เรื่อง

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

เห็นเงียบๆ แต่ก็ไร้พ่ายมาเรียบสำหรับ อาร์เจนติน่า ที่ถึงตอนนี้ เข้าใกล้การทำลายสถิติโลกไปทุกขณะ และมันจะสมบูรณ์แบบสุดๆ ไปเลยหากสถิติถูกทำลายลง…พร้อมมีโทรฟี่ “แชมป์โลก” เป็นรางวัลตอบแทน

 

ทั้งที่เคยมีสุดยอดดาวเตะอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า, เคลาดิโอ คานิกเกีย, กาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน โรมัน ริเกลเม่, เฟร์นานโด เรดอนโด้, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่, มาร์ติน ปาแลร์โม่, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, วอลเตอร์ ซามูเอล ฯลฯ หรือล่วงเลยมาในยุค ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ฯลฯ

 

แต่จะว่า “ลุงภัพ” -แอ่แฮ่- “อาภัพ” ก็อาจได้ เมื่อ อาร์เจนติน่า มีวาสนาไปถึงบัลลังก์แชมป์โลกมาได้แค่ 2 สมัยเท่านั้น

 

ใช่ที่ “เคยไปถึงมาแล้ว” ไม่เหมือน เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส หรือบรรดาทีมในเอเชีย-แอฟริกา ที่ได้แต่ชะเง้อชะแง้แลมอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว — เทียบกับ บราซิล (5 สมัย) เทียบกับ อิตาลี (4) หรือ เยอรมนี (4) ทุกเสียงต่างลงความเห็นว่า อาร์เจนติน่า โชคร้ายพอตัวที่ได้แชมป์โลกมาแค่ 2 ครั้ง — และมันนานมาแล้วตั้งแต่ 1978 กับ 1986

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ถ้ายังไม่ชัดพอ ก็ต้องบอกว่าแชมป์โลกหนสุดท้ายของพวกเขา ต้องย้อนไป 36 ปีที่แล้วโน่น!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ประเด็นสำคัญก็คือ การต้องอกหักรักคุด พลาดท่าเสียทีในนัดชิงชนะเลิศให้กับอริต่างทวีปอย่าง เยอรมนี นั่นเอง

 

ฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี อาร์เจนติน่า ของ คาร์ลอส บิลาร์โด้ และยอดขุนพลอย่าง มาราโดน่า เข้าถึงนัดชิงดำด้วยหมายมั่นปั้นมือว่าจะ “ป้องกันแชมป์” ให้จงได้ แต่ปรากฏว่า เยอรมนีตะวันตก ของ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ (และยอดแข้งอย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส, รูดี้ โฟลเลอร์, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, เคล้าส์ เอาเกนธาเลอร์ ฯลฯ) มาดีและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ตลอดเกมเป็นอินทรีเหล็กที่กดเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งก็มาได้จุดโทษเอาช่วงท้าย 5 นาทีก่อนจบ และ อันเดรียส เบรห์เม่ สังหารนำชัยให้ เยอรมนี 1-0 (โดยที่ในระหว่างเกม เปโดร มอนซอน ของอาร์เจนฯ เสียบหนักจนโดนใบแดง น.65 นับเป็นคนแรกที่โดนไล่ออกในนัดชิงบอลโลก)

 

ขึ้นไทม์แมชีนมาสู่อีก 24 ปีให้หลัง ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โชคชะตาขีดเส้นให้ อาร์เจนติน่า (คุมโดย อเลฮานโดร ซาเบย่า / มีนักเตะอย่าง เมสซี่, อิกวาอิน, มาสเคราโน่, เอเซเกล ลาเวซซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, มาร์กอส โรโฮ) ได้โคจรมาชิงแชมป์โลกกับ เยอรมนี (โยอัคคิม เลิฟ / มิโรสลาฟ โคลเซ่, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มานูเอล นอยเออร์) เข้าอีกหน

 

ใครจะไปคิดว่าสกอร์จะออกซ้ำเดิม ไม่มีผิดเพี้ยน

 

90 นาทีในมาราคาน่าสิ้นสุดที่ 0-0 โดยที่ต่างฝ่ายต่างพลาดโอกาสทองที่จะขึ้นนำไปฝั่งละหนสองหน กระทั่งครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ น.113 มาริโอ เกิทเซ่ ก็สบโอกาสทะลุเข้าฝั่งซ้ายเขตโทษไปตวัดยิงผ่าน เซร์คิโอ โรเมโร่ เข้าซุกก้นตาข่าย เป็นประตูโทนที่เบิกโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลโลกให้กับ เยอรมนี เป็นสมัยที่ 4

 

นอกจากการแพ้ เยอรมนี สองหนในนัดชิงดำแล้ว ก็เช่นกันกับการฟอร์มหลุดเอาในเกมตัดสินนัดสำคัญ–ในระบบน็อกเอาต์ของ เวิลด์ คัพ

 

ไม่นับ 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่ อาร์เจนติน่า ฟอร์มหลุดถึงขั้นตกรอบแรก นอกนั้น ทีมฟ้าขาวล้วนหลุดออกจากบอลโลกในรอบน็อกเอาต์ทั้งสิ้น

 

1994 ที่สหรัฐอเมริกา ร่วงรอบ 16 ทีม แพ้ โรมาเนีย (จอร์จี้ ฮาจี้) 2-3
1998 ที่ฝรั่งเศส ร่วงรอบ 8 ทีม แพ้ เนเธอร์แลนด์ (เดนนิส เบิร์กแคมป์) 1-2
2006 ที่เยอรมนี หลุดที่ 8 ทีม แพ้ เยอรมนี (เจ้าเก่า) ในการดวลจุดโทษ 2-4
2010 ที่แอฟริกาใต้ ยังคงตก 8 ทีมซ้ำ แพ้ เยอรมนี (อีกแล้วจ้า) ขาดลอย 0-4
มาล่าสุด 2018 ที่รัสเซีย ก็หล่นเร็วแค่รอบ 16 ทีม แพ้ ฝรั่งเศส (คีลิยัน เอ็มบัปเป้) 3-4

 

กระนั้น มาคราวนี้ ท่านว่า อะไรๆ อาจต่างไปจากเดิม

 

ถึงเวลาแล้วที่ อาร์เจนติน่า จะคว้าแชมป์โลกสมัยสาม…!?!

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสร้างทีมชุดแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างถูกที่ถูกเวลาของ ลิโอเนล สคาโลนี่ และการ (ว่ากันว่า) ควรถึงเวลาอันสมควรเสียทีที่สุดยอดดาวเตะจากต่างดาวอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ จะผงาดบัลลังก์แชมป์โลก พาตัวเองไปถึงฝันอันสูงสุดก่อนอำลาทีมชาติ และรวมถึงบอกลาเส้นทางค้าแข้งไปในอนาคตอันใกล้ด้วย

 

สำหรับ สคาโลนี่ อันที่จริง โค้ชหนุ่มวัย 44 รายนี้ถูกปรามาสถึงฝีไม้ลายมือไว้ไม่น้อย เมื่อเขาไม่เคยได้จับงานคุมทีมสโมสรใดใดมาก่อนเลย — หากยังพอจำกันได้ นี่คือกองหลังฝีเท้าพอไปวัดไปวาได้อยู่ในยุคต้น 2000 โดยสร้างชื่อกับ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า รวมถึงมีช่วงที่มาแวะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ ลาซิโอ อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะแขวนสตั๊ดเลิกเล่นกับ อตาลันต้า ในปี 2015 (นี่เองนะ) ส่วนในทีมชาติ เคยสวมชุดฟ้าขาวลงสนามแค่ 7 นัดในระหว่างปี 2003-2006

 

แต่ก็นั่นแหละ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนาท่านว่าคงลำบาก

 

จากการเป็นมือขวา ผู้ช่วยกุนซือ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่เซบีย่า สคาโลนี่ ถูกหอบหิ้วจากเจ้านายมารับงานกับทีมชาติอาร์เจนติน่าต่อในช่วงปี 2017 ซึ่งเมื่อ อาร์เจนติน่า ล้มเหลวกับฟุตบอลโลก 2018 แล้ว ซัมเปาลี ถูกเด้งพ้นไป สคาโลนี่ กลับยังคงได้จับงานกับทีมชาติต่อ–ในฐานะกุนซือรักษาการ ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ปาโบล ไอมาร์ และขึ้นคุมเดี่ยวๆ หลังจากนั้น

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?อย่างที่ว่า การนั่งเก้าอี้แบบ “ไร้ดีกรี” ทำให้ สคาโลนี่ ถูกปรามาสถึงฝีมือไว้เยอะ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเสียงครหาก็เงียบลง

 

สคาโลนี่ กลายเป็น “คนที่ใช่” ของ อาร์เจนติน่า ไปเสียเฉยๆ ด้วยผลงานประจักษ์ชัดตลอดหลายปีหลัง โดยเฉพาะใน โคปา อเมริกา 2021 ซึ่งทัพ “ลา อัลบิเซเลสเต้” เดินหน้าสังหารคู่แข่งแบบไม่มีแผ่ว จนนัดชิงก็ปราบเจ้าภาพ บราซิล 1-0 ด้วยประตูโทนของ อังเคล ดิ มาเรีย ฉลองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้กลางมาราคาน่า

 

ไปถึงเส้นชัย โคปา อเมริกา และยังต่อเนื่องด้วยรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ที่ อาร์เจนติน่า ก้าวเท้าได้อย่างเข้มแข็ง อาจไม่ได้หวือหวายิงกระจายเหมือน บราซิล แต่เรื่อยๆ มาเรียงๆ และไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 11 เสมอ 6 การันตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายแบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย

 

จากแมตช์สู่แมตช์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนมาวันนี้ อาร์เจนติน่า ของ สคาโลนี่ กลายเป็นเบอร์ 2 “สถิติโลก” ไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 35 นัด นับรวม 2 เกมลับแข้งล่าสุดในเดือนนี้ ที่ฟ้าขาวผ่าน ฮอนดูรัส กับ จาไมก้า ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-0

 

สถิติไร้พ่าย 35 นัดของอาร์เจนติน่า
1. ชนะ ชิลี 2-1 / โคปา อเมริกา 2019
2. เสมอ ชิลี 0-0 / กระชับมิตร
3. ชนะ เม็กซิโก 4-0 / กระชับมิตร
4. เสมอ เยอรมนี 2-2 / กระชับมิตร
5. ชนะ เอกวาดอร์ 6-1 / กระชับมิตร
6. ชนะ บราซิล 1-0 / กระชับมิตร
7. เสมอ อุรุกวัย 2-2 / กระชับมิตร
8. ชนะ เอกวาดอร์ 1-0 / คัดบอลโลก 2022
9. ชนะ โบลิเวีย 2-1 / คัดบอลโลก 2022
10. เสมอ ปารากวัย 1-1 / คัดบอลโลก 2022
11. ชนะ เปรู 2-0 / คัดบอลโลก 2022
12. เสมอ ชิลี 1-1 / คัดบอลโลก 2022
13. เสมอ โคลอมเบีย 2-2 / คัดบอลโลก 2022
14. เสมอ ชิลี 1-1 / โคปา อเมริกา 2021
15. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
16. ชนะ ปารากวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
17. ชนะ โบลิเวีย 4-1 / โคปา อเมริกา 2021
18. ชนะ เอกวาดอร์ 3-0 / โคปา อเมริกา 2021
19. เสมอ โคลอมเบีย 1-1 (ชนะจุดโทษ 3-2) / โคปา อเมริกา 2021
20. ชนะ บราซิล 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
21. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-1 / คัดบอลโลก 2022
22. ชนะ โบลิเวีย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
23. เสมอ ปารากวัย 0-0 / คัดบอลโลก 2022
24. ชนะ อุรุกวัย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
25. ชนะ เปรู 1-0 / คัดบอลโลก 2022
26. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
27. เสมอ บราซิล 0-0 / คัดบอลโลก 2022
28. ชนะ ชิลี 2-1 / คัดบอลโลก 2022
29. ชนะ โคลอมเบีย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
30. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-0 / คัดบอลโลก 2022
31. เสมอ เอกวาดอร์ 1-1 / คัดบอลโลก 2022
32. ชนะ อิตาลี 3-0 / ชิงแชมป์ Finalissima
33. ชนะ เอสโตเนีย 5-0 / กระชับมิตร
34. ชนะ ฮอนดูรัส 3-0 / กระชับมิตร
35. ชนะ จาไมก้า 3-0 / กระชับมิตร

 

35 นัดของการไร้พ่าย ไม่ต้องสงสัยว่าเครดิตต้องเป็นของ สคาโลนี่ พร้อมๆ กันกับเสียงปรบมือที่ขุนพลฟ้าขาวทุกรายคู่ควรจะได้รับ

 

ทั้งความเหนียวแน่นหนึบของนายประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
แผงหลังที่เข้าเท่าเข้าทีมิใช่เบา ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนคู่ คริสเตียน โรเมโร่ โดยมี นาอูเอล โมลิน่า กับ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ขนาบข้าง
แดนกลางที่แข็งโป้ก ลงตัวทั้งบู๊บุ๋น – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, โจวานี่ โล เซลโซ่
เกมรุกที่มีตัวเลือกเยอะ และพึ่งพาได้แทบทุกคน – เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, เปาโล ดีบาล่า, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ฮัวกิน กอร์เรอา
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาพีคอีกครั้งในนามทีมชาติของ ลิโอเนล เมสซี่

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ยิงคนเดียว 5 ประตูในเกมถลุง เอสโตเนีย 5-0
เบิ้ลสองใส่ ฮอนดูรัส ในชัยชนะ 3-0
ลงสำรองไปเบิ้ลอีกสองใส่ จาไมก้า จนชนะขาด 3-0
เท่ากับ 3 นัดหลังในการรับใช้ชาติ พ่อกดไป 9 ประตู

 

 

 

 

 

 

คำถามคือ ถ้า เมสซี่ พีคถึงขีดสุดอยู่แบบนี้ในฟุตบอลโลก 2022 อะไรจะเกิดขึ้นกันล่ะ?

 

อย่างไรก็ตาม สถิติที่ อาร์เจนติน่า ทำไว้ ยังไปไม่ถึง “สถิติโลก” ที่จารึกไว้เมื่อไม่นานนี้โดย อิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งทัพอัซซูร์รี่สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนานถึง 37 นัด กินเวลาครอบคลุม ยูโร 2020 ที่พวกเขาครองแชมป์ทวีปยุโรปได้อย่างยิ่งใหญ่ (ก่อนจะตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบตกตะลึงกันทั้งบาง)

 

ทำเนียบทีมชาติไร้พ่ายยาวนานที่สุด
37 นัด (ชนะ 30 เสมอ 7) อิตาลี 2018-2021
35 (26-9) อาร์เจนติน่า 2019-2022 (ยังไปได้ต่อ)
35 (26-9) แอลจีเรีย 2018-2022
35 (32-3) สเปน 2007-2009
35 (28-7) บราซิล 1993-1996
31 (21-10) อาร์เจนติน่า 1991-1993
30 (22-8) ฝรั่งเศส 1994-1996
30 (24-6) อิตาลี 1935-1939

 

อย่างไรก็ตามซ้อนอย่างไรก็ตาม อาร์เจนติน่า ก็ขอไปต่ออีกแค่ 3 นัดเท่านั้นเพื่อทำลายสถิติ นั่นหมายถึง สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเพียง “ไม่ทันพ้นรอบแรก” ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อาร์เจนติน่า มีคิวต้องดวลกับ ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์ ตามลำดับ

 

อีกทั้ง อิตาลี ยังทำเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การทำลายสถิติเรื่องนี้ สามารถเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันกับการผงาดแชมป์ทวีปได้ ดังนั้นถ้า อาร์เจนติน่า คิดจะเดินตามรอย ก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปแต่ประการใด

 

ยังเริ่มมีการมองกันแล้วว่า มันอาจเกิด “ดรีมแมตช์” ขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ที่ Lusail Iconic Stadium

 

นั่นเพราะ อาร์เจนติน่า ของ เมสซี่ และชาวคณะ ฝังตัวอยู่ในกลุ่มซี หรือ “สายบน”

 

ในขณะที่ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในกลุ่มเอช หรือ “สายล่าง”

 

หากต่างฝ่ายต่างจบที่แชมป์กลุ่ม หรือรองแชมป์กลุ่มของตัวเอง เหมือนๆ กัน (ไม่ว่าจะเป็นที่ 1 หรือ 2 ขอแค่เหมือนกัน อย่าต่าง) คู่นี้ก็จะไม่เจอกันในรอบน็อกเอาต์…จนกระทั่ง นัดชิงชนะเลิศ!

 

นั่นคือถ้า อาร์เจนติน่า ยึดแชมป์กลุ่มซี ได้ตามคาด และเวลาเดียวกัน โปรตุเกส ก็ไม่พลาดจบที่แชมป์กลุ่มเอช จากนั้นต่างฝ่ายต่างเอาชนะคู่แข่งได้ทีละรอบๆ แบบไม่มีสะดุดในเกมน็อกเอาต์

 

นัดชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธ.ค. ก็จะเป็นการดวลกันของ อาร์เจนติน่า กับ โปรตุเกส

 

แน่นอน เมสซี่ ก็จะมาจับไม้จับมือแลกธงกับ โรนัลโด้ ที่กลางสนาม ก่อนสาดแข้งกันให้ยับในอีก 90 หรือ 120 นาที++ หลังจากนั้น (หากว่าไม่เจ็บไม่แบนกันทั้งคู่ด้วยนะ)

 

และด้วยอายุอานาม 35 ของเมสซี่ กับ 37 ของโรนัลโด้ นั่นยังหมายถึงว่า นัดชิงชนะเลิศ (ในฝัน) นี้อาจเป็น “เกมสุดท้าย” ในการรับใช้ชาติของทั้งคู่

 

เกมสุดท้าย ที่มีเดิมพันเป็นโทรฟี่แชมป์โลก

 

คลาสสิกเป็นบ้าเป็นบอ!

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
Sportingnews
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Trend Detail News
Complete Sports
Twitter

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม เอช กลุ่มของสิงห์เฒ่า การล้างแค้นของกาน่า และโอกาสของซน

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม เอช กลุ่มของสิงห์เฒ่า การล้างแค้นของกาน่า และโอกาสของซน

กลุ่มสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ กลุ่ม เอชคือกลุ่มที่เหมาะสมและลงตัวมากที่สุดก็ว่าได้ หากกำลังมองหาว่า กลุ่มไหนในฟุตบอลโลก 2022 ที่ควรค่ากับคำว่า “กลุ่มแห่งความตาย” ในกลุ่มนี้จะมีทั้งโปรตุเกสของคริสเตียโน่ โรนัลโด้, อุรุกวัยของหลุยส์ ซัวเรซกับเอดินสัน คาวานี่, เกาหลีใต้ของซนเฮืองมิน ที่ล้วนเป็นดาวยิงระดับหัวแถวที่ไม่ใช่แค่เฉพาะในลีกยุโรปเท่านั้น แต่หมายถึงของโลกได้เลย ขณะที่กาน่าอาจจะไม่มีดาวยิงระดับท็อปเท่าเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่พลังหนุ่มของพวกเขาก็พร้อมจะทำให้ทีมอื่น ๆ สะอื้นได้เช่นกัน

กลุ่ม เอช: โปรตุเกส, กาน่า, อุรุกวัย, เกาหลีใต้

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

โรนัลโด้กับครั้งสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: football32.com)

จากที่เคยเป็นไปได้สูงมากว่าฟุตบอลโลก 2022 จะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่จากฟอร์มล่าสุดของซูเปอร์สตาร์รายนี้ ทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติ เห็นได้ชัดว่าดาวเตะวัย 37 ปี กำลังโรยราเต็มที่ และน่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายในที่สุด หลังเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์นาเมนต์นี้มีมาแล้วในปี 2006, 2010, 2014 และ 2018ซึ่งโรนัลโด้ทำประตูได้ทุกครั้ง และหากยังทำได้เหมือนในครั้งก่อน ๆ เขาจะเป็นดาวเตะคนแรกที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 5 สมัย ส่วนเรื่องความสำเร็จของทีม ฝอยทองน่าจะผ่านรอบแรกไปได้ แต่เรื่องไปถึงแชมป์ซึ่งจะทำให้สตาร์ดังของทีมเก็บถ้วยใบสุดท้ายได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เมื่อทีมนักเตะคุณภาพมากมายให้เลือกใช้ อาทิ แบร์นาร์โด ซิลวา, บรูโน แฟร์นันด์ส, ดีเอโก้ โชตา อยู่ที่ว่าพวกเขาจะเจอใครในรอบต่อไปและทำได้ดีขนาดไหนกับเกมแบบนัดเดียวจบ ส่วนทีมที่ควงคู่ไปกับโปรตุเกส ดูตามหน้าเสื่อคงเป็น อุรุกวัย ที่สตาร์ดังเป็นนักเตะสว. คล้าย ๆ กัน และน่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของทั้ง หลุยส์ ซัวเรซและเอดินสัน คาวานี่ สองดาวเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติ ที่ไม่ต่างจากโรนัลโด้พวกเขาที่อยู่ในช่วงนับถอยหลัง จะเปล่งฟอร์มเก่งได้อย่างที่เคยหรือไม่? แล้วดาวเตะเลือดใหม่ อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, ฟากุนโด เปยิสตรี้ และเฟเดริโก วัลเวอร์เด้ จะซัพพอร์ตพวกสิงห์เฒ่าได้ดีแค่ไหน?

อุรุกวัย ฟุตบอลโลก 2022

สองกองหน้าเสือเฒ่า คาวานี่-ซัวเรซ จะพาอุรุกวัยไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Alex Pantling/Getty Images)

โดยอุรุกวัยจะได้เจอกาน่า ที่เคยปะทะกันในรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่นอกจากเกมจะสนุก เข้มข้น ยังเป็นแม็ตช์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดนัดหนึ่งของฟุตบอลโลกอีกด้วย เมื่อหลุยส์ ซัวเรซทำแฮนด์บอลในนาทีสุดท้าย พาเกมไปถึงฎีกาและทีมจากกาฬทวีปพลาด แต่การเจอกันในฟุตบอลโลก 2022 เป็นเรื่องแตกต่าง เพราะนี่คือเกมในรอบแบ่งกลุ่ม และกาน่าไม่ได้มีสตาร์ดังมากมายเช่นในอดีต แล้วก็มีโอกาสมากเหลือเกินที่จะได้ลงสนามแค่ 3 นัดในฟุตบอลโลก 2022 เว้นเสียแต่ว่า ทีมคนหนุ่มจากแอฟริกาทีมนี้จะสู้ยิบตา และเค้นฟอร์มสุดยอดมาทันท่วงที ซึ่งจะทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มแห่งความตายอย่างสมบูรณ์แบบขึ้นมาในทันที

เกาหลีใต้ ฟุตบอลโลก 2022

เกาหลีใต้ และซนเฮืองมิน ต้องโชว์ฟอร์มแกร่งให้เร็วกว่าที่เคยเป็นในฟุตบอลโลก 2018 หากอยากผ่านเข้ารอบของฟุตบอลโกล 2022 (ภาพ: ghanasoccernet.com)

เพราะอย่าลืมว่า อีกทีมหนึ่งในกลุ่มก็คือ เกาหลีใต้ของซนเฮืองมิน ที่สั่งลาฟุตบอลโลกหนก่อนได้น่าประทับใจ แต่ฟอร์มเก่งของพวกเขามาช้าเกินไป หลังแพ้สองนัดแรกก่อนคว่ำแชมป์เก่าเยอรมนี 2-0 ในนัดสุดท้าย ที่เป็นได้แค่ความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ด้วยศักยภาพของซน และการร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในทีมที่เป็นลายเซ็นของทีมชาติเกาหลีใต้มานานนม พวกเขาก็มีโอกาสไปไกลเช่นกันในฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะถ้าเปิดหัวด้วยการคว่ำอุรุกวัย ทุกนัดในสายนี้คือเกมที่ห้ามกระพริบตา โดยเฉพาะเกมนัดที่สองของกลุ่ม ที่เกาหลีใต้จะเจอกับกานา และโปรตุเกสวัดกับอุรุกวัย เพราะนี่คือเกมตัดสินเลยว่าใครจะได้เข้ารอบ

กาน่า ฟุตบอลโลก 2022

กาน่าถูกมองว่าน่าจะมีโอกาสผ่านรอบ 16 ทีมของฟุตบอลโลก 2022 ได้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมกลุ่ม (ภาพ: infoguidenigeria.com)

ที่คำตอบสุดท้ายว่าอันดับเมื่อจบนัดสุดท้ายในกลุ่ม เอช ของฟุตบอลโลก 2022 ก็คือ โปรตุเกส, อุรุกวัย, เกาหลีใต้ และกาน่า

โปรแกรมกลุ่ม เอช
24 พฤศจิกายน
อุรุกวัย – เกาหลีใต้
โปรตุเกส – กาน่า

28 พฤศจิกายน
เกาหลีใต้ – กาน่า
โปรตุเกส – อุรุกวัย

2 ธันวาคม
เกาหลีใต้ – โปรตุเกส
กานา – อุรกวัย

ข้อมูล: ESPN, EURONEWS
ภาพปก: thepeoplesperson.com, Getty Images, AP, www.fifaworldcupnews.com

เรื่องน่าอ่าน: คริสเตียโน่ โรนัลโด้จะไปไกลแค่ไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่น่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา

ฟุตบอลโลก 2022 โอกาสที่จะพุ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ ของบรรดาดาวอับแสงในสโมสร ที่ส่องแสงในทีมชาติ

ฟุตบอลโลก 2022 โอกาสที่จะพุ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ ของบรรดาดาวอับแสงในสโมสร ที่ส่องแสงในทีมชาติ

ฟุตบอลโลก 2022 คือโอกาสสำคัญของนักเตะบางคน ผู้เล่นบางราย ที่ลงเล่นทีมชาติทีไรเหมือนได้้ใส่เกราะเพชร 7 สี เพราะทำได้ดีกว่าเวลาใส่เสื้อตราสโมสรผิดหูผิดตา จนเวลาลงเล่นในสนามกับสโมสรมีเพียงน้อยนิด และส่งผลให้แฟนบอลได้เห็นเขาลงเล่นเพียงไม่กี่นัดในแต่ละฤดูกาล

องค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็คือ รูปแบบการเล่น หรือกระทั่งการยืนตำแหน่งที่แตกต่างกัน รวมถึงเพื่อนร่วมทีม ที่ทำให้พวกเขายกระดับการเล่นได้สำเร็จ และในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ มีดาวดังไม่น้อยที่รอโอกาสฉายแสง การได้เป็นขาประจำในทีมชาติ ได้ลงเล่นให้แฟน ๆ ได้เห็นความสามารถอย่างน้อยก็ 3 นัด ที่หากทำได้ดี พวกเขาก็จะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในเวทีฟุตบอลโลก และนี่คือ 6 นักเตะที่สื่ออย่างอีเอสพีเอ็นให้จับตา และเราเอามาเล่าต่อ

คริสเตียน พูลิซิส อายุ 24 ปี เชลซี/ สหรัฐอเมริกา

คริสเตียน พูลิซิส สหรัฐอเมริกา ฟุตบอลโลก 2022

ไม่ใช่แค่เป็นกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกา แต่คริสเตียน พูลิซิส ยังเป็นดาวเตะคนสำคัญของทีมชาติ ที่จะได้โอกาสส่องแสงแน่ ๆ ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: www.planetfootball.com)

ช่วงลงเล่นให้เชลซีใหม่ ๆ หลังย้ายมาจากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ พูลิซิสดูจะเป็นสตาร์ดวงใหม่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์สำเร็จ ซัลโว 9 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรก และมีส่วนร่วมกับเกมอย่างที่เห็น แต่ชีวิตกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกากลับน่าเป็นห่วง แต่เมื่อโค้ชโธมัส ทูเคิลมาคุมทีม เขากลับไม่ค่อยถูกใช้บริการอย่างที่เคย พอลงเล่นก็ไม่ใช่ตำแหน่งโปรด – กองกลางด้านซ้าย ปีนี้เขาจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองครั้งใหม่ ด้วยการเริ่มต้นใหม่กับโค้ชใหม่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ หากในทีมชาติพูลิซิสยังเป็นนักเตะตัวหลักคนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ สถิติ 21 ประตู และ 12 ลูกจ่าย จาก 51 นัดการันตี หนึ่งในนั้นคือการซัดแฮ็ททริคใส่ปานามา แม้ฟอร์มในชุดสิงโตน้ำเงินครามอาจจะยังน่าเป็นห่วง แต่เขามีของมากกว่านั้นแน่ ๆ และด้วยเกมในฟุตบอลโลก 2022 อย่างน้อยก็ 3 นัด คือโอกาสสำคัญที่พูลิซิสจะแสดงให้เห็นว่า เขาทำอะไรได้มาก และดีขนาดไหน

เฟร็ด อายุ 29 ปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด/ บราซิล

เฟร็ด บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

เล่นได้กระท่อนกระแท่นในระดับสโมสร แต่ในทีมชาติ เฟร็ดคือกลไกหลักของบราซิล ที่คงได้เห็นกันในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock)

ไม่ใช่นักเตะที่ขาดไม่ได้ในทีมปีศาจแดงแต่ในทีมชาติบราซิล เฟร็ดคือนักเตะที่แตกต่าง กับการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมาเป็นปีที่ 5 ผ่านเกมมากว่าร้อยนัด นักเตะกองกลางตัวรับตีนซ้ายรายนี้ ไม่เคยแสดงฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ดี ๆ ร้าย ๆ สลับกันไป ถึงคราวดีจะดีจนใจหาย แต่ส่วนใหญ่ก็หนักไปทางติด ๆ ขัด ๆ หรือเล่นได้ไม่มากมิติ มีประโยชน์กับทีมไม่มากนัก ผิดจากเวลาลงเล่นในทีมชาติเหลือเกิน โดยเฉพาะการได้ลงเล่นกับเพื่อนใหม่ในสโมสร – คาเซมิโร เฟร็ดมีบทบาทที่แตกต่างไปจากในสโมสรอย่างเห็นได้ชัด ลงเล่นได้อย่างมั่นใจ สร้างสมดุลย์ให้ทีม ได้ขึ้นไปเล่นในแดนหน้ามากกว่า ขณะที่ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าเป็นกำลังสำคัญของทีม แถมหลายคราวก็ดูเป็นพวกตีบตันไอเดีย เวลาใส่เสื้อสีแดง แต่ในฟุตบอลโลก 2022 ในเสื้อสีเหลือง เฟร็ดจะแสดงของดีในตัวที่มากกว่าออกมาให้เห็นแน่นอน

ติโม แวร์เนอร์ อายุ 26 ปี อาร์เบ ไลป์ซิก/ เยอรมนี

ติโม แวร์เนอร์ เยอรมนี ฟุตบอลโลก 2022

อาจจะทำได้ไม่ดีนักในระดับสโมสร แต่ในระดับชาติแล้ว แร์เนอร์คือดาวยิงหัวแถว และฟุตบอลโลก 2022 คือโอกาสแสดงให้เห็น (ภาพ: Martin Rose/Getty Images)

แม้ผลิตสกอร์ในชุดสิงโตน้ำเงินครามได้น้อยนิด หากในทีมอินทรีเหล็กกลับเป็นคนละเรื่อง ต่อให้มีส่วนร่วมกับเกม แต่เพราะเป็นผู้เล่นที่ถูกซื้อมายิงประตู สถิติ 10 ประตูจาก 56 นัดในลีก จึงเป็นความล้มเหลว สถานการณ์ในลอนดอนของแวร์เนอร์ทำให้เขาเหมือนนักเตะต้องคำสาปผิดจากการลงเล่นให้ทีมชาติ ที่สถิติการทำประตูขยับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นดาวยิงระดับหัวแถวในเกมทีมชาติ ด้วยตัวเลข 24 ประตูจาก 53 นัด การได้กลับมาเล่นในบุนเดสลีกา กับทีมเก่าแอร์เบ ไลป์ซิก แล้วผ่านเกมลีก 6 นัดด้วยการทำไปแค่ประตูเดียว อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่ดี แต่การลงสนามแล้วทำได้เยี่ยมในเรื่องของการหาพื้นที่ในแดนหน้า แวร์เนอร์กลายเป็นนักเตะที่ขาดไม่ได้หากเป็นในตำแหน่งที่แตกต่าง เมื่อถูกถ่างมาเล่นด้านกว้างมากขึ้น ซึ่งทำให้โอกาสทำประตูลดลงไปอีก แต่ในทีมชาติเขายังเป็นนักเตะศูนย์หน้า และแน่นอนว่ามีสถิติทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ในฟุตบอลโลก 2022 กับเกม 3 ในรอบแรกแวร์เนอร์น่าจะแสดงให้เห็นของในตัวออกมาได้เต็ม ๆ

เอเด็น อาร์ซาร์ อายุ 32 ปี เรอัล มาดริด/ เบลเยี่ยม

เอเด็น อาซาร์ เบลเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2022

กลายเป็นนักเตะตัวรองของสโมสรไปแล้ว ซึ่งผิดจากทีมชาติ และเช็คความเยี่ยมยอดของอาซาร์ได้ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: AFP)

อาจลงเล่นให้ทีมราชันย์ชุดขาวแบบน่านับเป็นนาทีมากกว่าเป็นนัด ๆ แต่กับทีมชาติเบลเยี่ยมแล้ว อดีตดาวเตะเชลซีรายนี้ยังคงเป็นคนสำคัญเสมอ และในฟุตบอลโลก 2022 ถ้าไม่เจ็บจนลงเล่นไม่ได้ เขายังคงเป็นนักเตะที่ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปต้องหนีบไปด้วย โดยเฉพาะการลงเล่นเป็นนักเตะหมายเลข 10 ของทีมคนที่สองคู่กับเควิน เดอบรอยน์ จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่คือนักเตะที่โรแบร์โต มาร์ติเนซ ขาดไม่ได้หากต้องการพาเบลเยี่ยมไปให้ไกลที่สุดในทัวร์นาเมนต์ แม้อาการบาดเจ็บจนทำให้การลงเล่นอย่างต่อเนื่องของเขาจะเป็นเรื่องยาก แล้วในสโมสรอาซาร์อาจถูกมองว่าเป็นนักเตะตัวรองไปแล้ว แต่ก็เป็นนักเตะที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เมื่อลงสนาม เช่น ในเกมยูเอฟ่าแชมเปียนลีกที่ถูกปล่อยลงเล่นในครึ่งหลัง ของเกมเรอัลปะทะเซลติก แล้วยิง 1 จ่าย 1 พาทีมชนะสำเร็จ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุณภาพ, ประสบการณ์, ความคิดสร้างสรรค์ของเขายังมีอยู่ และน่าจะเป็นประโยชน์กับเบลเยี่ยมมหาศาลในฟุตบอลโลก 2022

เมมฟิส เดปาย อายุ 28 ปี บาร์เซโลน่า/ เนเธอร์แลนด์

เมมฟิส เดปาย เนเธอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดของชาติในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เดปายจะโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่องไหม ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: GETTY IMAGES)

ไม่ใช่แค่ยังเก็บฟอร์มดี ๆ มาโชว์ให้เห็นในทีมกังหันสีส้มได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ในทีมบาร์เซโลน่าดูไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ได้สำเร็จ เดปายยังเป็นดาวยิงสูงสุดในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกของเนเธอร์แลนด์อีกต่างหาก ด้วยสถิติ 9 ประตู การทำงานได้ตามมาตรฐานของเดปายทำให้อัศวินสีส้มได้ตั๋วไปฟุตบอลโลก 2022 ตั้งแต่หัววัน เป็นนักเตะคนสำคัญในเกมเนชันส์ ลีกของทีมแม้สถานการณ์ของเขาในสโมสรอาจจะดีขึ้น เมื่อได้รับความเชื่อมั่นจากซาบี้ โค้ชของทีมเจ้าบุญทุ่ม จนเลือกที่จะอยู่ที่คัมป์นูต่อ แม้จะมีข้อเสนอจากหลายทีมยื่นมาให้ แต่การที่ทีมแสดงออกว่ายินดีปล่อยตัวเขาออกไปในช่วงก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง มันก็แสดงให้เห็นเป็นนัย ๆ แล้วว่า เกมที่เขาจะได้ลงเล่นในระดับสโมสรนั้นน่าจะน้อยลง และคงต้องอาศัยเกมทีมชาติเป็นหลัก ด้วยสถิติ 42 ประตูจาก 80 นัด ที่ทำให้เขาเป็นนักเตะดัตช์ชุดนี้รายเดียวที่ทำประตูในระดับเลข 2 หลัก บวกประสบการณ์และทักษะในตัวเดปายคือนักเตะหัวใจสำคัญของชาติในฟุตบอลโลก 2022

โรดริโก้ เดอ ปอล อายุ 28 ปี แอตเลติโก้ มาดริด/ อาร์เจนติน่า

โรกริโก้ เดอ ปอล อาร์เจนติน่า ฟุตบอลโลก 2022

มักถูกมองข้ามเสมอในระดับสโมสร แต่กับทีมฟ่า-ขาว เดอ ปอลทำผลงานได้ดีเสมอ และจะได้เห็นแน่ ๆ ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Buda Mendes / Getty Images)

ถึงจะเป็นนักเตะสร้างสรรค์เกมในแดนกลางคนสำคัญในกัลโช่ ซีรีส์ อากับอูดิเนเซ่ เจ้าของสถิติ 34 ประตู 36 ลูกจ่าย ใน 184 เกม แต่ตอนย้ายมาเล่นให้ทีมตราหมีในสเปนเมื่อปี 2021 กลับไม่ได้เป็นข่าวโด่งดังมากนัก และถึงจะยังคงสร้างสรรค์เกมได้เยี่ยมอย่างที่เคยเป็น แต่เมื่อพูดถึงผลลัพธ์สถิติ 1 ประตูกับ 1 จ่ายจาก 8 เกมในระดับสโมสร ย่อมไม่ใช่ตัวเลขที่ดี และไม่มากพอจะทำให้เขายึดตำแหน่งในทีมได้ถาวรแน่ ๆ หากเรื่องราวในทีมชาติของเดอ ปอลแตกต่างไป ตำแหน่งในทีมฟ้า-ขาวของเขาไม่มีปัญหา ถึงจะมีปัญหาส่วนตัวต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกับภรรยา จนทำให้การไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 มีความยุ่งเหยิง แต่ด้วยบทบาทนักเตะกองกลางพันธุ์แท้ ที่ได้เล่นขึ้นหน้ามากกว่าสโมสรในทีมชาติ ซึ่งทำให้เขาได้สร้างสรรค์เกม ได้เล่นทะลุทะลวงมากขึ้น และพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทำประตูมากขึ้น แฟนบอลจะได้รู้ว่าเขาเป็นนักเตะที่มีความสำคัญ และทำอะไรได้มากกว่าที่เคยรับรู้ขนาดไหน

และทั้งหกคนนี้คือส่วนหนึ่งของดาวเตะที่เปี้ยงปร้างกับทีมชาติ แต่เป็นเหมือนนักเตะดาด ๆ ในสโมสร ที่ฟุตบอลโลก 2022 คือโอกาสสำคัญที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นดาวดังระดับซูเปอร์ตาร์ หรือว่าถูกมองอย่างให้ความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็น

ข้อมูล: ESPN
ภาพปก: www.planetfootball.com, Paul Greenwood/BPI/Rex/Shutterstock, Martin Rose/Getty Images, AFP, GETTY IMAGES, Buda Mendes / Getty Images

เรื่องน่าอ่าน: นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

ถ้าไม่ใช่ ‘เจ้าพ่อคอนเทนต์’ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

จะกี่เสียงที่บอกให้เปลี่ยน จะกี่คนที่เร้าให้ดร็อป แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่สนใจ ยังคงใช้งาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อย่างสม่ำเสมอ จนเป็นคำถามว่า เอ…หรือมันเพราะ อังกฤษ ขาดแคลนผู้เล่นตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” อย่างนั้นหรือ???

 

กลายเป็นเรื่องลึกลับของโลกลูกหนัง ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับยอดดาวเตะที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กันแน่?

 

เพราะจากเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่งฝีเท้าจัดจ้าน เจ้าของรางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้ 2017/18, เจ้าของค่าตัว 80 ล้านปอนด์ในตอนย้ายสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัมเมอร์ 2019 และเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดง

 

วันผ่านคืนผัน แม็กไกวร์ กลับกลายเป็น “เจ้าพ่อคอนเทนต์” ในแง่ลบ เป็นตัวตลกกลางสนาม และเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งสามารถตักตวงได้อย่างเต็มที่ในแทบทุกเกมที่ลงเล่น

 

พอเข้าใจได้กับฟอร์มที่ดาวน์ลงไปในฤดูกาลที่แล้ว (2021/22) เมื่อแนวรับแต่ละคนรอบข้างของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มหลุด ไว้วางใจได้ยากกันแทบทุกคน ที่สุดแล้วผลงานที่ต้นสังกัดเข้าป้ายเพียงอันดับ 6 ในลีก ไม่มีแชมป์รายการใดติดมือ ไปจนถึงการเปลี่ยนตัวกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนเด้ง ราล์ฟ รังนิค ก็อยู่ไม่ยืด ยังผลเสียในเรื่องของ “ความมั่นใจ” ที่ลดระดับลงของ แม็กไกวร์

 

แต่ครั้นซีซั่นใหม่นี้มาถึง กุนซือใหม่ เอริก เทน ฮาก เข้ามา–พร้อมการันตีปลอกแขนให้ แม็กไกวร์ ว่าจะยังคงได้เป็นหัวหน้าทีมผีแดงต่อไป ดาวเตะวัย 29 ก็กลับไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งที่เคยมีออกมาได้ ยังคงเล่นผิดเล่นพลาด เชื่องช้า สมาธิหลุด และอะไรต่างๆ นานา จนยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าค่าตัว 80 ล้านปอนด์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายไปนั้น กลายเป็นการลงทุนที่เหลวไหลไม่ได้ความอีกหนึ่งดีล

 

นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก แม็กไกวร์ ลงตัวจริงจับคู่เพื่อนใหม่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปรากฏ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 1-2

 

สัปดาห์ถัดมา แม็กไกวร์ ลงตัวจริงต่อเนื่องในเกมบุกเตะ เบรนท์ฟอร์ด ปรากฏโดนผึ้งต่อยแบบไม่ต้องเล่นมุกว่า “ต่อยนานยัง” แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ขาด 0-4

 

ถัดมา เทน ฮาก ตัดสินใจดร็อป แม็กไกวร์ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้ ราฟาแอล วาราน ลงมายืนคู่ มาร์ติเนซ บ้าง และทันใดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เดินหน้าชนะ 4 เกมติดต่อกันทันที!

 

ยิ่งตลกร้ายกับตัว แม็กไกวร์ ขึ้นไปอีก เมื่อการกลับสู่ไลน์อัพตัวจริงอีกหน ในเกมยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดเปิดบ้านรับมือ เรอัล โซเซียดัด จากสเปน ก็ปรากฏเป็น โซเซียดัด บุกกำชัยถึงแมนเชสเตอร์ 1-0

 

สรุปสั้นๆ คือ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ ลงตัวจริง แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เรียบ
และ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ โดนดร็อป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กำชัยได้ทั้งหมด
(เลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนแซวยับ ว่าจุดเปลี่ยนในฟอร์มดีๆ ของผี ก็คือการถอด แม็กไกวร์ ออกจากทีมนี่เอง)

 

ประเด็นก็คือ เห็นแบบนี้ กุนซือทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ยังคงมอบความไว้วางใจให้กับ แม็กไกวร์ อย่างเต็มที่ในคิวทีมชาติ 2 นัดของเดือนนี้ (กันยายน 2022) คิวที่เป็นการเตรียมตัวหนท้ายๆ มากๆ ก่อน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จะมาถึง

 

23 ก.ย. อังกฤษ บุกเตะ อิตาลี ที่ซาน ซิโร่ — แม็กไกวร์ ลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์

 

แม้ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร แต่ อังกฤษ ก็แพ้ 0-1

 

26 ก.ย. อังกฤษ กลับมาเปิดเวมบลีย์รับมือ เยอรมนี — แม็กไกวร์ ยังคงลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ จอห์น สโตนส์ (ก่อน ไคล์ วอล์คเกอร์ เปลี่ยนลงแทน สโตนส์ ที่บาดเจ็บท้ายครึ่งแรก)

 

เกมนี้เองที่ แม็กไกวร์ โชว์ฟอร์ม “สร้างคอนเทนต์” เข้าให้อีกแล้ว

 

ขณะเกมเสมอ 0-0 น.50 แม็กไกวร์ รับบอลจาก ไดเออร์ แล้วจ่ายไปติด จามาล มูเซียล่า มันดื้อๆ วินาทีต่อมาที่ มูเซียล่า เลี้ยงจี้เข้าใส่ แม็กไกวร์ ก็ไปรวบดาวรุ่งเยอรมันล้มลงอย่างเสียท่า ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วเป่าจุดโทษ อิลคาย กุนโดกัน สังหารไม่พลาด 1-0

 

น.67 แม็กไกวร์ โดนตัดลูกในแดนคู่แข่ง บอลถูกลำเลียงสวนเร็วขึ้นมาจบที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ปั่นโค้งหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบเสาอย่างงดงาม 2-0

 

ยังดีที่เกมไม่ได้จบแค่ตรงนี้ (ไม่งั้นยิ่งโดนด่าเละขึ้นอีก) อังกฤษ ยังฮึดขึ้นยิงแซงนำ 3-2 ในยี่สิบนาทีท้าย กระทั่งเกมสิ้นสุดอย่างระทึกที่ 3-3 ไค ฮาแวร์ตซ์ ซัดเม็ดสองทวงเจ๊า น.87 (เป็นความผิดพลาดซองแตกของ นิค โป๊ป บ้าง)

 

แต่ถึงจะไม่แพ้คารัง อังกฤษ ก็ยังสั่งลา เนชั่นส์ ลีก 2022/23 อย่างช้ำเลือดช้ำหนองอยู่ดี — ชนะใครไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 3 รั้งบ๊วยกลุ่ม 3 ลีกเอ ที่หมายถึงว่าต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีกบีร่วมกับทีมเกรดรองๆ ทั้งหลายแหล่ใน UNL งวดหน้า 2024/25

 

สำหรับ แม็กไกวร์ ได้รับการตัดเกรดฟอร์มการเล่นจากสื่อผู้ดี ดังนี้…
บีบีซี 2.58/10
สกาย สปอร์ตส์ 5/10
อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด 3/10
เทเลกราฟ 4/10
เดอะ ซัน 4/10

 

นอกจากการตัดเกรด สื่อทุกสำนักยังแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เซาธ์เกต พลาดอย่างแรงที่ยังคงไว้วางใจในตัว แม็กไกวร์ อยู่ — บีบีซี ถึงกับพาดหัวว่า “แฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือปัญหาของ แกเร็ธ เซาธ์เกต” ทีเดียว

 

ฟอร์มที่ยังคงผุพัง ความมั่นใจที่ลดระดับจนแทบเหลือ 0 บวกกับ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

นั่นจึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่า การที่ แม็กไกวร์ ยังได้โอกาสจาก เซาธ์เกต นั่นเพราะว่าหรือจริงๆ แล้ว อังกฤษ ขาดแคลนนักเตะตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” หรืออย่างไร?

 

และถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อคอนเทนต์อย่าง แม็กไกวร์ แล้ว ยังมีตัวอื่นที่สามารถเป็นหลักในแนวรับสิงโตคำราม ได้อีกหรือไม่?

 

ลองไปสำรวจตรวจตรากันหน่อยน่าจะดี…

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น สโตนส์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 59 นัด
หนึ่งในตัวยืนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต อีกรายนั่นแหละ ถ้าไม่เจ็บหนักไปเสียก่อนก็จะได้ไปฟุตบอลโลก 2022 แบบ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ด้วยดีกรีเล่นทีมชาติ 59 นัด กับความสำเร็จเพียบรายการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เจ้าตัวย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นด้วยตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

 

ซีซั่นนี้ สโตนส์ ยังแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ด้วยการขยับขึ้นยืน “มิดฟิลด์ตัวรับ” กับทาง แมนฯ ซิตี้ เพียงแต่โดยธรรมชาติก็ยังคงเป็นเซนเตอร์แบ็กอยู่นั่นเอง

 

นี่คือหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ของ เซาธ์เกต และสามารถเป็นคีย์แมนในแดนหลังได้อย่างแน่นอน หากว่าจะหมางเมิน แม็กไกวร์ ไปหาคนอื่นเพื่อมาเติมเต็มหลังบ้าน

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เอริก ไดเออร์ : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
รับใช้ชาติ 47 นัด
เว้นระยะการรับใช้ชาติไปตลอดปี 2021 ก่อนถูกเรียกกลับมาลงตัวจริงทั้ง 2 เกมที่พบกับ อิตาลี และ เยอรมนี ในเดือนนี้

 

ที่จริง อดีตเด็กปั้นสปอร์ติ้ง ลิสบอน เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่การเป็นมิดฟิลด์ แต่เวลาถัดมาก็ถอยลงต่ำ มายืนแบ็กขวาบ้าง เซนเตอร์แบ็กบ้าง

 

แม้ในภาพรวมของการเล่น ไดเออร์ ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในเกมรับที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะให้เป็นตัวจริงหรือสำรองก็ตาม

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไคล์ วอล์คเกอร์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 70 นัด
อีกหนึ่งขาประจำของ เซาธ์เกต สำหรับการเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวขวาสุดในหมาก 3 กองหลัง หรือจะรับบทแบ็กขวาในแผงแบ็กโฟร์ก็สามารถทำได้อย่างไม่เคอะเขิน เมื่อโดยปกติก็ยืนตรงนี้อยู่แล้วในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

 

ด้วยดีกรีติดทีมยอดเยี่ยม ยูโร 2020 และการรับใช้ชาติมากถึง 70 นัด สูงที่สุดในบรรดาแผงรับชุดนี้ ทำให้ไม่ต้องห่วงเช่นกันว่า วอล์คเกอร์ จะไม่ได้ไปกาตาร์ เพียงแต่ด้วยอายุอานาม 32 แล้ว ก็ทำให้มีสิทธิ์ว่านี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวได้

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คอนเนอร์ โคดี้ : เอฟเวอร์ตัน
รับใช้ชาติ 10 นัด
ย้ายออกจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปสู่สัญญายืมตัวที่ เอฟเวอร์ตัน อย่างเซอร์ไพรส์ในตลาดล่าสุด เมื่อทั้งที่เป็นกัปตันทีมหมาป่า และลงเล่นอย่างสม่ำเสมอปีละไม่ต่ำกว่า 40 นัดมาหลายปีดีดัก

 

ส่วนเมื่อย้ายสู่ กูดิสัน พาร์ค แล้ว เซนเตอร์แบ็กวัย 29 ก็ยังคงได้เล่นต่อเนื่อง ลงสนามไปแล้ว 6 เกมให้ทีมทอฟฟี่ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

 

อย่างไรก็ตาม ข้อด้อยของ โคดี้ คือการที่ไม่ค่อยได้โอกาสลงสนามในระดับนานาชาติมากนัก ไม่ว่าจะเป็นในถ้วยยุโรปหรือกับทีมชาติ ที่เขาเคยได้เล่นให้สิงโตคำรามมาแค่ 10 เกมเท่านั้น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022มาร์ก เกฮี : คริสตัล พาเลซ
รับใช้ชาติ 3 นัด
คริสตัล พาเลซ ทุ่ม 18 ล้านปอนด์ซื้อ เกฮี มาจาก เชลซี ในปีที่แล้ว และมีส่วนสำคัญในเกมรับของ ปาทริค วิเอร่า มาตลอด จนซีซั่นนี้ก็เริ่มได้ปลอกแขนกัปตันทีมไปสวมใส่บ้างแล้ว

 

ด้วยวัยเพียง 22 คงต้องถือว่า เกฮี ยังอยู่ในขั้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และยังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิคาโย่ โทโมรี่ : เอซี มิลาน
รับใช้ชาติ 3 นัด
นี่คือคนที่หลายฝ่ายมองว่า นี่ต่างหากตัวที่ เซาธ์เกต ควรยึดโยงและมอบความไว้วางใจให้ และโชคดีแค่ไหนแล้วที่นักเตะเลือกรับใช้ อังกฤษ ไม่เป็นทีมชาติบ้านเกิดจริงๆ อย่าง แคนาดา

 

ปราการหลังวัย 24 เจ้าของชื่อเต็มยาวเหยียด “โอลูวาฟิคาโยมี่ โอลูวาดามิโลล่า โทโมรี่” เป็นเด็กปั้นของ เชลซี ที่ถูกส่งออกยืมตัวไปฝึกงานอย่างสม่ำเสมอกับหลายค่ายในช่วงที่่ผ่านมา ทั้งกับ ไบรท์ตัน, ฮัลล์ ซิตี้, ดาร์บี้ และ เอซี มิลาน

 

จนซีซั่น 2020/21 ที่ไปยืมตัวกับ มิลาน แล้วโชว์ฟอร์มเข้าตา ยักษ์ใหญ่แดนมะกะโรนีจึงควัก 25 ล้านปอนด์ซื้อขาด และซีซั่นที่แล้วก็ลงสนามถึง 40 นัด มีส่วนสำคัญช่วยให้ มิลาน คว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้สำเร็จในรอบสิบปี จนมาซีซั่นนี้ก็ยังได้เล่นต่อเนื่อง มีตำแหน่งตัวจริงการันตี

 

ทั้งดีกรีแชมป์กัลโช่ ทั้งประสบการณ์ระดับสูงในลีกเลี่ยนและ ชปล. จนถึงการเล่นได้ดีกับ มิลาน วีกแล้ววีกเล่า ล้วนเป็นจุดที่ทำให้ เซาธ์เกต ควรเปิดที่ทางให้ โทโมรี่ มากกว่าที่เป็น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คริส สมอลลิ่ง : โรม่า
รับใช้ชาติ 31 นัด
อีกหนึ่งคนที่ไปได้ดีกับการเล่นต่างแดน แต่ไม่รู้ว่าช้าไปแล้วหรือยังกับการหวนมารับใช้ชาติ ในวัย 32 ย่าง 33

 

อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างถาวรไปแจ้งเกิดใหม่กับ โรม่า เมื่อปี 2020 (ภายหลังยืมตัวมาแล้ว 1 ปี) ด้วยค่าตัวไม่ใช่เบา 15+5 ล้านยูโร แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่ดีของทัพหมาป่า โดยเฉพาะเมื่อ สมอลลิ่ง เด่นถึงขั้นเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2022 ที่ชนะ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม 1-0

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เบน ไวท์ : อาร์เซน่อล
รับใช้ชาติ 4 นัด
ไม่อยู่ในทีมชุดเตะ UNL เดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ ทั้งที่นักเตะกำลังเล่นได้ดีกับ อาร์เซน่อล ไม่ว่าจะยืนเซนเตอร์แบ็กหรือถ่างออกมาเล่นแบ็กขวาก็ตาม

 

เคยถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่โอเวอร์เกินไปของ อาร์เซน่อล ที่จ่าย 50 ล้านปอนด์ซื้อจาก ไบรท์ตัน ปีที่แล้ว แต่นี่คือการจ่ายเพื่ออนาคต เมื่อ ไวท์ สามารถอยู่โยงรับใช้ทีมได้นับสิบปี จากที่ตอนนี้เพิ่ง 24 เท่านั้น

 

เช่นกัน มาตรฐานระดับนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ถ้า เซาธ์เกต จะวางให้ ไวท์ เป็นตัวหลักหลังบ้านชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ก็จะยิ่งดีต่อตัวนักเตะมากขึ้นไปอีก

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไทโรน มิงส์ : แอสตัน วิลล่า
รับใช้ชาติ 17 นัด
อยู่ในทีมชุดรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ก็กลับถูกมองข้ามไปในระยะหลัง ซึ่งอาจจะด้วยฟอร์มกับ แอสตัน วิลล่า ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก รวมถึงการมีตัวเลือกเซนเตอร์แบ็กค่อนข้างเยอะของ เซาธ์เกต

 

แต่หากได้อยู่ในทีม มิงส์ ก็น่าจะสร้างประโยชน์กับลูกกลางอากาศได้มาก กับส่วนสูงถึง 196 เซนติเมตร ใหญ่ที่สุดในทัพสิงโตคำราม

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส : เบิร์นลี่ย์
รับใช้ชาติ 0 นัด
ดาวรุ่งชื่อเรียกยากอายุเพียง 20 ขวบที่ เบิร์นลี่ย์ ยืมตัวมาใช้จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่เคยก้าวขึ้นมาเล่นสิงโตคำรามชุดใหญ่มาก่อน ภายหลังตระเวนเล่นชุดเล็กไล่ระดับจาก ยู-16 ไปจนถึง ยู-21 มาแล้วเป็นสิบๆ เกม

 

ยังจัดเป็นเพียงอนาคตของทีมชาติอังกฤษ แต่ก็น่าจับตามองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อ ฮาร์วู้ด-เบลลิส กำลังได้รับการโค้ชโดยตรงจากตำนานเรือใบอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่เบิร์นลี่ย์

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เลวี่ คอลวิลล์ : ไบรท์ตัน
รับใช้ชาติ 0 นัด
เช่นกันกับ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส ว่า เลวี่ คอลวิลล์ ก็คงยังเป็นอนาคตระยะยาวของสิงโตคำราม ไม่ใช่กับชุดนี้ ที่คงเซอร์ไพรส์มากๆ หาก เซาธ์เกต จะชายตามอง

 

คอลวิลล์ อายุแค่ 19 เท่านั้น และซีซั่นนี้ย้ายยืมจาก เชลซี ไป ไบรท์ตัน ซึ่งก็ได้ลงสนามสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 นัด

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022แกรี่ เคฮิลล์ : ฟรีเอเยนต์
รับใช้ชาติ 61 นัด
อยู่ในสถานะ “กึ่งเลิกเล่น” ภายหลังแยกทางกับ บอร์นมัธ เมื่อหมดสัญญาหลังจบซีซันที่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับใครใหม่

 

ดาวเตะวัย 36 อาจผ่านวันวัยพีคๆ ของตัวเองมาแล้ว (และสภาพร่างกายก็คงไม่ 100%) แต่เรื่องประสบการณ์คงถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร กับการรับใช้ชาติ 61 นัด ผ่านฟุตบอลโลกมา 2 สมัย ยูโรอีก 1 หน รวมถึงการอยู่โยงเล่นกับ เชลซี ยาวนาน 6-7 ปีก่อนหน้านี้

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิล โจนส์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รับใช้ชาติ 27 นัด
ตัวละครลับค่ายปีศาจแดง…ลับเสียจนซีซั่นนี้ เอริก เทน ฮาก ยังไม่ใช้งานแม้แต่นาทีเดียว แถมไม่ถูกลงทะเบียนเป็นหนึ่งใน 25 รายชื่อทีมชุดใหญ่เพื่อเล่นพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุอานามแค่ 30 ถ้วน หากว่า โจนส์ เรียกความฟิตกลับมาอยู่ในทีมผีแดง ชุดลงเล่นบอลถ้วยรายการต่างๆ ได้ ก็อาจมีสิทธิ์คืนสู่ทำเนียบทีมชาติได้เหมือนกัน หลังได้สวมชุดสิงโตคำรามหนสุดท้าย ก็ฟุตบอลโลก 2018 โน่น

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น เทอร์รี่ & ริโอ เฟอร์ดินานด์
รับใช้ชาติรวมกัน 159 นัด
อันนี้ขายขำแล้วจ้า เมื่อแต่ละคนเลิกเล่นไปนานโข แถมอายุเลยหลักสี่เข้าไปแล้ว (41 กับ 43) แต่ถ้าจะเรียกตัวมาเป็นทีมสตาฟฟ์ ช่วยติวเข้มกองหลังที่มี ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุป
จากลิสต์ที่ร่ายมาทั้งหน้า ชัดเจนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ได้ขาดไร้ซึ่งตัวเลือกเลย กับปราการหลังที่เข้าข่ายนับสิบราย เขาสามารถจิ้ม “ใครก็ได้ทั้งนั้น” มาแทน แม็กไกวร์ ไม่ว่าจะใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กที่ชอบ หรือกลับไปใช้แผงแบ็กโฟร์ก็ตาม

 

โทโมรี่ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – โทโมรี่ – สโตนส์
ไดเออร์ – สโตนส์ – โทโมรี่
ไวท์ – ไดเออร์ – สโตนส์
โทโมรี่ – ไวท์ – ไดเออร์
ฯลฯ และ ฯลฯ

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เซาธ์เกต เพียงคนเดียว

 

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า จากที่ตะบี้ตะบันส่งลงมาตลอด ไม่ดร็อปไม่เปลี่ยนออก ก็ไม่มีทีท่าเลยว่า เซาธ์เกต จะเปลี่ยนใจไปจากชายคนนี้

 

แถมในการให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ เยอรมนี นายใหญ่สิงโตคำราม ก็ยังเอ่ยปากหนุนหลัง แม็กไกวร์ เข้าให้อีก “ผมรู้ ทุกคนสนใจแต่ความผิดพลาดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่า แฮร์รี่ ทำได้ดีแค่ไหนในสองเกมที่ผ่านมา เขามีจังหวะที่ช่วยทีมได้หลายครั้ง แต่ทุกอย่างถูกบดบังโดยความผิดพลาดไม่กี่ครั้ง”

 

“มันมีประเด็นให้ได้ถกเถียงกันอยู่เสมอ แต่ผมคิดว่าช่วงเวลาแบบนี้ เราต้องสนับสนุนนักเตะที่ดีที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดของเราอย่างเต็มที่”

 

เพราะนั้น, ในกรณีที่ถ้า แม็กไกวร์ ไม่อาจเรียกฟอร์มที่ดีและเรียกความมั่นใจของตัวเองได้จริงๆ ในสองเดือนท้ายก่อนฟุตบอลโลก 2022, สุดท้ายท้ายสุดจริงๆ ทางเดียวที่จะทำให้ เซาธ์เกต เปลี่ยนใจได้

 

กองเชียร์สิงโตก็คงต้องแช่งชักหักกระดูกให้ แม็กไกวร์ ดวงแตกเจ็บหนักจนอดไปบอลโลกเท่านั้นเอง!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
BBC
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Sports Illustrated
Getty Images
Twitter

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“4 สิ่งที่อังกฤษต้อง ‘เปลี่ยน’ เพื่อฟุตบอลโลก 2022”

ทั้งที่อยู่ในสถานะรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ปรากฏว่า อังกฤษ ฟุบหนักมากเหลือเกินในหลายเดือนหลัง–จนถึงขั้น “ตกชั้น” จากยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เห็นดังนี้ แดนนี่ เมอร์ฟี่ จึงมีคำแนะนำบางอย่างถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้า…

 

อาจพอเข้าใจได้ถึงการสะดุดล้มหน้าทิ่มหน้าตำ — แต่พอสังเขป สำหรับทีมที่เพิ่งไปถึงระดับ “รองแชมป์” (หรือแชมป์) ทัวร์นาเมนต์สำคัญก่อนหน้า เมื่อไม่ต้องมองไกล ก็ฟุตบอลโลกนี่เองที่ (ดูเหมือนจะ) มี  “อาถรรพ์แชมป์เก่า”  หลายปีหลังนอกจากป้องกันแชมป์ไม่ได้ ยังพาเหรดกันตกรอบแรกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

แต่ก็ยากที่ใครจะคาดคิดถึงชะตากรรมแบบนี้ของ อังกฤษ

 

แพ้ ฮังการี 0-1
เสมอ เยอรมนี 1-1
เสมอ อิตาลี 0-0
แพ้ ฮังการี 0-4
แพ้ อิตาลี 0-1

 

หนึ่งคือ ดันมาเจอ ฮังการี ชุดคึกเป็นม้า ชุดกัญชาเสรี แข็งที่สุดและดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
สองคือ โชคดวงอาจไม่เป็นใจในบางเกม
และสามคือ ก็ห่วยเองนั่นแหละจะโทษใคร!

 

ผลคือ 5 นัดผ่านไปใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 สิงโตคำรามกลายร่างเป็นแมวเหมียว ชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ลูกเดียวถ้วน–แถมเป็นจุดโทษ ไม่มีประตูจากโอเพ่นเพลย์ พร้อมการันตีการจบ “บ๊วยของกลุ่ม” โดยไม่ต้องสนใจเกมปิดท้ายกับ เยอรมนี ที่เวมบลีย์ ในวันที่ 26 ก.ย. แต่อย่างใด (เยอรมนีมี 6 แต้ม ส่วน ฮังการี – อิตาลี ชิงแชมป์กลุ่มกัน)

 

และการรั้งบ๊วยนั่น หมายถึงว่าพวกเขาต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีก B ร่วมกับพวก จอร์เจีย, กรีซ, คาซัคสถาน, มอนเตเนโกร หรืออีกหลายทีมเกรดรองของทวีป ใน UNL หนถัดไป 2024/25 (เพื่อชิงสิทธิ์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีก A อีกครั้งให้ได้)

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะมาถึงในอีกไม่เต็ม 2 เดือน เท่ากับ อังกฤษ จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ด้วยฟอร์มภาพรวมอันน่าผิดหวัง และบรรยากาศทะมึนทึมภายในทีม

 

“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต” แดนนี่ เมอร์ฟี่ ในฐานะคอมเมนเตเตอร์, อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ (2001-2003) 9 นัด และอดีตขวัญใจเด็กหงส์ ลิเวอร์พูล เกริ่นกับ เดลี่ เมล “การเล่นที่ไร้ความดุดันและขาดความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย และก่อให้เกิดความกังวลอย่างแท้จริง”

 

“คำถามก็คือ แล้วเขาควรทำอย่างไร? ควรยึดติดกับสิ่งที่มี — ที่ไม่นานนี้เขาพา อังกฤษ ไปถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกและเข้าชิงชนะเลิศยูโร หรือเขาควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง?”

 

“ในสายตาของผม เขาควรรีบลงมือเปลี่ยนก่อนที่จะสาย กล้าเสี่ยงกว่าที่เคยเป็น และนี่คือแผนการ 4 ลำดับขั้นของผม ในการจะช่วยเซฟอังกฤษของเซาธ์เกต”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"1. หันหลังให้ความเพลย์เซฟ
สำคัญคือ เนชั่นส์ ลีก ที่สิงโตคำรามกลายร่างเป็นน้อนแมว ลงสนาม 5 นัดชนะใครใม่เป็น ในขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ กำลังจะมาถึงในอีกไม่ครบ 2 เดือนเต็ม

 

สำหรับในรอบแรกที่กาตาร์ อังกฤษ จะอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ ซึ่ง เมอร์ฟี่ มองว่า “เราโชคดีมากพอที่ได้อยู่ในกลุ่มที่กาตาร์ซึ่งเราสามารถครองแชมป์กลุ่มได้แม้ว่าเราอาจจะเล่นได้ไม่ดีนักก็ตาม แต่หลังจากนั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นในรอบน็อคเอาท์?”

 

“เราจะทำได้แค่หวังว่า มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นซ้ำรอยทัวร์นาเมนต์เก่าๆ หรือเราจะฉกฉวยโอกาสจากรอบแบ่งกลุ่ม เปิดใช้พรสวรรค์ที่เรามีในแนวรุก สร้างความมั่นใจและโมเมนตัมจากตรงนั้น?”

 

“สมมุติว่าเราต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการเจอกับทีมแข็งๆ สักราย และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ถึงตรงนั้น เซาธ์เกต จะเจอปัญหากับหน้าที่การงานของเขาแน่ แต่ขณะเดียวกัน แฟนๆ จะยอมรับเรื่องราวที่โชคร้ายหากพวกเขารู้สึกว่าเราแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ถ้าเราทุ่มเทพยายามกันแล้วและเล่นได้น่าดูชม”

 

“ผมเป็นแฟนตัวยงของสิ่งที่แกเร็ธทำ เขาประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผมคาดไว้ แต่คุณไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้ ทุกอย่างต้องมีวิวัฒนาการ ถึงเวลาแล้วที่จะเสี่ยง ที่จะบิดให้เกิดความแตกต่าง การอยู่เฉยในตอนนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"2. โยนแผน 3 เซนเตอร์แบ็กทิ้งไปซะ
จะบอกว่า “ติดมาจากยูโร” ก็คงไม่ใช่ เพราะที่จริง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก 3-4-3 ในยูโร 2020 แค่ไม่กี่นัด เช่นเกมชนะ เยอรมนี 2-0 หรือนัดชิงชนะเลิศกับ อิตาลี เป็นต้น

 

แต่เมื่อมาถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มีอย่างน้อย 2-3 เกมที่ เซาธ์เกต เลือกใช้ 3 เซนเตอร์แบ็กลงสนาม อย่างเกมล่าสุดที่แพ้ อิตาลี 0-1 ก็ใช่ — ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก ไดเออร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขนาบข้างด้วยวิงแบ็ก รีซ เจมส์ – บูกาโย่ ซาก้า

 

จุดนี้คือสิ่งที่ เมอร์ฟี่ มองว่าต้อง “โละทิ้ง” สถานเดียว “ทุกคนต่างรู้ว่า อังกฤษ ไม่ได้ประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์นานกว่าเจ็ดชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เป็นเพราะเราถูกคาดเดารูปแบบการโจมตีได้ง่ายเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนระบบการเล่นจะช่วยได้”

 

“แกเร็ธ ต้องกลับไปเล่นด้วยแนวรับ 4 คน มีไม่กี่ทีมที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก มันเป็นการเล่นที่ระมัดระวังเกินไป การใช้หลังบ้าน 4 คนจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวมากขึ้น มันจะทำให้มีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้นด้วย รวมทั้งเหมาะกับการเล่นของ จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ เมสัน เมาท์ เช่นเดียวกัน”

 

“ระบบ 4 กองหลังจะทำให้มีตัวมากขึ้นในเกมรุก และยังเป็นสิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่คุ้นเคย นักเตะจากแมนฯ ซิตี้ เล่นในระบบนี้ ลิเวอร์พูลก็เช่นกัน สโมสรชั้นนำส่วนใหญ่ใช้ระบบนี้ทั้งนั้น”

 

“ไคล์ วอล์คเกอร์ ไม่ได้เล่นด้วยระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กกับ ซิตี้ ในทุกสัปดาห์ ไม่ต่างกันกัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ยูไนเต็ด ส่วนทาง เบลลิงแฮม เล่นแบบ 3 กองกลางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บูกาโย่ ซาก้า ก็ไม่ได้เป็นวิงแบ็กกับ อาร์เซน่อล อีกแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ แกเร็ธ กำลังทำ เหมือนเขากำลังขุดหลุมฝังกลบตัวเอง”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"3. กลับมาใช้งานแบ็กโฟร์
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว อดีตเจ้าพ่อฟรีคิกแห่งแอนฟิลด์ ย้ำว่า 4-4-2 ปกติ หรือไม่ก็ 4-3-3 หรืออะไรก็ได้–ให้เป็นแผงแบ็กโฟร์ คือหมากการเล่นที่เหมาะสมสุดแล้วของ อังกฤษ อย่าไปคิดอะไรซับซ้อนให้ปวดหัว

 

“หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ เซาธ์เกต คือเขาดูไม่แน่ใจว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากฟูลแบ็กของเขาออกมาได้อย่างไร เมื่อเขาดูเหมือนว่าจะมีตัวเลือกมากเกินไป”

 

“รีซ เจมส์ เป็นเพียงคนเดียวที่เล่นทางด้านขวาในระบบวิงแบ็กเป็นประจำ ส่วนที่เหลือค่อนข้างคุ้นเคยกับแบ็กโฟร์มากกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คีแรน ทริปเปียร์ ต่างเสนอในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

 

“ผมรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เห็น เบน ชิลเวลล์ ทางซ้าย เขารู้ระบบ 3 กองหลังดี เขาได้ลงสนามพอสมควรในซีซั่นนี้ เขาเปลี่ยนเกมให้เชลซีในนัดที่เจอกับเวสต์แฮม ทำประตูหนึ่งลูกและมีส่วนกับอีกหนึ่งประตูด้วย”

 

แต่ที่สำคัญนอกจากการกลับมาใช้แผงแบ็กโฟร์ ก็คือ เซาธ์เกต ต้องตัดสินใจเลือก “ฟูลแบ็กตัวจริง” ของตัวเอง ได้แล้ว — มาช้ายังดีกว่าไม่มา

 

“ถึงเวลาแล้วที่ แกเร็ธ จะต้องเลือกฟูลแบ็ก และมอบความไว้วางใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ สำหรับทีมที่เริ่มจะยิงประตูได้ยากขึ้นอย่างพวกเขา ยิ่งมีตัวสร้างสรรค์เกมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”

 

“ถ้าเขาเลือกจะปรับเป็นแผงแบ็กโฟร์ เซนเตอร์แบ็กของเขาจะสบายใจขึ้นกับการยืนตำแหน่ง แม็กไกวร์ อาจดูแข็งแกร่งในเกมกับอิตาลี แต่เขาไม่อาจหลีกหนีปัญหากับ ยูไนเต็ด ไปได้ และผมอยากเห็น ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้โอกาสลงสนามกับทีมของ เซาธ์เกต มากกว่านี้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"4. เชื่อใน เจมส์ แมดดิสัน
ปิดท้าย แดนนี่ เมอร์ฟี่ ชี้ไปที่จุดน่าสนใจอย่างการขาด “ตัวสร้างสรรค์เกม” ของทัพ ทรี ไลออนส์

 

เพราะแม้จะมีตัวดีๆ อย่าง เมสัน เมาท์, เจมส์ วอร์ด-เพราส์ หรือ ฟิล โฟเด้น ไปจนถึงตัวที่ไม่ถูกเลือกมาในทีมชุดเดือนนี้อย่าง แจ็ค กรีลิช, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เจสซี่ ลินการ์ด แต่ผลงานของ อังกฤษ ก็เป็นอย่างที่เห็นกัน พวกเขาไม่อาจปฏิเสธความดีความชอบ (หรอ?!?) ของการที่ยิงใครไม่ได้เลยในรูปแบบโอเพ่นเพลย์ ของ เนชั่นส์ ลีก งวดนี้

 

เมอร์ฟี่ มองว่า คนที่จะตอบโจทย์นี้ได้ คือคนที่ เซาธ์เกต มองข้ามไปตลอดช่วงหลัง — เจมส์ แมดดิสัน

 

“จากเดิมที่สามารถใส่ชื่อได้ 23 คน ฟุตบอลโลกครั้งนี้ แกเร็ธ สามารถยกขบวนนำทีม 26 คนไปกาตาร์ได้ และมันควรจะต้องมีพื้นที่สำหรับ เจมส์ แมดดิสัน”

 

“แม้ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ จะดูมีปัญหาในทีม แต่ก็ยังไม่มีกองกลางชาวอังกฤษคนใดที่สามารถทำประตูและแอสซิสต์ได้มากไปกว่า แมดดิสัน เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการเปิดแนวรับคู่แข่ง แม้ว่าเขาอาจไม่ได้เริ่มด้วยการเป็นตัวจริง แต่คุณก็รู้ว่าเขาจะลงมาและทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ เขาดีในระดับนั้น”

 

“การเล่นที่ไม่ต้องกังวลกับการทำผิดพลาด คือกุญแจสำคัญในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ผู้เล่นจำนวนมากเมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากการเล่นในระดับสโมสรไปสู่ระดับชาติ จะกังวลเรื่องการสูญเสียบอลเพราะจังหวะจ่ายบอลเสี่ยงๆ แต่ แมดดิสัน ไม่เป็นแบบนั้น”

 

สำหรับ แมดดิสัน วัย 25 สร้างผลงานสุดเจ๋งในซีซั่นที่แล้ว ด้วยการตะบันไปถึง 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีม (เจมี่ วาร์ดี้ 17, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ 11, แพ็ทสัน ดาก้า 11) ส่วนซีซั่นนี้ ท่ามกลางฟอร์มบู่ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ยังยิงได้ถึง 3 ลูกจาก 6 เกมพรีเมียร์ลีก

 

แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา เจ้าของเบอร์ 10 เลสเตอร์ ได้โอกาสลงสนามรับใช้ชาติไปเพียง 1 เกมถ้วนเท่านั้น ด้วยการลงเป็นสำรองครึ่งหลังนัดพบ มอนเตเนโกร ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่อยู่ในทีมชุดล่าสุดนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่ได้เล่นให้อังกฤษก่อนฟุตบอลโลก แกเร็ธ ควรยกเว้นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ แมดดิสัน”

 

“และก็ไม่สำคัญว่าเขาเคยมีความผิดทางวินงวินัยมาก่อนหรือไม่ หลายคนในทีมชุดนี้ก็เคยได้รับโอกาสครั้งที่สอง ไม่ว่าจะ แจ๊ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น หรือแม้แต่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เองก็เคยถูกตัดชื่อภายหลังมีเรื่องมีราวกับ โจ โกเมซ ส่วน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็มีประเด็นที่กรีซเหมือนกัน”

 

“ฟุตบอลต้องนำหน้าเรื่องอื่นแล้ว และเราจะยิ่งเห็นว่า อังกฤษ ต้องการ แมดดิสัน มากๆ หากว่าพวกเขายังคงล้มเหลวอยู่อีกในเกมกับ เยอรมนี”

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“อังกฤษยังเป็นแชมป์โลกได้!”
แต่ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายเริ่มจะกาชื่อ อังกฤษ ทิ้งจากสารบบแชมป์โลกที่กาตาร์ ทางฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลี ที่เป็นผู้สยบสิงโตโดยตรงใน เนชั่นส์ ลีก กลับมองต่างไปจากคนอื่นๆ เมื่อเชื่อว่า เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ยังคงมีโอกาสดีในการจะเพิ่มจำนวนโทรฟี่ขึ้นในช่วงปลายปีนี้

 

มันโช่ เอ่ยหลังเกมที่ ซาน ซิโร่ ว่า การเปลี่ยนแท็กติกของตนจาก 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสุดของชัยชนะ “ระบบเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเรื่องแคแรกเตอร์ ความมุ่งมั่นในการเล่นเกมบุกและควบคุมเกม เรายังขาดประสบการณ์กันอยู่บ้าง นักเตะบางคนของเขาอายุน้อยมาก แต่เราก็เล่นกันได้ดีในวันนี้”

 

“ชัยชนะเกมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อมันช่วยให้เรามีความสงบนิ่งที่จะมุ่งสู่การเป็นแชมป์กลุ่ม เราเอาชนะ อังกฤษ ได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก”

 

“ในสายตาของผม อังกฤษ คือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้พวกเขาจะแพ้เกมนี้ก็ตาม พวกเขาก็ยังมีโอกาสดีในการคว้าแชมป์โลก”

 

 

 

 

อ้างอิง
DAILY MAIL
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Teamtalk
Sky Sports
Futbol on FanNation

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กองหน้าบราซิลคนไหน…ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กลายเป็นปัญหาที่น่ายินดีกับการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกแนวรุกบราซิลแบบล้นมือนับไม่หวาดไม่ไหว และคงต้องปวดหัวเลือกเฟ้นว่าจะเอาใครไปหรือทิ้งใครไว้ที่บ้าน สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2022

 

เป็นปกติที่ขุมกำลัง (squad) ของชาติที่ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก จะถูกจัดสรรแบ่งออกตามตำแหน่ง ผู้รักษาประตู / กองหลัง / กองกลาง / กองหน้า ซึ่งครั้งนี้ เวิลด์ คัพ 2022 ฟีฟ่า อนุญาตให้แต่ละทีมสามารถใส่ final squad ได้ 23-26 คน โดยต้องส่งรายชื่อไม่เกิน 13 พ.ย.

 

ในส่วนของ “กองหน้า” นั่นหมายความรวมถึงทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า, ตัวริมเส้น และหน้าต่ำ-เพลย์เมกเกอร์

 

และโดยทั่วไป หลายๆ ชาติก็จะใส่ชื่อตัวเลือกกองหน้าไว้ทำศึกรอบสุดท้ายประมาณ 6-8 ราย ไม่เกินนี้

 

ปัญหา…กำลังเป็นของ บราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

 

คงนับเป็นปัญหาที่น่ายินดีของ ตีเต้ กุนซือ “ลา เซเลเซา” กับการมีตัวเลือกแนวรุกแบบล้นมือ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็แจ่มวาว ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อจะสามารถหิ้วไปได้แค่ 6-7-8 ราย มันจึงต้อง “เลือก” กันหน่อย

 

กองหน้าบราซิล มีใครเข้าข่ายถูกพิจารณาบ้าง เรารวบรวมรายชื่อไว้ได้… 17 คน!

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เนย์มาร์ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
119 นัด 74 ประตู
คงพอพูดได้ว่า นี่คือนักเตะที่ “ดีที่สุด” และเป็นตัวความหวังสูงสุดของ บราซิล ยุคนี้ พร้อมกันกับที่ เนย์มาร์ ก็ต้องแบกรับภาระความกดดันของการพาทีมประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกให้จงได้ ภายหลังเว้นว่างมา 20 ปี หรือก็คือเจเนอเรชั่นของ เนย์มาร์ นี่พอดี

 

เนย์มาร์ ยังอยู่ในเส้นทางของการพังสถิติทั้งหลายแหล่ของ ลา เซเลเซา ไม่ว่าจะ “ยิงประตูสูงสุดตลอดกาล” ของ เปเล่ ที่ทำไว้ 77 ประตู นั่นคือเหลือยิงให้ได้อีกแค่ 4 ลูกเท่านั้น เนย์มาร์ จะแซงหน้าอดีตแข้งเบอร์ 1 โลกอย่างราชาไข่มุกดำขึ้นไป — เผลอๆ จะทำสำเร็จในเบรคทีมชาติงวดนี้ด้วยซ้ำ กับการมีคิวเตะพบ กาน่า และ ตูนิเซีย

 

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็รับใช้ชาติไปแล้ว 119 นัด แม้จะตามหลังเจ้าของสถิติติดธงบราซิลสูงสุดตลอดกาลอย่าง มาร์กอส คาฟู (142 นัด) อยู่พอตัว แต่ก็อยู่ในระยะที่สามารถแซงได้เช่นกัน จากที่ตอนนี้ เนย์มาร์ อายุ 30 และยังเหลือเวลาเล่นทีมชาติอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี

 

สำคัญกว่าเรื่องสถิติ คือการยิงในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนอเมริกาใต้ ไปมากถึง 9 ประตู เป็นรองแค่ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ของโบลิเวีย (10 ลูก) รายเดียว และซีซั่นนี้ เนย์มาร์ ก็ลั่นไกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปแล้วถึง 11 ประตูจาก 11 นัด

 

นอกจากนั้น การที่ ตีเต้ ยังมักถอย เนย์มาร์ ลงต่ำไปยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยปั้นเกมจากตรงกลางและประสานเกมรุกร่วมกับอีก 3 กองหน้า ยังทำให้หมายถึงว่า จะมีแค่ปัญหาบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะพราก เนย์มาร์ ให้หลุดออกจากกาตาร์ 2022 ได้

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ริชาร์ลิซอน : สเปอร์ส
36 นัด 14 ประตู
หากว่า เนย์มาร์ คือเพชรเม็ดใหญ่สุดของ บราซิล นาทีนี้ ริชาร์ลิซอน ก็คือคนสำคัญลำดับถัดมา โทษฐานที่เป็น “กองหน้าตัวเป้า” ที่สามารถพึ่งพาและฝากความหวังได้มากที่สุดคนหนึ่ง

 

การเดินทางแบบไต่ระดับจากทีมเล็กไปใหญ่ ฟลูมิเนนเซ่ > วัตฟอร์ด > เอฟเวอร์ตัน > สเปอร์ส คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ริชาร์ลิซอน กำลังเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในเส้นทางค้าแข้ง และแม้จะต้องเสียเวลาปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ในกรุงลอนดอนอยู่บ้าง แต่ก็ยิงได้แล้ว 2 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

ส่วนในทีมชาติ กองหน้าวัย 25 กดไปแล้ว 14 ลูกจาก 36 นัด อันหมายถึงเล่น 2 นัดต้องมีสัก 1 ตุง เป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดในทีมรองจาก เนย์มาร์ รายเดียว

 

เรื่องได้ไปฟุตบอลโลก 2022 น่ะไปแน่ (ถ้าไม่เจ็บ) แค่ว่าต้องชิงตำแหน่งมงกุฎยอดเพชรกับ กาเบรียล เชซุส เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022วินิซิอุส จูเนียร์ : เรอัล มาดริด
14 นัด 1 ประตู
ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของการรับใช้ชาติ ภายหลังประเดิมเส้นทางติดธงด้วยความขลุกขลัก บาดเจ็บและโดนตัดออกจาก โคปา อเมริกา 2019 โดยจนถึงตอนนี้ลงสนาม 14 นัด เพิ่งกดไปเม็ดเดียว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ยังฉายแสงไม่มากในทีมชาติ แต่ วินิซิอุส จูเนียร์ (22) คือหนึ่งในดาวรุ่งของฟุตบอลยุคใหม่ที่ถูกยกย่องว่าจะช่วงชิงตำแหน่ง “แข้งตัวท็อปโลก” ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนั่นก็ด้วยผลงานที่ร่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในตลอด 2-3 ปีหลัง

 

ซีซั่นที่แล้วกด 22 ประตูจาก 52 นัด
ซีซั่นนี้ยิงแล้ว 5 ประตูจาก 9 เกม

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงหรือสำรอง วินิซิอุส ก็คือหมากสำคัญที่ ตีเต้ จะหมางเมินไปเสียมิได้ในภารกิจทวงแชมป์โลกที่กาตาร์

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : ลิเวอร์พูล
55 นัด 17 ประตู
เป็นหนึ่งในซีเนียร์อายุเกิน 30 ไม่กี่คนของ บราซิล ชุดปัจจุบัน ซึ่งถึงตรงนี้รับใช้ชาติไปแล้ว 55 นัด กด 17 ตุง

 

ตัวเลขพังสกอร์อาจไม่มากนัก แต่ก็เป็นในลักษณะเดียวกันนี้เวลาที่ ฟีร์มิโน่ เล่นให้ ลิเวอร์พูล เนื่องจากแนวทางการเล่นของเขาเน้นเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนรอบข้าง มากกว่าจะเน้นพังตาข่ายด้วยตัวเอง (นานๆ ยิงที ก็ยิงแบบไม่มองลูก ไรงี้)

 

แม้โดยชื่อชั้นและประสบการณ์ในทีมชาติ จะทำให้ ฟีร์มิโน่ ไม่น่าพลาดแทรกตัวไปเป็นหนึ่งในขุนพล ลา เซเลเซา แต่ด้วยการที่จะเป็น “หอกเป้าตัวเลือกที่ 3” ถัดจาก กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน พ่วงด้วยฟอร์มที่ค่อนข้างแผ่วกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ ก็ทำให้แอบเสียวๆ ว่า ฟีร์มิโน่ เสี่ยงจะหลุดโผอย่างเซอร์ไพรส์เอาได้เหมือนกัน

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ราฟินญ่า : บาร์เซโลน่า
9 นัด 3 ประตู
กระโดดข้ามขั้นจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปสู่ยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ ด้วยค่าตัวสมน้ำสมเนื้อ 50 ล้านปอนด์ และตัวริมเส้นวัยเบญจเพสก็มีที่ยืนชัดเจนในทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ

 

ส่วนกับทีมชาติบราซิล ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกไม่น้อย ด้วยการกดไปแล้ว 3 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 เกม หลังเพิ่งเริมติดธงเมื่อกลางปีที่แล้ว

 

ด้วยความครบเครื่อง ชงเองกินเองได้ ยิงประตูได้จากทุกพื้นที่ของสนาม รวมทั้งการเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินกับยอดทีมอย่าง บาร์ซ่า ก็ทำให้ ราฟินญ่า จะเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของ ตีเต้ ดีไม่ดีจะยึดตัวจริงไปยาวๆ

 

โอกาสไปบอลโลก 80%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อันโตนี่ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
9 นัด 2 ประตู
เจ้าของค่าตัว 100 ล้านยูโรคนล่าสุดของวงการ (95+5) ยังอยู่ในช่วงทำความรู้จักกับฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็ประเดิมยิงใส่ อาร์เซน่อล ไปแล้ว ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยพลิกล็อก 3-1

 

ประเด็นคือ อันโตนี่ ต้องสร้างความสม่ำเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้โดยเร็ว และเค้นฟอร์มสวยๆ ออกมาไม่แพ้ตอนที่อยู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นั่นถึงจะมีการันตีว่าเขาจะถูกจิ้มเลือกจาก ตีเต้ ให้ไปแอ่วกาตาร์

 

กระนั้นด้วยความห้าวเป้งสดใหม่ของแข้งวัย 22 ก็ทำให้ “มีไว้ดีกว่าไม่มี” อย่างน้อยคือหิ้วไป “ฝึกงาน” ก่อนใช้จริงๆ จังๆ ใน เวิลด์ คัพ ครั้งถัดๆ ไป

 

โอกาสไปบอลโลก 60%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มาเตอุส คุนญ่า : แอตฯ มาดริด
7 นัด 0 ประตู
เป็นตัวหลักชุดยู-23 และโอลิมปิกเกมส์ของบราซิล ชนิดมีสถิติกระหน่ำสุดประทับใจ 21 ประตูจากการเล่นแค่ 24 นัด อย่างไรก็ตาม ในการยกระดับขึ้นเล่นชุดใหญ่ มาเตอุส คุนญ่า ยังดูสอบไม่ผ่านเท่าไหร่ ยังเบิกสกอร์ไม่ได้จากการลงสนาม 7 นัด

 

เช่นกัน การยกระดับระดับสโมสร จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด (25-30 ล้านยูโร) ก็ยังลงหลักปักฐานสร้างฟอร์มดีๆ ไม่ได้มาก ซีซั่นก่อนยิง 7 ประตู ซีซั่นนี้ยังเป้าสะอาด

 

ดังนั้น โอกาส 50-50 ในตอนนี้ ถ้าไม่รีบเค้นฟอร์มในเดือนกว่าๆ สุดท้ายก่อนบอลโลก ก็เห็นทีว่าคงโดนตัดชื่อในที่สุด

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรดรีโก้ โกเอส : เรอัล มาดริด
5 นัด 1 ประตู
ย้ายจากบ้านเกิด (ฟลาเมงโก้) มาขึ้นฝั่งสเปนกับ เรอัล มาดริด ตามหลังเพื่อนร่วมรุ่น (แก่กว่า 1 ปี) วินิซิอุส จูเนียร์ 1 ปี และก็ได้ลงสนามสม่ำเสมอกับทีมชุดขาวมาตลอด แม้ผลงานอาจดูเป็นรอง วินิซิอุส อยู่บ้างก็ตาม

 

ปัญหาของ โรดรีโก้ คือการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกดีๆ ในตำแหน่งริมเส้นเป็นเบือเป็นบาน และเขายังไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องรีบใช้งานเจ้าหนูอายุ 21 รายนี้ เร็วเกินไป

 

ดูทรง ก็คงคล้ายๆ อันโตนี่ ว่าเอาไปฝึกงานที่กาตาร์ก่อน ค่อยใช้เต็มที่ในรายการต่อๆ ไปได้ ไม่เสียโควตา

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปโดร : ฟลาเมงโก้
1 นัด 0 ประตู
น้องใหม่ในทีมบราซิลชุดเตะลับแข้งเดือนนี้ – เปโดร กิเยร์เม่ อาบรู โดส ซานโตส “เปโดร” หัวหอกตัวเป้าวัย 25 จาก ฟลาเมงโก้

 

ความที่ไม่เคยติดธงมาก่อนเลย ทำให้โอกาสจะแซงหน้าแซงตาพวกรุ่นพี่ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 คงมีไม่เกิน 10-20% เท่านั้น

 

เรื่องเล่าของ เปโดร อยู่ที่ระดับสโมสรมากกว่า เมื่อเขาเคยได้ย้ายจาก ฟลูมิเนนเซ่ ไปเข้าสังกัด ฟิออเรนติน่า ที่อิตาลีเมื่อ ก.ย. 2019 ด้วยค่าตัวไม่เบา 11 ล้านยูโร โดยทำสัญญายาว 5 ปี แต่ปรากฏได้ลงสนามแค่ 4 นัดรวมเวลาแค่ 59 นาที ก็ย้ายยืมกลับบราซิลซบ ฟลาเมงโก้ ตอนเปิดตลาดหน้าหนาว 2020 อย่างด่วน ก่อนย้ายขาด 15 ล้านยูโร ในเวลาต่อมา

 

โอกาสไปบอลโลก 5%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล เชซุส : อาร์เซน่อล
56 นัด 19 ประตู
ไม่ติดอยู่ในทีมลับแข้งของเดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ แต่ก็คาดว่าเป็นเพราะ ตีเต้ อยากเปิดโอกาสให้ กาเบรียล เชซุส ได้พัก และ “ลองของ” ใช้งานตัวอื่นๆ บ้าง เท่านั้น

 

กับรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ ตีเต้ จะมองข้ามกองหน้าวัย 25 ไปหาตัวเลือกอื่น ด้วยผลงานที่ กาเบรียล เชซุส สร้างไว้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 236 นัด 95 ประตู
อาร์เซน่อล ซีซั่นนี้ 8 นัด 4 ประตู
ทีมชาติบราซิล 56 นัด 19 ประตู

 

ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 1 สมัย หนก่อนที่รัสเซีย โดยเป็นหอกเป้าตัวเลือกแรกสุด ลงตัวจริงครบทั้ง 5 นัด แต่กลับไม่อาจเบิกสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว (ก่อน บราซิล แพ้ เบลเยียม 1-2 ตกรอบ 8 ทีม) และนั่นจะเป็นแรงกระตุ้นพิเศษให้เจ้าตัว สำหรับการคลำเป้าให้ได้ในฟุตบอลโลก 2022

 

โอกาสไปบอลโลก 90%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ : อาร์เซน่อล
3 นัด 0 ประตู
แม้จะเป็นตัวจริงเคียงข้างกันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่สถานการณ์ในทีมชาติบราซิลของ 2 กาเบรียล — มาร์ติเนลลี่ กับ เชซุส ค่อนข้างแตกต่างกันมาก

 

อย่างที่ว่าไว้ข้างต้นว่า กาเบรียล เชซุส คงไม่พลาดไปกาตาร์เมื่อยังคงน่าจะเป็นตัวเลือกเบอร์ 1-2 ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของ ตีเต้ แต่กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แล้ว เอาแค่ให้ถูกเลือก ได้มีชื่อติดธงไป–แบบไม่ต้องลงก็ได้ ก็ต้องถือว่า “ถูกหวย” เข้าแล้ว

 

หนึ่งคืออายุอานามเพิ่ง 21 อีกหนึ่งคือเพิ่งเคยเล่นทีมชาติชุดใหญ่ไปแค่ 3 นัด แถมอีกหนึ่งก็คือ ริมเส้นแซมบ้าตัวเลือกดีๆ กว่าเขา มีอีกเพียบ!

 

โอกาสไปบอลโลก 30%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาบิโกล : ฟลาเมงโก้
18 นัด 5 ประตู
กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าเคล้าน้ำชากับเส้นทางของ กาเบรียล บาร์โบซ่า “กาบิโกล” ในตอนที่ย้ายจาก ซานโตส ไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวเหยียบ 30 ล้านยูโรเมื่อปี 2016 ปรากฏทำไปทำมาก็ “แจ้งดับ” ไม่ผุดไม่เกิด แทบไม่ได้เล่นและถูกส่งออกยืมไปทั้ง เบนฟิก้า, ซานโตส และ ฟลาเมงโก้ ก่อนย้ายขาดไป ฟลาเมงโก้ 18 ล้านยูโรในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ยิงกระจายในลีกบ้านเกิด มีปีที่ยิง 43 ลูกบ้าง 34 ลูกบ้าง ทำให้ กาบิโกล ได้โอกาสจาก ตีเต้ ไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในขวบปี 2021 ได้ลงสนามเกมทีมชาติถึง 12 นัด และซัดไป 3 ประตู

 

ในวัย 26 และการลงหลักปักฐานกับ ฟลาเมงโก้ เป็นอย่างดีมาตลอดสี่ซ้าห้าปีหลัง จึงเป็นคำถามว่า ตีเต้ จะยังคงเปิดทางให้ กาบิโกล อยู่หรือไม่ โดยเมื่อมองจากตอนนี้ โอกาสอยู่ที่ 50/50 เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อาร์ตูร์ กาบรัล : ฟิออเรนติน่า
0 นัด 0 ประตู
ระเบิดฟอร์มกับ บาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการยิง 65 ประตูในสองซีซั่นครึ่ง จน ฟิออเรนติน่า คว้าเข้าคอกเมื่อตลาดหน้าหนาวซีซั่นก่อน แต่ก็ดูยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับบอลอิตาลีอีกเยอะ เมื่อเพิ่งยิงไปแค่ 3 ลูก หนึ่งในนั้นเป็น 1 ประตูของซีซั่นนี้

 

อาร์ตูร์ กาบรัล เคยถูกเรียกไปติดธงแซมบ้ามาเมื่อ ต.ค. 2021 ในคิวคัดเลือกบอลโลก 2022 เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม และถ้าจับพลัดจับผลูถูกเรียกไปกาตาร์ขึ้นมา ก็คงถือเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มัลคอม : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
0 นัด 0 ประตู
สร้างชื่อกับ บอร์กโดซ์ จน บาร์เซโลน่า ทุ่ม 42 ล้านยูโรคว้าไปเสริมแกร่งริมเส้นเมื่อปี 2018 แต่ปรากฏไม่อาจแจ้งเกิดได้ ลงสนามแค่ 24 นัด (2 ประตู) ในซีซั่น 2018/19 ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

 

ที่น่าตกตะลึงมากกว่าคือหลังจบซีซั่นนั้น เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หอบเงินมา 40+5 ล้านยูโร ซื้อต่อไปร่วมทีม ทำให้ บาร์ซ่า อนุมัติปล่อยตัวแบบไม่ต้องคิดมาก ยอมขาดทุนล้านสองล้านหยวนๆ ไป

 

การย้ายไปรัสเซีย ทำให้ชื่อของ มัลคอม ค่อยๆ หายไปจากสารบบด้วย เพราะแม้จะเป็นตัวหลักของ เซนิต แต่ทั้งไกลปืนเที่ยง ทั้งปัญหาสงคราม ก็ทำให้ ตีเต้ ไม่เคยเรียกตัว มัลคอม ไปติดธงมาก่อนเลย แม้จะเคยมีผลงานแจ่มๆ ในโอลิมปิก 2020 (2021) ที่โตเกียว ด้วยการยิงประตูชัยสยบ สเปน 2-1 ส่งบราซิลคว้าเหรียญทองได้ก็ตาม

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ดาวิด เนเรส : เบนฟิก้า
7 นัด 1 ประตู
อีกหนึ่งรายที่ “หายต๋อม” อย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ครั้งหนึ่ง ดาวิด เนเรส เคยถูกยกย่องอย่างสูง รวมถึงเคยถูกเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายราย หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด ที่มีข่าวยื่น 50 ล้านยูโรเข้าทาบทาม

 

แต่ดูเหมือนการเลือกไม่ย้ายในครั้งนั้นจะเป็นการเดินหมากที่ผิด เวลาต่อมา เนเรส ค่อยๆ หลุดจากทีมตัวจริงอาแจ็กซ์ กระทั่งถูกขายไป ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 15+2 ล้านยูโร ต่อด้วยย้ายไป เบนฟิก้า 15 ล้านยูโรในซีซั่นนี้

 

การหายจากสปอตไลท์ ก็ทำให้ เนเรส หลุดจากโผบราซิลของ ตีเต้ ไปด้วย โดยไม่ถูกเรียกตัวมา 3 ปีแล้ว หลังจากลงเล่นไป 7 เกมภายในช่วงปี 2019

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปาลินโญ่ : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
0 นัด 0 ประตู
คนละ เปาลินโญ่ อดีตกองกลางสเปอร์สเจ้าของหมวกทีมชาติ 56 ใบ นี่คือ เปาลินโญ่ เอ็นริเก้ ซัมไปโย่ ฟิลโญ่ กองหน้าวัย 22 ที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ดึงตัวจาก วาสโก ดา กาม่า มาปลุกปั้นต่อตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

 

ถูกคาดหมายว่าอนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในผู้ช่วงชิงตำแหน่งหอกเป้าทีมชาติบราซิล แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ฟุตบอลโลก 2022 หลังจากที่ผ่านมา เคยเล่นแต่ทีมเยาวชน และไปโอลิมปิกที่โตเกียว เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เอวานิลสัน : ปอร์โต้
0 นัด 0 ประตู
อีกหนึ่งดาวรุ่งวัย 22 ที่เคยอยู่ในทีมเยาวชนแซมบ้ามาก่อน แต่ก็ยังไม่เคยเล่นชุดใหญ่เช่นเดียวกับ เปาลินโญ่

 

ปอร์โต้ ดึงตัวมาจาก ตอมเบนเซ่ เมื่อสองปีก่อน และสร้างชื่อในโปรตุเกสได้กับซีซั่นที่แล้ว ที่ยิงรวม 21 ประตู เป็นในลีกซะ 14 และในบอลถ้วยฝอยทอง 7 ลูก นับเป็นแข้งรายแรกถัดจาก มาริโอ ยาร์เดล (1997/98) ที่ยิงได้เกิน 6 ลูกในบอลถ้วยซีซั่นเดียว

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

สรุปโผตัวรุกบราซิลที่คาด
ไปฟุตบอลโลก 2022 : เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, วินิซิอุส จูเนียร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ราฟินญ่า, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส, กาเบรียล เชซุส
นอนดูบอลโลกอยู่บ้าน : เปโดร, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อาร์ตูร์ กาบรัล, มัลคอม, ดาวิด เนเรส, เปาลินโญ่, เอวานิลสัน
ลุ้นระทึก 50/50 : มาเตอุส คุนญ่า, กาบิโกล

 

 

ไกด์เถื่อน
(โอกาสไปบอลโลก 0%)

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
Twitter

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ

ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม จี งานสบายของทีมเมืองกาแฟ แต่ใครที่จะตามพวกเขาเข้ารอบ

ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิลคงเป็นไปไม่ได้ นี่คือชาติที่ได้เตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาทุกครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกในปี 1930 และยังเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เมื่อคว้าแชมป์ถึง 5 ครั้ง และกับการที่พวกเขาคือทีมจากอเมริกาทีมสุดท้ายที่ได้ชูถ้วยฟีฟ่า เมื่อปี 2002 ในเอเชีย กับฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ อีกประเทศในเอเชีย น่าลุ้นว่าพวกเขาจะทำได้อีกไหม เพราะเมื่อดูจากเพื่อนร่วมสายในรอบแรกแล้ว บราซิลมีเกมอุ่นเครื่องก่อนถึงรอบน็อคเอาต์ให้เล่นถึง 3 นัดเลยทีเดียว

กลุ่มจี: บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์ และแคเมอรูน

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

เมื่อบราซิลอยู่กลุ่มไหนในรอบแรกของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย การันตีหนึ่งทีมที่จะได้เข้ารอบได้เลย เพราะแชมป์ 5 สมัยผ่านเข้ารอบสองได้ทุกครั้ง หนเดียวเท่านั้นที่พลาดก็คือ ปี 1966 ซึ่งพวกเขาเดินทางมาป้องกันแชมป์โลกที่อังกฤษ ซึ่งโอกาสแบบนั้นดูแล้วไม่เหลือความเป็นไปได้สำหรับฟุตบอลโลก 2022 เลย

คราวนี้ เนย์มาร์ จูเนียร์ ดาวเตะที่เคยถูกคาดหมายว่าจะเป็นเบอร์ 1 ของโลกเช่นเดียวกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ แต่ก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้นสักที จะอายุ 30 เป็นผู้เล่นมากประสบการณ์ และไม่ใช่ผู้เล่นที่ถูกจับตาอย่างที่เคยเป็น แล้วไม่ใช่คนที่แบกความหวังของประเทศไว้บนบ่าอีกต่อไป เพราะในฟุตบอลโลก 2022 บราซิลมีนักเตะขวัญใจคนใหม่อย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ วัย 21 ปีจากเรอัล มาดริดที่โชว์ฟอร์มได้เจิดจ้ากว่ามาก ซึ่งน่าจะทำให้เนย์มาร์เล่นได้สบายขึ้น

สวิตเซอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

สวิตเซอร์แลนด์ มีดีพอจะตามบราซิลเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022 ตามบราซิลไหม (ภาพ: Keystone / Urs Flueeler)

เมื่อบราซิลนอนมา ความน่าสนใจของกลุ่มนี้เลยอยู่ที่เพื่อนร่วมกลุ่ม เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์ และแคเมอรูน ที่จะต้องแย่งที่นั่งอีก 1 ที่ในรอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลก 2022 ด้วยฟอร์มล่าสุดของทั้งสามทีม สวิสเซอร์แลนด์น่าจะเป็นทีมที่ตามบราซิลเข้ารอบต่อไป โดยในขวบปีของฟุตบอลยูโร 2020 พวกเขาก็เขี่ยทีมแชมป์โลกฝรั่งเศส ตกรอบสองมาแล้ว และเป็นไปได้เหมือนกันว่าพวกเขาอาจจะทำเซอร์ไพรส์ได้มากกว่านั้น

เมื่อพูดถึงเรื่องเซอร์ไพรส์ เซอร์เบียก็มีของเหมือนกัน พวกเขาเคยช็อคเยอรมนีมาแล้วในปี 2010 แถมมาฟุตบอลโลก 2022ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ที่มีโปรตุเกสของโรนัลโด้เป็นตัวเต็ง แต่กลับพ่ายนักเตะเซิร์บคาบ้านจากประตูของอเล็กซานเดอร์ มิโตรวิก นอกจากนี้พวกเขายังมีดาวเตะของทีมอายักซ์ ดูซาน ทาดิด ที่หากทั้งทีมเล่นกันได้ลงล็อคและบราซิลอยู่ในช่วงชง เซอร์ไพรส์ก็คงบังเกิดได้

เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2022

เซอร์เบีย ไปฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ โดยมีดาวเด่นอย่าง อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิก และมิลาน ทาดิก (ภาพ: Twitter @FSSrbije)

ส่วนแคเมอรูน ไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มอีกเลย หลังเคยทำได้ในปี 1990 พร้อมสร้างปรากฏารณ์เพียบ ตั้งแต่ลีลาของดาวเตะวัย 38 ปี โรเจอร์ มิลลา, คว่ำแชมป์เก่าอาร์เจนติน่าในนัดเปิดสนาม แล้วทะลุถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พ่ายอังกฤษหวุดหวิด พวกเขามาฟุตบอลโลก 2022 ด้วยสถิติในทัวร์นาเมนต์นี้ ชนะแค่นัดเดียวจากทั้งหมด 15 นัด หลังปีสร้างตำนาน และการกลับบ้านแบบนักรบที่สู้ยิบตา น่าจะเป็นบทสรุปของแคเมอรูน

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ เกมเซอร์เบียเจอกับสวิตเซอร์แลนด์ มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นนัดชิงดำ ใครชนะจะตามบราซิลเข้ารอบ 16 ทีมของฟุตบอลโลก 2022 หากทั้งสองทีมพ่ายแชมป์โลก 5 สมัย และตบสิงโตจากกาฬทวีปตามคาด แต่ที่ทำให้เดือดยิ่งขึ้นก็คือ ในฟุตบอลโลก 2018 พวกเขาเคยเจอกันแล้ว และสองนักเตะสวิส กรานิต ซาก้ากับเซอร์แดน ชาคีรี่ ถูกฟีฟ่าปรับหลังฉลองประตู 2-1 ของทีม ด้วยการแสดงสัญลักษณ์พวกรักชาติอัลบาเนียยั่วยุกองเชียร์เซอร์เบีย โดยทั้งคู่เป็นผู้เล่นที่มีเชื้อสาย อัลบาเนียน-โคโซโว ซึ่งโคโซโวไม่ได้รับการยอมรับจากเซอร์เบีย และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ไม่ได้ดีนัก แล้วทั้งซาก้ากับชาคีรี่ กัปตันและรองกัปตันทีมของสวิสฯ ต่างก็เป็นพวกต่อต้านเซอร์เบีย แหม่… มันมีอะไรที่ระอุ ยิ่งกว่าฟุตบอลอยู่นะ

แคเมอรูน ฟุตบอลโลก 2022

หลังจากฟุตบอลโลก 1990 แคเมอรูน ก็ไม่เคยสร้างซอร์ไพรส์อะไรได้อีกเลย พวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CAF_Online)

สรุปทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบ บราซิล, สวิสเซอร์แลนด์, เซอร์เบีย และแคเมอรูน

โปรแกรม กลุ่มดี
24 พฤศจิกายน
สวิสเซอร์แลนด์ – แคเมอรูน
บราซิล – เซอร์เบีย

28 พฤศจิกายน
แคเมอรูน – เซอร์เบีย
บราซิล – สวิสเซอร์แลนด์

2 ธันวาคม
แคเมอรูน – บราซิล
เซอร์เบีย – สวิสเซอร์แลนด์

ข้อมูล: EURONEWS, ESPN
ภาพปก: en.psg.fr , www.90min.com, www.euro2020tips.com, Getty Images

เรื่องน่าอ่าน: ใครจะอยู่ใครจะไป พระกาฬในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเป็นใคร

แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 แบรนด์ไหนครองตลาด มีไหมชาติที่ไม่ทำเสื้อทีมใหม่ในโอกาสนี้

แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 แบรนด์ไหนครองตลาด มีไหมชาติที่ไม่ทำเสื้อทีมใหม่ในโอกาสนี้

ในศึกฟุตบอลโลกทุกครั้ง นับตั้งแต่ผ่านศตวรรษใหม่มาก็ว่าได้ บรรดาแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่เป็นผู้สนับสนุนทีมชาติต่าง ๆ ที่ได้เข้าร่วมเข้าขันรอบสุดท้าย มักออกแบบเสื้อทีมให้กับชาติที่ตัวเองดูแลอยู่ใหม่ ทำให้ผืนสนามหญ้าสีเขียวกลายเป็นแค็ตวอล์กของนักฟุตบอล กลายเป็นสนามแฟชั่น เป็นอีกโอกาสหนึ่งในการขายสินค้าใหม่ ๆ ที่ไม่ต่างไปจากสินค้าที่ระลึก เพราะไม่ใช่ทุกทีมที่มีโอกาสมาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกทุกครั้ง อย่าง บราซิล หรือมาบ่อย ๆ แบบ เยอรมนี, อาร์เจนติน่า และสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ก็เต็มไปด้วยสีสันที่ฉูดฉาดไม่น้อย

ตลอดระยะเวลา 2 เดือนของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งจะเริ่มเปิดสนามในวันที่ 20 พฤศจิกายน มาถึงตอนนี้ ทีมเกือบทั้งหมดก็เผยโฉมเสื้อทีม ที่จะใช้อวดโฉมในสนามฟุตบอล ที่กลายเป็นแค็ตวอล์กให้กับแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 โดยที่เซอร์ไพรส์ก็คือ แคเมอรูน ที่ใช้บริการแบรนด์ที่เพิ่งโดดเข้ามาสู่กีฬาฟุตบอล ที่โผล่มาก็เล่นใหญ่ ลงสู้ศึกแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 กันเลยทีเดียว

เพราะฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เป็นฟุตบอลโลกที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ เมื่อเป็นการลงเล่นในช่วงฤดูหนาวของประเทศในแถบซีกโลกเหนือ ทำให้บรรดาผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาระดับหัวแถว ไม่ว่าจะเป็น อะดิดาส, ไนกี้ และพูม่า เปิดตัวเสื้อที่ทำเพื่อทัวร์นาเมนต์นี้ช้ากว่าที่เคยเป็น โดยชุดทีมชาติสำหรับฟุตบอลโลก 2022 เปิดตัวออกมาครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2022 โดยเป็นงานจากผลิตภัณฑ์พูม่า จากนั้นอะดิดาสและไนกี้ก็ตามมา ในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2022 ซึ่งทำให้สนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ระอุช้ากว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย

ผลิตภัณฑ์ใน แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022

ผลิตภัณฑ์กีฬา ที่ดูแลเสื้อให้กับชาติต่าง ๆ ในสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 โดยแคเมอรูน เปลี่ยนจาก เลอ ค็อก สปอร์ติฟ จากในภาพ เป็นวันออลสปอร์ตส์ เมื่อเดือนกรกฎาคมนี่เอง (ภาพ: Footy Headlines)

จาก 32 ทีมในฟุตบอลโลกหนนี้ มีเพียง 6 ทีมเท่านั้น ที่ไม่ได้ใช้บริการของอะดิดาส, ไนกี้ หรือพูม่า 3 แบรนด์กีฬาเจ้าตลาด และที่น่าสนใจก็คือ ไม่ใช่ทุกทีมที่ลงสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยเสื้อที่ออกแบบมาใหม่ เพราะแคนาดา เจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกหนหน้า ที่ใช้บริการของไนกี้ จะยังคงใช้เสื้อแบบเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ในรอบคัดเลือก เพราะมีปัญหาเรื่องการออกแบบ ซึ่งเป็นผลจากฟอร์มการเล่นในรอบคัดเลือกของทีม

โดย 6 ทีมที่ว่า ต่างก็ใช้แบรนด์กีฬาเล็ก ๆ หรือแบรนด์ท้องถิ่นในการลงสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ผลิตภัณฑ์มาราธอนกับเอกวาดอร์, นิว บาลานซ์กับทีมชาติคอสตาริก้า, คัปป้าทำให้ทีมชาติตูนีเซีย, ฮุมเมล แบรนด์ท้องถิ่นที่ออกแบบเสื้อทีมให้กับเดนมาร์กมาเกือบตลอด โดยเว้นช่วงให้อะดิดาสไม่กี่ปี, มาจิด แบรนด์ท้องถิ่นของอิหร่าน ที่ดูแลชุดให้กับทีมชาติตัวเอง และน้องใหม่ในโลกฟุตบอลโลก วันออลสปอร์ตส์ ที่จับมือกับทีมชาติแคเมอรูน ซึ่งเข้าเสียบแทนแบรนด์กีฬาฝรั่งเศส เลอค็อกสปอร์ติฟ โดยแคเมอรูนเพิ่งประกาศเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้เองว่า พวกเขาตัดสินใจจบสัญญา ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้กับเลอค็อกสปอร์ติฟแบบฝ่ายเดียว แล้วก็มีข่าวลือว่าแคเมอรูนกลับไปใช้บริการของพูม่า แต่ไป ๆ มา ๆ พวกเขาก็เซ็นสัญญากับวันออลสปอร์ตส์ แบรนด์ที่รู้จักกันดีในโลกของมอเตอร์สปอร์ตส์ ที่โดดเข้ามาสู่โลกของกีฬาฟุตบอลก็คือ ลงสนามแฟชันฟุตบอลโลก 2022 กันเลย

สำหรับระยะเวลาของสัญญาที่ทางแคเมอรูนทำไว้กับวันออลสปอร์ตส์จะกินเวลา 3 ปี ส่วนสาเหตุที่ทำให้แคเมอรูนใส่ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ในโลกฟุตบอลวันออลสปอร์ตส์ ลงสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เมื่อข้อเสนอของวันออลสปอร์ตส์ “มีมูลค่าสูงกว่าบรรดาคู่แข่งรายอื่น ๆ” คำแถลงของคณะกรรมการที่รับผิดชอบเรื่องนี้ของแคเมอรูนระบุ โดยในแถลงการณ์ยังบอกอีกด้วยว่า ทางบริษัทจะขายสินค้าที่ระลึกของทีมชาติแคเมอรูนให้กับแฟน ๆ ในราคาที่สมเหตุสมผล

แฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 แบ่งตามกลุ่ม

ทีมในแต่ละกลุ่มกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ทำให้ฟุตบอลโลกหนนี้กลายเป็นสนามแฟชันฟุตบอลโลก 2022 ไปด้วย โดยแคเมอรูนเปลี่ยนจากเลอค็อกสปอร์ติฟ เป็นวันออลสปอร์ตส์ แทบจะในนาทีสุดท้าย (ภาพ: FOOTY HEADLINES)

ในสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 เราจะได้เห็นทีมที่ใส่ไนกี้มากที่สุดถึง 13 ทีม ได้แก่ กาตาร์, โปแลนด์, ซาอุดิอาระเบีย, บราซิล, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, อังกฤษ, เนเธอร์แลนด์ส, เกาหลีใต้, แคนาดา, โปรตุเกส, สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย

ส่วนทีมที่ใช้บริการอะดิดาสในสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 มีน้อยกว่าคู่แข่งเกือบครึ่ง แค่ 7 ทีม ได้แก่ เยอรมนี, เบลเยี่ยม, สเปน, อาร์เจนตินา, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก และเวลส์

พูม่ามีทีมมาเดินแค็ตวอล์กแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 6 ทีม มี เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์, อุรุกวัย, กาน่า, โมร็อกโก และเซเนกัล

ที่เหลืออีก 6 ทีมอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ที่แตกต่างกัน 6 รายในสนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ฮุมเมล – เดนมาร์ก, มาราธอน – เอกวาดอร์, มาจิด – อิหร่าน, วันออลสปอร์ตส์ – แคเมอรูน , คัปป้า – ตูนีเซีย, นิว บาลานซ์ – คอสตาริก้า

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่ อะดิดาส, ไนกี้, พูม่า หรือว่าแบรนด์ใหม่ วันออลสปอร์ตส์, แบรนด์เล็ก ๆ (ในโลกของฟุตบอล) มาราธอนกับนิว บาลานซ์ และคัปป้า, แบรนด์ท้องถิ่น ฮุมเมล, มาจิด ล้วนออกแบบชุดและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความต้องการของทีมที่แต่ละรายดูแล ซึ่งทั้งหมดจะไม่ใช่เสื้อทีมที่ใช้ตามปกติในแม็ตช์ทั่ว ๆ ไป (แน่นอน ยกเว้นแคนาดาไว้หนึ่งราย) ซึ่งทำให้สนามแฟชั่นฟุตบอลโลก 2022 ประหนึ่งการอวดโฉมศักยภาพของทีมงานจากแต่ละแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และเชื่อได้เลยว่า หากทำออกมาได้สวยงาม ก็ย่อมเตะตา และกลายเป็นสินค้าที่ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นเจ้าของ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสำเร็จของทีม ที่ต้องมาก่อน เสื้อผ้าอาภรณ์ดีงาม แต่ได้อวดโฉมแค่ 3 นัดก็จบไป ความประทับใจไม่เกิด แต่ถ้าทะลุไปรอบลึก ๆ ไอ้ที่ไม่เข้าตา มันก็สวยขึ้นมาได้เหมือนกัน

ข้อมูล: FOOTY HEADLINES 1, FOOTY HEADLINES 2, FOOTBALLKIT ARCHIVE
ภาพปก: ADIDAS, NIKE, HUMMEL
เรื่องน่าอ่าน: รู้จักกับลูกฟุตบอลของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022

เบรคสุดท้าย…ก่อนฟุตบอลโลก 2022

ไม่ว่าจะเผลอหรือไม่ วันเวลาก็พาเรามาถึงเบรคทีมชาติช่วงสุดท้ายท้ายสุดแล้ว ก่อนรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 จะโรมรัน

 

ในขณะที่เรากำลังตกตะลึงไปกับความร้อนแรงยิงสลุตไม่แผ่วของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์
กำลังจับตาการฟื้นคืนชีพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เอริก เทน ฮาก
กำลังเป็นพยานการเดินด้วยความแข็งแกร่งไร้เทียมทานของ เรอัล มาดริด
กำลังเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ ยูเวนตุส ของ แม็กซ์ อัลเลกรี
หรือกำลังต้องปาดเหงื่อลุ้นหนักกับเส้นทางของ เชลซี ในถ้วยบิ๊กเอียร์

 

ใครบางคนคงแอบส่ายหัว… แหม่วุ้ย ทีมชงทีมชาติช่างมาขัดจังหวะกันเสียจริง

 

แต่อย่างที่ได้เอ่ยถึงไว้ในเรื่อง “ก่อนบอลโลก มีเกมทีมชาติอีกไหม?” เมื่อสักสองเดือนก่อน ว่านี่คือคิวทีมชาติที่สุดแสนจะ “จำเป็น” และ “ต้องมี” แบบไม่อาจเลี่ยงหรือบอกผ่านได้ เพื่อที่จะให้บรรดา 32 ชาติสมาชิกผู้เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้เตรียมทีมลองของกันเป็นหนท้ายๆ มากๆ ก่อนที่ เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ จะมาถึงในอีกแค่ 2 เดือนข้างหน้าเท่านั้น

 

หลุดจากงวดนี้ไปจะเหลือเพียงช่วง “เตรียมทีม” ลุยรอบสุดท้ายปลายเดือน 11 (20 พ.ย. เปิดสนามบอลโลก) ประมาณไม่เกิน 1-2 สัปดาห์เท่านั้น และหลายๆ ทีมก็ยังไม่ได้วางโปรแกรมลับแข้งเป็นทางการไว้ในช่วงนั้นด้วย

 

เบรคทีมชาติเดือนนี้ ชาติยุโรปหลายชาติยังต้องเคลียร์ตอนจบของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ว่าจะจบด้วยความสำเร็จหรือล้มเหลว ส่วน 2 ยักษ์ใหญ่อเมริกาใต้ บราซิล-อาร์เจนติน่า เดิมทีมีคิวต้องรีแมตช์กันเอง แต่ปรากฏว่า “งานล่ม” เรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างแยกไปเตะเกมลับแข้งของตัวเอง — เพราะอะไร งานนี้มีคำตอบ

 

อย่างที่ว่า นี่คือโปรแกรมอย่างเป็นทางการหนสุดท้ายจริงๆ แล้วก่อน ฟุตบอลโลก 2022 จะมา ความหมายที่เชื่อมโยงต่อเนื่องก็คือ นักเตะรายไหนจะได้ไปบอลโลกแน่ๆ หรือคนไหนมีแนวโน้มหลุดโผ ได้แค่ดูบอลโลกผ่านจอทีวี ก็สามารถ “จับสังเกต” ได้เหมือนกันจากการเรียกตัวคราวนี้

 

ฉะนั้น เมื่อความสำคัญของ “เบรคทีมชาติ” กันยายน 2022 มีมากขนาดนี้ จึงสมควรสอดส่ายสายตาหากันหน่อยว่าแต่ละทีมมีคิวแบบใด สถานการณ์เป็นอย่างไร ขุมกำลังสภาพทีมมาทรงไหน แบบครบจบในตอนเดียว!

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อังกฤษ

23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อิตาลี (ซาน ซิโร่, มิลาน)

26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เยอรมนี (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนคนรักบอลบ้านเรา เหลือโปรแกรมเช็คบิล เนชั่นส์ ลีก ลีกเอ กลุ่ม 3 สองนัดสุดท้าย แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า “เสื่อมความหมาย” ไปพอตัว จากการที่เตะ 4 นัดแรกชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 2 รั้งบ๊วยของกลุ่ม

 

อังกฤษ หมดลุ้นคว้าแชมป์กลุ่มเพื่อเข้ารอบชิงแชมป์ไปเรียบร้อย ที่ยังเหลืออยู่มีแค่ต้อง “หนีบ๊วย” ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้นสู่ ลีกบี 2024/25 เท่านั้นเอง

 

ดังนั้น ประเด็นสำคัญของเบรคทีมชาติงวดนี้ จึงอาจไม่ได้อยู่ที่แมตช์หรือผลลัพธ์สักเท่าไร แต่เป็นโฉมหน้าของขุมกำลังที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวไปติดธง มากกว่า

 

โฟกัสอยู่ที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อดีตเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่ง…ที่เอาฟอร์มไปทิ้งแถวทะเลจีนใต้มาเป็นปีๆ แล้ว

 

ซีซั่นนี้ลงตัวจริง 4 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้มันซะ 3 เกม (1-2 ไบรท์ตัน, 0-4 เบรนท์ฟอร์ด, 0-1 เรอัล โซเซียดัด) ตรงกันข้าม เกมไหนที่ เอริก เทน ฮาก ไม่ใช้งานกัปตันทีมวัย 29 รายนี้ ปีศาจแดงก็มีเฮมันทุกนัด!

 

ด้วยฟอร์มที่ออกทะเลแบบเห็นจัดชัดจริง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เซาธ์เกต ไม่ควรเรียก แม็กไกวร์ มาติดธงอีกแล้ว และควรเปิดทางให้ เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล) หรือ ไทโรน มิงส์ (วิลล่า) มากกว่า

 

แต่ก็น่าสนใจว่า เซาธ์เกต เรียกตัวนักเตะตำแหน่งกองหลังมาร่วมทีมมากถึง 12 ราย ในจำนวนนี้มีเซนเตอร์แบ็ก 6-7 รายด้วยกัน (แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, เอริก ไดเออร์, คอนเนอร์ คอดี้, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์ก เกฮี รวมถึง ไคล์ วอล์คเกอร์) ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่า แม็กไกวร์ จะได้เล่นแน่ๆ …แต่ถ้ายังได้ลงตัวจริงอีก ก็ตัวใครตัวมัน!

 

squad สิงโตชุดล่าสุดนี้ หน้าใหม่จริงๆ มีแค่ ไอแวน โทนี่ย์ ตัวจบสกอร์หลักของ เบรนท์ฟอร์ด รายเดียวที่ไม่เคยถูกเรียกตัวมาก่อน ในขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด หลุดไปเนื่องจากบาดเจ็บ

 

ส่วนที่โดนมองข้าม มีทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), เจดอน ซานโช่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล), เอมิล สมิธ โรว์ (อาร์เซน่อล), คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี) และ เจสซี่ ลินการ์ด (ฟอเรสต์)

 

แน่นอนว่า 7-8 รายหลังสุดนี้ คงต้องใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสองเดือนสุดท้ายก่อนบอลโลก จะได้ไปแอ่วกาตาร์หรือไม่ ล้วนแต่อยู่ในข่าย “ต้องลุ้นหนัก”

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ฝรั่งเศส
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ออสเตรีย (สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เดนมาร์ก (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

แชมป์โลก 2 สมัย ตราไก่ ฝรั่งเศส ตกที่นั่งเดียวกับสิงโตคำราม อังกฤษ ไม่ผิดเพี้ยน จากการเสมอ 2 แพ้ 2 ในสี่เกมแรก หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว เหลือแค่เตะหนีบ๊วย ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้น

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้ซึ่งกุมบังเหียนตราไก่มาครบ 10 ปีเต็มไปเรียบร้อย (130 นัด ชนะ 83 มี 2 โทรฟี่แชมป์) ขาดขาประจำที่มีอาการบาดเจ็บเยอะทีเดียว ทั้ง ปอล ป๊อกบา, อูโก้ โยริส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, เตโอ กับ ลูคัส เอร์นันเดซ, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, อิบราฮิมา โกนาเต้, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, คิงสลี่ย์ โกม็อง และ คาริม เบนเซม่า

 

เพียงแต่ตัวที่ยังอยู่ ก็ล้วนแล้วแต่ฝีเท้าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น นำขบวนโดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อุสมัน เดมเบเล่ ยุคกลับมาแจ้งเกิดใหม่, จอมเก๋า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อองตวน กรีซมันน์, คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู, ราฟาแอล วาราน, ชูลส์ คุนเด้ ฯลฯ

 

จุดน่าสนใจอยู่ที่แดนกลาง เป็นหน้าใหม่แทบทั้งแผง ตัวเลขห้อยท้ายคือจำนวนการติดทีมชาติในช่วงที่ผ่านมา
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (เรอัล มาดริด) 12
มัตเตโอ เก็นดูซี่ (มาร์กเซย) 6
จอร์แดน เวเรตูต์ (มาร์กเซย) 5
เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า (เรอัล มาดริด) 3
ยุสซูฟ โฟฟาน่า (โมนาโก) 0

 

ด้านพวกที่หลุดเนื่องด้วยการพิจารณาของ เดส์ชองส์ และอยู่ในความเสี่ยงจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลก ประกอบด้วย วิสซาม เบน เยแดร์ (เซบีย่า), เกลม็องต์ ลองเล่ต์ (สเปอร์ส), เคิร์ต ซูม่า (เวสต์แฮม) หรือแม้แต่ มาร์กซิยาล (แมนฯ ยูไนเต็ด) ถ้ายังออดๆ แอดๆ อยู่แบบนี้ บอลโลกก็ไม่ชัวร์เหมือนกัน

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022สเปน
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สวิตเซอร์แลนด์ (ลา โรมาเรด้า, ซาราโกซ่า)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปรตุเกส (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

ต้องชิงแชมป์กลุ่ม 2 ลีกเอ กับทาง โปรตุเกส แต่เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ก็สำคัญกับทัพ กระทิงดุ สเปน ไม่แพ้กัน เนื่องจากถ้าชนะสวิสส์ได้ จะต้องการเพียงผลเสมอเท่านั้นในเกมกับทีมฝอยทอง (แต่ก็ห้ามแพ้แหละ)

 

หลุยส์ เอ็นริเก้ เปลี่ยนทีมอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว นอกเหนือตัวที่บาดเจ็บ (ลาป๊อร์กต์, ติอาโก้, โอยาร์ซาบัล) แล้ว ที่หลุดโผไปอย่าง อันซู ฟาติ, โรดริโก้ โมเรโน่, ดานี่ โอลโม่, เซร์จี้ โรเบร์โต้, มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เซร์คิโอ เรกีลอน ล้วนเหมือนมี “คำเตือน” แปะหน้าว่าต้องรีบเร่งเค้นฟอร์มโดยด่วน ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกเป็นแน่

 

แต่ที่น่าจะ “พลาดบอลโลก” ค่อนข้างแน่–อย่างน่าประหลาดใจ ดูเหมือนจะมีแน่ๆ แล้ว หนึ่งราย นั่นคือ ดาบิด เด เคอา

 

แม้จะมาตรฐานสูงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด (สลับกับออกลูกเหวอเป็นพักๆ) แต่ช่วง 2-3 ปีหลังก็ได้ลงสนามรับใช้ชาติอย่างจำกัดมาตลอด (ไม่ได้เล่นเลยในชุดตกตัดเชือก ยูโร 2020) ครั้นมาชุดนี้ก็หลุดออกมาเลย ไม่เป็นหนึ่งในสามตัวเลือกนายทวารของ หลุยส์ เอ็นริเก้ อีกแล้ว

 

คนที่ เอ็นริเก้ เลือกไปติดธง มี อูไน ซิมอน (บิลเบา), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน) และ ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เยอรมนี
23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฮังการี (เร้ดบูลล์อารีน่า, ไลป์ซิก)
26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อังกฤษ (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

ตามหลัง ฮังการี 1 แต้ม แต่ก็ได้ลุ้นแชมป์กลุ่ม 3 ลีกเอ เต็มเหนี่ยว โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดกับ ฮังการี โดยตรงในวันศุกร์ ถ้าชนะได้จะแซงขึ้นจ่าฝูงทันที ก่อนเกมสุดท้าย

 

ฮันซี่ ฟลิค ที่ยังทำทีมไม่แพ้ใครสักนัดหลังผ่านไป 13 เกม (ชนะ 9 เสมอ 4) แทบไม่ได้เปลี่ยนทีมจากช่วงหลังๆ โดยขาดสำคัญๆ แค่ มาร์โก รอยส์ ที่บาดเจ็บ รายเดียว

 

นั่นหมายความว่า โฉมหน้าทีมชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ของ เยอรมนี ก็จะเป็นทีมประมาณนี้แหละ – นอยเออร์, สเตเก้น, ทรัปป์, รูดิเกอร์, ซูเล่, กินเทอร์, ชล็อตเตอร์เบ็ค, คิมมิช, กุนโดกัน, โกเร็ตซ์ก้า, ฮาแวร์ตซ์, มูเซียล่า, มุลเลอร์, แวร์เนอร์, ซาเน่, นาบรี้

 

ที่ยังไม่ชัวร์จะได้ไปกาตาร์ (แต่อยู่ในทีมชุดนี้นะ) อาจมีอย่างพวก ลูคัส เอ็นเมช่า (โวล์ฟสบวร์ก) หรือ อาร์เมล เบลล่า-ค็อตชัป (เซาธ์แฮมป์ตัน) ประมาณนี้

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เนเธอร์แลนด์
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปแลนด์ (นาโรโดวี่, วอร์ซอว์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เบลเยียม (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

อีกหนึ่งทีมที่มีแฟนเยอะในบ้านเรา แต่ยังไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเล็กๆ ว่าด้วยความที่ เนชั่นส์ ลีก ยังไม่จบ แต่รอบสุดท้ายบอลโลกมาคอยท่าแล้ว ปรากฏว่าพวกเขาได้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีม “ต่างทวีป” ทั้งสิ้น ทั้ง เซเนกัล, เอกวาดอร์ และเจ้าภาพ กาตาร์ ก็ทำให้อาจเจอปัญหากับบอลต่างสไตล์ ไม่ค่อยรู้หน้าค่าตาแบบนี้ได้เหมือนกัน

 

สำหรับในเนชั่นส์ ลีก ทีมกังหันอยู่ในจุดที่ดีของการคว้าแชมป์กลุ่ม จากการมีแต้มเหนือ เบลเยียม 3 คะแนน (10:7) นั่นหมายถึงถ้าชนะ โปแลนด์ ได้ จะต้องการแค่ผลเสมอจากเกมส่งท้าย ปะทะปีศาจแดงแห่งยุโรป เท่านั้น

 

ส่วนขุมกำลังชุดนี้ คุณปู่ หลุยส์ ฟาน กัล เปลี่ยนทีมพอสมควรจากชุดก่อนๆ ที่หลุดไปด้วยหลายเหตุผล (เจ็บบ้าง ฟอร์มไม่เข้าตาบ้าง) มีทั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, ลุค เดอ ยอง, ดอนเยลล์ มาเลน, อาร์โนต์ ดันยูม่า, ไรอัน กราเฟนเบิร์ก, ฮานส์ ฮาเตบัวร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ถ้ายังคงนั่งสำรองก้นด้านกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป ก็บอกลาฟุตบอลโลก 2022 ได้เลย

 

ด้าน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, มัทไธส์ เดอ ลิกท์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, ดาลี่ย์ บลินด์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, เมมฟิส เดอปาย, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์, โคดี้ กัคโป ยังมีที่ทางในทีมตามเดิม เพิ่มเติมด้วย วินเซนต์ ยานส์เซ่น (28) อดีตดาวดับของ สเปอร์ส ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ รอยัล อันท์เวิร์ป คืนสู่ทำเนียบทีมชาติหนแรกในรอบหลายปี

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เบลเยียม
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เวลส์ (คิง โบดวง, บรัสเซลส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เนเธอร์แลนด์ (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

ปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่เวลานี้หล่นจากเบอร์ 1 มาเป็นเบอร์ 2 อันดับโลก ฟีฟ่าแรงกิ้ง (เสียตำแหน่งให้บราซิล) อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคว้าชัยชนะให้ได้ทั้ง 2 เกมที่เหลือ เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มมาจาก เนเธอร์แลนด์ ให้ได้ จากการตามหลังอยู่ 3 แต้มในตอนนี้

 

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ยังคงยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ชนิดหลับตาก็นึกชื่อออก ไม่ว่าจะ เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์, ธอร์แกน อาซาร์, ยานนิค การ์รัสโก้, ยูรี่ ตีเลอมันส์, ดรีส เมอร์เทนส์ หรือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

 

อย่างไรก็ตาม โรเมลู ลูกากู ดาวยิงอินเตอร์ มิลาน บาดเจ็บจนไม่อยู่ในทีมชุดนี้ ในขณะที่ ดิว็อค โอริกี้ ที่เงียบฉี่กับ เอซี มิลาน หรือ คริสเตียน เบนเตเก้ ที่ไปแสวงโชคในสหรัฐฯ กับ ดี.ซี. ยูไนเต็ด แล้วนั้น ไม่ถูกเรียกตัวมาติดธง แต่กลับยังมี มิชี่ บัตชูอายี่ (28) ที่ย้ายจาก เชลซี ไปยัง เฟเนร์บาห์เช่ อยู่ในทีม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022โปรตุเกส
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สาธารณรัฐเช็ก (ซิโนโบ, ปร้าก)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สเปน (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

เจ้าของแชมป์ยูโร 2016 ถูกประเมินเป็นเพียง “ม้านอกสายตา” สำหรับการคั่วแชมป์โลกที่กาตาร์ ด้วยฟอร์มที่ดร็อปลงไปค่อนข้างเยอะของตัวชูโรงอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ว่าในขณะเดียวกันยังมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, บรูโน่ แฟร์นันเดส, ชูเอา เฟลิกซ์, ราฟาเอล เลเอา หรือ ดีโอโก้ โชต้า เป็นตัวความหวัง ก็ตาม

 

รายชื่อข้างต้น ต่างยังคงอยู่ในทีมของ แฟร์นันโด ซานโตส ทั้งหมด ส่วนที่หลุดไปมีอาทิ อันเดร ซิลวา (แอร์เบ ไลป์ซิก), กอนซาโล่ เกเดส (วูล์ฟส์), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง), เรนาโต้ ซานเชซ (เปแอสเช) รวมถึง ชูเอา มูตินโญ่ (วูล์ฟส์) ที่อายุปาไป 36 แล้ว

 

สำหรับสถานการณ์ใน เนชั่นส์ ลีก ทีมฝอยทองอยู่ในสถานะเป็นรอง สเปน จากการมีแต้มตามหลัง 1 คะแนน หมายถึงอย่างน้อยต้องชนะ สาธารณรัฐเช็ก เป็นอันดับแรก แล้วก็มีโอกาสสูงที่ยังต้อง “บังคับชนะ” สเปน ในเกมสุดท้ายอีกทีเพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เดนมาร์ก
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โครเอเชีย (มักซิเมียร์, ซาเกร็บ)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฝรั่งเศส (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

อีกหนึ่งชาติยุโรปที่ถูกมองจากหลายฝ่ายว่ามีสิทธิ์ทำเซอร์ไพรส์ ถัดจากการเข้าถึงตัดเชือกยูโร 2020, การตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นชาติที่ 3 (ถัดจาก กาตาร์ และ เยอรมนี) และการลุ้นแชมป์กลุ่ม 1 ลีกเอ อย่างเต็มตัว ด้วยมีโอกาสสูงจะทำสำเร็จ จากการที่มี 9 แต้ม นำหน้าทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2) ที่หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว

 

แต่แม้กระนั้น เกมเยือน โครเอเชีย ในวันพฤหัสบดี สำคัญแบบโคตรๆ เมื่อทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่อาจหลุดแพ้ได้เลย หากพลาดพลั้งขึ้นมามีอันหล่นจากจ่าฝูงทันที แถมนัดสุดท้ายยังต้องเจอของแข็งอย่าง ฝรั่งเศส อีกด้วย

 

ความเปลี่ยนแปลงในขุมกำลังของ ฮูลมันด์ มีเยอะ–ในหน้าตลาด เมื่อหลายต่อหลายแข้งคนสำคัญถึงเวลาเปลี่ยนสังกัด ไม่ว่าจะ คริสเตียน เอริคเซ่น, แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มิคเคล ดัมส์การ์ด, มาร์ติน เบรธเวท หรือ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

 

แต่พวกที่เอ่ยถึงทั้งหมดต่างยังคงอยู่เป็นแกนของทีมโคนมตามปกติ ที่หลุดไปไม่โดนเรียกมีอาทิ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ยุสซูฟ ยูรารี่ โพลเซ่น, ยาค็อบ บรุนน์ ลาร์เซ่น, ปิโอเน่ ซิสโต้, โมฮาเหม็ด ดารามี่

 

ส่วนทาง อันเดรียส คอร์เนเลียส, โรเบิร์ต สคอฟ, โยนาส วินด์, คริสเตียน นอร์การ์ด บาดเจ็บทั้งหมด

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022บราซิล
23/09 อุ่นเครื่องพบ กาน่า (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ตูนิเซีย (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)

 

ที่จริงแล้ว ฟีฟ่า ได้สั่งให้ บราซิล มาลงเตะรีแมตช์กับ อาร์เจนติน่า (เกมเจ้าปัญหาเมื่อ 5 ก.ย. 2021 คู่นี้ลงสนามกันแค่ 5 นาทีก็โดนแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบราซิล จนลุกลามบานปลายเป็นการวอล์คเอาต์ของแข้งฟ้าขาว และเกมต้องยกเลิกในที่สุด) ในเบรคทีมชาติงวดนี้ แต่ปรากฏว่าทั้ง บราซิล และ อาร์เจนติน่า ได้ปฏิเสธการลงเล่นเกมนี้ซ้ำ เมื่อต่างก็มองไม่เห็นว่าการรีแมตช์จะเกิดประโยชน์อันใด สู้ปล่อยให้แยกกันไปเล่นเกมลับแข้ง เตรียมทีมสู้ศึกบอลโลก จะเป็นเรื่องดีกับทั้งสองมากกว่า

 

ตีเต้ ที่ถูไม้ถูมือจะนำทีมครองแชมป์โลกให้ได้ในรอบ 20 ปี กำลังมีตัวเลือกนักเตะดีๆ ล้นมือ จนทำให้ต้องหมางเมินหลายๆ คนไป ไม่ว่าจะ กาเบรียล เชซุส, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อาร์ตูร์ เมโล่, เฟลิเป้ มอนเตโร่, ดานี่ อัลเวส แต่กลุ่มนี้ก็ยังอยู่ในข่ายพิจารณาไปฟุตบอลโลก 2022 อยู่ (หรือบางคนก็จะได้ไปแน่ๆ แต่แค่ว่า “ได้พัก” สำหรับเดือนนี้เท่านั้นเอง)

 

ประเด็นของทีมชุดล่าสุดนี้ คงมีประมาณ 2 ข้อ
1) แนวรุก ต่อให้ไม่นับ เปโดร ตัวใหม่จากฟลาเมงโก้ ก็ยังยืนเบียดไหล่ชนไหล่ ใครจะลงใครจะนั่ง เป็นเรื่องปวดหัวของ ตีเต้ ดีแท้
เนย์มาร์ (เปแอสเช) 119 นัด / 74 ประตู
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล) 55 / 17
ริชาร์ลิซอน (สเปอร์ส) 36 / 14
วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด) 14 / 1
ราฟินญ่า (บาร์เซโลน่า) 9 / 3
อันโตนี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด) 9 / 2
มาเตอุส คุนญ่า (แอตฯ มาดริด) 7 / 0
โรดรีโก้ โกเอส (เรอัล มาดริด) 5 / 1

 

กับ 2) ทั้งที่ตัวเลือกมีบานเบอะ ตรงกลาง เฟร็ด ก็ยังอุตส่าห์จะติดอยู่อีก!

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อาร์เจนติน่า
23/09 อุ่นเครื่องพบ ฮอนดูรัส (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)
27/09 อุ่นเครื่องพบ จาไมก้า (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)

 

เช่นเดียวกันกับ บราซิล ที่เกมรีแมตช์ “ซูเปอร์กลาซิโก้” ระหว่างคู่รักคู่แค้นแดนละติน ได้ถูกยกเลิกคิวไปแม้ ฟีฟ่า จะสั่งการมา

 

อาร์เจนติน่า วางโปรแกรมเล่นในเบรคทีมชาติงวดนี้เอาไว้ 2 นัด เป็นการยกพลไปเก็บตัวและลงสนามที่สหรัฐอเมริกา โดยจะเล่นที่ ไมอามี่ ฟลอริด้า และ แฮร์ริสัน นิว เจอร์ซี่ย์ ตามลำดับ

 

ทีมฟ้าขาวตั้งใจเรียก 2 ทีมจากคอนคาเคฟอย่าง ฮอนดูรัส และ จาไมก้า มาทดสอบฝีเท้าลองเชิง ก่อนที่ในรอบสุดท้ายพวกเขาจะต้องดวลกับ เม็กซิโก มหาอำนาจของโซนคอนคาเคฟ ในเกมที่ 2 นั่นเอง (นอกเหนือจากการพบ ซาอุฯ และ โปแลนด์)

 

สำหรับทีมชุดนี้ของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ยังคงนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ เช่นเดิม ร่วมด้วยซูเปอร์สตาร์ชื่อคุ้นหูอย่าง เปาโล ดีบาล่า, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย, อเลฮานโดร โกเมซ, ลิซานโดร มาร์ติเนซ หรือประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

ส่วนที่หลุดออกไปมีอาทิ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ (นาโปลี), ลูคัส อลาริโอ (แฟร้งค์เฟิร์ต), มานูเอล ลันซินี่ (เวสต์แฮม), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์), ฮวน ฟอยธ์ (บียาร์เรอัล) ที่แน่นอนว่าพวกนี้ก็คงต้องเร่งฟอร์มในระดับสโมสรช่วงโค้งสุดท้ายกันหน่อย ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกแหงๆ

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ญี่ปุ่น
23/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ สหรัฐอเมริกา (สนามกลางที่เยอรมนี)
27/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ เอกวาดอร์ (สนามกลางที่เยอรมนี)

 

โยกมาดูทางฝั่งเอเชียกันบ้างพอกล้อมแกล้ม “ซามูไรสีน้ำเงิน” วางคิวช่วงนี้เป็นทัวร์นาเมนต์พิเศษ กิริน ชาลเลนจ์ คัพ โดยเชิญ สหรัฐอเมริกา กับ เอกวาดอร์ มาเป็นแขก ซึ่งจะลงเล่นกันที่ ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี

 

กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ปรับทัพพอสมควร เปิดที่ทางให้นักเตะจากเจลีกมาติดทีมหลายราย ส่วนตัวนอกที่เล่นในลีกยุโรป ถูกเมินไปหลายคนจนน่าอิจฉาในทรัพยากรอันเพียบพร้อม ไม่ว่าจะ ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุ่ม), เคนโตะ ฮาชิโมโตะ (อวยส์ก้า), โค อิตาคุระ (กลัดบัค), นาโอมิจิ อุเอดะ (นีมส์) หรือ เซอิ มุโรยะ (ฮันโนเวอร์)

 

แต่แม้จะเมินไปอื้อ ตัวนอกอีกหลายต่อหลายรายก็ยังคงอยู่เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะ 3 แข้งเซลติก เคียวโง ฟุรุฮาชิ – ไดเซน มาเอดะ – เรียว ฮาตาเตะ, ริตสึ โดอัน (ไฟรบวร์ก), ไดจิ คามาดะ (แฟร้งค์เฟิร์ต), ทาคุมิ มินามิโนะ (โมนาโก), ทาเคฟุสะ คุโบะ (โซเซียดัด), เกงกิ ฮารางูจิ (อูนิโอน), กาคุ ชิบาซากิ (เลกาเนส), วาตารุ เอนโดะ (สตุ๊ตการ์ท), ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (อาร์เซน่อล) หรือกัปตันทีม มายะ โยชิดะ ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ ชาลเก้ ในวัย 34

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เกาหลีใต้
23/09 อุ่นเครื่องพบ คอสตาริกา (โกยัง สเตเดี้ยม, โกยัง)
27/09 อุ่นเครื่องพบ แคเมอรูน (โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม, โซล)

 

นัด คอสตาริกา กับ แคเมอรูน มาลับแข้ง เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนต้องเจอ อุรุกวัย, กาน่า และ โปรตุเกส ในรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

โสมขาวของกุนซือ เปาโล เบนโต้ แทบไม่เปลี่ยนทีมจากชุดก่อนๆ นำโดย ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมจากสเปอร์ส ที่เพิ่งจัดแฮตทริกใส่เลสเตอร์ และตัวลีกยุโรปเพียบ ไม่ว่า ฮวาง ฮี-ชาน (วูล์ฟส์), อี แจ-ซุง (ไมนซ์), จอง วู-ยอง (ไฟรบวร์ก), อี คัง-อิน (มายอร์ก้า), ฮวาง อุย-โจ (โอลิมเปียกอส) หรือ คิม มิน-แจ (นาโปลี)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022กาตาร์
20/09 อุ่นเครื่องพบ โครเอเชีย ยู-23 (สนามกลางที่ออสเตรีย)
23/09 อุ่นเครื่องพบ แคนาดา (สนามกลางที่ออสเตรีย)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ชิลี (สนามกลางที่ออสเตรีย)

 

ปิดท้ายที่เจ้าภาพ กาตาร์ ซึ่งเดินหน้าเตะลับแข้งแบบรัวๆ ทั้งอุ่นเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยเดือนนี้จัดไปเน้นๆ 3 นัด (เตะที่ออสเตรียทั้งหมด) ก่อนที่เดือน พ.ย. จะจัดอีก 2 นัด พบ ปานามา และ อินเดีย ก่อนรอบสุดท้ายมาถึงช่วงปลายเดือน

 

ส่วนในแง่ขุมกำลัง เฟลิกซ์ ซานเชซ กุนซือทัพ The Maroon ไม่อาจปรับเปลี่ยนอะไรได้มาก เมื่อไม่ได้มีตัวส่งออกไปเล่นลีกยุโรปอย่างใครเขา ทัพนักเตะชุดนี้ 100% เป็นตัวในลีกกาตาร์เองทั้งหมด และแข้งหน้าเดิมๆ เช่น อัลโมเอซ อาลี, ฮัสซัน อัล-ไฮดอส, อัคราม อาฟีฟ, อับดุลลาซิซ ฮาเต็ม, อับเดลคาริม ฮัสซัน มาตามนัดทั้งหมด

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

สรุปโปรแกรมเบรคทีมชาติเดือนกันยายน 2022

พุธ 21/09

FM เวียดนาม – สิงคโปร์ 19:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สกอตแลนด์ – ยูเครน 01:45

 

พฤหัสบดี 22/09

FM ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ 17:00
FM เวเนซุเอล่า – ไอซ์แลนด์ 23:00
UNL โครเอเชีย – เดนมาร์ก 01:45
UNL ฝรั่งเศส – ออสเตรีย 01:45
UNL เบลเยียม – เวลส์ 01:45
UNL โปแลนด์ – เนเธอร์แลนด์ 01:45
UNL คาซัคสถาน – เบลารุส 21:00
UNL ลิธัวเนีย – หมู่เกาะแฟโร 01:45
UNL ตุรเคีย – ลักเซมเบิร์ก 01:45
UNL สโลวาเกีย – อาเซอร์ไบจาน 01:45
UNL ลัตเวีย – มอลโดว่า 23:00
UNL ลิกเตนสไตน์ – อันดอร์ร่า 01:45
KC ตรินิแดดฯ – ทาจิกิสถาน 17:30
KC ไทย – มาเลเซีย 20:30

 

ศุกร์ 23/09

FM เกาหลีใต้ – คอสตาริกา 18:00
FM ญี่ปุ่น – สหรัฐอมริกา 19:25
FM อิหร่าน – อุรุกวัย 23:00
FM กาตาร์ – แคนาดา 00:00
FM ปารากวัย – ยูเออี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – เอกวาดอร์ 01:00
FM บราซิล – กาน่า 01:30
FM โมร็อกโก – ชิลี 02:00
FM แอลจีเรีย – กินี 02:00
UNL เยอรมนี – ฮังการี 01:45
UNL อิตาลี – อังกฤษ 01:45
UNL บอสเนียฯ – มอนเตเนโกร 01:45
UNL ฟินแลนด์ – โรมาเนีย 01:45
UNL จอร์เจีย – มาซิโดเนียเหนือ 23:00
UNL บัลแกเรีย – ยิบรอลตาร์ 01:45
UNL เอสโตเนีย – มอลต้า 23:00

เสาร์ 24/09

FM อาร์เจนติน่า – ฮอนดูรัส 07:00
FM แอฟริกาใต้ – เซียร์ร่า ลีโอน 20:00
FM คีร์กีสถาน – รัสเซีย 21:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – โตโก 23:00
FM โบลิเวีย – เซเนกัล 00:00
FM อินเดีย – สิงคโปร์ 19:00
FM ลาว – มัลดีฟส์ 15:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สาธารณรัฐเช็ก – โปรตุเกส 01:45

UNL สเปน – สวิตเซอร์แลนด์ 01:45
UNL อาร์เมเนีย – ยูเครน 20:00
UNL ไอซ์แลนด์ – รัสเซีย (เลื่อน)
UNL สโลวีเนีย – นอร์เวย์ 23:00
UNL สกอตแลนด์ – ไอร์แลนด์ 01:45
UNL อิสราเอล – อัลเบเนีย 01:45
UNL เซอร์เบีย – สวีเดน 01:45
UNL ไอร์แลนด์เหนือ – โคโซโว 23:00
UNL ไซปรัส – กรีซ 01:45

 

อาทิตย์ 25/09

FM โคลอมเบีย – กัวเตมาลา 06:30
FM เม็กซิโก – เปรู 08:00
FM นิวซีแลนด์ – ออสเตรเลีย 10:00
UNL ออสเตรีย – โครเอเชีย 01:45
UNL เดนมาร์ก – ฝรั่งเศส 01:45
UNL เนเธอร์แลนด์ – เบลเยียม 01:45
UNL เวลส์ – โปแลนด์ 01:45
UNL สโลวาเกีย – เบลารุส 23:00
UNL อาเซอร์ไบจาน – คาซัคสถาน 23:00
UNL หมู่เกาะแฟโร – ตุรเคีย 01:45
UNL ลักเซมเบิร์ก – ลิธัวเนีย 01:45
UNL อันดอร์ร่า – ลัตเวีย 20:00
UNL มอลโดว่า – ลิกเตนสไตน์ 20:00
KC นัดชิงที่ 3 17:30
KC นัดชิงชนะเลิศ 20:30

 

จันทร์ 26/09

UNL อังกฤษ – เยอรมนี 01:45
UNL ฮังการี – อิตาลี 01:45
UNL มอนเตเนโกร – ฟินแลนด์ 01:45
UNL โรมาเนีย – บอสเนียฯ 01:45
UNL ยิบรอลตาร์ – จอร์เจีย 01:45
UNL มาซิโดเนียเหนือ – บัลแกเรีย 01:45
UNL ซานมาริโน่ – เอสโตเนีย 01:45

 

อังคาร 27/09

FM เม็กซิโก – โคลอมเบีย 09:00
FM เกาหลีใต้ – แคเมอรูน 18:00
FM เอกวาดอร์ – ญี่ปุ่น 18:55
FM แอฟริกาใต้ – บอตสวาน่า 20:00
FM แคนาดา – อุรุกวัย 23:00
FM บาห์เรน – ปานามา 23:00
FM กาตาร์ – ชิลี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – สหรัฐอเมริกา 01:00
FM อุซเบกิสถาน – คอสตาริกา 01:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – กินี 01:00
FM บราซิล – ตูนิเซีย 01:30
FM ปารากวัย – โมร็อกโก 02:00
FM แอลจีเรีย – ไนจีเรีย 02:00
UNL โปรตุเกส – สเปน 01:45
UNL สวิตเซอร์แลนด์ – สาธารณรัฐเช็ก 01:45
UNL ไอร์แลนด์ – อาร์เมเนีย 01:45
UNL ยูเครน – สกอตแลนด์ 01:45
UNL อัลเบเนีย – ไอซ์แลนด์ 01:45
UNL รัสเซีย – อิสราเอล (เลื่อน)
UNL นอร์เวย์ – เซอร์เบีย 01:45
UNL สวีเดน – สโลวีเนีย 01:45
UNL กรีซ – ไอร์แลนด์เหนือ 01:45
UNL โคโซโว – ไซปรัส 01:45

 

พุธ 28/09

FM จาไมก้า – อาร์เจนติน่า 07:00
FM เปรู – เอล ซัลวาดอร์ 07:00
FM ฮอนดูรัส – กัวเตมาลา 08:00

หมายเหตุ – UNL ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก / FMเกมอุ่นเครื่อง / KC คิงส์คัพ

 

 

อ้างอิง
Soccerway
WIKIPEDIA
The Statesman

ภาพประกอบ
Sports Brief
Footy Headlines
Goal

ทีมชาติเยอรมนี ฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติ เยอรมนี เปิดเบื้องหน้า เบื้องหลังของทีมในฟุตบอลโลก 2022 ให้สัมผัสแบบจัดเต็ม ในสารคดีชุด ‘All Or Nothing’ ทางแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ

ทีมชาติเยอรมนีเตรียมเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอล ที่เรื่องราวการทำงานของทีมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง จะถูกนำมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์สารคดี โดยเน้นการทำงานในฟุตบอลโลก 2022 โดยสารคดีเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์กีฬา ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เรื่อง ‘All Or Nothing’ ที่ปล่อยมาให้ชมกันทางบริการสตรีมิงของแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ

โดยสารคดีกีฬาชุด ‘All Or Nothing’ เป็นงานที่สร้างโดยแอมะซอน สตูดิโอ และปล่อยให้ชมทางสตรีมิงแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ โดยในแต่ละฤดูฉาย (หรือซีซัน – Season) จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวสโมสรกีฬาอาชีพหรือว่าทีมชาติ ซึ่งปล่อยออกมาให้ชมครั้งแรกในปี 2016 ด้วยเรื่อง ‘All or Nothing: A Season with the Arizona Cardinals’ ซึ่งเป็นเรื่องของทีมอเมริกันฟุตบอล ในแต่ละเรื่องของสารคดีชุดนี้จะนำเสนอการทำงาน, การฝึกซ้อม และการแข่งขันของทีม, ผู้เล่น แล้วก็โค้ช ทีมอื่น ๆ ที่ถูกนำเสอให้ชมกันแล้วก็มี ดัลลัส คาวบอยส์, แคโรไลน่า แพนเธอร์ส, ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์, ลอส แอนเจลีส แรมส์, ทีมรักบี้นิว ซีแลนด์, โทรรอนโท เมเปิ้ล ลีฟส์, ทีมฟุตบอลบราซิล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, ยูเวนตุส และอาร์เซนอล

All or Nothing: A Season with the Arizona Cardinals

‘All or Nothing: A Season with the Arizona Cardinals’ ซีรีส์เรื่องแรกของสารคดีชุด ‘All Or Nothing’ (ภาพ: Prime Video)

ภาพยนตร์สารคดี ‘All Or Nothing’ ที่ว่าด้วยฟุตบอลโลก 2022 ของทีมชาติเยอรมนี จะมีความยาวทั้งหมด 6 ตอน และจะเกาะติดการทำงานของทีมอินทรีเหล็กกันตั้งแต่ช่วงของการเตรียมทีม สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ และลากยาวไปจนถึงการทำงานในทัวร์นาเมนต์

นอกจากนี้เรื่องราวที่เกี่ยวกับฟุตบอลโลก 2022 แล้ว ยังมีรายงานว่า เนื้อหาของซีรีส์ ‘All Or Nothing’ จะกินความย้อนไปถึงเหตุการณ์ในฟุตบอลยูโร 2020 ที่ทีมชาติเยอรมนีพ่ายคู่ปรับเก่า อังกฤษ ตกรอบรอบ 16 ทีมสุดท้าย

โดยคอนเซ็ปต์ของสารคดีเรื่องนี้ จะอยู่ที่การนำเสนอว่า ทีมเยอรมนีจะกลับมาสู่ความสำเร็จอีกครั้งได้หรือไม่? และอย่างไร? ซึ่งทั้งทางสมาคมฟุตบอลของเยอรมนี (German Football Association หรือ DFB) และทางแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ ต่างก็หวังว่า ทีมอินทรีเหล็กจะโชว์ฟอร์มในฟุตบอลโลก 2022 ได้ดีกว่าฟุตบอลโลกครั้งก่อน ที่รัสเซีย ซึ่งเยอรมนีเดินทางไปในฐานะแชมป์เก่า แต่กลับตกรอบแรกแบบหมดราศี

ทีมชาติเยอรมนี ฟุตบอลยูโร 2020

แม้จะเข้ารอบน็อคเอาต์ได้สำเร็จ แต่ก็จบแค่รอบนี้ ในยูโร 2020 ที่เยอรมนีต้องกู้ชื่อมาให้ได้ในฟุตบอลโลก 2020 (ภาพ: www.sportsadda.com)

สำหรับการเดินทางมาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ครั้งนี้ ทีมชาติเยอรมนีมาพร้อมบรรดาผู้เล่นมากพรสวรรค์มากกว่าครั้งก่อน ที่มีบรรดาดาวโรยอยู่ในทีมหลายต่อหลายราย โดยมีจามาล มูเซียลา เป็นดาวเด่นในกลุ่มนักเตะเลือดใหม่ ที่พร้อมจะแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022

โดยก่อนหน้านี้สารคดี ‘All Or Nothing’ ของแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ เคยนำเสนอเรื่องราวของสองสโมสรในลีกบุนเดสลีกาของเยอรมนี บาเยิร์น มิวนิก และโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ มาก่อนหน้านี้แล้ว และการนำเสนอเรื่องราวของทีมชาติเยอรมนี จะทำให้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งในสารคดีซีรีส์กีฬาเรื่องดังทางแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอเรื่องนี้

ฮันซี่ ฟลิค ทีมชาติเยอรมัน ฟุตบอลโลก 2022

ฮันซี ฟลิค โค้ชเจ้าของภารกิจ พาทีมชาติเยอรมันนี กลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง (ภาพ: Marcus Brandt/dpa via AP)

“ทีมของแอมะซอนให้การสนับสนุนเราอย่างเต็มที่ และเสนอว่าจะเจาะลึกลงไปในกระบวนการทำงานของพวกเราอย่างพิเศษสุด ๆ” ฮันซี่ ฟลิค โค้ชทีมชาติเยอรมนี กล่าว “สารคดีเรื่องนี้จะติดตามเป้าหมายของเราในการที่จะกลับไปเป็นที่หนึ่งในโลก และแสดงให้เห็นว่าพวกเราทำงานกันหนักแค่ไหน เพื่อจะเดินทางไปถึงจุดนั้น ความท้าทายสำคัญของเรามาพร้อมกับฟุตบอลโลก 2022 มันเป็นการท้าทาย, เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นเป้าหมายสำหรับความสำเร็จ ในท้ายที่สุด พวกเราจะใส่เต็ม และทำทุกอย่าง แล้วก็อยากให้มันไปอยู่ในสารคดีเพื่อแฟน ๆ”

ขณะที่ฟิลลิป แพร็ตต์ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตของแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ เยอรมนี ก็บอกว่า “สมาชิกของแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ มองไปถึงการได้เดินทางไปกับทีมชาติเยอรมนีได้เลย ผู้ชมของเราได้จะรับชมการเจาะลึกที่พิเศษสุด ๆ, ใกล้ชิด และเต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่ทั้งทีมจะร่วมกันปฏิบัติภารกิจคว้าดาวดวงที่ห้าอย่างเต็มที่ ซึ่งบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และพวกเราที่แอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ หวังว่าเรื่องราวจะจบลงแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง”

สำหรับซีรีส์ ‘All Or Nothing’ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลโลก 2022 วางกำหนดปล่อยให้ชมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิดปี 2023 ทางแอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ

ข้อมูล: VERSUS, WIKIPEDIA
ภาพปก: www.planetfootball.com, www.amazon.com

เรื่องน่าอ่าน: ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี เมื่อกระทิงดุ ท้าชนอินทรีเหล็ก ใครจะเป็นที่หนึ่งในสาย