เรื่อง

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โครเอเชีย vs บราซิล
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 4 นัด
อุ่นเครื่อง 2005 เสมอ 1-1
ฟุตบอลโลก 2006 บราซิล ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1

บราซิล
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซอร์เบีย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ แคเมอรูน 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ เกาหลีใต้ 4-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที

 

มาถึงเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช จากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ กับ บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย เพียงแต่ทั้งสองก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็อาจไม่เปลี่ยนจากรอบก่อน แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานชนะติดต่อกัน 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

ส่วนเมื่อถึงรอบ 16 ทีม บราซิล ก็กลับไปร้อนแรงอีกครั้ง กราดยิง เกาหลีใต้ 4-1 ชนิดกด 4 เม็ดรวดในครึ่งแรกครึ่งเดียว และครึ่งหลังเล่นประคองสกอร์แบบเซฟๆ เลี่ยงปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม

 

ก่อนหน้านี้ ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน ทั้ง เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากฟุตบอลโลก 2022 

 

แต่สำหรับ เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ ฟิตฟื้นคืนตัวจริงไปเล่นในเกมก่อน นัดนี้จะลงเล่นได้ต่อเนื่อง คงเหลือเพียง อเล็กซ์ ซานโดร ที่ต้องพัก ถ้าไม่นับ กาเบรียล เชซุส กับ อเล็กซ์ เตลเลส ที่หมดสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

 

ตีเต้ คงไม่เปลี่ยนทีมที่เล่นดีอยู่แล้ว ในระบบ 4-2-3-1 นำขบวนโดย เนย์มาร์ เสริมด้วยตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่โหดดุครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
เจ้าของนิคเนม “R9” คนใหม่ ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม จากนั้นก็กดอีกเม็ดใส่ เกาหลีใต้ เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 41 นัดซัด 20 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, มาร์โก ลิวาย่า
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – ดานิโล่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, เอแดร์ มิลิเตา, – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 เนย์มาร์ กับ ฟีร์มิโน่ ซัดคนละเม็ด
• ยังเคยเจอกันในฟุตบอลโลกมา 2 ครั้ง ปี 2006 และ 2014 แซมบ้าก็ชนะ 2 นัดรวด 1-0 และ 3-1 ตามลำดับ โดยเกมหลัง เนย์มาร์ ซัด 2 ตุง
• เท่ากับ เนย์มาร์ ยิงประตูโครเอเชียมาแล้ว 3 ลูก
• บราซิล เป็นเพียงหนึ่งใน 2 ทีมที่ โครเอเชีย ไม่เคยเอาชนะได้ (ในการเจอกันมากกว่า 3 นัด) โดยนอกจากทีมแซมบ้าก็มี โปรตุเกส อีกราย (เตะ 7 เสมอ 1 แพ้ 6)
• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 10 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 4
• ลูก้า โมดริช จะลงรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 160 ส่วน อีวาน เปริซิช 120, มาเตโอ โควาซิช 89, เดยัน ลอฟเรน 77 ส่วน โดมินิค ลิวาโควิช จะเป็นเกมที่ 39 เท่านั้น
• เนย์มาร์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 124, ริชาร์ลิซอน 42, กาเซมิโร่ 69, ติอาโก้ ซิบวา 113, อลิสซอน เบ็คเกอร์ 61 ส่วนถ้า ดานี่ อัลเวส ได้เล่น จะเป็นเกมที่ 127 ทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียไปประตูเดียวจากการเล่น 3 นัดในฟุตบอลโลก 2022 และทุกนัดที่ลง บราซิลชนะรวด (เกมแพ้ แคเมอรูน 0-1 เป็น เอแดร์ซอน โมราเอส)

 

ความน่าจะเป็น
ด้วยความเหนียวแน่นในเกมรับและความเก๋าของแดนกลาง ทำให้ยังพอมีมุมที่ โครเอเชีย จะยันอยู่จนผ่าน 90 นาที แต่เมื่อดูจากความแข็งแกร่งและแพรวพราวของ บราซิล ที่มีทั้งในกลุ่มตัวจริงและตัวสำรองแล้ว ก็ให้น่าเป็นห่วงแทน โครเอเชีย ว่าจะเอาไม่อยู่เมื่อเกมงวดลง หรือหากว่าเม็ดแรกมาเร็ว ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่าจะไหลเหมือนที่ เกาหลีใต้ โดนมา

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชีย – บราซิล

9 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

สถานการณ์ของโครเอเชียและบราซิล

การแข่งขันคู่แรกของฟุตบอลโลก 2022 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นการแข่งขันของ 2 ทีมที่รูปแบบการเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน จากสองทวีป โครเอเชีย รองแชมป์หนที่แล้วจากยุโรป และบราซิลแชมป์จากโซนอเมริกาใต้ ตัวเก็งของฟุตบอลโลกหนนี้ โดยทั้งคู่ต่างก็เอาชนะทีมจากเอเชียมาในรอบ 16 ทีม แต่โครเอเชียต้องเหนื่อยหนัก เมื่อสู้กับญี่ปุ่นจนถึงฎีกา ขณะที่บราซิลจบเกมกับเกาหลีใต้ตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อพวกเขายิงนำไปถึง 4 ประตู

โดยหากบราซิลผ่านโครเอเชียไปได้ เส้นทางสู่แชมป์สมัยที่ 6 ของพวกเขาก็สั้นลงทุกที ขณะที่โครเอเชียการเอาชนะทีมแกร่งอย่างบราซิลได้ ก็ทำให้พวกเขาสามารถสานต่อความสำเร็จในฟุตบอลโลกได้อย่างต่อเนื่อง จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว ซึ่งพวกเขาพ่ายฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศ

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

เช็กสถิติของโครเอเชียและบราซิล

สถิติรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียเต็มไปด้วยเรื่องดราม่ามากมาย เพราะจาก 8 นัดหลังสุดในรอบน็อคเอาต์ของทุกทัวร์นาเมนต์ นับตั้งแต่คว้าที่ 3 ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ชื่อโครเอเชียปรากฏเป็นหนแรกในฟุตบอลโลก พวกเขาต้องเล่นยาวต่อเวลาถึง 7 นัด และหากนับเฉพาะฟุตบอลโลก 4 จาก 5 นัดหลังในรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียต้องว่ากันถึงช่วงต่อเวลา และ 3 จาก 4 นัดที่ว่า ก็ไปถึงการยิงจุดโทษ ซึ่งการแพ้ฝรั่งเศสในนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 เป็นเกมโป้งเดียวจบครั้งเดียวที่พวกเขาไปไม่ถึงต่อเวลา

4 เกมในกาตาร์ บราซิลแสดงให้เห็นทั้งฟอร์มการเล่นสมกับว่าที่แชมป์ และความมั่นใจที่ใส่มาเกินร้อย แม้จะมีรอยตำหนิจากการพ่ายแคเมอรูนในนัดสุดท้ายของรอบแรก แต่นั่นก็เพราะใช้ผู้เล่นสำรองและก้าวเท้าเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อยแล้ว และนี่คือการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนที่ 7 ติดต่อกันของพวกเขา แต่ 4 ครั้งหลังที่ผ่านเข้ามา บราซิลจบที่รอบนี้ถึง 3 หนด้วยการพ่ายทีมจากยุโรป ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม ในปี 2006, 2010 และ 2018 ตามลำดับ พูดง่าย ๆ คือ ตั้งแต่คว้าแชมป์หนสุดท้ายในปี 2002 ด้วยการเอาชนะเยอรมนี 2-0 พวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศเพราะทีมยุโรปทุกหน ครั้งเดียวที่ผ่านไปเข้ารอบรองชนะเลิศในปี 2014 ที่บ้านเกิดของตัวเอง ทีมแซมบ้าก็พ่ายให้เยอรมนีจนได้แค่เข้าชิงที่ 3

ขณะที่เรื่องของเกมระดับชาติ 10 นัดหลังสุดของทีมตราหมากรุก พวกเขาไม่เคยแพ้ใคร และหากย้อนไปไกลถึง 20 เกมนับตั้งแต่ยูโร 2020 โครเอเชียแพ้แค่นัดเดียว ส่วนการพ่ายแพ้แคเมอรูน 1-0 คือการพ่ายแพ้นัดแรกของบราซิลหลังไม่แพ้ใครมานานถึง 18 นัด

สำหรับสถิติในการเจอกันของทั้งคู่ จากทั้งหมด 4 เกม บราซิลไม่เคยแพ้ ชนะ 3 กับเสมอ เกมนี้จะเป็นเป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลกที่พวกเขาเจอกัน โดย 2 ครั้งก่อนบราซิลชนะ 1-0 และ 3-1 ในปี 2006 กับ 2014 ตามลำดับ

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018

สถานการณ์ผู้เล่นของโครเอเชียและบราซิล

ในเกมกับญี่ปุ่น 2 ผู้เล่นฟูลล์แบ็คของโครเอเชีย บอร์นา โซซ่า และโจซิป สตานิซิซ ต่างไม่ได้ลงสนาม โดยสตานิซิซยังไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียวเพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเช็คอาการอีกทีว่าพร้อมแค่ไหนสำหรับเกมนี้ ส่วนโซซ่ามีปัญหาเรื่องอาการป่วย แต่ถ้าหายทัน เขาจะได้ลงแทนบาร์นา บาริสซิซ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

ตำแหน่งอื่น ๆ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง กองกลางคงเป็นการผนึกกำลังกันของลูก้า โมดริซ, มาร์เซโล บรอโซวิซ และมัตเตโอ โควาซิซ โดยโมดริซและโควาซิซ มีใบเหลืองติดตัวเช่นเดียวกับบาริสซิซและเดยาน ลอฟเรน ที่รายหลังจะจับคู่เล่นเซนเตอร์แบ็คกับ จอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่กลายเป็นดาวดังคนใหม่ของทีมในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนมาร์โก้ ลิวายาและอันเต้ บูดิเมียร์ ใครคนใดคนหนึ่งจะได้เล่นเป็นหน้าเป้าแทนบรูโน เพ็ตโควิซ กราบซ้ายและขวาเป็นหน้าที่ของเปริซิซและอันเดรจ ครามาริซ

บราซิลจะไม่มีแกเบรียล เชซุสกับอเล็กซ์ เตลเลส ที่เจ็บเข่าจนพลาดเกมที่เหลือในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนอเล็กซ์ ซานโดรที่เจ็บสะโพกยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือเปล่า ล่าสุดนักเตะวัย 31 ปีรายนี้ต้องแยกซ้อมเดี่ยวหลังพลาดเกม 2 นัดล่าสุด และถ้าลงเล่นไม่ได้ ดานิโล่ เพื่อนร่วมทีมยูเวนตุส จะทำหน้าที่แทนในตำแหน่งแบ็คซ้ายต่อ โดยอีกสามคนในแผงแบ็คโฟร์ของทีม ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอสประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค เอเดร์ มิลิเตาลงเล่นเป็นแบ็คขวา ซึ่งมิลิเตาเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นบราซิลที่มีใบเหลืองคาดโทษร่วมกับเฟร็ดและบรูโน กิมาเรส แต่ 2 รายหลังน่าจะเป็นผู้เล่นสำรอง ส่วนแดนกลางเป็นหน้าที่ของคาเซมิโร่และปาเกต้า

ในแนวรุก เนย์มาร์ที่ฟื้นจากอาการเจ็บข้อเท้า จะได้ผนึกกำลังกับราฟินญ่าและวินิซิอุส จูเนียร์ โดยหน้าเป้าเป็นริชาร์ลิสัน

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโครเอเชียและบราซิล

โครเอเชีย ระบบ 4-3-3: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเรน, กวาร์ดิโอล, บาริซิซ; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, ลิวายา, เปริซิซ
บราซิล ระบบ 4-3-3: อลิสซง; มิลิเตา, มาร์ควินญอส, ซิลวา, ดานิโล; ปาเกต้า, คาเซมิโร่, เนย์มาร์; ราฟินญ่า, ริชาร์ลิสัน, วินิซิอุส จูเนียร์

เนย์มาร์ บราซิล

เนยมาร์ ดาวเตะคนสำคัญของบราซิล

ผลการแข่งขันระหว่างโครเอเชียและบราซิล

ซลัตโก้ ดาลิซ โค้ชของโครเอเชีย ชื่นชมบราซิลอย่างมา โดยบอกว่าเป็นทีมที่เล่นได้อย่าง “น่าตื่นเต้น” และเป็นทีมที่ “เปี่ยมไปด้วยพลังและเยี่ยมที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้” ที่ดาลิซจะต้องหาทางหยุดทีมแซมบ้าให้ได้ หากต้องการไปให้ไกลเช่นเดียวกับเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพวกเขาน่าจะใช้รูปแบบการเล่นในลักษณะเดียวกับที่สวิตเซอร์แลนด์ใช้ ซึ่งสามารถยื้อบราซิลได้ถึงนาทีที่ 83 ซึ่งโครเอเชียน่าจะเล่นกับบอลได้ดีกว่าที่นักเตะสวิสทำได้ ร่วมไปถึงความสามารถเฉพาะตัว ตลอดจนแท็กติกที่ใช้ รวมถึงประสบการณ์ของผู้เล่น ที่ผ่านเกมบีบหัวใจ และเกมใหญ่ ๆ มานักต่อนัก น่าจะทำให้ทีมเมืองกาแฟเจองานที่ไม่ง่ายเหมือนในรอบที่ผ่านมา

ถึงกระนั้นบราซิลก็มีดีเกินกว่าทีมตราหมากรุกจะต้านทานไหว และน่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์ 2-0 หรือ 2-1 ในแบบที่ไม่น่าจะยื้อเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

บราซิล เต็งแชมป์จะหยุดเส้นทางของเกาหลีใต้ ในฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม

บราซิล เต็งแชมป์จะหยุดเส้นทางของเกาหลีใต้ ในฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม บราซิล – เกาหลีใต้

6 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง CH8/ True Sport

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

สถานการณ์ของบราซิลและเกาหลีใต้

บราซิลแชมป์ 5 สมัย และเต็งหนึ่งของฟุตบอลโลก 2022 เสียรังวัดไปเล็กน้อย เมื่อพ่ายแคเมอรูนส่งท้ายเกมรอบแรก ซึ่งตีเต้โค้ชของบราซิลมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น 11 คนแรกจากนัดเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ถึง 9 คน ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังเข้ารอบเป็นที่ 1 ในกลุ่ม หากเทียบกันแล้วเกาหลีใต้ถือว่ากระเสือกกระสน ดิ้นรนกว่ามาก พวกเขาต้องลุ้นจนถึงนาทีที่ 91 ถึงได้ประตูชัย เอาชนะโปรตุเกส ที่กลายเป็นแชมป์กลุ่มไปเรียบร้อยแล้ว เบียดอุรุกวัยตกรอบ ด้วยประตูได้เสีย

หากมองว่า ชัยชนะเหนืออาร์เจนติน่าของซาอุดิอาระเบีย หรือชัยชนะเหนือสองอดีตแชมป์โลกของญี่ปุ่นเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์แล้ว หากเกาหลีใต้เอาชนะบราซิลได้ มันก็คงเป็นที่สุดของเรื่องเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลโลก 2022 เลยทีเดียว

แม้จะใช้ตัวสำรองลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ แต่บราซิลก็มีโอกาสทำประตูแคเมอรูนครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกับ เดวิส อีพาสซี ผู้รักษาประตูของทีมจากแอฟริกา และโทษการยิงทิ้งยิงขว้างของผู้เล่นบราซิลเองด้วย ที่ทำให้พวกเขาแพ้ส่งท้าย เมื่อวินเซนต์ อบูเบเคอร์ ทำประตูชัยให้แคเมอรูนจนได้ในนาทีที่ 92 แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันดับอะไรในตาราง บราซิลคือที่ 1 ในกลุ่ม และสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่ 2 แต่สถิติชนะ 9 นัดรวดต้องจบลง และเป็นอีกหนึ่งยักษ์ที่เจอแจ็คเล่นงานในฟุตบอลโลกหนนี้

ดูฟอร์มการเล่นของบราซิลใน 3 นัดแรก อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เกมรุกของพวกเขาไม่ได้ดุดันอย่างที่ใคร ๆ คิด รวมถึงเป็นทีมที่ออกสตาร์ตในแต่ละนัดแบบเผาหัวช้า และไม่น่าเชื่อว่า บราซิลยังยิงประตูในครึ่งแรกไม่ได้เลยที่กาตาร์​

สำหรับการเข้ารอบ 16 ทีมของบราซิลในครั้งนี้ ถือเป็น 9 ครั้งติดต่อกัน และพวกเขาตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายหนล่าสุดก็โน่น 32 ปีก่อน เมื่อแพ้คู่ปรับตลอดกาล อาร์เจนติน่า 1-0 ในปี 1990

นอกจากจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มสำเร็จ เกาหลีใต้ยังมีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ เกมในรอบก่อนรองชนะเลิศของทีมจากเอเชีย หากญี่ปุ่นผ่านโครเอเชียสำเร็จ และพวกเขาคว่ำบราซิลได้ โดยเกาหลีเคยไปไกลที่สุดในฟุตบอลโลกก็ปี 2002 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่น เมื่อลุยไปถึงรอบรองชนะเลิศ ท่ามกลางคำครหาในเรื่องของการตัดสิน และกับคู่แข่งอย่างบราซิล พวกเขาเพิ่มปะทะแข้งไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในเกมกระชับมิตรและพ่ายไป 5-1 ซึ่งเกมในฟุตบอลโลกจะแตกต่างไปแน่ ๆ

เกาหลีใต้ ฟุตบอลโลก 2022

เกาหลีใต้ และซนเฮืองมิน ต้องโชว์ฟอร์มแกร่งให้เร็วกว่าที่เคยเป็นในฟุตบอลโลก 2018 หากอยากผ่านเข้ารอบของฟุตบอลโกล 2022 (ภาพ: Getty Images)

เช็กสถิติบราซิลและเกาหลีใต้

บราซิลกับเกาหลีใต้ เคยเจอกันมาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง บราซิลชนะไปถึง 7 หน เสมอ 1และแพ้อีก 1 การเจอกันครั้งหลังสุดก็เมื่อเดือนมิถุนาฯ ที่เนย์มาร์ซัด 2 จุดโทษ ก่อนทีมแดนกาแฟจะชนะทมแดนกิมจิไป 5-1 สำหรับชัยชนะของเกาหลีใต้ที่มีต่อบราซิลเกิดขึ้นในปี 1999 ซึ่งบราซิลชุดนั้น มีผู้เล่นอย่าง คาฟู, จูนินโญ่, เซ โรแบร์โต้ และริวัลโด้

ห้าเกมหลังสุดของพวกเขา บราซิล ชนะ 4 แพ้แค่ 1 ส่วนเกาหลีใต้ ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1

เฟร็ด บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

เล่นได้กระท่อนกระแท่นในระดับสโมสร แต่ในทีมชาติ เฟร็ดคือกลไกหลักของบราซิล ที่คงได้เห็นกันในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock)

สถานการณ์ผู้เล่นของบราซิลและเกาหลีใต้

ในความพ่ายแพ้ของบราซิล พวกเขาได้พักผู้เล่นหลาย ๆ ราย แต่หลังเกมกับแคเมอรูนพวกเขาก็มีรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่ม แบ็คซ้าย อเล็กซ์ เตลเลส และศูนย์หน้า แกเบรียล เชซุส ที่เจ็บเข่าขวาทั้งคู่ และเป็นไปได้ว่า ฟุตบอลโลก 2022 ของทั้งคู่จบลงแล้ว ทำให้บราซิลเหลือคนที่เล่นแบ็คซ้ายได้ไม่มากนัก แต่โชคดีที่ ดานิโล ซึ่งบาดเจ็บข้อเท้าจากเกมนัดแรกพร้อมลงสนาม ขณะที่แบ็คขวาจะเป็นเอเดอร์ มิลิเตา เนย์มาร์ที่บาดเจ็บข้อเท้าเหมือนกัน ทีมแพทย์บราซิลก็ออกมาแถลงว่า อาการดีขึ้นและอาจลงเล่นเจอเกาหลีได้ อเล็กซ์ ซานโดร ก็มีอาการบาดเจ็บที่สะโพก โดยแพทย์ประจำทีมบอกว่า โอกาสที่สองรายหลังจะได้ลงสนามยังไม่แน่นอน ส่วนเชซุสที่ได้รับบาดเจ็บจะถูกแทนที่โดย ริชาร์ลิสัน ที่ได้ลงเป็นตัวจริงใน 2 นัดแรก

ฮวางฮีชาน ที่พลาดลงเล่นในสองนัดแรกจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา แม้จะลงเล่นในฐานะตัวสำรองในเกมสุดท้ายและทำประตูชัยให้ทีม แต่ศูนย์หน้าจากวูล์ฟ ก็ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ และยังไม่แน่ว่าจะเป็น 11 คนแรกในนัดนี้หรือไม่ โดยถ้าลงเล่นไม่ได้ อีแจซุงจะได้เล่นแทน ส่วนกองหลังตัวเก่งจากนาโปลี คิมมินแจที่ไม่ได้ถูกส่งลงเจอกับโปรตุเกส เนื่องจากกลัวว่าอาการเจ็บน่องจะเป็นหนักขึ้น แต่กับเกมนี้อาจลงเล่นได้ เมื่อทางทีมเกาหลีใต้ออกมาบอกว่า ไม่ใช่อาการร้ายแรง คิมยังกวอนผู้ยิงประตูตีเสมอเกาหลี กับอีกังอิน ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมกับโปรตุเกส ยังการันตีไม่ได้ว่าจะลงเจอบราซิลไหวไหม นอกจากนี้ก็ไม่มีรายชื่อผู้เล่นเกาหลีใต้ที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของบราซิลและเกาหลีใต้

บราซิล ระบบ 4-2-3-1: อลีสซง; มิลิเตา, ซิลวา, มาร์ควินญอส, ดานิโล; เฟร็ด, คาเซมิโร; ราฟินญ่า, โรดรีโก้, วินิซิอุส; ริชาร์ลิสัน
เกาหลีใต้ ระบบ 4-3-3: คิมซึงกิว; คิมมูนฮวาน, กว็อกคยุงวัน, คิมมินแจ, คิมจินสุ; ฮวางอินบอม, จึงวูยัง, อีกางอิน; อีแจซุง, โชกิวซุง, ซนเฮืองมิน

ผลการแข่งขันระหว่างบราซิลและเกาหลีใต้

แดเนียล อัลเวส กองหลังมากประสบการณ์ของบราซิล บอกว่าการพ่ายแพ้แคเมอรูน ถือเป็นสัญญาณเตือน แต่กับเกมนั้น ตีเต้เลือกที่จะพักผู้เล่นตัวจริงของทีม และในเกมนี้พวกเขาจะเป็นทีมชุดที่เซอร์เบียกับสวิตเซอร์แลนด์มีโอกาสยิงเข้ากรอบแค่ทีมละครั้ง

ทีมของเปาโล เบนโต้ ยิงไม่เข้ากรอบเลยในเกมกับอุรุกวัย และอาจจะเจอสถานการณ์คล้าย ๆ กันอีกครั้ง เมื่อบราซิลแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาเล่นเกมรับได้ดีไม่แพ้เกมรุกเลย โดยเกมนี้พวกเขาน่าจะดาหน้าบุกเข้าใส่เสือร้ายแห่งเอเชีย ขณะที่เกาหลีใต้ก็หวังว่าน่าจะมีโอกาสเจาะกองหลังของบราซิล ที่กำลังมีปัญหาในตำแหน่งฟูลล์แบ็ค และภาวนาให้ซอนกับฮวางใช้โอกาสที่มีน้อยนิดได้อย่างคุ้มค่า

ผลลัพธ์ บราซิลชนะ 2-0 หรือ 3-1

เรื่องน่าอ่าน
ฟุตบอลโลก 2022 ของ 6 ชาติเอเชีย พวกเขาจะผ่านเข้ารอบสองได้กี่ทีม ?
ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
รู้จักกับลูกฟุตบอลของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
รู้จักและฟัง BETTER TOGETHER เพลงฟุตบอลโลก 2022 เพลงแรก

 

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เกาหลีใต้ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : บราซิล vs เกาหลีใต้
จันทร์ 5 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลการพบกัน : 7 นัด
อุ่นเครื่อง 1995 บราซิล ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 1997 บราซิล ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 1999 เกาหลีใต้ ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2002 บราซิล ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 2013 บราซิล ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2019 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 2022 บราซิล ชนะ 5-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ แคเมอรูน 0-1

เกาหลีใต้
อุ่นเครื่อง ชนะ แคเมอรูน 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อุรุกวัย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ กาน่า 2-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ โปรตุเกส 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
บราซิล : เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองฮึดเชือด สวิสตเซอร์แลนด์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จากนั้นนัดสามปรับส่งสำรองลงหลังการันตีเข้ารอบได้แล้ว ปรากฏเจาะ แคเมอรูน ไม่เข้าก่อนโดนสวนถึงปลายคาง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแชมป์กลุ่มได้ตามเป้า
เกาหลีใต้ : สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่า เมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงไม่พอ

 

ความพร้อมก่อนเตะ
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และภาพรวมถือว่ายังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน เริ่มจาก เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากทัวร์นาเมนต์แล้ว

 

ตีเต้ เผยล่าสุดว่า มีโอกาสสูงที่ เนย์มาร์ จะฟื้นฟิตลงเล่นได้ในเกมนี้ แม้ยังต้องดูว่าจะเป็นตัวจริงเลย หรือสำรองไปก่อน ก็ตาม

 

ส่วน ดานิโล่ มีสิทธิ์คืนสนามเช่นกัน แต่สำหรับ อเล็กซ์ ซานโดร ยังต้องพัก

 

ตีเต้ จะกลับมาใช้ชุดใหญ่สุดอีกครั้ง ตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ กลับคืนสนาม

 

เกาหลีใต้
โสมขาวหลุดแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมของรอบคัดเลือก และนัดแรกที่เสมอ อุรุกวัย ไข่ไม่แตก 0-0 ก็ถือว่าทำได้ดี และแม้จะทำพลาดโดน กาน่า ยิงตัดสินชัย 3-2 ในเกมสอง ก็ยังฮึดสยบ โปรตุเกส 2-1 (กับอีกคู่ อุรุกวัย ชนะแค่ 2-0) จนเข้ารอบมาได้ด้วยการเป็นอันดับ 2

 

เกาหลีใต้ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง หลังจาก 2 ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา ตกรอบแรกทั้งที่บราซิลและรัสเซีย

 

เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ ไม่มีปัญหาสภาพทีมเมื่อ ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าตัวเก่งจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน หายเจ็บแฮมสตริงลงพังประตูชัยเหนือ โปรตุเกส มาแล้ว ส่วนทาง ซน ฮึง-มิน ดาวยิงตัวความหวังจากสเปอร์ส ต้องลงสนามแบบสวมหน้ากากกันกระแทก แต่สภาพความฟิตไม่เป็นปัญหา

 

ดังนั้นทำให้จะเป็นทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ซน ฮึง-มิน ถอยลงมาเป็นแผงเกมรุกทางซ้าย สนับสนุนหอกเป้า โช กิว-ซุง ที่กดไปแล้ว 2 ประตูใน เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์

 

ตัวความหวัง
บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 40 นัดซัด 19 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

เกาหลีใต้ : ซน ฮึง-มิน & โช กิว-ซุง
ซน ฮึง-มิน ถูกยกว่าเป็นแข้งเบอร์ 1 ของเอเชียยุคนี้ จากผลงานที่ร่ายให้ สเปอร์ส ต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ถึงขั้นคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อนมาแล้ว โดยในทีมชาติ โอปป้าซนยิงไป 35 ลูกจาก 107 นัด และพร้อมกันนั้น ฟุตบอลโลก 2022 ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวของ โช กิว-ซุง หัวหอกหน้าหล่อบอยแบนด์เค-ป๊อป วัย 24 จาก ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ซึ่งเริ่มติดธงในปีที่แล้ว และยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการเล่น 19 นัด รวม 2 เม็ดที่จัดใส่ กาน่า

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-3-3, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – มาร์กินญอส, ติอาโก้ ซิลวา, เอแดร์ มิลิเตา, ดานิโล่ – ฟาบินโญ่, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า
เกาหลีใต้ (4-2-3-1, กุนซือ เปาโล เบนโต้) คิม ซุง-กิว – คิม จิน-ซู, คิม ยัง-กวอน, คิม มิน-แจ, คิม มุน-วาน – ฮวาง อิน-บอม, จุง วู-ยัง – ซน ฮึง-มิน, จอง วู-ยอง, ควอน ชาง-ฮุน – โช กิว-ซุง

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เตะลับแข้งเจอกันมาเยอะทีเดียวที่ 7 ครั้ง บราซิลชนะ 6 เกาหลีใต้ได้เฮหนเดียว
• ล่าสุดเจอเมื่อเดือน มิ.ย. บราซิล ต้อนขาด 5-1 เนย์มาร์ซัดสอง ริชาร์ลิซอนหนึ่งเม็ด
• บราซิล ถูกหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 9 เกมทุกรายการ หลังแพ้พลิกต่อ แคเมอรูน
• แม้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะในประเทศ แต่ตัวอิมพอร์ตเล่นลีกยุโรปของ เกาหลีใต้ ก็มีอยู่ถึง 8 ราย
• เนย์มาร์ พังตาข่ายในทีมชาติแล้วถึง 75 ลูก ส่วน ริชาร์ลิซอน 19, อันโตนี่ 2 ส่วน วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ยิงให้ เรอัล มาดริด 47 ประตูตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพิ่งกดเม็ดเดียวเท่านั้นในทีมชาติ

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะสยบ โปรตุเกส เข้ารอบมาได้ แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นคือ โปรตุเกส ไม่ได้ใช้ทีมชุดใหญ่เต็มที่แต่อย่างใด ดังนั้นเงื่อนไขอยู่ที่ว่า บราซิล จะพร้อมรบขนาดไหนในสภาพทีมตัวเจ็บมีเยอะและต้องเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง กระนั้นก็เชื่อว่าด้วยความแข็งโป๊กของ 11 คนแรกแซมบ้า เกาหลีใต้ จึงไม่น่าเอาอยู่แต่อย่างใด

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

บราซิล จะชนะแคเมอรูน เก็บชัย 100% ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล จะชนะแคเมอรูน เก็บชัย 100% ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลเกมนัดที่ 5 ของกลุ่ม จี วันที่ 3 ธันวาคม เวลาลงสนาม 02:00 น. (เวลาในบ้านเรา)

แคเมอรูน – บราซิล ถ่ายทอดทาง True4U/ Nation TV/ True Sport 2

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

สถานการณ์ของแคเมอรูนและบราซิล

นัดแรกแคเมอรูนแสดงให้เห็นว่า การทำเกมรุกของพวกเขา มีคุณภาพไม่เพียงพอ หลายต่อหลายครั้งที่นักเตะในแดนหน้าต้องเจอสถานการณ์ 1-2, 3 หรือ 4 กับกองหลังของสวิตเซอร์แลนด์ จนแพ้ไป 1-0 แต่ในเกมที่สอง พวกเขาเหมือนตื่นมารับรู้ความจริง และแสดงให้เห็นศักยภาพในตัว และแบ่
แต้มจากเซอร์เบียมาครองได้สำเร็จ และทำให้ความหวังในการเข้ารอบของพวกเขายังคงมีอยู่

ก่อนลงเตะนัดสุดท้าย แคเมอรูนคือทีมอันดับ 3 ในกลุ่ม และคู่แข่งที่พวกเขาต้องเจอก็คือ บราซิล เต็งหนึ่งของรายการ ที่สำคัญพวกเขาชนะยังไม่พอ (ถ้าทำได้) เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเกมระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์และเซอร์เบียด้วย เมื่อมีเรื่องของประตูได้เสีย ประตูได้ เข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ถ้าสวิตเซอร์แลนด์ชนะเซอร์เบีย แคเมอรูนจะตกรอบทันที โดยไม่ต้องไปวัดอะไรให้วุ่นวาย

บราซิลออกตัวด้วยชัยชนะเหนือเซอร์เบีย หลังพยายามเจาะประตูทีมที่หลาย ๆ คนมองข้ามจากยุโรปทีมนี้อยู่นาน จนนาทีที่ 62 พวกเขาถึงได้ประตูที่ต้องการ ก่อนจะตามด้วยประตูที่สองในอีก 11 นาทีต่อมา ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาเก็บ 3 แต้มเต็มแน่ ๆ ในนัดต่อมาที่ปราศจากเนย์มาร์ ทีมแซมบ้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการคว้าชัยชนะ แม้จะเป็นเพียงประตูเดียวจากคาเซมิโร่ แต่ก็พอจะทำให้พวกเขาเก็บ 6 แต้มเต็ม มีฟอร์มการเล่นสมราคาเต็งแชมป์ และเดินเข้าสู่รอบน็อคเอาต์เรียบร้อย ในแบบที่แทบจะคว้าแชมป์กลุ่มไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ในทางทฤษฎีหากจะให้ชัวร์ ๆ พวกเขาควรเก็บอย่างน้อยอีก 1 แต้มจากแคเมอรูน หรือถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา สวิสก็ต้องพ่ายเซอร์เบียด้วย

แคเมอรูน ฟุตบอลโลก 2022

หลังจากฟุตบอลโลก 1990 แคเมอรูน ก็ไม่เคยสร้างซอร์ไพรส์อะไรได้อีกเลย พวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CAF_Online)

สถานการณ์ผู้เล่นของแคเมอรูนและบราซิล

ในเกมนี้ แคเมอรูนจะไม่ได้ใช้บริการ อังเดร โอนาน่า ผู้รักษาประตูที่มีเรื่องขัดแย้งกับริโกแบร์ต ซง จนต้องเก็บข้าวของออกจากที่พักไปก่อนเกมเสมอเซอร์เบีย 3-3 และทำให้เดวิส เอพาสซี ผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ได้ทำหน้าที่แทนตั้งแต่เกมที่แล้ว ขณะที่ในแดนหน้า แวงซองต์ อะบูบาเคอร์ กองหน้าเก๋าประสบการณ์​ น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง หลังถูกเปลี่ยนลงสนามและสามารถทำประตูได้ และจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมอีก 1 ประตูในเกมที่ผ่านมา

บราซิลจะไม่มีเนย์มาร์และดานิโลในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มแน่ ๆ เพราะบาดเจ็บข้อเท้าทั้งคู่ แต่ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นในบางตำแหน่ง จากเกมที่เอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อมีผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยในตำแหน่งแบ็คซ้าย อเล็กซ์ เตลเลสน่าจะได้ลงเล่นแทนอเล็กซ์ ซานโดร ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วง 5 นาทีสุดท้าย และต้องเช็คอาการบาดเจ็บที่สะโพก ขณะที่เฟร็ดกับลูคัส ปาเกต้าจะได้ยืนในแดนกลาง ริชาร์ลิสันน่าจะได้พัก โดยแกเบรียล เชซุส มีโอกาสได้ลงมาเล่นแทน และโรดรีโก้น่าจะลงเล่นเป็นตัวจริง ในแนวรุกทางด้านขวา ส่วนบรูโน กีมาเรสและอันโตนี่ ก็น่าจะได้ลงมาสัมผัสเกม

เฟร็ด บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

เล่นได้กระท่อนกระแท่นในระดับสโมสร แต่ในทีมชาติ เฟร็ดคือกลไกหลักของบราซิล ที่คงได้เห็นกันในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามของแคเมอรูนและบราซิล

แคเมอรูน ระบบ 4-3-3: เอพาสซี่; ฟาย, คาสเตลเล็ตโต้, เอ็นคูลู, โตโล; แอนกวิสซ่า, ฮงลา, คุนเด้; เอ็มโบโม, อะบูบาเคอร์, ชูโป-โมติ้ง
บราซิล ระบบ 4-1-4-1: อลีสซง; มิลิเตา, ธีอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอส, เตลเลส; คาเซมิโร่; โรดรีโก้, กีมาเรส, ปาเกต้า, วินิซิอุส จูเนียร์; เชซุส

ผลการแข่งขันระหว่างแคเมอรูนและบราซิล

เกมที่ “ต้อง” ชนะสำหรับแคเมอรูน แต่เมื่อเทียบทุกมุม ทุกด้านกับบราซิลแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรที่เหนือกว่าเลย แล้วก็ไม่สามารถเล่นตั้งรับลึก ที่สร้างปัญหาให้แชมป์โลก 5 สมัยเช่นที่สองทีมจากยุโรปแสดงให้ดูได้แน่ ๆ สิ่งเดียวที่นักเตะจากแอฟริกาสามารถทำได้ในนัดนี้ก็คือ ทุ่มเท และพยายามอย่างที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้ว คงไม่พอที่จะเอาชนะทีมเมืองกาแฟได้แน่นอน

บราซิลชนะ 2-0 เป็นอย่างน้อย

เรื่องน่าอ่าน
1. 
ใครจะอยู่ใครจะไป พระกาฬในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเป็นใคร

2. ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ 
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่ 
4. นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022
5. ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน 

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : แคเมอรูน vs บราซิล
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ 0-1
นัดสองชนะ 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคเมอรูน
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เซอร์เบีย 3-3

บราซิล
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ผลการพบกัน : 6 นัด
ฟุตบอลโลก 1994 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 1996 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2001 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2003 แคเมอรูน ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้แบบต้องลุ้นเหนื่อย เช่นเดียวกับเมื่อถึงรอบสุดท้าย โดยเปิดสนามแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และไล่ตามตีเจ๊า เซอร์เบีย 3-3

 

แม้จะยืนอันดับ 3 ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียเหนือ เซอร์เบีย แต่ แคเมอรูน ก็จำเป็นจะต้องเอาชนะ บราซิล ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น เมื่อผลเสมอจะไม่เพียงพอให้ทำแต้มไปทาบ สวิตเซอร์แลนด์

 

ทีมหมอผีในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทว่าเสียประตูมือหนึ่ง อองเดร โอนาน่า ออกจากแคมป์ไปหลังแตกหักกับโค้ช และโดนลงโทษทางวินัย

 

ระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 นายประตูใช้มือสอง เดวิส เอปาสซี่ ส่วนเกมรุกวาง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ กับ บริย็อง เอ็มเบโม่ ขนาบข้างหอกเป้า เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และก็ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ลา เซเลเซา ของ ตีเต้ การันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เรียบร้อยไปแล้ว และก็จะจบแชมป์กลุ่มไม่ว่าเกมนี้จะได้ผลอย่างไร หากว่าในเวลาเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์ ไม่อาจเอาชนะ เซอร์เบีย ได้แบบยิงถล่มหลายประตู

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

การที่ลงเล่นแบบให้ครบโปรแกรม ทำให้เป็นโอกาสสำหรับการหมุนเวียนนักเตะ ซึ่งก็คาดว่าจะจัดสำรองลงเต็มระบบ เปิดโอกาสให้สำรองได้สัมผัสเกมฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะประตูอย่าง เอแดร์ซอน, กองหลัง เบรเมอร์ หรือแนวรุกที่จะปรับเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส และ กาเบรียล เชซุส เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
แคเมอรูน : แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์
เคยประกาศไว้ว่าตัวเองฝีเท้าดีไม่แพ้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพียงแต่วาสนาไม่ค่อยดี ได้อยู่แต่กับทีมไม่ได้ใหญ่โตอย่าง วาล็องเซียนส์, ลอริยองต์, ปอร์โต้, เบซิคตัส และปัจจุบันเล่นกับ อัล นาสเซอร์ ในซาอุฯ โดยถือว่าหัวหอกวัย 30 สร้างมาตรฐานการถล่มประตูได้ดีทีเดียว ยิงเกินสิบลูกในหลายซีซั่น และเป็นดาวซัลโวของทีมชุดนี้ หลังยิง 34 ประตูจาก 93 นัด รวมถึงประตูจุดประกาย 2-3 ก่อนตีเสมอ เซอร์เบีย นัดก่อนด้วย

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 40 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคเมอรูน (4-3-3, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) เดวิส เอปาสซี่ – นูฮู โตโล่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา, ปิแอร์ คุนเด้, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า – แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์, บริยอง เอ็มเบโม่, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) เอแดร์ซอน โมราเอส – อเล็กซ์ เตลเลส, เบรเมอร์, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – บรูโน่ กิมาไรส์, เฟร็ด – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, โรดรีโก้ โกเอส, อันโตนี่ – กาเบรียล เชซุส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 6 ครั้ง บราซิล ชนะ 5 แพ้ 1
• บราซิล ยิงขาดในการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน ส่วนอุ่นเครื่องล่าสุดปี 2018 ที่อังกฤษ แซมบ้าเชือด 1-0 จากประตูโทนของ ริชาร์ลิซอน
• บราซิล ชนะรวดมา 9 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 7 นัด
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดกันแล้ว เป็นเสมอ 3 แพ้ 3
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู
• กาเบรียล เชซุส ยิงในทีมชาติ 19 ประตูจาก 58 นัด

 

ความน่าจะเป็น
แม้ บราซิล เตรียมปรับส่งสำรองลงยกแผง และเล่นอย่างไม่กดดันหลังเข้ารอบแล้ว แต่กลุ่มแข้งสำรองก็เป็นตัวดีๆ ฝีเท้าจัดจ้านทั้งสิ้น แถมทุกคนยังต้องเน้นโชว์ฟอร์มให้เข้าตาโค้ช ยิ่งโดยเฉพาะเกมนี้ แคเมอรูน ต้องพยายามบุกแลกเพื่อคว้าชัย ยิ่งจะทำให้เข้าทาง บราซิล ไปกันใหญ่ โอกาสน้อยมากที่จะเกิดผลพลิกล็อก

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

บราซิล จะเก็บชัยนัดที่สอง เหนือสวิตเซอร์แลนด์ ตบเท้าตามแชมป์เก่า ฝรั่งเศสเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล จะเก็บชัยนัดที่สอง เหนือสวิตเซอร์แลนด์ ตบเท้าตามแชมป์เก่า ฝรั่งเศสเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผล เกมนัดที่ 4 ของกลุ่ม จี บราซิล – สวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 23:00 น. (ตามเวลาบ้านเรา) ถ่ายทอดทาง: One31/ True Sports 2

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

สถานการณ์ของบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์

สองผู้ชนะจากสองนัดแรกของกลุ่ม จี บราซิลและสวิตเซอร์แลนด์ จะเจอกันที่หากทีมไหนคว้าชัยชนะนัดที่สองสำเร็จ ก็สามารถจองตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมตามฝรั่งเศสได้สำเร็จ

นัดแรกของทั้งสองทีม บราซิลถือว่าเปิดตัวได้สมกับเป็นเต็งหนึ่งของรายการ หลังเจอกับการเล่นรับแน่น อัดหนักของเซอร์เบียอยู่พักใหญ่ ก็สามารถคว้าชัยได้จากสองประตูของริชาร์ลิสัน กองหน้าจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ส่วนสวิตเซอร์แลนด์เฉือนชนะแคเมอรูน 1-0 การเจอกันครั้งนี้ ถือเป็นการเจอกันในฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม 2 ครั้งติดต่อกัน โดยในเกมรอบแรกของฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เสมอกันไป 1-1 ก่อนจะกอดคอเข้ารอบไปด้วยกัน

ชัยชนะเหนือเซอร์เบียของบราซิล ต่อสถิติไม่แพ้ใครนับตั้งแต่นัดชิงฟุตบอลโคปา อเมริกา 2021 ให้ยืดยาวต่อไปอีก และสกอร์ของเกมก็น่าจะมากกว่า 2 ประตู หากทีมแซมบ้าไม่โยนโอกาสทิ้งขว้างไปมากมาย และผู้รักษาประตูของเซอร์เบียไม่เข้าฟอร์มหนึบ โดยบราซิลสับไกยิงในเกมนี้ไปถึง 24 ครั้ง ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์ฟอร์มการเล่นอาจไม่ถึงกับสวยหรูนัก แต่อย่างน้อยก็มีประสิทธิภาพมากกว่าแคเมอรูนอย่างชัดเจน ภายใต้การคุมทีมของโค้ชคนใหม่ มูรัต ยาคิน ที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้เหมือนที่เคยเป็น กับระบบใหม่ ด้วยการเล่นแบ็คโฟร์ ต่างจากวลาดิเมียร์ เพ็ตโควิก ที่ให้ทีมเล่นหลังห้า ด้วยชัยชนะแบบไม่เสียประตู น่าจะทำให้ยาคินพอใจ เพราะนี่คือนัดที่ 2 ใน 10 นัดสุดท้าย ที่พวกเขาจบเกมด้วยคลีนชีต แต่อย่าลืมว่า เกมส่วนใหญ่ของสวิสก็คือการเจอกันทีมระดับท็อปของยุโรป ในเกมยูเอฟ่า เนชั่นส์ ลีก ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งชนะทีมอย่าง สเปนกับโปรตุเกส ที่น่าจะทำให้นักเตะสวิสมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า จะไม่แพ้ทีมเต็งของรายการ ที่เมื่อสี่ปีที่แล้วเสมอกับพวกเขา 1-1 ก่อนจะเข้ารอบไปด้วยกัน

เฟร็ด บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

เล่นได้กระท่อนกระแท่นในระดับสโมสร แต่ในทีมชาติ เฟร็ดคือกลไกหลักของบราซิล ที่คงได้เห็นกันในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock)

สถานการณ์ผู้เล่นของบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์

บราซิลจะไม่มีดาวเตะตัวเก่ง เนย์มาร์ ที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าจากเกมกับเซอร์เบีย และกว่าจะกลัยมาได้ก็คงเป็นเกมในรอบ 16 ทีม ซึ่งติเต้โค้ชของบราซิลน่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแท็กติก จากการไม่มีเนย์มาร์ ตัวฟรีในระบบการเล่นที่เขาวางเอาไว้ และโอกาสน่าจะเป็นเฟร็ดที่ได้ลงเล่นแทน นักเตะอีกคนที่น่าจะพลาดเกมนัดนี้หรือว่าเกมในรอบแบ่งกลุ่มที่เหลือคือ แบ็คขวาดานิโล่ที่เจ็บข้อเท้าเหมือนกับเนย์มาร์ ซึ่งตัวเก๋า ดานี่ อัลเวซ พร้อมลงสนามแทนอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้เขาได้เล่นในฟุตบอลโลกเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2014 และเอเดอร์ มิลิเตาจากเรอัล มาดริด ก็อาจจะได้ลงเล่นในแนวรับ

การเปลี่ยนระบบการเล่นของสวิส ทำให้ฟาเบียน ชาร์ที่ปกติจะเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็คคนที่สาม ต้องตกเป็นตัวสำรอง เมื่อยาคินเลือกนิโค เอลเวดีกับมานูเอล อะคันจิเล่นคู่กัน ส่วนเดนิส ซากาเรียน่าจะเป็นตัวสำรองอดทนต่อไป เมื่อยาคินมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงผู้เล่นมากนัก

นักเตะที่น่าจะได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงของบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์

บราซิล ระบบ 4-2-3-1: อลีสซง; เอเดอร์ มิลิเตา, ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอส, อเล็กซ์ ซานโดร; คาเซมิโร่, เฟร็ด, ปาเกต้า; ราฟินญ่า, ริชาร์ลิสัน, วินิซิอุส จูเนียร์
สวิตเซอร์แลนด์ ระบบ 4-2-3-1: ซอมเมอร์; วิดแมร์, อะคันจิ, เอลเวดี้, ร็อดริเกวซ; ซาก้า, ฟรูเลอร์; ชาคีรี่, ซอว์, วาร์กาส; เอ็มโบโล่

สวิตเซอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

สวิตเซอร์แลนด์ มีดีพอจะตามบราซิลเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022 ตามบราซิลไหม (ภาพ: Keystone / Urs Flueeler)

สถานการณ์ของเกมระหว่างบราซิลและสวิตเซอร์แลนด์

ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ สถิติในการเจอกับทีมจากยุโรปของบราซิลในฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 2010 ที่แพ้มากกว่าชนะ โดยแพ้ไปถึง 4 เกม และชนะ 3 เกม แถมในฟุตบอลโลกหนก่อน สวิสก็เป็นทีมที่ทำให้บราซิลเหนื่อยไม่ร้อย แต่ฟุตบอลเป็นเกมที่สู้กันในสนาม ไม่ใช่จากสถิติ และหากสวิสต้องการคว่ำทีมแดนกาแฟ พวกเขาต้องอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด และบราซิลต้องเป็นไปในทางตรงกันข้าม แต่ที่เห็นจากนัดแรก ทีมแซมบ้ามาพร้อมคุณภาพในทุกแดน แม้จะยังเทียบกับทีมระดับตำนานในอดีตของพวกเขาไม่ได้ หลายคนอาจจะมองว่า สวิสมีโอกาสที่ดี เมื่อบราซิลจะไม่มีเนย์มาร์​ แต่ในฟุตบอลโลก เกมที่ไม่มีดาวเตะรายนี้ บราซิลแพ้ไปแค่ 2 นัด เพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้วมีหรือไม่มีเนย์มาร์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับบราซิล

ทีมเมืองกาแฟชนะ 2-0 เป็นอย่างน้อย

เรื่องน่าอ่าน
1. 
ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ

2. ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน
3. แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ตรวจดูความสวยงามของบรรดาเสื้อทีมของ 32 ทีมสุดท้าย จากกลุ่ม เอ – กลุ่มดี
4. แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ส่งกล้องมองผ้า เสื้อทีมในรอบสุดท้ายของกลุ่ม อี – เอช

บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก นัดสอง ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลงานรอบคัดเลือก
บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
อุ่นเครื่อง ชนะ เกาหลีใต้ 5-1
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
บราซิล ชนะ 3
เสมอ 4
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2

 

สภาพทีม
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 โดยที่เสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น

 

บราซิล ของ ตีเต้ ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 8 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่อัด เซอร์เบีย 2-0

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

เลี่ยงไม่ได้ที่ ตีเต้ จะต้องปรับทัพ โดยตำแหน่งแบ็กขวาจะส่งเสือเฒ่า ดานี่ อัลเวส ลงแทรน ส่วนตรงกลางน่าจะส่ง เฟร็ด ลงมาช่วยเกมรับร่วมกับ กาเซมิโร่ แล้วขยับ ลูคัส ปาเกต้า ขึ้นเป็นศูนย์กลางเกมรุก ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ กับ ราฟินญ่า โดยมี ริชาร์ลิซอน ที่กด 2 เม็ดในเกมแรก ค้ำหอกเป้า

 

สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม พร้อมกับเปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดัง มีแค่ต้องเช็กอาการของ เรนาโต้ สเตฟเฟ่น ที่เกมแรกไม่ได้เล่น ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ระบบมา 4-2-3-1 วาง รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ ปั้นเกมรุกหลังหอกเป้า บรีล เอ็มโบโล่ เจ้าของประตูโทนเกมสยบหมอผี

 

ตัวความหวัง
บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 39 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

สวิตเซอร์แลนด์ : เซอร์ดาน ชากิรี่
หลบไปค้าแข้งในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเร็ว เมื่อตอนนี้ อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลเพิ่งจะอายุ 31 เท่านั้น และยังคงเป็นคีย์แมนเกมรุกของทัพนาฬิกาอยู่เช่นเดิม พร้อมสถิติยิง 26 ประตูจากการเล่นทีมชาติ 110 นัด ด้วยสไตล์การเล่นทะลุทะลวงพลังแรงสูง และมีทีเด็ดที่การยิงไกล ส่วนการเล่นให้ ชิคาโก้ ไฟร์ ซีซั่นล่าสุด 2022 ที่จบไปแล้ว ชากิรี่ ซัด 7 ลูกจากการเล่น 29 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – อเล็กซ์ ซานโดร, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – เฟร็ด, กาเซมิโร่ – วินิซิอุส จูเนียร์, ลูคัส ปาเกต้า, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกัน 9 ครั้ง บราซิล ข่มกว่าเล็กๆ ที่การชนะ 3 หน เจอล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 ลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 ซึ่งมีหลายนักเตะมากที่ติดทีมต่อเนื่องมาจากวันนั้น
• บราซิล ชนะรวดมา 8 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 6 นัด
• 11 เกมหลังในทุกถ้วย สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 5
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

ความน่าจะเป็น
แน่อยู่แล้วว่า สวิตเซอร์แลนด์ ไม่หมู และไม่ใช่ใครที่จะมาข้ามผ่านได้ง่ายๆ ทว่าตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วกับ เซอร์เบีย ที่แพ้ 2 เม็ดถือว่าน้อยแล้วด้วยซ้ำ บราซิล ชั่วโมงนี้กำลังพีคมาก แม้ไม่มี เนย์มาร์ ก็ยังมีตัวอื่นที่ทดแทนกันได้ ฉะนั้นเรื่องชนะคงค่อนข้างชัวร์ แค่อาจต้องลุ้นเม็ดสองหน่อยเนื่องจากหลังบ้านสวิสส์จัดว่าแน่นใช้ได้ทีเดียว

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565
02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล
02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล vs เซอร์เบีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี : บราซิล vs เซอร์เบีย
พฤหัสบดี 24 พฤศจิกายน 2565, .00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : CH8

 

ผลงานรอบคัดเลือก
บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
บราซิล
คัดบอลโลก ชนะ โบลิเวีย 4-0
อุ่นเครื่อง ชนะ เกาหลีใต้ 5-1
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1

เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 1-0
เนชั่นส์ ลีก เสมอ สโลวีเนีย 2-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1

 

ผลการพบกัน (2 นัด)
อุ่นเครื่อง 2014 บราซิล ชนะ 1-0
บอลโลก 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

สภาพทีม
บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 โดยที่เสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น 17 แมตช์

 

บราซิล ของ ตีเต้ ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 7 เกมรวดแล้ว รวมเกมอุ่นเครื่องในช่วงหลัง

 

สภาพทีมของ ตีเต้ ไม่ได้มีปัญหาสำคัญ มีแค่ อันโตนี่ ปีกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ็บเล็กๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอยู่แล้ว

 

การจัดทีมจะมาเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ที่ยึดไว้ตลอดช่วงหลัง เกมรุกวาง เนย์มาร์ เป็นศูนย์กลาง ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ กับ ราฟินญ่า โดยมี ริชาร์ลิซอน ค้ำหอกเป้า

 

เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดีไม่แพ้กัน ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก และเขี่ย โปรตุเกส ไปต่อในรอบเพลย์ออฟ และช่วงหลังก็กำลังเข้าฝัก ชนะ 5 จาก 6 เกมหลัง

 

อย่างไรก็ตาม ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดังที่เข้ามาทำทีมช่วงปี 2021 เป็นต้นมา มีปัญหาสำคัญอยู่ที่สภาพความฟิตของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ เจ็บข้อเท้าติดพันในช่วงหลัง

 

หากฟื้นฟิตทันเวลา มิโตรวิช จะลงล่าตาข่ายตามปกติ แต่หากไม่พร้อม จะเป็น ลูก้า โยวิช จับคู่หัวหอกกับ ดูซาน วลาโฮวิช แทน

 

ตัวความหวัง
บราซิล : เนย์มาร์
คงพูดไม่ได้ว่า เนย์มาร์ คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกบราซิล แต่ที่ใกล้เคียงกว่าคือ เนย์มาร์ เป็น “ผู้นำ” เกมรุกแซมบ้า เป็นจุดศูนย์กลางของการขึ้นเกมในตำแหน่งหน้าต่ำหรือมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งประเด็นสำคัญคือ ในวัย 30 เนย์มาร์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอจะโละทิ้งความเป็น “ไอ้ขี้พุ่ง” หรือ “จอมแอ็กติ้ง” กลิ้ง 38 ตลบ อย่างที่เคยเป็นแล้ว และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ยิง 15 ลูกในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา และกดไป 5 เม็ดจากการรับใช้ชาติ 5 เกมหลังสุด

 

เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่กำลังถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในการเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของเขาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 50 ประตูจากการเล่น 76 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – อเล็กซ์ ซานโดร, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – เฟร็ด, กาเซมิโร่ – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน
เซอร์เบีย (3-4-1-2, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, สเตฟาน มิโตรวิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, เนมานย่า กูเดลจ์, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – ดูซาน ทาดิช – ดูซาน วลาโฮวิช, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งเจอกันมาในฟุตบอลโลกหนก่อน 2018 ที่รัสเซีย บราซิล กินนิ่ม 2-0 เปาลินโญ่ กับ ติอาโก้ ซิลวา จัดคนละเม็ด
• บราซิล ชนะรวดมา 7 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 5 นัด
• สองนัดหลัง บราซิล ยิงคู่แข่ง 8 ลูก ริชาร์ลิซอน ซัด 3, ราฟินญ่า 2, เนย์มาร์ 1 ประตู
• เซอร์เบีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 6 นัดติด เป็นชนะ 5 เสมอ 1
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 50 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 76 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
จัดเป็นหนึ่งในม้ามืดที่น่าจับตาของฟุตบอลโลก 2022 สำหรับ เซอร์เบีย เพียงแต่มาตรฐานของ บราซิล ก็ดูจะอยู่เลยขึ้นไปอีกระดับ ขุมกำลังที่ทัพแซมบ้ามีสามารถเล่นงาน เซอร์เบีย ได้ทั้งบรรดาตัวจริงและตัวสำรอง ดังนั้นชัยชนะของ บราซิล จึงมีความเป็นไปได้มากกว่าอย่างอื่น แค่ต้องระวังอาวุธเด็ดของเซิร์บอย่าง มิโตรวิช ไว้หน่อย ว่าอาจเล่นงานบราซิลเข้าได้สักประตู

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
บราซิล
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — บราซิล vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — แคเมอรูน vs บราซิล

เซอร์เบีย
จันทร์ 28 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — แคเมอรูน vs เซอร์เบีย
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565 — 02.00 — เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์