ญี่ปุ่น vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ญี่ปุ่น vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : ญี่ปุ่น vs โครเอเชีย
จันทร์ 5 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 3 นัด
กิริน คัพ 1997 ญี่ปุ่น ชนะ 4-3
ฟุตบอลโลก 1998 โครเอเชีย ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2006 เสมอ 0-0

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ญี่ปุ่น
กิริน คัพ เสมอ เอกวาดอร์ 0-0
อุ่นเครื่อง แพ้ แคนาดา 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เยอรมนี 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ คอสตาริกา 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สเปน 2-1

โครเอเชีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 3-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ โมร็อกโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคนาดา 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เบลเยียม 0-0

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
ญี่ปุ่น : มหาเซอร์ไพรส์ประจำฟุตบอลโลก 2022 พลิกสยบ เยอรมนี 2-1 ตั้งแต่เกมแรก ต่อมาแม้จะเจอความพลิกล็อกเล่นงานเองบ้างด้วยการแพ้ คอสตาริกา 0-1 แต่ก็ยังมาพลิกยิงแซงชนะ สเปน ในเกมที่บังคับต้องชนะอีก 2-1 จนผงาดคว้าแชมป์กลุ่มอีอย่างงดงาม
โครเอเชีย : โชว์ความหลังเหนียวด้วยการไม่เสียประตูทั้งเกมกับ โมร็อกโก และ เบลเยียม โดยเฉพาะนัดหลังที่เป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบหรือตกรอบ ก็ไม่พลาดท่าเสียที แม้ส่วนหนึ่งอาจต้องชี้ว่า เบลเยียม ไม่คมเองด้วยก็ตาม จน โครเอเชีย เข้ารอบมาด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอฟ

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ญี่ปุ่น
ทัพซามูไรสีน้ำเงินผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน และสร้างผลงานโลกตะลึงเอาไว้ตั้งแต่เกมแรก ด้วยการยิงแซงชนะทีมระดับโลกอย่าง เยอรมนี เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย 2-1

 

จากนั้นเกมถัดมา แม้จะบุกใส่แทบพับสนาม แต่กลับพลิกแพ้ คอสตาริกา 0-1 ส่งผลให้บังคับชนะ สเปน เพื่อเข้ารอบ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้จริงๆ แซงชนะ 2-1 จนผงาดยึดแชมป์กลุ่มทันที

 

ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอาไว้ตั้งแต่แรก และขอชนะอีกนัดก็จะไปได้ถึงที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ก็ไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมแต่อย่างใด

 

สภาพทีมของ โมริยาสุ เกมนี้ มีปัญหาที่ โค อิตาคุระ เซนเตอร์แบ็กตัวจริง ติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ ทำให้ต้องปรับส่งตัวเลือกอื่นลงแทน

 

ยังเชื่อว่า โมริยาสุ จะปรับระบบไปด้วยเลย ใช้เป็น 3-4-3 เน้นเกมรับเหนียวแน่นไว้ก่อน อัด 3 เซนเตอร์ลงไปอย่าง มายะ โยชิดะ, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ และ โชโง ทานิงูจิ ขณะที่เกมรุกให้ ไดอิจิ คามาดะ กับ ทาเคฟุสะ คุโบะ คอยช่วยงานหอกเป้า ไดเซน มาเอดะ

 

โครเอเชีย
ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0

 

เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง ถัดจากหนก่อนที่ไปไกลถึงรองแชมป์โลกทีเดียว

 

ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาสภาพทีม สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ เมื่อ อีวาน เปริซิช จอมเก๋าจากสเปอร์ส ฟิตพร้อมลงสนามได้ตามปกติ

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ มาร์โก ลิวาย่า

 

ตัวความหวัง
ญี่ปุ่น : ริตสึ โดอัน
ไม่ธรรมดา…ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ กับฟอร์มของ ริตสึ โดอัน มิดฟิลด์ตัวโจ๊กเกอร์วัย 24 จาก ไฟรบวร์ก ที่ลงสำรองไปพังประตูใส่ทั้ง เยอรมนี และ สเปน ได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจบสกอร์และการหาตำแหน่งชั้นยอด โดยสองเม็ดล่าสุดทำให้ โดอัน สะสมสกอร์ในนามทีมชาติไปแล้ว 5 ลูกจาก 32 เกม ขณะที่ในสโมสร ก็ยิงให้ ไฟรบวร์ก ไปแล้ว 4 ประตูจาก 22 นัดซีซั่นนี้

 

โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่โหดดุครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
ญี่ปุ่น (3-4-3, กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ) ชูอิจิ กอนดะ – มายะ โยชิดะ, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, โชโง ทานิงูจิ – ยูโตะ นางาโตโมะ, วาตารุ เอ็นโดะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ, จุนยะ อิโตะ – ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ, ไดเซน มาเอดะ
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, มาร์โก ลิวาย่า

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 3 ครั้ง เป็นอุ่นเครื่อง 1 และฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2
• บอลโลก 1998 พบกันในรอบแรก โครเอเชีย เบียด 1-0 ดาวอร์ ซูเคอร์ ซัดโทน
• บอลโลก 2006 เจอรอบแรกเช่นกัน คราวนี้ไข่ไม่แตก เสมอ 0-0
• ญี่ปุ่น เข้ารอบ 16 ทีมสลับกับตกรอบแรกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1998 แต่ไม่เคยไปไกลกว่านี้
• ทาคุมิ มินามิโนะ เป็นดาวซัลโวของญี่ปุ่นในชุดนี้ ด้วยการยิงไปแล้ว 17 ประตู ส่วน ทาคุมะ อาซาโนะ 8 ลูก, ไดเซน มาเดะ 1, ทาเคฟุสะ คุโบะ 1, อายาเสะ อุเอดะ 0
• อีวาน เปริซิช กดแล้ว 32 ประตูในทีมชาติ ส่วน ลูก้า โมดริช 23 และ อันเดรจ์ ครามาริช 22

 

ความน่าจะเป็น
ไม่อาจมองข้ามได้แล้วสำหรับ ญี่ปุ่น ที่ชนะ 2 ทีมหัวแถวยุโรปมาได้ทั้ง เยอรมนี และ สเปน และพวกเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้นแล้วด้วย แค่ต้องเล่นอย่างมีวินัย รัดกุม และใช้โอกาสไม่เปลือง ซึ่งการเจอ โครเอเชีย ที่เกมรุกไม่ได้ดุดัน แต่มีดีตรงแดนกลางนั้นทำให้เกมอาจออกรูปอึดอัด จนมีโอกาสสูงที่จะยืดเยื้อถึงต่อเวลา ถึงตอนนั้นก็ต้องพึ่งโชคดวงกันแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายได้ไปต่อ

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

48 แมตช์ของรอบแรกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ผ่านพ้นไปด้วยดี (และไม่ดีสำหรับบางทีม!) มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น จนเป็นสถิติตัวเลขสำคัญหลากหลาย ที่ได้ถูกจารึกไว้ทั้งกับ เวิลด์ คัพ หนนี้ และ เวิลด์ คัพ หนหน้า–ตลอดชั่วกาลนาน

 

สถิติน่าสนใจเมื่อสิ้นสุดรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022• ดาวซัลโว
3 ประตู : เอนเนร์ วาเลนเซีย (เอกวาดอร์), มาร์คัส แรชฟอร์ด (อังกฤษ), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส), โคดี้ กัคโป (เนเธอร์แลนด์), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน)
2 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า), ริชาร์ลิซอน (บราซิล), แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ (แคเมอรูน), อันเดรจ์ ครามาริช (โครเอเชีย), บูกาโย่ ซาก้า (อังกฤษ), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส), นิคลาส ฟุลล์ครุก (เยอรมนี), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี), โมฮัมเหม็ด คูดุส (กาน่า), เมห์ดี้ ทาเรมี่ (อิหร่าน), ริตสึ โดอัน (ญี่ปุ่น), บรูโน่ แฟร์นันเดส (โปรตุเกส), ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี (ซาอุดีอาระเบีย), อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (เซอร์เบีย), โช กิว-ซุง (เกาหลีใต้), เฟร์ราน ตอร์เรส (สเปน), บรีล เอ็มโบโล่ (เบลเยียม), จอร์เจี้ยน เด อาร์รัสกาเอต้า (อุุรุกวัย)

 

• ทำเข้าประตูตัวเอง
มานูเอล นอยเออร์ (เยอรมนี, นัดพบ คอสตาริกา), นายีฟ อาแกร์ด (โมร็อกโก, นัดพบ แคนาดา)

 

 

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022• ดาวแอสซิสต์
3 ครั้ง : แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)
2 ครั้ง : อีวาน เปริซิช (โครเอเชีย), เตโอ เอร์นันเดซ (ฝรั่งเศส), ดาวี่ คลาสเซ่น (เนเธอร์แลนด์), บรูโน่ แฟร์นันเดส (โปรตุเกส), ดูซาน ทาดิช (เซอร์เบีย), อันดริย่า ซิฟโควิช (เซอร์เบีย), จอร์ดี้ อัลบา (สเปน)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์
2 นัด : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส, นัดพบ ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก), ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย, นัดพบ โมร็อกโก และ เบลเยียม), คริสเตียน พูลิซิช (สหรัฐอเมริกา, นัดพบ อังกฤษ และ อิหร่าน)

 

• คลีนชีต (ผู้รักษาประตู)
2 นัด : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (บราซิล), ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เบลเยียม), อายเมน ดาห์เมน (ตูนิเซีย), โดมินิก ลิวาโควิช (โครเอเชีย), เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า), อันดรีส น็อพเพิร์ต (เนเธอร์แลนด์), จอร์แดน พิคฟอร์ด (อังกฤษ), เซร์คิโอ โรเช่ต์ (อุรุกวัย), แม็ต ไรอัน (ออสเตรเลีย), วอยเชียค เชสนี่ (โปแลนด์), แม็ตต์ เทอร์เนอร์ (สหรัฐอเมริกา)

 

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022ประตูแรกสุด ของฟุตบอลโลก 2022 เป็นผลงานของ เอนเนร์ วาเลนเซีย กองหน้าเอกวาดอร์ ที่ยิงจุดโทษเข้าไปได้ตั้งแต่นาทีที่ 16 ของเกมนัดเปิดสนาม 20 พ.ย. ที่ชนะเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0

 

ไม่มีทีมใดเลยทั้งสิ้น ที่สามารถเอาชนะได้ทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม หรือกวาด 9 คะแนนเต็ม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา

 

• ตลอด 48 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม มีประตูเกิดขึ้นทั้งสิ้น 120 ลูก เฉลี่ยแล้วมีการยิงกันนัดละ 2.5 ประตู

 

• กระนั้น ก็มีเกมที่ออกหน้า 0-0 เกิดขึ้น 6 แมตช์ด้วยกัน
– อังกฤษ 0-0 สหรัฐอเมริกา
– เม็กซิโก 0-0 โปแลนด์
– เดนมาร์ก 0-0 ตูนิเซีย
– โมร็อกโก 0-0 โครเอเชีย
– โครเอเชีย 0-0 เบลเยียม
– อุรุกวัย 0-0 เกาหลีใต้

 

• กลุ่มอี แลกหมัดกันหน้าตาปูดบวม ยิงกันรวม 22 ประตูจาก 6 แมตช์ หรือเฉลี่ยนัดละ 3.6 ลูก โดยมีเกมที่ “สูงปรี๊ด” อย่าง
เยอรมนี 1-2 ญี่ปุ่น
สเปน 7-0 คอสตาริกา
ญี่ปุ่น 2-1 สเปน
คอสตาริกา 2-4 เยอรมนี

 

• นั่นยังส่งผลให้ สเปน เป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุดในรอบแรก คือ 9 ประตู เช่นเดียวกับ อังกฤษ ยิง 9 ลูก

 

• ทีมที่ยิงได้น้อยที่สุดคือ กาตาร์, เวลส์, ตูนิเซีย, เดนมาร์ก และ เบลเยียม ยิงได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น

 

• โดนยิงมากที่สุดคือ คอสตาริกา ตาข่ายพรุนไป 11 ลูก ขณะที่ บราซิล, โครเอเชีย, โมร็อกโก, ตูนิเซีย โดนยิงน้อยสุดทีมละ 1 ประตูถ้วน

 

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022 โคดี้ กัคโป ของเนเธอร์แลนด์ กับ อัลบาโร่ โมราต้า ของสเปน เป็นเพียง 2 คนที่สามารถยิงประตูได้ทุกนัดของรอบแบ่งกลุ่ม นัดละลูก

 

• ไม่มีการทำแฮตทริกเกิดขึ้นเลย ขณะที่มีการยิงเบิ้ลสองเม็ดจากนักเตะ 14 คน

 

• มีการเป่าจุดโทษเกิดขึ้น 14 ครั้ง แต่ยิงเข้าแค่ 9 ครั้งเท่านั้น เฉลี่ยยิงเข้าแค่ 64.29%

 

อัลฟอนโซ่ เดวิส ของแคนาดา ทำประตูที่เร็วที่สุด (ในรอบแรก) เกมแพ้ โครเอเชีย 1-4 ในนาทีที่ 2 หรือเพียง 67 วินาทีหลังเป่าเริ่มเกม

 

• ประตูที่ช้าที่สุดเป็นของ เมห์ดี้ ทาเรมี่ กองหน้าอิหร่าน ที่ยิงตีตื้น อังกฤษ 2-6 ในช่วงทดเจ็บ 90+13

 

 

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022• มีใบแดงเกิดขึ้นแค่ 3 ใบ โดยเป็นของนักเตะ 2 คนคือ เวย์น เฮนเนสซี่ นายประตูเวลส์ กับ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ กองหน้าแคเมอรูน ส่วนอีกใบเป็นของ เปาโล เบนโต้ กุนซือเกาหลีใต้

 

กาตาร์ กับ ซาอุฯ ใช้นักเตะที่ค้าแข้งในประเทศทั้งหมด ตรงกันข้าม เซเนกัล ไม่มีนักเตะที่เล่นในประเทศอยู่เลยสักคน

 

• 29 จาก 32 ชาติ มีนักเตะ พรีเมียร์ลีก อยู่ในทีมอย่างน้อย 1 ราย และนักเตะที่สังกัดทีมในอังกฤษ ก็มีจำนวนเยอะที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ (164 คน ทั้งพรีเมียร์ลีกและลีกรอง)

 

กาตาร์ เป็นเจ้าภาพทีมแรกที่แพ้ในนัดเปิดสนาม และเป็นเจ้าภาพที่กระเด็นตกรอบเร็วที่สุด หลังจากแพ้รวด 2 เกมแรก (0-2 เอกวาดอร์, 1-3 เซเนกัล)

 

กาตาร์, แคนาดา, เดนมาร์ก, เซอร์เบีย, เวลส์ ไม่ชนะใครทั้งสิ้นใน 3 นัดรอบแรก (และตกรอบแรกทั้งหมด) ตรงกันข้ามกับ อังกฤษ, โครเอเชีย, โมร็อกโก และ เนเธอร์แลนด์ ที่แพ้ไม่เป็น

ญี่ปุ่น แซงชนะ สเปน 2-1 ด้วยการครองบอลเพียง 17.7% เป็นสถิติทีมชนะที่ครองบอลน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ทำลายสถิติเดิมที่ เกาหลีใต้ ครองบอล 26% เอาชนะ เยอรมนี 2-0 บอลโลกหนก่อนที่รัสเซีย

 

• เกมที่ อาร์เจนติน่า ชนะ เม็กซิโก 2-0 ที่ ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม เป็นเกมที่มีผู้ชมมากที่สุดถึง 88,966 คน มากที่สุดนับตั้งแต่เกม บราซิล-อิตาลี (91,194 คน) ฟุตบอลโลก 1994 ส่วนเกมผู้ชมน้อยสุดคือ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ แคเมอรูน 1-0 ที่ อัล จานู้บ สเตเดี้ยม 39,089 คน

 

อินยากี้ วิลเลี่ยมส์ หัวหอกกาน่า กับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ปีกทีมชาติสเปน เป็นคู่พี่น้องท้องเดียวกันคู่แรกที่ได้ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งเดียวกัน แต่รับใช้ทีมชาติคนละทีม โดยทั้งคู่มีพ่อแม่เป็นชาวกานา ก่อนจะอพยพและมาให้กำเนิดทายาททั้ง 2 คนที่สเปน

 

• นับป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทีมซึ่งมาจากโซนเอเชีย ตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์พร้อมกันได้ถึง 3 ทีม คือ ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และ เกาหลีใต้

 

บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022• จากประตูที่ยิงได้ในเกมพบ กาน่า ทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้ถึง 5 สมัย แซงหน้า อูเว่ เซเลอร์, เปเล่, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทำไว้ 4 สมัย

 

• 2006 หนึ่งลูก, 2010 หนึ่งลูก, 2014 หนึ่งลูก, 2018 สี่ลูก และ 2022 (อย่างน้อย) หนึ่งลูก เท่ากับ โรนัลโด้ ยิงไป 8 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 5 สมัย

 

ลิโอเนล เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ทำแอสซิสต์ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้ 5 สมัย หลังจากผ่านบอลให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ยิงประตูในเกมชนะ เม็กซิโก 2-0

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำสถิติเป็นนักเตะอายุมากสุดที่ยิงได้ในบอลโลกรอบสุดท้าย ด้วยวัย 37 ปี 292 วัน ในเกมชนะ กาน่า 3-2 (แต่จะพังสถิติตัวเองถ้ามียิงเพิ่มในรอบน็อกเอาต์)

 

กาบี กองกลางทีมชาติสเปน ยิง 1 ลูกในเกมถล่ม คอสตาริกา 7-0 ทำให้เขาขึ้นแท่นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก ด้วยวัย 18 ปี 109 วัน เป็นรองเพียง เปเล่ (บราซิล) 17 ปี 249 วัน กับ มานูเอล โรซาส (เม็กซิโก) 18 ปี 93 วัน

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส), ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า), อันเดรส กวาร์ดราโด้ (เม็กซิโก) ลงเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ของตัวเอง เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ โลธ่าร์ มัทเธอุส (เยอรมนี) และ ราฟาเอล มาร์เกซ กับ อันโตนิโอ การ์บาฮัล (เม็กซิโกทั้งคู่)

 

• ยังมีนักเตะอีก 14 คนที่ลงเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 4 ของตัวเอง ประกอบด้วย อังเคล ดิ มาเรีย, ลูก้า โมดริช, อูโก้ โยริส, โธมัส มุลเลอร์, มานูเอล นอยเออร์, ยูโตะ นางาโตโมะ, เอ็กตอร์ โมเรโน่, เปเป้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เซอร์ดาน ชากิรี่, มาร์ติน กาเซเรส, ดีเอโก้ โกดิน, หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี่

 

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
Twitter
Football365
Gol.hr – Dnevnik
Malay Mail
Goal
CTV News
Sky Sports
Stuff.co.nz

เรื่องน่าอ่าน
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ผ่านวันผ่านคืนแบบที่นาฬิกาหมุนเร็วเป็นพิเศษ จนรอบแรกแห่งฟุตบอลโลก 2022 ที่รอคอย ผ่านไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ไปย้อนดูกันสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

20 พฤศจิกายน 2022 หลังจากเสียงนกหวีดแรกแห่ง เวิลด์ คัพ 2022 ดังขึ้น ใครจะเชื่อว่าเจ้าภาพ กาตาร์ จะจัดความ “น่าเหลือเชื่อ” มาเสิร์ฟกันตั้งแต่แรก — ไม่ใช่ในแง่ดี แต่เป็นแง่ลบล้วนๆ

 

ไม่ต้องพูดถึงการจัดการส่วนอื่นๆ ของเจ้าภาพที่ก็ล้วนแต่มีเสียงตำหนิ จำกัดลงมาในแง่ของฟุตบอล ทีมของ เฟลิกซ์ ซานเชซ ได้ผลออกมาแบบที่ต้องถอนใจดังๆ และผิดหวังแทนแฟนเจ้าภาพ

 

กระนั้น กับตัวแทนเอเชียรายอื่น ทั้ง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ ไปจนถึง ออสเตรเลีย ก็สร้างความน่าเหลือเชื่อไว้เช่นกัน และเป็นไปในทางที่ดีงามด้วย

 

ส่วนก้าวเดินของบรรดายักษ์ใหญ่ตัวเก็งเต็งแชมป์ทั้งหลายแหล่ ไปจนถึงม้ามืดที่ถูกจับตามอง ก็ล้วนแต่เป็นส่วนประกอบสำคัญของทัวร์นาเมนต์

 

บันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำล้ำค่า กับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022…

 

บทสรุปรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มเอ – กังหันลอยลำ ตามด้วยเซเนกัล
1. เนเธอร์แลนด์ คะแนน 7 ผลต่างประตู +4
2. เซเนกัล คะแนน 6 ผลต่างประตู +1
3. เอกวาดอร์ คะแนน 4 ผลต่างประตู +1
4. กาตาร์ คะแนน 0 ผลต่างประตู -6

 

เนเธอร์แลนด์ : เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเออย่างไม่ลำบาก ด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โคดี้ กัคโป ดาวรุ่งจากพีเอสวี แจ้งเกิดเต็มตัวด้วยการซัดนัดละเม็ด ครบทั้งสามเกม ยิงได้ 5 เสียแค่ประตูเดียว สำคัญคือ ตั้งแต่ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาทำทีมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจบยูโร 2020 นั้น ฟาน กัล ก็ยังไม่ได้พาทีมกังหันแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 18 นัด ชนะ 13 เสมอ 5

 

เซเนกัล : เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม ชนะ กาตาร์ 3-1 และ เอกวาดอร์ 2-1 จนเข้ารอบเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

เอกวาดอร์ : เปิดฉากอย่างเร้าใจสร้างเซอร์ไพรส์ให้หลายฝ่าย กับการชนะเจ้าภาพ กาตาร์ แล้วมายันเสมอ เนเธอร์แลนด์ จนเกมสุดท้ายขอแค่ไม่แพ้ก็ลอยลำ แต่สุดท้ายโดนทีเด็ดจาก คาลิดู คูลิบาลี่ และชาวคณะ จนตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

 

กาตาร์ : น่าผิดหวังอย่างรุนแรงกับผลงานที่ปรากฏกับบอลโลกในบ้าน เมื่อทั้งที่ซุ่มเก็บตัวเตรียมทีมอยู่เป็นปีๆ แถมมีดีกรีแชมป์ เอเชียน คัพ 2019 แต่ดันออกอาการสั่นไหว ตื่นเกร็งตั้งแต่เกมแรก จนแพ้ เอกวาดอร์ 0-2 และต่อมาก็ทำดีที่สุดแค่ยิง 1 ประตู โมฮัมเหม็ด มุนตารี่ ยิงตีไข่แตก เซเนกัล นัดแพ้ 1-3

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มบี – สิงโตไม่มีพลาด
1. อังกฤษ คะแนน 7 ผลต่างประตู +7
2. สหรัฐอเมริกา คะแนน 5 ผลต่างประตู +1
3. อิหร่าน คะแนน 3 ผลต่างประตู -3
4. เวลส์ คะแนน 1 ผลต่างประตู -5

 

อังกฤษ : เริ่มต้นได้อย่างสุดยอด รัว อิหร่าน ครึ่งโหล แต่ต่อมาก็เครื่องสะดุดไปดื้อๆ เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 เพียงแต่ว่าก็ฟื้นฟอร์มร้อนได้ทันเวลากะซวกเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม โดยที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นดาวเด่น กดไป 3 ประตู ทั้งนี้ เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ถอนตัวจากบอลโลกไปด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่เป็นที่เปิดเผย

 

สหรัฐอเมริกา : ไม่ได้ถูกจับตามองนักว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้ โดยเฉพาะ 2 เกมแรกแม้ไม่แพ้ แต่ก็เสมอทั้ง เวลส์ และ อังกฤษ กระนั้นนัดสุดท้ายก็เฉือนชัย อิหร่าน 1-0 คริสเตียน พูลิซิช สังหารเม็ดโทนส่งพญาอินทรีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

อิหร่าน : มีเกมที่เป็นประเด็นทุกนัด ตั้งแต่เปิดหัวโดน อังกฤษ อัดครึ่งโหล, นัดต่อมายิง เวลส์ 2-0 ตอนทดเจ็บ +8 กับ +11 ตามด้วยนัดสาม เล่น “เกมการเมือง” กับ สหรัฐอเมริกา แต่ต้านไม่อยู่ จนตกรอบแรก เป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม

 

เวลส์ : ทันทีที่ แกเร็ธ เบล สาวเท้าเข้าสังหารจุดโทษใส่ สหรัฐอเมริกา ช่วยให้ทีมมังกรแดงไล่ตีเสมอ 1-1 ท้ายเกม เขาและแฟนๆ เวลส์ก็คงไม่รู้ว่า นั่นคือการได้เฮหนแรกและหนเดียวตลอดรายการ เมื่อหลังจากนั้นแพ้ อิหร่าน และแพ้ อังกฤษ แบบโดนยิงรวม 5 ลูก เอาคืนไม่ได้เลยสักเม็ด

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มซี – ฟ้าขาวมาทันเวลา จังโก้ใจสลาย
1. อาร์เจนติน่า คะแนน 6 ผลต่างประตู +3
2. โปแลนด์ คะแนน 4 ผลต่างประตู 0
3. เม็กซิโก คะแนน 4 ผลต่างประตู -1
4. ซาอุดีอาระเบีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -2

 

อาร์เจนติน่า : เต็งแชมป์เบอร์ต้นที่มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 เริ่มต้นด้วยความพลิกล็อกช็อกโลก ลิโอเนล เมสซี่ ยิงจุดโทษนำก่อนแต่แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ทว่าหลังจากนั้นก็ฮึดขึ้น ปราบ เม็กซิโก 2-0 เช่นเดียวกับ โปแลนด์ สกอร์เดียวกัน จนยึดแชมป์กลุ่มได้ในที่สุด

 

โปแลนด์ : นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์โปแลนด์ ตอนจบเกมสุดท้ายรอบแรกที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮงๆ ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

เม็กซิโก : หนึ่งคือหนืดเนือยไร้คมเอง สองคือก็โชคไม่เข้าข้าง เมื่อทั้งที่ยิง ซาอุฯ 2-0 ซึ่งเพียงพอต่อการเข้ารอบแล้วในเกมปิดกลุ่ม แต่สุดท้ายมาโดนตีไข่แตก 90+5 ทำให้ประตูได้เสียเป็นรอง โปแลนด์ ในพริบตา และตกรอบแรกเข้าจนได้จากที่เข้ารอบ 16 ทีมบอลโลกมา 8 ครั้งรวด

 

ซาอุฯ : เอาชนะ อาร์เจนติน่า แบบไม่น่าเชื่อ 2-1 แบบที่ทีมฟ้าขาวยิงเข้า 4 ครั้งได้มาลูกเดียว นอกนั้นล้ำหน้าหมด แต่ถัดมายุทธวิธีกับดักล้ำหน้าก็ใช้ไม่ได้แล้ว แพ้ 2 เกมรวดจนตกรอบด้วยการเป็นบ๊วย แถมสร้างความเจ็บแสบให้ เม็กซิโก อีกต่างหาก

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มดี – ตราไก่ใสแจ๋ว โคนมดิ้นพราด
1. ฝรั่งเศส คะแนน 6 ผลต่างประตู +3
2. ออสเตรเลีย คะแนน 6 ผลต่างประตู -1
3. ตูนิเซีย คะแนน 4 ผลต่างประตู 0
4. เดนมาร์ก คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

ฝรั่งเศส : เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์อย่างหวาดเสียวด้วยอาถรรพ์แชมป์เก่าและปัญหาบาดเจ็บของขุมกำลัง เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ทยอยกันถอนตัวออกไป ไม่นับรวมที่เดี้ยงจนไม่ได้มาอยู่ก่อนแล้วอีก 4-5 คน ทว่าทีมตราไก่ก็ลบคำสบประมาททุกอย่างลงได้อย่างสวยงาม ชนะ ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เป็นทีมแรกสุด สุดท้ายแม้แพ้ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็เป็นทีมสำรอง แถมไม่ส่งผลกับการเป็นแชมป์กลุ่มด้วย

 

ออสเตรเลีย : โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 ด้วยประตูโทนของ แม็ทธิว เลคกี้ จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่ม

 

ตูนิเซีย : กลายเป็นทีมจอมเหนียวแน่นในทัวร์นาเมนต์นี้อย่างเซอร์ไพรส์ สามนัดเสียแค่ประตูเดียว แต่เวลาเดียวกันก็ยิงได้แค่ลูกเดียวถ้วน จนเข้าป้ายที่อันดับ 3 กลับบ้านค่ะพี่

 

เดนมาร์ก : หนึ่งในทีมที่น่าผิดหวังที่สุดของฟุตบอลโลก 2022 เมื่อทั้งที่เข้าถึงตัดเชือกยูโร ทั้งผลงานรอบคัดเลือกดีมาก ขั้นว่าเข้ารอบสุดท้ายเป็นทีมที่ 3 ของโลก และทั้งที่บางกูรูยกว่ามีสิทธิ์ถึงแชมป์โลก แต่กลับเกิดความสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกที่กาตาร์ ระบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และไม่ลงตัวสักอัน จนชนะใครไม่ได้เลย เสมอตูนิเซีย 0-0, แพ้ฝรั่งเศส 1-2 และแพ้ออสเตรเลีย 0-1 ตกรอบด้วยการเป็นบ๊วย

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มอี – ซามูไรไงล่ะเพื่อน!
1. ญี่ปุ่น คะแนน 6 ผลต่างประตู +1
2. สเปน คะแนน 4 ผลต่างประตู +6
3. เยอรมนี คะแนน 4 ผลต่างประตู +1
4. คอสตาริกา คะแนน 3 ผลต่างประตู -8

 

ญี่ปุ่น : เซอร์ไพรส์แพ็คเกจประจำเวิลด์คัพ 2022 ที่การประกาศของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ว่าเป้าหมายของเขาคือการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ถูกหัวเราะเยาะใส่ แต่เมื่อเกมจริงมาถึง ญี่ปุ่น ก็พลิกสยบ เยอรมนี 2-1 ตั้งแต่เกมแรก ต่อมาแม้จะเจอความพลิกล็อกเล่นงานเองบ้างด้วยการแพ้ คอสตาริกา 0-1 แต่ก็ยังมาพลิกยิงแซงชนะ สเปน ในเกมที่บังคับต้องชนะอีก 2-1 จนผงาดคว้าแชมป์กลุ่มอย่างหล่อ

 

สเปน : มาดีเกินคาดอีกเหมือนกัน เริ่มต้นด้วยการขยำขยี้ คอสตาริกา 7-0 จากนั้นก็หวิดชนะ เยอรมนี แต่โดนทวงท้ายเกม 1-1 แต่ปรากฏว่านัดสุดท้าย เล่นแบบเอื่อยๆ จนโดน ญี่ปุ่น แซงเชือด 2-1 ท่ามกลางครหาว่าอันที่จริง พวกเขาตั้งใจแพ้เพื่อขวางไม่ให้ เยอรมนี หลุดเข้าไปเป็นเสี้ยนหนาม แถมตัวเองยังจะเลี่ยงทีมแข็งอย่าง โครเอเชีย หรือ บราซิล ในรอบถัดๆ ไปได้ด้วย

 

เยอรมนี : เล็งถึงแชมป์โลกสมัย 5 ฐานที่เข้ารอบสุดท้ายมาเป็นทีมแรกสุด (ถัดจากเจ้าภาพ) แต่ปรากฏว่าอินทรีเหล็กเก๊กซิมตั้งแต่นัดแรก แพ้ ญี่ปุ่น 1-2 และก็ทำได้เต็มที่แค่ตามทวง สเปน 1-1 สุดท้ายแม้จะชนะ คอสตาริกา ได้ตามมาตรฐาน แต่ก็ไม่เพียงพอเมื่อ ญี่ปุ่น ยังสร้างปาฏิหาริย์ซ้ำสองได้อยู่

 

คอสตาริกา : ถูกกาชื่อทิ้งเมื่อจบเกมแรกที่โดน สเปน ยิง 7 เม็ด แต่ก็แก้ตัวได้อย่างสวยงามในนัดต่อมาที่ชนะ ญี่ปุ่น 1-0 และที่จริงจะเข้ารอบได้ด้วยถ้าตรึงสกอร์นำหน้า เยอรมนี 2-1 เอาไว้จนจบเกม แต่สุดท้ายก็ต้านไม่ไหว พ่าย 2-4 จนตกรอบแรกไปด้วยกัน

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มเอฟ – ม้ามืดตัวจริงที่ชื่อ…
1. โมร็อกโก คะแนน 7 ผลต่างประตู +3
2. โครเอเชีย คะแนน 5 ผลต่างประตู +3
3. เบลเยียม คะแนน 4 ผลต่างประตู -1
4. แคนาดา คะแนน 0 ผลต่างประตู -5

 

โมร็อกโก : ม้ามืดตัวจริงของฟุตบอลโลก 2022 เริ่มต้นด้วยการยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ปราบ เบลเยียม 2-0 และฟาดอีกสามแต้มด้วยการสยบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม แบบที่ยิง 4 เสียแค่ 1 ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขามีดีทั้งรุกและรับ

 

โครเอเชีย : โชว์ความหลังเหนียวด้วยการไม่เสียประตูทั้งเกมกับ โมร็อกโก และ เบลเยียม โดยเฉพาะนัดหลังที่เป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบหรือตกรอบ ก็ไม่พลาดท่าเสียที แม้โดยรวมอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนครั้งก่อนที่ไปไกลถึงรองแชมป์โลก แต่ก็อย่าประมาทเชียวล่ะ

 

เบลเยียม : อีกหนึ่งยักษ์ล้มของฟุตบอลโลกงวดนี้ ทั้งที่เริ่มต้นด้วยชัยชนะเหนือ แคนาดา 1-0 แต่หลังจากนั้นกลับพลิกพ่าย โมร็อกโก ตามด้วยเสมอ โครเอเชีย แบบยิงไม่ได้ โรเมลู ลูกากู โดนถล่มหนักจากฟอร์มสุดทื่อในเกมสุดท้ายที่พลาดโอกาสทองไป 3-4 หน ขณะที่ก็มีการตั้งข้อสังเกตถึงความแตกร้าวภายในแคมป์ โดยเฉพาะเมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ ไปหลุดปากให้สัมภาษณ์ว่า เบลเยียมชุดนี้แก่เกินไป ยังไงไม่ถึงแชมป์โลก

 

แคนาดา : คืนสู่ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกถัดจากปี 1986 ซึ่งก็พอเข้าใจได้ถึงการที่บทสรุปจะออกแบบนี้ – รั้งบ๊วยด้วยการแพ้ 3 เกมรวด เนื่องด้วยขุมกำลังของพวกเขาไม่มีนักเตะคุณภาพอยู่เลย ยกเว้น อัลฟอนโซ่ เดวิส คนเดียวที่ก็แบกไม่ไหว แต่ก็เป็นการชิมลางที่ดีก่อนได้เป็นเจ้าภาพร่วม (กับสหรัฐฯ และเม็กซิโก) ในอีก 4 ปีข้างหน้า

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มจี – แซมบ้ามาตามนัด เซิร์บผิดฟอร์ม
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +2
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 6 ผลต่างประตู +1
3. แคเมอรูน คะแนน 4 ผลต่างประตู 0
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -3

 

บราซิล : เป็นอีกทีมที่โดนปัญหาบาดเจ็บตามเล่นงาน เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ เจ็บจากเกมแรกจนต้องพักตลอดรอบแรก กาเบรียล เชซุส กับ อเล็กซ์ เตลเลส ก็เจ็บจากเกมสามจนต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ แต่ภาพรวมก็ยังถือว่ายอดเยี่ยม เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองก็ฮึดเชือด สวิสส์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ เสียแค่นัดสามที่ปรับส่งสำรองลง แล้วเจาะ แคเมอรูน ไม่เข้าก่อนโดนสวนถึงปลายคาง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแชมป์กลุ่มได้ตามเป้า

 

สวิตเซอร์แลนด์ : แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แข็งแกร่งทั้งในเกมชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 ด้วยทีมที่มี 11 คนแรกค่อนข้างตายตัว และตัวความหวังสูงสุดอย่าง บรีล เอ็มโบโล่ ก็เข้าฝักดี กดไปแล้ว 2 ตุง

 

แคเมอรูน : โชคไม่ดีนักที่ชัยชนะสุดพลิกล็อกเหนือ บราซิล 1-0 แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ โขกประตูโทน มาช้าเกินไปหน่อย หลังจากแพ้ สวิสส์ 0-1 ไปแล้ว และเสมอ เซอร์เบีย 3-3 ในนัดถัดมา ทำให้สี่แต้มที่มีในมือยังไม่มากพอต่อการได้ไปต่อ

 

เซอร์เบีย : น่าผิดหวังมากอีกทีม เมื่อทั้งที่มาด้วยฟอร์มชั้นยอดในรอบคัดเลือก แต่เมื่อถึงรอบสุดท้ายแล้วก็กลับไปไม่เป็น ดราแกน สตอยโควิช เหมือนจะวางแผนผิดในเกมแพ้ บราซิล 0-2 ต่อมาก็ทำพลาดปล่อยสกอร์นำ แคเมอรูน 3-1 ให้จบที่ 3-3 ก่อนสุดท้ายโดน สวิสส์ ยิงอีกสามเม็ด เท่ากับสามเกมโดนจ้วงยับ 8 ประตู

 

 

บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

กลุ่มเอช – ฝอยทองจองตั๋ว โสมขาวมาเฉย
1. โปรตุเกส คะแนน 6 ผลต่างประตู +2
2. เกาหลีใต้ คะแนน 4 ผลต่างประตู 0 (ยิงได้ 4)
3. อุรุกวัย คะแนน 4 ผลต่างประตู 0 (ยิงได้ 2)
4. กาน่า คะแนน 3 ผลต่างประตู -2

 

โปรตุเกส : ทำให้เห็นว่านี่ก็ไม่ได้เป็นกลุ่มแห่งความตายอะไรนักหนา ด้วยการชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ไม่ได้เล่นดีมากแต่ก็มีประตูทำสถิติจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน จนเกมสุดท้ายแม้จะหลุดแพ้ เกาหลีใต้ แต่ก็ไม่ได้สั่นคลอนตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

เกาหลีใต้ : สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่าเมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว (0-0 อุรุกวัย, 2-3 กาน่า) จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงไม่พอ

 

อุรุกวัย : ถูกมองว่าจะไปได้ไกลจากการมีขุมกำลังน่าจับตาตั้งแต่หลังสุดไปหน้าสุด แต่เอาเข้าจริงก็ถือเป็นทีมน่าผิดหวังอีกรายประจำทัวร์นาเมนต์ สองเกมแรกยิงใครไม่ได้ เสมอ เกาหลีใต้ 0-0 และแพ้ โปรตุเกส 0-2 ครั้นเร่งเครื่องขึ้นก็ไปไม่สุด นำ กาน่า 2-0 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้วผ่อนเกม จนยิงเพิ่มไม่สำเร็จ สุดท้ายตกรอบอย่างสุดช็อกด้วยการที่มีจำนวนประตูยิงได้น้อยกว่า เกาหลีใต้ เท่านั้นเอง

 

กาน่า : วูบวาบดีและก็สร้างความหนักใจให้คู่แข่งได้พอตัว ทั้งเกมที่แพ้ โปรตุเกส หวิวๆ 2-3 แล้วต่อมาสยบ เกาหลีใต้ 3-2 เพียงแต่ก็เครื่องช็อตไปในเกมสาม ที่แพ้ อุรุกวัย จนในที่สุดก็ตกรอบแรกแบบเป็นบ๊วยของกลุ่ม อินยากี้ วิลเลี่ยมส์ ที่ฝากความหวังไว้ ยิงไม่ได้สักลูก ดาวเด่นกลับเป็น โมฮัมเหม็ด คูดุส ปีกดาวรุ่งจากอาแจ็กซ์ ที่กดไป 2 ตุงในเกมชนะโสมขาว

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

 

ภาพประกอบ
AFP
Doha News
Sky Sports
CNN
Football365
THE SPORTS ROOM
The West Australian
Reuters

 

เรื่องน่าอ่าน
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด
8 ชาติแถวหน้ากับโผนักเตะชุดลุยฟุตบอลโลก 2022
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs เซเนกัล : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs เซเนกัล
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลการพบกัน
ไม่เคยพบกันมาก่อน

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เวลส์ 3-0

เซเนกัล
อุ่นเครื่อง ชนะ โบลิเวีย 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ อิหร่าน 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาตาร์ 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
อังกฤษ : แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ
เซเนกัล : เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ
แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ได้อย่างสวยงาม ชนะ 2 เสมอ 1 ในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2022 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

กับเกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาเพียงเล็กน้อยจากการที่ เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้ว เนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือกด้วย แม้จะเป็นสำรองก็ตาม

 

11 คนแรกจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด ในระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บูกาโย่ ซาก้า แม้หลายฝ่ายอยากเห็น ฟิล โฟเด้น เป็นตัวเลือกก่อนบ้างก็ตาม

 

เซเนกัล
มาลุยฟุตบอลโลก 2022 โดยไม่มีดาวยิงเบอร์ 1 ของชาติอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ที่ต้องเข้าผ่าตัดเข่าพักยาว แต่ก็ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ 2 เกมหลังที่จตบทั้งเจ้าภาพ กาตาร์ และ เอกวาดอร์ จนเข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอ

 

เซเนกัล เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ถัดจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ซึ่งคราวนั้นไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วย

 

สภาพทีมของ อาลิยู ซิสเซ่ มีปัญหาเพิ่มที่ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ กลางรับประสบการณ์สูง ต้องติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบโควตา อีกทั้ง ชีคู คูยาเต้ ก็เจ็บติดพันมาตั้งแต่เกมแรก ยังต้องเช็กสภาพกันก่อนเกมนี้

 

คาดว่าระบบจะปรับใช้ 4-2-3-2 หลังบ้านนำโดยแกนหลักอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ นายประตูเชลซี กับ คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังจากเชลซีเช่นกัน ส่วนข้างหน้าฝากความหวังที่ บูลาย เดีย กับ อิสไมล่า ซาร์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : มาร์คัส แรชฟอร์ด
ในช่วงเวลาที่ แฮร์รี่ เคน ดูเหมือนจะปรับบทบาทไปเป็นจอมแอสซิสต์ คนที่ก้าวขึ้นมารับภาระทะลวงตาข่ายก็กลายเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเสีย ที่ถือว่าซีซั่นนี้ หัวหอกวัย 25 กลับมาร้อนแรงและเล่นได้ดีต่อเนื่อง ทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กดไป 8 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา (ส่วนซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่น ยิงแค่ 5 ลูก) และกับทีมชาติอังกฤษ ที่กดแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 หนึ่งในนั้นเป็นฟรีคิกงามๆ เกมสยบ เวลส์ 3-0 ด้วย

 

เซเนกัล : อิสไมล่า ซาร์
เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ไม่อยู่ คนที่ เซเนกัล ต้องพึ่งพาในเกมรุก หนึ่งในนั้นคือ อิสไมล่า ซาร์ ปีกวัยรุ่นจาก วัตฟอร์ด ที่รับใช้ชาติไปแล้ว 51 นัด ซัด 11 ประตูด้วยกัน โดย ซาร์ ย้ายจาก แรนส์ มาสร้างชื่อในอังกฤษตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมาได้โชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 ซีซั่น ยิงรวม 11 ประตู ซึ่งความวูบวาบและคุณสมบัติต่างๆ ก็ทำให้เขาถูกเชื่อมโยงกับ ลิเวอร์พูล รวมทั้งทีมอื่นๆ มาแล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
เซเนกัล (4-2-3-1, กุนซือ อาลิยู ซิสเซ่) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซูฟ ซาบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, คาลิดู คูลิบาลี่, อิสมาอิล จาค็อบส์ – ปาเป้ เกย์, ปาเต้ ซิสส์ – อิสไมล่า ซาร์, มามาดู ลูม, อิลิมาน เอ็นดิอาย – บูลาย เดีย

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้ไม่เคยพบกันมาก่อนแม้เกมอุ่นเครื่อง
• อังกฤษ เคยเจอกับทีมจากแอฟริกามา 7 ครั้ง ยังไม่เคยแพ้
• อังกฤษ ยิงได้ 9 ประตูในรอบแรก สูงสุดในทัวร์นาเมนต์ (เท่าสเปน) แม้จะมีเกมเสมอ สหรัฐฯ 0-0 อยู่ด้วยก็ตาม
• แฮร์รี่ เคน ขออีก 3 ประตูจะแซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ แต่ยังเป้าสะอาดในบอลโลกหนนี้ โดยมี 3 แอสซิสต์มาทดแทน
• เมื่อไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ทำให้ดาวซัลโวชุดนี้ของ เซเนกัล คือ อิสไมล่า ซาร์ กับ ฟามาร่า ดีดิอู ที่ยิงไป 11 ประตูเท่ากัน
• คาลิดู คูลิบาลี่ เพิ่งยิงไปประตูเดียวจากการเล่นทีมชาติ 67 นัด ซึ่งคือประตูชัยนัดชนะ เอกวาดอร์ 2-1

 

ความน่าจะเป็น
วันไหนที่เข้าฝักก็ระเบิดเถิดเทิง แต่วันไหนที่เตะหลุดก็เล่นแย่มันทั้งทีม นี่คือ อังกฤษ ที่เป็นมาตลอดช่วงหลัง ซึ่งเกมนี้ก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะออกรูปไหน แต่ด้วยการที่ เซเนกัล ไม่ได้มีทีเด็ดมากมายในเกมรุก จากการที่ขาด มาเน่ ไป ทำให้สิงโตน่าจะยังคงคำรามได้ต่อ รอบนี้ยังไม่น่าใช่ปัญหาของอังกฤษ

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 2-0

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs โปแลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : ฝรั่งเศส vs โปแลนด์
อาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 16 นัด
ฝรั่งเศส ชนะ 8
เสมอ 5
โปแลนด์ ชนะ 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ตูนิเซีย 0-1

โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เม็กซิโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
ฝรั่งเศส : ทำลายอาถรรพ์แชมป์เก่า การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนามไป รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด
โปแลนด์ : นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์โปแลนด์ ตอนจบเกมสุดท้ายรอบแรกที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮงๆ ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

ความพร้อมก่อนเตะ
ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

กระนั้นจากเกมแพ้ ตูนิเซีย ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติมให้ปวดหัวแต่อย่างใด

 

ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบๆ ไปแล้ว

 

ภายหลังปรับทัพสะบั้นหั่นแหลกในเกมปิดกลุ่ม เดส์ชองส์ จะกลับมาใช้ทีมชุดแรกอีกครั้งในนัดนี้ ซึ่งคือไลน์อัพในเกมเบียดชนะ เดนมาร์ก ในระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

โปแลนด์
โปแลนด์ เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1986 แต่ต้องยอมรับว่าเข้ามาได้แบบโชคช่วย จากการที่ ซาอุฯ ตีไข่แตก เม็กซิโก สำเร็จ จนบทสรุปเป็น โปแลนด์ ที่มีผลต่างประตูได้เสียเป็น 0 เข้ารอบมาแทนที่จะเป็น เม็กซิโก ซึ่งผลต่าง -1

 

เกมนี้ เชสลาฟ มิชนีวิซ ยังคงมีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคย หลังจากกดประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้แล้ว 1 เม็ดในเกมชนะ ซาอุฯ 2-0

 

ในระบบ 4-4-2 เกมรับฝากความหวังที่นายประตู วอยเชียค เซสนี่ ซึ่งทำไปแล้ว 2 คลีนชีต แถมเซฟจุดโทษจาก ลิโอเนล เมสซี่ ได้ ส่วนเกมรุกวาง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ยืนหน้าคู่ เลวานดอฟสกี้

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 62 นัด ซัด 31 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 3 เม็ด ไม่นับที่ยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของเขาเป็นสำคัญ เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 77 ประตูในนามทีมชาติ (137 นัด) ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
โปแลนด์ (4-4-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์, แม็ตตี้ แคช – เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, คริสเตียน บีลิค, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันบ่อยในยุคโบราณ ทำให้พบกันรวมแล้วถึง 16 ครั้ง แต่ในช่วง 20 ปีหลังก็เจอกันแค่ 2 หนเท่านั้น ล่าสุดเมื่อปี 2011 ฝรั่งเศส ชนะ 1-0
• 9 เกมหลังทุกรายการ ฝรั่งเศส ทำคลีนชีตได้แค่เกมเดียว และในบอลโลกครั้งนี้ก็โดนยิงทุกนัด นัดละลูก
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (31), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 124 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้ไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 3 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 9 นัดปีนี้ แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
เพราะเข้ารอบมาแบบเฮงๆ แพ้ อาร์เจนติน่า แบบสู้ไม่ได้แต่ยังมีเฮ จึงไม่น่าแปลกที่ โปแลนด์ จะถูกมองว่าเป็นรอง ฝรั่งเศส ค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าด้วยการลงไปเล่นเน้นรับเต็มพิกัด ถอยร่นสุดกำลัง หวังแค่เสียประตูแรกให้ช้าที่สุด จะเป็นปัญหาของ ฝรั่งเศส ไม่น้อย เรื่องชนะ ตราไก่มีโอกาสมากอยู่แล้ว แต่เป็นไปได้ว่าจะชนะแค่แบบเฉือนๆ เหนื่อยๆ หน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 1-0

อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : อาร์เจนติน่า vs ออสเตรเลีย
เสาร์ 3 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : CH3

 

ผลการพบกัน : 7 นัด
โกลด์ คัพ 1988 ออสเตรเลีย ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 1992 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
คัดบอลโลก 1993 เสมอ 1-1
คัดบอลโลก 1993 อาร์เจนติน่า ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 1995 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2005 อาร์เจนติน่า ชนะ 2-4
อุ่นเครื่อง 2007 อาร์เจนติน่า ชนะ 0-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อาร์เจนติน่า
อุ่นเครื่อง ชนะ จาไมก้า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เม็กซิโก 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ โปแลนด์ 2-0

ออสเตรเลีย
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ฝรั่งเศส 1-4
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ตูนิเซีย 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 1-0

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
อาร์เจนติน่า : แชมป์กลุ่มซี, เริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุฯ 1-2 แต่หลังจากนั้นก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย
ออสเตรเลีย : อันดับ 2 กลุ่มดี, โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่ม

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ด้วยทรงที่ดีเป็นที่สุด ยืนสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 จากประตูของ ลิโอเนล เมสซี่ กับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ จัดคนละเม็ด

 

ในการลุยรอบ 16 ทีม พบกับ ออสเตรเลีย หนึ่งในตัวแทนเอเชีย เกมนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีต้องเช็กอาการของ อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บต้นขาจนต้องออกจากเกมที่แล้ว แม้จะไม่หนักหนาแต่ก็คาดว่าจะถูกพักเป็นสำรอง

 

ระบบใช้ 4-3-3 และอาจมีปรับบางจุดจากเกมที่แล้ว แต่เกมรุกจะนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ตามเดิม เพิ่มเติมด้วย ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ดูจะเป็นตัวเลือกก่อน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ไปแล้ว

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 3 เกมที่ผ่านมา

 

ออสเตรเลีย
ทีมจากโอเชียเนียที่มาเตะในฐานะตัวแทนเอเชีย เข้ารอบมาได้อย่างเซอร์ไพรส์ มีถึง 6 แต้มจากชัยชนะเหนือ เดนมาร์ก และ ตูนิเซีย ภายหลังเกมแรกเจอของแข็งอย่างแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่แม้จะขึ้นนำก่อนแต่ก็โดนจ้วงยับหลังจากนั้น แพ้ขาด 1-4

 

ออสเตรเลีย ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง ถัดจากปี 2006 ภายหลังฟุตบอลโลก 3 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้านี้ 2010, 2014 และ 2018 พวกเขาตกรอบแรกทั้งหมด

 

สภาพทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องเป็นกังวล สามารถใช้งานชุดที่ดีที่สุดได้ ซึ่งหน้าตาจะไม่ต่างไปจากเกมชนะ เดนมาร์ก 1-0 นัก

 

ซอคเกอรูส์ จะใช้ 4-4-2 วางหอกคู่ มิตเชลล์ ดู๊ค กับ ไรลี่ย์ แม็คกรี เป็นสองตัวความหวังในแนวรุก

 

ตัวความหวัง
อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาฟุตบอลโลกหนสุดท้าย ไม่มีอะไรต้องกั๊กหรือต้องยั้งไว้อีกแล้วสำหรับ เมสซี่ ที่จะใส่สุดเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 13 ประตูจากการเล่นทีมชาติปีนี้ และในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 2 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโว กาตาร์ 2022 เต็มตัว

 

ออสเตรเลีย : แม็ทธิว เลคกี้
ตัวริมเส้นประสบการณ์สูงวัย 31 ที่ลงเล่นทีมชาติมาแล้ว 76 นัด ยิงแล้ว 14 ประตู ผ่านรายการใหญ่มาแล้วทั้งฟุตบอลโลก 2 รอบ, เอเชียน คัพ 2 หน และคอนเฟดฯ คัพ อีกหนึ่ง เวลานี้อยู่ในสังกัด เมลเบิร์น ซิตี้ ภายหลังโกอินเตอร์ไปเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่นานนับสิบปี กับทั้งกลัดบัค, เอฟเอสเฟา แฟร้งค์เฟิร์ต, อิงโกลชตัดท์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน จนนับเป็นดาวเด่นเบอร์ใหญ่สุดของทัพจิงโจ้ชุดนี้ พร้อมทั้งสร้างผลงานดีเยี่ยม พังประตู เดนมาร์ก พาทีมเข้ารอบมาได้

 

11 ตัวจริงที่คาด
อาร์เจนติน่า (4-3-3, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อเลฮานโดร โกเมซ, ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
ออสเตรเลีย (4-4-2, กุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์) แม็ต ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค, แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไค โรว์เลส, อาซิซ เบฮิช – เคร็ก กู๊ดวิน, อารอน มอย, แจ๊คสัน เออร์ไวน์, แม็ทธิว เลคกี้ – มิตเชลล์ ดู๊ค, ไรลี่ย์ แม็คกรี

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันมาเยอะทีเดียวถึง 7 ครั้ง ซึ่ง 4 หนหลังสุด อาร์เจนติน่า กินเรียบ แต่ก็ไม่ได้พบกันมาตั้งแต่ปี 2007
• เคยวัดกันในรอบเพลย์ออฟต่างโซน ฟุตบอลโลก 1994 อาร์เจนฯ เฉือนหวิวสกอร์รวม 2-1
• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุฯ ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 39 เกมหลังสุดของ อาร์เจนฯ
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติมากถึง 13 ประตูในปีนี้ จากการเล่นแค่ 10 นัด
• ออสเตรเลีย ชนะ 6 จาก 8 เกมหลังสุด
• แม็ทธิว เลคกี้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของออสเตรเลียชุดนี้ แม้จะยิงได้แค่ 14 ประตู (จาก 76 นัด) เท่านั้นก็ตาม

 

ความน่าจะเป็น
เห็นชัดอยู่แล้วถึงก้าวเดินที่แต่ละทีมเป็น ซึ่งแม้บอลโลกครั้งนี้จะส่อไปในทาง “บอลรองเป็นใหญ่” แต่คุณภาพที่ อาร์เจนติน่า มีในชั่วโมงนี้ ก็ดูจะยากเกินกว่าที่ ออสเตรเลีย จะเอาอยู่ เมื่อดูจากเกมชนะเดนมาร์ก ที่หากว่าทีมโคนมจบสกอร์กันคมขึ้นอีกหน่อย ก็คงเขี่ยทีมจิงโจ้ร่วงไปได้แล้ว

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 2-0

 

เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : เนเธอร์แลนด์ vs สหรัฐอเมริกา
เสาร์ 3 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
อุ่นเครื่อง 1998 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2002 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 2004 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2010 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 2015 สหรัฐอเมริกา ชนะ 4-3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เนเธอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปแลนด์ 2-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เบลเยียม 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซเนกัล 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เอกวาดอร์ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาตาร์ 2-0

สหรัฐอเมริกา
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ญี่ปุ่น 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เวลส์ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อังกฤษ 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 1-0

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
เนเธอร์แลนด์ : แชมป์กลุ่มเอ, เข้ารอบอย่างไม่ลำบากด้วยการชนะ 2 เสมอ 1
สหรัฐอเมริกา : อันดับ 2 กลุ่มบี, ลุ้นถึงนัดสุดท้ายที่่บังคับต้องชนะ อิหร่าน (ซึ่งก็ทำได้จริง) หลังเสมอ 2 เกมแรก

 

ความพร้อมก่อนเตะ
เนเธอร์แลนด์
เห็นเงียบๆ แต่ฟอร์มเยี่ยมไปเลย หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0

 

ประเด็นก็คือ นับตั้งแต่ที่กลับเข้ามาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจบยูโร 2020 นั้น ฟาน กัล ยังไม่ได้พาทีมกังหันลมแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียว โดยลงสนาม 18 นัด ชนะ 13 เสมอ 5

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล อยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดทั้งสิ้น ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

สำหรับนายประตู จะยังคงเป็น อันดรีส น็อพเพิร์ต จอมหนึบวัย 28 จากฮีเรนวีน ที่เพิ่งลงประเดิมทีมชาติใน เวิลด์ คัพ เที่ยวนี้ และเล่นได้อย่างน่าพอใจ

 

ระบบคงเดิม 3-4-2-1 หลังบ้านนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตรงกลางขยับ ดาวี่ คลาสเซ่น ขึ้นเสริมเกมรุก และหน้าคู่ เมมฟิส เดอปาย จับคู่ โคดี้ กัคโป ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 นำดาวซัลโวร่วมกับอีก 4 นักเตะ

สหรัฐอเมริกา
ทีมพญาอินทรี สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดๆ เสมอกับ เวลส์ 1-1 จากนั้นทำเซอร์ไพรส์ยันเสมอ อังกฤษ 0-0 ก่อนฮึดเชือด อิหร่าน 1-0 จนจบที่อันดับ 2 กลุ่มบี

 

ทีมของ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ เข้ารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน (แต่ยกเว้น 2018 ที่ตกรอบคัดเลือก) โดยผลงานดีสุดในช่วงโมเดิร์นฟุตบอลคือปี 2002 ที่ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

สำหรับความพร้อมในการลงดวล เนเธอร์แลนด์ เกมนี้ สหรัฐฯ มีต้องเช็กฟิต 2 ตัวรุกคนสำคัญ ทั้ง จอช ซาร์เจนท์ และ คริสเตียน พูลิซิช แต่ เบอร์ฮัลเตอร์ ก็ยืนยันแล้วว่า พูลิซิช ดาวเตะจากเชลซี เจ้าของประตูโทนนัดดับ อิหร่าน 1-0 จะพร้อมลงสนามไปตามปกติ

 

แม้ระบบจะใช้ 4-3-3 แต่ก็จะลงไปเน้นเพลย์เซฟ ตั้งรับลึกเป็นหลัก ข้างหน้าวาง คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ และ เฮซุส แฟร์เรยร่า เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
เนเธอร์แลนด์ : โคดี้ กัคโป
แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว ด้วยการกดไปนัดละลูก สามนัด 3 ประตู ยืนแท่นนำดาวซัลโวร่วม รวมแล้วยิงไป 6 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 12 นัด โดยตัวรุกวัย 23 จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถูกพูดถึงผ่านหน้าสื่ออยู่เรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา จากฟอร์มสุดแจ่มที่ร่ายให้กับต้นสังกัด ซีซั่นก่อนยิง 21 ประตู ซีซั่นนี้กดแล้ว 13 ลูก ก่อนมาสร้างชื่อในเวิลด์คัพหนนี้อย่างที่ว่าไป

 

สหรัฐอเมริกา : คริสเตียน พูลิซิช
เจอปัญหาเปลี่ยนโค้ชในทีม เชลซี จนไม่ได้เล่นสม่ำเสมอมากนัก แต่ถ้านับจำนวนเกมก็ถือว่าไม่เลว ครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมาได้เล่น 18 นัด มียิง 1 ประตู ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์จากพรีเมียร์ลีก จากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนถึงจากบุนเดสลีกาในช่วงเวลาค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ คือแต้มต่อของ พูลิซิช ในวัย 24 ซึ่งมีสถิติน่าสนใจทีเดียวกับทีมชาติ อย่างการยิง 22 ประตูใน 55 นัด หรือคิดเฉลี่ยเป็น 0.4 ประตูต่อเกม

 

11 ตัวจริงที่คาด
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2, กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล) อันดรีส น็อพเพิร์ต – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รอน, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น – โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย
สหรัฐอเมริกา (4-3-3, กุนซือ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโย่ เดสท์, ทิม รีม, คาเมรอน คาร์เตอร์-วิคเกอร์ส, แอนโทนี่ โรบินสัน – เวสตัน แม็คเคนนี่, ไทเลอร์ อดัมส์, ยูนุส มูซาห์ – ทิโมธี เวอาห์, เฮซุส แฟร์เรยร่า, คริสเตียน พูลิซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 5 ครั้ง เนเธอร์แลนด์ชนะ 4 สหรัฐฯ ชนะ 1
• เจอล่าสุดปี 2015 สหรัฐฯ เฉือนชัย 4-3 ชนิดยิง 3 ลูกรวดในยี่สิบนาทีท้าย เมมฟิส เดอปาย ยิง 1 ตุงในวันนั้น
• เนเธอร์แลนด์ แพ้ครั้งสุดท้ายที่คือพ่าย สาธารณรัฐเช็ก 0-2 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020 ช่วงกลางปีที่แล้ว
• สหรัฐฯ ชนะได้เสียที (เหนืออิหร่าน) หลังไม่ได้เฮมาถึง 5 เกมซ้อน (เสมอ 4 แพ้ 1)
• เมมฟิส เดอปาย ยิงในทีมชาติไปถึง 42 ประตู เหลืออีกแค่ 8 ลูกจะเท่าสถิติสูงสุดของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะแพ้ไม่เป็นมานานถึง 18 เกม แต่ เนเธอร์แลนด์ ก็ยังถูกตำหนิอยู่บ้างเรื่องเกมรุกที่ไม่จัดจ้านอย่างที่ควรจะเป็น แต่การเล่นแบบ “บอลเน้นผล” ก็เป็นสิ่งที่ หลุยส์ ฟาน กัล โปรแกรมให้กับลูกทีมอยู่แล้ว และการเจอกับ สหรัฐอเมริกา ก็มีสิทธิ์ออกทรงเดิมๆ คือเกมไม่ได้เร่งเร้าสร้างความบันเทิงนัก แต่ทัพกังหันก็น่าจะเอาอยู่ภายใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0

 

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

แคเมอรูน vs บราซิล : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : แคเมอรูน vs บราซิล
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคเมอรูน
ชนะ แอลจีเรีย รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกแพ้ 0-1
นัดสองชนะ 1-0, ต่อเวลาชนะ 2-1, เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน

บราซิล
แชมป์โซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 40 เสีย 5

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคเมอรูน
อุ่นเครื่อง แพ้ เกาหลีใต้ 0-1
อุ่นเครื่อง เสมอ จาไมก้า 1-1
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เซอร์เบีย 3-3

บราซิล
กิริน คัพ ชนะ ญี่ปุ่น 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ กาน่า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ตูนิเซีย 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ผลการพบกัน : 6 นัด
ฟุตบอลโลก 1994 บราซิล ชนะ 3-0
อุ่นเครื่อง 1996 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2001 บราซิล ชนะ 2-0
คอนเฟดฯ คัพ 2003 แคเมอรูน ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 4-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
แคเมอรูน
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาได้แบบต้องลุ้นเหนื่อย เช่นเดียวกับเมื่อถึงรอบสุดท้าย โดยเปิดสนามแพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 และไล่ตามตีเจ๊า เซอร์เบีย 3-3

 

แม้จะยืนอันดับ 3 ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียเหนือ เซอร์เบีย แต่ แคเมอรูน ก็จำเป็นจะต้องเอาชนะ บราซิล ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น เมื่อผลเสมอจะไม่เพียงพอให้ทำแต้มไปทาบ สวิตเซอร์แลนด์

 

ทีมหมอผีในการทำทีมของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม, กาลาตาซาราย ฯลฯ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ทว่าเสียประตูมือหนึ่ง อองเดร โอนาน่า ออกจากแคมป์ไปหลังแตกหักกับโค้ช และโดนลงโทษทางวินัย

 

ระบบเปิดหน้าแลก 4-3-3 นายประตูใช้มือสอง เดวิส เอปาสซี่ ส่วนเกมรุกวาง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ กับ บริย็อง เอ็มเบโม่ ขนาบข้างหอกเป้า เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และก็ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ชนะติดต่อกันมา 9 เกมรวดแล้ว รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

ลา เซเลเซา ของ ตีเต้ การันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เรียบร้อยไปแล้ว และก็จะจบแชมป์กลุ่มไม่ว่าเกมนี้จะได้ผลอย่างไร หากว่าในเวลาเดียวกัน สวิตเซอร์แลนด์ ไม่อาจเอาชนะ เซอร์เบีย ได้แบบยิงถล่มหลายประตู

 

อย่างไรก็ตาม บราซิล ต้องเสียนักเตะไปถึง 2 คนจากเกมเปิดหัว ทั้ง เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ ที่ยืนยันแล้วว่าต้องพักตลอดรอบแรก จะกลับมาช่วยทีมได้อีกทีก็ในรอบน็อกเอาต์

 

การที่ลงเล่นแบบให้ครบโปรแกรม ทำให้เป็นโอกาสสำหรับการหมุนเวียนนักเตะ ซึ่งก็คาดว่าจะจัดสำรองลงเต็มระบบ เปิดโอกาสให้สำรองได้สัมผัสเกมฟุตบอลโลก ไม่ว่าจะประตูอย่าง เอแดร์ซอน, กองหลัง เบรเมอร์ หรือแนวรุกที่จะปรับเป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส และ กาเบรียล เชซุส เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
แคเมอรูน : แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์
เคยประกาศไว้ว่าตัวเองฝีเท้าดีไม่แพ้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพียงแต่วาสนาไม่ค่อยดี ได้อยู่แต่กับทีมไม่ได้ใหญ่โตอย่าง วาล็องเซียนส์, ลอริยองต์, ปอร์โต้, เบซิคตัส และปัจจุบันเล่นกับ อัล นาสเซอร์ ในซาอุฯ โดยถือว่าหัวหอกวัย 30 สร้างมาตรฐานการถล่มประตูได้ดีทีเดียว ยิงเกินสิบลูกในหลายซีซั่น และเป็นดาวซัลโวของทีมชุดนี้ หลังยิง 34 ประตูจาก 93 นัด รวมถึงประตูจุดประกาย 2-3 ก่อนตีเสมอ เซอร์เบีย นัดก่อนด้วย

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม ทำให้แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส อยู่ ก็ไม่อาจแย่งตำแหน่งจาก ริชาร์ลิซอน (เล่นทีมชาติ 40 นัดซัด 19 ประตู) ไปได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ กองหน้าวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังถูกคาดหมายว่าถ้ายังสร้างผลงานดียืนระยะไปได้ต่อเนื่อง ทีมใหญ่กว่านี้ก็พร้อมเปิดประตูต้อนรับ

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคเมอรูน (4-3-3, กุนซือ ริโกแบร์ ซง) เดวิส เอปาสซี่ – นูฮู โตโล่, นิโกลัส เอ็นคูลู, ชอง-ชาร์ลส์ คาสเตลเล็ตโต้, คอลลินส์ ฟาย – มาร์ติน ฮอนกลา, ปิแอร์ คุนเด้, ฟร้องค์ ซัมโบ-อองกิสซ่า – แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์, บริยอง เอ็มเบโม่, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) เอแดร์ซอน โมราเอส – อเล็กซ์ เตลเลส, เบรเมอร์, มาร์กินญอส, ดานี่ อัลเวส – บรูโน่ กิมาไรส์, เฟร็ด – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, โรดรีโก้ โกเอส, อันโตนี่ – กาเบรียล เชซุส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 6 ครั้ง บราซิล ชนะ 5 แพ้ 1
• บราซิล ยิงขาดในการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน ส่วนอุ่นเครื่องล่าสุดปี 2018 ที่อังกฤษ แซมบ้าเชือด 1-0 จากประตูโทนของ ริชาร์ลิซอน
• บราซิล ชนะรวดมา 9 เกมทุกรายการ และในจำนวนนี้ ทำคลีนชีตได้ถึง 7 นัด
• แคเมอรูน ไม่ชนะใครมา 6 เกมติดกันแล้ว เป็นเสมอ 3 แพ้ 3
• แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ยืนแท่นอันดับ 3 ดาวซัลโวสูงสุดของชาติ 33 ประตู เทียบเท่า แพทริค เอ็มโบม่า โดยตามหลังเบอร์ 2 โรเจอร์ มิลล่า (43) สิบลูก และเบอร์ 1 ซามูแอล เอโต้ (56) อยู่ 23 ประตู
• กาเบรียล เชซุส ยิงในทีมชาติ 19 ประตูจาก 58 นัด

 

ความน่าจะเป็น
แม้ บราซิล เตรียมปรับส่งสำรองลงยกแผง และเล่นอย่างไม่กดดันหลังเข้ารอบแล้ว แต่กลุ่มแข้งสำรองก็เป็นตัวดีๆ ฝีเท้าจัดจ้านทั้งสิ้น แถมทุกคนยังต้องเน้นโชว์ฟอร์มให้เข้าตาโค้ช ยิ่งโดยเฉพาะเกมนี้ แคเมอรูน ต้องพยายามบุกแลกเพื่อคว้าชัย ยิ่งจะทำให้เข้าทาง บราซิล ไปกันใหญ่ โอกาสน้อยมากที่จะเกิดผลพลิกล็อก

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-0

เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดสุดท้าย : เซอร์เบีย vs สวิตเซอร์แลนด์
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : One31

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เซอร์เบีย
แชมป์กลุุ่มเอ โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 9

สวิตเซอร์แลนด์
แชมป์กลุ่มซี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 ยิงได้ 15 เสีย 2

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เซอร์เบีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวีเดน 4-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ นอร์เวย์ 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ บาห์เรน 5-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ แคเมอรูน 3-3

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สเปน 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-1

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
ฟุตบอลโลก 2018 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-1

 

ตารางคะแนนกลุ่มจี หลังผ่าน 2 นัด
1. บราซิล คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. สวิตเซอร์แลนด์ คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. แคเมอรูน คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. เซอร์เบีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
เซอร์เบีย
มาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยทรงที่ดี ยึดแชมป์กลุ่มแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบคัดเลือก กระนั้นดูเหมือนแผนการที่ใช้ในเกมแรกจะไม่เวิร์ค แพ้ บราซิล 0-2 แบบน่าโดนยิงมากกว่านั้นเยอะ จากนั้นเกมสอง เหมือนจะแซงชนะ แคเมอรูน 3-1 อยู่แล้ว แต่กลับโดนลุยใส่จนสุดท้ายเสมอ 3-3

 

สองนัดมีแต้มเดียว จมบ๊วยกลุ่มจี ฉะนั้นทางเลือกเดียวคือต้องชนะนัดนี้เท่านั้น แล้วลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจดึงแต้มจาก บราซิล ได้

 

กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช อดีตดาวเตะคนดัง ไม่มีปัญหาสภาพทีม เมื่อได้ทั้ง ฟิลิป คอสติช และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ฟิตกลับมาลงเล่นไปแล้ว โดยเฉพาะในรายหลัง ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของชาติ มี 1 ประตูแล้วด้วยในเกมเสมอ แคเมอรูน

 

ระบบยังยึด 3-4-2-1 แต่จะเน้นรุกบุกแลกมากหน่อย ดูซาน ทาดิช กับ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ปั้นเกมหลังหอกเป้า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

สวิตเซอร์แลนด์
กล้าๆ ยึดแชมป์กลุ่มแล้วเขี่ย อิตาลี ลงเป็นที่สอง (ก่อนร่วงที่รอบเพลย์ออฟ) เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อย่างสวยงาม พร้อมกับเปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0 แต่ว่าจากนั้นต้าน บราซิล ไม่อยู่ แพ้ไป 0-1

 

สองนัดมี 3 แต้ม ทัพนาฬิกาจึงขอผลเสมอเกมนี้เป็นอย่างน้อย พร้อมกับลุ้นให้ แคเมอรูน ไม่อาจพลิกเอาชนะ บราซิล ได้

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดังเช่นกันนั้น มีแค่ต้องเช็กอาการของ โนอาห์ โอคาฟอร์ ส่วน สตีเว่น ซูเบอร์ เจ็บจนไม่ได้มาเล่นบอลโลก และ เควิน เอ็มบาบู ไม่ถูกเรียกตัว

 

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีปัญหาความฟิตจนหายหน้าไปจากเกมแพ้ บราซิล คาดว่าจะพร้อมกลับลงช่วยทีมได้ตามปกติ โดยจะยืนกลางรุกฝั่งขวา เล่นร่วมกับ ชิบริล โซว์ และ รูเบน วาร์กาส เพื่อสนับสนุนหน้าเป้า บรีล เอ็มโบโล่

 

ตัวความหวัง
เซอร์เบีย : อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
หนึ่งในหัวหอกฝีเท้าดีที่ถูกมองว่าควรยกระดับตัวเองไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า ฟูแล่ม ได้แล้ว พิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดีตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่กระหน่ำ 43 ประตูจนคว้าดาวซัลโวอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะสอยอีก 9 ลูกในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ความสูงใหญ่ดุดันในลูกกลางอากาศของ มิโตรวิช สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทุกคู่แข่งที่ต้องเจอ รวมถึงตอนนี้ก็ยังนั่งแท่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติเซอร์เบีย ด้วยสถิติน่าสะพรึงถึง 51 ประตูจากการเล่น 78 นัด

 

สวิตเซอร์แลนด์ : บรีล เอ็มโบโล่
พังประตูนำชัยให้ สวิตเซอร์แลนด์ เชือด แคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอน (ก่อนโอนสัญชาติ) 1-0 ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับบราซิลได้พอตัวทีเดียว ซึ่งแสดงถึงความอันตรายที่หอกร่างบึกวัย 25 มี โดยถึงตอนนี้กดให้ทีมชาติไปแล้ว 12 ลูกจากการเล่น 61 เกม ขณะที่ในสโมสร เอ็มโบโล่ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปเล่นกับ โมนาโก ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ และยิงไปแล้ว 8 ประตูด้วยกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เซอร์เบีย (3-4-2-1, กุนซือ ดราแกน สตอยโควิช) วานย่า มิลินโควิช-ซาวิช – นิโกล่า มิเลนโควิช, มิลอส เวลจ์โควิช, สตราฮินย่า พาฟโลวิช – ฟิลิป คอสติช, ซาซ่า ลูคิช, เนมานย่า มิลินโควิช-ซาวิช, อันดริย่า ซิฟโควิช – เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, ดูซาน ทาดิช – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาครั้งเดียวถ้วนในฟุตบอลโลกครั้งก่อน มิโตรวิช ยิงนำ 1-0 ก่อน สวิตเซอร์แลนด์ แซงเข้าป้าย 2-1 จาก กรานิต ชาก้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่
• 4 ปีผ่านมาจากวันนั้น หลายนักเตะของทั้งสองทีม ยังคงอยู่เป็นตัวเลือก ทั้งตัวจริงและสำรอง
• 11 เกมหลังในทุกรายการของปีนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 6
• สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกได้ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ยิง 51 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 78 นัด หรือคิดเฉลี่ยเกมละ 0.65 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
คู่คี่สูสี คุณภาพของสองฝ่ายพอๆ กัน และอาจไม่ใช่เกมที่สนุกสนานตื่นเต้นนัก เมื่อ สวิตเซอร์แลนด์ เตรียมลงไปเล่นแบบเพลย์เซฟเต็มที่เพื่อดึง 1 แต้ม ปัญหาคือกองหลังสวิสส์จะรับมือกับ มิโตรวิช ได้ดีแค่ไหน ถ้าปักหลักได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็น่าจะเก็บผลเสมอได้ตามต้องการ

 

ผลที่คาด : เสมอ 0-0

 

เกาหลีใต้ vs โปรตุเกส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เกาหลีใต้ vs โปรตุเกส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช นัดสุดท้าย : เกาหลีใต้ vs โปรตุเกส
ศุกร์ 2 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เกาหลีใต้
อันดับ 2 กลุ่มเอ รอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 13 เสีย 3

โปรตุเกส
ชนะ ตุรกี 3-1 รอบเพลย์ออฟ
ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 2-0 รอบเพลย์ออฟ

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เกาหลีใต้
อุ่นเครื่อง เสมอ คอสตาริกา 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ แคเมอรูน 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อุรุกวัย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ กาน่า 2-3

โปรตุเกส
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 4-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สเปน 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 4-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาน่า 3-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อุรุกวัย 2-0

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
ฟุตบอลโลก 2002 เกาหลีใต้ ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มเอช หลังผ่าน 2 นัด
1. โปรตุเกส คะแนน 6 ผลต่างประตู +3 (เข้ารอบแล้ว)
2. กาน่า คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. เกาหลีใต้ คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. อุรุกวัย คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
เกาหลีใต้
โสมขาวหลุดแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 8 เกมของรอบคัดเลือก และนัดแรกที่เสมอ อุรุกวัย ไข่ไม่แตก 0-0 ก็ถือว่าทำได้ดี

 

กระนั้นพวกเขาทำพลาดในเกมสอง ที่สู้อุตส่าห์เปลี่ยนสกอร์จากตามหลัง 0-2 เป็นเสมอ 2-2 แล้ว ก็ดันมาโดน กาน่า ยิงตัดสินชัย 3-2 ในที่สุด

 

การที่สองนัดมีแต้มเดียว ทำให้ เกาหลีใต้ ตกที่นั่งลำบากพอตัว ไม่สามารถขอผลเสมอเกมนี้ได้ โดยต้องการชัยชนะเหนือ โปรตุเกส ที่เข้ารอบไปแล้ว ทั้งยังต้องหวังว่า กาน่า จะไม่ชนะ อุรุกวัย ในคราวเดียวกันด้วย

 

เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสของเกาหลีใต้ มีปัญหาตรงที่ ฮวาง ฮี-ชาน ตัวเก่งจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน เจ็บแฮมสตริง จนยังไม่ได้เล่นบอลโลกงวดนี้เลย และยังไม่ชัวร์ว่าจะฟื้นทันเกมนี้หรือไม่ ส่วนทาง ซน ฮึง-มิน ดาวยิงตัวความหวังจากสเปอร์ส ต้องลงสนามแบบสวมหน้ากากกันกระแทก แต่สภาพความฟิตไม่เป็นปัญหา

 

ดังนั้นทำให้จะเป็นทีมเดิมๆ ในระบบ 4-2-3-1 ซน ฮึง-มิน ถอยลงมาเป็นแผงเกมรุกทางซ้าย สนับสนุนหอกเป้า โช กิว-ซุง ที่กดไปแล้ว 2 ประตูใน เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์

 

โปรตุเกส
แม้เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 จะมีร่องรอยตำหนิพอสมควรกับการทุบ กาน่า 3-2 และ โปรตุเกส ก็ยังสร้างความต่อเนื่องด้วยการตบ อุรุกวัย อีก 2-0 ในเกมถัดมา ทำให้ลอยลำแล้วโดยไม่ต้องสนใจใคร

 

สิ่งที่เหลือมีแค่ว่า โปรตุเกส จะเป็นแชมป์กลุ่มหรือไม่ ซึ่งโอกาสก็ถือว่าสูง เนื่องจากมีแค่ กาน่า เท่านั้นที่พอไล่ทัน จากการมี 3 แต้มในมือ แต่ กาน่า ก็ต้องชนะ อุรุกวัย ให้ได้แบบยิงเยอะหน่อยด้วย (กรณีที่ โปรตุเกส แพ้)

 

ด้วยการเข้ารอบไปแล้ว จึงคาดว่า แฟร์นันโด ซานโตส จะปรับ 11 คนแรกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะว่ามีปัญหาตัวเจ็บเพิ่มด้วย ทั้ง ดานิโล่ เปเรยร่า, โอตาวิโอ และ นูโน่ เมนเดส

 

ทั้งนี้ในราย นูโน่ เมนเดส แบ็กดาวรุ่งจากเปแอสเช เจ็บหนักที่ต้นขา รายงานระบุต้องพัก 2 เดือน เท่ากับปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ไปโดยปริยาย แม้จะยังอยู่เชียร์ทีมจนจบทัวร์นาเนต์ค่อยกลับออกจากแคมป์ก็ตาม

 

การจัดทัพจะใช้ 4-3-1-2 ข้างหน้ามีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนคู่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ชูเอา เฟลิกซ์ เตรียมได้พัก เปิดทางให้ อันเดร ซิลวา กับ ราฟาเอล เลเอา ลงตัวจริงแทน เช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นๆ ที่น่าจะปรับเยอะดังกล่าว

 

ตัวความหวัง
โปรตุเกส : บรูโน่ แฟร์นันเดส
ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่โดดเด่นที่สุดเมื่อสวมชุด โปรตุเกส ลงสนามในช่วงหลัง แต่คือ บรูโน่ แฟร์นันเดส จอมทัพจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยิ่งเล่นยิ่งส่งอิทธิพล เผลอๆ ในภาพรวมจะเล่นได้ดีกว่าตอนรับใช้ปีศาจแดงต้นสังกัดด้วยซ้ำไป โดยสตาร์วัย 28 กดประตูในทีมชาติไปถึง 7 ลูกจากการเล่น 11 นัดในปีนี้ รวมถึง 2 ประตูที่เช็คบิล อุรุกวัย เกมที่แล้ว

 

เกาหลีใต้ : ซน ฮึง-มิน & โช กิว-ซุง
ซน ฮึง-มิน ถูกยกว่าเป็นแข้งเบอร์ 1 ของเอเชียยุคนี้ จากผลงานที่ร่ายให้ สเปอร์ส ต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า จนถึงขั้นคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อนมาแล้ว โดยในทีมชาติ โอปป้าซนยิงไป 35 ลูกจาก 106 นัด และพร้อมๆ กันนั้น ฟุตบอลโลก 2022 ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวของ โช กิว-ซุง หัวหอกหน้าหล่อบอยแบนด์เค-ป๊อป วัย 24 จาก ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ซึ่งเริ่มติดธงในปีที่แล้ว และยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการเล่น 18 นัด รวม 2 เม็ดที่จัดใส่ กาน่า เกมก่อน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เกาหลีใต้ (4-2-3-1, กุนซือ เปาโล เบนโต้) คิม ซุง-กิว – คิม จิน-ซู, คิม ยัง-กวอน, คิม มิน-แจ, คิม มุน-วาน – ฮวาง อิน-บอม, จุง วู-ยัง – ซน ฮึง-มิน, จอง วู-ยอง, ควอน ชาง-ฮุน – โช กิว-ซุง
โปรตุเกส (4-3-1-2, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) รุย ปาตริซิโอ – ราฟาเอล เกร์เรยโร่, เปเป้, อันโตนิโอ ซิลวา, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – ชูเอา ปาลินญ่า, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, มาเตอุส นูเนส – บรูโน่ แฟร์นันเดส – ราฟาเอล เลเอา, อันเดร ซิลวา

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาหนเดียวถ้วนในฟุตบอลโลกเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ผลเป็น เกาหลีใต้ ทำเซอร์ไพรส์เชือด 1-0 จากการยิงของ พาร์ค ชี-ซอง
• เวลานั้น (2002) คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพิ่งเทิร์นโปรกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และยังไม่ได้เริ่มติดธงชุดใหญ่
• แม้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะในประเทศ แต่ตัวอิมพอร์ตเล่นลีกยุโรปของ เกาหลีใต้ ก็มีอยู่ถึง 8 ราย โดยอยู่กับ โอลิมเปียกอส ในกรีซ 2 ราย ฮวาง อุย-โจ กับ ฮวาง อิน-บอม
• นอกจาก โรนัลโด้ (118) มีอีกแค่ 2 คนที่ยิงเกิน 10 ลูกในทีมชาติโปรตุเกส คือ อันเดร ซิลวา (19) กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส (13)

 

ความน่าจะเป็น
ความที่ เกาหลีใต้ ต้องการชัยชนะเป็นพิเศษ ขณะที่ โปรตุเกส เข้ารอบไปก่อนแล้ว ทำให้ความมุ่งมั่นและหิวกระหายจะเป็นของทางฝั่ง เกาหลีใต้ มากกว่า เพียงแต่การจะชนะให้ได้จริงๆ ก็จะเป็นเรื่องยาก ถึงแม้ว่า โปรตุเกส จะปรับส่งสำรองลงเยอะก็ตาม เมื่อชัดเจนว่า เกาหลี ก็มีจุดอ่อนในตัวเองอย่างแนวรับ ที่โดนยิงไป 3 ลูกในนัดที่แล้ว

 

ผลที่คาด : เสมอ 2-2