"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“4 สิ่งที่อังกฤษต้อง ‘เปลี่ยน’ เพื่อฟุตบอลโลก 2022”

ทั้งที่อยู่ในสถานะรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ปรากฏว่า อังกฤษ ฟุบหนักมากเหลือเกินในหลายเดือนหลัง–จนถึงขั้น “ตกชั้น” จากยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เห็นดังนี้ แดนนี่ เมอร์ฟี่ จึงมีคำแนะนำบางอย่างถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้า…

 

อาจพอเข้าใจได้ถึงการสะดุดล้มหน้าทิ่มหน้าตำ — แต่พอสังเขป สำหรับทีมที่เพิ่งไปถึงระดับ “รองแชมป์” (หรือแชมป์) ทัวร์นาเมนต์สำคัญก่อนหน้า เมื่อไม่ต้องมองไกล ก็ฟุตบอลโลกนี่เองที่ (ดูเหมือนจะ) มี  “อาถรรพ์แชมป์เก่า”  หลายปีหลังนอกจากป้องกันแชมป์ไม่ได้ ยังพาเหรดกันตกรอบแรกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

แต่ก็ยากที่ใครจะคาดคิดถึงชะตากรรมแบบนี้ของ อังกฤษ

 

แพ้ ฮังการี 0-1
เสมอ เยอรมนี 1-1
เสมอ อิตาลี 0-0
แพ้ ฮังการี 0-4
แพ้ อิตาลี 0-1

 

หนึ่งคือ ดันมาเจอ ฮังการี ชุดคึกเป็นม้า ชุดกัญชาเสรี แข็งที่สุดและดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
สองคือ โชคดวงอาจไม่เป็นใจในบางเกม
และสามคือ ก็ห่วยเองนั่นแหละจะโทษใคร!

 

ผลคือ 5 นัดผ่านไปใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 สิงโตคำรามกลายร่างเป็นแมวเหมียว ชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ลูกเดียวถ้วน–แถมเป็นจุดโทษ ไม่มีประตูจากโอเพ่นเพลย์ พร้อมการันตีการจบ “บ๊วยของกลุ่ม” โดยไม่ต้องสนใจเกมปิดท้ายกับ เยอรมนี ที่เวมบลีย์ ในวันที่ 26 ก.ย. แต่อย่างใด (เยอรมนีมี 6 แต้ม ส่วน ฮังการี – อิตาลี ชิงแชมป์กลุ่มกัน)

 

และการรั้งบ๊วยนั่น หมายถึงว่าพวกเขาต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีก B ร่วมกับพวก จอร์เจีย, กรีซ, คาซัคสถาน, มอนเตเนโกร หรืออีกหลายทีมเกรดรองของทวีป ใน UNL หนถัดไป 2024/25 (เพื่อชิงสิทธิ์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีก A อีกครั้งให้ได้)

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะมาถึงในอีกไม่เต็ม 2 เดือน เท่ากับ อังกฤษ จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ด้วยฟอร์มภาพรวมอันน่าผิดหวัง และบรรยากาศทะมึนทึมภายในทีม

 

“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต” แดนนี่ เมอร์ฟี่ ในฐานะคอมเมนเตเตอร์, อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ (2001-2003) 9 นัด และอดีตขวัญใจเด็กหงส์ ลิเวอร์พูล เกริ่นกับ เดลี่ เมล “การเล่นที่ไร้ความดุดันและขาดความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย และก่อให้เกิดความกังวลอย่างแท้จริง”

 

“คำถามก็คือ แล้วเขาควรทำอย่างไร? ควรยึดติดกับสิ่งที่มี — ที่ไม่นานนี้เขาพา อังกฤษ ไปถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกและเข้าชิงชนะเลิศยูโร หรือเขาควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง?”

 

“ในสายตาของผม เขาควรรีบลงมือเปลี่ยนก่อนที่จะสาย กล้าเสี่ยงกว่าที่เคยเป็น และนี่คือแผนการ 4 ลำดับขั้นของผม ในการจะช่วยเซฟอังกฤษของเซาธ์เกต”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"1. หันหลังให้ความเพลย์เซฟ
สำคัญคือ เนชั่นส์ ลีก ที่สิงโตคำรามกลายร่างเป็นน้อนแมว ลงสนาม 5 นัดชนะใครใม่เป็น ในขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ กำลังจะมาถึงในอีกไม่ครบ 2 เดือนเต็ม

 

สำหรับในรอบแรกที่กาตาร์ อังกฤษ จะอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ ซึ่ง เมอร์ฟี่ มองว่า “เราโชคดีมากพอที่ได้อยู่ในกลุ่มที่กาตาร์ซึ่งเราสามารถครองแชมป์กลุ่มได้แม้ว่าเราอาจจะเล่นได้ไม่ดีนักก็ตาม แต่หลังจากนั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นในรอบน็อคเอาท์?”

 

“เราจะทำได้แค่หวังว่า มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นซ้ำรอยทัวร์นาเมนต์เก่าๆ หรือเราจะฉกฉวยโอกาสจากรอบแบ่งกลุ่ม เปิดใช้พรสวรรค์ที่เรามีในแนวรุก สร้างความมั่นใจและโมเมนตัมจากตรงนั้น?”

 

“สมมุติว่าเราต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการเจอกับทีมแข็งๆ สักราย และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ถึงตรงนั้น เซาธ์เกต จะเจอปัญหากับหน้าที่การงานของเขาแน่ แต่ขณะเดียวกัน แฟนๆ จะยอมรับเรื่องราวที่โชคร้ายหากพวกเขารู้สึกว่าเราแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ถ้าเราทุ่มเทพยายามกันแล้วและเล่นได้น่าดูชม”

 

“ผมเป็นแฟนตัวยงของสิ่งที่แกเร็ธทำ เขาประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผมคาดไว้ แต่คุณไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้ ทุกอย่างต้องมีวิวัฒนาการ ถึงเวลาแล้วที่จะเสี่ยง ที่จะบิดให้เกิดความแตกต่าง การอยู่เฉยในตอนนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"2. โยนแผน 3 เซนเตอร์แบ็กทิ้งไปซะ
จะบอกว่า “ติดมาจากยูโร” ก็คงไม่ใช่ เพราะที่จริง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก 3-4-3 ในยูโร 2020 แค่ไม่กี่นัด เช่นเกมชนะ เยอรมนี 2-0 หรือนัดชิงชนะเลิศกับ อิตาลี เป็นต้น

 

แต่เมื่อมาถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มีอย่างน้อย 2-3 เกมที่ เซาธ์เกต เลือกใช้ 3 เซนเตอร์แบ็กลงสนาม อย่างเกมล่าสุดที่แพ้ อิตาลี 0-1 ก็ใช่ — ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก ไดเออร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขนาบข้างด้วยวิงแบ็ก รีซ เจมส์ – บูกาโย่ ซาก้า

 

จุดนี้คือสิ่งที่ เมอร์ฟี่ มองว่าต้อง “โละทิ้ง” สถานเดียว “ทุกคนต่างรู้ว่า อังกฤษ ไม่ได้ประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์นานกว่าเจ็ดชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เป็นเพราะเราถูกคาดเดารูปแบบการโจมตีได้ง่ายเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนระบบการเล่นจะช่วยได้”

 

“แกเร็ธ ต้องกลับไปเล่นด้วยแนวรับ 4 คน มีไม่กี่ทีมที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก มันเป็นการเล่นที่ระมัดระวังเกินไป การใช้หลังบ้าน 4 คนจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวมากขึ้น มันจะทำให้มีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้นด้วย รวมทั้งเหมาะกับการเล่นของ จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ เมสัน เมาท์ เช่นเดียวกัน”

 

“ระบบ 4 กองหลังจะทำให้มีตัวมากขึ้นในเกมรุก และยังเป็นสิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่คุ้นเคย นักเตะจากแมนฯ ซิตี้ เล่นในระบบนี้ ลิเวอร์พูลก็เช่นกัน สโมสรชั้นนำส่วนใหญ่ใช้ระบบนี้ทั้งนั้น”

 

“ไคล์ วอล์คเกอร์ ไม่ได้เล่นด้วยระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กกับ ซิตี้ ในทุกสัปดาห์ ไม่ต่างกันกัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ยูไนเต็ด ส่วนทาง เบลลิงแฮม เล่นแบบ 3 กองกลางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บูกาโย่ ซาก้า ก็ไม่ได้เป็นวิงแบ็กกับ อาร์เซน่อล อีกแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ แกเร็ธ กำลังทำ เหมือนเขากำลังขุดหลุมฝังกลบตัวเอง”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"3. กลับมาใช้งานแบ็กโฟร์
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว อดีตเจ้าพ่อฟรีคิกแห่งแอนฟิลด์ ย้ำว่า 4-4-2 ปกติ หรือไม่ก็ 4-3-3 หรืออะไรก็ได้–ให้เป็นแผงแบ็กโฟร์ คือหมากการเล่นที่เหมาะสมสุดแล้วของ อังกฤษ อย่าไปคิดอะไรซับซ้อนให้ปวดหัว

 

“หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ เซาธ์เกต คือเขาดูไม่แน่ใจว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากฟูลแบ็กของเขาออกมาได้อย่างไร เมื่อเขาดูเหมือนว่าจะมีตัวเลือกมากเกินไป”

 

“รีซ เจมส์ เป็นเพียงคนเดียวที่เล่นทางด้านขวาในระบบวิงแบ็กเป็นประจำ ส่วนที่เหลือค่อนข้างคุ้นเคยกับแบ็กโฟร์มากกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คีแรน ทริปเปียร์ ต่างเสนอในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

 

“ผมรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เห็น เบน ชิลเวลล์ ทางซ้าย เขารู้ระบบ 3 กองหลังดี เขาได้ลงสนามพอสมควรในซีซั่นนี้ เขาเปลี่ยนเกมให้เชลซีในนัดที่เจอกับเวสต์แฮม ทำประตูหนึ่งลูกและมีส่วนกับอีกหนึ่งประตูด้วย”

 

แต่ที่สำคัญนอกจากการกลับมาใช้แผงแบ็กโฟร์ ก็คือ เซาธ์เกต ต้องตัดสินใจเลือก “ฟูลแบ็กตัวจริง” ของตัวเอง ได้แล้ว — มาช้ายังดีกว่าไม่มา

 

“ถึงเวลาแล้วที่ แกเร็ธ จะต้องเลือกฟูลแบ็ก และมอบความไว้วางใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ สำหรับทีมที่เริ่มจะยิงประตูได้ยากขึ้นอย่างพวกเขา ยิ่งมีตัวสร้างสรรค์เกมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”

 

“ถ้าเขาเลือกจะปรับเป็นแผงแบ็กโฟร์ เซนเตอร์แบ็กของเขาจะสบายใจขึ้นกับการยืนตำแหน่ง แม็กไกวร์ อาจดูแข็งแกร่งในเกมกับอิตาลี แต่เขาไม่อาจหลีกหนีปัญหากับ ยูไนเต็ด ไปได้ และผมอยากเห็น ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้โอกาสลงสนามกับทีมของ เซาธ์เกต มากกว่านี้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"4. เชื่อใน เจมส์ แมดดิสัน
ปิดท้าย แดนนี่ เมอร์ฟี่ ชี้ไปที่จุดน่าสนใจอย่างการขาด “ตัวสร้างสรรค์เกม” ของทัพ ทรี ไลออนส์

 

เพราะแม้จะมีตัวดีๆ อย่าง เมสัน เมาท์, เจมส์ วอร์ด-เพราส์ หรือ ฟิล โฟเด้น ไปจนถึงตัวที่ไม่ถูกเลือกมาในทีมชุดเดือนนี้อย่าง แจ็ค กรีลิช, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เจสซี่ ลินการ์ด แต่ผลงานของ อังกฤษ ก็เป็นอย่างที่เห็นกัน พวกเขาไม่อาจปฏิเสธความดีความชอบ (หรอ?!?) ของการที่ยิงใครไม่ได้เลยในรูปแบบโอเพ่นเพลย์ ของ เนชั่นส์ ลีก งวดนี้

 

เมอร์ฟี่ มองว่า คนที่จะตอบโจทย์นี้ได้ คือคนที่ เซาธ์เกต มองข้ามไปตลอดช่วงหลัง — เจมส์ แมดดิสัน

 

“จากเดิมที่สามารถใส่ชื่อได้ 23 คน ฟุตบอลโลกครั้งนี้ แกเร็ธ สามารถยกขบวนนำทีม 26 คนไปกาตาร์ได้ และมันควรจะต้องมีพื้นที่สำหรับ เจมส์ แมดดิสัน”

 

“แม้ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ จะดูมีปัญหาในทีม แต่ก็ยังไม่มีกองกลางชาวอังกฤษคนใดที่สามารถทำประตูและแอสซิสต์ได้มากไปกว่า แมดดิสัน เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการเปิดแนวรับคู่แข่ง แม้ว่าเขาอาจไม่ได้เริ่มด้วยการเป็นตัวจริง แต่คุณก็รู้ว่าเขาจะลงมาและทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ เขาดีในระดับนั้น”

 

“การเล่นที่ไม่ต้องกังวลกับการทำผิดพลาด คือกุญแจสำคัญในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ผู้เล่นจำนวนมากเมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากการเล่นในระดับสโมสรไปสู่ระดับชาติ จะกังวลเรื่องการสูญเสียบอลเพราะจังหวะจ่ายบอลเสี่ยงๆ แต่ แมดดิสัน ไม่เป็นแบบนั้น”

 

สำหรับ แมดดิสัน วัย 25 สร้างผลงานสุดเจ๋งในซีซั่นที่แล้ว ด้วยการตะบันไปถึง 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีม (เจมี่ วาร์ดี้ 17, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ 11, แพ็ทสัน ดาก้า 11) ส่วนซีซั่นนี้ ท่ามกลางฟอร์มบู่ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ยังยิงได้ถึง 3 ลูกจาก 6 เกมพรีเมียร์ลีก

 

แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา เจ้าของเบอร์ 10 เลสเตอร์ ได้โอกาสลงสนามรับใช้ชาติไปเพียง 1 เกมถ้วนเท่านั้น ด้วยการลงเป็นสำรองครึ่งหลังนัดพบ มอนเตเนโกร ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่อยู่ในทีมชุดล่าสุดนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่ได้เล่นให้อังกฤษก่อนฟุตบอลโลก แกเร็ธ ควรยกเว้นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ แมดดิสัน”

 

“และก็ไม่สำคัญว่าเขาเคยมีความผิดทางวินงวินัยมาก่อนหรือไม่ หลายคนในทีมชุดนี้ก็เคยได้รับโอกาสครั้งที่สอง ไม่ว่าจะ แจ๊ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น หรือแม้แต่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เองก็เคยถูกตัดชื่อภายหลังมีเรื่องมีราวกับ โจ โกเมซ ส่วน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็มีประเด็นที่กรีซเหมือนกัน”

 

“ฟุตบอลต้องนำหน้าเรื่องอื่นแล้ว และเราจะยิ่งเห็นว่า อังกฤษ ต้องการ แมดดิสัน มากๆ หากว่าพวกเขายังคงล้มเหลวอยู่อีกในเกมกับ เยอรมนี”

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“อังกฤษยังเป็นแชมป์โลกได้!”
แต่ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายเริ่มจะกาชื่อ อังกฤษ ทิ้งจากสารบบแชมป์โลกที่กาตาร์ ทางฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลี ที่เป็นผู้สยบสิงโตโดยตรงใน เนชั่นส์ ลีก กลับมองต่างไปจากคนอื่นๆ เมื่อเชื่อว่า เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ยังคงมีโอกาสดีในการจะเพิ่มจำนวนโทรฟี่ขึ้นในช่วงปลายปีนี้

 

มันโช่ เอ่ยหลังเกมที่ ซาน ซิโร่ ว่า การเปลี่ยนแท็กติกของตนจาก 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสุดของชัยชนะ “ระบบเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเรื่องแคแรกเตอร์ ความมุ่งมั่นในการเล่นเกมบุกและควบคุมเกม เรายังขาดประสบการณ์กันอยู่บ้าง นักเตะบางคนของเขาอายุน้อยมาก แต่เราก็เล่นกันได้ดีในวันนี้”

 

“ชัยชนะเกมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อมันช่วยให้เรามีความสงบนิ่งที่จะมุ่งสู่การเป็นแชมป์กลุ่ม เราเอาชนะ อังกฤษ ได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก”

 

“ในสายตาของผม อังกฤษ คือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้พวกเขาจะแพ้เกมนี้ก็ตาม พวกเขาก็ยังมีโอกาสดีในการคว้าแชมป์โลก”

 

 

 

 

อ้างอิง
DAILY MAIL
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Teamtalk
Sky Sports
Futbol on FanNation

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กองหน้าบราซิลคนไหน…ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กลายเป็นปัญหาที่น่ายินดีกับการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกแนวรุกบราซิลแบบล้นมือนับไม่หวาดไม่ไหว และคงต้องปวดหัวเลือกเฟ้นว่าจะเอาใครไปหรือทิ้งใครไว้ที่บ้าน สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2022

 

เป็นปกติที่ขุมกำลัง (squad) ของชาติที่ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก จะถูกจัดสรรแบ่งออกตามตำแหน่ง ผู้รักษาประตู / กองหลัง / กองกลาง / กองหน้า ซึ่งครั้งนี้ เวิลด์ คัพ 2022 ฟีฟ่า อนุญาตให้แต่ละทีมสามารถใส่ final squad ได้ 23-26 คน โดยต้องส่งรายชื่อไม่เกิน 13 พ.ย.

 

ในส่วนของ “กองหน้า” นั่นหมายความรวมถึงทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า, ตัวริมเส้น และหน้าต่ำ-เพลย์เมกเกอร์

 

และโดยทั่วไป หลายๆ ชาติก็จะใส่ชื่อตัวเลือกกองหน้าไว้ทำศึกรอบสุดท้ายประมาณ 6-8 ราย ไม่เกินนี้

 

ปัญหา…กำลังเป็นของ บราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

 

คงนับเป็นปัญหาที่น่ายินดีของ ตีเต้ กุนซือ “ลา เซเลเซา” กับการมีตัวเลือกแนวรุกแบบล้นมือ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็แจ่มวาว ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อจะสามารถหิ้วไปได้แค่ 6-7-8 ราย มันจึงต้อง “เลือก” กันหน่อย

 

กองหน้าบราซิล มีใครเข้าข่ายถูกพิจารณาบ้าง เรารวบรวมรายชื่อไว้ได้… 17 คน!

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เนย์มาร์ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
119 นัด 74 ประตู
คงพอพูดได้ว่า นี่คือนักเตะที่ “ดีที่สุด” และเป็นตัวความหวังสูงสุดของ บราซิล ยุคนี้ พร้อมกันกับที่ เนย์มาร์ ก็ต้องแบกรับภาระความกดดันของการพาทีมประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกให้จงได้ ภายหลังเว้นว่างมา 20 ปี หรือก็คือเจเนอเรชั่นของ เนย์มาร์ นี่พอดี

 

เนย์มาร์ ยังอยู่ในเส้นทางของการพังสถิติทั้งหลายแหล่ของ ลา เซเลเซา ไม่ว่าจะ “ยิงประตูสูงสุดตลอดกาล” ของ เปเล่ ที่ทำไว้ 77 ประตู นั่นคือเหลือยิงให้ได้อีกแค่ 4 ลูกเท่านั้น เนย์มาร์ จะแซงหน้าอดีตแข้งเบอร์ 1 โลกอย่างราชาไข่มุกดำขึ้นไป — เผลอๆ จะทำสำเร็จในเบรคทีมชาติงวดนี้ด้วยซ้ำ กับการมีคิวเตะพบ กาน่า และ ตูนิเซีย

 

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็รับใช้ชาติไปแล้ว 119 นัด แม้จะตามหลังเจ้าของสถิติติดธงบราซิลสูงสุดตลอดกาลอย่าง มาร์กอส คาฟู (142 นัด) อยู่พอตัว แต่ก็อยู่ในระยะที่สามารถแซงได้เช่นกัน จากที่ตอนนี้ เนย์มาร์ อายุ 30 และยังเหลือเวลาเล่นทีมชาติอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี

 

สำคัญกว่าเรื่องสถิติ คือการยิงในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนอเมริกาใต้ ไปมากถึง 9 ประตู เป็นรองแค่ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ของโบลิเวีย (10 ลูก) รายเดียว และซีซั่นนี้ เนย์มาร์ ก็ลั่นไกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปแล้วถึง 11 ประตูจาก 11 นัด

 

นอกจากนั้น การที่ ตีเต้ ยังมักถอย เนย์มาร์ ลงต่ำไปยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยปั้นเกมจากตรงกลางและประสานเกมรุกร่วมกับอีก 3 กองหน้า ยังทำให้หมายถึงว่า จะมีแค่ปัญหาบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะพราก เนย์มาร์ ให้หลุดออกจากกาตาร์ 2022 ได้

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ริชาร์ลิซอน : สเปอร์ส
36 นัด 14 ประตู
หากว่า เนย์มาร์ คือเพชรเม็ดใหญ่สุดของ บราซิล นาทีนี้ ริชาร์ลิซอน ก็คือคนสำคัญลำดับถัดมา โทษฐานที่เป็น “กองหน้าตัวเป้า” ที่สามารถพึ่งพาและฝากความหวังได้มากที่สุดคนหนึ่ง

 

การเดินทางแบบไต่ระดับจากทีมเล็กไปใหญ่ ฟลูมิเนนเซ่ > วัตฟอร์ด > เอฟเวอร์ตัน > สเปอร์ส คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ริชาร์ลิซอน กำลังเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในเส้นทางค้าแข้ง และแม้จะต้องเสียเวลาปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ในกรุงลอนดอนอยู่บ้าง แต่ก็ยิงได้แล้ว 2 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

ส่วนในทีมชาติ กองหน้าวัย 25 กดไปแล้ว 14 ลูกจาก 36 นัด อันหมายถึงเล่น 2 นัดต้องมีสัก 1 ตุง เป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดในทีมรองจาก เนย์มาร์ รายเดียว

 

เรื่องได้ไปฟุตบอลโลก 2022 น่ะไปแน่ (ถ้าไม่เจ็บ) แค่ว่าต้องชิงตำแหน่งมงกุฎยอดเพชรกับ กาเบรียล เชซุส เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022วินิซิอุส จูเนียร์ : เรอัล มาดริด
14 นัด 1 ประตู
ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของการรับใช้ชาติ ภายหลังประเดิมเส้นทางติดธงด้วยความขลุกขลัก บาดเจ็บและโดนตัดออกจาก โคปา อเมริกา 2019 โดยจนถึงตอนนี้ลงสนาม 14 นัด เพิ่งกดไปเม็ดเดียว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ยังฉายแสงไม่มากในทีมชาติ แต่ วินิซิอุส จูเนียร์ (22) คือหนึ่งในดาวรุ่งของฟุตบอลยุคใหม่ที่ถูกยกย่องว่าจะช่วงชิงตำแหน่ง “แข้งตัวท็อปโลก” ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนั่นก็ด้วยผลงานที่ร่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในตลอด 2-3 ปีหลัง

 

ซีซั่นที่แล้วกด 22 ประตูจาก 52 นัด
ซีซั่นนี้ยิงแล้ว 5 ประตูจาก 9 เกม

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงหรือสำรอง วินิซิอุส ก็คือหมากสำคัญที่ ตีเต้ จะหมางเมินไปเสียมิได้ในภารกิจทวงแชมป์โลกที่กาตาร์

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : ลิเวอร์พูล
55 นัด 17 ประตู
เป็นหนึ่งในซีเนียร์อายุเกิน 30 ไม่กี่คนของ บราซิล ชุดปัจจุบัน ซึ่งถึงตรงนี้รับใช้ชาติไปแล้ว 55 นัด กด 17 ตุง

 

ตัวเลขพังสกอร์อาจไม่มากนัก แต่ก็เป็นในลักษณะเดียวกันนี้เวลาที่ ฟีร์มิโน่ เล่นให้ ลิเวอร์พูล เนื่องจากแนวทางการเล่นของเขาเน้นเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนรอบข้าง มากกว่าจะเน้นพังตาข่ายด้วยตัวเอง (นานๆ ยิงที ก็ยิงแบบไม่มองลูก ไรงี้)

 

แม้โดยชื่อชั้นและประสบการณ์ในทีมชาติ จะทำให้ ฟีร์มิโน่ ไม่น่าพลาดแทรกตัวไปเป็นหนึ่งในขุนพล ลา เซเลเซา แต่ด้วยการที่จะเป็น “หอกเป้าตัวเลือกที่ 3” ถัดจาก กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน พ่วงด้วยฟอร์มที่ค่อนข้างแผ่วกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ ก็ทำให้แอบเสียวๆ ว่า ฟีร์มิโน่ เสี่ยงจะหลุดโผอย่างเซอร์ไพรส์เอาได้เหมือนกัน

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ราฟินญ่า : บาร์เซโลน่า
9 นัด 3 ประตู
กระโดดข้ามขั้นจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปสู่ยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ ด้วยค่าตัวสมน้ำสมเนื้อ 50 ล้านปอนด์ และตัวริมเส้นวัยเบญจเพสก็มีที่ยืนชัดเจนในทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ

 

ส่วนกับทีมชาติบราซิล ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกไม่น้อย ด้วยการกดไปแล้ว 3 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 เกม หลังเพิ่งเริมติดธงเมื่อกลางปีที่แล้ว

 

ด้วยความครบเครื่อง ชงเองกินเองได้ ยิงประตูได้จากทุกพื้นที่ของสนาม รวมทั้งการเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินกับยอดทีมอย่าง บาร์ซ่า ก็ทำให้ ราฟินญ่า จะเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของ ตีเต้ ดีไม่ดีจะยึดตัวจริงไปยาวๆ

 

โอกาสไปบอลโลก 80%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อันโตนี่ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
9 นัด 2 ประตู
เจ้าของค่าตัว 100 ล้านยูโรคนล่าสุดของวงการ (95+5) ยังอยู่ในช่วงทำความรู้จักกับฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็ประเดิมยิงใส่ อาร์เซน่อล ไปแล้ว ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยพลิกล็อก 3-1

 

ประเด็นคือ อันโตนี่ ต้องสร้างความสม่ำเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้โดยเร็ว และเค้นฟอร์มสวยๆ ออกมาไม่แพ้ตอนที่อยู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นั่นถึงจะมีการันตีว่าเขาจะถูกจิ้มเลือกจาก ตีเต้ ให้ไปแอ่วกาตาร์

 

กระนั้นด้วยความห้าวเป้งสดใหม่ของแข้งวัย 22 ก็ทำให้ “มีไว้ดีกว่าไม่มี” อย่างน้อยคือหิ้วไป “ฝึกงาน” ก่อนใช้จริงๆ จังๆ ใน เวิลด์ คัพ ครั้งถัดๆ ไป

 

โอกาสไปบอลโลก 60%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มาเตอุส คุนญ่า : แอตฯ มาดริด
7 นัด 0 ประตู
เป็นตัวหลักชุดยู-23 และโอลิมปิกเกมส์ของบราซิล ชนิดมีสถิติกระหน่ำสุดประทับใจ 21 ประตูจากการเล่นแค่ 24 นัด อย่างไรก็ตาม ในการยกระดับขึ้นเล่นชุดใหญ่ มาเตอุส คุนญ่า ยังดูสอบไม่ผ่านเท่าไหร่ ยังเบิกสกอร์ไม่ได้จากการลงสนาม 7 นัด

 

เช่นกัน การยกระดับระดับสโมสร จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด (25-30 ล้านยูโร) ก็ยังลงหลักปักฐานสร้างฟอร์มดีๆ ไม่ได้มาก ซีซั่นก่อนยิง 7 ประตู ซีซั่นนี้ยังเป้าสะอาด

 

ดังนั้น โอกาส 50-50 ในตอนนี้ ถ้าไม่รีบเค้นฟอร์มในเดือนกว่าๆ สุดท้ายก่อนบอลโลก ก็เห็นทีว่าคงโดนตัดชื่อในที่สุด

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรดรีโก้ โกเอส : เรอัล มาดริด
5 นัด 1 ประตู
ย้ายจากบ้านเกิด (ฟลาเมงโก้) มาขึ้นฝั่งสเปนกับ เรอัล มาดริด ตามหลังเพื่อนร่วมรุ่น (แก่กว่า 1 ปี) วินิซิอุส จูเนียร์ 1 ปี และก็ได้ลงสนามสม่ำเสมอกับทีมชุดขาวมาตลอด แม้ผลงานอาจดูเป็นรอง วินิซิอุส อยู่บ้างก็ตาม

 

ปัญหาของ โรดรีโก้ คือการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกดีๆ ในตำแหน่งริมเส้นเป็นเบือเป็นบาน และเขายังไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องรีบใช้งานเจ้าหนูอายุ 21 รายนี้ เร็วเกินไป

 

ดูทรง ก็คงคล้ายๆ อันโตนี่ ว่าเอาไปฝึกงานที่กาตาร์ก่อน ค่อยใช้เต็มที่ในรายการต่อๆ ไปได้ ไม่เสียโควตา

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปโดร : ฟลาเมงโก้
1 นัด 0 ประตู
น้องใหม่ในทีมบราซิลชุดเตะลับแข้งเดือนนี้ – เปโดร กิเยร์เม่ อาบรู โดส ซานโตส “เปโดร” หัวหอกตัวเป้าวัย 25 จาก ฟลาเมงโก้

 

ความที่ไม่เคยติดธงมาก่อนเลย ทำให้โอกาสจะแซงหน้าแซงตาพวกรุ่นพี่ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 คงมีไม่เกิน 10-20% เท่านั้น

 

เรื่องเล่าของ เปโดร อยู่ที่ระดับสโมสรมากกว่า เมื่อเขาเคยได้ย้ายจาก ฟลูมิเนนเซ่ ไปเข้าสังกัด ฟิออเรนติน่า ที่อิตาลีเมื่อ ก.ย. 2019 ด้วยค่าตัวไม่เบา 11 ล้านยูโร โดยทำสัญญายาว 5 ปี แต่ปรากฏได้ลงสนามแค่ 4 นัดรวมเวลาแค่ 59 นาที ก็ย้ายยืมกลับบราซิลซบ ฟลาเมงโก้ ตอนเปิดตลาดหน้าหนาว 2020 อย่างด่วน ก่อนย้ายขาด 15 ล้านยูโร ในเวลาต่อมา

 

โอกาสไปบอลโลก 5%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล เชซุส : อาร์เซน่อล
56 นัด 19 ประตู
ไม่ติดอยู่ในทีมลับแข้งของเดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ แต่ก็คาดว่าเป็นเพราะ ตีเต้ อยากเปิดโอกาสให้ กาเบรียล เชซุส ได้พัก และ “ลองของ” ใช้งานตัวอื่นๆ บ้าง เท่านั้น

 

กับรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ ตีเต้ จะมองข้ามกองหน้าวัย 25 ไปหาตัวเลือกอื่น ด้วยผลงานที่ กาเบรียล เชซุส สร้างไว้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 236 นัด 95 ประตู
อาร์เซน่อล ซีซั่นนี้ 8 นัด 4 ประตู
ทีมชาติบราซิล 56 นัด 19 ประตู

 

ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 1 สมัย หนก่อนที่รัสเซีย โดยเป็นหอกเป้าตัวเลือกแรกสุด ลงตัวจริงครบทั้ง 5 นัด แต่กลับไม่อาจเบิกสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว (ก่อน บราซิล แพ้ เบลเยียม 1-2 ตกรอบ 8 ทีม) และนั่นจะเป็นแรงกระตุ้นพิเศษให้เจ้าตัว สำหรับการคลำเป้าให้ได้ในฟุตบอลโลก 2022

 

โอกาสไปบอลโลก 90%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ : อาร์เซน่อล
3 นัด 0 ประตู
แม้จะเป็นตัวจริงเคียงข้างกันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่สถานการณ์ในทีมชาติบราซิลของ 2 กาเบรียล — มาร์ติเนลลี่ กับ เชซุส ค่อนข้างแตกต่างกันมาก

 

อย่างที่ว่าไว้ข้างต้นว่า กาเบรียล เชซุส คงไม่พลาดไปกาตาร์เมื่อยังคงน่าจะเป็นตัวเลือกเบอร์ 1-2 ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของ ตีเต้ แต่กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แล้ว เอาแค่ให้ถูกเลือก ได้มีชื่อติดธงไป–แบบไม่ต้องลงก็ได้ ก็ต้องถือว่า “ถูกหวย” เข้าแล้ว

 

หนึ่งคืออายุอานามเพิ่ง 21 อีกหนึ่งคือเพิ่งเคยเล่นทีมชาติชุดใหญ่ไปแค่ 3 นัด แถมอีกหนึ่งก็คือ ริมเส้นแซมบ้าตัวเลือกดีๆ กว่าเขา มีอีกเพียบ!

 

โอกาสไปบอลโลก 30%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาบิโกล : ฟลาเมงโก้
18 นัด 5 ประตู
กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าเคล้าน้ำชากับเส้นทางของ กาเบรียล บาร์โบซ่า “กาบิโกล” ในตอนที่ย้ายจาก ซานโตส ไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวเหยียบ 30 ล้านยูโรเมื่อปี 2016 ปรากฏทำไปทำมาก็ “แจ้งดับ” ไม่ผุดไม่เกิด แทบไม่ได้เล่นและถูกส่งออกยืมไปทั้ง เบนฟิก้า, ซานโตส และ ฟลาเมงโก้ ก่อนย้ายขาดไป ฟลาเมงโก้ 18 ล้านยูโรในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ยิงกระจายในลีกบ้านเกิด มีปีที่ยิง 43 ลูกบ้าง 34 ลูกบ้าง ทำให้ กาบิโกล ได้โอกาสจาก ตีเต้ ไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในขวบปี 2021 ได้ลงสนามเกมทีมชาติถึง 12 นัด และซัดไป 3 ประตู

 

ในวัย 26 และการลงหลักปักฐานกับ ฟลาเมงโก้ เป็นอย่างดีมาตลอดสี่ซ้าห้าปีหลัง จึงเป็นคำถามว่า ตีเต้ จะยังคงเปิดทางให้ กาบิโกล อยู่หรือไม่ โดยเมื่อมองจากตอนนี้ โอกาสอยู่ที่ 50/50 เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อาร์ตูร์ กาบรัล : ฟิออเรนติน่า
0 นัด 0 ประตู
ระเบิดฟอร์มกับ บาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการยิง 65 ประตูในสองซีซั่นครึ่ง จน ฟิออเรนติน่า คว้าเข้าคอกเมื่อตลาดหน้าหนาวซีซั่นก่อน แต่ก็ดูยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับบอลอิตาลีอีกเยอะ เมื่อเพิ่งยิงไปแค่ 3 ลูก หนึ่งในนั้นเป็น 1 ประตูของซีซั่นนี้

 

อาร์ตูร์ กาบรัล เคยถูกเรียกไปติดธงแซมบ้ามาเมื่อ ต.ค. 2021 ในคิวคัดเลือกบอลโลก 2022 เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม และถ้าจับพลัดจับผลูถูกเรียกไปกาตาร์ขึ้นมา ก็คงถือเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มัลคอม : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
0 นัด 0 ประตู
สร้างชื่อกับ บอร์กโดซ์ จน บาร์เซโลน่า ทุ่ม 42 ล้านยูโรคว้าไปเสริมแกร่งริมเส้นเมื่อปี 2018 แต่ปรากฏไม่อาจแจ้งเกิดได้ ลงสนามแค่ 24 นัด (2 ประตู) ในซีซั่น 2018/19 ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

 

ที่น่าตกตะลึงมากกว่าคือหลังจบซีซั่นนั้น เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หอบเงินมา 40+5 ล้านยูโร ซื้อต่อไปร่วมทีม ทำให้ บาร์ซ่า อนุมัติปล่อยตัวแบบไม่ต้องคิดมาก ยอมขาดทุนล้านสองล้านหยวนๆ ไป

 

การย้ายไปรัสเซีย ทำให้ชื่อของ มัลคอม ค่อยๆ หายไปจากสารบบด้วย เพราะแม้จะเป็นตัวหลักของ เซนิต แต่ทั้งไกลปืนเที่ยง ทั้งปัญหาสงคราม ก็ทำให้ ตีเต้ ไม่เคยเรียกตัว มัลคอม ไปติดธงมาก่อนเลย แม้จะเคยมีผลงานแจ่มๆ ในโอลิมปิก 2020 (2021) ที่โตเกียว ด้วยการยิงประตูชัยสยบ สเปน 2-1 ส่งบราซิลคว้าเหรียญทองได้ก็ตาม

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ดาวิด เนเรส : เบนฟิก้า
7 นัด 1 ประตู
อีกหนึ่งรายที่ “หายต๋อม” อย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ครั้งหนึ่ง ดาวิด เนเรส เคยถูกยกย่องอย่างสูง รวมถึงเคยถูกเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายราย หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด ที่มีข่าวยื่น 50 ล้านยูโรเข้าทาบทาม

 

แต่ดูเหมือนการเลือกไม่ย้ายในครั้งนั้นจะเป็นการเดินหมากที่ผิด เวลาต่อมา เนเรส ค่อยๆ หลุดจากทีมตัวจริงอาแจ็กซ์ กระทั่งถูกขายไป ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 15+2 ล้านยูโร ต่อด้วยย้ายไป เบนฟิก้า 15 ล้านยูโรในซีซั่นนี้

 

การหายจากสปอตไลท์ ก็ทำให้ เนเรส หลุดจากโผบราซิลของ ตีเต้ ไปด้วย โดยไม่ถูกเรียกตัวมา 3 ปีแล้ว หลังจากลงเล่นไป 7 เกมภายในช่วงปี 2019

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปาลินโญ่ : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
0 นัด 0 ประตู
คนละ เปาลินโญ่ อดีตกองกลางสเปอร์สเจ้าของหมวกทีมชาติ 56 ใบ นี่คือ เปาลินโญ่ เอ็นริเก้ ซัมไปโย่ ฟิลโญ่ กองหน้าวัย 22 ที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ดึงตัวจาก วาสโก ดา กาม่า มาปลุกปั้นต่อตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

 

ถูกคาดหมายว่าอนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในผู้ช่วงชิงตำแหน่งหอกเป้าทีมชาติบราซิล แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ฟุตบอลโลก 2022 หลังจากที่ผ่านมา เคยเล่นแต่ทีมเยาวชน และไปโอลิมปิกที่โตเกียว เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เอวานิลสัน : ปอร์โต้
0 นัด 0 ประตู
อีกหนึ่งดาวรุ่งวัย 22 ที่เคยอยู่ในทีมเยาวชนแซมบ้ามาก่อน แต่ก็ยังไม่เคยเล่นชุดใหญ่เช่นเดียวกับ เปาลินโญ่

 

ปอร์โต้ ดึงตัวมาจาก ตอมเบนเซ่ เมื่อสองปีก่อน และสร้างชื่อในโปรตุเกสได้กับซีซั่นที่แล้ว ที่ยิงรวม 21 ประตู เป็นในลีกซะ 14 และในบอลถ้วยฝอยทอง 7 ลูก นับเป็นแข้งรายแรกถัดจาก มาริโอ ยาร์เดล (1997/98) ที่ยิงได้เกิน 6 ลูกในบอลถ้วยซีซั่นเดียว

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

สรุปโผตัวรุกบราซิลที่คาด
ไปฟุตบอลโลก 2022 : เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, วินิซิอุส จูเนียร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ราฟินญ่า, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส, กาเบรียล เชซุส
นอนดูบอลโลกอยู่บ้าน : เปโดร, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อาร์ตูร์ กาบรัล, มัลคอม, ดาวิด เนเรส, เปาลินโญ่, เอวานิลสัน
ลุ้นระทึก 50/50 : มาเตอุส คุนญ่า, กาบิโกล

 

 

ไกด์เถื่อน
(โอกาสไปบอลโลก 0%)

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
Twitter

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022

เบรคสุดท้าย…ก่อนฟุตบอลโลก 2022

ไม่ว่าจะเผลอหรือไม่ วันเวลาก็พาเรามาถึงเบรคทีมชาติช่วงสุดท้ายท้ายสุดแล้ว ก่อนรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 จะโรมรัน

 

ในขณะที่เรากำลังตกตะลึงไปกับความร้อนแรงยิงสลุตไม่แผ่วของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์
กำลังจับตาการฟื้นคืนชีพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เอริก เทน ฮาก
กำลังเป็นพยานการเดินด้วยความแข็งแกร่งไร้เทียมทานของ เรอัล มาดริด
กำลังเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ ยูเวนตุส ของ แม็กซ์ อัลเลกรี
หรือกำลังต้องปาดเหงื่อลุ้นหนักกับเส้นทางของ เชลซี ในถ้วยบิ๊กเอียร์

 

ใครบางคนคงแอบส่ายหัว… แหม่วุ้ย ทีมชงทีมชาติช่างมาขัดจังหวะกันเสียจริง

 

แต่อย่างที่ได้เอ่ยถึงไว้ในเรื่อง “ก่อนบอลโลก มีเกมทีมชาติอีกไหม?” เมื่อสักสองเดือนก่อน ว่านี่คือคิวทีมชาติที่สุดแสนจะ “จำเป็น” และ “ต้องมี” แบบไม่อาจเลี่ยงหรือบอกผ่านได้ เพื่อที่จะให้บรรดา 32 ชาติสมาชิกผู้เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้เตรียมทีมลองของกันเป็นหนท้ายๆ มากๆ ก่อนที่ เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ จะมาถึงในอีกแค่ 2 เดือนข้างหน้าเท่านั้น

 

หลุดจากงวดนี้ไปจะเหลือเพียงช่วง “เตรียมทีม” ลุยรอบสุดท้ายปลายเดือน 11 (20 พ.ย. เปิดสนามบอลโลก) ประมาณไม่เกิน 1-2 สัปดาห์เท่านั้น และหลายๆ ทีมก็ยังไม่ได้วางโปรแกรมลับแข้งเป็นทางการไว้ในช่วงนั้นด้วย

 

เบรคทีมชาติเดือนนี้ ชาติยุโรปหลายชาติยังต้องเคลียร์ตอนจบของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ว่าจะจบด้วยความสำเร็จหรือล้มเหลว ส่วน 2 ยักษ์ใหญ่อเมริกาใต้ บราซิล-อาร์เจนติน่า เดิมทีมีคิวต้องรีแมตช์กันเอง แต่ปรากฏว่า “งานล่ม” เรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างแยกไปเตะเกมลับแข้งของตัวเอง — เพราะอะไร งานนี้มีคำตอบ

 

อย่างที่ว่า นี่คือโปรแกรมอย่างเป็นทางการหนสุดท้ายจริงๆ แล้วก่อน ฟุตบอลโลก 2022 จะมา ความหมายที่เชื่อมโยงต่อเนื่องก็คือ นักเตะรายไหนจะได้ไปบอลโลกแน่ๆ หรือคนไหนมีแนวโน้มหลุดโผ ได้แค่ดูบอลโลกผ่านจอทีวี ก็สามารถ “จับสังเกต” ได้เหมือนกันจากการเรียกตัวคราวนี้

 

ฉะนั้น เมื่อความสำคัญของ “เบรคทีมชาติ” กันยายน 2022 มีมากขนาดนี้ จึงสมควรสอดส่ายสายตาหากันหน่อยว่าแต่ละทีมมีคิวแบบใด สถานการณ์เป็นอย่างไร ขุมกำลังสภาพทีมมาทรงไหน แบบครบจบในตอนเดียว!

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อังกฤษ

23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อิตาลี (ซาน ซิโร่, มิลาน)

26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เยอรมนี (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนคนรักบอลบ้านเรา เหลือโปรแกรมเช็คบิล เนชั่นส์ ลีก ลีกเอ กลุ่ม 3 สองนัดสุดท้าย แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า “เสื่อมความหมาย” ไปพอตัว จากการที่เตะ 4 นัดแรกชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 2 รั้งบ๊วยของกลุ่ม

 

อังกฤษ หมดลุ้นคว้าแชมป์กลุ่มเพื่อเข้ารอบชิงแชมป์ไปเรียบร้อย ที่ยังเหลืออยู่มีแค่ต้อง “หนีบ๊วย” ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้นสู่ ลีกบี 2024/25 เท่านั้นเอง

 

ดังนั้น ประเด็นสำคัญของเบรคทีมชาติงวดนี้ จึงอาจไม่ได้อยู่ที่แมตช์หรือผลลัพธ์สักเท่าไร แต่เป็นโฉมหน้าของขุมกำลังที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวไปติดธง มากกว่า

 

โฟกัสอยู่ที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อดีตเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่ง…ที่เอาฟอร์มไปทิ้งแถวทะเลจีนใต้มาเป็นปีๆ แล้ว

 

ซีซั่นนี้ลงตัวจริง 4 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้มันซะ 3 เกม (1-2 ไบรท์ตัน, 0-4 เบรนท์ฟอร์ด, 0-1 เรอัล โซเซียดัด) ตรงกันข้าม เกมไหนที่ เอริก เทน ฮาก ไม่ใช้งานกัปตันทีมวัย 29 รายนี้ ปีศาจแดงก็มีเฮมันทุกนัด!

 

ด้วยฟอร์มที่ออกทะเลแบบเห็นจัดชัดจริง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เซาธ์เกต ไม่ควรเรียก แม็กไกวร์ มาติดธงอีกแล้ว และควรเปิดทางให้ เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล) หรือ ไทโรน มิงส์ (วิลล่า) มากกว่า

 

แต่ก็น่าสนใจว่า เซาธ์เกต เรียกตัวนักเตะตำแหน่งกองหลังมาร่วมทีมมากถึง 12 ราย ในจำนวนนี้มีเซนเตอร์แบ็ก 6-7 รายด้วยกัน (แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, เอริก ไดเออร์, คอนเนอร์ คอดี้, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์ก เกฮี รวมถึง ไคล์ วอล์คเกอร์) ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่า แม็กไกวร์ จะได้เล่นแน่ๆ …แต่ถ้ายังได้ลงตัวจริงอีก ก็ตัวใครตัวมัน!

 

squad สิงโตชุดล่าสุดนี้ หน้าใหม่จริงๆ มีแค่ ไอแวน โทนี่ย์ ตัวจบสกอร์หลักของ เบรนท์ฟอร์ด รายเดียวที่ไม่เคยถูกเรียกตัวมาก่อน ในขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด หลุดไปเนื่องจากบาดเจ็บ

 

ส่วนที่โดนมองข้าม มีทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), เจดอน ซานโช่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล), เอมิล สมิธ โรว์ (อาร์เซน่อล), คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี) และ เจสซี่ ลินการ์ด (ฟอเรสต์)

 

แน่นอนว่า 7-8 รายหลังสุดนี้ คงต้องใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสองเดือนสุดท้ายก่อนบอลโลก จะได้ไปแอ่วกาตาร์หรือไม่ ล้วนแต่อยู่ในข่าย “ต้องลุ้นหนัก”

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ฝรั่งเศส
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ออสเตรีย (สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เดนมาร์ก (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

แชมป์โลก 2 สมัย ตราไก่ ฝรั่งเศส ตกที่นั่งเดียวกับสิงโตคำราม อังกฤษ ไม่ผิดเพี้ยน จากการเสมอ 2 แพ้ 2 ในสี่เกมแรก หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว เหลือแค่เตะหนีบ๊วย ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้น

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้ซึ่งกุมบังเหียนตราไก่มาครบ 10 ปีเต็มไปเรียบร้อย (130 นัด ชนะ 83 มี 2 โทรฟี่แชมป์) ขาดขาประจำที่มีอาการบาดเจ็บเยอะทีเดียว ทั้ง ปอล ป๊อกบา, อูโก้ โยริส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, เตโอ กับ ลูคัส เอร์นันเดซ, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, อิบราฮิมา โกนาเต้, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, คิงสลี่ย์ โกม็อง และ คาริม เบนเซม่า

 

เพียงแต่ตัวที่ยังอยู่ ก็ล้วนแล้วแต่ฝีเท้าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น นำขบวนโดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อุสมัน เดมเบเล่ ยุคกลับมาแจ้งเกิดใหม่, จอมเก๋า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อองตวน กรีซมันน์, คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู, ราฟาแอล วาราน, ชูลส์ คุนเด้ ฯลฯ

 

จุดน่าสนใจอยู่ที่แดนกลาง เป็นหน้าใหม่แทบทั้งแผง ตัวเลขห้อยท้ายคือจำนวนการติดทีมชาติในช่วงที่ผ่านมา
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (เรอัล มาดริด) 12
มัตเตโอ เก็นดูซี่ (มาร์กเซย) 6
จอร์แดน เวเรตูต์ (มาร์กเซย) 5
เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า (เรอัล มาดริด) 3
ยุสซูฟ โฟฟาน่า (โมนาโก) 0

 

ด้านพวกที่หลุดเนื่องด้วยการพิจารณาของ เดส์ชองส์ และอยู่ในความเสี่ยงจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลก ประกอบด้วย วิสซาม เบน เยแดร์ (เซบีย่า), เกลม็องต์ ลองเล่ต์ (สเปอร์ส), เคิร์ต ซูม่า (เวสต์แฮม) หรือแม้แต่ มาร์กซิยาล (แมนฯ ยูไนเต็ด) ถ้ายังออดๆ แอดๆ อยู่แบบนี้ บอลโลกก็ไม่ชัวร์เหมือนกัน

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022สเปน
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สวิตเซอร์แลนด์ (ลา โรมาเรด้า, ซาราโกซ่า)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปรตุเกส (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

ต้องชิงแชมป์กลุ่ม 2 ลีกเอ กับทาง โปรตุเกส แต่เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ก็สำคัญกับทัพ กระทิงดุ สเปน ไม่แพ้กัน เนื่องจากถ้าชนะสวิสส์ได้ จะต้องการเพียงผลเสมอเท่านั้นในเกมกับทีมฝอยทอง (แต่ก็ห้ามแพ้แหละ)

 

หลุยส์ เอ็นริเก้ เปลี่ยนทีมอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว นอกเหนือตัวที่บาดเจ็บ (ลาป๊อร์กต์, ติอาโก้, โอยาร์ซาบัล) แล้ว ที่หลุดโผไปอย่าง อันซู ฟาติ, โรดริโก้ โมเรโน่, ดานี่ โอลโม่, เซร์จี้ โรเบร์โต้, มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เซร์คิโอ เรกีลอน ล้วนเหมือนมี “คำเตือน” แปะหน้าว่าต้องรีบเร่งเค้นฟอร์มโดยด่วน ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกเป็นแน่

 

แต่ที่น่าจะ “พลาดบอลโลก” ค่อนข้างแน่–อย่างน่าประหลาดใจ ดูเหมือนจะมีแน่ๆ แล้ว หนึ่งราย นั่นคือ ดาบิด เด เคอา

 

แม้จะมาตรฐานสูงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด (สลับกับออกลูกเหวอเป็นพักๆ) แต่ช่วง 2-3 ปีหลังก็ได้ลงสนามรับใช้ชาติอย่างจำกัดมาตลอด (ไม่ได้เล่นเลยในชุดตกตัดเชือก ยูโร 2020) ครั้นมาชุดนี้ก็หลุดออกมาเลย ไม่เป็นหนึ่งในสามตัวเลือกนายทวารของ หลุยส์ เอ็นริเก้ อีกแล้ว

 

คนที่ เอ็นริเก้ เลือกไปติดธง มี อูไน ซิมอน (บิลเบา), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน) และ ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เยอรมนี
23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฮังการี (เร้ดบูลล์อารีน่า, ไลป์ซิก)
26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อังกฤษ (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

ตามหลัง ฮังการี 1 แต้ม แต่ก็ได้ลุ้นแชมป์กลุ่ม 3 ลีกเอ เต็มเหนี่ยว โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดกับ ฮังการี โดยตรงในวันศุกร์ ถ้าชนะได้จะแซงขึ้นจ่าฝูงทันที ก่อนเกมสุดท้าย

 

ฮันซี่ ฟลิค ที่ยังทำทีมไม่แพ้ใครสักนัดหลังผ่านไป 13 เกม (ชนะ 9 เสมอ 4) แทบไม่ได้เปลี่ยนทีมจากช่วงหลังๆ โดยขาดสำคัญๆ แค่ มาร์โก รอยส์ ที่บาดเจ็บ รายเดียว

 

นั่นหมายความว่า โฉมหน้าทีมชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ของ เยอรมนี ก็จะเป็นทีมประมาณนี้แหละ – นอยเออร์, สเตเก้น, ทรัปป์, รูดิเกอร์, ซูเล่, กินเทอร์, ชล็อตเตอร์เบ็ค, คิมมิช, กุนโดกัน, โกเร็ตซ์ก้า, ฮาแวร์ตซ์, มูเซียล่า, มุลเลอร์, แวร์เนอร์, ซาเน่, นาบรี้

 

ที่ยังไม่ชัวร์จะได้ไปกาตาร์ (แต่อยู่ในทีมชุดนี้นะ) อาจมีอย่างพวก ลูคัส เอ็นเมช่า (โวล์ฟสบวร์ก) หรือ อาร์เมล เบลล่า-ค็อตชัป (เซาธ์แฮมป์ตัน) ประมาณนี้

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เนเธอร์แลนด์
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปแลนด์ (นาโรโดวี่, วอร์ซอว์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เบลเยียม (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

อีกหนึ่งทีมที่มีแฟนเยอะในบ้านเรา แต่ยังไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเล็กๆ ว่าด้วยความที่ เนชั่นส์ ลีก ยังไม่จบ แต่รอบสุดท้ายบอลโลกมาคอยท่าแล้ว ปรากฏว่าพวกเขาได้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีม “ต่างทวีป” ทั้งสิ้น ทั้ง เซเนกัล, เอกวาดอร์ และเจ้าภาพ กาตาร์ ก็ทำให้อาจเจอปัญหากับบอลต่างสไตล์ ไม่ค่อยรู้หน้าค่าตาแบบนี้ได้เหมือนกัน

 

สำหรับในเนชั่นส์ ลีก ทีมกังหันอยู่ในจุดที่ดีของการคว้าแชมป์กลุ่ม จากการมีแต้มเหนือ เบลเยียม 3 คะแนน (10:7) นั่นหมายถึงถ้าชนะ โปแลนด์ ได้ จะต้องการแค่ผลเสมอจากเกมส่งท้าย ปะทะปีศาจแดงแห่งยุโรป เท่านั้น

 

ส่วนขุมกำลังชุดนี้ คุณปู่ หลุยส์ ฟาน กัล เปลี่ยนทีมพอสมควรจากชุดก่อนๆ ที่หลุดไปด้วยหลายเหตุผล (เจ็บบ้าง ฟอร์มไม่เข้าตาบ้าง) มีทั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, ลุค เดอ ยอง, ดอนเยลล์ มาเลน, อาร์โนต์ ดันยูม่า, ไรอัน กราเฟนเบิร์ก, ฮานส์ ฮาเตบัวร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ถ้ายังคงนั่งสำรองก้นด้านกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป ก็บอกลาฟุตบอลโลก 2022 ได้เลย

 

ด้าน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, มัทไธส์ เดอ ลิกท์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, ดาลี่ย์ บลินด์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, เมมฟิส เดอปาย, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์, โคดี้ กัคโป ยังมีที่ทางในทีมตามเดิม เพิ่มเติมด้วย วินเซนต์ ยานส์เซ่น (28) อดีตดาวดับของ สเปอร์ส ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ รอยัล อันท์เวิร์ป คืนสู่ทำเนียบทีมชาติหนแรกในรอบหลายปี

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เบลเยียม
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เวลส์ (คิง โบดวง, บรัสเซลส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เนเธอร์แลนด์ (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

ปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่เวลานี้หล่นจากเบอร์ 1 มาเป็นเบอร์ 2 อันดับโลก ฟีฟ่าแรงกิ้ง (เสียตำแหน่งให้บราซิล) อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคว้าชัยชนะให้ได้ทั้ง 2 เกมที่เหลือ เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มมาจาก เนเธอร์แลนด์ ให้ได้ จากการตามหลังอยู่ 3 แต้มในตอนนี้

 

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ยังคงยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ชนิดหลับตาก็นึกชื่อออก ไม่ว่าจะ เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์, ธอร์แกน อาซาร์, ยานนิค การ์รัสโก้, ยูรี่ ตีเลอมันส์, ดรีส เมอร์เทนส์ หรือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

 

อย่างไรก็ตาม โรเมลู ลูกากู ดาวยิงอินเตอร์ มิลาน บาดเจ็บจนไม่อยู่ในทีมชุดนี้ ในขณะที่ ดิว็อค โอริกี้ ที่เงียบฉี่กับ เอซี มิลาน หรือ คริสเตียน เบนเตเก้ ที่ไปแสวงโชคในสหรัฐฯ กับ ดี.ซี. ยูไนเต็ด แล้วนั้น ไม่ถูกเรียกตัวมาติดธง แต่กลับยังมี มิชี่ บัตชูอายี่ (28) ที่ย้ายจาก เชลซี ไปยัง เฟเนร์บาห์เช่ อยู่ในทีม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022โปรตุเกส
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สาธารณรัฐเช็ก (ซิโนโบ, ปร้าก)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สเปน (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

เจ้าของแชมป์ยูโร 2016 ถูกประเมินเป็นเพียง “ม้านอกสายตา” สำหรับการคั่วแชมป์โลกที่กาตาร์ ด้วยฟอร์มที่ดร็อปลงไปค่อนข้างเยอะของตัวชูโรงอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ว่าในขณะเดียวกันยังมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, บรูโน่ แฟร์นันเดส, ชูเอา เฟลิกซ์, ราฟาเอล เลเอา หรือ ดีโอโก้ โชต้า เป็นตัวความหวัง ก็ตาม

 

รายชื่อข้างต้น ต่างยังคงอยู่ในทีมของ แฟร์นันโด ซานโตส ทั้งหมด ส่วนที่หลุดไปมีอาทิ อันเดร ซิลวา (แอร์เบ ไลป์ซิก), กอนซาโล่ เกเดส (วูล์ฟส์), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง), เรนาโต้ ซานเชซ (เปแอสเช) รวมถึง ชูเอา มูตินโญ่ (วูล์ฟส์) ที่อายุปาไป 36 แล้ว

 

สำหรับสถานการณ์ใน เนชั่นส์ ลีก ทีมฝอยทองอยู่ในสถานะเป็นรอง สเปน จากการมีแต้มตามหลัง 1 คะแนน หมายถึงอย่างน้อยต้องชนะ สาธารณรัฐเช็ก เป็นอันดับแรก แล้วก็มีโอกาสสูงที่ยังต้อง “บังคับชนะ” สเปน ในเกมสุดท้ายอีกทีเพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เดนมาร์ก
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โครเอเชีย (มักซิเมียร์, ซาเกร็บ)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฝรั่งเศส (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

อีกหนึ่งชาติยุโรปที่ถูกมองจากหลายฝ่ายว่ามีสิทธิ์ทำเซอร์ไพรส์ ถัดจากการเข้าถึงตัดเชือกยูโร 2020, การตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นชาติที่ 3 (ถัดจาก กาตาร์ และ เยอรมนี) และการลุ้นแชมป์กลุ่ม 1 ลีกเอ อย่างเต็มตัว ด้วยมีโอกาสสูงจะทำสำเร็จ จากการที่มี 9 แต้ม นำหน้าทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2) ที่หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว

 

แต่แม้กระนั้น เกมเยือน โครเอเชีย ในวันพฤหัสบดี สำคัญแบบโคตรๆ เมื่อทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่อาจหลุดแพ้ได้เลย หากพลาดพลั้งขึ้นมามีอันหล่นจากจ่าฝูงทันที แถมนัดสุดท้ายยังต้องเจอของแข็งอย่าง ฝรั่งเศส อีกด้วย

 

ความเปลี่ยนแปลงในขุมกำลังของ ฮูลมันด์ มีเยอะ–ในหน้าตลาด เมื่อหลายต่อหลายแข้งคนสำคัญถึงเวลาเปลี่ยนสังกัด ไม่ว่าจะ คริสเตียน เอริคเซ่น, แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มิคเคล ดัมส์การ์ด, มาร์ติน เบรธเวท หรือ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

 

แต่พวกที่เอ่ยถึงทั้งหมดต่างยังคงอยู่เป็นแกนของทีมโคนมตามปกติ ที่หลุดไปไม่โดนเรียกมีอาทิ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ยุสซูฟ ยูรารี่ โพลเซ่น, ยาค็อบ บรุนน์ ลาร์เซ่น, ปิโอเน่ ซิสโต้, โมฮาเหม็ด ดารามี่

 

ส่วนทาง อันเดรียส คอร์เนเลียส, โรเบิร์ต สคอฟ, โยนาส วินด์, คริสเตียน นอร์การ์ด บาดเจ็บทั้งหมด

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022บราซิล
23/09 อุ่นเครื่องพบ กาน่า (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ตูนิเซีย (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)

 

ที่จริงแล้ว ฟีฟ่า ได้สั่งให้ บราซิล มาลงเตะรีแมตช์กับ อาร์เจนติน่า (เกมเจ้าปัญหาเมื่อ 5 ก.ย. 2021 คู่นี้ลงสนามกันแค่ 5 นาทีก็โดนแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบราซิล จนลุกลามบานปลายเป็นการวอล์คเอาต์ของแข้งฟ้าขาว และเกมต้องยกเลิกในที่สุด) ในเบรคทีมชาติงวดนี้ แต่ปรากฏว่าทั้ง บราซิล และ อาร์เจนติน่า ได้ปฏิเสธการลงเล่นเกมนี้ซ้ำ เมื่อต่างก็มองไม่เห็นว่าการรีแมตช์จะเกิดประโยชน์อันใด สู้ปล่อยให้แยกกันไปเล่นเกมลับแข้ง เตรียมทีมสู้ศึกบอลโลก จะเป็นเรื่องดีกับทั้งสองมากกว่า

 

ตีเต้ ที่ถูไม้ถูมือจะนำทีมครองแชมป์โลกให้ได้ในรอบ 20 ปี กำลังมีตัวเลือกนักเตะดีๆ ล้นมือ จนทำให้ต้องหมางเมินหลายๆ คนไป ไม่ว่าจะ กาเบรียล เชซุส, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อาร์ตูร์ เมโล่, เฟลิเป้ มอนเตโร่, ดานี่ อัลเวส แต่กลุ่มนี้ก็ยังอยู่ในข่ายพิจารณาไปฟุตบอลโลก 2022 อยู่ (หรือบางคนก็จะได้ไปแน่ๆ แต่แค่ว่า “ได้พัก” สำหรับเดือนนี้เท่านั้นเอง)

 

ประเด็นของทีมชุดล่าสุดนี้ คงมีประมาณ 2 ข้อ
1) แนวรุก ต่อให้ไม่นับ เปโดร ตัวใหม่จากฟลาเมงโก้ ก็ยังยืนเบียดไหล่ชนไหล่ ใครจะลงใครจะนั่ง เป็นเรื่องปวดหัวของ ตีเต้ ดีแท้
เนย์มาร์ (เปแอสเช) 119 นัด / 74 ประตู
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล) 55 / 17
ริชาร์ลิซอน (สเปอร์ส) 36 / 14
วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด) 14 / 1
ราฟินญ่า (บาร์เซโลน่า) 9 / 3
อันโตนี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด) 9 / 2
มาเตอุส คุนญ่า (แอตฯ มาดริด) 7 / 0
โรดรีโก้ โกเอส (เรอัล มาดริด) 5 / 1

 

กับ 2) ทั้งที่ตัวเลือกมีบานเบอะ ตรงกลาง เฟร็ด ก็ยังอุตส่าห์จะติดอยู่อีก!

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อาร์เจนติน่า
23/09 อุ่นเครื่องพบ ฮอนดูรัส (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)
27/09 อุ่นเครื่องพบ จาไมก้า (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)

 

เช่นเดียวกันกับ บราซิล ที่เกมรีแมตช์ “ซูเปอร์กลาซิโก้” ระหว่างคู่รักคู่แค้นแดนละติน ได้ถูกยกเลิกคิวไปแม้ ฟีฟ่า จะสั่งการมา

 

อาร์เจนติน่า วางโปรแกรมเล่นในเบรคทีมชาติงวดนี้เอาไว้ 2 นัด เป็นการยกพลไปเก็บตัวและลงสนามที่สหรัฐอเมริกา โดยจะเล่นที่ ไมอามี่ ฟลอริด้า และ แฮร์ริสัน นิว เจอร์ซี่ย์ ตามลำดับ

 

ทีมฟ้าขาวตั้งใจเรียก 2 ทีมจากคอนคาเคฟอย่าง ฮอนดูรัส และ จาไมก้า มาทดสอบฝีเท้าลองเชิง ก่อนที่ในรอบสุดท้ายพวกเขาจะต้องดวลกับ เม็กซิโก มหาอำนาจของโซนคอนคาเคฟ ในเกมที่ 2 นั่นเอง (นอกเหนือจากการพบ ซาอุฯ และ โปแลนด์)

 

สำหรับทีมชุดนี้ของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ยังคงนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ เช่นเดิม ร่วมด้วยซูเปอร์สตาร์ชื่อคุ้นหูอย่าง เปาโล ดีบาล่า, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย, อเลฮานโดร โกเมซ, ลิซานโดร มาร์ติเนซ หรือประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

ส่วนที่หลุดออกไปมีอาทิ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ (นาโปลี), ลูคัส อลาริโอ (แฟร้งค์เฟิร์ต), มานูเอล ลันซินี่ (เวสต์แฮม), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์), ฮวน ฟอยธ์ (บียาร์เรอัล) ที่แน่นอนว่าพวกนี้ก็คงต้องเร่งฟอร์มในระดับสโมสรช่วงโค้งสุดท้ายกันหน่อย ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกแหงๆ

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ญี่ปุ่น
23/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ สหรัฐอเมริกา (สนามกลางที่เยอรมนี)
27/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ เอกวาดอร์ (สนามกลางที่เยอรมนี)

 

โยกมาดูทางฝั่งเอเชียกันบ้างพอกล้อมแกล้ม “ซามูไรสีน้ำเงิน” วางคิวช่วงนี้เป็นทัวร์นาเมนต์พิเศษ กิริน ชาลเลนจ์ คัพ โดยเชิญ สหรัฐอเมริกา กับ เอกวาดอร์ มาเป็นแขก ซึ่งจะลงเล่นกันที่ ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี

 

กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ปรับทัพพอสมควร เปิดที่ทางให้นักเตะจากเจลีกมาติดทีมหลายราย ส่วนตัวนอกที่เล่นในลีกยุโรป ถูกเมินไปหลายคนจนน่าอิจฉาในทรัพยากรอันเพียบพร้อม ไม่ว่าจะ ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุ่ม), เคนโตะ ฮาชิโมโตะ (อวยส์ก้า), โค อิตาคุระ (กลัดบัค), นาโอมิจิ อุเอดะ (นีมส์) หรือ เซอิ มุโรยะ (ฮันโนเวอร์)

 

แต่แม้จะเมินไปอื้อ ตัวนอกอีกหลายต่อหลายรายก็ยังคงอยู่เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะ 3 แข้งเซลติก เคียวโง ฟุรุฮาชิ – ไดเซน มาเอดะ – เรียว ฮาตาเตะ, ริตสึ โดอัน (ไฟรบวร์ก), ไดจิ คามาดะ (แฟร้งค์เฟิร์ต), ทาคุมิ มินามิโนะ (โมนาโก), ทาเคฟุสะ คุโบะ (โซเซียดัด), เกงกิ ฮารางูจิ (อูนิโอน), กาคุ ชิบาซากิ (เลกาเนส), วาตารุ เอนโดะ (สตุ๊ตการ์ท), ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (อาร์เซน่อล) หรือกัปตันทีม มายะ โยชิดะ ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ ชาลเก้ ในวัย 34

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เกาหลีใต้
23/09 อุ่นเครื่องพบ คอสตาริกา (โกยัง สเตเดี้ยม, โกยัง)
27/09 อุ่นเครื่องพบ แคเมอรูน (โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม, โซล)

 

นัด คอสตาริกา กับ แคเมอรูน มาลับแข้ง เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนต้องเจอ อุรุกวัย, กาน่า และ โปรตุเกส ในรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

โสมขาวของกุนซือ เปาโล เบนโต้ แทบไม่เปลี่ยนทีมจากชุดก่อนๆ นำโดย ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมจากสเปอร์ส ที่เพิ่งจัดแฮตทริกใส่เลสเตอร์ และตัวลีกยุโรปเพียบ ไม่ว่า ฮวาง ฮี-ชาน (วูล์ฟส์), อี แจ-ซุง (ไมนซ์), จอง วู-ยอง (ไฟรบวร์ก), อี คัง-อิน (มายอร์ก้า), ฮวาง อุย-โจ (โอลิมเปียกอส) หรือ คิม มิน-แจ (นาโปลี)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022กาตาร์
20/09 อุ่นเครื่องพบ โครเอเชีย ยู-23 (สนามกลางที่ออสเตรีย)
23/09 อุ่นเครื่องพบ แคนาดา (สนามกลางที่ออสเตรีย)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ชิลี (สนามกลางที่ออสเตรีย)

 

ปิดท้ายที่เจ้าภาพ กาตาร์ ซึ่งเดินหน้าเตะลับแข้งแบบรัวๆ ทั้งอุ่นเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยเดือนนี้จัดไปเน้นๆ 3 นัด (เตะที่ออสเตรียทั้งหมด) ก่อนที่เดือน พ.ย. จะจัดอีก 2 นัด พบ ปานามา และ อินเดีย ก่อนรอบสุดท้ายมาถึงช่วงปลายเดือน

 

ส่วนในแง่ขุมกำลัง เฟลิกซ์ ซานเชซ กุนซือทัพ The Maroon ไม่อาจปรับเปลี่ยนอะไรได้มาก เมื่อไม่ได้มีตัวส่งออกไปเล่นลีกยุโรปอย่างใครเขา ทัพนักเตะชุดนี้ 100% เป็นตัวในลีกกาตาร์เองทั้งหมด และแข้งหน้าเดิมๆ เช่น อัลโมเอซ อาลี, ฮัสซัน อัล-ไฮดอส, อัคราม อาฟีฟ, อับดุลลาซิซ ฮาเต็ม, อับเดลคาริม ฮัสซัน มาตามนัดทั้งหมด

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

สรุปโปรแกรมเบรคทีมชาติเดือนกันยายน 2022

พุธ 21/09

FM เวียดนาม – สิงคโปร์ 19:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สกอตแลนด์ – ยูเครน 01:45

 

พฤหัสบดี 22/09

FM ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ 17:00
FM เวเนซุเอล่า – ไอซ์แลนด์ 23:00
UNL โครเอเชีย – เดนมาร์ก 01:45
UNL ฝรั่งเศส – ออสเตรีย 01:45
UNL เบลเยียม – เวลส์ 01:45
UNL โปแลนด์ – เนเธอร์แลนด์ 01:45
UNL คาซัคสถาน – เบลารุส 21:00
UNL ลิธัวเนีย – หมู่เกาะแฟโร 01:45
UNL ตุรเคีย – ลักเซมเบิร์ก 01:45
UNL สโลวาเกีย – อาเซอร์ไบจาน 01:45
UNL ลัตเวีย – มอลโดว่า 23:00
UNL ลิกเตนสไตน์ – อันดอร์ร่า 01:45
KC ตรินิแดดฯ – ทาจิกิสถาน 17:30
KC ไทย – มาเลเซีย 20:30

 

ศุกร์ 23/09

FM เกาหลีใต้ – คอสตาริกา 18:00
FM ญี่ปุ่น – สหรัฐอมริกา 19:25
FM อิหร่าน – อุรุกวัย 23:00
FM กาตาร์ – แคนาดา 00:00
FM ปารากวัย – ยูเออี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – เอกวาดอร์ 01:00
FM บราซิล – กาน่า 01:30
FM โมร็อกโก – ชิลี 02:00
FM แอลจีเรีย – กินี 02:00
UNL เยอรมนี – ฮังการี 01:45
UNL อิตาลี – อังกฤษ 01:45
UNL บอสเนียฯ – มอนเตเนโกร 01:45
UNL ฟินแลนด์ – โรมาเนีย 01:45
UNL จอร์เจีย – มาซิโดเนียเหนือ 23:00
UNL บัลแกเรีย – ยิบรอลตาร์ 01:45
UNL เอสโตเนีย – มอลต้า 23:00

เสาร์ 24/09

FM อาร์เจนติน่า – ฮอนดูรัส 07:00
FM แอฟริกาใต้ – เซียร์ร่า ลีโอน 20:00
FM คีร์กีสถาน – รัสเซีย 21:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – โตโก 23:00
FM โบลิเวีย – เซเนกัล 00:00
FM อินเดีย – สิงคโปร์ 19:00
FM ลาว – มัลดีฟส์ 15:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สาธารณรัฐเช็ก – โปรตุเกส 01:45

UNL สเปน – สวิตเซอร์แลนด์ 01:45
UNL อาร์เมเนีย – ยูเครน 20:00
UNL ไอซ์แลนด์ – รัสเซีย (เลื่อน)
UNL สโลวีเนีย – นอร์เวย์ 23:00
UNL สกอตแลนด์ – ไอร์แลนด์ 01:45
UNL อิสราเอล – อัลเบเนีย 01:45
UNL เซอร์เบีย – สวีเดน 01:45
UNL ไอร์แลนด์เหนือ – โคโซโว 23:00
UNL ไซปรัส – กรีซ 01:45

 

อาทิตย์ 25/09

FM โคลอมเบีย – กัวเตมาลา 06:30
FM เม็กซิโก – เปรู 08:00
FM นิวซีแลนด์ – ออสเตรเลีย 10:00
UNL ออสเตรีย – โครเอเชีย 01:45
UNL เดนมาร์ก – ฝรั่งเศส 01:45
UNL เนเธอร์แลนด์ – เบลเยียม 01:45
UNL เวลส์ – โปแลนด์ 01:45
UNL สโลวาเกีย – เบลารุส 23:00
UNL อาเซอร์ไบจาน – คาซัคสถาน 23:00
UNL หมู่เกาะแฟโร – ตุรเคีย 01:45
UNL ลักเซมเบิร์ก – ลิธัวเนีย 01:45
UNL อันดอร์ร่า – ลัตเวีย 20:00
UNL มอลโดว่า – ลิกเตนสไตน์ 20:00
KC นัดชิงที่ 3 17:30
KC นัดชิงชนะเลิศ 20:30

 

จันทร์ 26/09

UNL อังกฤษ – เยอรมนี 01:45
UNL ฮังการี – อิตาลี 01:45
UNL มอนเตเนโกร – ฟินแลนด์ 01:45
UNL โรมาเนีย – บอสเนียฯ 01:45
UNL ยิบรอลตาร์ – จอร์เจีย 01:45
UNL มาซิโดเนียเหนือ – บัลแกเรีย 01:45
UNL ซานมาริโน่ – เอสโตเนีย 01:45

 

อังคาร 27/09

FM เม็กซิโก – โคลอมเบีย 09:00
FM เกาหลีใต้ – แคเมอรูน 18:00
FM เอกวาดอร์ – ญี่ปุ่น 18:55
FM แอฟริกาใต้ – บอตสวาน่า 20:00
FM แคนาดา – อุรุกวัย 23:00
FM บาห์เรน – ปานามา 23:00
FM กาตาร์ – ชิลี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – สหรัฐอเมริกา 01:00
FM อุซเบกิสถาน – คอสตาริกา 01:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – กินี 01:00
FM บราซิล – ตูนิเซีย 01:30
FM ปารากวัย – โมร็อกโก 02:00
FM แอลจีเรีย – ไนจีเรีย 02:00
UNL โปรตุเกส – สเปน 01:45
UNL สวิตเซอร์แลนด์ – สาธารณรัฐเช็ก 01:45
UNL ไอร์แลนด์ – อาร์เมเนีย 01:45
UNL ยูเครน – สกอตแลนด์ 01:45
UNL อัลเบเนีย – ไอซ์แลนด์ 01:45
UNL รัสเซีย – อิสราเอล (เลื่อน)
UNL นอร์เวย์ – เซอร์เบีย 01:45
UNL สวีเดน – สโลวีเนีย 01:45
UNL กรีซ – ไอร์แลนด์เหนือ 01:45
UNL โคโซโว – ไซปรัส 01:45

 

พุธ 28/09

FM จาไมก้า – อาร์เจนติน่า 07:00
FM เปรู – เอล ซัลวาดอร์ 07:00
FM ฮอนดูรัส – กัวเตมาลา 08:00

หมายเหตุ – UNL ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก / FMเกมอุ่นเครื่อง / KC คิงส์คัพ

 

 

อ้างอิง
Soccerway
WIKIPEDIA
The Statesman

ภาพประกอบ
Sports Brief
Footy Headlines
Goal

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์...ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์…ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

เพราะก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ มันอาจมาจากก้นบุหรี่แค่ตัวเดียว หรือเช่นกัน ปลาเน่าตัวเดียว ก็ส่งกลิ่นเหม็นได้ทั้งข้อง และนี่คือเรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์…ที่อาจทำให้ทีมชาติโดนขับพ้นฟุตบอลโลก 2022 ก่อนเตะแค่ไม่กี่สิบวันเอาได้!

 

เอกวาดอร์ กับ ฟุตบอลโลก แม้อาจออกทรง “ตัวประกอบ” แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่ต่อกันนัก

 

ทีมสีเหลืองสดใสจากอเมริกาใต้ อาจไม่มีศักดิ์มีศรีเทียบเท่า 2 ยักษ์ร่วมทวีปอย่าง บราซิล หรือ อาร์เจนติน่า แถมยังหล่นรอบคัดเลือกมันรัวๆ ตั้งแต่ 1962 – 1998

 

แต่ใน เวิลด์ คัพ ช่วงหลังๆ เอกวาดอร์ ก็สอดแทรกตัวมาเป็นหนึ่งใน 4-5 โควตาของละตินอเมริกา ได้เกือบตลอด

 

ประเดิมเข้ารอบสุดท้ายหนแรกกับ ฟุตบอลโลก 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่คราวนั้นแม้จะตกรอบแรกไปตามความคาดหมาย (อยู่ในกลุ่มเดียวกับ อิตาลี, เม็กซิโก, โครเอเชีย) แต่ก็ไว้ลายสยบ โครเอเชีย 1-0 ในเกมปิดกลุ่ม ด้วยประตูโทนของดาวเด่นในทีมชุดนั้นอย่าง เอดิสัน เมนเดซ ปีกผู้ซึ่งได้ย้ายสู่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในเวลาต่อมา

 

ถัดมาอีกสี่ปี ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี เอกวาดอร์ ยิ่งไปได้ไกลกว่า เมื่อทีมชุดนั้นซึ่งกุมบังเหียนโดยโค้ชโคลอมเบียน หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ และมีขุนพลอย่าง เอดิสัน เมนเดซ, อกุสติน เดลกาโด้, อีวาน คาเวียเดส, อีวาน อูร์ตาโด้, อูลิเซส เด ลา ครูซ รวมถึง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ในวัย 21 (และยังไม่ทันได้ย้ายมา วีแกน แอธเลติก ด้วยซ้ำ) อยู่ในทีม สร้างเซอร์ไพรส์ได้ตั้งแต่นัดเปิดหัว สยบ โปแลนด์ 2-0 ตามด้วยกราดยิง คอสตาริกา 3-0 จนแม้ว่านัดสุดท้ายจะแพ้ เยอรมนี ขาดลอย 0-3 แต่ก็เข้ารอบน็อกเอาต์สบายหายห่วงจากการมี 6 แต้มเต็มในสองนัดแรก

 

น่าเสียดาย รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สตุ๊ตการ์ท ฟรีคิกโคตรฉมังของสุดหล่อ เดวิด เบ็คแฮม (น.60) ได้ยัดเยียดความปราชัยให้ เอกวาดอร์ ที่สกอร์ 1-0 และส่ง อังกฤษ เข้าไปลุยต่อแทน

 

เว้น 2010 ไปที่พวกเขาร่วงคัดเลือก ข้ามมาฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ทีมเจ้าของฉายาทางการ “ลา ตรี” (สามสี : เหลือง-น้ำเงิน-แดง) ก็หลุดออกไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง ด้วยการมี 4 แต้ม — แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2 (โดนสอยปลายคาง 90+3), ชนะ ฮอนดูรัส 2-1 (เอนเนร์ วาเลนเซีย เหมาสอง) และเสมอ ฝรั่งเศส 0-0 ซึ่งไม่พอให้ไปต่อได้ เนื่องจาก สวิสส์ มี 6 และ ฝรั่งเศส มี 7 แต้ม

 

เว้น 2018 ที่ร่วงคัดเลือกไปอีกหน มาคราวนี้ ฟุตบอลโลก 2022 เอกวาดอร์ อยู่ในการดูแลของ กุสตาโว่ อัลฟาโร่ โค้ชอาร์เจนไตน์วัย 60 อดีตนายใหญ่โบคา จูเนียร์ส, ฮูราคาน, อาร์เซน่อล เด ซารานดี้ และอีกหลายสโมสรในแถบอเมริกาใต้ ที่เข้ามาจับงานนี้ในปี 2020 เป็นต้นมา

 

งานแรกๆ ของ อัลฟาโร่ คือการพา ลา ตรี ลงเล่น โคปา อเมริกา 2021 ที่บราซิล (ได้เป็นเจ้าภาพอย่างงงๆ รู้ตัวก่อนเตะเดือนเดียว หลังเจ้าภาพเดิมอย่าง อาร์เจนติน่า-โคลอมเบีย โดนริบสิทธิ์) ตอนกลางปีที่แล้ว

 

ความที่ยังใหม่ต่อกันทั้งโค้ชกับกลุ่มนักเตะ ทำให้ เอกวาดอร์ เล่นไม่ค่อยออกเท่าไหร่ในรายการนี้ รอบแรกชนะใครไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 1 จบอันดับ 4 ของกลุ่มที่มี 5 ทีม แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้เข้ารอบกับเขา เมื่อคัดแค่ทีมเดียวเท่านั้น (ของแต่ละกลุ่ม) ตกรอบแรก — เพียงแต่เมื่อเข้าน็อกเอาต์แล้ว ดันไปเจอ อาร์เจนติน่า เข้าอีก ก็สบายเลย…ตกรอบสบาย แพ้ยับ 0-3

 

คาบเกี่ยวกันนั้น ก็คือคิวเตะรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022

 

ซึ่งก็ตามประสา ตามคุณภาพเท่าที่ เอกวาดอร์ จะมี — ออกทรงกะท่อนกระแท่นเล็กน้อย ต้องลุ้นมากหน่อย พร้อมได้แรงส่งจากการที่ทีมอื่นๆ อย่าง โคลอมเบีย, ชิลี หรือ ปารากวัย หลุดจากมาตรฐานที่เคยเป็น

 

เกมแห่งความทรงจำของการคัดเลือกหนนี้ คือแมตช์เดย์ที่ 2 เอกวาดอร์ เปิดบ้านขยี้ทัพจอมโหด อุรุกวัย 4-2 ชนิดนำขาด 4-0 ในระหว่างเกม ด้วยประตูของ มอยเซส ไกเซโด้, กอนซาโล่ พลาต้า และ ไมเคิ่ล เอสตราด้า ที่เช็คบิล 2 เม็ด

 

เช่นเดียวกับแมตช์เดย์ที่ 4 เอกวาดอร์ กราดยิง โคลอมเบีย 6-1 แบบที่ดาหน้าเรียงยิงกันไม่ซ้ำคน

 

เพียงแต่ก็อย่างที่บอก พวกเขาออกทรงกะท่อนกระแท่นเล็กน้อย ต้องลุ้นมากหน่อย เมื่อมีเกมที่ชนะสวยๆ แล้ว ก็มีแมตช์น่าใจหายอย่าง แพ้ เปรู คาบ้าน 1-2, ออกไปแพ้ อุรุกวัย 0-1 แบบโดนยิงทดเจ็บ 90+2, บุกแพ้บ๊วย เวเนซุเอล่า 1-2 หรือออกไปพ่าย ปารากวัย ใสๆ 1-3

 

บทสรุปจบท้าย เอกวาดอร์ (อย่างที่ว่าเช่นกัน – ได้แรงส่งจากที่ โคลอมเบีย, ชิลี, ปารากวัย ฟอร์มหลุด) เข้าป้ายเป็นอันดับ 4 ของโซนอเมริกาใต้ ด้วยการมี 26 คะแนนจาก 18 นัด (ชนะ 7 เสมอ 5 แพ้ 6) เหนือผู้ตกรอบอย่าง โคลอมเบีย 3 แต้มถ้วนๆ เท่านั้น

 

เรียกว่า กว่าจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่กาตาร์ได้ ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ลุ้นกันใจแทบวาย

 

ตั๋วไปฟุตบอลโลก 2022 กว่าจะได้มา ไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด

 

(สำหรับรอบสุดท้าย เอกวาดอร์ ถูกปรับโปรแกรมขึ้นมาให้เป็น “คู่เปิดสนาม” กับเจ้าภาพ กาตาร์ วันอาทิตย์ 20 พ.ย. จากนั้นจะเจองานหนักอึ้งกับ เนเธอร์แลนด์ 25 พ.ย. และปิดกลุ่มกับ เซเนกัล 29 พ.ย.)

 

เพียงแต่… ความฝันของการโรมรันใน ฟุตบอลโลก 2022 ของ เอกวาดอร์ ก็อาจสิ้นสุดลงได้ง่ายๆ เหมือนกัน

 

แบบ “โดนขับออกจากทัวร์นาเมนต์” ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม!

 

ด้วยก็เพราะว่านักเตะรายเดียวเท่านั้น

 

คนๆ เดียวที่ชื่อว่า… ไบรอน กาสติโย่ (Byron Castillo)

 

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์...ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

 

ไบรอน กาสติโย่ — แบ็กขวาร่างเล็กวัย 23 นักเตะในสังกัด คลับ เลออน ประเทศเม็กซิโก ติดทีมชาติเอกวาดอร์ไล่ระดับมาตั้งแต่ ยู-17 และ ยู-20 ก่อนจะขึ้นชั้นเล่นชุดใหญ่ในห้วงปี 2021 เป็นต้นมา ถึงตรงนี้ลงสนามไปแล้ว 10 นัด ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคิวเตะคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 นี่แหละ

 

นอกจากเริ่มติดธงสม่ำเสมอแล้ว กาสติโย่ ยังมีดีกรีติดทีมยอดเยี่ยมลีกอเมริกาใต้ South American Team of the Year ประจำปี 2021 (ร่วมกับสตาร์อย่าง ฮัล์ค, กาบิโกล, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ) ด้วยผลงานสมัยเล่นให้ บาร์เซโลน่า เอสซี ในเอกวาดอร์ อีกด้วย

 

เรื่องของเรื่องก็คือ เดลี่ เมล สื่อหัวแถวของอังกฤษ ได้ขุดคุ้ยเอาไว้เมื่อ 12 ก.ย. ว่า อันที่จริง กาสติโย่ เป็น “ชาวโคลอมเบีย” ไม่ใช่เอกวาดอร์ และยังใช้ “เอกสารปลอม” เพื่อลงเล่นแบบผิดกฎ!

 

ก่อนหน้านี้ สมาคมฟุตบอลชิลี ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยัง ฟีฟ่า ให้เดินเรื่องตรวจสอบกรณีสัญชาติของ กาสติโย่ ดูสักหน่อย เมื่อพบหลักฐานส่อพิรุธบางอย่าง ก่อนที่ทาง ฟีฟ่า จะตัดสินในเดือน มิ.ย. ว่า เอกวาดอร์ ไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นเดียวกับตัวนักเตะ จึงปัดตกคำร้องของ ชิลี ไป

 

ฟีฟ่า แถลงในคราวนั้นว่า “หลังจากวิเคราะห์คำร้องของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดที่นำมาก่อนหน้านั้น คณะกรรมการวินัยของ ฟีฟ่า ได้ตัดสินใจปิดกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นเพื่อโต้แย้งสมาคมฟุตบอลเอกวาดอร์”

 

อย่างไรก็ดี ส.บอลชิลี ยังคงไม่ละความพยายามในเรื่องนี้ และได้ยื่นอุทธรณ์เข้าไปอีกครั้งแล้ว พร้อมกับมีหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมด้วย ทั้งเอกสารและ “คลิปเสียง” ที่ยืนยันหนักแน่นว่า กาสติโย่ เป็นชาวโคลอมเบียน และมีผู้ช่วยเหลือในการปลอมแปลงเอกสารบางอย่าง เพื่อให้เขาลงสนามให้ทีมชาติเอกวาดอร์ได้ โดยเฉพาะ สมาคมบอลเอกวาดอร์ (FEF) เองที่ก็มีส่วนรู้เห็น แต่เลือกจะซุกข้อเท็จจริงเอาไว้ใต้พรมเสีย

 

หลักฐานเพิ่มเติมที่ เดลี่ เมล เผยไว้ล่าสุด คือบทสนทนาการให้สัมภาษณ์ของ ไบรอน กาสติโย่ ต่อหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนของ FEF เมื่อราว 4 ปีก่อน

 

• กาสติโย่ รับว่า ปีเกิดของเขาคือ 1995 ไม่ใช่ 1998 ที่มีการระบุไว้ในสูติบัตรเอกวาดอร์
ผู้สัมภาษณ์ : “คุณเกิดปีอะไรแน่?”
กาสติโย่ : “ปี 95”
ผู้สัมภาษณ์ : “แต่ในบัตรประชาชนล่ะ?”
กาสติโย่ : “98”

 

• ชื่อที่แท้จริงของเขาคือ ไบย์รอน ฮาเวียร์ กาสติโย่ เซกูร่า (Bayron Javier Castillo Segura) ไม่ใช่ที่ระบุในสูติบัตรเอกวาดอร์ว่า ไบรอน ดาวิด กาสติโย่ เซกูร่า
ผู้สัมภาษณ์ : “ชื่อที่แท้จริงของคุณคืออะไร?”
กาสติโย่ : “ไบรอน ฮาเวียร์ กาสติโย่ เซกูร่า”

 

• นักธุรกิจรายหนึ่งในเอกวาดอร์ ชื่อว่า มาร์โก ซัมบราโน่ เป็นคนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามให้เขาเสียใหม่
ผู้สัมภาษณ์ : “มาร์โก ซัมบราโน่ เป็นคนจัดการทุกอย่างให้คุณตั้งแต่เริ่มต้น ใช่หรือไม่?”
กาสติโย่ : “ถูกต้อง เขาบอกว่าเขาจะช่วยผม ในทุกๆ เรื่อง”

 

• เขาได้อพยพย้ายถิ่นฐานจาก ทูมาโก ประเทศโคลอมเบีย มายัง ซาน ลอเรนโซ่ ในเอกวาดอร์ เพื่อเล่นฟุตบอลอาชีพ
กาสติโย่ : “ผมข้ามพรมแดนมาได้เพราะอย่างที่คุณก็รู้ มีทีมจากทูมาโกเดินทางมาเล่นที่ ซาน ลอเรนโซ่ ตัวผมได้ทดสอบฝีเท้าที่นี่ ผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยถูกเลือกมาก่อนจากการทดสอบฝีเท้ากับทีมไหน แต่เพื่อนของผมซึ่งถูกเลือกไม่ได้เดินทางไป ผมจึงไปแทน”

 

• ตอนที่อยู่ในโคลอมเบีย เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน Tumaco High School และเป็นพลเมืองโคลอมเบีย 100%

 

หลักฐานเหล่านี้ที่เพิ่งถูกเปิดเผยจากสื่ออังกฤษ ยังไม่ได้ใช้ในการพิจารณาคดีเมื่อเดือน มิ.ย. แต่จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่จะดำเนินการสอบสวนในวันที่ 15 ก.ย.

 

ส่วนคำถามว่าทำไม ส.บอลชิลี ถึงได้เป็นฝ่าย Take Action นั่นก็เพราะพวกเขาหวังว่า ฟีฟ่า จะสั่ง “ปรับแพ้เอกวาดอร์” ในนัดที่เจอชิลี ให้ออกที่สกอร์ชิลีชนะ 3-0 ทั้งสองนัด (จากเดิมที่เสมอ 0-0 และเอกวาดอร์ชนะ 2-0) อันจะทำให้ ชิลี “ฟื้นจากหลุม” เด้งตัวจากอันดับ 7 (ตกรอบ) ไปอยู่อันดับ 4 เหนือ เปรู

 

และ ชิลี จะได้เป็นฝ่ายรับส้มหล่น เข้าเล่นแทน เอกวาดอร์ นั่นเอง

 

(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เปรู ก็อาจกลายเป็นทีมรับส้มแทนได้ จากที่จบอันดับ 5 แล้วไปเพลย์ออฟต่างโซน แพ้ดวลจุดโทษ ออสเตรเลีย)

 

บทสรุปจะออกหน้าไหน จะรู้ได้ในอีกไม่ช้า

 

เกิดถ้ามีคำสั่งฟ้าผ่าขึ้นมา–ก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะคิกออฟแค่ 2 เดือน

 

ก็ตัวใครตัวมันล่ะพะย่ะค่ะ!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
Daily Mail
Marca
https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_qualification_(CONMEBOL)

ภาพประกอบ
247 News Agency
DW

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

ในขวบวัย 47 และการแขวนสตั๊ดเลิกเล่นไปแล้วร่วมสิบปีของ เดวิด เบ็คแฮม

 

อันที่จริง เขาก็ไม่ได้ข้องแวะกับฟุตบอลมากไปกว่าการลงทุนเปิดแฟรนไชส์ เป็นเจ้าของสโมสรร่วมกับเพื่อนๆ หุ้นส่วน ในเอ็มแอลเอส สหรัฐอเมริกา

 

แม้กระนั้น ชื่อเสียงเรียงนาม “เดวิด เบ็คแฮม” ยังดึงดูดความสนใจได้อยู่เสมอ

 

กับฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะมาถึง เบ็คแฮม ก็จะมีส่วนร่วมด้วย

 

ไม่ใช่ทีมงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต หรือคนเบื้องหลังสิงโตคำราม แต่เบ็คแฮมคือ “แขกคนสำคัญ” ของรัฐบาลกาตาร์ ผ่านโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้าไปยังกาตาร์เฉลี่ยมากกว่า 6 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030

 

ว่าแต่ในฐานะอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ และผู้ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาถึง 3 สมัย เบ็คแฮม มองเห็นอะไรใน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ บ้าง ไปง้างปากซุปตาร์อย่างเขากัน…

 

 

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

 

ก่อนที่ฟุตบอลโลกจะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวัน มันน่าตื่นเต้นอย่างไรสำหรับทั้งนักฟุตบอลและแฟนๆ?
มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และเป็นสิ่งที่คุณตั้งตารออยู่ไม่ว่าจะในฐานะนักเตะหรือแฟนบอล มันน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่นเมื่อคุณได้รู้ว่าคุณเตรียมต้องเผชิญหน้ากับใคร และใครที่คุณกำลังต้องเตรียมตัวให้พร้อมเจอ นี่เป็นช่วงเวลาสำหรับผู้เล่นและแฟนๆ ที่จะตระหนักว่าฟุตบอลโลกใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้ว และความตื่นเต้นก็เริ่มที่จะก่อตัวขึ้น

 

นี่คือฟุตบอลโลกครั้งแรกในตะวันออกกลางและโลกอาหรับ มันมีความสำคัญอย่างไร?
เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนในกาตาร์ และจะเป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก ผมพูดเสมอมาเกี่ยวกับมรดกของการแข่งขันฟุตบอลโลกสำหรับกาตาร์ และมันยังรวมถึงมรดกของฟุตบอลโลกทุกหนทุกแห่งด้วย นั่นคือสิ่งที่ฟุตบอลโลกนำมาสู่ชาติเจ้าภาพ – มันเป็นช่วงเวลาที่สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับกาตาร์ นี่คือโอกาสที่จะอวดโฉมประเทศ ความรักในฟุตบอล ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของพวกเขาสู่สายตาชาวโลก การได้มีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกีฬา มารวมตัวกันที่กาตาร์ จะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศและภูมิภาค

 

มันจะเป็นฟุตบอลโลกที่ค่อนข้างกะทัดรัด เมื่อสนามแข่งขันทั้งหมดอยู่ใกล้ๆ กัน สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างไร?
เป็นประโยชน์มากเลยล่ะ ทีมที่ต้องเดินทางไกลที่สุดจะใช้เวลาแค่ประมาณ 40-45 นาทีโดยรถบัสเท่านั้นเอง ย้อนไปในฟุตบอลโลกที่ผมเล่น มันอาจต้องใช้เวลา 2 หรือ 3 วันในการฟื้นตัวจากแมตช์แข่งขันและการเดินทาง สำหรับผู้เล่น กาตาร์ได้เสนอการเตรียมความพร้อมที่สมบูรณ์แบบแล้ว

 

การแข่งขันจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม สำหรับหลายๆ ประเทศ ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูกาล มันจะมีประโยชน์อะไรบ้าง?
ในฐานะนักเตะทีมชาติอังกฤษ เราเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกทุกครั้งหลังจากผ่านฤดูกาลที่ทรหดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นหนึ่งในลีกที่หนักหน่วงที่สุดในโลก เมื่อคุณมาถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาล คุณจะเหนื่อยล้าและต้องใช้เวลาพักฟื้น บางทีก็ต้องการมากกว่า 2-3 สัปดาห์ แต่คราวนี้จะเป็นช่วงกลางฤดูกาล ดังนั้นนี่จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นชาวอังกฤษ และทีมอื่นๆ ที่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ด้วยโอกาสที่แท้จริง

 

แล้วด้วยการที่นักเตะจะมาร่วมแข่งขันในสภาพร่างกายที่สดชื่น มันทำให้คุณคาดหวังถึงมาตรฐานการเล่นที่ดีขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยเลย คุณจะคาดหวังถึงมาตรฐานที่สูงเสมอในฟุตบอลโลก แต่การมาเล่นกันกลางฤดูกาลแบบนี้ มาตรฐานมีแต่จะสูงขึ้นไปอีก สภาพอากาศก็กำลังจะสมบูรณ์แบบ สนามแข่งขันน่าทึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกก็น่าทึ่ง แฟนๆ จะมีช่วงเวลาที่ดี มันถูกตระเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

 

คุณคาดหวังถึงผลงานจากทีมของคุณ อังกฤษ ประมาณไหน?
ความคาดหวังของผมสำหรับทีมชาติอังกฤษนั้นสูงเสมอ แฟนๆ ของเราก็จะมีความคาดหวังสูงไม่ต่างกัน และถูกต้อง ผมรู้สึกว่า แกเร็ธ (เซาธ์เกต) ทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ เรามีทีมที่รวมตัวกันมาหลายปีพอสมควร และคุณไม่สามารถเรียกพวกเขาว่าทีมอายุน้อยได้อีกต่อไปแล้ว – แต่ก็เป็นความจริงที่นักเตะหลายคนยังอายุน้อย แล้วเราก็ยังมีตัวประสบการณ์สูงอย่าง แฮร์รี่ เคน ด้วยเช่นกัน ผมรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่แท้จริงสำหรับเรา เรากำลังเข้าสู่การแข่งขันด้วยฟอร์มที่ดี เราแค่ต้องรักษามันไว้ให้ตลอดรอดฝั่ง

 

ใครจะเป็นคีย์แมนของอังกฤษ?
ก็ต้องบอกว่า แฮร์รี่ เคน เขาเป็นผู้นำ เป็นกัปตันของเรา และเป็นคนทำประตูให้กับเรา เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้ในระดับสูงสุด เขาจะมีความสำคัญมากต่อทีมของเรา

 

อังกฤษ จะเป็นหนึ่งในทีมตัวเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 แต่คุณมองว่าชาติไหนที่มีโอกาสอีกบ้าง?
เมื่อคุณนึกถึงฟุตบอลโลก คุณจะพูดถึง บราซิล อาร์เจนติน่า และฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ พวกเขาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่ครองแชมป์มามากมาย อีกประเทศหนึ่งที่ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นการเล่นขอวพวกเขาคือ เดนมาร์ก ผมคิดว่าพวกเขาอาจสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ได้ พวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี และก็มักทำได้ดีเสมอในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ผมยังรอคอยที่จะได้เห็นทีมเจ้าภาพ กาตาร์ ด้วยเหมือนกัน พวกเขามีทีมอายุน้อยที่อยู่ด้วยกันมานาน พวกเขารู้จักกันดี และยังจะได้รับแรงหนุนพิเศษจากบรรยากาศในสนามด้วย

 

ในฐานะที่ผ่านฟุตบอลโลกมามากถึง 3 สมัย คุณมีอะไรจะแนะนำกับนักเตะที่จะเล่นในฟุตบอลโลกของพวกเขาเป็นครั้งแรก?
จงสนุกกับมัน ฟุตบอลโลกคือจุดสูงสุด เป็นอะไรที่อยู่ยอดบนสุด และเป็นระดับที่ดีที่สุดที่ผู้เล่นทุกคนจะสามารถไปถึงได้ คำแนะนำของผมคือจงสนุกกับมัน เพราะคุณอาจจะได้ข้องเกี่ยวกับมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

คุณได้เข้าเยี่ยมชมสนามแข่งขันหลายแห่งของกาตาร์ในช่วงที่ผ่านมา แล้ว ณ ช่วงเวลาที่คุณก้าวลงในสนาม คุณอยากให้ตัวเองยังเล่นอยู่รึเปล่า?
ผมอายุ 47 แต่ผมยังรู้สึกเสมอว่าสามารถปัดฝุ่นรองเท้าสตั๊ดที่มี เอามาสวมและลงเล่นในฟุตบอลโลกได้ แม้ในตอนนี้ของผม ซึ่งไม่แก่เลยนะ (หัวเราะ) ผมยังรู้สึกว่าสามารถเล่นในพรีเมียร์ลีก หรือลา ลีกา หรือทีมชาติอังกฤษได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อผมเดินเข้าไปในสนาม ผมก็อยากลงไปในฐานะนักเตะอยู่เสมอ

 

ท้ายสุด คุณอยากส่งข้อความถึงแฟนๆ ที่เตรียมจะเดินทางไปกาตาร์เพื่อเข้าชมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ว่าอะไร?
พวกเขาจะได้พบเจอกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ในอดีต แฟนบอลต้องเสียเวลาเดินทางไปมาระหว่างเกม แต่ในกาตาร์ พวกเขาสามารถเข้าชมได้มากกว่าหนึ่งนัดต่อวัน เพราะมันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่กะทัดรัด เดินทางไม่ไกล ผมคิดว่าแฟนๆ จะเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่กาตาร์นำเสนอ จะมีอาหารเลิศรส การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนในท้องถิ่น และสิ่งต่างๆ มากมายให้ชมและเพลิดเพลิน นอกเหนือไปจากฟุตบอล

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

อ้างอิงและภาพประกอบ
FIFA.com

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

“กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022”

ใกล้เคียงสุดเพียงรอบ 8 ทีม และมีแผลเป็นความเจ็บปวดครั้งใหญ่กับการห่างจากตัดเชือกแค่คืบ แต่ใครบางคนกล้าๆ ป่าวประกาศว่า… ปีนี้ กาน่า จะคว้าแชมป์โลก!

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

อดีต
แอฟริกากับฟุตบอลโลก ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ประวัติศาสตร์กระหวัดเกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่นและนานมา

 

ในยุคสมัยที่ฟุตบอลโลกยังไม่ได้รับความนิยม และการเดินทางข้ามทวีปก็เป็นเรื่องยากลำบาก — เวิลด์ คัพ 1934 หรือบอลโลกรอบสุดท้ายเพียงครั้งที่ 2 เท่านั้นที่มีจัดการแข่งขันกันขึ้น

 

อียิปต์ ณ เวลาที่ธงชาติยังเป็นสีเขียวทั้งผืน (ไม่ใช่ แดง-ขาว-ดำ เช่นปัจจุบัน) ผ่านรอบคัดเลือกแบบที่ต้องแอบอมยิ้ม กับการชิงตั๋วกันแค่ 2 ชาติระหว่าง อียิปต์ กับ ปาเลสไตน์ (Mandatory Palestine) ผลเป็น อียิปต์ ชนะขาดลอยทั้งสองนัดเหย้าเยือน 7-1 และ 4-1 จึงคว้าตั๋วลุยรอบสุดท้ายที่ประเทศอิตาลีเป็นผลสำเร็จ และเป็นชาติแอฟริกันรายแรกที่ทำได้

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปตั้งไกล แต่ด้วยระบบน็อกเอาต์แพ้คัดออกตั้งแต่แรก เริ่มจากจำนวนผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 16 ทีมเป็นต้นไปนั้น ก็ทำให้ อียิปต์ ลงเล่นรอบสุดท้ายที่เนเปิ้ลส์แบบ “นัดเดียวจบ” แพ้ ฮังการี 2-4 ตกรอบทันทีแบบไม่ต้องลีลาเยอะ

 

แต่หลังจากนั้น เมื่อฟุตบอลโลกเริ่มป๊อปขึ้น ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่านี่คือทัวร์นาเมนต์ “ที่สุดของที่สุด” มากขึ้นเรื่อยๆ ชาติแอฟริกันก็กลับหายหน้าจากรอบสุดท้ายไปนานกว่า 30 ปี ค่อยมาเป็น โมร็อกโก หลุดเข้าอีกทีใน เวิลด์ คัพ 1970 ตามด้วย ซาอีร์ (1974) และ ตูนิเซีย (1978)

 

ส่วนตอนที่พี่ๆ แอฟริกันสามารถอ้างได้ว่าเป็น “ขาประจำ” บอลโลกรอบสุดท้ายนั้น ก็เพิ่งจะเริ่มที่ ฟร้องซ์ 98 เวิลด์คัพในความทรงจำของหลายแฟนบอล บอลโลกที่ปรับเพิ่มทีมขึ้นเป็น 32 ชาติหนแรก อันมีชาติแอฟริกันหลุดเข้ารอบสุดท้ายเป็นจำนวน 5 ราย (แคเมอรูน, โมร็อกโก, ไนจีเรีย, ตูนิเซีย, แอฟริกาใต้) ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ไม่เคยลดปริมาณลงไปอีกเลย

 

คำถามก็คือ แล้ว “ผลงานที่ดีที่สุด” ของชนชาติแอฟริกัน ในเวทีฟุตบอลโลกล่ะ เมื่อไหร่ยังไงซิ?

 

คำตอบคือ มี 3 ครั้งที่ไปได้ไกลสุดเท่าๆ กัน

 

1990 แคเมอรูน ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
2002 เซเนกัล ถึง 8 ทีมสุดท้าย
2010 กาน่า ถึง 8 ทีมสุดท้าย เช่นกัน

 

ในจำนวนนี้ ที่น่าเสียดายและใกล้เคียงกับ “รอบตัดเชือก” มากที่สุด ก็ไม่ใช่ใคร พระเอกในวันนี้ของเรา — กาน่า

 

ภายใต้การนำของโค้ชคนคุ้นเคย มิโลวาน ราเยวัช (ช้างศึก 2017-2019) ทัพดาวดำชุดลุยแอฟริกาใต้ 2010 ถือว่ามีขุมกำลังแข็งใช่ย่อย ดาวดังลีกยุโรปเพียบทั้ง เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง (พอร์ทสมัธ), อซาโมอาห์ กียาน (แรนส์), ควัดโว่ อซาโมอาห์ (อูดิเนเซ่), ซัลลี่ย์ มุนตารี่ (อินเตอร์), จอห์น แพนท์ซิล (ฟูแล่ม), กัปตันทีม จอห์น เมนซาห์ (ซันเดอร์แลนด์) และอื่นๆ อีกที่ไม่ได้เอ่ยถึง

 

เมื่อขุมกำลังดี ผลงานก็ดีตามไปด้วย โดยที่ทัพ “ดาวดำ” เปิดสนามเบียดชนะ เซอร์เบีย 1-0 (กียาน จุดโทษ น.85) ตามด้วยนัดสอง เสมอ ออสเตรเลีย 1-1 และเกมสุดท้ายรอบแรก แม้แพ้ เยอรมนี 0-1 แต่ก็ยังกอดคอเข้ารอบไปด้วยกันจากการที่ กาน่า มีผลต่างประตูดีกว่า ออสเตรเลีย (0 : -3)

 

รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้เหนื่อยหน่อย แต่การเจอคู่แข่งสมน้ำสมเนื้ออย่าง สหรัฐอเมริกา ก็ถือเป็นเรื่องดี – กาน่า ยันเสมอ 1-1 ใน 90 นาที ก่อนเข้าสู่ช่วงต่อเวลาครึ่งชั่วโมงได้แวบเดียว น.93 ก็ได้ประตูนำ 2-1 จาก อซาโมอาห์ กียาน ซึ่งเป็นประตูชัยในที่สุด

 

จนมาถึง “แปดทีมสุดท้าย” ซึ่งกลายเป็นภาพจำสำคัญอย่างหนึ่งของฟุตบอลโลก 2010

 

ที่ซอคเกอร์ ซิตี้ นครโจฮันเนสเบิร์ก ซัลลี่ย์ มุนตารี่ พังตาข่ายให้ กาน่า ขึ้นนำ อุรุกวัย ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ก่อนครึ่งหลัง ทัพจอมโหดจะทวงคืนได้จาก ดีเอโก้ ฟอร์ลัน หลังเริ่มเล่นใหม่ไปสิบนาที และเกม 90 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1

 

ไฮไลท์อยู่ในช่วงเฮือกท้ายของการต่อเวลาพิเศษ จังหวะฟรีคิกข้างเขตโทษ ลูกขลุกขลิกก่อนที่ สตีเฟ่น อัปเปียห์ ตวัดยิงไปติดบล็อกตัวคุมเส้น ลูกลอยเข้าทาง โดมินิก อดิเยียห์ ขวิดซ้ำเข้าหาประตู เสี้ยววินาทีนั้น หลุยส์ ซัวเรซ บล็อกทิ้งพ้นออกไป — ปรากฏว่าเป็นการทำ “แฮนด์บอล” อันโจ่งแจ้งของดาวยิงคนดัง ผลคือ ซัวเรซ โดนใบแดงไล่ออก และ กาน่า ได้จุดโทษ

 

หากเช็คบิลจุดโทษนี้เข้าไป กาน่า จะเป็นทีมแอฟริกันชาติแรกสุด ที่ไปไกลถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก

 

อย่างไรก็ตาม อซาโมอาห์ กียาน กระหน่ำจุดโทษไปกระแทกคานดังสนั่น กาน่า พลาดได้ประตูชัยจากช็อตนี้ และต้องตัดสินด้วยการดวลเป้าเพื่อหาผู้เข้ารอบ ซึ่งเป็น อุรุกวัย ที่แม่นยำกว่า ชนะ 4-2 เขี่ย กาน่า ร่วงไปทั้งน้ำตา

 

(จากนั้น ทั้งบอลโลก 2014 และ 2018 ทุกตัวแทนจากแอฟริกา ไม่ตกรอบแรกก็รอบ 2 เท่านั้น)

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

ปัจจุบัน
การเปลี่ยนระบบคัดเลือกของโซนแอฟริกาในงวดนี้ มาเป็นแบบเพลย์ออฟของรอบ 3 (รอบตัดสินตั๋ว) ทำให้หลายชาติที่คุ้นเคยต้องหลุดออกไป ไม่ว่าจะ อียิปต์, มาลี, แอลจีเรีย หรือ ไนจีเรีย

 

และในขณะที่องค์กรลูกหนังยุโรปอย่าง ยูฟ่า ตัดสินใจ “โละทิ้ง” แล้วซึ่งกฎประตูทีมเยือน ทางฝั่ง CAF ส.บอลแอฟริกา ยังคงยึดประเพณีระบบนี้เอาไว้อยู่

 

นั่นก็ทำให้ กาน่า กับ ไนจีเรีย ซึ่งที่จริงแล้วไม่อาจเอาชนะคะคานกันได้ในทั้งสองเกม เสมอ 0-0 และ 1-1 สุดท้ายกลายเป็น “ดาวดำ” ที่ได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะ จากหนึ่งประตูของ โธมัส ปาร์เตย์ มิดฟิลด์ดาวดังจากอาร์เซน่อล ที่ยิงได้ในเกมนัดสองที่อาบูจา

 

กาน่า เป็นหนึ่งใน 5 ตัวแทนของทวีปแอฟริกา ร่วมกับ แคเมอรูน, โมร็อกโก, เซเนกัล และ ตูนิเซีย ที่ได้มาชิงชัยใน กาตาร์ 2022

 

สำหรับทัพดาวดำชุดนี้ มีการเปลี่ยนตัวกุนซือจาก ราเยวัช (คุมทีมรอบสอง 2021-2022) มาเป็น อ็อตโต้ อัดโด้ โค้ชหนุ่มวัย 47 อดีตปีกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอนต้นยุคมิลเลนเนียม ซึ่งที่จริงก็คือ “คนใน” มือขวาของ ราเยวัช ตอนเริ่มต้นรอบคัดเลือกแรกๆ ที่ได้ขยับขึ้นมาทำทีมแทนนั่นเอง

 

ส่วนขุมกำลังนักเตะ แน่นอนอยู่แล้วว่าเปลี่ยนไปเยอะมากจากชุด (เกือบสร้าง) ประวัติศาสตร์เมื่อ 12 ปีก่อน แต่หลายๆ แข้งดาวดำก็ยังสังกัดอยู่ในลีกยุโรป ไม่ว่าจะ

 

โธมัส ปาร์เตย์ (อาร์เซน่อล)
เจฟฟรีย์ ชลุปป์ (คริสตัล พาเลซ)
จอร์แดน อายิว (คริสตัล พาเลซ)
ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ (เลสเตอร์ ซิตี้)
ทาริก แลมตี้ย์ (ไบรท์ตัน)
โมฮาเหม็ด คูดุส (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)
เฟลิกซ์ อเฟน่า-กียาน (เครโมเนเซ่)
ฯลฯ

 

ส่วนทาง อองเดร อายิว ในวัย 32 หลบจากลีกยุโรปไปเล่นกับ อัล-ซาดด์ ในกาตาร์แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในข่ายติดธงไปฟุตบอลโลก 2022 กับน้องๆ เช่นเดิม

 

ประเด็นก็คือ…

 

“กาน่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้เปิดประตูบานนี้สู่เพื่อนร่วมทวีปแอฟริกาที่เหลือ” มุสตาฟา อุสซิฟ รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาแห่งประเทศกาน่า ประกาศผ่าน TV3 ที่ไม่ใช่ไทยทีวีสีช่องสาม “ชาติแอฟริกันอีก 4 รายที่เป็นตัวแทน – เซเนกัล, โมร็อกโก, แคเมอรูน และรวมถึง ตูนิเซีย ที่จะได้ร่วมทัวร์ไปด้วยในครั้งนี้”

 

“ในฐานะของชาติมหาอำนาจแห่งแอฟริกา กาน่า มีความหวังและเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้เห็นโทรฟี่กลับมาสู่ กาน่า ในเดือนธันวาคม”

 

“เดอะ แบล็คสตาร์ส จะคว้าแชมป์โลก!!!”

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

อนาคต
แหม่…โอโห กาน่า กับแชมป์โลก

 

กับระบบทัวร์นาเมนต์ รอบแรก 3 นัด จากนั้นก็ไปน็อกเอาต์ทีละรอบๆ ทุกทีม ทั้ง 32 ตัวแทน ไม่อาจวางแผนเป็นอื่นไปได้นอกจากการ “ไปทีละนัด” เน้นทีละเกม มองไกลมองข้ามช็อตไม่ไหว นอกเสียจากว่าจะชนะ 2 เกมแรกแล้วการันตีเข้ารอบไปก่อนแล้ว

 

ไม่ต่างกัน กาน่า ต้องไปทีละนัด ว่ากันทีละเกม เริ่มที่รอบแรก

 

อาจไม่ถึงกับเป็น “กลุ่มแห่งความตาย” แต่ก็ “ไม่ง่ายสักนิด” สำหรับสิ่งที่ดาวดำของ อ็อตโต้ อัดโด้ เตรียมจะต้องเผชิญในกลุ่ม H

 

24 พ.ย. เปิดหัวกับ โปรตุเกส
28 พ.ย. นัดสองกับ เกาหลีใต้
2 ธ.ค. เกมปิดกลุ่ม ชี้ชะตากับคู่แค้นเก่า อุรุกวัย

 

…มองไปมองมา จะเรียกว่า “กลุ่มแห่งความตาย” ก็พอได้อยู่แหละ — หนักกว่านี้อาจเป็นกลุ่ม E สเปน, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, คอสตาริกา กลุ่มเดียว

 

และยังพูดได้ว่า กาน่า อยู่ในสถานะ “เป็นรอง” จากทุกทีมร่วมกลุ่มด้วย

 

ไม่ว่าจะเรื่องอันดับโลก ฟีฟ่า แรงกิ้ง – โปรตุเกส 8, อุรุกวัย 13, เกาหลีใต้ 29 จึงมาเป็น กาน่า 60

 

ผลงานเก่าในบอลโลก – โปรตุเกส ที่สาม (1966), อุรุกวัย แชมป์โลก (1930, 1950), เกาหลีใต้ ที่สี่ (2002) จึงมาเป็น กาน่า รอบแปดทีม (2010)

 

จำนวนครั้งที่เข้ารอบสุดท้าย – โปรตุเกส 8, อุรุกวัย 14, เกาหลีใต้ 11 จึงมาเป็น กาน่า 4 หนเท่านั้น

 

กระทั่งอัตราต่อรอง ทีมใดมีโอกาสเข้ารอบไปมากกว่ากันในสายตาร้านพูล ก็มาทรงเดียวกันนี้ – โปรตุเกส 1/10, อุรุกวัย 2/5, เกาหลีใต้ 5/2 จึงมาเป็น กาน่า 11/4

 

ไม่ต่าง อัตราผงาดแชมป์โลกที่กาตาร์ – โปรตุเกส 14/1, อุรุกวัย 60/1, เกาหลีใต้ 150/1 จึงมาเป็น กาน่า 300/1

 

ซึ่งที่จริง การถูกมองเป็นรองที่สุดในทุกด้าน ก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อดูจากภาพรวม ขุมกำลัง คุณสมบัติต่างๆ หรือแม้แต่ฟอร์มการเล่น เทียบกันภายในกลุ่มแล้ว

 

ข้อเท็จจริงสำคัญอย่างหนึ่งที่ กาน่า กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ คือพวกเขา “ชนะนัดเดียวถ้วน” ในรอบปี 2022

 

ถัดจากปี 2021 ที่ชนะ 3 จาก 4 เกมสุดท้ายแล้ว กาน่า ก็เข้าสู่ปี 2022 แบบสั่นคลอนโงนเงน

 

– แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2021 (เตะ ม.ค. 2022) เสมอ 1 แพ้ 2 ตกรอบแรกไม่ต้องสืบ (เป็นผลให้ ราเยวัช โดนเด้ง)
– ชิงตั๋วบอลโลก เสมอ ไนจีเรีย 0-0 กับ 1-1 (ชนะด้วยกฎอเวย์โกล)
– คัด AFCON 2023 ชนะ มาดากัสการ์ 3-0 ก่อนเสมอ แอฟริกากลาง 1-1
– ไปเล่นรายการพิเศษ กิริน คัพ ที่ญี่ปุ่น แพ้ ญี่ปุ่น 1-4, เสมอ ชิลี 0-0
– ล่าสุด นัดลับแข้ง 23 ส.ค. แพ้เจ้าภาพบอลโลก กาตาร์ 1-2

 

เท่ากับก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้านี้ กาน่า ลงสนามในปี 2022 ไปแล้ว 11 นัด ชนะ 1 เสมอ 5 แพ้ 5

 

กาน่า คือ “ทีมรองบ่อน” ที่แท้ทรู เอาแค่ภายในกลุ่ม H ไม่ต้องว่าถึงแชมป์โลก

 

ฉะนั้น การที่ ฯพณฯ มุสตาฟา อุสซิฟ ประกาศไว้ว่า กาน่า จะคว้าแชมป์โลก 2022 นั้น จึงเลื่อนลอยขาดน้ำหนักความน่าเชื่อถืออย่างเห็นได้ชัด

 

เพราะแค่พูด ใครจะพูดอะไรก็ได้

 

แต่การลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง ไม่ง่ายอย่างที่พูดแน่

 

ว่ากันตามตรงอย่างไม่ปรามาสสักนิด — รอบแรก เอาให้ผ่านก่อนนะพ่อ!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
https://soccernet.ng/2022/09/ghana-will-win-the-2022-world-cup-sports-minister.html
https://en.wikipedia.org/wiki/1934_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/1990_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/2002_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/2010_FIFA_World_Cup

 

ภาพประกอบ
Premium Times Nigeria
Africa Top Sports
Kickoffghana
Images Image

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง...คงตายตาหลับ

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง…คงตายตาหลับ

ในวัย 9 ขวบ เด็กชายร่างผอมแกร็นชาวบราซิเลียนชื่อ ดาเนี่ยล อัลเวส ดา ซิลวา ต้องนอนบนเตียงที่หล่อด้วยปูนซีเมนต์, ใช้ชีวิตท่ามกลางพื้นดินเฉอะแฉะ ในสภาพอากาศร้อนจัดหลัก 40 องศาเซลเซียส

 

เขาต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ในทุกเช้าเพื่อไปทำงานฉีดพ่นสารเคมีบนพืชผลในฟาร์ม และช่วยยกข้าวยกของ จากนั้นเขายังต้องเดินเท้าเป็นระยะทางร่วม 20 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียน เมื่อตกเย็น เรียนเสร็จแล้วก็ต้องเดินเท้าอีกเป็นระยะทางประมาณเดียวกัน เพื่อเข้าฝึกซ้อมฟุตบอล

 

ในทุกค่ำคืน เขาหลับตาลงพร้อมความฝันว่าตัวเองจะได้เป็นนักเตะอาชีพผู้เลื่องชื่อของประเทศบ้านเกิด บราซิล

 

ยิ่งกว่านั้น–เยอะ

 

หลายสิบปีให้หลัง ดานี่ อัลเวส คือ “นักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุด” ทั้งในวงการฟุตบอลบราซิลและโลกแห่งลูกหนัง กับโทรฟี่ 40 กว่ารายการที่คว้ามาได้กับ บาเอีย, เซบีย่า, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เซา เปาโล จนถึงทีมชาติบราซิล

 

แม้ในช่วงที่พีคขึ้นมาสร้างชื่อเป็นยอดแบ็กขวาของวงการ อัลเวส จะออกทรงล้มเหลวกับทีมชาติ ที่ไม่เคยไปถึงเส้นชัยในฟุตบอลโลกมาก่อน แต่ “วี่แวว” ที่ดีเยี่ยมก็เริ่มจะส่งประกายในช่วงหลายปีหลัง กับแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา อเมริกา 2019 และแชมป์โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ยกมาชิงชัยกันตอนซัมเมอร์ของ 2021

 

แล้วกับฟุตบอลโลก “กาตาร์ 2022” ที่กำลังรออยู่ไม่กี่สิบวันข้างหน้า ต่อให้จะหลบออกจากเวทียุโรป ไปค้าแข้งกับ ปูมาส อูนัม ในลีกเม็กซิโกแล้ว ดานี่ อัลเวส ก็น่าจะยังคงถูกหอบหิ้วไปเป็นหนึ่งในขุนพลของ ตีเต้ อยู่ดี เมื่อตำแหน่งแบ็กขวา นอกจากเสือเฒ่าวัย 39 อย่างเขาแล้ว ก็มีเพียง ดานิโล่ (ยูเวนตุส) กับ เอแมร์ซอน โรยัล (สเปอร์ส) เท่านั้นที่อยู่ในข่ายพิจารณา

 

และแน่นอน ทัวร์นาเมนต์ที่คงจะเป็นการอำลาไปในตัว — อำลาทีมชาติไหมยังไม่รู้ แต่นี่คงเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของพี่แกแล้วแหละ

 

ขอผงาด “แชมป์โลก” เป็นการสั่งลา ชายชราชื่อ ดานี่ อัลเวส คงได้นอนตายตาหลับ…

 

คล้ายกับหลายตำนานนักฟุตบอล คุณมีช่วงเวลายามเด็กที่ไม่ง่ายเอาเสียเลย…
อัลเวส : เด็กๆ หลายคนมีชีวิตยากลำบาก ผมโชคดีมากที่มีพ่อแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่ามีอาหารอยู่บนโต๊ะเสมอ – พวกท่านจะเป็นฮีโร่ของผมเสมอ – แต่ผมไม่สามารถมีสิ่งที่เด็กๆ หลายคนมีได้ ผมต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มีบางอย่างที่ช่วยให้คุณผ่านอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตได้ นั่นคือความฝัน คุณอาจต้องเผชิญปัญหาหลากหลายประการ แต่เมื่อคุณมีฝันที่ยิ่งใหญ่ ความฝันของคุณจะวิเศษมากจนครอบงำความคิดของคุณ และคุณจะมองข้ามเรื่องยุ่งยากทุกอย่างไป แน่นอน คุณต้องเต็มใจทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง หลายๆ คนมีฝันที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนความฝันของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

ข้อเท็จจริงสำหรับชายชื่อ ดานี่ อัลเวส คือการที่คุณเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จครองแชมป์มามากกว่าผู้เล่นรายใดๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล การเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศเหล่านี้มีความหมายต่อคุณมากแค่ไหน?
อัลเวส : ทุกโทรฟี่แชมป์มีความสำคัญในตัวเอง แต่บางอันก็มีความพิเศษมากขึ้นไปอีก โอลิมปิก (โตเกียว 2020) นั้นพิเศษสุดกว่ารายการอื่น มันคล้ายๆ กับฟุตบอลโลกที่มีรอบการมาในทุกๆ สี่ปี คุณมีนักกีฬาที่ดีที่สุด ทีมที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มันดึงดูดความสนใจคนทั้งโลก ความมหัศจรรย์ของมันคือเรื่องที่แตกต่างไป เรา (ทีมชาติบราซิล) เป็นกลุ่มนักเตะที่มีโอกาสได้ลงเล่นในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก และนั่นเป็นเรื่องมหัศจรรย์

 

คุณอยากเล่นฟุตบอลโลก 2022 มากแค่ไหน?
อัลเวส : พูดตามตรงนี่คือเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของผม มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ ที่ได้รับการเรียกติดทีมชาติโอลิมปิก แต่ตั้งแต่ผมออกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผมก็ให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะทุ่มทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อให้ได้ไปฟุตบอลโลก ในชีวิต คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ และไล่ตามพวกมันอย่างสุดความสามารถ คุณอาจทำสำเร็จหรือคุณอาจทำไม่สำเร็จ มันเป็นเรื่องธรรมดา สมมุติว่าถ้าผมไม่ได้อยู่ข่ายจะได้ไปฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผมก็ให้สัญญาคุณได้เลยว่าผมจะไม่ลดระดับความพยายามของผมลงไป ถ้าผมไม่สมควรได้รับมันและมีคนอื่นที่เหมาะกว่า ผมก็พร้อมที่จะเป็นกองเชียร์หมายเลข 1 ของ ลา เซเลเซา แต่ผมคิดถึงฟุตบอลโลกอยู่ตลอดเวลา และผมก็อุทิศตัวเองเพื่อทำให้ความฝันนี้เป็นจริง มันคือเป้าหมายของผม

 

คุณคิดอย่างไรกับ เนย์มาร์?
อัลเวส : เขาเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากมาก เขาถูกประเมินค่าต่ำไปอย่างสิ้นเชิง ในประเทศของเรา การประสบความสำเร็จดูเหมือนเป็นอาชญากรรม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องจ่ายสำหรับการเป็นชาวบราซิเลียน ถ้าเขามาจากประเทศอื่น, ทำทุกอย่างที่เขาทำ, ทำลายทุกสถิติที่เขามี ชาวบราซิลจะให้ค่าเขาสูงกว่านี้มาก เนย์มาร์ ทำให้เด็กๆ หลงรักฟุตบอล
เมื่อผมยังเด็ก สิ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักฟุตบอลก็คือความมหัศจรรย์ที่ยอดนักเตะบราซิลมี ความสามารถในการแสดงออกถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป การแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลแท้จริงแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ที่จริง ฟุตบอลมันเริ่มน่าเบื่อ การเน้นแท็กติกมากเกิน การเน้นการต่อสู้ทางกายภาพมากเกิน
ฟุตบอลควรเป็นศิลปะ เป็นสิ่งสวยงาม คุณลองดูสิ่งที่ เนย์มาร์ ทำสิ ไม่มีใครวิเศษเท่าเขา ผมรักฟุตบอลอย่างแท้จริง และผมก็รักที่จะดูการเล่นของ เนย์มาร์

 

แล้วยอดดาวเตะนักมายากลคนใดกัน ที่ทำให้คุณตกหลุมรักฟุตบอล?
อัลเวส : ผมรักการโชว์ของ โรนัลดินโญ่ และ โรมาริโอ แต่ตอนที่ผมต้องสู้เพื่อเป็นนักเตะอาชีพ แบบอย่างของผมคือ คาฟู
เราทั้งคู่ต่างมาจากเมืองชัวเซโร่ (Juazeiro รัฐบาเอีย) เราไม่เคยนึกภาพตัวเองเป็นนักมายากล เราเพียงแต่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ทุกอย่างมา ไอดอลของผมคือ คาฟู เรื่องราวของเขา วิธีการต่อสู้ของเขา ทุกอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้ผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเกลียดเมื่อมีคนเปรียบเทียบผมกับ คาฟู
ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากก็จริง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับรางวัลออสการ์ในเส้นทางฟุตบอล แต่ผมเคารพ คาฟู มากที่สุด และไม่ชอบการโต้แย้งเหล่านี้ คาฟู คือตำนานที่แท้จริง

 

เวลาของคุณที่ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างไรบ้าง?
อัลเวส : หาที่เปรียบมิได้ ผมเชื่อว่าผมได้เล่นในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ผมไม่เคยเห็นสุดยอดทีมที่เล่นด้วยกันไหลลื่นกลมกลืนกันขนาดนี้มาก่อน เราทุกคนอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกันเป็นเวลาตลอดทั้ง 90 นาที เป็นทีมซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่เล่นเกมอย่างสนุกเหมือนเด็กเล่นฟุตบอล ไม่เพียงแต่เล่นเพื่อชนะ แต่เรายังเล่นเพื่อความบันเทิงด้วย เรามีผู้เล่นที่น่าทึ่งเข้ามาร่วมทีมคนแล้วคนเล่า และมีอีกหนึ่งสุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก (ลิโอเนล เมสซี่) เป็นเสมือนผู้นำ มันเป็นการยากที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั้น เป็นสิ่งที่เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่จะเข้าใจ เราสัมผัสได้ถึงช่วงเวลาแห่งความอิ่มอกอิ่มใจที่ประเมินค่าไม่ได้

 

แล้ว “สุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก” คนที่คุณว่า คือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลหรือไม่?
อัลเวส : ผมสามารถพูดเกี่ยวกับผู้เล่นที่ผมเคยเห็นในช่วงชีวิตของผมเท่านั้น ผมเคยเห็นนักเตะพรสวรรค์สูงมากมาย แต่พวกเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานระดับสูงเช่นนั้นได้เป็นเวลานาน ดังนั้น แม้เขาจะเป็นคนอาร์เจนติน่า ผมก็ต้องยอมรับว่า เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

 

ตอนนี้ล่ะ คุณคิดว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก?
อัลเวส : เนย์มาร์ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกวันนี้

 

ถึงตรงนี้ คุณคว้าแชมป์ไปแล้ว 40 กว่ารายการทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ สิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร และคุณมองถึงการเป็นนักเตะคนแรกที่ครองแชมป์ถึงหลัก 50 รายการ รึเปล่า?
อัลเวส : ผมภูมิใจในตัวเองมาก ผมคิดว่าผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ผมคิดว่าคุณต้องสู้สุดใจเพื่อไปให้ถึงดวงดาว ใช่ ผมนึกถึงหลักไมล์สำคัญนี้ เดอะบิ๊กฟิฟตี้! มันคงน่าทึ่งมาก เป็นสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์ ผมหวังว่าผมจะทำมันได้สำเร็จก่อนที่ผมจะเลิกเล่น และหวังว่ามันจะรวมถึงฟุตบอลโลกด้วย!

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

คงเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนถึงบางความจริงของชีวิต — เส้นทางเฝ้าเสาของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

 

หนึ่งคือ วันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร เชื่อว่าคอบอลหลายๆ ท่านทันดูช่วงเวลาเลี่ยมทองของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โดยเฉพาะแฟนยุค 90 ที่ได้เป็นสักขีพยานความสำเร็จมากมายหลายประการของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงฉากสุดท้ายของ “ยักษ์เดนส์” กับการชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปิดท้ายปีทอง 3 แชมป์ 1999 เคียงข้างขุนพลปีศาจแดง กระทั่ง ชไมเคิ่ล ย้ายออกไป สปอร์ติ้ง, แอสตัน วิลล่า และกลับมาเลิกเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบที่แฟนผีงงตาแตกไปตามๆ กัน ครั้นเมื่อหมดยุคปีเตอร์ผู้พ่อ ก็ถึงช่วงเวลาเบ่งบานของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้ลูก กับทาง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ถึงขั้นผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง

 

…เพราะวันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร บนความสำเร็จจากพ่อสู่ลูก ก็มาถึงวันที่ แคสเปอร์ ปิดตำนานอำลาพรีเมียร์ลีก ย้ายออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ไปเรียบร้อย

 

อีกหนึ่งคือ ในช่วงชีวิต บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ นั่นแหละ ตื่นเช้า ออกจากบ้านไปทำงาน ทำงานเสร็จเดินทางกลับบ้าน สุดสัปดาห์หาทริปเที่ยวใกล้บ้านบ้าง หาร้านอร่อยๆ กินเป็นรางวัลชีวิต นานๆ ทีถึงออกต่างจังหวัด เมื่อไหนจะลางานได้นานๆ ครั้ง ไหนจะงบเที่ยวที่ก็ต้องเก็บสตุ้งสตางค์กันพอตัว ยิ่งในยุคข้าวยากหมากแพงสนั่น คนเป็นเฮดโง่งี่เง่าแบบนี้ ยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระวัง แล้วเผลอแผลบเดียว วันผ่านคืนผัน จากเดือนสู่ปี จากปีก็เป็นหลายปี

 

…บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ จากยุคของคุณพ่อปีเตอร์ สู่ยุคของคุณลูกแคสเปอร์ เผลอแวบเดียวก็มาถึงวันนี้ที่บานประตูสีน้ำเงินถูกงับปิดลง ทุกอย่างกลายเป็นแค่ตำนานและเรื่องเล่าอย่างสมบูรณ์

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อเท็จจริงหนึ่งที่อาจจะเป็นร่องรอยตำหนิของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อยู่บ้าง ก็คือการ “ดังช้า” ไม่ได้เทิร์นโปรขึ้นเปรี้ยงปร้างสว่างไสวในช่วงขวบวัยสิบกว่าไม่เต็มยี่สิบ เหมือนหลายๆ ตัวอย่างแข้งอาชีพ

 

เพราะตลอดการเริ่มต้นเส้นทางกับ แมนฯ ซิตี้ (ที่คุณพ่อปีเตอร์เอามาฝากเข้าอะคาเดมี่เรือตั้งแต่ 16 ขวบ) แคสเปอร์ ต้องร่อนเร่พเนจรไปอยู่กับทีมนั้นทีทีมโน้นที ทั้ง ดาร์ลิงตัน, บิวรี่, ฟัลเคิร์ก, คาร์ดิฟฟ์ และ โคเวนทรี จนในท้ายที่สุดก็แยกทางกับทัพเรือ ย้ายขาดสู่ น็อตต์ส เคาน์ตี้ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในที่สุด

 

จนในช่วงขณะที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดทั้งกับต้นสังกัด เลสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติเดนมาร์ก นั้น ลูกชายคุณพ่อปีเตอร์ ก็ทะลุ “หลักสาม” ไปแล้ว

 

แน่นอน เอ่ยถึง แคสเปอร์ แล้ว จะเลี่ยงไม่พูดถึงความมหัศจรรย์ระดับร้อยปีมีครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขาและ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ได้

 

ในแชมป์ประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์ ทีมที่ 1 ปีก่อนหน้านั้นร่อแร่จะตกตายมิตายแหล่ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ฟอร์มพลุ่งพล่านของ ริยาด มาห์เรซ (17 ประตู 11 แอสซิสต์, แข้งแห่งปีพีเอฟเอ) และ เจมี่ วาร์ดี้ (24 ประตู รองดาวซัลโวลีก) ทว่าเกมรุกอันร้อนแรงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงส่งจากข้างหลัง

 

ความเหนียวแน่นแข็งแกร่งที่มากเพียงพอ–พอจะทำให้คนเกมรุกเดินหน้าได้อย่างไม่ต้องพะวักพะวง ซึ่งก็ควรถือว่า แคสเปอร์ ตอบโจทย์นั้นได้อย่างสบาย

 

อาจมีถ้อยคำปรามาสจากบางฝ่ายที่ไม่เชื่อมือ แคสเปอร์ รวมถึงแผงแบ็กโฟร์ด้านหน้า คู่เซนเตอร์อย่าง เวส มอร์แกน กับ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้างอย่าง คริสเตียน ฟุคส์ กับ แดนนี่ ซิมพ์สัน ว่าเนี่ยนะจะทำให้เลสเตอร์สามารถยืนระยะตลอดรอดฝั่งได้ แม้จะออกสตาร์ทดีภายใต้การทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ด้วยการชนะกับเสมออย่างละครึ่งใน 6 เกมแรก แต่พวกเขามองว่าชะตาแบบซีซั่นก่อนของ ไนเจล เพียร์สัน (หลุดแพ้แล้วก็ไปยาว จากที่ 7 ลงสู่บ๊วย) จะเกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อตลอด 6 เกมแรกที่แม้จะไม่แพ้ใคร แต่ก็เสียประตูมันทุกนัด — ทว่านั่นคือการคาดการณ์ที่ผิดถนัด

 

เวลาต่อมา แคสเปอร์ ทำได้ถึง 15 คลีนชีต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างระยะ “เข้าเบรค” ชนะแบบไม่เสียประตูเป็นจำนวน 6 จาก 7 เกมในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย.

 

1-0 นอริช (คั่นด้วย 2-2 เวสต์บรอมวิช), 1-0 วัตฟอร์ด, 1-0 นิวคาสเซิ่ล, 1-0 คริสตัล พาเลซ, 1-0 เซาธ์แฮมป์ตัน และ 2-0 ซันเดอร์แลนด์ ใน 6 เกมนี้ เลสเตอร์โดนยิงเข้ากรอบทั้งหมด 14 ครั้ง ทั้งหมดไม่ผ่านมือแคสเปอร์ และแมนออฟเดอะแมตช์บางนัดยังเป็นของเขา เช่นเกมเสมอ แมนฯ ซิตี้ 0-0 (แมตช์ที่ 19, 29 ธ.ค.) ที่บรรดาแนวรุกเรือใบอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์ ดาหน้ากันเข้าทำ สร้างจังหวะยิง 21 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ทั้งหมดไม่ผ่านมือจอมหนึบเดนส์

 

จนในท้ายที่สุด เลสเตอร์ เข้าป้ายเถลิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ในปีนี้ที่บรรดาบิ๊กโฟร์บิ๊กไฟว์บิ๊กซิกส์ต่างพร้อมใจกันหลุดฟอร์ม ผิดไปจากมาตรฐานที่เคยเป็น

 

แม้ในความสำเร็จปาฏิหาริย์นั้นจะถูกปรามาสอยู่บ้างว่ามี “โชคดวง” แต่จะบอกว่านั่นคือเรื่องฟลุ้ค ดวงดี 100% ไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อความสำเร็จของ เลสเตอร์ ยุค แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็ยังถูกการันความยอดเยี่ยมด้วยอีกหนึ่งโทรฟี่เมเจอร์อย่าง เอฟเอ คัพ ปี 2021

 

นั่นทำให้เมื่อถึง “วันปิดตำนาน” ย้ายออกไปยัง นีซ ในฝรั่งเศส หลายๆ สื่อถึงกับใช้คำว่า “Legacy” (มรดก) สำหรับสิ่งที่ แคสเปอร์ ทิ้งเอาไว้ใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

 

11 ปี
479 นัด
1 แชมป์พรีเมียร์ลีก
1 แชมป์เอฟเอ คัพ
1 แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
1 แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
2 รางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้
2 รางวัลนักเตะแห่งปี (เพื่อนร่วมทีมโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้
1 รางวัลนักเตะแห่งปี (แฟนบอลโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้

 

(ส่วนสาเหตุที่ ชไมเคิ่ล ย้ายออกอย่างกะทันหัน แบบที่แฟนๆ ก็ถึงกับอึ้งรับประทาน เป็นเพราะ 1. สัญญาเหลือปีเดียว ฉะนั้นขายได้ก็ขาย รวมถึงนักเตะเองก็สูงวัยขึ้นเรื่อยๆ / 2. ซีซั่นที่แล้วเริ่มเล่นพลาดบ่อย ชักเผยจุดอ่อนเรื่องลูกโด่งและการออกบอล / 3. ปัญหาการเงินสโมสร ถ้าจะซื้อใครเข้า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องขายออกเสียก่อน ซึ่งในราย แคสเปอร์ ยังนับเป็นการลดค่าจ้างรายสัปดาห์ลงเยอะด้วย)

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ยังคงเหลือหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน…

 

แน่นอนที่สุดว่าคือ ฟุตบอลโลก 2022

 

แม้อนาคตยังไม่การันตีอะไรแน่นอน แต่ด้วยอายุอานาม 35 ย่าง 36 (ครบ 36 ก่อนบอลโลกไม่กี่วัน) นี่ก็คงจะเป็น “บอลโลกหนสุดท้าย” ของลูกชายพ่อปีเตอร์

 

อย่างที่บอก แคสเปอร์ ค่อนข้างจะดังช้าในเวทีระดับสูง นั่นส่งผลกับโอกาสรับใช้ชาติของเขาด้วย ที่เริ่มจะมาติดธงสม่ำเสมอก็ช่วงปี 2014 แล้ว ซึ่งเวลานั้น เจ้าตัวลงหลักปักฐานกับ เลสเตอร์ ไปได้เรียบร้อย — ด้วยวัย 27-28

 

แล้วก็ต้องบอกว่า แคสเปอร์ โชคไม่ดีนัก (อีกแล้ว) กับการที่มีช่วงพีคในยุค เดนมาร์ก มาทรง “ตกต่ำ” ภายใต้การดูแลของ มอร์เทน โอลเซ่น

 

ยูโร 2012 ที่โปแลนด์-ยูเครน แคสเปอร์ (25) ถูกหอบหิ้วไปในฐานะมือ 3 เท่านั้น เป็นรองทั้ง สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (30) จากเอวิยอง และ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (28) จากแมนฯ ยูไนเต็ด แถมการเรียกตัวเขามา ยังเป็นแค่มวยแทนการบาดเจ็บของจอมเก๋า โธมัส โซเรนเซ่น ที่ต้องถอนตัวไปด้วย

 

ส่วน ฟุตบอลโลก 2014 ต่อด้วย ยูโร 2016 ที่ แคสเปอร์ เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งโคนมบ้างแล้วนั้น

 

…งามไส้ที่แท้ทรู โอลเซ่น ทำทีมโคนมตกรอบคัดเลือกมันทั้ง 2 รายการติดต่อกัน

 

ก็มาถึง ฟุตบอลโลก 2018 และ ยูโร 2020 นี่เอง ที่ แคสเปอร์ สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำในระดับนานาชาติ เคียงข้างกับเพื่อนโคนมทั้งหลายแหล่

 

เวิลด์ คัพ 2018 ที่รัสเซีย เดนมาร์ก อาจตกรอบเร็วไปสักนิดเพียงรอบ 2 แต่ก็เพราะการดวลจุดโทษ (ที่ไม่ต่างจากโยนหัวก้อยนัก) ภายหลังครบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ซึ่ง แคสเปอร์ มีช็อตพุ่งเซฟจุดโทษในตอนต่อเวลานาที 116 จากการยิงของ ลูก้า โมดริช เอาไว้แบบติดหนึบอยู่มือ

 

ในการดวลเป้าชี้ขาด ปรากฏว่าแม้ แคสเปอร์ จะเซฟได้ถึง 2 จุดโทษจาก มิลาน บาเดลจ์ และ โยซิป พิวาริช แต่ เดนมาร์ก ก็กลับยิงไม่เข้าถึง 3 คน ทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น, ลาสเซ่ โชเน่ และ นิโคไล ยอร์เกนเซ่น จนแพ้ 2-3

 

เรียกว่า แคสเปอร์ เซฟจุดโทษไป 3 รอบ เดนมาร์ก ก็ยังไม่ว่ายร่วงอยู่ดี ว่าซั่น

 

มาถึง ยูโร 2020 ซัมเมอร์ที่แล้ว (2021) แคสเปอร์ มีส่วนสำคัญยิ่งในการที่เกือบจะสร้าง “เทพนิยายเดนส์” ให้เกิดขึ้นอีกรอบ กับการพลิกสถานการณ์โกงความตายจากความพ่ายแพ้ 2 นัดแรก มาเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ในท้ายที่สุด (0-1 ฟินแลนด์, 1-2 เบลเยียม, 4-1 รัสเซีย) แล้วค่อยๆ ตบคู่แข่งไปทีละนัดๆ (4-0 เวลส์, 2-1 สาธารณรัฐเช็ก) จนถึงรอบตัดเชือก

 

สิ่งที่ขวางกั้น แคสเปอร์ และพลพรรคโคนมในการทำทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่ให้เข้าถึงชิงชนะเลิศ มีเพียงจุดโทษปัญหา ช็อตที่สามารถตีความได้ว่าเป็นการตั้งใจ “พุ่งล้ม” เรียกฟาวล์ของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ช่วงต่อเวลาพิเศษเท่านั้น (อังกฤษชนะ 2-1)

 

ฟอร์มแจ่มแจ๋วในยูโร ต่อยอดมายัง รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ก็ประสบความสำเร็จระดับคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายเป็นชาติที่ 2 ของยุโรป (ถัดจากเยอรมนี) ทีเดียว เช่นเดียวกับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ที่ยังคงออกมาดีงามพระรามแปด นำจ่าฝูงของกลุ่ม 1 ลีกเอ ด้วยผลงานชนะ 3 แพ้ 1 มี 9 แต้ม เหนือทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2)

 

เมื่อ “ทรงดี” ต่อเนื่องนานนับปีแบบนี้

 

ย่อมไม่ผิดที่ เดนมาร์ก จะแอบวาดฝันถึงฟุตบอลโลก 2022 ไว้ ในฐานะเวิลด์คัพหนแรกที่พวกเขา “มีโอกาส” ไปถึงจุดสุดยอด

 

(ในสายตาร้านพูลอังกฤษ เดนมาร์ก ถูกวางเป็นเต็ง 8-9 แชมป์โลกในเรตจ่าย 28/1 เท่านั้น เรียกว่ามีแค่บรรดาแชมป์โลกหน้าเก่าๆ กับอีก 2-3 ชาติยุโรป ที่ถูกมองว่ามีภาษีดีกว่า)

 

ประเมินจากตรงนี้ รอบแรกไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับการอยู่ร่วมสายกับ ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และ ตูนิเซีย

 

ชื่อชั้นอาจเป็นรอง ฝรั่งเศส อยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่าการพบกันล่าสุดใน เนชั่นส์ ลีก แคสเปอร์ ก็พาทีมบุกเชือดไก่ถึงปารีสมาแล้ว 2-1 (อันเดรียส คอร์เนเลียส ซัดสอง)

 

ส่วน ออสเตรเลีย กับ ตูนิเซีย แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นรอง เดนมาร์ก อยู่แล้วในภาพรวม เท่ากับหากไม่เกิดข้อผิดพลาดหนักหนาขึ้น โคนม ก็ไม่น่ากลับบ้านเร็ว

 

ส่วนรอบน็อกเอาต์ เจอใคร-ผลออกหน้าไหน ยังเป็นเรื่องเกินการคาดเดา แต่หากเล่นเกมที่ตัวเองถนัดได้ คว้าโอกาสได้ไม่เปลือง และพอมีโชคดวงส่งเสริมบ้าง เดนมาร์ก ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น

 

ไปทีละแมตช์ เน้นทีละรอบ เหมือนที่ทำมาแล้วในยูโร 2022

 

ว่ากันตามตรง จุดอ่อนของพวกเขายังมีอยู่ ไม่ว่าจะแนวรับที่ไม่นิ่งแน่นอนนัก หรือแนวรุกที่บางครั้งบางคราวก็ขาดความเฉียบคมไปบ้าง

 

แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยกับ “ปราการด่านสุดท้าย” ที่มี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล คอยดูแล

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับเลสเตอร์ ยังคงเหลือหนึ่งประตูสุดท้ายที่แอบฝัน กับทัพโคนม

 

การชูถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ขึ้นเหนือหัว ณ กลางสนาม Lusail Iconic Stadium ประเทศกาตาร์

 

แม้ยังเป็นเพียงฝันหวานของคนทั้งชาติและตัว แคสเปอร์ เอง แต่ก็ใช่ว่านี่คือเรื่องเป็นไปไม่ได้

 

ต้องทวนความจำอีกครั้งไหมว่า แชมป์พรีเมียร์ลีกของ แคสเปอร์ ครานั้น เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร…???

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

ความน่ากังวลเมื่อถึง “วันนั้น”

กับฟุตบอลโลก 2022 ที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของนายด่านวัย 36 อย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เต็มที่ก็คงต่ออีกสัก 2 ปี ไปยูโร 2024 ที่เยอรมนี (ด้วยอายุปริ่ม 38) แล้วก็คงจะถึงคราวส่งไม้ต่อให้ “เจนใหม่” เข้ามารับหน้าที่เฝ้าประตูโคนมต่อไป ซึ่งมองจากตรงนี้ก็จะเห็นเลยถึงเมฆหมอกแห่งความทะมึนทึม เมื่อยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะเป็นใครที่ขึ้นมาแทน จากบรรดาตัวเลือกอย่างน้อย 6 ราย ดังนี้

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

เฟรเดริค รอนโนว์
30 : อูนิโอน เบอร์ลิน : ทีมชาติ 8 นัด
มือสองโคนมคนปัจจุบัน ย้ายจาก บรอนด์บี้ มาวาดลวดลายในบุนเดสลีกา กับ แฟร้งค์เฟิร์ต ตั้งแต่เมื่อปี 2018 จากนั้นย้ายยืมไป ชาลเก้ 04 และเวลานี้อยู่กับ อูนิโอน เบอร์ลิน โดยซีซั่ที่แล้วได้เล่น 13 นัดเนื่องจากเป็นมือสองรองจาก อันเดรียส ลูเต้ แต่ซัมเมอร์นี้รายหลังย้ายออกไปแล้ว ทำให้จะเป็นโอกาสของ รอนโนว์ ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

โยนาส ลอสเซิ่ล
33 : มิดทิลลันด์ : ทีมชาติ 1 นัด
ถือได้ว่าเป็น “จอมอาภัพ” คนหนึ่งของวงการ เมื่อเอาเข้าจริงทั้งที่ฝีไม้ลายมือไม่เลวและมีส่วนสูงเข้าที (195 ซ.ม.) แต่ช่วงชีวิตของการยกระดับจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ สู่ทีมใหญ่ (พอตัว) อย่าง เอฟเวอร์ตัน กลับปรากฏเป็นสถิติลงสนาม 0 นัดตลอด 2 ซีซั่น 2019/20 และ 2020/21 จนที่สุดแล้วก็ต้องย้ายกลับบ้านเกิด ซบ มิดทิลลันด์ (แถมซีซั่นก่อนแวะมา เบรนท์ฟอร์ด ก็ได้เล่นแค่ 2 เกมเท่านั้นอีก)

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ปีเตอร์ วินดาห์ล เยนเซ่น
24 : อาแซด อัล์คมาร์ : ทีมชาติ 0 นัด
น่าจับตากับความก้านยาวจะสองเมตรรอมร่อ (198) และอายุอานามกำลังดี สามารถไปได้อีกไกลนับสิบปี แถมกำลังสั่งสมประสบการณ์อยู่ในฐานะมือหนึ่งของ อาแซด อัล์คมาร์ โดยเคยถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติชุดใหญ่บ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยลงสนามมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ดาเนี่ยล อีเวอร์เซ่น
25 : เลสเตอร์ ซิตี้ : ทีมชาติ 0 นัด
ทายาทของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โดยตรงในทีม เลสเตอร์ ซิตี้ กระนั้นก็ยังไม่เคยเล่นทีมชุดใหญ่จิ้งจอกสยามมาก่อน (จึงไม่ต้องพูดถึงทีมชาติ) โดยย้ายเข้าอะคาเดมี่ เลสเตอร์ ในปี 2016 ตอนที่เจ้าตัวอายุแค่ 18-19 ก่อนถูกส่งยืมไปเล่นกับหลายสโมสรในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีซั่นที่แล้วไปเป็นมือหนึ่งของ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ก่อนที่ซีซั่นนี้จะกลับสู่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในฐานะมือสอง

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น
22 : บรอนด์บี้ : ทีมชาติ 0 นัด
มือหนึ่งของทีมเยาวชน ยู-21 (ซึ่่งยังไม่เคยถูกเรียกขึ้นชุดใหญ่) กำลังเป็นที่จับตาว่าจะมีอนาคตยาวไกล ภายหลังก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของ บรอนด์บี้ ในซีซั่นที่แล้วขณะที่มีอายุเพียง 21 ขวบ รวมถึงถูกตั้งเป็นกัปตันเบอร์ 3 ของสโมสรด้วย โดยนับเป็นลูกหม้อของ บรอนด์บี้ ขนานแท้ ที่ถูกดึงตัวมาปั้นในอะคาเดมี่ตอนอายุ 14-15 เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

เยสเปอร์ แฮนเซ่น
37 : อาร์ฮุส : ทีมชาติ 0 นัด
ว่ากันตามตรง นี่คือตัวเลือกที่สามารถขีดฆ่าออกได้ง่ายที่สุด ด้วยความโชคร้ายของเจ้าตัวที่ดันอยู่ในยุคเดียวกับ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จนไม่เคยได้มีโอกาสเฝ้าเสาทีมชุดใหญ่เลยสักครั้ง ที่สำคัญเจ้าของรางวัลนายประตูแห่งปีลีกเดนมาร์ก 2 สมัย (2012, 2019) ยังอายุอานามปาไป 37 สูงวัยกว่า แคสเปอร์ เสียอีก!

ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่

ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่

ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ อาจไม่ใช่ฟุตบอลโลกหนสุดท้ายสำหรับคริสเตียโน โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ เท่านั้น และนี่คือดาวเตะระดับหัวแถวของโลก ที่ฟุตบอลโลกหนนี้ อาจจะเป็นการปิดฉากฟุตบอลโลกสำหรับพวกเขา

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : "คำว่า 'เกือบ' แชมป์โลก ...พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!"

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : “คำว่า ‘เกือบ’ แชมป์โลก …พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!”

จับเข่าคุยกับ โอลิเวอร์ นอยวิลล์ อดีตหัวหอกอินทรีเหล็ก เยอรมนี ผู้ซึ่งยังจำได้ดีกับการชิงชัยไล่ล่าแชมป์โลกของตัวเขา แชมป์โลก…ที่ใกล้เคียงสุดได้แค่ “เกือบ” เท่านั้น