เรื่อง

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี เมื่อกระทิงดุ ท้าชนอินทรีเหล็ก ใครจะเป็นที่หนึ่งในสาย

หนึ่งในแม็ตช์ห้ามพลาดในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลโลก 2022 หนนี้ ก็คงไม่พ้นการเจอกันของสองทีมแกร่งแห่งยุโรป ที่ต่างก็เคยสัมผัสแชมป์โลกมาแล้วทั้งคู่ สเปนและเยอรมัน ที่พอดูเพื่อนร่วมกลุ่มที่ยังมีญี่ปุ่นกับคอสตาริก้า นอกจากจะเป็นเกมยักษ์ชนยักษ์แล้ว นัดนี้ก็น่าจะเป็นการตัดสินว่าใครที่จะเข้ารอบเป็นที่ 1 และที่ 2 ในสาย

กลุ่ม อี: สเปน, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, คอสตาริกา

เยอรมนี ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

เยอรมันนี จะล้างอายจากฟุตบอลโลก 2018 ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้หรือไม่ (ภาพ: thedailyguardian.com)

หลังตกรอบแรกอย่างน่าอับอายทั้ง ๆ ที่เป็นแชมป์เก่า เมื่อ 4 ปีก่อนที่รัสเซีย แถมฟุตบอลยูโร 2020 ก็ผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์แบบไม่สวยนัก และก็จบลงแค่ที่รอบนี้เมื่อแพ้ต่อคู่ปรับตลอดกาล อังกฤษ แบบหมดสภาพ เยอรมนีมีการรีสตาร์ต ด้วยการเริ่มต้นกับโค้ชคนใหม่ ฮันซี่ ฟลิค ซึ่งน่าจะอยากกู้ชื่อของทีมกลับมาในฟุตบอลโลก 2022 แม้ในคราวนี้พวกเขาดูไม่เหมือนทีมที่ยากจะเอาชนะอีกต่อไป เพราะฟลิคถึงจะพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าสามแชมป์ถ้วยใหญ่ได้สำเร็จในปีเดียว แต่กับทัวร์นาเมนต์ทีมชาติเขาคือมือใหม่ ตัวผู้เล่นก็อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เป็นการผสมผสานระหว่างผู้เล่นเก่า ๆ ที่ดูโรยราไม่น้อยกับรุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น จากที่เห็นในรอบคัดเลือก ฟลิคสามารถทำให้ทีมเข้าที่เข้าทางได้อย่างรวดเร็ว และหากเขาจัดการกับแท็คติกสำหรับการเล่นในทัวร์นาเมนต์ได้ดี เยอรมนีก็น่าจะไปได้ไกลในฟุตบอลโลก 2022 ส่วนการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมนั้น พวกเขาน่าจะตีตั๋วรอบ 16 ทีมได้อยู่แล้ว แต่จะเป็นที่ 1 หรือ 2 ก็ต้องวัดกันกับสเปนทีมแกร่งของยุโรปเพื่อนร่วมกลุ่มอีกที

สเปน ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

กระทิงดุ สเปน จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Getty Images)

สำหรับสเปนเองหากไม่อยู่ในสภาพที่ใช่ก็ถือว่าใกล้เคียงกับเยอรมนี สร้างทีม รีสตาร์ตใหม่ แต่ที่เหนือกว่าก็คือ ผ่านการนับหนึ่งมาแล้ว ลองผิดลองถูกเรียบร้อยจากยูโร 2022 กับหลุยส์ เอ็นริเก้ โค้ชที่เข้ามารับงานหลังจบฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกับบอลทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ รู้ว่าจะต้องใช้แท็กติกแบบไหน ยังไง มีผู้เล่นในใจโดยเฉพาะตำแหน่งหลัก ๆ ส่วนพวกดาวรุ่งเมื่อ 2 ปีก่อนก็ย่อมแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ทีมกระทิงดุน่าจะเบียดอินทรีเหล็กเป็นที่ 1 ในสายได้ เมื่อดูจากชั่วโมงบินของโค้ชและผู้เล่น โดยเฉพาะถ้าแก้ไขปัญหาศูนย์หน้าตัวเป้าไม่ค่อยทำงานได้สำเร็จ งานนี้ก็อาจไม่ยากอย่างที่คิด

เกมที่ทั้งคู่เจอกัน ซึ่งเป็นนัดที่สองของกลุ่มคือแม็ตช์ตัดสิน และเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นที่สอง เพราะจะต้องไปเจอของแข็งจากยุโรปอีกทีม-เบลเยี่ยม แต่ที่ 1 จะเจอกับโครเอชีย รองแชมป์โลกที่โรยรา หรือหากโชคดีกว่านั้นก็อาจเป็นโมร็อกโกหรือว่าแคนาดา ที่จะทำให้โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 หวานเจี้ยบ ๆ ขึ้นไปอีก

ญี่ปุ่น ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

ญี่ปุ่นไม่น่าจะทำได้แบบเดียวกับฟุตบอลโลกครั้งก่อน ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: REUTERS/Jaimi Joy)

แล้วอีกสองทีมล่ะไม่มีโอกาสเลยหรือ? ญี่ปุ่นที่หนก่อนเข้ารอบ 16 ทีมสำเร็จ และเกือบไปไกลกว่านั้น หากปิดเกมที่เจอกับเบลเยี่ยมได้ ในฟุตบอลโลก 2022 พวกเขาน่าจะแค่เป็นหนึ่งใน 32 ทีมสุดท้าย เมื่อสองยักษ์จากยุโรปแกร่งเกินกว่าพวกเขาจะเขย่าบัลลังก์ได้ ถ้าเทียบฟอร์มและตัวผู้เล่นกับสองทีมหัวแถวแล้ว ยังเชื่อไม่สนิทใจว่า ทีมแดนอาทิตย์อุทัยจะกลับบ้านไว หันมาดูเรื่องโชคลางกันบ้าง จากตัวเลขของพวกเขาในฟุตบอลโลก ปี 1998 จบที่รอบแรก, 2022 ตกรอบ 16 ทีม, 2006 ตกรอบแรก, 2010 ตกรอบ 16 ทีม, 2014 แค่รอบแรก และล่าสุด 2018 เข้ารอบ 16 ทีม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปตามสถิติพวกเขาคงจนที่รอบแรก ในแบบที่ต้องวัดกับคอสตาริกาที่ต้องเล่นเพลย์ออฟเพื่อมากาตาร์ แม้จะเป็นนัดที่ไม่ได้ชี้ชะตาว่าใครจะเข้ารอบ แต่ก็เป็นนัดที่สูสีและเข้มข้นไม่แพ้อีกคู่หนึ่งเหมือนกัน

คอสตาริก้า ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

คอสตาริก้ามาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเล่นเพลย์ออฟชนะนิว ซีแลนด์ (ภาพ: www.concacaf.com)

โดยอันดับของทีมในกลุ่ม อีของฟุตบอลโลก 2022 หลังจบนัดสุดท้าย น่าจะเป็น สเปน, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และคอสตาริก้า

โปรแกรมในกลุ่ม อี
23 พฤศจิกายน
เยอรมนี – ญี่ปุ่น
สเปน – คอสตาริก้า

27 พฤศจิกายน
ญี่ปุ่น – คอสตาริก้า
สเปน – เยอรมนี

1 ธันวาคม
คอสตาริก้า – เยอรมนี
ญี่ปุ่น – สเปน

ข้อมูล: 1. ESPN 2. EURONEWS
ภาพปก: www.besoccer.com, Getty Images, Getty Images, www.fcbarcelonanoticias.com
เรื่องน่าอ่าน: พลิกตำนาน การดวลลูกโทษที่จุดโทษ รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ นอกจากจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ช่วยบรรดาผู้ตัดสิน ฟุตบอลโลกครั้งนี้ยังเป็นหนแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินหญิงเข้ามาทำหน้าที่ โดยจะเป็นผู้ตัดสินสามคนและผู้ช่วยผู้ตัดสินสามคน ซึ่งแต่ละรายถูกเลือกมาโดยเน้นคุณภาพในการทำงาน ตามที่หัวหน้าคณะกรรมการผู้ตัดสินของฟีฟ่าบอกเอาไว้ “เราเลือกคุณภาพไม่ใช่เพศ”

การตัดสินใจครั้งนี้ของฟีฟ่า เป็นทั้งการทำลายกำแพงระหว่างเพศ และสร้างความเท่าเทียมกันทางเพศไปพร้อม ๆ กัน โดยสเตฟานี แฟร็ปพาร์ต จากฝรั่งเศส, ซาลิมา มูแคนซันกา จากรวันดา และโยชิมิ ยามาชิตะ จากญี่ปุ่น จะเป็นผู้ตัดสินหญิง 3 รายที่ร่วมทำหน้าที่กับบรรดาผู้ตัดสินชายอีก 33 คน

ขณะที่เนอูซา แบ็ค จากบราซิล, คาเรน ดิอาซ จากเม็กซิโก และแคธริน เนสบิตต์ จากสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินหญิงในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ร่วมกับผู้ช่วยผู้ตัดสินชายอีก 66 คน

ปิแอร์ลุยจิ คอลลิน่า หัวหน้าผู้ตัดสินของฟีฟ่า พูดถึงการเลือกผู้ตัดสินหญิงทั้งหกรายว่า ไม่มีการมองเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง “กระบวนการเลือกสรรทำกันมายาวนาน และเริ่มต้นตั้งแต่หลายปีก่อน จากการใช้ผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินหญิงในทัวร์นาเมนต์ชายของฟีฟ่า ทั้งระดับซีเนียร์และจูเนียร์” คอลลิน่ากล่าว “เรื่องนี้เราย้ำกันชัดเจนเลยว่า เน้นที่คุณภาพไม่ใช่เพศ ผมหวังว่าในอนาคต การเลือกผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินหญิงระดับท็อป สำหรับการแข่งขันรายการสำคัญ ๆ ของผู้ชาย จะเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกต่อไป” คอลลิน่าย้ำด้วยว่า “พวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลโลก เพราะทำหน้าที่ได้ดีอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันระดับสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับเรา”

สเตฟานี แฟร็ปพาร์ต ผู้ตัดสินหญิง จากฝรั่งเศส

สเตฟานี แฟร็ปพาร์ต ผู้ตัดสินหญิง จากฝรั่งเศส กับการทำหน้าที่ในลีก เอิง (ภาพ: John Berry/Getty Images)

แฟร็ปพาร์ตเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินหญิงระดับหัวแถวของฟุตบอลหญิง เธอเป็นผู้ตัดสินหญิงรายแรก ๆ ที่ทำหน้าที่ในฟุตบอลชาย จากปี 2019 ที่ตัดสินฟุตบอลโลกหญิงนัดชิง และเป็นผู้ตัดสินหญิงคนแรกในลีกเอิง ฝรั่งเศส รวมถึงได้ทำหน้าที่ในเกมยูเอฟ่า ซูเปอร์คัพ ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี ก่อนเป็นผู้ตัดสินหญิงคนแรกของแชมเปียนลีก และเมื่อปี 2021 เธอก็เป็นผู้ตัดสินหญิงคนแรกในเกมฟุตบอลโลกชาย รอบคัดเลือก

โยชิมิ ยามาชิตะ ผู้ตัดสินหญิง จากญี่ปุ่น

โยชิมิ ยามาชิตะ ผู้ตัดสินหญิง จากญี่ปุ่น ที่มาทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Soe Zeya Tun/Reuters)

เส้นทางของยามาชิตะ​ ผู้ตัดสินหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ก็คล้าย ๆ กับแฟร็ปพาร์ต แต่เป็นในระดับเอเชีย เธอคือผู้ตัดสินหญิงคนแรกของลีกเจวัน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 และปีนี้เธอก็ได้ทำหน้าที่ในเกมเอเชียน คัพของผู้หญิง, เกมเอเอฟซี แชมเปียนลีกของผู้ชาย โดยเจ้าตัวหวังว่า เธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้สาว ๆ ในเอเชียมาเป็นผู้ตัดสินมากขึ้น แม้ในประเทศของตัวเองยังมีปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศก็ตาม “เป็นเรื่องยากสำหรับการมีผู้ตัดสินหญิงในตะวันออกกลาง ฉันอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยฟุตบอลโลกที่กาตาร์เป็นตัวเร่งปฏิกริยา” เธอบอกอีกว่า “การที่ผู้หญิงได้ทำหน้าที่ในฟุตบอลโลกของผู้ชายเป็นหนแรก เป็นสัญญาณให้คนได้รู้ว่า ศักยภาพของผู้หญิงเราพัฒนามากขึ้น และฉันก็รู้สึกไม่ต่างกัน”

ยามาชิตะเผยว่า “ฉันไม่คิดว่า การที่ผู้หญิงได้ตัดสินในเกมของผู้ชายจะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น การได้ตัดสินในฟุตบอลโลกเป็นเรื่องไม่อยู่ในหัวฉันเลย” แต่เมื่อความเป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้ “ในฐานะคนญี่ปุ่น และในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันภูมิใจมาก ๆ และรู้สึกถึงความรับผิดชอบบนบ่า ฉันจะทำให้ดีที่สุดในฟุตบอลโลก”

ซาลิมา มูแคนซันกา ผู้ตัดสินหญิง จากรวันดาจากรวันดา

ซาลิมา มูแคนซันกา อีกหนึ่งผู้ตัดสินหญิงในฟุตบอลโลก 2022 จากรวันดา (ภาพ: Sebastian Frej/ Image images)

ส่วนมูแคนซังกา ก็ลงทำหน้าที่ในฟุตบอลแอฟริกา คัพออฟเนชันส์ของผู้หญิง, ฟุตบอลแอฟริกันแชมเปียนลีกของผู้หญิง และฟุตบอลโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียวมาแล้ว

“ฉันบอกไม่ได้ว่าการเป็นผู้หญิงมีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบนะ” ยามาชิตะที่เป็นผู้ตัดสินระดับนานาชาติเมื่อ 7 ปีก่อน เธอเสริมด้วยว่า “ฉันสามารถพูดออกมาตรง ๆ ได้เลยว่า ไม่เคยถูกคุกคามทางเพศในสนามเพราะฉันเป็นผู้หญิงเลย” และ “ในฐานะผู้ตัดสิน ฉันไม่เห็นความแตกต่างระหว่างฟุตบอลชายกับฟุตบอลหญิง ฉันอยากให้การเป็นผู้ตัดสินในเกมฟุตบอลชายของผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เริ่มต้นเอาไว้ที่กาตาร์ต้องมีการสานต่อ และฉันก็สัมผัสถึงความกดดันที่ต้องเอาชนะความเชื่อใจของทุกคนให้ได้”

นอกจากผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินทั้งชายและหญิงแล้ว ฟีฟ่ายังมีเจ้าหน้าที่ชายอีก 24 คนเพื่อตรวจสอบการตัดสินด้วยวิดีโอ ซึ่งคงต้องมาดูกันว่า การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินทั้งในสนามและนอกสนามของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จะยกระดับจากเดิม หรือทำได้ดีขนาดไหน

ข้อมูล: 1. www.theguardian.com 2. www.theguardian.com
ภาพปก: John Berry/Getty Images, Soe Zeya Tun/Reuters, Sebastian Frej/ Image images

เรื่องน่าอ่าน: ฟีฟ่าเปิดโผเปาเป่า ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ไร้เงาผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก แต่มีเปาเจ้าปัญหาจากแอฟริกาติดมาด้วย

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้จะไปไกลแค่ไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา

ด้วยวัย 37 ปี ทำให้ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ คงไม่พ้นเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของซูเปอร์สตาร์นักเตะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะโอกาสที่เขาจะยังค้าแข้งต่อไปจนถึงฟุตบอลโลกหนหน้า ด้วยวัยที่แตะหลักสี่ สำหรับนักเตะเอาต์ฟิลด์นั้นถือว่ามีไม่มากนัก และต่อให้ยังเล่นอยู่ โอกาสที่จะยังเป็นขาประจำของทีมชาติโปรตุเกสย่อมน้อยลงไปอีก แม้ทีมฝอยทองจะได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายก็เถอะ โรนัลโด้อาจจะไม่ได้ติดทีมไปแล้วในตอนนั้น

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทีมชาติโปรตุเกส จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: portugoal.net)

ถ้าฟุตบอลโลกหนนี้คือหนสุดท้ายของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ โอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จ ที่หมายถึงเส้นทางของทีมชาติโปรตุเกสจะไปได้ไกลแค่ไหนในคราวเดียวกัน ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเมื่อนับดูถ้วยสำคัญ ๆ ที่คว้ามาได้ ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังไม่ได้สัมผัส

โดยองค์ประกอบที่อยู่ล้อมรอบของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สำหรับฟุตบอลโลกหนนี้ ถือว่าดูดีทีเดียว เมื่อมีนักเตะให้เฟอร์นานโด ซานโตสได้เลือกเกินครึ่งโควต้า 26 คนเรียบร้อย ตั้งแต่คนใกล้ตัว บรูโน่ เฟอร์นานด์ส เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่การันตีที่นั่งในทีมชาติเช่นเดียวกับนักเตะรุ่นพี่, ผู้เล่นจากสโมสรเพื่อนบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – แบร์นาร์โด ซิลวา ที่บดบังรัศมีของเฟอร์นานด์สในฟุตบอลยูโร 2020, ชูเอา คอนเซโล นักเตะเอนกประสงค์, เซนเตอร์แบ็กคนสำคัญ รูเบน ดิอาส รวมถึงนักเตะในทีมหงส์แดง – ดิโอโก้ โชต้า ที่เป็นอาวุธสำคัญในแดนหน้าของทีมฝอยทอง

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ขวา) กับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสโมสร (ภาพ: www.sportingnews.com)

นอกจากชื่อที่ว่ามาแล้ว คนที่คงได้เป็นเพื่อนร่วมทีมของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในฟุตบอลโลกหนนี้แน่ ๆ ยังมีบานเบอะ เช่น คู่หูในทีมปอร์โต – ดิโอโก้ คอสต้าและเปเป้, ผู้รักษาประตู รุย ปาตริซิโอ้ ก็จองตั๋วไปตะวันออกกลางแน่ ๆ แล้วยังมีราฟาเอล เกวเรโร่และนูโน เมนเดส, คู่มิดฟิลด์ วิลเลียม คาร์วัลโญ่-ดานิโล ที่รายหลังยังเล่นเซนเตอร์แบ็กได้ด้วย, ไหนจะดาวเตะจากวูลฟ์แฮมป์ตัน – รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่ และกองหน้าจากทีมตราหมีในลาลีก้า – ชูเอา เฟลิกซ์​ แล้วอย่าลืมชื่อของ เรนาโต้ ซานเชซ, เปโดร คอนกัวเวส, เนลสัน เซเมโด, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ ที่ดีพอจะอยู่ในลิสต์อีก

เชื่อว่าหลังจากยุคทองของทีมชาติโปรตุเกสเมื่อหลายทศวรรษก่อนแล้ว ไม่น่าจะมีทีมฝอยทองชุดไหน ที่เต็มไปด้วยดาวเตะชั้นดีมากขนาดนี้ และทำให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้กับเพื่อนพ้อง ถูกบ่อนพนันถูกกฎหมายหลายแห่ง วางอัตราต่อรองในการคว้าแชมป์เอาไว้ที่ 12/1 หรือ 14/1 ซึ่งเป็นรองแค่เยอรมนี, ฝรั่งเศส และบราซิล ที่อัตราต่อรองอยู่ที่ 9/1, 11/2 และ 5/1 ตามลำดับ พูดง่าย ๆ ก็คือ เต็งสี่ กับบางรายอาจจะต่ำลงมาหน่อย แต่ก็ไม่หลุดไปจากหัวแถว หรือเลวร้ายที่สุดก็คือ เต็งแปด

ส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่าโอกาสของพวกเขามีมาก ก็คงไม่พ้นการอยู่ในกลุ่ม เอช ร่วมกับอุรุกวัย, เกาหลีใต้ และกาน่า โดยพวกเขาจะเล่นนัดแรกกับกานาในวันที่ 24 พฤศจิกายน ตามด้วยอุรุกวัยในอีก 4 วันต่อมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยการพบกับเกาหลีใต้ในวันที่ 2 ธันวาคม ที่โปรแกรมเอื้อให้การเข้ารอบกับพวกเขามหาศาล เมื่อจะได้เจอกับคู่ปรับที่แกร่งที่สุดในนัดที่สอง ทำให้พอมองหน้ามองหลังได้ว่า จะเล่นยังไงหลังจากนัดแรกกับกาน่าผ่านไป และหากเก็บแต้มไม่ได้ตามที่หวัง พวกเขาก็ยังมีทีมที่ตามหน้าเสื่อเป็นรอง อย่าง เกาหลีใต้ที่ไม่หนักมากปิดท้าย 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ CR7 ดาวเตะระดับตำนานของวงการฟุตบอล (ภาพ: Getty Images)

หากคริสเตียโน่ โรนัลโด้แอนด์โค เป็นที่หนึ่งในกลุ่ม เส้นทางไปสู่แชมป์จะดูดีกว่าเป็นที่สอง ซึ่งในรอบ 16 ทีมจะต้องไปเจอบราซิล หนึ่งในทีมเต็งระดับหัวแถว หากเป็นแชมป์กลุ่มทีมฝอยทองจะไปเจอทีมจากยุโรป แม้จะดูแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ที่อาจจะเป็นเยอรมนี หรือว่าสเปน แต่ก็เป็นทีมที่พวกเขาคุ้นเคย และไม่รู้สึกว่าน่าเกรงขามมากนัก และหากผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศก็เป็นไปได้มากที่เราจะได้เห็นคริสเตียโน่ โรนัลโด้ดวลกับลิโอเนล เมสซี่ ที่จะกลายเป็นการวัดกันว่า ใครกันจะได้คว้าถ้วยใหญ่ที่สุดที่ยังไม่เคยได้ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้กับพวกเขา

ข้อมูล: portugoal.net
ภาพปก: Reuters

เรื่องน่าอ่าน: ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่

กลุ่ม ดี ฟุตบอลโลก 2022 เช็กชะตาแชมป์เก่าตราไก่ เวลาของโคนม? ใครจะเป็นทีมแจกแต้มของกลุ่มนี้

กลุ่ม ดี ฟุตบอลโลก 2022 เช็กชะตาแชมป์เก่าตราไก่ เวลาของโคนม? ใครจะเป็นทีมแจกแต้มของกลุ่มนี้

ฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม ชะตากรรมของแชมป์เก่าไม่สวยสักเท่าไหร่ เพราะจอดป้ายแค่รอบแรกเกือบทั้งหมด รอดถึงรอบต่อไปได้ก็มีแค่บราซิล แชมป์ปี 2002 ที่ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปี 2006 แล้วก็จบแค่นั้น และในฟุตบอลโลก 2022 ฝรั่งเศส แชมป์เก่าจากรัสเซีย ก็ผ่านรอบคัดเลือกมาป้องกันแชมป์ ซึ่งในอดีตพวกเขาคือทีมแรกที่เจออาถรรพ์แชมป์โลก ที่เล่นงานจนตกรอบแรกในฟุตบอลโลกครั้งต่อมา แบบไม่ชนะใครเลย คราวนี้ทีมตราไก่ที่เป็นทีมวางในกลุ่ม ดี จะมีโอกาสเจอคำสาปแชมป์โลกซ้ำหรือไม่

กลุ่ม ดี: ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก, ตูนีเซีย

แชมป์โลก ฝรั่งเศส

ทีมแชมป์โลก ฝรั่งเศส ทีมวางในกลุ่ม ดี (ภาพ: Twitter @FrenchTeam)

ฝรั่งเศสเดินทางมาป้องกันแชมป์ โดยเป็นหัวแถวกลุ่ม ดี มีดิดีเยร์ เดส์ชองป์ เป็นโค้ชเหมือนเดิม แต่ผลงานหลังจากคว้าแชมป์โลกกลับดูไม่ค่อยน่าประทับใจนัก รูปแบบการเล่นก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ฟุตบอลยูโร 2020 ก็ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยพ่ายสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมวัวเคยขาม้าเคยขี่มาตลอด แถมบอลเนชันส์ ลีกที่เพิ่งเตะไปสี่นัด ก็ทำได้แค่เสมอสอง และเอาชนะใครไม่ได้เลย ทำเอาเสียเครดิตมาก ๆ แล้วต้องลุ้นนักเตะตัวหลัก อย่าง ปอล ป็อกบา ว่าจะหายเจ็บทันฟุตบอลโลกไหม ถ้าหายทันก็ลุ้นต่ออีกว่าจะฟิตพอสำหรับลงสนามแค่ไหน ยังดีที่เดส์ชองป์มีนักเตะที่ดีอยู่ในมือมากมาย เช่น คิลิยัน เอ็มบัปเป้ นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมฟุตบอลโลกหนก่อน กับพวกดาวเตะหน้าใหม่ ๆ ที่กำลังพุ่งขึ้นมา เช่น ออเรเลียน ชูอาเมนี, วิลเลียม ซาลิบา และเอดูอาร์โด กามาวินก้า ส่วนพวกหน้าเก่า ๆ ก็ยังไม่ถึงกับหลุดฟอร์ม โดยเฉพาะศูนย์หน้า – คาริม เบนเซม่า ที่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีต่อเนื่อง

เดนมาร์ก ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม ดี

เดนมาร์ก อีกหนึ่งทีมเต็มแชมป์กลุ่ม ดี ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Instagram @herrelandsholdet)

แล้วเมื่อดูเพื่อนร่วมกลุ่ม ดี คู่แข่งดูจะมีแค่เดนมาร์ก การผ่านไปสู่รอบ 16 ทีมน่าจะเป็นเรื่องไม่ยาก เพียงแต่จะเป็นที่ 1 หรือ 2 เพราะทีมโคนมอยู่ในฟอร์มที่ดีกว่า หากเทียบกันในตอนนี้ ทำให้การเจอกันในนัดที่สองของทั้งคู่ คือนัดตัดสินชะตาว่าใครจะเป็นที่เท่าไหร่ของสาย ที่ตอนนี้จากฟอร์ม จากความพร้อมของผู้เล่น คงต้องบอกว่า เดนมาร์กดูดีกว่า โดยเฉพาะหลังยูโร 2020 พวกเขาดูแข็งแกร่งมากขึ้นในเรื่องจิตใจ แล้วบรรดานักเตะหน้าใหม่ของทีมน่าจะมีประสบการณ์มากกว่าเดิม แถมตัวเก่ง อย่าง คริสเตียน เอริกเซนก็กลับมาแล้ว โคนมน่าจะเบียดตราไก่เป็นที่ 1 ในสาย

ชาติเอเชีย - ออสเตรเลีย

ออสเตรเลียต้องเหนื่อยอีกสองนัดกว่าจะผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter/@Socceroos)

แล้วอีกสองทีมที่เหลือในกลุ่ม ดีไม่มีอะไรเลยหรือ? คำตอบคือ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ตูนีเซียอาจได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์กับความคุ้นเคย เมื่อมีชุมชนของพวกเขาอยู่ในโดฮา แล้วเคยเล่นที่นี่ในฟุตบอลอาหรับคัพปี 2021 ที่ไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่เมื่อพูดถึงฟุตบอลโลกของแค่นี้ยังไม่พอ พวกเขามีโอกาสเป็นทีมแจกแต้มให้สองทีมจากยุโรป โอกาสเดียวในการเก็บแต้มก็คือการเจอกับออสเตรเลีย ที่ผ่านเพลย์ออฟมากาตาร์ด้วยฟอร์มการเล่นดูพื้น ๆ ไม่มีเสน่ห์หรือความพิเศษใส่ไข่ แบบที่หากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์หรือเปรู จะเข้ามาแทนที่ก็ได้เมื่อดูฟอร์มการเล่นในวันเจอกับทีมแดนจิงโจ้ และทำให้การเจอกันของตูนีเซียและออสเตรเลียกลายเป็นแม็ตช์ที่น่าสนใจขึ้นมาทันที กับการเป็นนัดตัดสินชะตา เช่นเดียวกับการเจอกันของสองทีมแห่งยุโรป แต่ขณะที่คู่หนึ่งวัดกันว่าใครจะเป็นที่ 1 ในสาย อีกคู่คือการวัดว่าใครจะจมอยู่ที่สุดท้ายของกลุ่ม ดี

ตูนีเซีย ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม ดี

ตูนีเซีย ทีมที่ได้เสียงเชียร์จากชุมชนชาวตูนีเซียในโดฮา (ภาพ: Twitter @tunisiefootball)

งานนี้ ขอสรุปว่า ในกลุ่ม ดี ของฟุตบอลโลก 2022 โคนมน่าจะเข้าวินเป็นที่หนึ่ง ฝรั่งเศสเป็นที่สอง ออสเตรเลียคงมาที่สาม ส่วนตูนีเซียน่าจะรั้งท้าย ในแบบที่สองอันดับสุดท้ายเบียดกันแบบฉิวเฉียดสุด ๆ

โปรแกรมในกลุ่ม ดี 

22 พฤศจิกายน
เดนมาร์ก – ตูนิเซีย
ฝรั่งเศส – ออสเตรเลีย

26 พฤศจิกายน
ตูนิเซีย – ออสเตรเลีย
ฝรั่งเศส – เดนมาร์ก

30 พฤศจิกายน
ตูนิเซีย – ฝรั่งเศส
ออสเตรเลีย – เดนมาร์ก 

ข้อมูล: EURONEWS  ESPN FC  WIKEPEDIA
ภาพปก: www.ligue1.com , PA Photos  Liselotte Sabroe/Reuters GETTY IMAGES

เรื่องน่าอ่าน: ปัญหาของแชมป์โลก ฝรั่งเศส ที่ต้องจัดการก่อนนัดแรกฟุตบอลโลก 2022

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง...คงตายตาหลับ

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง…คงตายตาหลับ

ในวัย 9 ขวบ เด็กชายร่างผอมแกร็นชาวบราซิเลียนชื่อ ดาเนี่ยล อัลเวส ดา ซิลวา ต้องนอนบนเตียงที่หล่อด้วยปูนซีเมนต์, ใช้ชีวิตท่ามกลางพื้นดินเฉอะแฉะ ในสภาพอากาศร้อนจัดหลัก 40 องศาเซลเซียส

 

เขาต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ในทุกเช้าเพื่อไปทำงานฉีดพ่นสารเคมีบนพืชผลในฟาร์ม และช่วยยกข้าวยกของ จากนั้นเขายังต้องเดินเท้าเป็นระยะทางร่วม 20 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียน เมื่อตกเย็น เรียนเสร็จแล้วก็ต้องเดินเท้าอีกเป็นระยะทางประมาณเดียวกัน เพื่อเข้าฝึกซ้อมฟุตบอล

 

ในทุกค่ำคืน เขาหลับตาลงพร้อมความฝันว่าตัวเองจะได้เป็นนักเตะอาชีพผู้เลื่องชื่อของประเทศบ้านเกิด บราซิล

 

ยิ่งกว่านั้น–เยอะ

 

หลายสิบปีให้หลัง ดานี่ อัลเวส คือ “นักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุด” ทั้งในวงการฟุตบอลบราซิลและโลกแห่งลูกหนัง กับโทรฟี่ 40 กว่ารายการที่คว้ามาได้กับ บาเอีย, เซบีย่า, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เซา เปาโล จนถึงทีมชาติบราซิล

 

แม้ในช่วงที่พีคขึ้นมาสร้างชื่อเป็นยอดแบ็กขวาของวงการ อัลเวส จะออกทรงล้มเหลวกับทีมชาติ ที่ไม่เคยไปถึงเส้นชัยในฟุตบอลโลกมาก่อน แต่ “วี่แวว” ที่ดีเยี่ยมก็เริ่มจะส่งประกายในช่วงหลายปีหลัง กับแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา อเมริกา 2019 และแชมป์โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ยกมาชิงชัยกันตอนซัมเมอร์ของ 2021

 

แล้วกับฟุตบอลโลก “กาตาร์ 2022” ที่กำลังรออยู่ไม่กี่สิบวันข้างหน้า ต่อให้จะหลบออกจากเวทียุโรป ไปค้าแข้งกับ ปูมาส อูนัม ในลีกเม็กซิโกแล้ว ดานี่ อัลเวส ก็น่าจะยังคงถูกหอบหิ้วไปเป็นหนึ่งในขุนพลของ ตีเต้ อยู่ดี เมื่อตำแหน่งแบ็กขวา นอกจากเสือเฒ่าวัย 39 อย่างเขาแล้ว ก็มีเพียง ดานิโล่ (ยูเวนตุส) กับ เอแมร์ซอน โรยัล (สเปอร์ส) เท่านั้นที่อยู่ในข่ายพิจารณา

 

และแน่นอน ทัวร์นาเมนต์ที่คงจะเป็นการอำลาไปในตัว — อำลาทีมชาติไหมยังไม่รู้ แต่นี่คงเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของพี่แกแล้วแหละ

 

ขอผงาด “แชมป์โลก” เป็นการสั่งลา ชายชราชื่อ ดานี่ อัลเวส คงได้นอนตายตาหลับ…

 

คล้ายกับหลายตำนานนักฟุตบอล คุณมีช่วงเวลายามเด็กที่ไม่ง่ายเอาเสียเลย…
อัลเวส : เด็กๆ หลายคนมีชีวิตยากลำบาก ผมโชคดีมากที่มีพ่อแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่ามีอาหารอยู่บนโต๊ะเสมอ – พวกท่านจะเป็นฮีโร่ของผมเสมอ – แต่ผมไม่สามารถมีสิ่งที่เด็กๆ หลายคนมีได้ ผมต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มีบางอย่างที่ช่วยให้คุณผ่านอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตได้ นั่นคือความฝัน คุณอาจต้องเผชิญปัญหาหลากหลายประการ แต่เมื่อคุณมีฝันที่ยิ่งใหญ่ ความฝันของคุณจะวิเศษมากจนครอบงำความคิดของคุณ และคุณจะมองข้ามเรื่องยุ่งยากทุกอย่างไป แน่นอน คุณต้องเต็มใจทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง หลายๆ คนมีฝันที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนความฝันของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

ข้อเท็จจริงสำหรับชายชื่อ ดานี่ อัลเวส คือการที่คุณเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จครองแชมป์มามากกว่าผู้เล่นรายใดๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล การเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศเหล่านี้มีความหมายต่อคุณมากแค่ไหน?
อัลเวส : ทุกโทรฟี่แชมป์มีความสำคัญในตัวเอง แต่บางอันก็มีความพิเศษมากขึ้นไปอีก โอลิมปิก (โตเกียว 2020) นั้นพิเศษสุดกว่ารายการอื่น มันคล้ายๆ กับฟุตบอลโลกที่มีรอบการมาในทุกๆ สี่ปี คุณมีนักกีฬาที่ดีที่สุด ทีมที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มันดึงดูดความสนใจคนทั้งโลก ความมหัศจรรย์ของมันคือเรื่องที่แตกต่างไป เรา (ทีมชาติบราซิล) เป็นกลุ่มนักเตะที่มีโอกาสได้ลงเล่นในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก และนั่นเป็นเรื่องมหัศจรรย์

 

คุณอยากเล่นฟุตบอลโลก 2022 มากแค่ไหน?
อัลเวส : พูดตามตรงนี่คือเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของผม มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ ที่ได้รับการเรียกติดทีมชาติโอลิมปิก แต่ตั้งแต่ผมออกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผมก็ให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะทุ่มทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อให้ได้ไปฟุตบอลโลก ในชีวิต คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ และไล่ตามพวกมันอย่างสุดความสามารถ คุณอาจทำสำเร็จหรือคุณอาจทำไม่สำเร็จ มันเป็นเรื่องธรรมดา สมมุติว่าถ้าผมไม่ได้อยู่ข่ายจะได้ไปฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผมก็ให้สัญญาคุณได้เลยว่าผมจะไม่ลดระดับความพยายามของผมลงไป ถ้าผมไม่สมควรได้รับมันและมีคนอื่นที่เหมาะกว่า ผมก็พร้อมที่จะเป็นกองเชียร์หมายเลข 1 ของ ลา เซเลเซา แต่ผมคิดถึงฟุตบอลโลกอยู่ตลอดเวลา และผมก็อุทิศตัวเองเพื่อทำให้ความฝันนี้เป็นจริง มันคือเป้าหมายของผม

 

คุณคิดอย่างไรกับ เนย์มาร์?
อัลเวส : เขาเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากมาก เขาถูกประเมินค่าต่ำไปอย่างสิ้นเชิง ในประเทศของเรา การประสบความสำเร็จดูเหมือนเป็นอาชญากรรม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องจ่ายสำหรับการเป็นชาวบราซิเลียน ถ้าเขามาจากประเทศอื่น, ทำทุกอย่างที่เขาทำ, ทำลายทุกสถิติที่เขามี ชาวบราซิลจะให้ค่าเขาสูงกว่านี้มาก เนย์มาร์ ทำให้เด็กๆ หลงรักฟุตบอล
เมื่อผมยังเด็ก สิ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักฟุตบอลก็คือความมหัศจรรย์ที่ยอดนักเตะบราซิลมี ความสามารถในการแสดงออกถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป การแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลแท้จริงแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ที่จริง ฟุตบอลมันเริ่มน่าเบื่อ การเน้นแท็กติกมากเกิน การเน้นการต่อสู้ทางกายภาพมากเกิน
ฟุตบอลควรเป็นศิลปะ เป็นสิ่งสวยงาม คุณลองดูสิ่งที่ เนย์มาร์ ทำสิ ไม่มีใครวิเศษเท่าเขา ผมรักฟุตบอลอย่างแท้จริง และผมก็รักที่จะดูการเล่นของ เนย์มาร์

 

แล้วยอดดาวเตะนักมายากลคนใดกัน ที่ทำให้คุณตกหลุมรักฟุตบอล?
อัลเวส : ผมรักการโชว์ของ โรนัลดินโญ่ และ โรมาริโอ แต่ตอนที่ผมต้องสู้เพื่อเป็นนักเตะอาชีพ แบบอย่างของผมคือ คาฟู
เราทั้งคู่ต่างมาจากเมืองชัวเซโร่ (Juazeiro รัฐบาเอีย) เราไม่เคยนึกภาพตัวเองเป็นนักมายากล เราเพียงแต่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ทุกอย่างมา ไอดอลของผมคือ คาฟู เรื่องราวของเขา วิธีการต่อสู้ของเขา ทุกอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้ผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเกลียดเมื่อมีคนเปรียบเทียบผมกับ คาฟู
ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากก็จริง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับรางวัลออสการ์ในเส้นทางฟุตบอล แต่ผมเคารพ คาฟู มากที่สุด และไม่ชอบการโต้แย้งเหล่านี้ คาฟู คือตำนานที่แท้จริง

 

เวลาของคุณที่ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างไรบ้าง?
อัลเวส : หาที่เปรียบมิได้ ผมเชื่อว่าผมได้เล่นในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ผมไม่เคยเห็นสุดยอดทีมที่เล่นด้วยกันไหลลื่นกลมกลืนกันขนาดนี้มาก่อน เราทุกคนอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกันเป็นเวลาตลอดทั้ง 90 นาที เป็นทีมซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่เล่นเกมอย่างสนุกเหมือนเด็กเล่นฟุตบอล ไม่เพียงแต่เล่นเพื่อชนะ แต่เรายังเล่นเพื่อความบันเทิงด้วย เรามีผู้เล่นที่น่าทึ่งเข้ามาร่วมทีมคนแล้วคนเล่า และมีอีกหนึ่งสุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก (ลิโอเนล เมสซี่) เป็นเสมือนผู้นำ มันเป็นการยากที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั้น เป็นสิ่งที่เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่จะเข้าใจ เราสัมผัสได้ถึงช่วงเวลาแห่งความอิ่มอกอิ่มใจที่ประเมินค่าไม่ได้

 

แล้ว “สุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก” คนที่คุณว่า คือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลหรือไม่?
อัลเวส : ผมสามารถพูดเกี่ยวกับผู้เล่นที่ผมเคยเห็นในช่วงชีวิตของผมเท่านั้น ผมเคยเห็นนักเตะพรสวรรค์สูงมากมาย แต่พวกเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานระดับสูงเช่นนั้นได้เป็นเวลานาน ดังนั้น แม้เขาจะเป็นคนอาร์เจนติน่า ผมก็ต้องยอมรับว่า เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

 

ตอนนี้ล่ะ คุณคิดว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก?
อัลเวส : เนย์มาร์ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกวันนี้

 

ถึงตรงนี้ คุณคว้าแชมป์ไปแล้ว 40 กว่ารายการทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ สิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร และคุณมองถึงการเป็นนักเตะคนแรกที่ครองแชมป์ถึงหลัก 50 รายการ รึเปล่า?
อัลเวส : ผมภูมิใจในตัวเองมาก ผมคิดว่าผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ผมคิดว่าคุณต้องสู้สุดใจเพื่อไปให้ถึงดวงดาว ใช่ ผมนึกถึงหลักไมล์สำคัญนี้ เดอะบิ๊กฟิฟตี้! มันคงน่าทึ่งมาก เป็นสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์ ผมหวังว่าผมจะทำมันได้สำเร็จก่อนที่ผมจะเลิกเล่น และหวังว่ามันจะรวมถึงฟุตบอลโลกด้วย!

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

พลิกตำนาน การดวลลูกโทษที่จุดโทษ รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

พลิกตำนาน การดวลลูกโทษที่จุดโทษ รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

ในรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลก หากทั้งสองทีมเสมอกันกฏที่นำมาใช้ก็คือ การต่อเวลาไปอีกสองครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที ที่หากยังซัดกันไม่ลงก็ต้องไปถึงฎีกา นั่นก็คือการดวลลูกโทษที่จุดโทษ ที่ทั้งสองทีมจะต้องส่งผู้เล่นจิตแข็งฝั่งละห้าคนมาดวลสลับกันจนครบ หรือชนะขาด ซึ่งถ้ายังเสมอกัน ก็ต้องยิงต่อแบบหมัดต่อหมัด ที่ใครพลาดก็แพ้ไปเลย

ด้วยการที่มีผู้เล่นเพียงแค่สองคนชี้เป็นชี้ตาย คือผู้รักษาประตูและผู้ยิงประตู การดวลลูกโทษที่จุดโทษเพื่อหาผู้ชนะจึงเป็นอีกความระทึก ผู้เล่นในสนามห้ามพลาด และผู้ชมก็ลุ้นจนแทบไม่หายใจ

สำหรับการเตะลูกโทษที่จุดโทษ ถูกนำเสนอให้ใช้ในการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1890 แต่กว่าจะมีการวางกฎและประกาศใช้ก็ 2 มิถุนายน 1891 โดยทีมแรกที่ได้ลูกโทษที่จุดโทษก็คือ แอร์ดรีโอเนียนส์ ในปี 1891 ที่สนามบรูมฟิลด์ ปาร์ก ที่ตลอดเวลา 131 ปี กฏการยิงลูกโทษที่จุดโทษก็เปลี่ยนแปลง พัฒนามาเรื่อย ๆ และจากที่ใช้ลงโทษทีมที่ทำผิดกติกา ก็ถูกนำมาใช้เป็นทางออกในการตัดสินเกมที่หาผู้ชนะไม่ได้ในเวลาปกติ หรือช่วงต่อเวลาพิเศษ (หากมี) ซึ่งเริ่มคิดนำมาใช้กับฟุตบอลโลก ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1970 แต่ก็ยังไม่ได้ประกาศใช้

จนมาถึงรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1978 การดวลลูกโทษที่จุดโทษจึงนำมาใช้ และเกมแรกของฟุตบอลโลกที่ต้องสู้กันถึงฎีกา ก็เป็นเกมรอบแรกของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนแอฟริกา ที่ตูนีเซียเอาชนะโมร็อกโค เมื่อ 9 มกราคม 1977 แต่กว่าจะได้เห็นในการแข่งขันรอบสุดท้าย ก็เป็นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 1982 ที่สเปน ซึ่งเยอรมันตะวันตกเอาชนะฝรั่งเศส ในเกมที่ได้ชื่อว่าสุดคลาสสิกเกมหนึ่งในฟุตบอลโลก

การดวลลูกโทษที่จุดโทษ นัดชิงฟุตบอลโลก 1994

โรแบร์โต บักโจ้ กับเหตุการณ์ที่เขาอยากจะลืม เมื่อพลาดการดวลลูกโทษที่จุดโทษในนัดชิงชนะเลิศ (ภาพ AFP/ Getty Images)

และหลังจากนั้น การดวลลูกโทษที่จุดโทษก็เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลโลก ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม และอารมณ์สุดดรามาขึ้นมาได้ ซึ่งในหลาย ๆ เกมก็เป็นเกมคลาสสิก และทำให้นักเตะ อย่าง โรแบร์โต บักโจ้, ฟรังโก้ บาเรซี, ดานิเอเล มัสซาโร หรือ ดาวิด เทรเซเก้ต์ กลายเป็นนักเตะที่ได้รับการจดจำ ในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจดจำ เมื่อพลาดการดวลที่ระยะ 12 หลาในนัดชิงชนะเลิศ และทำให้ชาติของตัวเองพลาดแชมป์ฟุตบอลโลก

ชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เมื่อมาถึงช่วงการดวลลูกโทษที่จุดโทษในฟุตบอลโลกก็คือ เยอรมนี ไม่ว่าจะลงเล่นในนามเยอรมันตะวันตกหรือเยอรมนี ชนชาตินี้ไม่เคยแพ้ใคร และที่น่าสนใจก็คือ การดวลลูกโทษที่จุดโทษในฟุตบอลโลกของทีมอินทรีเหล็กทั้งหมด 4 หน จากฟุตบอลโลก 4 ครั้งในปี 1982, 1986, 1990 และ 2006 ที่คู่ต่อสู้คือ ฝรั่งเศส, เม็กซิโก, อังกฤษ และ อาร์เจนติน่า ตามลำดับ พวกเขายิงเข้า 94% โดนเซฟแค่ 6% และไม่เคยยิงไม่ตรงกรอบเลย

เยอรมันตะวันตก - ฝรั่งเศส ดวลลูกโทษที่จุดโทษ ฟุตบอลโลก 1982

การดวลลูกโทษที่จุดโทษครั้งแรกในฟุตบอลโลก ระหว่างเยอรมันตะวันตก กับฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 1982 (ภาพ: EMPICS Sports)

ที่น่าพรั่นพรึงก็คือ จากทั้งหมด 18 ลูกที่ได้เตะ ดาวเตะด็อยต์ชลันด์ยิงเข้าถึง 17 ลูก ครั้งเดียวที่พลาดเกิดขึ้นในการดวลลูกโทษที่จุดโทษในฟุตบอลโลกครั้งแรก ทั้งของพวกเขาและของทัวร์นาเมนต์ เมื่ออูลี่ สติลิเก้ยิงติดเซฟของฌอง ลุค-เอ็ตโตริ ผู้รักษาประตูทีมตราไก่ ซึ่งนั่นหมายความว่า นับตั้งแต่นั้นพวกเขาไม่เคยพลาด ที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าก็คือ ทั้ง 17 ประตูที่ทำได้ ผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม ไม่มีโอกาสสัมผัสบอลเลย!!!

ไม่ใช่แค่ยิงประตู เยอรมนียังทำได้ดีในเรื่องของการป้องกัน เมื่อถึงการดวลลูกโทษที่จุดโทษ ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันสามารถเซฟได้ถึง 39%

แต่ที่น่าตลกก็คือ ทีมที่แพ้การดวลลูกโทษที่จุดโทษครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ ก็ไม่ใช่ใครอื่น เยอรมนีนี่แหละ เมื่อพวกเขาพ่ายเช็คโกสโลวาเกียในนัดชิงฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1976

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทีมชาติเยอรมนีเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วนำมาสร้างเป็นจุดแข็งของพวกเขาได้เป็นอย่างดี แม้พักหลัง ๆ พวกเขาจะแพ้การดวลลูกโทษที่จุดโทษบ้างแล้ว แต่ในฟุตบอลโลก พวกเขายังไม่เคยปราชัยในการวัดใจที่ระยะ 12 หลาเลย

ข้อมูล: WIKIPEDIA – 1, WIKIPEDIA – 2, EURONEWS, FIFAMUSEUM, BESOCCER, ANSWERFOUNDRY
ภาพปก: Sky Sports
เรื่องน่าอ่าน: นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

กลุ่ม ซี ในฟุตบอลโลก 2020 กลุ่มของเมสซี่ และโอกาสเก็บประสบการณ์อันดีของซาอุดิอาระเบีย

กลุ่ม ซี ในฟุตบอลโลก 2020 กลุ่มของเมสซี่ และโอกาสเก็บประสบการณ์อันดีของซาอุดิอาระเบีย

กลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นกลุ่มที่ผสมผสานทีมได้หลากหลายระดับ แม้ทีมวางของกลุ่ม อาร์เจนติน่า จะเป็นทีมโคตรแกร่ง ที่มองไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ ส่วนอีกสามทีมที่เหลือ คงมีเพียงสองทีมที่น่าจะแย่งกันเข้ารอบไปกับอาร์เจนติน่า ส่วนทีมจากเอเชียคงทำได้แค่เป็นก้างขวางคอของสักทีม ที่ไม่รู้ว่าทีมไหนจะเจอแจ็กพ็อต ต้องมาดูกัน

กลุ่ม ซี: อาร์เจนติน่า, ซาอุดิอาระเบีย, เม็กซิโก, โปแลนด์

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

อย่างที่คาดกันด้วยวัยและสังขาร ฟุตบอลโลกหนนี้่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของลิโอเนล เมสซี ซึ่งจะเป็นโอกาสสุดท้ายในการคว้าแชมป์เดียวที่เขายังทำไม่ได้ จากเพื่อนร่วมกลุ่ม การผ่านไปรอบ 16 ทีมในฐานะแชมป์กลุ่ม ซี ของอาร์เจนติน่าไม่ยาก แต่ทีมที่จะตามไปด้วยนี่ซิ ต่อให้มีแค่สองทีม เม็กซิโกกับโปแลนด์ แต่ก็ยากจะคาดเดา ทำให้การเจอกันของทั้งคู่ตั้งแต่นัดแรกในฟุตบอลโลกหนนี้ของทั้งสองทีม คือนัดชิงเข้ารอบก็ว่าได้ ใครที่คว้า 3 แต้ม น่าจะก้าวเท้าเข้าไปในรอบ 16 ทีมแล้วข้างหนึ่ง

โปแลนด์ ทีมในกลุ่ม ซี ฟุตบอลโลก 2022

โปแลนด์จะคว้าที่ 2 ของกลุ่ม ซี ตามอาร์เจนติน่า เข้ารอบได้หรือไม่ (ภาพ: AFP)

เพราะมีชื่อนักเตะซูเปอร์สตาร์ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อยู่ในทีม การเจอกันของเขากับเมสซีในนัดสุดท้ายของกลุ่ม ซี เลยกลายเป็นเกมที่น่าสนใจ แต่ไม่น่าจะใช่นัดสำคัญ โดยเฉพาะถ้าโปแลนด์เปิดหัวด้วยการพ่ายเม็กซิโก ขณะที่องค์ประกอบของทีมก็ห่างจากฟ้า-ขาวไม่ต่ำกว่าก้าวครึ่ง บวกกับการที่พวกเขามักท่าดีทีเหลวในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ เอาง่าย ๆ ตั้งแต่เข้าศตวรรษใหม่เป็นต้นมา โปแลนด์ยังไม่เคยผ่านรอบแรกฟุตบอลโลกได้เลยสักครั้ง เทียบกับคู่ปรับเม็กซิโกก็ยังทาบไม่ติด เพราะนับตั้งแต่ถูกแบนจนไม่ได้เล่นฟุตบอลโลก 1990 หลังจากนั้นทีมจังโก้ก็เข้ารอบสุดท้ายครบ และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมมาตลอด ทำให้การเจอกันของโปแลนด์และอาร์เจนตินาจึงเป็นแค่เกมที่น่าสนใจ เพราะจะได้เห็นเลวานดอฟสกี้ปะทะเมสซี แต่ก่อนหน้านั้น มาลุ้นกันดีกว่าว่า เลวานดอฟสกี้จะยิงประตูแรกในฟุตบอลโลกได้ไหมก่อน

เม็กซิโก กลุ่ม ซี ฟุตบอลโลก 2022

จังโก้อันตราย เข้ารอบสุดท้ายมาเป็นหนแปดติดต่อกัน (ภาพ: www.elfutbolero.us)

สถานการณ์ของเกมนี้จะเปลี่ยนไป ก็เมื่อโปแลนด์ชนะ หรือแค่ไม่แพ้ในนัดเปิดสนาม ทำให้พวกเขายังมีหวังถึงนัดสุดท้าย แลต้องเก็บ 3 แต้มจากทีมฟ้า-ขาวให้ได้ เพื่อตามพวกเขาผ่านรอบแรกกลุ่ม ซี ไปสู่รอบน็อกเอาต์ หรือรอบสองของฟุตบอลโลก ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1982 ที่หนนั้นพวกเขาคว้าที่สามมาครอง ด้วยการเอาชนะฝรั่งเศสของมิเชล พลาตินี่ในนัดชิงที่สาม

ทีมอินทรีทะเลทรายซาอุดิอาระเบียล่ะ โอกาสมีแค่ไหน? แม้จะผ่านรอบคัดเลือกในโซนเอเชียด้วยการเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มที่มีทีมแกร่งอย่าง ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย แต่ความล้มเหลวในฟุตบอลเอเชียนคัพ แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังไม่แกร่งพอสำหรับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นนักเตะในทีม ล้วนเป็นผู้เล่นจากทีมภายในลีกของประเทศ เพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้วฟุตบอลโลก 2022 ก็ไม่ต่างไปจากทัวร์นาเมนต์หาประสบการณ์ของพวกเขาส่วนเรื่องจะทำได้เหมือนในฟุตบอลโลก 1994 ที่หลุดไปรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จนั้น อาจจะเร็วไปสำหรับฟุตบอลโลกในครั้งนี้

ซาอุดิอาระเบีย กลุ่ม ซี ฟุตบอลโลก 2022

ว่ากันว่า ซาอุดิอาระเบีย มาฟุตบอลโลก 2022 เพื่อเก็บประสบการณ์ และทำให้ทีมในสายติดคอ (ภาพ: REUTERS/Ahmed Yosri)

เพราะฉะนั้นนอกจากอาร์เจนติน่า ที่จองที่นั่งในรอบ 16 ทีมไว้เรียบร้อย ทีมอันดับสองของกลุ่ม ซี ก็คงต้องเป็นจังโก้-เม็กซิกัน ที่น่าจะเบียดโปแลนด์ให้ตกไปเป็นที่สามได้สนุก ซึ่งนัดชี้ชะตาก็อย่างที่บอก นัดที่พวกเขาเจอกันซึ่งเป็นนัดแรกในฟุตบอลโลกของทั้งคู่ ส่วนซาอุดิอาระเบีย ขอแค่เล่นแบบได้ใจคนดู กลายเป็นมารผจญของอีก 2 หรือ 3 ทีมได้สำเร็จ เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาแล้ว

โปรแกรมการแข่งขันในกลุ่ม ซี
22 พฤศจิกายน
อาร์เจนติน่า – ซาอุดิอาระเบีย
เม็กซิโก – โปแลนด์

26 พฤศจิกายน
โปแลนด์ – ซาอุดิอาระเบีย
อาร์เจนติน่า – เม็กซิโก

30 พฤศจิกายน
ซาอุดิอาระเบีย – เม็กซิโก
โปแลนด์ – อาร์เจนติน่า

ข้อมูล: 1. EURONEWS 2. ESPN

ภาพ:
ภาพปก: 1. AFP 2. Reuters/ M.Shemetov 3. Salas/Jam Media/Getty Images 4. AFP

เรื่องน่าอ่าน: กลุ่ม เอ ฟุตบอลโลก 2022 ทีมไหนจะเข้ารอบ แม็ตช์ไหนห้ามพลาด

วันจับสลากแบ่งสาย ที่นัดเปิดสนามเป็นวันที่ 21 พฤศจิกายน

เลื่อน! นัดเปิดสนาม ฟุตบอลโลก 2022 สานธรรมเนียมให้เจ้าภาพอวดสายตาชาวโลกวันแรก

จากที่เคยวางไว้ว่านัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 จะเตะกันในวันที่ 21 พฤศจิกายน ช่วงค่ำ ๆ โดยเป็นการแข่งขันกันระหว่าง เนเธอร์แลนด์และเซเนกัล ในกลุ่ม เอ ฟีฟ่าได้ประกาศเลื่อนวันเปิดสนามให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 1 วัน เป็น 20 พฤศจิกายน เพื่อให้กาตาร์ เจ้าภาพจะได้ลงสนามอวดสายตาชาวโลก ลงเล่นเป็นนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 โดยพวกเขาจะเจอกับเอกวาดอร์

สำหรับการตัดสินใจเลื่อนนัดเปิดสนามให้เร็วขึ้นในครั้งนี้ ผ่านการลงมติของจากคณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องของฟีฟ่า องค์กรลูกหนังโลก ในแบบที่ไม่มีใครออกเสียงคัดค้านหรืองดออกเสียงแต่อย่างใด และส่งผลให้ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มต้นกันในวันที่ 20 ไม่ใช่ 21 พฤศจิกายน ตามที่ระบุเอาไว้ในตอนแรก ซึ่งในวันนั้นจะมีการแข่งขันทั้งหมด 4 เกมด้วยกัน โดยเกมนัดแรกจะเป็นการเจอกันระหว่างทีมแกร่งจากแอฟริกา – เซเนกัล กับอัศวินสีส้ม – เนเธอร์แลนด์

“ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มทัวร์นาเมนต์ที่เป็นการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ เพื่อแฟนบอลท้องถิ่นและแฟนบอลจากนานาชาติ ด้วยการที่เจ้าภาพจะได้ประเดิมสนามกับเอกวาดอร์ ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 19:00 น. ซึ่งเป็นกิจกรรมเพียงอย่างเดียวในวันนั้น” แถลงการณ์ของฟีฟ่าระบุที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงนัดเปิดสนามของฟุตบอลโลกหนนี้ ว่าเอาไว้ 

สำหรับการตัดสินใจเลื่อนนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้มีที่มาจากเหตุผลที่ว่า เพื่อ “สานต่อวัฒนธรรมที่สืบเนื่องกันมายาวนาน” ซึ่งนัดเปิดสนามของฟุตบอลโลกนั้น จะเป็นการลงสนามของทีมเจ้าภาพ หรือไม่ก็ทีมแชมป์เก่าที่เดินทางมาป้องกันแชมป์ ซึ่ง เป็น “การประเมินคุณภาพของการจัดงานและการแข่งขัน ซึ่งผ่านกระบวนการตัดสินใจและการปรึกษากันอย่างใกล้ชิด ของบรรดาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและชาติเจ้าภาพ” แถลงการณ์ย้ำ

โดยปกติแล้วชาติที่ลงเล่นในนัดเปิดสนามจะเป็นแชมป์เก่า แต่เมื่อกำหนดให้ทีมแชมป์เก่าต้องลงเล่นในรอบคัดเลือกด้วย ซึ่งเริ่มตั้งแต่รอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 2006 ชาติเจ้าภาพเลยกลายเป็นชาติที่ได้รับเกียรติให้ลงเล่นเป็นนัดแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ปีนั้น แล้วก็มีการปฏิบัติกันตามธรรมเนียมนี้เรื่อยมา โดยแชมป์เก่าชาติสุดท้ายที่ได้เล่นในนัดเปิดสนามคือ ฝรั่งเศสในปี 2002 ที่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมกัน

แน่นอนว่าผลที่ตามมาก็คือ เกมระหว่างเซเนกัลกับเนเธอร์แลนด์ ที่เคยเป็นนัดเปิดสนามอย่างไม่เป็นทางการ จะย้ายจากช่วงบ่ายของวันที่ 21 พฤศจิกายน ไปเป็นช่วงค่ำวันเดียวกันแทนที่เกมของกาตาร์กับเอกวาดอร์ที่เลื่อนมาเร็วขึ้นเป็นนัดเปิดสนาม ส่วนโปรแกรมในกลุ่ม บี ก็ยังเป็นไปตามกำหนดเดิม ทำให้เกมในวันที่ 21 พฤศจิกายนมี 3 นัด จากเดิมที่มี 4 นัด

ตารางแข่งฟุตบอลโลก 2022 นัดเปิดสนามใหม่

ตารางการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 หลังมีการเลื่อนนัดเปิดสนามให้เร็วขึ้น (ภาพ: FIFA)

ส่วนกำหนดการต่าง ๆ นอกเหนือจากนัดเปิดสนาม โดยเฉพาะสำหรับนักเตะในฟุตบอลโลก 2022 อย่าง เรื่องการลงทะเบียนรายชื่อผู้เล่นฟุตบอลโลก 2022 ยังคงเป็นไปตามเดิม คือเริ่มกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน

ฟีฟ่ายังระบุด้วยว่า “ผู้ที่มีตั๋วแล้วจะได้รับแจ้งทางอีเมล์ว่า มีการแข่งขันที่นัดไหนบ้างที่เปลี่ยนวันเวลาลงสนาม และบัตรที่พวกเขามีอยู่ในมือก็จะใช้ได้เลยกับวันและเวลาแข่งขันใหม่” โดย “ฟีฟ่ามีการพิจารณาผลกระทบจากการตัดสินใจในครั้งนี้แล้ว และเราจะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นไปได้อย่างราบลื่น สำหรับแฟน ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว”

แน่นอนว่า สำหรับแฟนฟุตบอลบางทีมอย่าง เอกวาดอร์ การเลื่อนเกมขึ้นมาอีกหนึ่งวัน อาจจะทำให้พวกเขามีปัญหาในเรื่องของการเดินทางและที่พัก ที่บางรายซึ่งวางแผนไว้ว่าจะมาถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน คงต้องมีการเลื่อนตัว จองที่พักเพิ่มขึ้นอีกวันหนึ่ง ซึ่งหากเคยมีประสบการณ์ในการเดินทางไปชมการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ แบบนี้แล้ว คงรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะที่พัก ซึ่งไม่ต้องไปนึกถึงว่า นี่เป็นทัวร์นาเมนต์ในประเทศตะวันออกกลาง ที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ที่พักแบบโฮสเทล หรือเกสต์เฮาส์เล็ก ๆ ไม่น่าจะมีให้เห็นมากนัก ตลอดจนค่าธรรมเนียมในการเลื่อนวันเดินทางกับสายการบิน ที่หากจำเพาะเจาะจงกันไปที่เอกวาดอร์ นี่ไม่ใช่การเดินทางต่อเดียวแน่ ๆ

และด้วยการเลื่อนเกมนัดเปิดสนามให้เร็วขึ้นอย่างที่เห็น ทำให้ฟุตบอลโลก 2022 จะกินเวลาการแข่งขันตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2022

(ดาวน์โหลด ตารางการแข่งขันได้ที่นี่ :> https://digitalhub.fifa.com/m/6a616c6cf19bc57a/original/FWC-2022-Match-Schedule.pdf

ข้อมูล: 1. Eurosport 2. CNN 3. FIFA.com

ภาพปก: AP
ภาพประกอบ: FIFA.com

เรื่องน่าอ่าน: ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

คงเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนถึงบางความจริงของชีวิต — เส้นทางเฝ้าเสาของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

 

หนึ่งคือ วันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร เชื่อว่าคอบอลหลายๆ ท่านทันดูช่วงเวลาเลี่ยมทองของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โดยเฉพาะแฟนยุค 90 ที่ได้เป็นสักขีพยานความสำเร็จมากมายหลายประการของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงฉากสุดท้ายของ “ยักษ์เดนส์” กับการชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปิดท้ายปีทอง 3 แชมป์ 1999 เคียงข้างขุนพลปีศาจแดง กระทั่ง ชไมเคิ่ล ย้ายออกไป สปอร์ติ้ง, แอสตัน วิลล่า และกลับมาเลิกเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบที่แฟนผีงงตาแตกไปตามๆ กัน ครั้นเมื่อหมดยุคปีเตอร์ผู้พ่อ ก็ถึงช่วงเวลาเบ่งบานของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้ลูก กับทาง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ถึงขั้นผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง

 

…เพราะวันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร บนความสำเร็จจากพ่อสู่ลูก ก็มาถึงวันที่ แคสเปอร์ ปิดตำนานอำลาพรีเมียร์ลีก ย้ายออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ไปเรียบร้อย

 

อีกหนึ่งคือ ในช่วงชีวิต บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ นั่นแหละ ตื่นเช้า ออกจากบ้านไปทำงาน ทำงานเสร็จเดินทางกลับบ้าน สุดสัปดาห์หาทริปเที่ยวใกล้บ้านบ้าง หาร้านอร่อยๆ กินเป็นรางวัลชีวิต นานๆ ทีถึงออกต่างจังหวัด เมื่อไหนจะลางานได้นานๆ ครั้ง ไหนจะงบเที่ยวที่ก็ต้องเก็บสตุ้งสตางค์กันพอตัว ยิ่งในยุคข้าวยากหมากแพงสนั่น คนเป็นเฮดโง่งี่เง่าแบบนี้ ยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระวัง แล้วเผลอแผลบเดียว วันผ่านคืนผัน จากเดือนสู่ปี จากปีก็เป็นหลายปี

 

…บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ จากยุคของคุณพ่อปีเตอร์ สู่ยุคของคุณลูกแคสเปอร์ เผลอแวบเดียวก็มาถึงวันนี้ที่บานประตูสีน้ำเงินถูกงับปิดลง ทุกอย่างกลายเป็นแค่ตำนานและเรื่องเล่าอย่างสมบูรณ์

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อเท็จจริงหนึ่งที่อาจจะเป็นร่องรอยตำหนิของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อยู่บ้าง ก็คือการ “ดังช้า” ไม่ได้เทิร์นโปรขึ้นเปรี้ยงปร้างสว่างไสวในช่วงขวบวัยสิบกว่าไม่เต็มยี่สิบ เหมือนหลายๆ ตัวอย่างแข้งอาชีพ

 

เพราะตลอดการเริ่มต้นเส้นทางกับ แมนฯ ซิตี้ (ที่คุณพ่อปีเตอร์เอามาฝากเข้าอะคาเดมี่เรือตั้งแต่ 16 ขวบ) แคสเปอร์ ต้องร่อนเร่พเนจรไปอยู่กับทีมนั้นทีทีมโน้นที ทั้ง ดาร์ลิงตัน, บิวรี่, ฟัลเคิร์ก, คาร์ดิฟฟ์ และ โคเวนทรี จนในท้ายที่สุดก็แยกทางกับทัพเรือ ย้ายขาดสู่ น็อตต์ส เคาน์ตี้ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในที่สุด

 

จนในช่วงขณะที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดทั้งกับต้นสังกัด เลสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติเดนมาร์ก นั้น ลูกชายคุณพ่อปีเตอร์ ก็ทะลุ “หลักสาม” ไปแล้ว

 

แน่นอน เอ่ยถึง แคสเปอร์ แล้ว จะเลี่ยงไม่พูดถึงความมหัศจรรย์ระดับร้อยปีมีครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขาและ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ได้

 

ในแชมป์ประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์ ทีมที่ 1 ปีก่อนหน้านั้นร่อแร่จะตกตายมิตายแหล่ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ฟอร์มพลุ่งพล่านของ ริยาด มาห์เรซ (17 ประตู 11 แอสซิสต์, แข้งแห่งปีพีเอฟเอ) และ เจมี่ วาร์ดี้ (24 ประตู รองดาวซัลโวลีก) ทว่าเกมรุกอันร้อนแรงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงส่งจากข้างหลัง

 

ความเหนียวแน่นแข็งแกร่งที่มากเพียงพอ–พอจะทำให้คนเกมรุกเดินหน้าได้อย่างไม่ต้องพะวักพะวง ซึ่งก็ควรถือว่า แคสเปอร์ ตอบโจทย์นั้นได้อย่างสบาย

 

อาจมีถ้อยคำปรามาสจากบางฝ่ายที่ไม่เชื่อมือ แคสเปอร์ รวมถึงแผงแบ็กโฟร์ด้านหน้า คู่เซนเตอร์อย่าง เวส มอร์แกน กับ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้างอย่าง คริสเตียน ฟุคส์ กับ แดนนี่ ซิมพ์สัน ว่าเนี่ยนะจะทำให้เลสเตอร์สามารถยืนระยะตลอดรอดฝั่งได้ แม้จะออกสตาร์ทดีภายใต้การทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ด้วยการชนะกับเสมออย่างละครึ่งใน 6 เกมแรก แต่พวกเขามองว่าชะตาแบบซีซั่นก่อนของ ไนเจล เพียร์สัน (หลุดแพ้แล้วก็ไปยาว จากที่ 7 ลงสู่บ๊วย) จะเกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อตลอด 6 เกมแรกที่แม้จะไม่แพ้ใคร แต่ก็เสียประตูมันทุกนัด — ทว่านั่นคือการคาดการณ์ที่ผิดถนัด

 

เวลาต่อมา แคสเปอร์ ทำได้ถึง 15 คลีนชีต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างระยะ “เข้าเบรค” ชนะแบบไม่เสียประตูเป็นจำนวน 6 จาก 7 เกมในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย.

 

1-0 นอริช (คั่นด้วย 2-2 เวสต์บรอมวิช), 1-0 วัตฟอร์ด, 1-0 นิวคาสเซิ่ล, 1-0 คริสตัล พาเลซ, 1-0 เซาธ์แฮมป์ตัน และ 2-0 ซันเดอร์แลนด์ ใน 6 เกมนี้ เลสเตอร์โดนยิงเข้ากรอบทั้งหมด 14 ครั้ง ทั้งหมดไม่ผ่านมือแคสเปอร์ และแมนออฟเดอะแมตช์บางนัดยังเป็นของเขา เช่นเกมเสมอ แมนฯ ซิตี้ 0-0 (แมตช์ที่ 19, 29 ธ.ค.) ที่บรรดาแนวรุกเรือใบอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์ ดาหน้ากันเข้าทำ สร้างจังหวะยิง 21 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ทั้งหมดไม่ผ่านมือจอมหนึบเดนส์

 

จนในท้ายที่สุด เลสเตอร์ เข้าป้ายเถลิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ในปีนี้ที่บรรดาบิ๊กโฟร์บิ๊กไฟว์บิ๊กซิกส์ต่างพร้อมใจกันหลุดฟอร์ม ผิดไปจากมาตรฐานที่เคยเป็น

 

แม้ในความสำเร็จปาฏิหาริย์นั้นจะถูกปรามาสอยู่บ้างว่ามี “โชคดวง” แต่จะบอกว่านั่นคือเรื่องฟลุ้ค ดวงดี 100% ไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อความสำเร็จของ เลสเตอร์ ยุค แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็ยังถูกการันความยอดเยี่ยมด้วยอีกหนึ่งโทรฟี่เมเจอร์อย่าง เอฟเอ คัพ ปี 2021

 

นั่นทำให้เมื่อถึง “วันปิดตำนาน” ย้ายออกไปยัง นีซ ในฝรั่งเศส หลายๆ สื่อถึงกับใช้คำว่า “Legacy” (มรดก) สำหรับสิ่งที่ แคสเปอร์ ทิ้งเอาไว้ใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

 

11 ปี
479 นัด
1 แชมป์พรีเมียร์ลีก
1 แชมป์เอฟเอ คัพ
1 แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
1 แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
2 รางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้
2 รางวัลนักเตะแห่งปี (เพื่อนร่วมทีมโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้
1 รางวัลนักเตะแห่งปี (แฟนบอลโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้

 

(ส่วนสาเหตุที่ ชไมเคิ่ล ย้ายออกอย่างกะทันหัน แบบที่แฟนๆ ก็ถึงกับอึ้งรับประทาน เป็นเพราะ 1. สัญญาเหลือปีเดียว ฉะนั้นขายได้ก็ขาย รวมถึงนักเตะเองก็สูงวัยขึ้นเรื่อยๆ / 2. ซีซั่นที่แล้วเริ่มเล่นพลาดบ่อย ชักเผยจุดอ่อนเรื่องลูกโด่งและการออกบอล / 3. ปัญหาการเงินสโมสร ถ้าจะซื้อใครเข้า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องขายออกเสียก่อน ซึ่งในราย แคสเปอร์ ยังนับเป็นการลดค่าจ้างรายสัปดาห์ลงเยอะด้วย)

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ยังคงเหลือหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน…

 

แน่นอนที่สุดว่าคือ ฟุตบอลโลก 2022

 

แม้อนาคตยังไม่การันตีอะไรแน่นอน แต่ด้วยอายุอานาม 35 ย่าง 36 (ครบ 36 ก่อนบอลโลกไม่กี่วัน) นี่ก็คงจะเป็น “บอลโลกหนสุดท้าย” ของลูกชายพ่อปีเตอร์

 

อย่างที่บอก แคสเปอร์ ค่อนข้างจะดังช้าในเวทีระดับสูง นั่นส่งผลกับโอกาสรับใช้ชาติของเขาด้วย ที่เริ่มจะมาติดธงสม่ำเสมอก็ช่วงปี 2014 แล้ว ซึ่งเวลานั้น เจ้าตัวลงหลักปักฐานกับ เลสเตอร์ ไปได้เรียบร้อย — ด้วยวัย 27-28

 

แล้วก็ต้องบอกว่า แคสเปอร์ โชคไม่ดีนัก (อีกแล้ว) กับการที่มีช่วงพีคในยุค เดนมาร์ก มาทรง “ตกต่ำ” ภายใต้การดูแลของ มอร์เทน โอลเซ่น

 

ยูโร 2012 ที่โปแลนด์-ยูเครน แคสเปอร์ (25) ถูกหอบหิ้วไปในฐานะมือ 3 เท่านั้น เป็นรองทั้ง สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (30) จากเอวิยอง และ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (28) จากแมนฯ ยูไนเต็ด แถมการเรียกตัวเขามา ยังเป็นแค่มวยแทนการบาดเจ็บของจอมเก๋า โธมัส โซเรนเซ่น ที่ต้องถอนตัวไปด้วย

 

ส่วน ฟุตบอลโลก 2014 ต่อด้วย ยูโร 2016 ที่ แคสเปอร์ เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งโคนมบ้างแล้วนั้น

 

…งามไส้ที่แท้ทรู โอลเซ่น ทำทีมโคนมตกรอบคัดเลือกมันทั้ง 2 รายการติดต่อกัน

 

ก็มาถึง ฟุตบอลโลก 2018 และ ยูโร 2020 นี่เอง ที่ แคสเปอร์ สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำในระดับนานาชาติ เคียงข้างกับเพื่อนโคนมทั้งหลายแหล่

 

เวิลด์ คัพ 2018 ที่รัสเซีย เดนมาร์ก อาจตกรอบเร็วไปสักนิดเพียงรอบ 2 แต่ก็เพราะการดวลจุดโทษ (ที่ไม่ต่างจากโยนหัวก้อยนัก) ภายหลังครบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ซึ่ง แคสเปอร์ มีช็อตพุ่งเซฟจุดโทษในตอนต่อเวลานาที 116 จากการยิงของ ลูก้า โมดริช เอาไว้แบบติดหนึบอยู่มือ

 

ในการดวลเป้าชี้ขาด ปรากฏว่าแม้ แคสเปอร์ จะเซฟได้ถึง 2 จุดโทษจาก มิลาน บาเดลจ์ และ โยซิป พิวาริช แต่ เดนมาร์ก ก็กลับยิงไม่เข้าถึง 3 คน ทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น, ลาสเซ่ โชเน่ และ นิโคไล ยอร์เกนเซ่น จนแพ้ 2-3

 

เรียกว่า แคสเปอร์ เซฟจุดโทษไป 3 รอบ เดนมาร์ก ก็ยังไม่ว่ายร่วงอยู่ดี ว่าซั่น

 

มาถึง ยูโร 2020 ซัมเมอร์ที่แล้ว (2021) แคสเปอร์ มีส่วนสำคัญยิ่งในการที่เกือบจะสร้าง “เทพนิยายเดนส์” ให้เกิดขึ้นอีกรอบ กับการพลิกสถานการณ์โกงความตายจากความพ่ายแพ้ 2 นัดแรก มาเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ในท้ายที่สุด (0-1 ฟินแลนด์, 1-2 เบลเยียม, 4-1 รัสเซีย) แล้วค่อยๆ ตบคู่แข่งไปทีละนัดๆ (4-0 เวลส์, 2-1 สาธารณรัฐเช็ก) จนถึงรอบตัดเชือก

 

สิ่งที่ขวางกั้น แคสเปอร์ และพลพรรคโคนมในการทำทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่ให้เข้าถึงชิงชนะเลิศ มีเพียงจุดโทษปัญหา ช็อตที่สามารถตีความได้ว่าเป็นการตั้งใจ “พุ่งล้ม” เรียกฟาวล์ของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ช่วงต่อเวลาพิเศษเท่านั้น (อังกฤษชนะ 2-1)

 

ฟอร์มแจ่มแจ๋วในยูโร ต่อยอดมายัง รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ก็ประสบความสำเร็จระดับคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายเป็นชาติที่ 2 ของยุโรป (ถัดจากเยอรมนี) ทีเดียว เช่นเดียวกับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ที่ยังคงออกมาดีงามพระรามแปด นำจ่าฝูงของกลุ่ม 1 ลีกเอ ด้วยผลงานชนะ 3 แพ้ 1 มี 9 แต้ม เหนือทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2)

 

เมื่อ “ทรงดี” ต่อเนื่องนานนับปีแบบนี้

 

ย่อมไม่ผิดที่ เดนมาร์ก จะแอบวาดฝันถึงฟุตบอลโลก 2022 ไว้ ในฐานะเวิลด์คัพหนแรกที่พวกเขา “มีโอกาส” ไปถึงจุดสุดยอด

 

(ในสายตาร้านพูลอังกฤษ เดนมาร์ก ถูกวางเป็นเต็ง 8-9 แชมป์โลกในเรตจ่าย 28/1 เท่านั้น เรียกว่ามีแค่บรรดาแชมป์โลกหน้าเก่าๆ กับอีก 2-3 ชาติยุโรป ที่ถูกมองว่ามีภาษีดีกว่า)

 

ประเมินจากตรงนี้ รอบแรกไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับการอยู่ร่วมสายกับ ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และ ตูนิเซีย

 

ชื่อชั้นอาจเป็นรอง ฝรั่งเศส อยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่าการพบกันล่าสุดใน เนชั่นส์ ลีก แคสเปอร์ ก็พาทีมบุกเชือดไก่ถึงปารีสมาแล้ว 2-1 (อันเดรียส คอร์เนเลียส ซัดสอง)

 

ส่วน ออสเตรเลีย กับ ตูนิเซีย แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นรอง เดนมาร์ก อยู่แล้วในภาพรวม เท่ากับหากไม่เกิดข้อผิดพลาดหนักหนาขึ้น โคนม ก็ไม่น่ากลับบ้านเร็ว

 

ส่วนรอบน็อกเอาต์ เจอใคร-ผลออกหน้าไหน ยังเป็นเรื่องเกินการคาดเดา แต่หากเล่นเกมที่ตัวเองถนัดได้ คว้าโอกาสได้ไม่เปลือง และพอมีโชคดวงส่งเสริมบ้าง เดนมาร์ก ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น

 

ไปทีละแมตช์ เน้นทีละรอบ เหมือนที่ทำมาแล้วในยูโร 2022

 

ว่ากันตามตรง จุดอ่อนของพวกเขายังมีอยู่ ไม่ว่าจะแนวรับที่ไม่นิ่งแน่นอนนัก หรือแนวรุกที่บางครั้งบางคราวก็ขาดความเฉียบคมไปบ้าง

 

แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยกับ “ปราการด่านสุดท้าย” ที่มี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล คอยดูแล

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับเลสเตอร์ ยังคงเหลือหนึ่งประตูสุดท้ายที่แอบฝัน กับทัพโคนม

 

การชูถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ขึ้นเหนือหัว ณ กลางสนาม Lusail Iconic Stadium ประเทศกาตาร์

 

แม้ยังเป็นเพียงฝันหวานของคนทั้งชาติและตัว แคสเปอร์ เอง แต่ก็ใช่ว่านี่คือเรื่องเป็นไปไม่ได้

 

ต้องทวนความจำอีกครั้งไหมว่า แชมป์พรีเมียร์ลีกของ แคสเปอร์ ครานั้น เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร…???

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

ความน่ากังวลเมื่อถึง “วันนั้น”

กับฟุตบอลโลก 2022 ที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของนายด่านวัย 36 อย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เต็มที่ก็คงต่ออีกสัก 2 ปี ไปยูโร 2024 ที่เยอรมนี (ด้วยอายุปริ่ม 38) แล้วก็คงจะถึงคราวส่งไม้ต่อให้ “เจนใหม่” เข้ามารับหน้าที่เฝ้าประตูโคนมต่อไป ซึ่งมองจากตรงนี้ก็จะเห็นเลยถึงเมฆหมอกแห่งความทะมึนทึม เมื่อยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะเป็นใครที่ขึ้นมาแทน จากบรรดาตัวเลือกอย่างน้อย 6 ราย ดังนี้

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

เฟรเดริค รอนโนว์
30 : อูนิโอน เบอร์ลิน : ทีมชาติ 8 นัด
มือสองโคนมคนปัจจุบัน ย้ายจาก บรอนด์บี้ มาวาดลวดลายในบุนเดสลีกา กับ แฟร้งค์เฟิร์ต ตั้งแต่เมื่อปี 2018 จากนั้นย้ายยืมไป ชาลเก้ 04 และเวลานี้อยู่กับ อูนิโอน เบอร์ลิน โดยซีซั่ที่แล้วได้เล่น 13 นัดเนื่องจากเป็นมือสองรองจาก อันเดรียส ลูเต้ แต่ซัมเมอร์นี้รายหลังย้ายออกไปแล้ว ทำให้จะเป็นโอกาสของ รอนโนว์ ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

โยนาส ลอสเซิ่ล
33 : มิดทิลลันด์ : ทีมชาติ 1 นัด
ถือได้ว่าเป็น “จอมอาภัพ” คนหนึ่งของวงการ เมื่อเอาเข้าจริงทั้งที่ฝีไม้ลายมือไม่เลวและมีส่วนสูงเข้าที (195 ซ.ม.) แต่ช่วงชีวิตของการยกระดับจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ สู่ทีมใหญ่ (พอตัว) อย่าง เอฟเวอร์ตัน กลับปรากฏเป็นสถิติลงสนาม 0 นัดตลอด 2 ซีซั่น 2019/20 และ 2020/21 จนที่สุดแล้วก็ต้องย้ายกลับบ้านเกิด ซบ มิดทิลลันด์ (แถมซีซั่นก่อนแวะมา เบรนท์ฟอร์ด ก็ได้เล่นแค่ 2 เกมเท่านั้นอีก)

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ปีเตอร์ วินดาห์ล เยนเซ่น
24 : อาแซด อัล์คมาร์ : ทีมชาติ 0 นัด
น่าจับตากับความก้านยาวจะสองเมตรรอมร่อ (198) และอายุอานามกำลังดี สามารถไปได้อีกไกลนับสิบปี แถมกำลังสั่งสมประสบการณ์อยู่ในฐานะมือหนึ่งของ อาแซด อัล์คมาร์ โดยเคยถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติชุดใหญ่บ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยลงสนามมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ดาเนี่ยล อีเวอร์เซ่น
25 : เลสเตอร์ ซิตี้ : ทีมชาติ 0 นัด
ทายาทของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โดยตรงในทีม เลสเตอร์ ซิตี้ กระนั้นก็ยังไม่เคยเล่นทีมชุดใหญ่จิ้งจอกสยามมาก่อน (จึงไม่ต้องพูดถึงทีมชาติ) โดยย้ายเข้าอะคาเดมี่ เลสเตอร์ ในปี 2016 ตอนที่เจ้าตัวอายุแค่ 18-19 ก่อนถูกส่งยืมไปเล่นกับหลายสโมสรในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีซั่นที่แล้วไปเป็นมือหนึ่งของ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ก่อนที่ซีซั่นนี้จะกลับสู่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในฐานะมือสอง

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น
22 : บรอนด์บี้ : ทีมชาติ 0 นัด
มือหนึ่งของทีมเยาวชน ยู-21 (ซึ่่งยังไม่เคยถูกเรียกขึ้นชุดใหญ่) กำลังเป็นที่จับตาว่าจะมีอนาคตยาวไกล ภายหลังก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของ บรอนด์บี้ ในซีซั่นที่แล้วขณะที่มีอายุเพียง 21 ขวบ รวมถึงถูกตั้งเป็นกัปตันเบอร์ 3 ของสโมสรด้วย โดยนับเป็นลูกหม้อของ บรอนด์บี้ ขนานแท้ ที่ถูกดึงตัวมาปั้นในอะคาเดมี่ตอนอายุ 14-15 เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

เยสเปอร์ แฮนเซ่น
37 : อาร์ฮุส : ทีมชาติ 0 นัด
ว่ากันตามตรง นี่คือตัวเลือกที่สามารถขีดฆ่าออกได้ง่ายที่สุด ด้วยความโชคร้ายของเจ้าตัวที่ดันอยู่ในยุคเดียวกับ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จนไม่เคยได้มีโอกาสเฝ้าเสาทีมชุดใหญ่เลยสักครั้ง ที่สำคัญเจ้าของรางวัลนายประตูแห่งปีลีกเดนมาร์ก 2 สมัย (2012, 2019) ยังอายุอานามปาไป 37 สูงวัยกว่า แคสเปอร์ เสียอีก!

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : "คำว่า 'เกือบ' แชมป์โลก ...พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!"

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : “คำว่า ‘เกือบ’ แชมป์โลก …พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!”

จับเข่าคุยกับ โอลิเวอร์ นอยวิลล์ อดีตหัวหอกอินทรีเหล็ก เยอรมนี ผู้ซึ่งยังจำได้ดีกับการชิงชัยไล่ล่าแชมป์โลกของตัวเขา แชมป์โลก…ที่ใกล้เคียงสุดได้แค่ “เกือบ” เท่านั้น