เรื่อง

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs เซเนกัล
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลการพบกัน
ไม่เคยพบกันมาก่อน

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เวลส์ 3-0

เซเนกัล
อุ่นเครื่อง ชนะ โบลิเวีย 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ อิหร่าน 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาตาร์ 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
อังกฤษ : แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ
เซเนกัล : เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ
แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ได้อย่างสวยงาม ชนะ 2 เสมอ 1 ในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2022 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

กับเกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาเพียงเล็กน้อยจากการที่ เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้ว เนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือกด้วย แม้จะเป็นสำรองก็ตาม

 

11 คนแรกจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด ในระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บูกาโย่ ซาก้า แม้หลายฝ่ายอยากเห็น ฟิล โฟเด้น เป็นตัวเลือกก่อนบ้างก็ตาม

 

เซเนกัล
มาลุยฟุตบอลโลก 2022 โดยไม่มีดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ที่ต้องเข้าผ่าตัดเข่าพักยาว แต่ก็ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ 2 เกมหลังที่จตบทั้งเจ้าภาพ กาตาร์ และ เอกวาดอร์ จนเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ

 

เซเนกัล เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ซึ่งคราวนั้นไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วย

 

สภาพทีมของ อาลิยู ซิสเซ่ มีปัญหาเพิ่มที่ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ กลางรับประสบการณ์สูง ต้องติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบโควตา อีกทั้ง ชีคู คูยาเต้ ก็เจ็บติดพันมาตั้งแต่เกมแรก ยังต้องเช็กสภาพกันก่อนเกมนี้

 

คาดว่าระบบจะปรับใช้ 4-2-3-2 หลังบ้านนำโดยแกนหลักอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ นายประตูเชลซี กับ คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังจากเชลซีเช่นกัน ส่วนข้างหน้าฝากความหวังที่ บูลาย เดีย กับ อิสไมล่า ซาร์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : มาร์คัส แรชฟอร์ด
ในช่วงเวลาที่ แฮร์รี่ เคน ดูเหมือนจะปรับบทบาทไปเป็นจอมแอสซิสต์ คนที่ก้าวขึ้นมารับภาระทะลวงตาข่ายก็กลายเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเสีย ที่ถือว่าซีซั่นนี้ หัวหอกวัย 25 กลับมาร้อนแรงและเล่นได้ดีต่อเนื่อง ทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กดไป 8 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา (ส่วนซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่น ยิงแค่ 5 ลูก) และกับทีมชาติอังกฤษ ที่กดแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 หนึ่งในนั้นเป็นฟรีคิกงามๆ เกมสยบ เวลส์ 3-0 ด้วย

 

เซเนกัล : อิสไมล่า ซาร์
เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ไม่อยู่ คนที่ เซเนกัล ต้องพึ่งพาในเกมรุก หนึ่งในนั้นคือ อิสไมล่า ซาร์ ปีกวัยรุ่นจาก วัตฟอร์ด ที่รับใช้ชาติไปแล้ว 51 นัด ซัด 11 ประตูด้วยกัน โดย ซาร์ ย้ายจาก แรนส์ มาสร้างชื่อในอังกฤษตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมาได้โชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 ซีซั่น ยิงรวม 11 ประตู ซึ่งความวูบวาบและคุณสมบัติต่างๆ ก็ทำให้เขาถูกเชื่อมโยงกับ ลิเวอร์พูล รวมทั้งทีมอื่นๆ มาแล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
เซเนกัล (4-2-3-1, กุนซือ อาลิยู ซิสเซ่) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซูฟ ซาบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, คาลิดู คูลิบาลี่, อิสมาอิล จาค็อบส์ – ปาเป้ เกย์, ปาเต้ ซิสส์ – อิสไมล่า ซาร์, มามาดู ลูม, อิลิมาน เอ็นดิอาย – บูลาย เดีย

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้ไม่เคยพบกันมาก่อนแม้เกมอุ่นเครื่อง
• อังกฤษ เคยเจอกับทีมจากแอฟริกามา 7 ครั้ง ยังไม่เคยแพ้
• อังกฤษ ยิงได้ 9 ประตูในรอบแรก สูงสุดในทัวร์นาเมนต์ (เท่าสเปน) แม้จะมีเกมเสมอ สหรัฐฯ 0-0 อยู่ด้วยก็ตาม
• แฮร์รี่ เคน ขออีก 3 ประตูจะแซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ แต่ยังเป้าสะอาดในบอลโลกหนนี้ โดยมี 3 แอสซิสต์มาทดแทน
• เมื่อไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ดาวซัลโวชุดนี้ของ เซเนกัล คือ อิสไมล่า ซาร์ กับ ฟามาร่า ดีดิอู ที่ยิงไป 11 ประตูเท่ากัน
• คาลิดู คูลิบาลี่ เพิ่งยิงไปประตูเดียวจากการเล่นทีมชาติ 67 นัด ซึ่งคือประตูชัยนัดชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ความน่าจะเป็น
วันไหนที่เข้าฝักก็ระเบิดเถิดเทิง แต่วันไหนที่เตะหลุดก็เล่นแย่มันทั้งทีม นี่คือ อังกฤษ ที่เป็นมาตลอดช่วงหลัง ซึ่งเกมนี้ก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะออกรูปไหน แต่ด้วยการที่ เซเนกัล ไม่ได้มีทีเด็ดมากมายในเกมรุก จากการที่ขาด มาเน่ ไป ทำให้สิงโตน่าจะยังคงคำรามได้ต่อ รอบนี้ยังไม่น่าใช่ปัญหาของอังกฤษ

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 2-0

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : ฝรั่งเศส vs โปแลนด์
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 16 นัด
ฝรั่งเศส ชนะ 8
เสมอ 5
โปแลนด์ ชนะ 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ตูนิเซีย 0-1

โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เม็กซิโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
ฝรั่งเศส : ทำลายอาถรรพ์แชมป์เก่า การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนามไป รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด
โปแลนด์ : นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์โปแลนด์ ตอนจบเกมสุดท้ายรอบแรกที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮงๆ ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

กระนั้นจากเกมแพ้ ตูนิเซีย ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติมให้ปวดหัวแต่อย่างใด

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบๆ ไปแล้ว

 

ภายหลังปรับทัพสะบั้นหั่นแหลกในเกมปิดกลุ่ม เดส์ชองส์ จะกลับมาใช้ทีมชุดแรกอีกครั้งในนัดนี้ ซึ่งคือไลน์อัพในเกมเบียดชนะ เดนมาร์ก ในระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โปแลนด์
โปแลนด์ เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1986 แต่ต้องยอมรับว่าเข้ามาได้แบบโชคช่วย จากการที่ ซาอุฯ ตีไข่แตก เม็กซิโก สำเร็จ จนบทสรุปเป็น โปแลนด์ ที่มีผลต่างประตูได้เสียเป็น 0 เข้ารอบมาแทนที่จะเป็น เม็กซิโก ซึ่งผลต่าง -1

 

เกมนี้ เชสลาฟ มิชนีวิซ ยังคงมีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคย หลังจากกดประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้แล้ว 1 เม็ดในเกมชนะ ซาอุฯ 2-0

 

ในระบบ 4-4-2 เกมรับฝากความหวังที่นายประตู วอยเชียค เซสนี่ ซึ่งทำไปแล้ว 2 คลีนชีต แถมเซฟจุดโทษจาก ลิโอเนล เมสซี่ ได้ ส่วนเกมรุกวาง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ยืนหน้าคู่ เลวานดอฟสกี้

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 62 นัด ซัด 31 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 3 เม็ด ไม่นับที่ยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของเขาเป็นสำคัญ เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 77 ประตูในนามทีมชาติ (137 นัด) ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โปแลนด์ (4-4-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์, แม็ตตี้ แคช – เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, คริสเตียน บีลิค, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันบ่อยในยุคโบราณ ทำให้พบกันรวมแล้วถึง 16 ครั้ง แต่ในช่วง 20 ปีหลังก็เจอกันแค่ 2 หนเท่านั้น ล่าสุดเมื่อปี 2011 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
• 9 เกมหลังทุกรายการ ฝรั่งเศส ทำคลีนชีตได้แค่เกมเดียว และในบอลโลกครั้งนี้ก็โดนยิงทุกนัด นัดละลูก
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (31), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 124 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้ไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 3 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 9 นัดปีนี้ แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
เพราะเข้ารอบมาแบบเฮงๆ แพ้ อาร์เจนติน่า แบบสู้ไม่ได้แต่ยังมีเฮ จึงไม่น่าแปลกที่ โปแลนด์ จะถูกมองว่าเป็นรอง ฝรั่งเศส ค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าด้วยการลงไปเล่นเน้นรับเต็มพิกัด ถอยร่นสุดกำลัง หวังแค่เสียประตูแรกให้ช้าที่สุด จะเป็นปัญหาของ ฝรั่งเศส ไม่น้อย เรื่องชนะ ตราไก่มีโอกาสมากอยู่แล้ว แต่เป็นไปได้ว่าจะชนะแค่แบบเฉือนๆ เหนื่อยๆ หน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 1-0

อาร์เจนติน่า จะเก็บชัยผ่านออสเตรเลีย เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า จะเก็บชัยผ่านออสเตรเลีย เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม อาร์เจนติน่า – ออสเตรเลีย

วันที่ 4 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง CH3/ True Sport

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

สถานการณ์ของอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย

แชมป์จากอเมริกาใต้ เริ่มต้นด้วยการพ่ายช็อคโลกต่อซาอุดิอาระเบีย จนเสียสถิติไม่แพ้ใคร 36 นัด ก่อนที่จะเอาชนะเม็กซิโก และโปแลนด์กลายเป็นแชมป์กลุ่มตามความคาดหมายสำเร็จ ทำให้สถิติในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 12 หนล่าสุด แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย เข้ารอบน็อคเอาต์ได้ถึง 11 ครั้ง และกับครั้งนี้ พวกเขายังคงเป็นตัวเก็งที่จะคว้าแชมป์

โดยในทีมชุดนี้ นอกจากจะมีผู้เล่นตัวเก๋าอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทีมหาใครมาทดแทนไม่ได้ กับอังเจล ดิ มาเรียเป็นแกนหลักในทีมแล้ว โค้ชลิโอเนล สคาโลนี่ ยังดึงผู้เล่นใหม่ ๆ อย่าง แม็ก อัลลิสเตอร์, จูเลี่ยน อัลวาเรซ และเอ็นโซ เฟอร์นานเดซ ติดทีมมาด้วย โดยถ้าพวกเขาเอาชนะทีมจากแดนจิงโจ้สำเร็จก็จะไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง เนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

ออสเตรลียผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์เป็นหนแรก ตั้งแต่ทีมยุคทองเคยทำได้ในปี 2006 ด้วยการตามแชมป์โลกฝรั่งเศสเข้ารอบเป็นที่ 2 ของกลุ่มดี ในแบบที่แพ้ประตูได้เสีย หลังเปิดสนามด้วยการพ่ายทีมตราไก่ยับ 4-1 ก่อนที่จะเอาชนะตูนิเซีย และเดนมาร์กใน 2 นัดที่เหลือ ด้วยตัวผู้เล่นที่จะว่าไปแล้ว แม้หลาย ๆ คนจะเล่นในยุโรป แต่ก็เป็นนักเตะไม้ประดับของทีม หรือไม่ก็อยู่ในทีมระดับรอง ๆ และแน่นอนไม่มีใครที่ให้ราคาทีมจิงโจ้เหนือกว่าทีมฟ้าขาวแน่ ๆ แต่ถ้าพวกเขาทำได้จะเป็นการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายครั้งแรกของออสเตรเลีย

ข้อได้เปรียบเดียวของออสเตรเลียก็คือ พวกเขามีเวลาพักมากกว่าราว ๆ 1 วัน

ชาติเอเชีย - ออสเตรเลีย

ออสเตรเลียต้องเหนื่อยอีกสองนัดกว่าจะผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter/@Socceroos)

เช็กสถิติอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย

จากการเจอกันทั้งหมด 7 ครั้งอาร์เจนติน่าเอาชนะไปได้ถึง 5 ครั้ง แพ้และเสมออย่างละครั้ง ส่วนสถิติห้าเกมหลังสุดทั้งคู่ชนะ 4 แพ้ 1 เท่ากัน (WWLWW)

สถานการณ์ผู้เล่นของอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย

ลิโอเนล สคาโลนี่ โค้ชอาร์เจนติน่า อาจจะไม่อยากเปลี่ยนแปลงทีมที่ชนะติดต่อกัน 2 นัดมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย โดยลิซานโดร มาร์ติเนซ น่าจะกลับมาเล่นเซนเตอร์แบ็คอีกครั้ง และนิโคลาส ทากลิอาฟิโก อาจจะลงเล่นแบ็คซ้ายแทน มาร์คอส อคูญ่า ส่วยเอ็นโซ เฟอร์นานเดซ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองและเล่นได้อย่างน่าประทับใจ ในสองเกมแรก มีแนวโน้มว่าจะได้เล่นในตำแหน่งของลีอันโดร ปาเรเดส ที่เป็นตัวสำรองในเกมกับโปแลนด์ และเม็กซิโก

ในแดนหน้าเลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่เป็นตัวรุกอีกรายที่มีเหลือเฟือในทีม และตกเป็นตัวสำรองในเกมเมื่อวันพุธ จะต้องเจอการแย่งตำแหน่งจากจูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ทำประตูได้ และ​อาจได้เล่นกับเมสซี่, ดิมาเรียแทน โดยกัปตันทีมฟ้าขาวมีข่าวไม่ดีเรื่องความฟิตที่ต้องแยกออกไปซ้อมเดี่ยว แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากนัก ส่วนดิ มาเรีย ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมเจอกับโปแลนด์ เนื่องจากมีปัญหากับกล้ามเนื้อต้นขา ทางสคาโลนี่ออกมาบอกแล้วว่า ไม่มีปัญหาอะไร

ออสเตรเลียน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทีมที่น้อยมาก ๆ โดยนาธาเนียล แอตคินสันกับฟราน คาราซิซ ที่ได้ลงเล่นในเกมแรกและเกมที่ 2 ตามลำดับ น่าจะต้องแย่งตำแหน่งแบ็คขวากับมิลอส เดเกเน็ก ที่ได้ลงเล่นในนัดเจอเดนมาร์ก ส่วนเครก กู้ดวิน ที่ลงเล่นแค่ 45 นาทีในเกมชนะโคนม ก่อนคีอานู แบ็กคัสจะลงเล่นแทนในครึ่งหลัง และทำได้ดีมาก ๆ ในการเล่นแดนกลางร่วมกับแอรอน มอย บางทีแกรห์ม อาร์โนลด์ โค้ชออสเตรเลีย น่าจะเสี่ยงส่งเขาที่มีประสบการณ์ไม่มากนักลงเล่นเป็นตัวจริง

แดนหน้ามิตเชลล์ ดุ๊ก เป็นตัวหลักให้ทีมแน่นอน ส่วนมาร์ติน บอยล์ที่เจ็บหัวเข่าและลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ได้แน่นอนแล้ว ยังอยู่กับทีมที่กาตาร์เป็นกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย

อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร่, โอตาเม็นดี้, อคูญ่า; เดอ ปอล, เฟอร์นานเดซ, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ
ออสเตรเลีย ระบบ 4-4-2: ไรอัน; เดเกเน็ก, เซาต์ตาร์, โรว์เลส, บีฮิช; เล็คกี้, เออร์ไวน์, มอย,กู้ดวิน; ดุ๊ก, แม็กกรี

แอรอน มอย นักเตะแดนจิงโจ้ ฟุตบอลโลก 2022

แอรอน มอย นักเตะแดนจิงโจ้ที่ยึดตำแหน่งกองกลางตัวหลักของทีมมานานเป็นทศวรรษ (ภาพ: Joe Allison/Getty Images)

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่าและออสเตรเลีย

หลังเลี่ยงการเจอกับแชมป์เก่าได้ เกมนี้น่าจะเป็นโอกาสอันดีของอาร์เจนติน่า ในการปรับกระบวนทัพ ที่ยังไม่อยู่กับร่องกับรอยนัก และพาตัวเองผ่านเข้ารอบต่อไป โดยออสเตรเลียที่เป็นรอง อาจจะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาได้บ้าง จากศักยภาพบางอย่างในตัว หากก็คงยากจะทำได้เหมือนเกมกับตูนิเซียและเดนมาร์ก ที่เครก กู๊ดวินกับแม็ต เลคกี้ทำประตูได้จากโอกาสเพียงครั้งเดียว

คุณภาพในแนวรุกของทีมฟ้าขาวคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะ โดยเฉพาะการพ่ายแพ้ซาอุดิอาระเบียในนัดแรก ไม่ต่างจากการปลุกพวกเขาให้ตื่น และอาร์เจนติน่าไม่น่าจะพลาดอะไรแบบนั้นอีกแล้ว จากฟอร์มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในนัดต่อ ๆ มา

อาร์เจนติน่าชนะออสเตรเลีย 2-0 หรือ 3-1

เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สองผู้ไม่แพ้ ใครจะพ่ายนัดแรกแล้วตกรบไปเลยในเกมน็อคเอาต์คู่แรกของฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สองผู้ไม่แพ้ ใครจะพ่ายนัดแรกแล้วตกรบไปเลยในเกมน็อคเอาต์คู่แรกของฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม เนเธอร์แลนด์ – สหรัฐอเมริกา

วันที่ 3 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sport

เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สองผู้ไม่แพ้ ใครจะพ่ายนัดแรกแล้วตกรบไปเลยในเกมน็อคเอาต์คู่แรกของฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังปั้นทีมขึ้นมาใหม่ (ภาพ: twitter: OnsOranje)

สถานการณ์ของเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

ทีมของหลุยส์ ฟาน กัล เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม เอ เก็บแต้มได้ทั้งหมด 7 แต้มยังไม่แพ้ใคร โดยคว่ำเซเนกัล, กาตาร์ และเสมอกับเอกวาดอร์ ขณะที่สหรัฐอเมริกาเข้ารอบมาในฐานะที่ 2 ของกลุ่ม บี โดยเอาชนะอิหร่านหวุดหวิดในเกมบีบหัวใจ 1-0 ที่เป็นการคว้าชัยนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว ยังเป็นการส่งพวกเขาเข้ารอบ หลังเสมอเวลส์กับอังกฤษ มาก่อนหน้า

ทำให้เกมนัดนี้เป็นการเจอกันระหว่าง 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครในฟุตบอลโลกหนนี้ ที่ใครพลาดก็เก็บของกลับบ้านไปเลย

สหรัฐอเมริกา ชุดลุยฟุตบอลโลก

พญาอินทรี สหรัฐอเมริกา ที่ความหวังคือ ตามอังกฤษเข้ารอบในฐานะที่ 2 ของกลุ่ม (ภาพ: edition.cnn.com)

เช็กสถิติเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

เนเธอร์แลนด์เจอกับสหรัฐอเมริกามาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง ทีมอัศวินสีส้มชนะไป 4 ครั้ง แพ้ 1 ครั้ง
ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลัง เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4 เสมอ 1 (WWWDW) สหรัฐอเมริกา แพ้ 1 เสมอ 3 ชนะ 1 (LDDDW) โดยเป็นเกมกระชับมิตรทั้งหมด ครั้งเดียวที่สหรัฐอเมริกาชนะคือในปี 2015 โดยพสกเขาตามหลังก่อน 3-1 และพลิกมาชนะ 4-3

นับตั้งแต่ตกรอบยูโร 2020 เนเธอร์แลนด์ไม่แพ้ใครมาแล้ว 18 นัดติดต่อกัน และหลุยส์ ฟาน กับยังเป็นโค้ชที่ทำทีมลงเล่นฟุตบอลโลกโดยไม่แพ้ถึง 11 เท่ากับมาริโอ ซากาโล่ และเป็นรองแค่เฟลิเป้ สโคลารี่ ที่ทำไว้ 12 นัด

สหรัฐอเมริกา เคยมาถึงรอบนี้ในปี 2010 และ 2014 แต่ไปได้ไกลที่สุดคือรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2002 และพวกเขาไม่เคยชนะทีมจากยุโรปตั้งแต่ในฟุตบอลโลก 2002 โดยเสมอ 6 และแพ้ไปถึง 5 ครั้งจากกการเจอกันทั้งหมด และการพ่ายแพ้ในรอบน็อคเอาต์สามหนก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาแพ้ทีมยุโรปทั้งหมด

เมมฟิส เดปาย อัศวินสีส้ม

ดาวยิงประจำทีมอัศวินสีส้ม เมมฟิส เดปาย (ภาพ: www.hartvannederland.nl)

สถานการณ์ผู้เล่นของเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

เม็มฟิส เดอปาย ฟิตพอที่จะลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 แล้วในเกมส่งท้ายรอบแรกเจอกับกาตาร์ โดยได้ลงเล่น 66 นาที แล้วถูกเปลี่ยนตัวออกมาพัก เพื่อให้ผู้เล่นมีเวลาปรับตัวเข้ากับเกมในสนาม และเช็คสภาพร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บแฮมสตริง เจเรมี่ ฟริมปง ผู้เล่นกองหลังได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าเมื่อวันพุธ แต่ลงซ้อมกับทีมได้แล้ว ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในตำแหน่งนี้ ที่เป็นของเดนเซล ดุมฟรีส์ ที่น่าเป็นห่วงสำหรับเนเธอร์แลนด์ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ แต่เป็นเรื่องของการติดโทษใบเหลือง โดยเฉพาะสองกองหลัง แมตไธจ์ส เดอ ลิกต์ กับนาธาน อาเก้ ที่หาได้รับอีกใบ จะทำให้พลาดเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ส่วนโคดี้ กักโปกองหน้าที่ทำไปแล้ว 3 ประตู จากการยิง 4 ครั้ง มีลุ้นเป็นนักเตะดัตช์คนแรกที่ยิงประตู 4 นัดแรกในฟุตบอลโลกติดต่อกัน

คริสเตียน พูลิซิซ ที่ยิงประตูชัยให้พญาอินทรีเอาชนะอิหร่าน จนได้รับบาดเจ็บ และเจ้าตัวโพสต์ภาพหลังเกมโดยอยู่บนเตียงพยาบาล พร้อมกับคำบรรยายภาพว่า “ผมพร้อมสำหรับเกมวันเสาร์ แน่ ๆ ไม่ต้องห่วง” แต่จากการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ทีมสหรัฐอเมริกาบอกว่า การบาดเจ็บบริเวณกระดูกเชิงกรานของพูลิซิซ ต้องดูกันวันต่อวัน ซึ่งต้องเช็คอัปเดตก่อนเกมกันอีกที

จอช ซาร์เจนต์กับเวสตัน แม็คเคนนี่ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมกับอิหร่าน เพราะมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า และกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าตามลำดับ โดยซาร์เจนต์มีอาการรุนแรงมากกว่า สถานการณ์ของทั้งคู่ยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือไม่ และต้องรอเช็คอาการเช่นเดียวกับพูลิซิส เรื่องดีของผู้เล่นทั้ง 3 รายก็คือ ทุกคนไม่มีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน น่าจะลงเล่นได้ และทำให้ผู้เล่น 11 คนแรกของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก

คริสเตียน พูลิซิส สหรัฐอเมริกา ฟุตบอลโลก 2022

ไม่ใช่แค่เป็นกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกา แต่คริสเตียน พูลิซิส ยังเป็นดาวเตะคนสำคัญของทีมชาติ ที่จะได้โอกาสส่องแสงแน่ ๆ ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: www.planetfootball.com)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

เนเธอร์แลนด์ ระบบ 3-4-1-2: น็อปเปิร์ต; ทิมเบอร์, ฟานไดจ์ก, อาเก้; ดุมฟรีส์, เด อรูน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง, บลินด์; คลาสเซ่น; กักโป, เดอปาย
สหรัฐอเมริกา ระบบ 4-3-3: เทอร์เนอร์; เดสต์, คาร์เตอร์-วิคเกอร์, รีม, โรบินสัน; แม็คเคนนี่, อดัมส์, มูซาห์; เวอาห์, ไรท์, พูลิซิส

ผลการแข่งขันระหว่างเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา

ในรอบแรกทีมอัศวินสีส้ม ซึ่อยู่ในสายที่อ่อนที่สุดของฟุตบอลโลกหนนี้ก็ว่าได้ ถือว่าได้ซ้อมใหญ่ ได้เตรียมทีมอย่างเต็มที่ และจากผลการแข่งขัน จากเกมที่เกิดขึ้น สหรัฐอเมริกาผ่านเกมนัก ๆ มามากกว่า และอยู่ในกลุ่มที่แข็งกว่า เมื่อเป็นกลุ่มเดียวที่ทั้ง 4 ทีมอยู่ใน 20 อันดับแรกของฟีฟ่าทั้งหมด

การได้เม็มฟิส เดอปายกลับมา ทำให้เกมในแดนหน้าของเนเธอร์แลนด์ลื่นไหลมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพากักโปพียงลำพัง ขณะที่ในฝั่งพญาอินทรีสถานการณ์ดูแย่กว่า เมื่อบรรดาดาวเตะคนสำคัญ ๆ ต่างยังไม่แน่ว่าจะลงช่วยทีมได้หรือไม่ โดยเฉพาะพูลิซิซ ที่มีผลต่อเกมในแดนหน้ามาก ๆ ด้วยสภาพทีม และรูปแบบการเล่นที่อดทน รอคอย และเน้นความแน่นอนเป็นหลักของเนเธอร์แลนด์ ทำให้พวกเขาดูเหนือกว่าสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยฟอร์มการเล่นอีกเช่นกัน ทำให้เกมนัดนี้ จะจบลงด้วยการยิงประตูที่ไม่มากนัก โดยอย่าลืมว่า ในเกมรอบแรกทั้ง 3 เกม ทีมของฟาน กัล สับไกยิงแค่ 8 ครั้งเท่านั้น

เนเธอร์แลนด์ชนะสหรัฐอเมริกา 1-0 หรือ 2-0 โดยมีโอกาสมากที่จะยื้อกันไปถึงช่วงต่อเวลา

เรื่องน่าอ่าน
1. ห้าพญาอินทรี ที่จะพาสหรัฐอเมริกาบินสูงในฟุตบอลโลก 2022
2.
ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022
3. ฟุตบอลโลก 2022 ของ 6 ชาติเอเชีย พวกเขาจะผ่านเข้ารอบสองได้กี่ทีม ?
4. ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?
5. ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
6. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่ 
7. นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย
เสาร์ 3 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : CH3

 

ผลการพบกัน : 7 นัด
โกลด์ คัพ 1988 ออสเตรเลีย ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 1992 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
คัดบอลโลก 1993 เสมอ 1-1
คัดบอลโลก 1993 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 1995 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2005 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-4
อุ่นเครื่อง 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 0-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อาร์เจนติน่า
อุ่นเครื่อง ชนะ จาไมก้า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เม็กซิโก 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ โปแลนด์ 2-0

ออสเตรเลีย
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ฝรั่งเศส 1-4
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ตูนิเซีย 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 1-0

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
อาร์เจนติน่า : แชมป์กลุ่มซี, เริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุฯ 1-2 แต่หลังจากนั้นก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย
ออสเตรเลีย : อันดับ 2 กลุ่มดี, โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่ม

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ด้วยทรงที่ดีเป็นที่สุด ยืนสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 จากประตูของ ลิโอเนล เมสซี่ กับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ จัดคนละเม็ด

 

ในการลุยรอบ 16 ทีม พบกับ ออสเตรเลีย หนึ่งในตัวแทนเอเชีย เกมนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีต้องเช็กอาการของ อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บต้นขาจนต้องออกจากเกมที่แล้ว แม้จะไม่หนักหนาแต่ก็คาดว่าจะถูกพักเป็นสำรอง

 

ระบบใช้ 4-3-3 และอาจมีปรับบางจุดจากเกมที่แล้ว แต่เกมรุกจะนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ตามเดิม เพิ่มเติมด้วย ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ดูจะเป็นตัวเลือกก่อน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ไปแล้ว

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 3 เกมที่ผ่านมา

 

ออสเตรเลีย
ทีมจากโอเชียเนียที่มาเตะในฐานะตัวแทนเอเชีย เข้ารอบมาได้อย่างเซอร์ไพรส์ มีถึง 6 แต้มจากชัยชนะเหนือ เดนมาร์ก และ ตูนิเซีย ภายหลังเกมแรกเจอของแข็งอย่างแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่แม้จะขึ้นนำก่อนแต่ก็โดนจ้วงยับหลังจากนั้น แพ้ขาด 1-4

 

ออสเตรเลีย ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง ถัดจากปี 2006 ภายหลังฟุตบอลโลก 3 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้านี้ 2010, 2014 และ 2018 พวกเขาตกรอบแรกทั้งหมด

 

สภาพทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องเป็นกังวล สามารถใช้งานชุดที่ดีที่สุดได้ ซึ่งหน้าตาจะไม่ต่างไปจากเกมชนะ เดนมาร์ก 1-0 นัก

 

ซอคเกอรูส์ จะใช้ 4-4-2 วางหอกคู่ มิตเชลล์ ดู๊ค กับ ไรลี่ย์ แม็คกรี เป็นสองตัวความหวังในแนวรุก

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาฟุตบอลโลกหนสุดท้าย ไม่มีอะไรต้องกั๊กหรือต้องยั้งไว้อีกแล้วสำหรับ เมสซี่ ที่จะใส่สุดเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 13 ประตูจากการเล่นทีมชาติปีนี้ และในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 2 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโว กาตาร์ 2022 เต็มตัว

 

ออสเตรเลีย : แม็ทธิว เลคกี้
ตัวริมเส้นประสบการณ์สูงวัย 31 ที่ลงเล่นทีมชาติมาแล้ว 76 นัด ยิงแล้ว 14 ประตู ผ่านรายการใหญ่มาแล้วทั้งฟุตบอลโลก 2 รอบ, เอเชียน คัพ 2 หน และคอนเฟดฯ คัพ อีกหนึ่ง เวลานี้อยู่ในสังกัด เมลเบิร์น ซิตี้ ภายหลังโกอินเตอร์ไปเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่นานนับสิบปี กับทั้งกลัดบัค, เอฟเอสเฟา แฟร้งค์เฟิร์ต, อิงโกลชตัดท์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน จนนับเป็นดาวเด่นเบอร์ใหญ่สุดของทัพจิงโจ้ชุดนี้ พร้อมทั้งสร้างผลงานดีเยี่ยม พังประตู เดนมาร์ก พาทีมเข้ารอบมาได้

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-3-3, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อเลฮานโดร โกเมซ, ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ออสเตรเลีย (4-4-2, กุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์) แม็ต ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค, แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไค โรว์เลส, อาซิซ เบฮิช – เคร็ก กู๊ดวิน, อารอน มอย, แจ๊คสัน เออร์ไวน์, แม็ทธิว เลคกี้ – มิตเชลล์ ดู๊ค, ไรลี่ย์ แม็คกรี

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันมาเยอะทีเดียวถึง 7 ครั้ง ซึ่ง 4 หนหลังสุด อาร์เจนติน่า กินเรียบ แต่ก็ไม่ได้พบกันมาตั้งแต่ปี 2007
• เคยวัดกันในรอบเพลย์ออฟต่างโซน ฟุตบอลโลก 1994 อาร์เจนฯ เฉือนหวิวสกอร์รวม 2-1
• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุฯ ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 39 เกมหลังสุดของ อาร์เจนฯ
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติมากถึง 13 ประตูในปีนี้ จากการเล่นแค่ 10 นัด
• ออสเตรเลีย ชนะ 6 จาก 8 เกมหลังสุด
• แม็ทธิว เลคกี้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของออสเตรเลียชุดนี้ แม้จะยิงได้แค่ 14 ประตู (จาก 76 นัด) เท่านั้นก็ตาม

 

ความน่าจะเป็น
เห็นชัดอยู่แล้วถึงก้าวเดินที่แต่ละทีมเป็น ซึ่งแม้บอลโลกครั้งนี้จะส่อไปในทาง “บอลรองเป็นใหญ่” แต่คุณภาพที่ อาร์เจนติน่า มีในชั่วโมงนี้ ก็ดูจะยากเกินกว่าที่ ออสเตรเลีย จะเอาอยู่ เมื่อดูจากเกมชนะเดนมาร์ก ที่หากว่าทีมโคนมจบสกอร์กันคมขึ้นอีกหน่อย ก็คงเขี่ยทีมจิงโจ้ร่วงไปได้แล้ว

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0

 

เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา
เสาร์ 3 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1998 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2002 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2004 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2010 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 2015 สหรัฐอเมริกา ชนะ 4-3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เนเธอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปแลนด์ 2-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เบลเยียม 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซเนกัล 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เอกวาดอร์ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาตาร์ 2-0

สหรัฐอเมริกา
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ญี่ปุ่น 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เวลส์ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อังกฤษ 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 1-0

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
เนเธอร์แลนด์ : แชมป์กลุ่มเอ, เข้ารอบอย่างไม่ลำบากด้วยการชนะ 2 เสมอ 1
สหรัฐอเมริกา : อันดับ 2 กลุ่มบี, ลุ้นถึงนัดสุดท้ายที่่บังคับต้องชนะ อิหร่าน (ซึ่งก็ทำได้จริง) หลังเสมอ 2 เกมแรก

 

ความพร้อมก่อนเตะ
เนเธอร์แลนด์
เห็นเงียบๆ แต่ฟอร์มเยี่ยมไปเลย หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0

 

ประเด็นก็คือ นับตั้งแต่ที่กลับเข้ามาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจบยูโร 2020 นั้น ฟาน กัล ยังไม่ได้พาทีมกังหันลมแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียว โดยลงสนาม 18 นัด ชนะ 13 เสมอ 5

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล อยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดทั้งสิ้น ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

สำหรับนายประตู จะยังคงเป็น อันดรีส น็อพเพิร์ต จอมหนึบวัย 28 จากฮีเรนวีน ที่เพิ่งลงประเดิมทีมชาติใน เวิลด์ คัพ เที่ยวนี้ และเล่นได้อย่างน่าพอใจ

 

ระบบคงเดิม 3-4-2-1 หลังบ้านนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตรงกลางขยับ ดาวี่ คลาสเซ่น ขึ้นเสริมเกมรุก และหน้าคู่ เมมฟิส เดอปาย จับคู่ โคดี้ กัคโป ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 นำดาวซัลโวร่วมกับอีก 4 นักเตะ

สหรัฐอเมริกา
ทีมพญาอินทรี สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดๆ เสมอกับ เวลส์ 1-1 จากนั้นทำเซอร์ไพรส์ยันเสมอ อังกฤษ 0-0 ก่อนฮึดเชือด อิหร่าน 1-0 จนจบที่อันดับ 2 กลุ่มบี

 

ทีมของ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ เข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน (แต่ยกเว้น 2018 ที่ตกรอบคัดเลือก) โดยผลงานดีสุดในช่วงโมเดิร์นฟุตบอลคือปี 2002 ที่ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

สำหรับความพร้อมในการลงดวล เนเธอร์แลนด์ เกมนี้ สหรัฐฯ มีต้องเช็กฟิต 2 ตัวรุกคนสำคัญ ทั้ง จอช ซาร์เจนท์ และ คริสเตียน พูลิซิช แต่ เบอร์ฮัลเตอร์ ก็ยืนยันแล้วว่า พูลิซิช ดาวเตะจากเชลซี เจ้าของประตูโทนนัดดับ อิหร่าน 1-0 จะพร้อมลงสนามไปตามปกติ

 

แม้ระบบจะใช้ 4-3-3 แต่ก็จะลงไปเน้นเพลย์เซฟ ตั้งรับลึกเป็นหลัก ข้างหน้าวาง คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ และ เฮซุส แฟร์เรยร่า เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
เนเธอร์แลนด์ : โคดี้ กัคโป
แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว ด้วยการกดไปนัดละลูก สามนัด 3 ประตู ยืนแท่นนำดาวซัลโวร่วม รวมแล้วยิงไป 6 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 12 นัด โดยตัวรุกวัย 23 จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถูกพูดถึงผ่านหน้าสื่ออยู่เรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา จากฟอร์มสุดแจ่มที่ร่ายให้กับต้นสังกัด ซีซั่นก่อนยิง 21 ประตู ซีซั่นนี้กดแล้ว 13 ลูก ก่อนมาสร้างชื่อในเวิลด์คัพหนนี้อย่างที่ว่าไป

 

สหรัฐอเมริกา : คริสเตียน พูลิซิช
เจอปัญหาเปลี่ยนโค้ชในทีม เชลซี จนไม่ได้เล่นสม่ำเสมอมากนัก แต่ถ้านับจำนวนเกมก็ถือว่าไม่เลว ครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมาได้เล่น 18 นัด มียิง 1 ประตู ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์จากพรีเมียร์ลีก จากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนถึงจากบุนเดสลีกาในช่วงเวลาค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ คือแต้มต่อของ พูลิซิช ในวัย 24 ซึ่งมีสถิติน่าสนใจทีเดียวกับทีมชาติ อย่างการยิง 22 ประตูใน 55 นัด หรือคิดเฉลี่ยเป็น 0.4 ประตูต่อเกม

 

11 ตัวจริงที่คาด
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2, กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล) อันดรีส น็อพเพิร์ต – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รอน, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น – โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย
สหรัฐอเมริกา (4-3-3, กุนซือ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโย่ เดสท์, ทิม รีม, คาเมรอน คาร์เตอร์-วิคเกอร์ส, แอนโทนี่ โรบินสัน – เวสตัน แม็คเคนนี่, ไทเลอร์ อดัมส์, ยูนุส มูซาห์ – ทิโมธี เวอาห์, เฮซุส แฟร์เรยร่า, คริสเตียน พูลิซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 5 ครั้ง เนเธอร์แลนด์ชนะ 4 สหรัฐฯ ชนะ 1
• เจอล่าสุดปี 2015 สหรัฐฯ เฉือนชัย 4-3 ชนิดยิง 3 ลูกรวดในยี่สิบนาทีท้าย เมมฟิส เดอปาย ยิง 1 ตุงในวันนั้น
• เนเธอร์แลนด์ แพ้ครั้งสุดท้ายที่คือพ่าย สาธารณรัฐเช็ก 0-2 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020 ช่วงกลางปีที่แล้ว
• สหรัฐฯ ชนะได้เสียที (เหนืออิหร่าน) หลังไม่ได้เฮมาถึง 5 เกมซ้อน (เสมอ 4 แพ้ 1)
• เมมฟิส เดอปาย ยิงในทีมชาติไปถึง 42 ประตู เหลืออีกแค่ 8 ลูกจะเท่าสถิติสูงสุดของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะแพ้ไม่เป็นมานานถึง 18 เกม แต่ เนเธอร์แลนด์ ก็ยังถูกตำหนิอยู่บ้างเรื่องเกมรุกที่ไม่จัดจ้านอย่างที่ควรจะเป็น แต่การเล่นแบบ “บอลเน้นผล” ก็เป็นสิ่งที่ หลุยส์ ฟาน กัล โปรแกรมให้กับลูกทีมอยู่แล้ว และการเจอกับ สหรัฐอเมริกา ก็มีสิทธิ์ออกทรงเดิมๆ คือเกมไม่ได้เร่งเร้าสร้างความบันเทิงนัก แต่ทัพกังหันก็น่าจะเอาอยู่ภายใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0

 

บราซิล จะชนะแคเมอรูน เก็บชัย 100% ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

บราซิล จะชนะแคเมอรูน เก็บชัย 100% ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลเกมนัดที่ 5 ของกลุ่ม จี วันที่ 3 ธันวาคม เวลาลงสนาม 02:00 น. (เวลาในบ้านเรา)

แคเมอรูน – บราซิล ถ่ายทอดทาง True4U/ Nation TV/ True Sport 2

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

สถานการณ์ของแคเมอรูนและบราซิล

นัดแรกแคเมอรูนแสดงให้เห็นว่า การทำเกมรุกของพวกเขา มีคุณภาพไม่เพียงพอ หลายต่อหลายครั้งที่นักเตะในแดนหน้าต้องเจอสถานการณ์ 1-2, 3 หรือ 4 กับกองหลังของสวิตเซอร์แลนด์ จนแพ้ไป 1-0 แต่ในเกมที่สอง พวกเขาเหมือนตื่นมารับรู้ความจริง และแสดงให้เห็นศักยภาพในตัว และแบ่
แต้มจากเซอร์เบียมาครองได้สำเร็จ และทำให้ความหวังในการเข้ารอบของพวกเขายังคงมีอยู่

ก่อนลงเตะนัดสุดท้าย แคเมอรูนคือทีมอันดับ 3 ในกลุ่ม และคู่แข่งที่พวกเขาต้องเจอก็คือ บราซิล เต็งหนึ่งของรายการ ที่สำคัญพวกเขาชนะยังไม่พอ (ถ้าทำได้) เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเกมระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์และเซอร์เบียด้วย เมื่อมีเรื่องของประตูได้เสีย ประตูได้ เข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ถ้าสวิตเซอร์แลนด์ชนะเซอร์เบีย แคเมอรูนจะตกรอบทันที โดยไม่ต้องไปวัดอะไรให้วุ่นวาย

บราซิลออกตัวด้วยชัยชนะเหนือเซอร์เบีย หลังพยายามเจาะประตูทีมที่หลาย ๆ คนมองข้ามจากยุโรปทีมนี้อยู่นาน จนนาทีที่ 62 พวกเขาถึงได้ประตูที่ต้องการ ก่อนจะตามด้วยประตูที่สองในอีก 11 นาทีต่อมา ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาเก็บ 3 แต้มเต็มแน่ ๆ ในนัดต่อมาที่ปราศจากเนย์มาร์ ทีมแซมบ้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการคว้าชัยชนะ แม้จะเป็นเพียงประตูเดียวจากคาเซมิโร่ แต่ก็พอจะทำให้พวกเขาเก็บ 6 แต้มเต็ม มีฟอร์มการเล่นสมราคาเต็งแชมป์ และเดินเข้าสู่รอบน็อคเอาต์เรียบร้อย ในแบบที่แทบจะคว้าแชมป์กลุ่มไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ในทางทฤษฎีหากจะให้ชัวร์ ๆ พวกเขาควรเก็บอย่างน้อยอีก 1 แต้มจากแคเมอรูน หรือถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา สวิสก็ต้องพ่ายเซอร์เบียด้วย

แคเมอรูน ฟุตบอลโลก 2022

หลังจากฟุตบอลโลก 1990 แคเมอรูน ก็ไม่เคยสร้างซอร์ไพรส์อะไรได้อีกเลย พวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CAF_Online)

สถานการณ์ผู้เล่นของแคเมอรูนและบราซิล

ในเกมนี้ แคเมอรูนจะไม่ได้ใช้บริการ อังเดร โอนาน่า ผู้รักษาประตูที่มีเรื่องขัดแย้งกับริโกแบร์ต ซง จนต้องเก็บข้าวของออกจากที่พักไปก่อนเกมเสมอเซอร์เบีย 3-3 และทำให้เดวิส เอพาสซี ผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ได้ทำหน้าที่แทนตั้งแต่เกมที่แล้ว ขณะที่ในแดนหน้า แวงซองต์ อะบูบาเคอร์ กองหน้าเก๋าประสบการณ์​ น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง หลังถูกเปลี่ยนลงสนามและสามารถทำประตูได้ และจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมอีก 1 ประตูในเกมที่ผ่านมา

บราซิลจะไม่มีเนย์มาร์และดานิโลในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มแน่ ๆ เพราะบาดเจ็บข้อเท้าทั้งคู่ แต่ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นในบางตำแหน่ง จากเกมที่เอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อมีผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยในตำแหน่งแบ็คซ้าย อเล็กซ์ เตลเลสน่าจะได้ลงเล่นแทนอเล็กซ์ ซานโดร ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วง 5 นาทีสุดท้าย และต้องเช็คอาการบาดเจ็บที่สะโพก ขณะที่เฟร็ดกับลูคัส ปาเกต้าจะได้ยืนในแดนกลาง ริชาร์ลิสันน่าจะได้พัก โดยแกเบรียล เชซุส มีโอกาสได้ลงมาเล่นแทน และโรดรีโก้น่าจะลงเล่นเป็นตัวจริง ในแนวรุกทางด้านขวา ส่วนบรูโน กีมาเรสและอันโตนี่ ก็น่าจะได้ลงมาสัมผัสเกม

เฟร็ด บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

เล่นได้กระท่อนกระแท่นในระดับสโมสร แต่ในทีมชาติ เฟร็ดคือกลไกหลักของบราซิล ที่คงได้เห็นกันในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามของแคเมอรูนและบราซิล

แคเมอรูน ระบบ 4-3-3: เอพาสซี่; ฟาย, คาสเตลเล็ตโต้, เอ็นคูลู, โตโล; แอนกวิสซ่า, ฮงลา, คุนเด้; เอ็มโบโม, อะบูบาเคอร์, ชูโป-โมติ้ง
บราซิล ระบบ 4-1-4-1: อลีสซง; มิลิเตา, ธีอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอส, เตลเลส; คาเซมิโร่; โรดรีโก้, กีมาเรส, ปาเกต้า, วินิซิอุส จูเนียร์; เชซุส

ผลการแข่งขันระหว่างแคเมอรูนและบราซิล

เกมที่ “ต้อง” ชนะสำหรับแคเมอรูน แต่เมื่อเทียบทุกมุม ทุกด้านกับบราซิลแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรที่เหนือกว่าเลย แล้วก็ไม่สามารถเล่นตั้งรับลึก ที่สร้างปัญหาให้แชมป์โลก 5 สมัยเช่นที่สองทีมจากยุโรปแสดงให้ดูได้แน่ ๆ สิ่งเดียวที่นักเตะจากแอฟริกาสามารถทำได้ในนัดนี้ก็คือ ทุ่มเท และพยายามอย่างที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้ว คงไม่พอที่จะเอาชนะทีมเมืองกาแฟได้แน่นอน

บราซิลชนะ 2-0 เป็นอย่างน้อย

เรื่องน่าอ่าน
1. 
ใครจะอยู่ใครจะไป พระกาฬในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเป็นใคร

2. ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ 
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่ 
4. นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022
5. ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน 

เซอร์เบีย สวิตเซอร์แลนด์ จะแย่งตั่วเข้ารอบน็อคเอาต์ใบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย สวิตเซอร์แลนด์ จะแย่งตั่วเข้ารอบน็อคเอาต์ใบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลเกมนัดที่ 6 ของกลุ่ม จี วันที่ 3 ธันวาคม เวลาลงสนาม 02:00 น. (เวลาในบ้านเรา)

เซอร์เบีย – สวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายทอดทาง ONE 31/ True Sport 2

เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย ไปฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ โดยมีดาวเด่นอย่าง อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิก และมิลาน ทาดิก (ภาพ: Twitter @FSSrbije)

สถานการณ์ของเซอร์เบียและสวิตเซอร์แลนด์

เซอร์เบียถูกมองว่าเป็นม้ามืดในตอนที่ทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นขึ้น แต่เมื่อได้ลงสนามจริง ๆ พวกเขาก็กลายเป็นอีกทีมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในเกมแรกที่ต้องเจอกับบราซิล พวกเขาโชว์สปิริตให้เห็น แต่ก็ยังไม่มีคุณภาพมากพอที่จะยันเสมอทีมแซมบ้า ในเกมต่อมาพวกเขานำแคเมอรูนไปถึง 3-1 แต่ท้ายที่สุดเกมก็จบลงที่ 3-3 ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงสำหรับทีมจากยุโรปตะวันออกทีมนี้ เมื่อเก็บได้แค่แต้มเดียวจากการลงสนาม 2 นัดแรก และไปกองอยู่ท้ายตารางคะแนนก่อนที่เกมนัดสุดท้ายจะเริ่มต้น

โดยนัดนี้สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ ชัยชนะเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อย ยกเว้นว่า แคเมอรูนเกิดทำเรื่องช็อคโลกขึ้นมาด้วยการคว่ำบราซิล

สถิติในฟุตบอลโลกของสวิตเซอร์แลนด์ แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเป็นชาติที่ต้องดิ้นรนเพื่อผ่านเข้ารอบทุกครั้ง โดยใน 4 ครั้งหลัง พวกเขาทำสำเร็จถึง 3 และในครั้งนี้พวกเขาก็เริ่มต้นได้ดีด้วยการอาชนะแคเมอรูน จากประตูโทนของบรีลล์ เอ็มโบโล่ ที่เกิดในแคเมอรูน และทำให้พวกเขาได้เป็นที่สองในกลุ่มรองจากบราซิล แม้จะแพ้ทีมเมืองกาแฟในนัดที่สอง แบบที่เรียกได้ว่า โชคไม่ดี ก็ตามที เมื่อเกิดความผิดพลาดในแนวรับ และทำให้ถูกลงโทษโดยคาเซมิโร่

แต่ 3 แต้มในมือก็ทำให้โอกาสเข้ารอบของพวกเขา อยู่ที่ตัวเองมากกว่าจะต้องไปพึ่งพาใคร ชนะได้เข้ารอบไปกับบราซิลแน่ ๆ เสมอก็เพียงพอถ้าแคเมอรูนไม่สร้างปาฏิหาริย์ช็อคโลกขึ้นมา

สวิตเซอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

สวิตเซอร์แลนด์ มีดีพอจะตามบราซิลเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022 ตามบราซิลไหม (ภาพ: Keystone / Urs Flueeler)

สถานการณ์ผู้เล่นของเซอร์เบียและสวิตเซอร์แลนด์

เซอร์เบียต้องเช็คอาการบาดเจ็บของ สตราฮินยา พาฟโลวิก กองหลังคนสำคัญ ที่ต้องออกจากสนามในเกมเสมอแคเมอรูน 3-3 โดยทีมหวังว่าน่าจะหายทัน แต่ถ้าไม่ สเตฟาน มิโตรวิก จะทำหน้าที่แทน ศูนย์หน้า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิก ยิงประตูแรกในฟุตบอลโลกได้แล้ว และสภาพร่างกายก็ฟิตเต็มที่ พร้อมลงเป็น 11 คนแรก โดยมีตัวสนับสนุนอย่าง เซอร์เกจ มิลินโควิก-ซาวิก ที่กำลังเล่นได้ดีกับลาซิโอ และกัปตันทีมดูซาน ทาดิก ที่เล่นทางด้านขวา

แนวรับเซนเตอร์แบ็ค 3 ตัว นอกจากตำแหน่งของพาฟโลวิกแล้ว อีกสองคนจะเป็น มิลอส เวลจ์โควิกกับนิโคล่า มิเล็นโควิก

สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีข่าวผู้เล่นบาดเจ็บหนัก ๆ ออกมา ดังนั้นเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะลงสนามด้วยผู้เล่นหน้าเดิม ๆ เป็นส่วนใหญ่ ภายใต้ระบบเดิม โดยมีโนอาห์ โอกาฟอร์ เป็นคนเดียวที่มีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อ แต่ก็ไม่ใช่ผู้เล่นตัวจริงอยู่แล้ว และเพิ่งลงเล่นได้แค่ 20 นาทีในเกมกับแคเมอรูน นอกจากนี้ตัวเก๋า เซอร์แดน ชาคีรี่ น่าจะถูกเลือกมารับมือเซอร์เบีย ทำให้ฟาเบียน รีเดอร์ ต้องนั่งข้างสนาม เมื่อดูว่าแค่แต้มเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาได้เข้ารอบ กรานิต ซาก้ากับรีโม่ ฟรูเลอร์ น่าเล่นในแบบเดียวกับเกมที่เจอกับบราซิล โดยปักหลังอยู่ที่หน้าแผงหลัง

บรีลล์ เอ็มโบโล น่าจะจะได้ลงสนาม โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวของทีม ที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกคราวนี้ โดยจะมีฌิบริล โซว์ ให้การสนับสนุนด้านหลัง และรูเบน วาร์กาสกับชาคีรี่ประจำการที่ด้านข้าง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามของเซอร์เบียและสวิตเซอร์แลนด์

เซอร์เบีย ระบบ 3-4-2-1: วานย่า มิลิโควิก-ซาวิก; พาฟโลวิก, มิเลนโควิก, เวลจ์โควิก; ซิฟโควิก, มักซิโมวิก, ลูคิก, คอสติก; เซอร์เกจ์ มิลินโควิก-ซาวิก, ทาดิก; อเล็กซานดาร์ มิโตรวิก
สวิตเซอร์แลนด์ ระบบ 4-2-3-1: ซอมเมอร์; วิดแมร์, อะคานจิ, เอลเวดี้, ร็อดริเกวซ; ซาก้า, ฟรูเลอร์; ชาคีรี่, โซว์, วาร์กาส; เอ็มโบโล

ผลการแข่งขันระหว่างเซอร์เบียและสวิตเซอร์แลนด์

เป็นเกมที่เปรียบได้กับเกมน็อคเอาต์ และทั้งสองทีมก็มีศักยภาพที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน จนเกมอาจจะออกมาในรูปไหนก็ได้ ที่สำคัญทั้งสองทีมยังมีปัญหาทางการเมือง เกี่ยวพันกับผู้เล่นหลัก ๆ บางคนของสวิตเซอร์แลนด์ เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่สู้กันด้วยพละกำลัง และบรรดาดาวเตะคนสำคัญของทั้งสองทีม คือคนที่จะตัดสินเกม แต่ด้วยประสบการณ์ของผู้เล่น และทีมที่เจอกับสถานการณ์บีบคั้นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง สวิสน่าจะเอาชนะไปได้หวุดหวิด

สวิตเซอร์แลนด์ 1 เซอร์เบีย 0

เรื่องน่าอ่าน
1. 
ใครจะอยู่ใครจะไป พระกาฬในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเป็นใคร

2. ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ 
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่ 
4. นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022
5. ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน 

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : แคเมอรูน vs บราซิล
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ 0-1
นัดสองชนะ 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคเมอรูน
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เซอร์เบีย 3-3

บราซิล
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ผลการพบกัน : 6 นัด
ฟุตบอลโลก 1994 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 1996 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2001 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2003 แคเมอรูน ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้แบบต้องลุ้นเหนื่อย เช่นเดียวกับเมื่อถึงรอบสุดท้าย โดยเปิดสนามแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และไล่ตามตีเจ๊า เซอร์เบีย 3-3

 

แม้จะยืนอันดับ 3 ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียเหนือ เซอร์เบีย แต่ แคเมอรูน ก็จำเป็นจะต้องเอาชนะ บราซิล ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น เมื่อผลเสมอจะไม่เพียงพอให้ทำแต้มไปทาบ สวิตเซอร์แลนด์

 

ทีมหมอผีในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทว่าเสียประตูมือหนึ่ง อองเดร โอนาน่า ออกจากแคมป์ไปหลังแตกหักกับโค้ช และโดนลงโทษทางวินัย

 

ระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 นายประตูใช้มือสอง เดวิส เอปาสซี่ ส่วนเกมรุกวาง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ กับ บริย็อง เอ็มเบโม่ ขนาบข้างหอกเป้า เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และก็ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ลา เซเลเซา ของ ตีเต้ การันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เรียบร้อยไปแล้ว และก็จะจบแชมป์กลุ่มไม่ว่าเกมนี้จะได้ผลอย่างไร หากว่าในเวลาเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์ ไม่อาจเอาชนะ เซอร์เบีย ได้แบบยิงถล่มหลายประตู

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

การที่ลงเล่นแบบให้ครบโปรแกรม ทำให้เป็นโอกาสสำหรับการหมุนเวียนนักเตะ ซึ่งก็คาดว่าจะจัดสำรองลงเต็มระบบ เปิดโอกาสให้สำรองได้สัมผัสเกมฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะประตูอย่าง เอแดร์ซอน, กองหลัง เบรเมอร์ หรือแนวรุกที่จะปรับเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส และ กาเบรียล เชซุส เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
แคเมอรูน : แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์
เคยประกาศไว้ว่าตัวเองฝีเท้าดีไม่แพ้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพียงแต่วาสนาไม่ค่อยดี ได้อยู่แต่กับทีมไม่ได้ใหญ่โตอย่าง วาล็องเซียนส์, ลอริยองต์, ปอร์โต้, เบซิคตัส และปัจจุบันเล่นกับ อัล นาสเซอร์ ในซาอุฯ โดยถือว่าหัวหอกวัย 30 สร้างมาตรฐานการถล่มประตูได้ดีทีเดียว ยิงเกินสิบลูกในหลายซีซั่น และเป็นดาวซัลโวของทีมชุดนี้ หลังยิง 34 ประตูจาก 93 นัด รวมถึงประตูจุดประกาย 2-3 ก่อนตีเสมอ เซอร์เบีย นัดก่อนด้วย

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 40 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคเมอรูน (4-3-3, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) เดวิส เอปาสซี่ – นูฮู โตโล่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา, ปิแอร์ คุนเด้, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า – แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์, บริยอง เอ็มเบโม่, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) เอแดร์ซอน โมราเอส – อเล็กซ์ เตลเลส, เบรเมอร์, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – บรูโน่ กิมาไรส์, เฟร็ด – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, โรดรีโก้ โกเอส, อันโตนี่ – กาเบรียล เชซุส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 6 ครั้ง บราซิล ชนะ 5 แพ้ 1
• บราซิล ยิงขาดในการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน ส่วนอุ่นเครื่องล่าสุดปี 2018 ที่อังกฤษ แซมบ้าเชือด 1-0 จากประตูโทนของ ริชาร์ลิซอน
• บราซิล ชนะรวดมา 9 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 7 นัด
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดกันแล้ว เป็นเสมอ 3 แพ้ 3
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู
• กาเบรียล เชซุส ยิงในทีมชาติ 19 ประตูจาก 58 นัด

 

ความน่าจะเป็น
แม้ บราซิล เตรียมปรับส่งสำรองลงยกแผง และเล่นอย่างไม่กดดันหลังเข้ารอบแล้ว แต่กลุ่มแข้งสำรองก็เป็นตัวดีๆ ฝีเท้าจัดจ้านทั้งสิ้น แถมทุกคนยังต้องเน้นโชว์ฟอร์มให้เข้าตาโค้ช ยิ่งโดยเฉพาะเกมนี้ แคเมอรูน ต้องพยายามบุกแลกเพื่อคว้าชัย ยิ่งจะทำให้เข้าทาง บราซิล ไปกันใหญ่ โอกาสน้อยมากที่จะเกิดผลพลิกล็อก

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ แคเมอรูน 3-3

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-1

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
ฟุตบอลโลก 2018 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-1

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดี ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก กระนั้นดูเหมือนแผนการที่ใช้ในเกมแรกจะไม่เวิร์ค แพ้ บราซิล 0-2 แบบน่าโดนยิงมากกว่านั้นเยอะ จากนั้นเกมสอง เหมือนจะแซงชนะ แคเมอรูน 3-1 อยู่แล้ว แต่กลับโดนลุยใส่จนสุดท้ายเสมอ 3-3

 

สองนัดมีแต้มเดียว จมบ๊วยกลุ่มจี ฉะนั้นทางเลือกเดียวคือต้องชนะนัดนี้เท่านั้น แล้วลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจดึงแต้มจาก บราซิล ได้

 

กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดัง ไม่มีปัญหาสภาพทีม เมื่อได้ทั้ง ฟิลิป คอสติช และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ฟิตกลับมาลงเล่นไปแล้ว โดยเฉพาะในรายหลัง ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ มี 1 ประตูแล้วด้วยในเกมเสมอ แคเมอรูน

 

ระบบยังยึด 3-4-2-1 แต่จะเน้นรุกบุกแลกมากหน่อย ดูซาน ทาดิช กับ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ปั้นเกมหลังหอกเป้า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม พร้อมกับเปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0 แต่ว่าจากนั้นต้าน บราซิล ไม่อยู่ แพ้ไป 0-1

 

สองนัดมี 3 แต้ม ทัพนาฬิกาจึงขอผลเสมอเกมนี้เป็นอย่างน้อย พร้อมกับลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจพลิกเอาชนะ บราซิล ได้

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดังเช่นกันนั้น มีแค่ต้องเช็กอาการของ โนอาห์ โอคาฟอร์ ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีปัญหาความฟิตจนหายหน้าไปจากเกมแพ้ บราซิล คาดว่าจะพร้อมกลับลงช่วยทีมได้ตามปกติ โดยจะยืนกลางรุกฝั่งขวา เล่นร่วมกับ ชิบริล โซว์ และ รูเบน วาร์กาส เพื่อสนับสนุนหน้าเป้า บรีล เอ็มโบโล่

 

ตัวความหวัง
เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่ถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 51 ประตูจากการเล่น 78 นัด

 

สวิตเซอร์แลนด์ : บรีล เอ็มโบโล่
พังประตูนำชัยให้ สวิตเซอร์แลนด์ เชือด แคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอน (ก่อนโอนสัญชาติ) 1-0 ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับบราซิลได้พอตัวทีเดียว ซึ่งแสดงถึงความอันตรายที่หอกร่างบึกวัย 25 มี โดยถึงตอนนี้กดให้ทีมชาติไปแล้ว 12 ลูกจากการเล่น 61 เกม ขณะที่ในสโมสร เอ็มโบโล่ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปเล่นกับ โมนาโก ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ และยิงไปแล้ว 8 ประตูด้วยกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เซอร์เบีย (3-4-2-1, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, ซาซ่า ลูคิช, เนมานย่า มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิช – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาครั้งเดียวถ้วนในฟุตบอลโลกครั้งก่อน มิโตรวิช ยิงนำ 1-0 ก่อน สวิตเซอร์แลนด์ แซงเข้าป้าย 2-1 จาก กรานิต ชาก้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่
• 4 ปีผ่านมาจากวันนั้น หลายนักเตะของทั้งสองทีม ยังคงอยู่เป็นตัวเลือก ทั้งตัวจริงและสำรอง
• 11 เกมหลังในทุกรายการของปีนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 6
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 51 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 78 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
คู่คี่สูสี คุณภาพของสองฝ่ายพอๆ กัน และอาจไม่ใช่เกมที่สนุกสนานตื่นเต้นนัก เมื่อ สวิตเซอร์แลนด์ เตรียมลงไปเล่นแบบเพลย์เซฟเต็มที่เพื่อดึง 1 แต้ม ปัญหาคือกองหลังสวิสส์จะรับมือกับ มิโตรวิช ได้ดีแค่ไหน ถ้าปักหลักได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็น่าจะเก็บผลเสมอได้ตามต้องการ

 

ผลที่คาด : เสมอ 0-0