมาแทนตัวเจ็บอย่าง ฮัวกิน กอร์เรอา ซึ่งดาวรุ่งจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ทีมในสหรัฐฯ ก็ได้สัมผัสเกมที่กาตาร์แค่ 7 นาทีถ้วน จากการลงสำรองท้ายเกมกับ โปแลนด์ ซึ่งนับเป็นการเล่นชุดใหญ่เกมที่ 3 เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!17. อเลฮานโดร โกเมซ
ลงสนาม : 2 (ตัวจริง 2 สำรอง 0)
รวมนาที : 107
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
ตัวรุกสูงวัย (34) จาก เซบีย่า เพิ่งจะมาติดทีมชาติอาร์เจนติน่าสม่ำเสมอก็ในช่วงที่มี สคาโลนี่ ทำทีมนี่เอง แต่ก็มีรอยด่างตรงที่ประตูสุดท้ายที่ทำได้ต้องย้อนไปไกลถึงท้ายซีซั่นก่อนทีเดียว ส่วนที่กาตาร์ “ปาปู้” โกเมซ ได้เล่นตัวจริง 2 เกม กับ ซาอุฯ และ ออสเตรเลีย แต่ก็ไม่มีผลงานอะไรเท่าไหร่ โดนถอดออกต้นครึ่งหลังทั้งสองนัด

 

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!18. กีโด้ โรดริเกซ
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 1 สำรอง 0)
รวมนาที : 56
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
กลางรับร่างโย่งวัย 28 จาก เรอัล เบติส เป็นตัวจริงชุดแชมป์ โคปา อเมริกา กลางปีที่แล้ว แต่หลุดลงเป็นสำรองของชุดแชมป์โลก ได้เล่นแค่เกมเดียว (ลงตัวจริง) นัดชนะ เม็กซิโก 2-0 ก่อนโดนถอดออกกลางครึ่งหลัง กระนั้นก็เหมือนเป็นการค้นพบของทัวร์นาเมนต์เหมือนกัน เมื่อตัวที่ลงแทนคือ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ผู้ซึ่งกลายเป็นดาวเด่นในที่สุด

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!20. อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 6 สำรอง 0)
รวมนาที : 550
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
มิดฟิลด์จาก ไบรท์ตัน ได้ของขวัญวันเกิด (24 ธ.ค.) อายุครบ 24 ปีระดับพรีเมี่ยมอย่างเหรียญทองและโทรฟี่แชมป์โลก ภายหลังลูกชายของ คาร์ลอส “โคโล่” แม็ค อัลลิสเตอร์ อดีตตัวทีมชาติอาร์เจนติน่า 3 นัด (โบคา จูเนียร์ส 1992-1996) จัดเป็นหนึ่งในความเซอร์ไพรส์ของทีมแชมป์โลก ด้วยการที่ก่อนทัวร์นาเมนต์ อเล็กซิส เพิ่งติดธงชุดใหญ่มาแค่ 7 เกมเท่านั้น แต่ก็ถูกเลือกจาก สคาโลนี่ ให้ลงตัวจริงในฟุตบอลโลก 2022 นับตั้งแต่รอบแรกนัดสอง กับ เม็กซิโก เป็นต้นไป (มียิง 1 ลูกกับ โปแลนด์) จนกระทั่งถึงเกมชิงชนะเลิศ

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!24. เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 5 สำรอง 2)
รวมนาที : 564
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
หลังจากถูกส่งลงสำรองครึ่งชั่วโมงท้ายของเกมกับ เม็กซิโก แล้วสร้างผลงานได้ทันที ยิง 1 ประตูปิดกล่องให้ อาร์เจนติน่า กำชัย 2-0 ก็กลายเป็นเหมือนการค้นพบสุดสำคัญของ สคาโลนี่ ที่หลังจากนั้นก็ส่งมิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 21 จาก เบนฟิก้า ลงตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และ เฟร์นานเดซ ทำอีก 1 แอสซิสต์นัดชนะ โปแลนด์ ก่อนจะช่วยให้ฟ้าขาวไปถึงฝั่งฝัน จนสุดท้ายก็ได้รับคัดเลือกให้คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของรายการ FIFA Young Player Award ไปครอง

 

 

 

 

 

กองหน้า
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!9. ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ลงสนาม : 7 (ตัวจริง 5 สำรอง 2)
รวมนาที : 464
ประตู : 4
แอสซิสต์ : 0
ที่จริง ผู้คนก็พอรู้อยู่แล้วว่า ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ไม่ธรรมดา จากการจิ้มเลือกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้มาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ และก็มีผลงานยิง 7 ประตูในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าเจ้าหนุ่มวัย 22 จะระเบิดเถิดเทิงได้ขั้นนี้ เริ่มจากฉกชิงตัวจริงมาจาก เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แล้วก็ยึดเอาไว้แบบยาวๆ จนถึงแชมป์โลก โดยมีผลงานชิ้นโบว์แดงที่การซัด 2 ตุงในเกมสยบ โครเอเชีย 3-0 รอบตัดเชือก รวมสอยไป 4 ประตูในฟุตบอลโลกครั้งแรกของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!11. อังเคล ดิ มาเรีย
ลงสนาม : 5 (ตัวจริง 4 สำรอง 1)
รวมนาที : 288
ประตู : 1
แอสซิสต์ : 1
น้อยแต่มาก… เกือบจะเป็นสุดยอดโจ๊กเกอร์แห่งฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเรียกจุดโทษ 1 และยิงประตูเองอีก 1 นำ อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ ฝรั่งเศส 2-0 ก่อนที่จะมาโดนทีเด็ด คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จนเจียนอยู่เจียนไปและต้องเสียน้ำตาบนม้านั่งสำรองหลายรอบ ซึ่งที่จริง ในวัยย่าง 35 และสภาพร่างกายไม่ได้ฟิตปั๋งเหมือนตอนรุ่งๆ ดิ มาเรีย ก็คงมาเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ในท้ายที่สุดก็มีแชมป์โลกติดมือเข้าจนได้

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!15. อังเคล กอร์เรอา
ลงสนาม : 1 (ตัวจริง 0 สำรอง 1)
รวมนาที : 5
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มาลุยฟุตบอลโลก 2022 แบบที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากอยู่แล้ว ด้วยการเป็นมวยแทนของ นิโก้ กอนซาเลซ ที่เจ็บจนต้องถอนตัวไปก่อนทัวร์นาเมนต์ และกองหน้ากึ่งปีกวัย 27 จาก แอตเลติโก มาดริด ก็ไม่ได้ขออะไรมากนอกจากให้ทีมประสบความสำเร็จ โดยที่เขาได้ลงสำรอง 5 นาทีท้ายของเกมกับ โครเอเชีย ภายหลังสกอร์ขาดไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!21. เปาโล ดีบาล่า
ลงสนาม : 2 (ตัวจริง 0 สำรอง 2)
รวมนาที : 18
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
หวิดจะกลายเป็นผู้แพ้ในทีมผู้ชนะ จากการที่หัวหอกเพียบดีกรี (12 แชมป์สมัยอยู่ ยูเวนตุส, ติดทีมแห่งปี เซเรีย อา 4 รอบ) อย่าง ดีบาล่า ไม่ถูกเลือกจาก สคาโลนี่ ให้ได้ลงสนามเลย ด้วยเหตุผลเรียบๆ ง่ายๆ (แต่เจ็บปวด) ว่า ในสายตาของโค้ชอย่างเขา มีตัวเลือกที่ดีกว่าให้ใช้งาน แต่ในที่สุดแล้วก็ยังได้ลงสำรองในเกมกับ โครเอเชีย และ ฝรั่งเศส โดยที่ยังไว้ลายด้วยการสังหารจุดโทษเข้าอย่างไม่พลาดในช่วงดวลเป้าชี้ขาด จึงนับว่ามีส่วนสำคัญกับการเป็นแชมป์โลกครั้งนี้ด้วย

 

 

 

 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!22. เลาตาโร่ มาร์ติเนซ
ลงสนาม : 6 (ตัวจริง 2 สำรอง 4)
รวมนาที : 241
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 0
มาลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่หน 3 (แต่บอลโลกครั้งแรก) ของตัวเองด้วยสถานะตัวจริง และมีสถิติดีด้วยในการรับใช้ชาติ (21 ประตูจาก 40 นัด) แต่เกือบๆ จะกลายเป็น Flop of the Tournament ไปเสีย ด้วย 2 ประตูที่ถูกยกเลิกด้วยวีเออาร์เกมเปิดหัวกับ ซาอุฯ ที่ดูจะส่งผลกับความมั่นใจโดยตรง จนเล่นได้อย่างย่้ำแย่ในเกมถัดๆ มา (โดนดร็อปสำรองตั้งแต่เกมกับ โปแลนด์ เป็นต้นไป) โดยเฉพาะนัดชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ที่มีโอกาสถ่างสกอร์หลายหนแต่พลาดไปหมด และสุดท้ายไม่มีประตูเลยในเส้นทางสู่แชมป์โลก อย่างไรก็ตาม ถือว่า เลาตาโร่ ยังเล่นได้อย่างวูบวาบในนัดชิง อย่างน้อยมีส่วนร่วมกับประตูนำ 3-2 ที่เขาส่องติดเซฟ อูโก้ โยริส ก่อนบอลมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงเข้าไป

 

 

 

ตัวละครลับ
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!เซร์คิโอ อเกวโร่
อดีตดาวยิงวัย 34 อาศัยช่วงว่างๆ ภายหลังต้องเลิกเล่นอาชีพไปแบบช็อกวงการด้วยปัญหาหัวใจ เดินทางไปสมทบกับแคมป์ทีมชาติอาร์เจนตินาที่ประเทศกาตาร์ โดยในช่วงแรกมีปัญหาไม่ได้อนุมัติบัตรผ่านจากฝ่ายจัดฯ แต่ในที่สุดก็ได้ไฟเขียวและอยู่ยาวมาจนจบรายการ โดยเป็นเสมือนสตาฟฟ์โค้ชอย่างไม่เป็นทางการ ให้คำปรึกษาน้องๆ โดยเฉพาะบรรดากองหน้า และเมื่อทีมได้แชมป์โลกก็สวมเสื้อเบอร์ 19 ซึ่งเคยใส่ลุยบอลโลก 2018 ไปร่วมฉลองอย่างออกนอกหน้าที่กลางสนาม

 

 

 

 

 

 

 

 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง…กุนซือ
แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!ลิโอเนล สคาโลนี่
ที่จริง นี่คือเพื่อนรุ่นพี่ร่วมทีมของ เมสซี่ ในชุดที่ อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี เพียงแต่ว่าแบ็กขวา/ปีกขวา (สร้างชื่อกับ ลา กอรุนญ่า, เวสต์แฮม, ลาซิโอ) อย่าง สคาโลนี่ ก็ได้เล่นแค่เกมเดียวในทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ให้หลังมาอีก 9 ปี (2015) เขาจะแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า

 

หนึ่งปีหลังจากนั้น สคาโลนี่ ได้โอกาสเข้ามาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่เซบีย่า และเมื่อเจ้านายใหญ่ขยับไปรับงานคุมทีมชาติ สคาโลนี่ ก็ติดสอยห้อยตามไปช่วยงาน ซัมเปาลี เช่นกัน

 

ครั้นเมื่อ อาร์เจนติน่า ล้มเหลวกับฟุตบอลโลก 2018 แล้ว ซัมเปาลี ถูกเด้งพ้นไป สคาโลนี่ ก็ยังคงได้จับงานกับทีมชาติต่อ–ในฐานะกุนซือรักษาการร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ปาโบล ไอมาร์ และถัดมาก็ขึ้นคุมเดี่ยวๆ หลังจากนั้นไม่นาน

 

เอาเข้าจริง การนั่งเก้าอี้แบบ “ไร้ดีกรี” ไม่เคยคุมสโมสรใดมาก่อนเลย ทำให้ สคาโลนี่ ถูกปรามาสถึงฝีมือไว้เยอะ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเสียงครหาก็เปลี่ยนเป็นเสียงปรบมือ และดังสนั่นหวั่นไหวเสียด้วย

 

สคาโลนี่ กลายเป็น “คนที่ใช่” ของ อาร์เจนติน่า ไปเสียเฉยๆ ด้วยผลงานประจักษ์ชัดอย่างแชมป์โคปา อเมริกา 2021 แถมจากแมตช์สู่แมตช์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี อาร์เจนติน่า ของ สคาโลนี่ ก็กลายเป็นเบอร์ 2 “สถิติโลก” ไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 36 นัดทีเดียว

 

ต่อเมื่อแพ้ ซาอุดีอาระเบีย อย่างพลิกล็อก 1-2 ในเกมเปิดหัวฟุตบอลโลก 2022 แล้ว หลังจากนั้น อาร์เจนติน่า ในมือกุนซือหนุ่มวัย 44 ก็ไม่แพ้ใครอีก…จนกระทั่งผงาดครองแชมป์โลกที่รอคอยมา 36 ปี

 

นั่นเท่ากับว่า สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด!

 

43 นัดล่า
ชนะ 29
เสมอ 13
แพ้แค่ 1 เกมถ้วน

 

ที่สำคัญ จากโค้ชมือใหม่หัดขับ ไม่ค่อยประสีประสาแท็กติกอะไรในช่วงแรกๆ คงถือได้ว่า สคาโลนี่ เป็นหนึ่งใน “จอมแท็กติก” ของวงการ และการตัดสินใจเลือกบางสิ่งของเขาก็มักได้ผล “ถูกต้อง” เสียด้วย

 

ไม่ว่าจะ
• เปลี่ยนทีม 5 ตำแหน่งจากเกมแพ้ ซาอุฯ จนชนะ เม็กซิโก 2-0
• เลือกใช้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ เป็นตัวจริงต่อเนื่อง
• วางเด็ก 21 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เป็นแกนกลาง
• ถอดและดร็อป เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลังผ่านไปเกมครึ่ง เปิดทางให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ลงไปสร้างชื่อ
• หย่อน 3 เซนเตอร์แบ็กลงไปรับมือ เนเธอร์แลนด์ แล้วยันอยู่จน 7 นาทีท้าย (ค่อยมาโดน 2 เม็ดหลังจากนั้น แต่ก็ยังชนะดวลจุดโทษ)
• ปรับระบบมาเน้นรุกอีกครั้งในรอบตัดเชือก แล้วก็อัด โครเอเชีย ขาด 3-0
• ใช้เสือเฒ่าอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ในนัดชิง เพื่อปั่นป่วนเกมรับฝั่งขวาของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะ และ ดิ มาเรีย ก็ทำงานได้อย่างสุดยอด เรียกจุดโทษ 1 ยิงเอง 1

 

การเลือกตัวและการวางหมากเหล่านี้ของ สคาโลนี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญสู่แชมป์โลกของ อาร์เจนติน่า

 

ฉะนั้น ก็อาจพูดได้ว่า ถ้าไม่ได้โค้ชคนนี้ เมสซี่ ก็อาจไปไม่ถึงแชมป์โลก

 

เช่นกัน หากปราศจากจิ๊กซอว์ทั้ง 24-25 ชิ้นที่เหลือ–นอกจากชิ้นใหญ่สุดอย่าง เมสซี่ แล้ว ก็คงไม่มีทางที่ อาร์เจนติน่า จะไปถึงเส้นชัยได้

 

ฉะนั้น แน่นอนที่สุด แชมป์โลกครั้งนี้ที่อยู่มือฟ้าขาว เครดิตต้องเป็นของ “ทุกคน” — ในฐานะของ “ทีม”

 

ไกด์เถื่อน

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 : ไม่ใช่แค่ 'เมสซี่' แต่แข้งฟ้าขาว 'ทุกคน' ล้วนสำคัญ!

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA
fbref.com

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter
GettyImages

 

เรื่องน่าอ่าน
แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

 

ลิโอเนล เมสซี่ กับสารพัดสถิติ หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ กับสารพัดสถิติ หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ลิโอเนล เมสซี่ยังไม่อำลาทีมชาติ

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ กับถ้วยที่รอมานาน (ภาพ: www.eurosport.com)

ฟุตบอลโลก 2022 น่าจะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของเมสซี่ เมื่ออีก 4 ปีข้างหน้าอายุเขาจะขยับไปเป็น 39 ปี ที่หากยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอาร์เจนติน่า ก็น่าจะเป็นกำลังสนับสนุน หรือมีความสำคัญในแง่อื่นกับทีมมากกว่าเกมในสนาม ทำให้หลาย ๆ คนมองว่า หากคว้าแชมป์สำเร็จ ลิโอเนล เมสซี่จะอำลาสนาม

โดยก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น เมสซี่ให้สัมภาษณ์ว่า ทัวร์นาเมนท์นี้น่าจะเป็นฟุตบอลโลกสุดท้ายของเขา แต่ล่าสุดหลังพาทีมรับถ้วยที่รอคอย เมสซี่บอกกับสื่อว่า เขาตั้งใจที่จะเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าต่ออีกสักระยะ

“ผมคว้าแชมป์โคปา อเมริกาและแชมป์โลกในช่วงเวลาที่สั้นมาก” เมสซี่ กล่าว “ผมรักในสิ่งที่ผมทำ การได้ลงเล่นให้ทีมชาติ และผมอยากลงเล่นต่อไปหลาย ๆ เกมในฐานะแชมป์โลก” และ “ผมกำลังจะนำถ้วยแชมป์กลับอาร์เจนติน่า เพื่อความสุขของทุกคน”

เมสซี่ยังพูดอีกว่า มันเป็นเรื่องความฝันแบบเด็ก ๆ ในการพาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกเป็นหนแรกนับตั้งแต่ดีเอโก้ มาราโดน่าทำได้ ที่เม็กซิโกเมื่อปี 1986

“มันเป็นความฝันแบบเด็ก ๆ ของใครก็ได้” เมสซี่บอก “ผมโชคดีที่ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างในการทำงาน และหนึ่งในสิ่งที่หายไปก็อยู่ตรงนี้แล้ว” เขากล่าว “มันบ้าบอดี ดูถ้วยแชมป์นี่ซิ เธอสง่างามมาก ผมอยากได้เธอมาก ๆ ผมเคยมองว่า นี่คงจะเป็นอีกถ้วยหนึ่ง… แล้วเธอก็เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ” เมสซี่ย้ำด้วยว่า “พวกเราเจออะไรร้าย ๆ แต่ในที่สุดเราก็คว้าแชมป์จนได้ ผมอยากปิดชีวิตการทำงานของตัวเองด้วยแชมป์นี้ ผมคงไม่สามารถขออะไรได้อีก ขอบคุณพระเจ้า ที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับผม”

ลิโอเนล สคาโลนี่ โค้ชของอาร์เจนติน่า ก็พูดในการให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า เมสซี่จะได้รับการต้อนรับเสมอสำหรับการเล่นให้ทีมชาติ

ลิโอเนล เมสซี่ กับสถิติมากมายในฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโ,ก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ กับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2022 ลูกฟุตบอลทองคำ (ภาพ: www.goalzz.com)

นอกจากจะเดินตามรอยตำนานนักเตะของอาร์เจนติน่าและของโลก ที่คว้าแชมป์โลกสำเร็จ เมสซี่ยังทำให้สถานภาพของตัวเองในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมั่นคงยิ่งขึ้น แม้จะพลาดรองเท้าทองคำ รางวัลสำหรับดาวซัลโวให้กับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่เขาก็เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของรายการ ซึ่งเป็นหนที่ 2 แล้วที่เขาได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ โดยในฟุตบอลโลก 2022 เมสซี่ยิงไป 7 ประตู และจ่ายให้เพื่อนทำประตูอีกสาม

ในตอนนี้จากการลงเล่นทุกเกมรวม 1,003 นัดทั้งในระดับชาติและสโมสร เจ้าของบัลลงดอร์ 7 สมัยทำประตูไปถึง 793 ประตู แล้วยังกลายเป็นเจ้าของสถิติมากมายในฟุตบอลโลกให้ได้เล่าขานถึง และนี่คือ สถิติเหล่านั้น

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า (ภาพ; www.skysports.com)

ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้น เมสซี่ที่เป็นหนึ่งใน 11 ผู้เล่นตัวจริงของอาร์เจนติน่าคือนักเตะคนแรกที่ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 26 เกม มากกว่าเจ้าของสถิติเดิม โลธ่าร์ มัตเทอุส กองกลางเยอรมนี ที่ทำไว้ 25 นัด โดยเมสซี่เล่นฟุตบอลโลกนัดแรกในเดือนมิถุนายน 2006 และลงเล่นแค่ 3 เกมที่เยอรมนีในฐานะซูเปอร์ซับ ตามด้วยการเป็นตัวจริงทุกนัดของอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลก 2010, 2014, 2018 และ 2022

โดยเมสซี่ยังทำลายสถิตินักเตะอาร์เจนไตน์ที่ลงเล่นฟุตบอลโลกมากที่สุด 21 นัดของมาราโดน่าลงด้วย

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะที่เล่นฟุตบอลโลกด้วยจำนวนนาทีมากที่สุด

เปาโล มัลดินี่ อิตาลี

ปาโล มัลดินี่ กองหลังอมตะของทีมชาติอิตาลี (ภาพ: www.skysports.com)

นอกจากจะลงเล่นฟุตบอลโลกด้วยจำนวนนัดที่มากที่สุดแล้ว เมสซี่ยังลงเล่นโดยคิดเป็นนาทีมากที่สุดอีกด้วย โดยเจ้าของสถิติเดิมก็คือ เปาโล มัลดินี่ กองหลังอมตะของทีมชาติอิตาลี เมื่อเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 มาถึงการดวลจุดโทษ นั่นหมายความว่า เมสซี่ลงเล่นไปแล้ว 2,314 นาทีจาก 26 นัด ส่วนมัลดินี่ลงเล่น 2,216 นาทีจาก 23 นัดในฟุตบอลโลก

ลิโอเนล เมสซี่คือนักเตะที่มีส่วนกับการได้ประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนติน่า ที่มีลุ้นทั้งแชมป์โลก, ดาวซัลโว และนักเตะยอดเยี่ยม ก่อนนัดชิงจะเริ่มขึ้น (ภาพ:  Ariel Schalit/AP)

มาถึงสถิติที่ว่าด้วยศักยภาพในการทำเกมรุกในแนวรับของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นดาวยิงที่เยี่ยมยอดและผู้สร้างสรรค์ประตูที่ยอดเยี่ยมของเมสซี่ เมสซี่ทำประตูในฟุตบอลโลกไปถึง 13 ประตู และจ่ายให้เพื่อนอีก 8 ประตู ทำให้เขามีส่วนโดยตรงกับการทำประตูในฟุตบอลโลกถึง 21 ประตู มากที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติในปี 1966

โดยเจ้าของสถิติก่อนหน้านี้คือ มิโรสลาฟ โคลเซ จากเยอรมนี ที่ยิงไป 16 จ่ายไป 3 ประตู, โรนัลโด้ แห่งบราซิล ยิง 15 ส่งให้เพื่อน 4 และเกิร์ด มุลเลอร์ ยิง 14 และส่งให้เพื่อนอีก 5 ประตู

ลิโอเนล เมสซี่คือนักเตะที่มีส่วนกับประตูในฟุตบอลโลกด้วยจำนวนนัดที่มากที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ (ภาพ: AFP)

การมีส่วนร่วมกับ 21 ประตูของเมสซี่เกิดจาก 14 เกมที่ลงเล่น และการยิงจุดโทษลูกแรกในนัดชิง ก็ทำให้เมสซี่เป็นนักเตะที่ลงเล่นฟุตบอลโลกแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูด้วยจำนวนเกมที่มากที่สุด เมสซี่มีส่วนร่วมอย่างน้อย 1 ประตูใน 6 จาก 7 เกมที่ลงเล่นในกาตาร์ พลาดไปเกมเดียวคือวันที่ฟ้า-ขาวเอาชนะโปแลนด์ในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนอีก 8 เกมเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 2006 – 2018

ลิโอเนล เมสซี่คือผู้เล่นที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกัน ในฟุตบอลโลกมากที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2006

ลิโอเนล เมสซี่ จากฟุตบอลโลก 2006 ฟุตบอลโลกหนแรกในชีวิตของเขา (ภาพ: www.planetfootball.com)

เมสซี่เป็นนักเตะคนแรกที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในนัดเดียวกัน จากฟุตบอลโลกถึง 4 นัด นับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติกันในปี 1966 เมสซี่จารึกชื่อตัวเองในฐานะผู้เล่นที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกัน ตั้งแต่ฟุตบอลโลกหนแรกของตัวเองเมื่อปี 2006 ในเกมกับเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร แล้วก็ต้องรอถึง 16 ปีกว่าจะทำได้อีกในปีนี้ จากเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะเม็กซิโก ตามด้วยเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์ และเกมรอบรองชนะเลิศกับโครเอเชีย

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดและมากที่สุด ที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมเดียวกัน ในฟุตบอลโลก
การที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกที่ยาวนานถึง 5 ครั้ง ทำให้เมสซี่เป็นทั้งนักเตะที่อายุน้อยสุดและมากสุด ที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในนัดเดียวกันของทัวร์นาเมนต์

โดยตอนอายุแค่ 18 ปีกับ 357 วัน เขาคือนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงและจ่ายในเกมเดียวกัน จากฟุตบอลโลก 2006 ที่อาร์เจนติน่าชนะเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร 6-0 และวันที่เจอกับโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 เขาก็กลายเป็นนักเตะที่อายุมากสุดที่ทำได้ ด้วยวัย 35 ปีกับ 172 วัน

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะอาร์เจนติน่าที่ทำประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุด

แกเบรียล บาติสตูต้า อาร์เจนติน่า

แกเบรียล บาติสตูต้า อดีตดาวซัลโว ฟ้า-ขาว อาร์เจนติน่า (ภาพ: www.reuters.com)

นอกจากจะเป็นนักเตะอาร์เจนติน่าที่ยิงให้ทีมชาติมากที่สุด ฟุตบอลโลกหนนี้ยังทำให้เมสซี่เป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ที่ทำประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุด หลังจากทำสถิติทาบแกเบรียล บาติสตูต้าในฐานะนักเตะอาร์เจนติน่าที่ทำประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุด 11 ประตู จากเกมรอบรองชนะเลิศกับโครเอเชีย และเมื่อรวมประตูจากเกมนัดชิง เขาก็กลายเป็นเจ้าของสถิติเพียงผู้เดียว ด้วยจำนวน 13 ประตู

โดยตอนนี้เมสซี่แซงหน้า เปเล่ ตำนานนักเตะจากบราซิลที่ทำไป 12 ประตู และเสมอกับดาวยิงระดับตำนานของฝรั่งเศส จุสต์ ฟองแต็ง – 13 ประตู ในรายชื่อผู้ทำประตูมากที่สุดของฟุตบอลโลก โดยเป็นรองแค่มิโรสลาฟ โคลเซ่ จากเยอรมนีที่ทำไว้ 16 ประตูเพียงคนเดียว

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในทุกรอบของฟุตบอลโลกในครั้งเดียว

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022

7 ประตูของเมสซี่ในกาตาร์ เกิดขึ้นใน 6 นัด (ภาพ: AFP)

7 ประตูของเมสซี่ในกาตาร์ เกิดขึ้นใน 6 นัด แยกเป็น 2 ประตูในรอบแบ่งกลุ่มกับซาอุดิอาระเบียและเม็กซิโก, 1 ประตูจากรอบ 16 ทีมกับออสเตรเลีย, 1 ประตูจากรอบก่อนรองชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์, 1 ประตูจากรอบรองชนะเลิศกับโครเอเชีย และ 2 ประตูในนัดชิงกับฝรั่งเศส ทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูทุกรอบของฟุตบอลโลกครั้งเดียว จากรูปแบบการจัดการแข่งขัน 32 ทีม

โดยก่อนหน้านี้ แจร์ซินโญ่ นักเตะบราซิลเคยทำประตูในทุกรอบของฟุตบอลโลก 1970 แต่ตอนนั้นมีทีมเข้าร่วมเพียง 16 ทีม ขณะที่เมสซี่ทำได้จากเกมทั้งหมด 5 รอบ

ลิโอเนล เมสซี่เป็นนักเตะจ่ายให้เพื่อนทำประตูจากฟุตบอลโลกต่างครั้งมากที่สุด

อาร์เจนติน่า ฟุตบอลโลก 2022

เมสซี่ แอนด์ เดอะ แก๊ง (ภาพ: zeenews.india.com)

ไม่ใช่แค่ยิงประตู เมสซี่ยังเป็นผู้สร้างสรรค์ประตูชั้นดี โดยเขาจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูในฟุตบอลโลกได้ถึง 8 ประตู ซึ่งเท่ากับที่ดิเอโก้ มาราโดน่าตำนานนักเตะชาติเดียวกันทำไว้ แต่การจ่ายให้เพื่อน ๆ ยิงถึง 3 ประตูในกาตาร์ เริ่มจากเกมกับเม็กซิโกทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่จ่ายให้เพื่อนทำประตูในฟุตบอลโลกถึง 5 ครั้ง 2006, 2010, 2014, 2018 ทำลายสถิติที่ตัวเองทำไว้ 4 ครั้ง

ลิโอเนล เมสซี่ ได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมที่มากที่สุดจากฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียว

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022

ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเมสซี่ในฟุตบอลโลก 2022 ทำให้เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกม (Man of the Match) ถึง 5 นัด (ภาพ: FIFA)

ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเมสซี่ในฟุตบอลโลก 2022 ทำให้เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกม (Man of the Match) ถึง 5 นัด โดยนับตั้งแต่มีการมอบรางวัลนี้ในฟุตบอลโลกปี 2002 ไม่มีนักเตะคนไหนได้รางวัลนี้จากฟุตบอลโลกหนเดียวมากกกว่าเมสซี่อีกแล้ว โดยเจ้าของสถิติเดิมคือ เวสลีย์ สไนเดอร์ – 4 นัด

หากนับรวมจากฟุตบอลโลกทุกครั้ง เมสซี่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมในฟุตบอลโลกถึง 8 ครั้ง แซงหน้าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ของโปรตุเกส ที่ทำไว้ 7 นัด

ลิโอเนล เมสซี่ ได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำมากที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2014

ลิโอเนล เมสซี่ กับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำครั้งแรกในปี 2014 (ภาพ: AP Images)

นอกจากจะคว้าแชมป์โลกแล้ว เมสซี่ยังเป็นนักเตะยอดเยี่ยม ได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำอีกด้วย ซึ่งเป็นหนที่สองแล้ว หลังจากครั้งแรกในปี 2014 ทำให้เป็นนักเตะที่รับรางวัลนี้มากที่สุด และเป็นนักเตะอาร์เจนติน่าคนแรกที่ได้รางวัลนี้ หลังจากมาราโดน่าเคยคว้ามาครองในปี 1986

ในฟุตบอลโลกหนนี้ ยังมีนักเตะอาร์เจนติน่าอีก 2 รายที่คว้ารางวัลส่วนตัวพร้อมแชมป์โลกไปครองก็คือ เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ ที่เป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยม และอีมิเลียโน มาร์ติเนซ ที่เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม รางวัลถุงมือทองคำ

ข้อมูล: www.sportsmole.co.uk
ภาพปก: Showkat Shafi/Al Jazeera

เรื่องน่าอ่าน
พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

ฟุตบอลโลกในอนาคต เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม โอกาสของทีมชาติไทยอยู่ตรงไหน ?

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า เสมอ ฝรั่งเศส 3-3, ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า ชนะ 4-2

 

“บ้าบอเป็นที่สุด” ใครบางคนหล่นนิยามถึงเกมนี้ไว้

 

แม้จะพอคาดเดาได้ถึงผลเสมอ แต่ก็ยากจะมีใครคาดคิดว่าตัวเลขสกอร์บอร์ดจะขยับขึ้นพรวดๆ แบบนี้ และต้องตัดสินกันแบบเอาอกแตะเส้นชัยในท้ายที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะว่า ฝรั่งเศส มีรูปเกมที่แย่ น่าส่ายหัวเป็นที่สุดถึงกว่า 70 นาที

 

นี่คือเกมประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

 

นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 เกมที่ทำให้โลกได้รู้ซึ้งอีกครั้งว่า “ฟุตบอล” มันโคตรจะดราม่าและลุ้นระทึกกว่าหนังฮอลลีวู้ดเป็นไหนๆ…

 

เกมชิงแชมป์โลกที่ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ทีมฟ้าขาวในการดูแลของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่แพ้แค่เกมเดียวจาก 42 นัดหลัง จัดเต็มกำลังทัพลงแต่ปรับระบบจาก 4-1-3-2 มาเป็น 4-3-3 เมื่อได้ อังเคล ดิ มาเรีย ฟิตคืนตัวจริงมาเดิมเกมรุกร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ส่วนตรงกลาง เลอันโดร ปาเรเดส โดนดร็อป และแบ็กซ้ายยังยึด นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงต่อแม้ มาร์กอส อคุนย่า จะพ้นแบนแล้วก็ตาม

 

ฝั่งแชมป์เก่าของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ที่เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง มาด้วย 11 คนแรกชุดเดิมทั้งสิ้น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บติดตัว พร้อมกับที่ อาเดรียง ราบิโอต์ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หายป่วยกลับคืนตำแหน่ง เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ ลงตามเดิม

 

เริ่มเกมขึ้น 5 นาที อาร์เจนติน่า ได้ทักทายก่อนจากลูกส่องไกลเต็มข้อของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ บอลพุ่งแรงเข้าหากรอบประตู แต่ก็เข้าซอง อูโก้ โยริส แบบไม่กระฉอก

 

ช่วงสิบนาทีแรกเป็น อาร์เจนติน่า ที่ครองบอลลุยเข้าใส่ก่อน โดยช่วงนาทีที่ 9 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่ หลัง คริสเตียน โรเมโร่ เข้าปะทะแบบทิ่มศอกใส่กลางลำตัว อูโก้ โยริส จนนายด่านตราไก่ล้มลงไปกอง แต่ปฐมพยาบาลแล้วก็เล่นต่อได้ตามปกติ

 

นาที 20 เพิ่งเป็นโอกาสแรกของ ฝรั่งเศส จากฟรีคิกข้างเขตโทษ อองตวน กรีซมันน์ เปิดให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โถมโขกที่เสาไกลข้ามคานไป แต่ก็มีเสียงนกหวีดเป่าฟาวล์หัวหอกตราไก่ดังขึ้นมาด้วย

 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แต่เพียงนาทีเดียวถัดมา ฝรั่งเศส ก็งานเข้าเสียดื้อๆ อังเคล ดิ มาเรีย ล็อกหลบ อุสมัน เดมเบเล่ ที่สุดเส้นหลังซ้ายแล้วโดน เดมเบเล่ ตามมารวบจากด้านหลัง ผู้ตัดสิน ซิมอน มาร์ซิเนี้ยค จากโปแลนด์ เป่าจุดโทษทันทีอย่างมั่นใจ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าเสียบเสาอย่างมั่นใจเช่นกัน ส่ง อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 1-0 เร็วในนาทีที่ 23 ซึ่งก็ทำให้ เมสซี่ ขึ้นนำดาวซัลโวแล้วที่ 6 ประตู

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

จากนั้น ฝรั่งเศส พยายามตั้งเกมสู้ แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสยิงครั้งแรกสกอร์ก็ขยับขึ้นเป็น 2-0 ของ อาร์เจนติน่า เสียแล้วในนาที 37 จังหวะสวนเร็ว เมสซี่ แปะออกขวาให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทิ่มขึ้นหน้าให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ปาดต่อไปเสาไกลถึง อังเคล ดิ มาเรีย ยิงไม่จับสวนตัว โยริส เข้าไปอย่างเฉียบคม ฟ้าขาวทิ้ง 2-0 ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

โดนไปสองเม็ด เดส์ชองส์ ปรับเกมส่งสำรองกองหน้า 2 คนรวดทันทีในนาที 41 ถอดทั้ง ชิรูด์ กับ เดมเบเล่ ออกให้ มาร์คุส ตูราม กับ ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ลงไปแทน หวังแก้คืนให้เร็วที่สุด

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ท้ายครึ่งแรกและทดเจ็บ 7 นาที ฝรั่งเศส เกมกระเตื้องขึ้นบ้างแต่ก็ยังหาโอกาสเจาะแนวรับฟ้าขาวไปลุ้นสกอร์ไม่ได้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แทบไม่ได้ออกจอ จนสิ้นครึ่งแรกลงไปที่ อาร์เจนติน่า นำห่าง 2-0 ขึ้นแท่นรอชูถ้วยแชมป์โลกตั้งแต่ตรงนี้

 

ต่อครึ่งหลังยังไม่มีเปลี่ยนตัวเพิ่ม เกมของ ฝรั่งเศส ไม่ได้ดีขึ้นหรือคุมสถานการณ์อะไรมากมาย รวมถึงว่าไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ต้องหนักใจหรือออกแรงเซฟไว้ด้วย ตัวความหวังสูงสุดอย่าง เอ็มบัปเป้ ยังเงียบฉี่ บางจังหวะมีจ่ายติดเองก็มี

 

ครบชั่วโมง ฝรั่งเศส ยังมีโอกาสจบเป็นศูนย์ ผิดกับ อาร์เจนติน่า ที่ลุยขึ้นไปได้เสียว 2-3 หน จนนาที 64 สคาโลนี่ ขยับส่งสำรองลงคนแรก มาร์กอส อคุนย่า ลงไปเติมเกมรับแทน ดิ มาเรีย

 

นาที 68 ฝรั่งเศส ได้จบหนแรกจากเตะมุม ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ โขกโดนไม่ดีหลุดกรอบไปไม่ใกล้เคียง และต่อมาอีกสามนาที เอ็มบัปเป้ สบโอกาสส่องด้วยซ้าย ข้ามคานไป เป็นจังหวะซัดแรกของเขาในเกมนี้

 

จากนั้น เดส์ชองส์ เปลี่ยนเพิ่มอีกสอง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ลงแทน อองตวน กรีซมันน์ กับ เตโอ เอร์นันเดซ ตามลำดับ

 

แต่แล้วจากเกมที่ดูไม่มีอะไร ฝรั่งเศส ก็มาได้จุดโทษคืนบ้างในนาที 79 เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไปเหนี่ยว ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษคืนให้ตราไก่ ซึ่งก็เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กดเสียบมุมไม่พลาด ไล่มากระชั้น 1-2 และเป็นเม็ดที่ 6 เท่ากับ เมสซี่ 

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

แล้วก็กลายเป็นว่า ฝรั่งเศส กลับสู่เกมได้ทันทีด้วยประตูตีเสมอ 2-2 ในอีกสองนาทีให้หลัง คิงสลี่ย์ โกม็อง เบียดชนะแย่งบอลจาก เมสซี่ ได้ที่ฝั่งขวา แล้วถ่ายให้ ราบิโอต์ เคาะขึ้นหน้า เอ็มบัปเป้ โขกทำชิ่งกับ มาร์คุส ตูราม จนทะลุขึ้นทางซ้ายแล้วล้มตัวยิงวอลเลย์เร็วจังหวะเดียว บอลพุ่งผ่านมือ เอมี่ มาร์ติเนซ เข้าเสาไกลพอดิบพอดี ฝรั่งเศส กลับสู่เกมด้วยประตูที่ 7 ของ เอ็มบัปเป้ ในรายการนี้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงทดเจ็บ 90+4 ฝรั่งเศส หวิดแซงนำด้วยจากจังหวะซัดของ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ติดเซฟ มาร์ติเนซ ที่เสาแรก ขณะที่ อาร์เจนติน่า ก็มีลุ้นตอน 90+7 เมสซี่ ใส่เต็มข้อด้วยซ้าย ติดปลายมือ อูโก้ โยริส นิดเดียว ส่งผลให้ 90 นาทีจบลงอย่างสนุก 2-2 และต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อตัดสิน

 

เข้าช่วงต่อเวลา สคาโลนี่ ถอด นาอูเอล โมลิน่า ออกให้ กอนซาโล่ มอนเทียล ลงคุมเกมรับริมเส้นขวาแทน และรูปเกมกลายเป็นเหมือนช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ที่ ฝรั่งเศส ครองบอลคุมสถานการณ์ได้ดีกว่า ขาดก็แต่จังหวะลุ้นสกอร์เหมาะๆ

 

เข้าครึ่งหลังต่อเวลาได้แว้บเดียว นาที 109 กลายเป็น อาร์เจนติน่า นำอีกหน 3-2 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ แทงให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าทางขวาไปส่องเต็มแรงติดเซฟ โยริส แต่บอลเด้งมาเข้าทาง เมสซี่ ยิงข้ามเส้นประตูเข้าไปแม้มี ชูลส์ กุนเด้ ควักออกมาก็ตาม และเช็กวีเออาร์แล้วไม่ล้ำหน้า อาร์เจนติน่า เฮสนั่น 3-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม อีกอึดใจเดียวถัดมา นาที 116 ฝรั่งเศสก็มาได้จุดโทษที่สอง เอ็มบัปเป้ ยิงไปชนแขน กอนซาโล่ มอนเทียล ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแฮนด์บอล ซึ่งก็เป็น เอ็มบัปเป้ คว้าลูกมาสังหารเองอย่างมั่นใจเบียดเสาเข้าไปแบบไม่เผื่อให้ลุ้น ตีเสมอ 3-3 เป็นแฮตทริกพร้อมลูกที่ 8 ของ เอ็มบัปเป้

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ทดเจ็บต่อเวลา 120+3 ตราไก่เกือบแซงเข้าป้าย ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ หลุดเข้าส่องเน้นๆ ติดซูเปอร์เซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ ไม่น่าเชื่อ และฟ้าขาวสวนไปก็ถึงจบ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้โหม่งในจุดอันตรายแต่โดนไม่ดีจนหลุดกรอบไปเอง สุดท้าย 120 นาทีจบอย่างสุดตื่นเต้น 3-3 ต้องชี้ขาดแชมป์โลกด้วยการดวลจุดโทษ

 

ถึงจุดโทษ อูโก้ โยริส เสี่ยงทายชนะเลือกยิงก่อน
คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงเข้าไปแม้ มาร์ติเนซ จะพุ่งถึงแต่ปัดไม่ออก 1-0
ลิโอเนล เมสซี่ กดเรียดเข้าไปโดยที่ โยริส มาไม่ถึงแค่เสี้ยววินาที 1-1
คิงสลี่ย์ โกม็อง ซัดติดเซฟ มาร์ติเนซ เต็มๆ 1-1
เปาโล ดีบาล่า ส่องด้วยซ้ายเข้ากลางประตู 1-2
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหลุดเสาไปเอง 1-2
เลอันโดร ปาเรเดส กดเสียบมุมไม่พลาด 1-3
ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงเสยแสกกลาง 2-3
และ กอนซาโล่ มอนเทียล สังหารนำชัยเข้ามุมประตู 4-2

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า ชนะดวลจุดโทษ 4-2 ครองแชมป์โลกสมัย 3 ที่ห่างหายมา 36 ปี หรือตั้งแต่ 1986 และ ลิโอเนล เมสซี่ ไปถึงโทรฟี่แชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิต ในเกมสุดท้ายที่ลงเล่นฟุตบอลโลกสำหรับตัวเขา

 

สำหรับ ฝรั่งเศส มีรางวัลปลอบใจแค่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้รองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 จากการซัดไป 8 ประตูด้วยกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้ (เปาโล ดีบาล่า 120), นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 91) – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 102), อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เคร์มัน เปซเซลล่า 116) – อังเคล ดิ มาเรีย (มาร์กอส อคุนย่า 64), ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 102), ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า 71), ราฟาแอล วาราน (อิบราฮิมา โกนาเต้ 113), ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ (อักเซล ดิซาซี่ 120) – อาเดรียง ราบิโอต์ (ยุสซูฟ โฟฟาน่า 96), ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่ (มาร์คุส ตูราม 41), อองตวน กรีซมันน์ (คิงสลี่ย์ โกม็อง 71), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ 41)

 

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเตะฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวน 7 นัด เมสซี่ คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ 5 หน ที่เหลือเป็นของ โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส (ของซาอุฯ) นัดแพ้ซาอุฯ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ นัดชนะโปแลนด์
• 5 แมนออฟเดอะแมตช์ ยังสูงสุดในฟุตบอลโลก 2022 รองจากนั้นคือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 3
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 17 ประตูจากการลงสนามแค่ 11 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 เจ็ดประตู
• เมสซี่ ยึดสถิติดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก แทนที่ กาเบรียล บาติสตูต้า ด้วยการยิงไป 13 ประตู
• เมสซี่ เป็นคนที่ 9 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และบัลลง ดอร์ ได้ในเส้นทางอาชีพ ร่วมกับ ตำนานอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, แกร์ด มุลเลอร์, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, กาก้า

 

• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ “ครบทุกรอบ” ตั้งแต่รอบแรกยันนัดชิง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
• เมสซี่ ได้แชมป์โลกในการเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนติน่า และ 53 กับเปแอสเช
• เมสซี่ ทำสถิติลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สูงสุดเป็นจำนวน 26 เกม ตั้งแต่ 2006 – 2022 เหนือกว่า โลธ่าร์ มัทเธอุส 25, มิโรสลาฟ โคลเซ่ 24, เปาโล มัลดินี่ 23 และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 22

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 43 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 57 นัด ชนะ 37 เสมอ 15 แพ้ 5)
• สคาโลนี่ เป็นกุนซือแชมป์โลกที่วัยอ่อนเยาว์สุด 44 ปี 216 วัน
• ที่จริง งานทำทีมอาร์เจนติน่า ก็คืองานใหญ่จ๊อบแรกสุดของ สคาโลนี่ หลังแขวนสตั๊ดกับ อตาลันต้า ปี 2015 แล้วมาเป็นผู้ช่วยของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ทั้งที่ เซบีย่า และในทีมชาติอาร์เจนติน่า (ฟุตบอลโลก 2018) รวมถึงเคยได้คุมอาร์เจนฯ เยาวชนยู-20 มาก่อนเท่านั้น

 

• อังเคล ดิ มาเรีย เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูได้ทั้งในนัดชิงโคปา อเมริกา และฟุตบอลโลก
• ตอนหมดครึ่งแรก อาร์เจนติน่า ข่มขาดด้วยโอกาสยิงรวม 6:0 และยิงตรงกรอบ 3:0 รวมถึงเตะมุม 2:0 ด้วย
• ตลอด 120 นาที อาร์เจนติน่า สร้างโอกาสยิงรวม 20 ครั้ง ตรงกรอบ 10 ส่วน ฝรั่งเศส 10/5

 

• อาร์เจนติน่า หยุดสถิติแย่ๆ อย่างการแพ้นัดชิงบอลโลกไว้ที่ 2 หนติด 1990 กับ 2014
• อาร์เจนติน่า เป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• อาร์เจนติน่า ตอกย้ำการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 6 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
4-2 ฝรั่งเศส, ชิงชนะเลิศ 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)

 

• ฝรั่งเศส เป็นเพียงทีมที่ 2 ที่ตามหลัง 0-2 ในนัดชิงชนะเลิศ แล้วกลับมาได้ ถัดจาก เยอรมนี ที่ทำไว้สองหนในปี 1954 และ 1986
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจาก เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ของอังกฤษ 1966
• เอ็มบัปเป้ คว้าดาวซัลโวด้วยการยิงไป 8 ประตู สูงสุดนับแต่ โรนัลโด้ (บราซิล) 2002
• ออเรเลียง ชูอาเมนี่ วิ่งรวม 15.8 กม. ในเกมนี้ ก่อนมายิงจุดโทษและซัดออกไปเอง
• อูโก้ โยริส กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากสุด ที่จำนวน 20 นัด เหนือ มานูเอล นอยเออร์ 19 และ เซปป์ ไมเออร์ 18

แชมป์โลกสุดดราม่า! อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า ฝรั่งเศส ผงาดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส
ลิโอเนล สคาโลนี่ : “ผมรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ ผมอาจรู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าวันอื่นๆ แต่วันนี้ผมได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่”
“ทีมชุดนี้ทำให้ผมภาคภูมิใจเป็นที่สุด ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นของพวกเขา ผมอยากบอกทุกคนว่ามีความสุขให้เต็มที่ เพราะนี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์”

 

ลิโอเนล เมสซี่ : “นี่คือแชมป์ที่ขาดหายไปของผม ตอนนี้ผมได้มาครองแล้ว มันบ้ามากๆ ตอนนี้ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับไปฉลองแชมป์ที่ประเทศของผม เพื่อพบเจอกับความบ้าคลั่งของที่นั่น”
“เราเจอกับความยากลำบากมากมาย วันนี้คุณต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก ฟุตบอลเป็นกีฬาที่บ้าคลั่งมาก การคว้าแชมป์โลกเป็นความฝันของเด็กๆ ทุกคน นี่คือแชมป์สำหรับประชาชนชาวอาร์เจนไตน์”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “ที่จริง เราเอาเกมมาอยู่ในการควบคุมได้แล้ว แต่ทีมของเรากลับถูกกำหนดให้ต้องเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส ฝรั่งเศสเกือบทำประตูชัยได้เช่นกัน แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เรามาอยู่ตรงนี้”
“ฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงมาตลอด ตอนนี้ผมไม่มีคำพูดมาอธิบายถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับผมในเวลานี้ได้เลย”

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ : “เราไม่ได้พลิกสถานการณ์ (ในช่วง 70 นาทีแรก) ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เราต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างตลอด 4 วันที่ผ่านมา อาการป่วยและจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมด้วย”

 

อูโก้ โยริส : “เราตอบสนองได้ดีมาก มันเกือบจะเหมือนการแข่งขันชกมวย เราแลกกันหมัดต่อหมัด สิ่งเดียวที่เราเสียใจคงเป็นผลงานในครึ่งแรก แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังไม่ยอมแพ้ เราเชื่อมั่นไปจนจบ มันเป็นการตัดสินผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ”
“มันเป็นเรื่องเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องมาอยู่อีกฝั่ง (ของผู้ชนะ) แต่เราทุ่มเททุกอย่างลงไปในรายการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแข่งขัน มันเป็นการแข่งขันที่ยาวนานนับเดือน”
“ในรอบชิงชนะเลิศ เราสามารถตามหลัง 0-2 ได้ แต่เรายังคงเชื่อมั่นไปจนจบ เราสามารถพลิกสถานการณ์ แต่มันกลับไม่มีรอยยิ้ม โดยเฉพาะโอกาสในนาที 120 (ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ ยิงติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ) ซึ่งน่าจะทำให้เราพลิกนำ 4-3”
“มันคือฟุตบอล เราต้องยินดีกับอาร์เจนติน่าที่ประสบความสำเร็จในรายการที่ยอดเยี่ยม รอบชิงชนะเลิศที่ยอดเยี่ยม”

 

ราฟาแอล วาราน : “แน่นอน เราผิดหวังกันมาก เราทุ่มเทกันเต็มที่แล้ว เราเจอกับอุปสรรคมากมายตลอดที่ลงเล่นรายการนี้ เราไม่เคยเอามาเป็นข้ออ้างหรือยอมแพ้ เราไม่ได้อยู่ในเกมนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ท้ายสุดเราน่าจะชนะ ผมภูมิใจกับกลุ่มนี้และการเป็นคนฝรั่งเศสมาก”
“เราจะรักษาความภาคภูมิใจนี้ไว้ มัน (การตามหลัง 0-2) เกิดขึ้นรวดเร็วมาก หลังจากนั้นสภาพร่างกายเราดีขึ้นกว่าเดิม เราดันกลับและเชื่อมั่นไปจนจบเกม เราเกือบจะเปลี่ยนเกมได้แล้วหลังจากมีการออกตัวที่แย่”
“มันเป็นการเดินทางที่คดเคี้ยว แต่ทีมนี้มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความห้าวหาญ นั่นทำให้เรากลับมาสู่เกม เราผิดหวังแต่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก”

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-3 (4-2) ฝรั่งเศส
• 6 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ กาตาร์ 2022 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำประตูกันได้มากที่สุด 172 ลูก ทำลายสถิติของ ฟร้องซ์ 98 และ บราซิล 2014 ที่มียิงกัน 171 ประตู
• ดาวบนโลโก้ทีมชาติอาร์เจนติน่า จะเพิ่มขึ้นเป็นดวงที่ 3 ตามจำนวนแชมป์โลกที่ได้มา 3 สมัย
• ลิโอเนล เมสซี่ ยืนยันยังไม่มีแผนอำลาทีมชาติในเร็วๆ นี้ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่า ต่อให้ลากยาวขนาดไหนก็ไปไม่ถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา

• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เผยจะขอตัดสินอนาคต อยู่หรือไปจากทีมชาติฝรั่งเศส หลังผ่านช่วงปีใหม่นี้ไปแล้ว ภายหลังคุมมาตั้งแต่ 2012 ผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 5 ครั้ง

 

ทำเนียบแชมป์โลก ตลอดหน้าประวัติศาสตร์
1930 อุรุกวัย
1934 อิตาลี
1938 อิตาลี
1950 อุรุกวัย
1954 เยอรมนีตะวันตก
1958 บราซิล
1962 บราซิล
1966 อังกฤษ
1970 บราซิล
1974 เยอรมนีตะวันตก
1978 อาร์เจนติน่า
1982 อิตาลี
1986 อาร์เจนติน่า
1990 เยอรมนีตะวันตก
1994 บราซิล
1998 ฝรั่งเศส
2002 บราซิล
2006 อิตาลี
2010 สเปน
2014 เยอรมนี
2018 ฝรั่งเศส
2022 อาร์เจนติน่า

 

ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022
8 ประตู : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
7 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
4 ประตู : ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (อาร์เจนติน่า), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส)
3 ประตู : ริชาร์ลิซอน (บราซิล), บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อังกฤษ), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน), เอนเนร์ วาเลนเซีย (เอกวาดอร์), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์), กอนซาโล่ รามอส (โปรตุเกส)

 

รางวัลต่างๆ ของฟุตบอลโลก 2022
นักเตะยอดเยี่ยม
Golden Ball – ลิโอเนล เมสซี่
Silver Ball – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
Bronze Ball – ลูก้า โมดริช

 

ดาวซัลโว
Golden Boot – คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (8 ประตู 2 แอสซิสต์)
Silver Boot – ลิโอเนล เมสซี่ (7 ประตู 3 แอสซิสต์)
Bronze Boot – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (4 ประตู 0 แอสซิสต์)

 

ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม Golden Glove – เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม FIFA Young Player Award – เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แฟร์เพลย์ FIFA Fair Play Trophy – ทีมชาติอังกฤษ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!
โครเอเชีย ปราบ โมร็อกโก 2-1 ซิวอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 ...!?!

อาร์เจนติน่า vs ฝรั่งเศส : ใครจะครองบัลลังก์แห่ง ฟุตบอลโลก 2022 …!?!

ฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า v ฝรั่งเศส
อาทิตย์ 18 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 12 นัด
ฟุตบอลโลก 1930 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1965 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1971 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3
กระชับมิตร 1971 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
อินดิเพนเดนซ์ 1972 เสมอ 0-0
กระชับมิตร 1974 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 1977 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
กระชับมิตร 1986 ฝรั่งเศส ชนะ 2-0
กระชับมิตร 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
กระชับมิตร 2009 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส ชนะ 4-3

 

แมตช์ต่อแมตช์ กว่าจะถึงนัดชิง ฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ลงสนามด้วยความมั่นใจต่อชัยชนะ โดยเฉพาะฟอร์มครึ่งแรกที่เหนือกว่ามาก ขึ้นนำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียงนาทีที่ 10 จากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากนั้นทั้ง เมสซี่ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ต่างทะลุเข้าซัดจมตาข่ายถึง 3 รอบ แต่กลับถูกจับล้ำหน้าไปทั้งหมด แล้วกลายเป็นว่าครึ่งหลัง ซาอุฯ แซงนำ 2-1 จาก ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48 และ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี น.53 สุดท้ายจึงปรากฏผลช็อกโลกตั้งแต่เกมแรก

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
สถานการณ์บีบบังคับให้ อาร์เจนติน่า พลาดไม่ได้อีกแล้ว แต่แม้ต้องลุ้นเหนื่อยไม่น้อยกับเกมดึงช้าของ เม็กซิโก กว่าที่จะได้ประตูนำก็ในนาที 64 จากลูกส่องไกลนอกเขตโทษของ เมสซี่ แต่เมื่อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องผ่าน กิเยร์โม่ โอชัว ตอนท้ายเกม ก็เท่ากับ อาร์เจนติน่า ปิดกล่องกำชัย 2-0

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
แทบจะพับสนามบุกใส่ฝ่ายเดียว สร้างโอกาสยิงประตูรวม 24 ครั้ง แถม เมสซี่ ยังมีพลาดจุดโทษในครึ่งแรก ก่อนได้เฮจาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.46 และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.67 ส่งผลให้ อาร์เจนติน่า ยังคงผงาดแชมป์กลุ่มซีได้อยู่ แม้จะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้สุดช็อกก็ตาม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
คุมสถานการณ์ในครึ่งแรกได้ดีกว่า ขึ้นนำ 1-0 จากการยิงฝ่าวงล้อมของ เมสซี่ น.35 ก่อนที่ครึ่งหลังจะฉีกหนี 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ แต่ท้ายเกม น.77 ออสเตรเลีย ไล่มา 1-2 จากการยิงของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป (นับเป็นทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งทำให้ อาร์เจนติน่า สั่นไหวพอสมควร ออสเตรเลีย มีโอกาสทวง 2-2 ได้ด้วยตอนเฮือกท้าย เจ้าหนูเด็ก 18 กาแร็ง คูโอล สบโอกาสเข้าทำระยะอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จนฟ้าขาวเบียดชนะหวุดหวิด

 

รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3
ดูเหมือนเป็นงานสบายเมื่อขึ้นนำ 2-0 จาก นาอูเอล โมลิน่า และจุดโทษของ เมสซี่ ทว่าช่วงท้ายรวมทดเจ็บอีก 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับสู่เกมได้สำเร็จจากลูกโขกของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ น.83 และฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า ทำเสียหน้าเขตโทษ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรเขี่ยขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ กลับตัวยิงตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11 จากนั้นช่วงต่อเวลาไม่มียิงเพิ่ม ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟลูกยิงของทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ เอาไว้ได้ จน อาร์เจนติน่า ชนะดวลเป้า 4-3

 

รอบตัดเชือก ชนะ โครเอเชีย 3-0
ง่ายเกินคาดไปมาก จากที่ 15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ จู่ๆ น.32 ผู้ตัดสินก็แจกจุดโทษที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดน โดมินิก ลิวาโควิช ชนล้ม ซึ่งก็เป็น เมสซี่ ที่กดจุดโทษนำ 1-0 ต่อด้วย 7 นาทีให้หลัง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวไปโดยที่กองหลังโครแอตสกัดบอลแป้กงัดไม่ออก เสร็จ อัลวาเรซ ดีดเข้าไปง่ายๆ ก่อนครึ่งหลังเกมปิดสนิท 3-0 น.69 เมสซี่ เลี้ยงเลาะโชว์ความเหนือชั้นโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เช็คบิลเม็ดสองของตัวเอง พา อาร์เจนติน่า เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

 

ฝรั่งเศส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
เปิดมากลายเป็น ออสเตรเลีย พังตาข่ายนำไปก่อนอย่างเซอร์ไพรส์จาก เคร็ก กู๊ดวิน ในนาทีที่ 9 ทว่าหลังจากนั้นเมื่อ ฝรั่งเศส ตั้งหลักได้แล้วก็ลุยเข้าใส่เป็นพายุ จนได้ประตูแบบดาหน้าเรียงยิง 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68 และ 4-1 ชิรูด์ เบิ้ลปิดกล่อง น.71

 

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
นัดล้างตากับ เดนมาร์ก ที่หักคอไก่มา 2 เกมซ้อนก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.61 ก่อนที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น จะโขกเตะมุมให้ เดนมาร์ก ตามทวง 1-1 ในเจ็ดนาทีให้หลัง แต่ในขณะที่เกมกำลังจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับประตูชัย 2-1 ในนาทีที่ 86 อองตวน กรีซมันน์ เปิดผ่านมาเสาสองให้ เอ็มบัปเป้ พุ่งเข้าฮอส

 

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอยด่างพร้อยเล็กๆ ของชาวคณะตราไก่ในเวิลด์คัพงวดนี้ กับการที่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปรับส่งสำรองลงแทบทั้งแผงหลังการันตีเข้ารอบแล้ว จนโดนทีเด็ด วาบี คาซรี่ เจาะตาข่ายกลางครึ่งหลัง จากนั้นทดเจ็บ อองตวน กรีซมันน์ ยิงเข้าแล้ว แต่โดนวีเออาร์ริบคืนไป แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1
ทั้งที่แฟนๆ แอบมีกังวลจะโดนทีเด็ด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าให้ แต่กลายเป็นว่างานนี้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เปิดสกอร์นำ น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ก่อนที่ เลวานดอฟสกี้ จะทำได้แค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 เข้าไปแล้ว

 

รอบ 8 ทีม ชนะ อังกฤษ 2-1
มีการมองกันว่า 50:50 ด้วยความที่ อังกฤษ ดูมาแรงอย่างน่ากลัว แต่ ฝรั่งเศส ก็ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันหน้าเขตโทษเข้าไปในนาทีที่ 17 จากนั้น อังกฤษ ทวงคืน 1-1 ต้นครึ่งหลังจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 อองตวน กรีซมันน์ ครอสแม่นๆ ให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้าไป ซึ่งที่จริง อังกฤษ ก็มีโอกาสดีที่จะตีเสมอรอบสอง ปรากฏ แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษข้ามคานออกไปเสีย

 

รอบตัดเชือก ชนะ โมร็อกโก 2-0
สร้างปาฏิหาริย์มาไกลถึงตัดเชือก แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บของคีย์แมนทำให้ โมร็อกโก เครื่องช็อตไปเสีย เริ่มเกมขึ้นแค่ 5 นาที ฝรั่งเศส ก็ได้เฮรับ 1-0 ทันที เอ็มบัปเป้ ซัดสองจังหวะไปแฉลบกองหลังเด้งขึ้นหน้า เข้าทางแบ็กซ้าย เตโอ เอร์นันเดซ ลอยตัววอลเลย์เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม แม้หลังจากนั้น โมร็อกโก จะสู้ได้ดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงนาที 79 ฝรั่งเศส ก็ฉีกสกอร์เป็น 2-0 เอ็มบัปเป้ พยายามยิงฝ่าแนวรับแต่ไม่ผ่าน ทว่าก็กลายเป็นลูกแฉลบไปเสาไกลคล้ายประตูแรก ร็องดาล โคโล่ มูอานี่ สบโอกาสชาร์จนิ่มๆ พาตราไก่สยายปีก 2-0 เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด และแม้จะแพ้ ซาอุฯ เป็นประเดิม แต่หลังจากนั้นก็แก้ตัวฮึดขึ้น จนกระทั่งมาถึงรอบตัดเชือก ยิงถล่ม โครเอเชีย ขาดลอย 3-0

 

เท่ากับ อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษ ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986

 

สำหรับสภาพทีมเกมชิงดำ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีความพร้อมมากขึ้นกว่ารอบตัดเชือก เมื่อได้ทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกัน

 

นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาตัวเจ็บอะไรเพิ่มเติม ลิโอเนล เมสซี่ ที่่ก่อนหน้านี้มีรายงานพลาดซ้อมวันพฤหัสบดี ไม่ได้มีข่าวบาดเจ็บหลังจากนั้น เท่ากับจะพร้อมนำทีมลงล่าแชมป์โลกและชิงรองเท้าทองคำตามปกติ

 

สคาโลนี่ ปรับระบบมา 2 เกมติดต่อกัน 5-3-2 นัดชนะดวลเป้า เนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็น 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 เกมกับ โครเอเชีย ซึ่งก็เชื่อว่าจะยึดรูปแบบหลังเอาไว้ในการดวลกับ ฝรั่งเศส

 

เลอันโดร ปาเรเดส ยืนกลางรับต่ำกว่าเพื่อน ขยับขึ้นมามี โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนเกมรุกยึดที่คู่กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย กระทั่งผ่าน โปแลนด์, อังกฤษ และล่าสุดม้ามืด โมร็อกโก ที่เอาตราไก่ไม่อยู่

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า, ลูคัส เอร์นันเดซ โดยที่ 4 รายหลังต้องถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 ไป

 

แล้วแม้การลงเตะ 3-4 เกมหลังจะไม่มีตัวเจ็บเพิ่ม ก็ดันมาเกิดปัญหาไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว จนนักเตะตราไก่หลายรายมีอาการป่วยไข้ ที่ถูกระบุชื่อมีทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อาเดรียง ราบิโอต์, ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ คิงสลี่ย์ โกม็อง ซึ่งสองรายแรกก็พลาดเกมกับ โมร็อกโก มาแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทั้ง 5 คนสามารถกลับมาซ้อมได้ตามปกติแล้ว

 

กระนั้นปัญหากลับมีมาเพิ่มอีก ด้วยรายงานล่าสุดจาก เล กิ๊ป ตอนดึกวันเสาร์ ว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หอกเป้าเบอร์แรกที่กดแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 มีปัญหาบาดเจ็บแทรกซ้อน มีโอกาสที่จะลงเล่นไม่ได้ด้วย

 

เดส์ชองส์ คงต้องเช็กสภาพนักเตะที่มีอาการป่วย และโดยเฉพาะ ชิรูด์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งชื่อ โดยถ้าพร้อมทั้งหมดก็จะยึดทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับ อาเดรียง ราบิโอต์ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ แต่หากว่า ชิรูด์ ไม่พร้อม ก็มีสิทธิ์จะขยับ เอ็มบัปเป้ ขึ้นหน้าสุด แล้วหย่อน มาร์คุส ตูราม หรือ คิงสลี่ย์ โกม็อง ลงไปเสริมแถวสอง

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะหวนคืนทีมมาสมทบนัดชิง หลังจากคืนสนามซ้อมกับ เรอัล มาดริด ได้แล้วนั้น แต่กระแสก็เงียบไป และไม่มีข่าวเซอร์ไพรส์อะไรในโค้งสุดท้าย

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ถือว่าพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 65 นัด ซัด 33 ประตู (สองในนั้นกดใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลกครั้งก่อน) และทำไปแล้ว 5 เม็ดในบอลโลก ได้ลุ้นชิงรองเท้าทองคำกับ ลิโอเนล เมสซี่ โดยตรง

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 15 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 10 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 5 เม็ด อยู่ในเส้นทางช่วงชิงดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – เลอันโดร ปาเรเดส – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม)

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า – ฝรั่งเศส
• มีประวัติศาสตร์พบกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรก 1930 (อาร์เจนติน่าชนะ 1-0) รวมแล้วเจอกันมา 12 ครั้ง
• อาร์เจนติน่า เหนือกว่าด้วยการชนะ 6 นัด ที่เหลือเสมอ 3 และฝรั่งเศสชนะ 3
• พบกันล่าสุด ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกันสนั่นก่อนฝรั่งเศสชนะ 4-3 แต่ที่จริงระหว่างเกม ฝรั่งเศสฉีกหนี 4-2 ก่อนโดนยิงเพิ่มทดเจ็บ / คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง อองตวน กรีซมันน์ หนึ่งเม็ด
• อาร์เจนติน่า จะเล่นนัดชิงบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 มีเพียง เยอรมนี (8) ที่เหนือกว่า
• การเข้าชิง 2 ครั้งหลัง (1990 กับ 2014) อาร์เจนติน่า แพ้ทั้งหมด
• แต่ถ้าครั้งนี้ชนะ จะเป็นรายที่ 2 ที่แพ้เกมแรกแล้วครองแชมป์ในท้ายที่สุด ถัดจาก สเปน 2010
• ฝรั่งเศส เข้าชิงบอลโลกถึง 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัดด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย เกมเปิดรอบแรก แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 42 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• 42 นัดหลัง อาร์เจนติน่า ชนะ 29 เสมอ 12 แพ้ 1 / เสมอแล้วชนะจุดโทษ 2
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูกเป็นอย่างน้อยมา 5 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 42 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 56 นัด ชนะ 37 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 172, อังเคล ดิ มาเรีย 129, เลอันโดร ปาเรเดส 51, โรดริโก้ เด ปอล 51, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 100 ถ้วนพอดี
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,003 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 172 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนามแค่ 10 นัดหลัง เป็นในฟุตบอลโลก 2022 ห้าประตู

 

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง
• ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เป็นทั้งกัปตันทีมชุดแชมป์โลก 1998, กุนซือแชมป์โลก 2018 และพาทีมเข้าชิงต่อเนื่อง ครั้งนี้

 

• ก่อนจะมาทำคลีนชีตเกมแรก นัดชนะ โมร็อกโก 2-0 ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูก
• 3 นัดหลัง ฝรั่งเศส กดไป 7 ประตู
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูก กำลังนำดาวซัลโวร่วม และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ 3 จาก 6 นัดที่ลงเล่นที่กาตาร์

 

• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว และมีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป หลังยิงแล้ว 53 ลูก รวมถึงในบอลโลกครั้งนี้ที่สอยแล้ว 4 ตุง
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไม่มียิงประตูที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 สูงสุดเทียบเท่า แฮรรี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• อูโก้ โยริส เป็นเจ้าของสถิติเล่นให้ฝรั่งเศสสูงสุดแล้ว 144 นัด มากกว่า ลิลิยอง ตูราม 2 เกม และทุกเกมที่ผ่านไป ก็จะยิ่งเพิ่มสถิติให้นายด่านวัยย่าง 36 ขึ้นอีก
• ถ้าได้ลงตามปกติ อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 145, ราฟาแอล วาราน 93, อาเดรียง ราบิโอต์ 35, อองตวน กรีซมันน์ 117, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 120, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 66
• ไม่เคยมีกัปตันทีมคนไหน ครองแชมป์โลก 2 สมัยต่อเนื่อง และ โยริส จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ ถ้าเอาชนะ อาร์เจนติน่า สำเร็จ

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : ฝรั่งเศส ชนะ 3-1
“ผมได้ดูเกมของ ฝรั่งเศส มาหลายนัด บางครั้งผมรู้สึกเบื่อการเล่นของพวกเขาเล็กน้อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมแชมป์เก่าอย่างพวกเขามีความยืดหยุ่นในตัวสูง มากกว่าจะเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น พวกเขาทำให้ผมนึกถึงรถซีตรองบนถนน”
“และแทนที่จะเล่นแบบครองบอล พวกเขาไม่สนใจจะทำมันเลย แต่การเล่นแบบของพวกเขามันก็เวิร์คจนถึงตอนนี้ ด้าน อาร์เจนติน่า ดูเล่นด้วยความมีอารมณ์ร่วมสูง มากกว่าความแข็งแกร่งรอบด้าน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ฝรั่งเศส ดูดีกว่า”
“อาร์เจนติน่าต้องสู้เพื่อเสื้อแข่ง แฟนบอล และเมสซี่ แต่พวกเขาต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ผมมองว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่หนักหน่วงรุนแรง เพราะ ฝรั่งเศส ไม่กลัวที่จะสู้ด้วยเกมปะทะ”
“ผมขอเลือก ฝรั่งเศส ชนะเกมนี้ เพราะที่จริงผมก็เลือกพวกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ และผมก็อยู่บนอัฒจันทร์ในเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2018 ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นลักษณะนั้นอีกครั้ง”

 

ความน่าจะเป็น
ไม่มีอะไรยากไปกว่าการคาดเดาผลสกอร์ของเกมนี้แล้ว เมื่อนี่คือเกมชิงแชมป์ ชิงดำ ชิงโทรฟี่แชมป์โลก ต่างฝ่ายจึงต่างจะใส่สุดชนิดยอมแลกด้วยชีวิต และต่างก็ย่อมเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเพื่อให้การลงเล่นเกมจริงไม่เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงขึ้น รวมถึงว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งหากออกรูปนี้ ก็หมายถึงว่า 90 นาทีมีสิทธิ์กินกันไม่ลง ต้องยืดเยื้อครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าเพิ่งมั่นใจว่า เมสซี่ จะเจอเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อก็เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ฟุตบอล มักจัดตอนจบหักมุมให้อยู่เสมอ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

ฟุตบอลโลก 2022 กับรางวัลส่วนตัวนักเตะ นักฟุตบอลยอดเยี่ยม ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ดาวซัลโว ใครคือตัวเก็ง

ฟุตบอลโลก 2022 กับรางวัลส่วนตัวนักเตะ นักฟุตบอลยอดเยี่ยม ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ดาวซัลโว ใครคือตัวเก็ง

ฟุตบอลโลก 2022 กับรางวัลส่วนบุคคล

เหลือเพียง 2 นัด ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ก็จะปิดฉาก โดยสองเกมสุดท้ายก็คือ เกมชิงที่ 3 ระหว่างโครเอเชีย – โมร็อกโก กับการเจอกันของอาร์เจนติน่าและแชมป์เก่าฝรั่งเศสในวันสุดท้าย

แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 คือเกมสุดท้ายในฟุตบอลโลกของลิโอเนล เมสซี่ ไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้ และจากสิ่งที่เป็นไป ดูเหมือนเมสซี่ในวัย 35 ปีน่าจะได้รางวัลที่เป็นจุดสูงสุดทางอาชีพ แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสก็มีเรื่องราวของตัวเองเช่นกัน เพราะพวกเขาอาจจะเป็นแชมป์โลกรายแรก ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2 หนซ้อน นับตั้งแต่บราซิลทำได้ในปี 1958 และ 1962 โดยมีซูเปอร์สตาร์คนสำคัญ คิลิอัน เอ็มบัปเป้ เป็นกำลังหลัก

นั่นคือเรื่องของรางวัลสำหรับทีม ฟุตบอลโลกยังมีรางวัลส่วนบุคคลอีกหลายรางวัล รองเท้าทองคำ, ถุงมือทองคำ และลูกฟุตบอลทองคำ ที่จะมีการมอบกันหลังเกมนัดชิงจบลง โดยทั้ง 3 รางวัลยังต้องดูกันจนถึง 2 นัดสุดท้ายว่าใครกันที่เหมาะสม

รองเท้าทองคำ – รางวัลสำหรับดาวซัลโว ฟุตบอลโลก 2022

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติ อาร์เจนติน่า ที่มีลุ้นทั้งแชมป์โลก, ดาวซัลโว และนักเตะยอดเยี่ยม (ภาพ: Ariel Schalit/AP)

รองเท้าทองคำเป็นรางวัลที่มอบให้กับนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุด ซึ่งมาถึงตอนนี้ นักเตะที่ยิงได้มากที่สุด ที่กาตาร์ก็คือ เมสซี่และเอ็มบัปเป้ ที่ทำได้คนละ 5 ประตูเท่ากัน และทั้งคู่ยังลงสนามเจอกันในนัดชิงอีกด้วย

แต่นักเตะที่มีโอกาสคว้ารางวัลนี้ ยังมีมากกว่านั้น เพราะเพื่อนร่วมทีมของทั้งคู่ จูเลียน อัลวาเรซ จากอาร์เจนติน่า และโอลิวิแยร์ ชิรูด์ ของฝรั่งเศส ต่างก็ทำประตูตามมาติด ๆ คนละ 4 ประตู โดยชิรูด์ยังกลายเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติฝรั่งเศสไปแล้ว เมื่อยิงประตูแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิม เธียร์รี่ อองรีในฟุตบอลโลกหนนี้นี่เอง

คิลิอัน เอ็มบัปเป้ ฟุตบอลโลก 2022 ฝรั่งเศส

คิลิอัน เอ็มบัปเป้ มีลุ้นรางวัลสามรางวัลในฟุตบอลโลก 2018 ดาวซัลโว, นักเตะยอดเยี่ยม และแชมป์โลก (ภาพ: Official twitter handle of FIFA)

ซึ่งถ้ามีนักเตะที่ทำประตูสูงสุดมากกว่า 1 ราย เกณฑ์ที่จะนำมาใช้วัดว่าใคร จะได้รางวัลรองเท้าทองคำก็คือ การจ่ายให้เพื่อนทำประตู และถ้ายังเท่ากันอีก นักเตะที่ลงเล่นด้วยเวลาที่น้อยกว่าจะคว้ารางวัลไป ที่เมื่อดูการจ่ายให้เพื่อนทำประตู เมสซี่คือคนที่ได้เปรียบ เมื่อจ่ายให้เพื่อนยิงถึง 3 ประตู ขณะที่เอ็มบัปเป้จ่ายไป 2 ประตู แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเวลาในการลงสนาม เอ็มบัปเป้ได้เปรียบ เมื่อลงเล่นแค่ 477 นาที แต่เมสซี่ลงเล่นไปแล้ว 570 นาที

ซึ่งในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์ที่ต้องวัดกันมากกว่าประตูเกิดขึ้นมาแล้ว ในฟุตบอลโลก 2010 มีคนทำประตูได้มากที่สุดถึง 4 ราย คือ โธมัส มุลเลอร์, เวสลีย์ สไนเดอร์, ดาวิด บีญ่า และดีเอโก้ ฟอร์ลัน ทุกคนทำได้ 5 ประตู แต่คนที่คว้ารองเท้าทองคำคือ มุลเลอร์ เมื่อจ่ายให้เพื่อนยิงมากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยสถิติ 3 ประตู

นอกจาก 4 ผู้เล่นจากคู่ชิงแล้ว แม้โอกาสจะไม่มากนัก แต่สองนักเตะในเกมชิงที่ 3 อันเดรจ์ ครามาริซ ของโครเอเชีย และยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ของโมร็อกโก ก็พอมีโอกาส เมื่อทำประตูตุนไว้คนละ 2 ประตู

ถุงมือทองคำ – รางวัลสำหรับผู้รักษาประตู ฟุตบอลโลก 2022

ลิวาโควิซ ฟุตบอลโลก 2022 โครเอเชีย

ลิวาโควิซ นายประตูโครเอเชีย (ภาพ: Matthew Ashton/ Getty Images)

ถุงมือทองคำเป็นรางวัลสำหรับผู้รักษาประตู ที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดในฟุตบอลโลก ที่มีการมอบให้ครั้งแรกในปี 1994 ซึ่งเจ้าของรางวัลนี้ในอดีต ก็คือผู้เล่นระดับตำนานทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น โอลิเวอร์ คาห์น, อิเกอร์ คาซิญาส, มานูเอล นอยเออร์, จิอันลุยจิ บุฟฟอน

การหาผู้ชนะรางวัลนี้จะซับซ้อนมากกว่ารองเท้าทองคำ เมื่อจะตัดสินโดยทีมเทคนิคของฟีฟ่า หรือ คณะกรรมการด้านเทคนิค ที่เรียก ๆ กัน ซึ่งคณะกรรมการเหล่านี้จะดูฟอร์มการเล่นของผู้เล่นอย่างเงียบ ๆ โดยคนที่ได้รางวัลก็คือ ผู้รักษาประตูที่ไปได้ไกลที่สุดในทัวร์นาเมนต์ และหากเกิดการเสมอกันขึ้นมา คนที่ได้รางวัลก็คือ คนที่มีลูกเซฟประตูมากที่สุด หากยังเท่ากัน ก็ต้องไปดูเวลาในการลงเล่น ใครที่เล่นนานกว่าคือผู้ที่คว้ารางวัล

อูโก้ โญริส ฟุตบอลโลก 2022 ฝรั่งเศส

อูโก้ โญริส กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส และผู้รักษาประตู (ภาพ: Visionhaus/ Getty Images)

อีมี่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า), อูโก้ โญริส (ฝรั่งเศส), โดมินิก ลิวาโควิซ (โครเอเชีย) และยาสซีน โบโน (โมร็อกโก) คือผู้รักษาประตูที่ลงเล่นจนถึง 2 เกมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 โดยโบโน, ลิวาโควิซ และมาร์ติเนซ ล้วนเคยคว้าชัยในเกมดวลจุดโทษอย่างน้อยก็ 1 นัด แต่โญริสก็มีเซฟมหัศจรรย์อยู่หลายครั้ง ซึ่งเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่พาฝรั่งเศสมาถึงนัดสุดท้ายได้เป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน

ลูกฟุตบอลทองคำ – รางวัลสำหรับนักเตะยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริซ โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริซ กัปตันทีมชาติโครเอเชีย นักฟุตบอลยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2018 (ภาพ: Getty Images)

สำหรับนักเตะที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลก รางวัลที่จะได้กลับบ้านก็คือ ลูกฟุตบอลทองคำ ที่การสรรหาก็ถือว่าซับซ้อน โดยบรรดาสมาชิกของสื่อต่าง ๆ ทั่วโลกจะลงคะแนนให้กับผู้เล่น ที่คณะกรรมการด้านเทคนิคของฟีฟ่า เลือกมาให้

งานนี้คนที่ได้รางวัล มักจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากนัดชิง ซึ่งดูแล้วเมสซี่กับเอ็มบัปเป้คือ 2 ผู้เล่นที่น่าจะชิรางวัลนี้กัน และทำให้เกมนัดชิงระหว่างอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศส มีการชิงรางวัลส่วนบุคคลควบคู่กันไปด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นการปิดโอกาสผู้เล่นคนอื่น ๆ เพราะ ลูก้า โมดริซและอองตวน กรีซมันน์ ต่างก็น่าจะอยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาด้วย เช่นเดียวกับ ลิวาโควิซและอาชราฟ ฮาคิมี่ แต่ประตูที่เปิดกว้างคือบานของเมสซี่และเอ็มบัปเป้

รางวัลลูกฟุตบอลทองคำ มีการมอบให้หนแรกในปี 1982 โดยปีนั้นเปาโล รอซซี่ ดาวยิงอิตาลี ที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำด้วยคว้าไป โดยตำนานหลายรายก็คว้ารางวัลนี้มาแล้ว เช่น ดีเอโก้ มาราโดน่า (1986), โนัลโด้ (1998) และโมดริซ (2018) กระทั่งเมสซี่ ก็เคยได้รางวัลนี้ในปี 2014 หลังพ่ายเยอรมนีในนัดชิง ที่ทำให้เกิดภาพการรับรางวัลที่ดูกระอักกระอ่วน เมื่อเขาต้องรับรางวัลด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวัง ท่ามกลางการฉลองของนักเตะเยอรมัน ซึ่งก็คล้าย ๆ กับเมื่อครั้งที่ซีเนอดีน ซีดานคว้ารางวัลนี้ หลังถูกไล่ออกในนัดชิงปี 2006 ก่อนที่ฝรั่งเศสจะแพ้ดวลจุดโทษต่ออิตาลี

โอลิเวอร์ คาห์น เยอรมนี ฟุตบอลโลก 2002

โอลิเวอร์ คาห์น คือผู้รักษาประตูคนเดียว ที่ได้รับรางวัลถุงมือทองคำ และลูกฟุตบอลทองคำ (ภาพ: www.fifa.com)

คาห์น คือผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวที่เคยได้รางวัลนี้ ซึ่งต้องให้เครดิตกับฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเหลือเกินในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งแน่นอนว่า เขาได้รับรางวัลถุงมือทองคำไปพร้อม ๆ กัน

นอกจากสามรางวัลนี้แล้ว ยังมีการมอบรางวัล นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม ซึ่งในฟุตบอลโลก 2018 เป็นของคิลิอัน เอ็มบัปเป้, รางวัล แฟร์เพลย์ อวอร์ด ให้กับทีม, รางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน, ทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ซึ่งจะคัดนักเตะที่เล่นได้ยอดเยี่ยมในตำแหน่งต่าง ๆ มารวมกันเป็นหนึ่งทีม, ทีมที่สร้างความบันเทิงมากที่สุดในการแข่งขัน ที่จะตกอยู่กับทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด

ข้อมูล: ESPN
ภาพปก: Ariel Schalit/AP, Official twitter handle of FIFA, Matthew Ashton/ Getty Images, Getty Images, Visionhaus/Getty Images

ฉากสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ตราไก่ - ฟ้าขาว เข้าชิง เส้นทางสุดท้ายของโมร็อกโก เมสซี่กับเอ็มบัปเป้ ใครจะคว้ารางวัลดาวซัลโว?

ฉากสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ตราไก่ – ฟ้าขาว เข้าชิง เส้นทางสุดท้ายของโมร็อกโก เมสซี่กับเอ็มบัปเป้ ใครจะคว้ารางวัลดาวซัลโว?

คู่ชิงที่เป็นมากกว่าคู่ชิงของฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 เริ่มต้นด้วยการพ่ายแพ้ของเจ้าภาพ กาตาร์ ในนัดเปิดสนาม ต่อเอกวาดอร์ทีมจากอเมริกาใต้ 2-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน และฟาดแข้งกันมาอย่างต่อเนื่อง จนได้คู่ชิงชนะเลิศที่ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ ทีมตราไก่ – ฝรั่งเศส แชมป์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กับอาร์เจนติน่า – ฟ้าขาว ที่เป็นหนึ่งตัวเก็งลำดับต้น ๆ ของทัวร์นาเมนต์ ที่ยังเป็นการปะทะกันของสองดาวเตะต่างยุค ที่เล่นร่วมกันในทีมปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็ง และถูกมองว่า จะมีการส่งผ่าน ทดแทนกันในฐานะซูเปอร์สตาร์บนสนามหญ้าสีเขียว ลิโอเนล เมสซี่ กับฟุตบอลโลกที่น่าจะเป็นหนสุดท้าย และคิลิอัน เอ็มบัปเป้ เจ้าของตำแหน่งดาวรุ่งของฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

อาร์เจนติน่า ฟุตบอลโลก 2022

เมสซี่ แอนด์ เดอะ แก๊ง (ภาพ: zeenews.india.com)

โดยการแข่งขันนัดนี้จะมีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 4 ทุ่มตรง (ตามเวลาในบ้านเรา) โดยสามารถชมการถ่ายทอดได้ทาง True4U, 7HD และ True Sports 2

ฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติฝรั่งเศส ชุดฟุตบอลโลก 2022 ที่หลายคนไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะได้รับบาดเจ็บ (ภาพ: www.pulse.ng)

ที่หากอาร์เจนติน่าของเมสซี่คว้าแชมป์ เขาจะทำได้เช่นเดียวกันตำนานนักเตะของอาร์เจนติน่า และของโลก ดีเอโก้ มาราโดน่า ทำได้ ซึ่งจะทำให้สถานภาพในการเป็น หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก (GOAT – Greatest of All Time) มั่นคงและสมค่ามากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นเอ็มบัปเป้และเพื่อนพ้องพี่น้องตราไก่ จะทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นชาติแรกที่คว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 ปีซ้อนได้สำเร็จ นับตั้งแต่เปเล่และบราซิลทำเอาไว้เมื่อ 60 ปีก่อน

ก่อนเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 เมสซี่-อาร์เจนติน่าปะทะเอ็มบัปเป้-ฝรั่งเศส

ลิโอเนล เมสซี่ ฟุตบอลโลก 2022 อาร์เจนติน่า

ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า (ภาพ; www.skysports.com)

หลังจบเกมรอบรองชนะเลิศทั้งอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศสจะมีเวลาพักก่อนเจอกันในนัดชิงอย่างน้อย 3 วันเต็ม ๆ และสำหรับทีมที่ได้เข้าชิงที่ 3 โครเอเชียและโมร็อกโกจะเหลือมีเวลาอย่างน้อย 2 วันเต็ม ๆ ที่แม้จะเป็นวันพัก หากก็มีเรื่องราวมากมายให้ได้เขียนถึง

เว็บไซต์ FiveThirtyEight ได้วิเคราะห์ออกมาว่า อาร์เจนติน่าเหนือกว่าแชมป์เก่าฝรั่งเศสอยู่เล็กน้อย เมื่อให้โอกาสฟ้าขาว คว้าแชมป์ 53% และตราไก่ 47%

ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสองทีมต่างกำลังล่าดาวดวงที่ 3 ประดับอก โดยฝรั่งเศสเป็นเจ้าของแชมป์ในปี 1998 และ 2018 ส่วนอาร์เจนติน่า เป็นแชมป์ในปี 1978 และ 1986 โดยมีเพียงเยอรมนีกับอิตาลี และบราซิล เท่านั้นที่คว้าแชมป์ได้มากกว่า โดยสองทีมจากยุโรปเป็นแชมป์ 4 สมัย ส่วนบราซิล 5 สมัย นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรืออาร์เจนติน่า หากคว้าแชมป์สำเร็จจะเป็นการคว้าแชมป์ครั้งที่ 2 โดยไม่ใช่เจ้าภาพหนที่สองของพวกเขา ขณะที่แชมป์ครั้งแรกของทั้งสองทีม ต่างได้มาในปีที่เป็นเจ้าภาพเหมือนกัน

อาร์เจนติน่าเคยเจอกับฝรั่งเศสมาแล้ว 4 ครั้งในฟุตบอลโลก โดยทีมฟ้าขาวเอาชนะทีมตราไก่ได้ในรอบแบ่งกลุ่มปี 1930 และ 1978 ส่วนการเจอกันครั้งล่าสุด ฝรั่งเศสคว่ำอาร์เจนติน่าในรอบ 16 ทีมของฟุตบอลโลก 2018 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน และสถิติการเจอกันทั้งหมด อาร์เจนติน่าทำได้ดีกว่า ด้วยสถิติชนะ 6 แพ้ 3 เสมอ 3

คิลิอัน เอ็มบัปเป้ ฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022

จากดาวรุ่งยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2018 เอ็มบัปเป้ เป็นตัวหลักของทีมชาติฝรั่งเศสไปแล้ว (ภาพ: 24hoursworlds.com)

ทั้งอาร์เจนติน่าและฝรั่งเศส ต่างก็เป็นทีมที่มีสตาร์ดังล้นทีม แต่แน่นอนว่าสายตาทุกคู่ย่อมจับจ้องไปที่ เมสซี่และเอ็มบัปเป้ ที่นอกจากเป็นเพื่อนร่วมสโมสรปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็งแล้ว ยังนำดาวซัลโวในฟุตบอลโลกหนนี้ร่วมกัน หลังต่างยิงกันไปแล้วคนละ 5 ประตู

โดยก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีเพื่อนร่วมสโมสรเดียวกันที่คว้ารางวัลรองเท้าทองคำ อันดับ 1 และ 2 ในฟุตบอลโลก แต่ถ้าเกมนัดชิงจบลงด้วยการที่ทั้งเมสซี่และเอ็มบัปเป้ยังคงยิงประตูเท่ากัน การตัดสินจะไปอยู่ที่การจ่ายให้เพื่อนทำประตู หากยังเสมอกันอีก ก็จะดูเวลาในการลงสนาม ที่ใครได้ลงเล่นน้อยกว่า จะคว้ารางวัลไป

แต่ที่แน่ ๆ การลงสนามในนัดชิงของเมสซี่ วัย 35 ปี จะทำให้เขาแซงโลธ่าร์ มัตเธอุส ของทีมชาติเยอรมนี เป็นนักเตะชายที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุด ด้วยจำนวน 26 นัด ขณะที่การยิงประตูโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศของเมสซี่ ก็ทำให้เขาแซงแกเบรียล บาติสตูต้า เป็นผู้เล่นอาร์เจนติน่า ที่ทำประตูในฟุตบอลโลกมากที่สุด สำหรับทีมชาย ด้วยจำนวน 11 ประตู ส่วนตำนานอย่างมาราโดน่า ทำเอาไว้ 8 ประตู

เอ็มบัปเป้เองก็มีโอกาสเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์โลกได้ 2 สมัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจสำหรับดาวเตะวัย 23 ปีรายนี้ โดยเจ้าของสถิติเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยด้วยอายุน้อยที่สุดคือ เปเล่ ด้วยวัย 22 ปี

โมร็อกโก คือหนึ่งในความประทับใจของฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

ไม่ว่าจะได้ที่ 3 หรือ 4 โมร็อกโก ที่ทีมในดวงใจของหลาย ๆ คน ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: AP Photo/Martin Meissner)

กับเกมชิงที่ 3 ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง นักเตะโมร็อกโกชุดนี้ก็ได้จารึกชื่อของพวกเขาในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกเอาไว้เรียบร้อย ในฐานะทีมจากแอฟริกาทีมแรกที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ นอกจากนี้สิงโตจากเทือกเขาแอตลาสยังเป็นทีมอาหรับทีมแรก ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกอีกด้วย

หลังเอาชนะทีมเต็ง เบลเยี่ยม, กระทิงดุ – สเปน และโปรตุเกส โมร็อกโกแสดงให้เห็นว่า ทีมที่อยู่นอกทวีปขาประจำ ยุโรปและอเมริกาใต้ ก็สามารถเข้ารอบลึก ๆ ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับนี้ได้ แม้เส้นทางของพวกเขาจะลงด้วยการชิงที่ 3 หลังพ่ายฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ แต่พวกเขาก็เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ฟุตบอลโลกเรียบร้อยแล้ว

วาลิด เรกรากีย์ โค้ชของโมร็อกโก มาถึงกาตาร์พร้อมกับนักเตะที่มีความโดดเด่นอย่างมากในระดับสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ฮาคิม ชีเย็คจากเชลซี หรือ อาชราฟ ฮาคิมี่ จากแปเอสเช ขณะที่กองกลางจากฟิออเรนติน่า ซอฟิยาน อัมราบัต และอองเฌร์ – อัซซาดีน อูนาฮี แจ้งเกิดได้เต็ม ๆ ในทัวร์นาเมนต์นี้ และน่าจะได้ย้ายไปอยู่ทีมที่ใหญ่กว่าเดิมในอนาคต

หลังเสียประตูไปตั้งแต่ต้นเกม จากการยิงของเธโอ เอร์น็องเดซ โมร็อกโกก็ทำให้ทีมแชมป์โลกมีเสียวอยู่เป็นระยะ ๆ จนกระทั่ง โคโล มูอานี่ มายิงประตูปิดกล่องส่งทีมตราไก่เข้าชิงเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน การกลับบ้านหนนี้ของโมร็อกโก นักเตะและทีมงานทุกคนคือวีรบุรุษ แม้พวกเขาจะไม่ได้ลงสนามในวันสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ก็ตามที และถึงเกมกับโครเอเชียอาจจะเป็นเหมือนเกมปลอบใจ แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้พวกเขาปิดฟุตบอลโลก 2022 ของตัวเอง ด้วยสถิติที่สวยงาม และฉายแสงออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์

ข้อมูล: ESPN
ภาพปก: www.skysports.com, 24hoursworlds.com

เรื่องน่าอ่าน
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ฟุตบอลโลกในอนาคต เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม โอกาสของทีมชาติไทยอยู่ตรงไหน ?
ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย

เดินทางมาถึงคู่แรกของรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงดึกคืนวันอังคาร 13 ธ.ค. ท่ามกลางการจับตาของคอบอลทั่วทั้งโลก

 

แน่อยู่แล้วว่า อาร์เจนติน่า เป็นฝ่ายเหนือกว่า โครเอเชีย

 

แต่บางฝ่าย–โดยเฉพาะคนโครแอตและกองเชียร์ตาหมากรุก ก็ยังเชื่อว่า ภายหลังชนะดวลจุดโทษมา 2 รอบติด ก็ “มีลุ้น” จะเฮต่อเนื่องเป็นรอบ 3 ไม่ว่า อาร์เจนติน่า จะเต็งมาจากไหนก็เถอะ

 

อย่างน้อยก็ ลูก้า โมดริช คนนึง – “ผมว่าเรา (โครเอเชีย) มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันกับ เรอัล มาดริด ที่ไม่ยอมแพ้และสู้จนวินาทีสุดท้ายของเกม เราพร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะเราเตรียมตัวมาดี และผมคิดว่ามันจะเพียงพอที่ทำให้เราเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ”

 

กระนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ก็กลายเป็นว่า โครเอเชีย สิ้นท่า ไม่เหลือลายรองแชมป์เก่า

 

มาถึงตัดเชือกบอลโลก 3 หน…ร่วงที่รอบนี้ 2 ครั้ง

 

แม้ทรงจะไม่ถึงกับแบ๊ด แต่ก็แซดอย่างบ่อยเหมือนกันแฮะ…

 

แมตช์ตัดสินใครจะเช้าชิงแชมป์โลก ใครจะได้แค่ชิงเหรียญทองแดงปลอบใจ ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ โครเอเชีย เริ่มต้นขึ้นพร้อมการปรับหมากอีกครั้งของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่เปลี่ยนระบบใช้ 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 อัดแดนกลางแน่นด้วย 4 มิดฟิลด์ ต่างไปจากนัดก่อน (ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์) ที่ใช้ 5-3-2 ลงสู้ ด้าน ซลัตโก้ ดาลิช มาด้วยทีมเดิม นำโดย 3 แผงกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาเตโอ โควาซิช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียว โครเอเชีย ครองเกมดีกว่าเล็กน้อย แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าทำไม่สำเร็จ

 

นาที 25 เป็นโอกาสจบแรกของเกม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลองส่องปั่นโค้งๆ ด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหาเสาและไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช ที่แม้จะตะปบไม่อยู่แต่ก็ไม่มีดาบสองจากทีมฟ้าขาว

 

นาทีถัดมา โครเอเชีย ต่อเกมสวนขึ้นไปได้สวยจน อันเดรจ์ ครามาริช โดนชนล้มเป็นฟรีคิกเยื้องขวาระยะ 30 หลา แต่ ลูก้า โมดริช เลือกเปิดขึ้นหน้าโดนโขกสกัดออกมาไม่มีอะไร

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แต่แล้วจู่ๆ นาที 32 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้บอลตักข้ามแผงหลังมาให้ทะลุเข้าเขตโทษแล้วแตะหนี โดมินิก ลิวาโควิช ก่อนโดนชนล้ม ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแบบไม่เช็กวีเออาร์ แถมให้ใบเหลืองนายประตูโครแอต ซึ่งก็เป็น ลิโอเนล เมสซี่ นั่นเองที่หยิบบอลมาสังหารด้วยซ้ายเสยเพดานตาข่ายอย่างเฉียบคม อาร์เจนติน่า ขยับนำ 1-0 ในนาที 34 เป็นประตูที่ 5 ของ เมสซี่ ส่งให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ทั้งนี้ มาริโอ มานด์ซูคิช อดีตดาวยิงโครเอเชีย ที่มาในฐานะสตาฟฟ์โค้ชทีมหมากรุก โดนใบแดงไล่ออกไปจากข้างสนามด้วย ข้อหาประท้วงหนัก

 

แล้วเมื่อตั้งเกมเล่นกันใหม่ สกอร์ก็ไหลขึ้น 2-0 เสียดื้อๆ อีก จากจังหวะเตะมุมของโครเอเชียเองที่โดนสวนเร็ว ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวขึ้นหน้ามาจนจุดอันตราย ปรากฏว่าทั้ง โยซิป ยูราโนวิช และ บอร์นา โซซ่า กลับสกัดบอลแป้กๆ งัดไม่ออก สุดท้ายยังคงเข้าทาง อัลวาเรซ ดีดผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปง่ายๆ 2-0 ในนาที 39

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สกอร์ยังเกือบขยับเป็น 3-0 ด้วยในจังหวะเตะมุมนาที 43 บอลเปิดมาตรงกลางเข้าหัว อัลวาเรซ โขกเปลี่ยนทางจังๆ ส่งลูกกำลังจะข้ามเส้น ลิวาโควิช ยังแสดงปฏิกิริยาชั้นยอดสปริงตัวปัดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด

 

จากนั้นครึ่งแรกจบลงไปแบบงงๆ โครเอเชีย ตามหลัง อาร์เจนติน่า 0-2 ทั้งที่ก็ไม่ได้เล่นเป็นรองอะไรนักตลอดครึ่งเวลา

 

ต่อครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช ปรับส่งสำรอง 2 รายรวดทันที นิโกล่า วลาซิช กับ มิสลาฟ ออร์ซิช ลงไปแทน มาริโอ ปาซาลิช กับ บอร์นา โซซ่า ที่มีส่วนผิดพลาดในประตูที่สอง ไม่เท่านั้น เล่นไป 5 นาทีก็เสริมกองหน้า บรูโน่ เพ็ตโควิช ลงมาแทนกลางรับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

เกมของ โครเอเชีย ยกระดับขึ้นทันตา เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่แบบพับสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ปัญหาก็คือยังคงสร้างโอกาสจะแจ้งไม่สำเร็จ ทั้งยังเป็น อาร์เจนติน่า ด้วยที่เกือบได้เฮหนสาม จังหวะสวนนาที 58 เมสซี่ ทำชิ่งกับเพื่อนจนทะลุเข้าไปทางซ้ายแล้วกดกะยัดเสาแรก ไม่ผ่านเซฟ ลิวาโควิช

 

ผ่านนาที 62 ลิโอเนล สคาโลนี่ กะเอาชัวร์แล้วด้วยการส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปอุดเกมรับ พร้อมปรับระบบเป็น 3 เซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 แม้จนป่านนี้ โครเอเชีย ยังยิงไม่ตรงกรอบเลยสักครั้งก็ตาม

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แล้วถึงนาที 69 เกมก็ปิดสนิท ด้วยสกอร์ 3-0 ของอาร์เจนติน่า เมสซี่ เลี้ยงเลาะที่สุดเส้นหลังขวาโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กดด้วยขวาส่งลูกผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปไม่เหลือซาก 3-0 ด้วยสองเม็ดของกองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

นาที 73 โครเอเชีย ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ อีวาน เปริซิช ยิงเข้าข้อส่งลูกเข้าหาโคนเสา แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ล้มดักไว้อยู่แล้ว เป็นการยิงตรงกรอบหนแรกของทีมตาหมากรุกเกมนี้

 

ล่วงเข้าสิบนาทีท้าย โครเอเชีย พยายามเปิดเกมแลกหมัดสุดกำลัง แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่เข้าถึงจุดตายฟ้าขาวจริงๆ จังๆ สุดท้ายเกมจบลง อาร์เจนติน่า ชนะขาด 3-0 ล้างแค้นคืนอย่างเบ็ดเสร็จจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งโครเอเชียเอาชนะพวกเขาด้วยสกอร์นี้ในรอบแรก

 

สำหรับ อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 เป็นทีมแรก โดยต้องรอดูว่าระหว่าง ฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก ใครจะตามเข้ามาช่วงชิงโทรฟี่ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับพวกเขา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (ฮวน ฟอยธ์ 86) – เลอันโดร ปาเรเดส (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 62) – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (อังเคล กอร์เรอา 86), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เอเซเกล ปาลาซิออส 74) – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เปาโล ดีบาล่า 74), ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า (มิสลาฟ ออร์ซิช 46), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 50), ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 81) – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช (มาร์โก ลิวาย่า 72), มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 46)

 

• ที่จริง ครึ่งแรก โครเอเชีย จ่ายบอลได้มากกว่าด้วย 298:182 ครั้ง แต่ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบเลย ส่วน อาร์เจนฯ ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งได้มา 2 ประตู
• ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงประตูที่ 4 ในเวิลด์คัพหนนี้ และเป็นเม็ดที่ 7 จากการเล่นทีมชาติ 18 นัด
• หลายฝ่ายมองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคือจุดโทษที่ ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ เป่าให้กับ อาร์เจนติน่า ในจังหวะที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ชนเข้ากับ โดมินิค ลิวาโควิช ซึ่งผู้ตัดสินบางคนอาจปล่อยผ่าน
แกรี่ เนวิลล์ : “มันไม่มีทางเป็นจุดโทษได้เลย”
เอียน ไรท์ : “พวกเขาไม่เช็ควีเออาร์ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สำหรับผมมันไม่ใช่จุดโทษ”
รอย คีน : “ผมเห็นด้วยกับพวกเขา มันไม่ใช่จุดโทษสำหรับผม”

 

• โครเอเชีย ร่วงรอบตัดเชือกด้วยการแพ้เป็นนัดแรกของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงแพ้เกมแรกหลังไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน
• โครเอเชีย ยังต้องเฝ้าฝันถึงแชมป์โลกต่อไป ถัดจากการเป็นอันดับสาม ฟร้องซ์ 98, รองแชมป์โลก 2018 และอันดับ 3-4 กาตาร์ 2022
• นี่คือความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดของ โครเอเชีย ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ถัดจากที่แพ้ บราซิล กับ เม็กซิโก 1-3 ในรอบแรกของปี 2014 และแพ้ ฝรั่งเศส 2-4 นัดชิงปี 2018

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นนัดที่ 6 เมสซี่ คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปซะ 4 เกม
• เมสซี่ กดประตูที่ 5 ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมกับทำ 3 แอสซิสต์ สูงสุดเทียบเท่า อองตวน กรีซมันน์, แฮร์รี่ เคน, บรูโน่ แฟร์นันเดส
• เมสซี่ ยิงรวมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพิ่มเป็น 11 ประตู แซงหน้า กาเบรียล บาติสตูต้า ในการเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ยิงได้มากสุดในบอลโลก
• เมสซี่ ทำแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเทียบเท่า ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ 8 แอสซิสต์
• เมสซี่ มีส่วนร่วมกับถึง 19 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (11 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์) เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ มิโรสลาฟ โคลเซ่, โรนัลโด้ และ แกร์ด มุลเลอร์ นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในปี 1966 เป็นต้นมา

• เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นนัดที่ 25 เป็นสถิติมากสุดเทียบเท่า โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งทีมชาติเยอรมนี
• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ “ทั้งยิงทั้งจ่าย” (ประตู+แอสซิสต์) ในนัดเดียวเป็นจำนวน 4 นัด โดยนัดแรกทำได้ในเกมพบ เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2006 ส่วน 3 นัดเป็นฟุตบอลโลกหนนี้ที่พบ เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย
• เมสซี่ ยิงหรือจ่ายในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 13 นัด เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ โรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล
• เมสซี่ ได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก ที่จำนวน 10 นัด โดยทำไปแล้ว 4 ครั้งที่กาตาร์

• เมสซี่ ยิงประตูในทีมชาติ 16 ลูกในปี 2022 (13 นัด) มากกว่าที่เคยยิงได้ในแต่ละปี ตลอดเส้นทางค้าแข้ง
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนาม 10 นัดหลัง
• 3 จาก 5 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ของ เมสซี่ เป็นจุดโทษ
• เมสซี่ เป็นนักเตะสูงอายุที่สุด (35) ที่สามารถยิงได้ถึง 5 ประตูในฟุตบอลโลกสมัยเดียว
• ในฟุตบอลโลก 2022 จนถึงตอนนี้ เมสซี่…
โอกาสยิงรวม 27
ยิงตรงกรอบ 14
ประตู 5
แอสซิสต์ 3
สร้างโอกาสจบ 18
สร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 14
เลี้ยงผ่าน 36

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
ลิโอเนล เมสซี่ : “เราไม่คาดคิดว่าจะพ่ายต่อ ซาอุดีอาระเบีย มันคือบททดสอบอันสาหัสสำหรับทั้งทีม แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราแข็งแกร่งกันขนาดไหน เราเอาชนะได้ในนัดที่เหลือ และมันก็ยากมากๆ เพราะทุกนัดคือนัดชิงชนะเลิศ หากเราไม่ชนะ ทุกอย่างก็คงยุ่งยากสำหรับเรา”
“เราลงเล่นนัดชิงห้านัด (ในทัวร์นาเมนต์นี้) และสามารถเอาชนะได้หมด ผมหวังว่าจะชนะเหมือนเดิมในนัดชิงชนะเลิศ เราเชื่อมั่น แต่ก็รู้ด้วยว่าเราสามารถทำได้ในฐานะทีม”

 

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ : “เราคู่ควรกับสิ่งนี้ เรามีเกมที่สุดยอดมากๆ เราเข้าชิงชนะเลิศกันแล้ว และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ครอบครัวของผมคงคลั่งมาก เหมือนกับทั้งประเทศ เรามีความสุขมากกับผลงานของเรา แต่เราก็ต้องการมากกว่านี้อีก”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “มหัศจรรย์มาก เราคิดไว้แต่แรกว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก แต่เรารู้วิธีปิดเกม สองนัดที่ผ่านมาเราเสียประตูในช่วงท้าย ผมดีใจที่เราปิดเกมได้ในวันนี้”
“เมสซี่ ไม่มีการทำอะไรผิดพลาดเลยในทัวร์นาเมนต์นี้ ยิ่งเขาสูงวัยขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ๋งเป้งขึ้นเท่านั้น ฟอร์มของเขามันเหนือจริงมาก”

 

ซลัตโก้ ดาลิช : “เราเล่นได้ดีตลอดครึ่งชั่วโมงแรก แต่เรายังไม่นิ่งพอในจังหวะของเรา เราเสียประตูที่น่ากังขามากๆ เริ่มจากจังหวะเตะมุมที่มีปฏิกิริยาของผู้เล่นผม แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร จากนั้นก็เป็นจุดโทษ เอาตามตรงมันค่อนข้างเบาและง่ายเกินไป เราพยายามกลับมาให้ได้และก็เสียประตูที่สอง เราครองบอลได้ แต่ไม่ได้สร้างโอกาสจะแจ้ง”
“จุดโทษทำให้ทิศทางของเกมเปลี่ยนไปเลย พวกเขาเป็นฝ่ายได้คอนโทรลเกม และการครองบอลก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเรา”

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
• อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ผ่านมา ชนะ 2 แพ้ 3 ในเกมชิงดำ
1930 แพ้ อุรุกวัย 2-4
1978 ชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1
1986 ชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 แพ้ เยอรมนี 0-1

 

• อาร์เจนติน่า สานต่อสถิติสุดยอด “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2
2022 ชนะ โครเอเชีย 3-0

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำให้ อาร์เจนติน่า มีผลงานแพ้แค่เกมเดียวใน 42 นัดหลังสุด และยิงประตูอย่างน้อย 2 ลูกมาเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกัน

 

• ซลัตโก้ ดาลิช ยืนยันจะนั่งเก้าอี้คุม โครเอเชีย ต่อไปจนถึงหมดสัญญา หลังจบยูโร 2024 ที่เยอรมนี ภายหลังทำทีมมาตั้งแต่ปี 2017 (ชนะ 69 เสมอ 33 แพ้ 18) แต่ก็เปรยว่าแข้งสูงวัยชุดนี้บางคน คงไม่ได้ไปต่ออีกแล้ว

 

• อาร์เจนติน่า ทำให้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 11 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (21 แมตช์) มีการชนะแบบ “ยิงขาด” เพิ่มขึ้นอีกนัด ถัดจากเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง นอกนั้นอีก 80% ออกสกอร์เฉือน หรือจบเสมอกันแล้วต้องต่อเวลา หรือกระทั่งดวลจุดโทษชี้ขาด

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ อาร์เจนติน่า – โครเอเชีย

วันที่ 14 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

สถานการณ์ของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

การเจอกันของสองชาติจากสองทวีป ยุโรปและอเมริกาใต้ ที่ยังเป็นการปะทะกันของนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาทุกรายการก็ว่าได้ เหลือแค่ถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพเพียงถ้วยเดียว กับลูก้า โมดริซ กองกลางร่างเล็ก ที่หยุดการสลับกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ของเมสซี่และคริสเตียโน่ โรนัลโด้สำเร็จ

หากทำได้เมสซี่จะถือว่าก้าวออกมาพ้นเงาของดีเอโก้ มาราโดน่า ชีวิตการค้าแข้งเป็นดังความฝัน ส่วนโมดริซ เขาจะยังอยู่บนเส้นทางในการลบล้างบาดแผลจากนัดชิงปี 2018

โครเอเชียมาถึงรอบนี้ โดยส่งเต็ง 1 ของรายการ อีกทีมจากอเมริกาใต้ – บราซิล กลับบ้าน ที่ไม่ต่างไปจากการหนีเสือปะจระเข้ เมื่อคู่แข่งรายต่อมาคือ อาร์เจนติน่า โดยทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบด้วยการดวลจุดโทษ ทีมตราหมากรุกกับบราซิล ทีมฟ้าขาวกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ทั้งคู่มีความเขี้ยว เชี่ยวชาญ การดวลจุดโทษที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ทั้งตัวผู้เล่นและผู้รักษาประตู ซึ่งหากเกมไปถึงตรงนั้น น่าจะทำให้การยิงจุดโทษต้องลุ้นระทึกทุกวินาที ตั้งแต่การเสี่ยงแดนก็ว่าได้

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

เช็กสถิติของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่าเจอกับโครเอเชียมาทั้งหมด 5 ครั้ง ผลัดกันแพ้-ชนะ 2 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง แต่เป็นการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน หนแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ในปี 1998 โครเอเชียพ่ายไป 1-0 และล่าสุดเมื่อ 4 ปีก่อน ทีมตราหมากรุกเอาชนะไป 3-0 โดยนักเตะหลายคนจากชุดนั้นก็ยังติดทีมชุดนี้

สถิติในฟุตบอลโลกที่น่าสนใจของอาร์เจนติน่าก็คือ เมื่อมาถึงรอบรองชนะเลิศ พวกเขาไม่เคยแพ้ โดยครั้งสุดท้ายในรอบนี้ของอาร์เจนติน่าคือ เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นรอบรองชนะเลิศหนที่ 5 ของพวกเขา อาร์เจนติน่าเจอกับเนเธอร์แลน และผ่านเข้าชิงจากการชนะดวลจุดโทษ สถิติการยิงประตูของทีมฟ้าขาวก็น่าสนใจ เมื่อพวกเขาทำประตูได้นัดละ 2ประตูติดต่อกันถึง 4 เกม แต่การเจอกับทีมที่เล่นรับแน่นอย่างโครเอเชีย เมสซี่กับผองเพื่อน ต้องทำอะไรมากกว่าที่เคยทำให้ได้

ทีมของสลัตโก้ ดาลิซ เข้ารอบชิงฟุตบอลโลก 2018 ด้วยสถิติแปลก ๆ เมื่อไม่ชนะเกมน็อคเอาต์ในเวลาปกติเลย และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะเกมในรอบ 16 ทีม และรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาต้องดวลจุดโทษทั้งสองนัด แถมยังไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมติดต่อกัน ที่สำคัญตลอดการเล่นในรอบน็อคเอาต์ (รวมนัดชิงที่ 3 ในปี 1998 และนัดชิงชนะเลิศปี 2018) พวกเขาไม่เคยพลาดการยิงประตูเลย และหากเข้าชิงในปีนี้ พวกเขาจะอยู่ในคลาสส์เดียวกับ อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี ที่เข้าชิงติดต่อกัน 2 ครั้ง

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

สถานการณ์ผู้เล่นของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

ก่อนเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ มีข่าวลือหนาหูว่า โรดริโก้ เดอ ปอลจะลงเล่นไม่ได้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งลิโอเนล สคาโลนี่ โค้ชอาร์เจนติน่าปฏิเสธหัวชนฝา และเดอ ปอลก็ลงเล่นถึงนาทีที่ 66 ก่อนลีอันโดร ปาเรเดส ลงเล่นแทน

แม้เกมกับเนเธอร์แลนด์ จะมีใบเหลืองถูกแจกถึง 18 ใบ แต่ทีมฟ้าขาวมีผู้เล่นถูกแบนในเกมนี้แค่ 2 รายในตำแหน่งฟูลล์แบ็ค มาร์กอส อะคูญ่าและกอนซาโล มอนทีล โดยนิโคลาส ทากลิอาฟิโก้ กับโมลิน่าจะได้ลงเล่นแทนตามลำดับ

ข่าวดีอีกอย่างของทีมฟ้าขาวก็คือ พวกเขาไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม อเลฮานโดร โกเมซ ฟื้นจากการบาดเจ็บข้อเท้าแล้ว ส่วนเดอ ปอลกับอังเจล ดิมาเรีย ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย น่าจะฟิตพอลงเล่นเป็น 11 คนแรก

ในเกมสุดเดือดกับอัศวินสีส้ม สคาโลนี่เริ่มต้นด้วยการเล่นเซนเตอร์แบ็ค 3 คน ก่อนปรับมาเป็นแผงหลัง 4 คน โดยลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เพิ่งฟื้นจากหวัด ถูกเปลี่ยนให้ดิ มาเรียลงเล่นแทน ซึ่งน่าสนใจว่าในเกมนี้ เขาจะวางแผนรับมือโครเอเชียอย่างไร

ส่วนโครเอเชีย แม้จะมีนักเตะติดไข้เหลืองในเกมกับบราซิลถึง 4 ราย รวมถึงสองตัวหลักในแดนกลาง ลูก้า โมดริซและมาเตโอ โควิซิซ แต่ทั้งสี่คนก็รอดรับใบเหลืองอีกใบที่จะทำให้โดนแบน และดาลิซก็หวังว่านักเตะทุกคนจะฟิตพร้อมลงเล่นในนัดนี้ โดยบอร์นา โซซ่ากับมิสลาฟ ออร์ซิซ ฟื้นจากอาการป่วยแล้ว

ปัญหาของโครเอเชียอยู่ที่การทำประตู ในเกมกับบราซิล มาริโอ ปาซาลิซ ได้ลงเป็น 11 คนแรก และน่าจะสตาร์ตเกมนี้ในตำแหน่งปีกขวา ขณะที่อันเดรจ์ ครามาริซอาจถูกเบียดจากตัวจริง โดยเพ็ตโควิซเจ้าของประตูตีเสมอในเกมรอบ 8 ทีมลงแทน แต่นักเตะจากฮอฟเฟ่นไฮม์รายนี้ เป็นหนึ่งในนักเตะโครแอตที่สตาร์ตตัวจริงของทุกเกม

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 (ภาพ: Getty Image)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, ทากลิอาฟิโก้; เดอ ปอล, เฟอร์นานเด, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ
โครเอเชีย ระบบ 4-3-: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเร็น, กวาร์ดิโอล, โซซ่า; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, เพ็ตโควิซ, เปริซิซ

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

สถิติในนัดที่ผ่าน ๆ มาของทั้งคู่ อาร์เจนติน่าที่แม้จะยิงนำคู่ต่อสู้ แต่ก็ถูกยิงไล่แทบทุกนัด ไม่ว่าจะเป็นเกมกับเนเธอร์แลนด์ที่ออกเสมอ หรือออสเตรเลียที่ทำให้ชนะเฉียดฉิว หรือเกมที่แพ้ซาอุดิอาระเบีย ส่วนโครเอเชียก็ไม่ใช่ทีมที่เชี่ยวชาญในการยิงนำ กระทั่งเกมกับแคนาดา ก็ถูกเบิกประตูก่อน ทำให้เกมนัดนี้น่าจะสู้กันสนุก สู้กันด้วยแท็กติก และใช้ไหวพริบของผู้เล่นคนสำคัญในการพลิกเกม โดยอาร์เจนติน่ามีเมสซี่ และโมดริซอยู่ในทีมโครเอเชีย

แต่ด้วยผู้เล่นที่อยู่รายรอบของทั้ง 2คน เมสซี่ดูจะมีผู้เล่นที่ครบเครื่องมากกว่า และนั่นคือกุญแจหลักที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบชิง ชนะด้วยสกอร์ที่ไม่มากนัก 1-0 หรือ 2-1 และมีโอกาสไม่น้อยที่จะทะลุไปถึงต่อเวลา หรือยิงลูกโทษที่จุดโทษ

เรื่องน่าอ่าน
พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ : อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย

อังคาร 13 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1994 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 1998 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2006 โครเอเชีย ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2014 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-1
ฟุตบอลโลก 2018 โครเอเชีย ชนะ 3-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อาร์เจนติน่า

รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีม ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
รอบ 8 ทีม เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2, ชนะจุดโทษ 4-3

โครเอเชีย

รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1
รอบ 8 ทีม เสมอ บราซิล 1-1, ชนะจุดโทษ 4-2

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า

 

มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยทรงสวยหรูเป็นที่สุด สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ รวมถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แม้โดน เนเธอร์แลนด์ ตามตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ 90+11 แต่ก็ยังมีคุณภาพมากพอจะเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ

 

มาถึงเกมรอบตัดเชือกนัดนี้ หมายความว่า อาร์เจนติน่า ขอชนะอีกแค่ 2 เกมซ้อนเท่านั้น ไม่ว่าจะชนะในเวลาหรือ 120 นาที หรือดวลจุดโทษซ้ำอีก ก็จะถึงฝั่งฝันแชมป์โลกสมัย 3 ที่รอมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1986 มาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ลิโอเนล สคาโลนี่ มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร คราวนี้แผลเกิดขึ้นที่หลังบ้านบ้าง เมื่อทั้ง มาร์กอส อคุนย่า และ กอนซาโล่ มอนเทียล 2 ฟูลแบ็กที่มีส่วนสำคัญกับทีมฟ้าขาวมาตลอดทัวร์นาเมนต์ ต้องติดโทษแบนพร้อมกัน ไม่สามารถลงเล่นเกมนี้ได้

 

ส่วน 3 แนวรุก ที่ก่อนหน้านี้ อังเคล ดิ มาเรีย เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน ทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก หลังฟิตกลับมาได้ตั้งแต่รอบที่แล้ว

 

ภายหลังปรับใช้ระบบสามเซนเตอร์แบ็กเพื่อเน้นเพลย์เซฟในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ ก็เชื่อว่า สคาโลนี่ จะไม่ประมาท โครเอเชีย และยึดหมากนี้เอาไว้ต่อ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้ลงมาถมเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ ส่วนตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายที่ อคุนย่า ติดแบน จะเป็น นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงแทน

 

ดังนั้นเกมรุกจึงจะมาแบบ 2 กองหน้าอีกครั้ง ใช้ ลิโอเนล เมสซี่ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เข้าทำ โดยมี เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นกำลังเสริม

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

โครเอเชีย

ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที ไม่ต่างกันกับรอบ 8 ทีม ที่ลงเอยเสมอ บราซิล 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนได้ ลิวาโควิช เซฟลูกยิงของ โรดรีโก้ โกเอส กับ มาร์กินญอส ซัดชนเสาประตู จน โครเอเชีย ชนะ บราซิล 4-2

 

มาถึงเกมชี้ชะตาเข้าชิงหรือแค่ชิงที่ 3 นัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ เพียงแต่ก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ส่วนทาง บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย ฟิตกลับมาลงตัวจริงในเกมกับ บราซิล ไปก่อนแล้ว เกมนี้สามารถเล่นได้ต่อเนื่อง

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็ไม่น่าเปลี่ยนจากรอบก่อนๆ แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่

กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า เมสซี่ ทุ่มเทสุดกำลังในแทบทุกเกม และยังพร้อมออกงิ้วใส่คู่แข่งด้วยเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 4 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว และที่สำคัญกว่ารองเท้าทองคำ ก็คือแชมป์โลกที่ตามหามาทั้งชีวิตนั่นเอง

 

โครเอเชีย : ลูก้า โมดริช

อะไรจะฟิตได้ขนาดนี้ ฟิตเปรี๊ยะจนเริ่มมีการแซวกันว่า นักเตะชื่อ ลูก้า โมดริช ที่จริงแล้วไม่ใช่แข้งตัวเก็๋าวัย 37 แต่คือเด็กอายุ 17 ปลอมตัวมา อย่างเกมล่าสุดกับ บราซิล เล่นครบ 120 นาทีไม่พอ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษ อีกทั้งก็ยังโชว์ฟอร์มเหนือชั้นในแทบทุกเกม สมกับการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 2018 เป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดจังหวะเกมช้าเร็ว การขึ้นบอลในแดนกลาง ไปจนถึงมีประโยชน์ทั้งรุกรับ แม้สถิติพังประตูในทีมชาติจะไม่ได้มากนัก 23 ลูกจาก 160 นัดก็ตาม

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (5-3-2 กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเกม อาร์เจนติน่า ปะทะ โครเอเชีย

• หลังจากเสมอแบบไร้สกอร์ในปี 1994 ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาคนละ 2 ครั้ง
• พบกันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ก็ผลัดกันแพ้ชนะเช่นกัน
• ล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โครเอเชีย ทำเซอร์ไพรส์ยิงขาดถึง 3-0 ด้วยมีจุดเปลี่ยนกับลูก 1-0 ที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ เตะเปิดเข้าทาง อันเต้ เรบิช ยิงเข้าไปง่ายๆ ก่อนท้ายเกม ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช จะมาบวกเพิ่มปิดเกมที่ 3-0

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 41 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• อาร์เจนติน่า ยิงประตูคู่แข่งเกมละ 2 ลูก มา 4 เกมซ้อน
• ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 41 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 55 นัด ชนะ 36 เสมอ 14 แพ้ 5)
• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 171, อังเคล ดิ มาเรีย 129, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 99, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 46
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,002 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 171 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 14 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 นัดหลัง

• ลิโอเนล เมสซี่ เกิด 24 มิ.ย. 1987 หรือหนึ่งปีให้หลังจากแชมป์โลกหนสุดท้ายของชาติบ้านเกิด ส่วนคนที่เกิดในปีแชมป์โลกพอดีคือ ฟรังโก้ อาร์มานี่ ประตูมือสอง เกิด 16 ต.ค. 1986
• ด้าน ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมฟ้าขาว เกิด 16 พ.ค. 1978 หรือแค่เดือนเดียวก่อน อาร์เจนติน่า ยุค มาริโอ เคมเปส, ออสซี่ อาร์ดิเลส, ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า ครองแชมป์โลกสมัยแรก ฟุตบอลโลก 1978 ในบ้านตัวเอง

• อาร์เจนติน่า พกสุดยอดสถิติมาด้วยอย่างการที่ “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก แต่นำเอาแชมป์ของรอบแบ่งกลุ่มรอบที่ 2 เข้าไปชิงชนะเลิศกัน (และ อาร์เจนติน่า ต่อเวลาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ครองแชมป์โลกสมัยแรก)
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1 / นัดชิงแพ้ อุรุกวัย 2-4
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0 / นัดชิงชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3 / นัดชิงแพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 / นัดชิงแพ้ เยอรมนี 0-1

• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 5
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้งในบอลโลกหนนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2014

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวดในฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว

• มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง (10 แมตช์) ที่เกิดการยิงกันแบบ “ขาดลอย” ในรอบตัดเชือก ซึ่งก็คือ เกมที่ เยอรมนี มอบฝันร้ายให้ บราซิล 7-1 เมื่อปี 2014 นอกนั้นถ้าไม่เสมอกันก็ชนะแบบเฉือนเม็ดเดียว
ฟุตบอลโลก 2002 เยอรมนี 1-0 เกาหลีใต้, บราซิล 1-0 ตุรกี
ฟุตบอลโลก 2006 เยอรมนี 0-0 อิตาลี (อิตาลี ต่อเวลาชนะ 2-0), โปรตุเกส 0-1 ฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก 2010 อุรุกวัย 2-3 เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี 0-1 สเปน
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล 1-7 เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ 0-0 อาร์เจนติน่า (อาร์เจนฯ ชนะจุดโทษ 4-2)
ฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม, โครเอเชีย 1-1 อังกฤษ (โครเอเชีย ต่อเวลาชนะ 2-1)

 

ทรรศนะกูรู
คริส ซัตตัน, บีบีซี : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
“ต้องยอมซูฮกให้กับ โครเอเชีย เลย เพราะที่จริงผมกาชื่อพวกเขาทิ้งไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าผมมองพวกเขาผิดไป พวกเขาเป็นทีมที่ออร์แกไนซ์กันได้ดีมาก ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ยังยอดเยี่ยม พวกเขาเก็บบอลได้ คอนโทรลเกมได้ มีความยืดหยุ่นสูง”
“ดังนั้นนี่จะเป็นเกมยากมากๆ ของ อาร์เจนติน่า แต่ผมก็เชื่อว่า อาร์เจนติน่า จะลงเล่นแบบไม่ประมาท และรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไรจากคู่แข่ง มันอาจจะเป็นโอกาส 50-50 ในการหาผู้ชนะ แต่ก็คงไม่ผิดบาปเกินไปนักถ้าผมจะให้หัวใจนำมากกว่าหัวสมอง และผมจะเลือกให้ เมสซี่ ทะลุเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ”
“ผมพูดเสมอมาว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า คือนักเตะหมายเลขหนึ่ง และเขาครองแชมป์โลกในปี 1986 เส้นทางมหัศจรรย์ของ เมสซี่ ถูกตีตราจากบางคนว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อเขายังไปไม่ถึงแชมป์โลก แต่ตอนนี้เขาเหลือแค่ 2 นัดเพื่อทำมันให้เป็นจริง และผมก็อยากเห็นมันเกิดขึ้น”
“ใช่ นี่ยังหมายความว่าผมกาชื่อ โครเอเชีย ทิ้งไปจากฟุตบอลโลก 2022 อีกครั้ง และเชื่อผมสิ ถ้าเกมต้องถึงช่วงดวลจุดโทษ มันก็จะเป็น โครเอเชีย อีกนั่นแหละที่ชนะ”

 

ความน่าจะเป็น
เลิกคิดเรื่องยิงถล่มขาดลอยกันได้ เมื่อ 90% ของรอบตัดเชือกช่วงหลายปีหลังออกเฉือนๆ หรือไม่ก็เจ๊ากัน สำหรับเกมนี้ ก็แน่นอนเช่นกันว่าคู่คี่สูสี มีโอกาสชนะพอๆ กัน แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ อาร์เจนติน่า ว่าจะสามารถปิดจุดอ่อนของตัวเองอย่างการ “แผ่วปลาย” ได้หรือไม่ หลังจากสองรอบที่ผ่านมาโดนเจาะตอนท้ายตลอด แต่ก็เชื่อว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ พวกเขาคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไปต่อนัดชิงดำให้ได้

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0

 

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022