คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?!?

คาริม เบนเซม่าไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์แล้วจะต่อยอดไปถึงการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022ได้หรือไม่?

ไม่ใส่ใจเรื่องทรงผม ไม่สนเรื่องภาพลักษณ์ ไม่เล่นโซเชียลและไม่ได้อยากเป็นข่าว สิ่งที่ คาริม เบนเซม่า ทำมีแค่เรื่องในสนามและการยิงประตู…จนในที่สุดก็ไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์ คำถามคือ จะต่อยอดไปถึงการเป็น “แชมป์โลก” ได้หรือไม่?

 

จากศูนย์ฝึกเยาวชน AS Des Buers Villeurbanne และ Bron ตอนกลางยุค 90 ด.ช. การีม (คาริม) มอสตาฟา เบนเซม่า ในวัย 9 ขวบ ได้รับเชิญจากสโมสรชั้นแนวหน้าอย่าง โอลิมปิก ลียง ให้เข้าทดสอบฝีเท้า ภายหลังเล่นดีจนฟอร์มเข้าตาบรรดาแมวมองทั่วแดนน้ำหอม ด้วยตำแหน่งศูนย์หน้าดาวยิงที่เลือกเล่นตั้งแต่ตอนที่หนวดเครายังไม่ทันขึ้น — ด้วยมีตำนานอย่าง โรนัลโด้ โล้นทองคำแห่งบราซิล เป็นไอดอล

 

และหลังจากฝึกปรือฝีมือในอะคาเดมี่ของลียง (ควบคู่กับการเป็นเด็กเก็บบอลในบางเกมของทีมชุดใหญ่) ได้พักหนึ่ง เจ้าหนูเชื้อสายแอลจีเรียนวัย 17 ก็ได้โอกาสประเดิมเกมกับทีมของ ปอล เลอ กูแอ็น ในระหว่างครึ่งฤดูกาลหลังของ 2004/05 ด้วยการลงสำรองนัดชนะ เม็ตซ์ 2-0 กลางเดือนมกราคม 2005 พร้อมทำแอสซิสต์ได้ 1 ลูกเป็นประเดิมด้วย

 

แม้ว่าซีซั่นถัดมา 2005/06 จะยังไม่ถึงเวลาของการแจ้งเกิดเต็มตัว เมื่อกุนซือที่เข้ามาใหม่อย่าง เชราร์ อุลลิเยร์ เลือกจะไว้ใจบรรดากองหน้ารุ่นพี่ (ซิลแว็ง วิลตอร์, เฟร็ด, ยอห์น คาริว) มากกว่าจนทำให้ เบนเซม่า ได้เล่นแค่ 16 เกม แต่มันก็เป็นปีที่เขาสามารถเริ่ม “นับหนึ่ง” ได้แล้วกับการทำสกอร์ในลีกสูงสุด (รวมถึงมี 1 เม็ดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชนะ โรเซนบอร์ก 2-1) พร้อมกับพูดได้ว่า “มีส่วนร่วม” กับแชมป์ ลีก เอิง สมัยที่ 5 ของสโมสร ในตอนนั้น

 

วันเวลาที่ผ่านไป มาพร้อมกับพรรษาทางฟุตบอลที่แก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง เบนเซม่า สร้างชื่อคับลีกน้ำหอมในซีซั่น 2007/08 ด้วยการกระหน่ำรวม 31 ประตู เป็นทั้งดาวซัลโวสโมสรและดาวซัลโว ลีก เอิง (20 ลูก) ช่วยให้ ลียงลงเป็นยิง ของโค้ชใหม่ (อีกแล้ว) อแล็ง แปร์กแร็ง ซิวดับเบิ้ลแชมป์บอลลีก+บอลถ้วยไปครอง เป็นหนแรกของสโมสร ขณะที่ตัว เบนเซม่า ก็คว้ารางวัลนักเตะแห่งปีลีกเอิงไปนอนกอด

 

ซีซั่นรุ่งขึ้น 2008/09 เบนเซม่า อาจหล่นไปจากมาตรฐานเล็กน้อย ด้วยการยิงรวม 23 ประตู (และ ลียง จบแบบมือเปล่า) แต่ฟอร์มที่ยืนระยะสม่ำเสมอของกองหน้าวัย 21 ก็มากพอที่จะเข้าตามหาอำนาจลูกหนังยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด จนมีการเข้าหา ลียง หลังจบซีซั่น ด้วยข้อเสนอ 35+6 ล้านยูโร ที่แม้จะดูไม่ได้สูงนักแต่ก็จัดเป็น “กำไรล้วน” ของลียง ที่ปลุกปั้น เบนเซม่า มาตั้งแต่เป็นแข้งเยาวชน

 

สำคัญคือ, อย่างที่อาจไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น, เบนเซม่า ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “หน้าตลาดที่ดีที่สุด” ครั้งหนึ่งของทีมชุดขาว สำหรับซัมเมอร์ 2009 ที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้ของดีๆ หลายรายเข้าไปสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับราชันชุดขาวได้โดยตรง

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?นี่คือตัวใหม่ (ส่วนหนึ่ง) ที่ เรอัล มาดริด ได้มาในซัมเมอร์นั้น
1. คาริม เบนเซม่า 35+6 ล้านยูโร จากลียง
2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 94 ล้านจาก แมนฯ ยูไนเต็ด
3. กาก้า 67 ล้านจาก เอซี มิลาน
4. ชาบี อลอนโซ่ 35+5 ล้านจาก ลิเวอร์พูล
5. อัลบาโร่ อาร์เบลัว 4.5 ล้านจาก ลิเวอร์พูล
6. ราอูล อัลบิโอล 15 ล้านจาก บาเลนเซีย

 

น่าสนใจว่าอันที่จริง เบนเซม่า ก็เริ่มต้นเส้นทางการสร้างตำนานใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้อย่างลำบากยากเข็ญมิใช่น้อย เมื่อไหนจะเป็นการย้ายมาเล่นนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรก, ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมและภาษาใหม่, ต้องเจอคู่แข่งอย่งตำแหน่งอย่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน รวมทั้ง ราอูล กอนซาเลซ ที่ยังอยู่เป็นปีสุดท้าย จนกระทั่งสื่อหลักอย่าง มาร์ก้า ขนานนามว่าเขาเป็น “อเนลก้าคนใหม่” ผู้กำลังจะตามรอย นิโกล่าส์ อเนลก้า กองหน้าฝรั่งเศสที่ย้ายจาก อาร์เซน่อล มาสู่ทีมชุดขาวอย่างฮือฮาในปี 1999 แล้วก็ย้ายออกอย่างรวดเร็ว (ไปเปแอสเช) ในเพียงปีเดียวถัดมา

 

ปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ส่งผลให้ เบนเซม่า ยิงได้แค่ 9 ลูกเท่านั้นในปีประเดิมกับ เรอัล มาดริด

 

เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่า มาร์ก้า ได้ส่งพวงมาลัยไปขอขมาลาโทษ เบนเซม่า หรือยัง เมื่อในที่สุดแล้ว หอกผมเกรียนเลือดเฟร้นช์ก็แจ้งเกิดกับ เรอัล มาดริด ได้อย่างสวยงาม — ด้วยต้องให้เครดิตกับยอดโค้ชอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เช่นกัน ที่เข้ามาทำทีมแทน มานูเอล เปเยกรินี่ ในซีซั่น 2010/11 แล้วมอบความไว้วางใจให้กับ เบนเซม่า อย่างเต็มที่ในฐานะหัวหอกตัวเป้า “ตัวเลือกแรก” ในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งมี อังเคล ดิ มาเรีย – เมซุต โอซิล – โรนัลโด้ คอยเดินเครื่องสนับสนุน เบนเซม่า ในขณะที่ อิกวาอิน กับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เป็นตัวเลือกรองลงมา (ส่วน ราอูล ย้ายไปชาลเก้)

 

ปีนั้น เบนเซม่า ได้เล่นมากถึง 48 นัด และตอบแทนความไว้วางใจนั้นด้วยการผลิตสกอร์ 26 ลูก — มากกว่านี้มีแค่ โรนัลโด้ ร่างซูเปอร์ไซย่า ที่กดรวม 53 ประตูในทุกรายการ

 

และโดยไม่มีการหันหลังกลับ เบนเซม่า ไม่เคยหลุดจากตำแหน่งของเขาอีกเลย ไม่ว่าทีมจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เพื่อนร่วมทีมคนใดย้ายเข้าย้ายออก รวมถึงว่ามีกุนซือสักกี่คนที่หมุนเวียนกันเข้ามาทำหน้าที่ใน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

 

ไม่ใส่ใจเรื่องทรงผม ไม่สนเรื่องภาพลักษณ์ ไม่เล่นโซเชียลและไม่ได้อยากเป็นข่าวกอสซิปซุบซิบบนหน้าสื่อ สิ่งที่ เบนเซม่า ทำมีแค่เรื่องในสนามและการยิงประตู

จนในที่สุดก็ไปถึงรางวัล บัลลง ดอร์ 2022

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?บัลลง ดอร์ 2022
1. คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด / ฝรั่งเศส)
2. ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล-บาเยิร์น / เซเนกัล)
3. เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้ / เบลเยียม)
4. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น-บาร์เซโลน่า / โปแลนด์)
5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล / อียิปต์)

 

ว่ากันว่ามีอยู่ 5-6 เหตุผลด้วยกันที่ทำให้ลูกบอลทองคำ รางวัลที่ถือเป็นเกียรติยศส่วนตัวลำดับสูงสุดของแข้งอาชีพ ตกเป็นของกองหน้าวัย 34 อย่าง เบนเซม่า ในการประกาศเป็นทางการเมื่อ 17 ตุลาคม

 

1. การยิงกระจายถึง 44 ประตู (บวกกับ 15 แอสซิสต์) จากการลงสนาม 46 นัดของซีซั่นก่อน ช่วยให้ เรอัล มาดริด เป็นทั้งแชมป์ ลา ลีกา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และซูเปร์โกปา เด เอสปันย่า

 

2. จำนวนสกอร์ 44 ลูกนั่น เท่ากับค่าเฉลี่ยพังตาข่ายได้ในทุก 66.42 นาที

 

3. เฉพาะใน ลา ลีกา หนุ่มเบนซ์ยิงไป 27 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์ หรือคือมีส่วนร่วมกับประตูที่ เรอัล มาดริด ทำได้ถึง 48.75%

 

4. ยิง 15 ประตูใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นก่อน โดยมีถึง 2 แฮตทริกระหว่างทาง คือในเกมอัด เปแอสเช 3-1 ที่มาดริด และบุกชนะ เชลซี 3-1 ที่ลอนดอน

 

5. ผลงานในทีมชาติฝรั่งเศสก็แจ๋ว ยิงไป 6 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 10 เกม อันรวมถึงการยิงประตูใส่ สเปน ช่วยให้ตราไก่เบียดชนะ 2-1 ครองแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2021

 

6. รอบปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครที่โดดเด่นเท่า เบนเซม่า จริงๆ นั่นแหละ (เมื่อคู่ยอดมนุษย์ เมสซี่ & โรนัลโด้ ดร็อปไปตามกาลเวลา) โดยในแง่ของการกระทุ้งตาข่าย อาจมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงเป็นบ้าเป็นหลัง 50 ลูกกับบาเยิร์น และ 14 ลูกกับบาร์เซโลน่า ซีซั่นนี้ แถมยังมีอีกนับสิบลูกกับทีมชาติโปแลนด์ แต่ก็มีเพียงแชมป์บุนเดสลีกา รายการเดียวเท่านั้นที่ เลวาน ได้ไป

 

…ทีนี้ คำถามสำคัญก็คือ เบนเซม่า จะสามารถต่อยอดรางวัลบอลทองคำของตัวเองนี้ ไปสู่การเป็น “แชมป์โลก” ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ได้หรือไม่

 

คาริม เบนเซม่า : บัลลงดอร์แล้วต่อยอดถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?!?

 

(สำหรับในทีมตราไก่ ถือได้ว่า เบนเซม่า มีเส้นทางที่ไม่ราบเรียบเอาเลย นับตั้งแต่เริ่มต้นติดธงชุดใหญ่ปี 2007 และไม่ประสบความสำเร็จกับทัวร์นาเมนต์ใด รวมถึงโดนกาชื่อทิ้งอดไปบอลโลก 2010 ก็มาเจอคดีอื้อฉาว ว่ากันว่าเพื่อนวัยเด็กของ เบนเซม่า ได้ติดต่อผ่านเขาเพื่อขู่เรียกเงินจาก มาติเยอ วัลบูเอน่า แลกกับเซ็กซ์เทปของมิดฟิลด์ร่างเล็ก จนสุดท้ายมีการดำเนินคดียกแก๊ง และ เบนเซม่า โดนแบนกลายๆ ไม่ถูกเรียกติดธงตลอดช่วงปี 2016-2020)

 

(แต่แล้ว ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ต้านทานความร้อนแรงของ เบนเซม่า ไม่ไหว เรียกคืนธงตอนกลางปี 2021 เพื่อไปเล่นยูโร 2020 ซึ่งหัวหอกเคราเฟิ้มก็จัดให้ 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์ จน เบนเซม่า มีที่มีทางในทีมชาติเป็นการถาวรอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน)

 

ลองย้อนไปดูนักเตะที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ ในปีฟุตบอลโลก กันหน่อย

 

รางวัล บัลลงดอร์ ในปีฟุตบอลโลก / แชมป์โลก
1958 เรย์มงด์ โกปา (ฝรั่งเศส) / บราซิล
1962 โยเซฟ มาโซปุสต์ (เช็ก) / บราซิล
1966 บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน (อังกฤษ) / อังกฤษ
1970 แกร์ด มุลเลอร์ (เยอรมนี) / บราซิล
1974 โยฮัน ครัฟฟ์ (เนเธอร์แลนด์) / เยอรมนีตะวันตก
1978 เควิน คีแกน (อังกฤษ) / อาร์เจนติน่า
1982 เปาโล รอสซี่ (อิตาลี) / อิตาลี
1986 อีกอร์ เบลานอฟ (สหภาพโซเวียต) / อาร์เจนติน่า
1990 โลธ่าร์ มัทเธอุส (เยอรมนี) / เยอรมนีตะวันตก
1994 ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ (บัลแกเรีย) / บราซิล
1998 ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส) / ฝรั่งเศส
2002 โรนัลโด้ (บราซิล) / บราซิล
2006 ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (อิตาลี) / อิตาลี
2010 ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) / สเปน
2014 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) / เยอรมนี
2018 ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย) / ฝรั่งเศส
2022 คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส) / ……

 

จะเห็นได้ว่า รางวัลบัลลงดอร์ในปีฟุตบอลโลก (หลังเปลี่ยนกฎยอมรับนักเตะนอกยุโรป) ก่อนที่จะมาถึงยุคของ เมสซี่ & โรนัลโด้ ก็สอดคล้องกันดีกับนักเตะที่ได้แชมป์โลก

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะนำเอามาเป็นน้ำหนักกะเกณฑ์อะไรก็คงไม่ได้ เมื่อตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา บัลลง ดอร์ แจกรางวัลกันในช่วงปลายปี–หลังจากที่ ฟุตบอลโลก โรมรันสาดแข้งได้บทสรุปไปเรียบร้อยแล้วตอนกลางปี แตกต่างจากปีนี้ที่ เวิลด์ คัพ ฉบับพิเศษ ยังเดินทางมาไม่ถึง

 

ดังนั้น นั่นหมายความว่า เจ้าของบัลลง ดอร์ 2022 จะเผชิญชะตากรรมอย่างไรใน ฟุตบอลโลก 2022 ก็ยังไม่อาจล่วงรู้ได้

 

และเป็นหน้าที่ของ เบนเซม่า & ชาวคณะตราไก่ เพียงเท่านั้น ที่จะต้องรวมพลังกันไปให้ถึงฝั่งฝัน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ ฟอร์มระยะหลังของ ตราไก่ ในมือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ก็ออกทรงน่าละเหี่ยใจ มีเสียวสันหลังอย่างไรไม่รู้ — 6 เกมหลังชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 3 สำคัญคือ แพ้ เดนมาร์ก แบบไปกลับ ก่อนที่จะต้องเจอกันอีกหนในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง 26 พ.ย.

 

เช่นเดียวกับปัจจัยเรื่องความพร้อม อย่างที่เคยได้เอ่ยไว้ในเรื่อง “เบรคสุดท้าย…ก่อนฟุตบอลโลก 2022” ว่า ฝรั่งเศส ต้องลงเตะ เนชั่นส์ ลีก 2 แมตช์สุดท้ายอันเป็นเสมือนเกมเตรียมความพร้อมก่อนลุยบอลโลก แบบไม่มีตัวหลักเกินสิบราย (ในจำนวนนี้ก็คือ เบนเซม่า ด้วย) ที่บาดเจ็บ จนมาถึงข่าวล่าสุดอย่างการเสียคีย์แมนแดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เจ็บหนักพักยาว อดไปฟุตบอลโลกเรียบร้อยแล้วหนึ่งหน่อ

 

ไหนเลยจะยังมี “อาถรรพ์แชมป์เก่า” ว่าบอลโลก 3 หนหลัง แชมป์เก่าล้วน ตกรอบแรก เรียบวุธ (อิตาลี, สเปน, เยอรมนี) และบอลโลก 5 ครั้งหลัง แชมป์เก่าตกรอบแรกไป 4 หน

 

จึงไม่มีการันตีอะไรเลยว่า ฝรั่งเศส จะมีทัวร์นาเมนต์ที่ดีในฟุตบอลโลก 2022

 

ฉะนั้น ขึ้นอยู่กับอาวุธสำคัญอย่าง เบนเซม่า รวมถึง คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คิงสลี่ย์ โกม็อง, คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู ฯลฯ ว่าจะรีดเค้นฟอร์มระดับท็อปออกมาส่งเสริมกันและกันได้ดีเพียงใด

 

ว่ากันตามตรง บัลลงดอร์ ไม่ได้หมายความถึง แชมป์โลก

 

เบนเซม่า ในฐานะผู้นำเกมรุกฝรั่งเศส จึงต้องสวมหัวใจสิงห์สู้กันนัดต่อนัด นำพาทีมเอาชนะ “เกมชิงชนะเลิศทั้ง 7” (รอบแรก 3 + น็อกเอาต์อีก 4) ให้ได้ในตลอดรายการที่กาตาร์ นั่นต่างหากถึงจะเจอเส้นชัยที่ใฝ่หา

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Onmanorama
WGOQATAR
Eurosport

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

“หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง”

ไปร่วมทัวร์นาเมนต์ในฐานะตัวเต็งเบอร์ต้นๆ แต่ก็เป็นความท้าทายไม่ใช่น้อย — แต่ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ก็ตั้งความหวังไว้ด้วยใจมาดมั่นว่า สเปน จะผงาดแชมป์โลกได้อีกครั้ง…ที่กาตาร์!

 

จากวันแรกของการเข้ารายงานตัวรับใช้ชาติ ตอนต้นปี 2009 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ได้ทำให้แดนกลางของ สเปน แข็งแกร่งและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพไม่แพ้ บาร์เซโลน่า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในยุคสมัยของเขา

 

จากนัดแรกสู่ 10 เกม, 20, 30, 50 จนถึง 100 และทะลุร้อยไปสู่ 139 บุสเก็ตส์ ได้ชูโทรฟี่แชมป์ในสีเสื้อกระทิงดุมาแล้ว 2 หน คือแชมป์โลก 2010 กับแชมป์ยูโร 2012

 

และจากชุดแชมป์โลกที่แอฟริกาใต้นั่น มิดฟิลด์ก้านยาวชาวกาตาลัน ก็หลายเป็นเพียง “ผู้เหลือรอดรายสุดท้าย” เพียงรายเดียวที่ยังเฝ้าอดเฝ้าทนรับใช้ชาติอยู่ ในขณะที่เพื่อนเก่าอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ, การ์เลส ปูโยล, อิเกร์ กาซิยาส, ชาบี อลอนโซ่, ดาบิด บีย่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส ฯลฯ เลิกเล่นไปเลี้ยงหลานกันหมดแล้ว

 

ไม่ต้องสงสัย การอยู่โยงเล่นให้ สเปน ถึงวัย 34 ของ บุสเก็ตส์ ต้องมีเป้าหมายบางอย่าง

 

บางอย่างที่ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน — “ผมหวังว่าเราจะครองแชมป์โลกได้อีกครั้ง” เป็นการทิ้งทวนก่อนรีไทร์ตัวไปอีกคน…

 

 

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

 

คุณเล่นให้ทีมชาติมานานมาก ผ่านช่วงเวลาและอะไรๆ มากมายกับสเปน จนมาถึงทีมชุดปัจจุบันที่เตรียมจะไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 คุณมองเห็นอะไรจากทีมชุดนี้บ้าง?
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ : ดีเลย พวกเราเป็นกลุ่มนักเตะอายุน้อย แต่เราก็มีผู้เล่นที่มากประสบการณ์บางคน เช่นตัวผมเองอยู่ และผมคิดว่ามันเป็นส่วนผสมที่ดีมาก ทุกคนรู้บทบาทของตัวเองดี และทุกคนอยากมีส่วนร่วมและนำบางสิ่งมาสู่ทีม นั่นทำให้เรามีระดับการแข่งขันสูงภายในทีม

 

สำหรับผู้เล่นอายุน้อย พวกเขากระตือรือร้นที่จะเล่น พวกเขามีความทะเยอทะยานสูง และเต็มใจที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ทัวร์นาเมนต์เหล่านั้นมอบให้คุณ ซึ่งผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากกว่าก็สามารถให้คำแนะนำแก่พวกเขาได้ พวกเขาเต็มใจที่จะทำทั้งหมดนั้น และทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นมากสำหรับผู้จัดการทีมและสำหรับทีมโดยภาพรวม

 

คุณคาดหวังอะไรกับสเปน ในทุกครั้งที่ลงเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เช่นฟุตบอลโลก?
เรามีความคาดหวังสูงเสมอนั่นแหละ เพราะกองเชียร์สแปนิชคาดหวังให้เราดีที่สุดเสมอ และผมคิดว่านั่นก็คือสิ่งที่ควรจะเป็น ชัดเจนว่าเรามีช่วงเวลาที่ดีมากตอนที่เราคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัยและฟุตบอลโลก แต่หลังจากนั้นมาเราก็ต้องผิดหวังกันหลายครั้ง แต่มาถึงตอนนี้ ผมคิดว่าเราได้ให้ความหวังกับผู้คนอีกครั้ง และพวกเขาก็กลับมาสนใจอีกครั้งเช่นกัน ผมมั่นใจว่าคู่ต่อสู้ของเราจะยำเกรงเรา และแฟนๆ ของเราก็จะสนับสนุนเราเต็มที่ ดังนั้นเราหวังว่าทุกอย่างจะเป็นปรากฎการณ์ เราหวังว่าเราจะเล่นได้ตามสไตล์ของเรา ซึ่งนำเรามาที่นี่ ที่ฟุตบอลโลก และผมหวังว่าเราจะสามารถทำตามความคาดหวังของทุกคนได้

 

คุณลงสนามให้กับทีมชาติมาแล้วมากกว่า 139 นัด ซึ่งปรากฏว่า คุณได้กลายเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เหลืออยู่จากทีมชุดแชมป์โลก 2010…
มันคงเป็นกฎของฟุตบอลและก็ของชีวิตด้วย ใช่ไหมล่ะ? ผมหมายถึงความจริงที่ว่า แต่ละปีล้วนผ่านไปสำหรับทุกคน ย้อนกลับไปตอนนั้น ผมเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดหรือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมชาติชุดแชมป์โลก มาตอนนี้ผมกลายเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงที่สุดคนหนึ่ง ดังนั้นผมจึงภูมิใจมากที่ตัวเองได้โอกาสก้าวข้ามสิ่งต่างๆ มาตลอดช่วงเวลานั้น และมีที่ทางในทีมชาติที่มีโปรแกรมลงสนามเล่นเกมและทัวร์นาเมนต์มากมาย

 

ดังนั้น ตอนนี้ผมจะพยายามช่วยทีมอย่างเต็มที่ ผมหวังว่าเราจะสามารถครองแชมป์โลกได้อีกครั้ง แต่เรารู้ว่ามันจะยากมาก อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ขีดฆ่ามันทิ้งไปเด็ดขาด เพราะเรารู้ว่าเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งและศักยภาพสูงในระดับนานาชาติ เรารู้ว่าเราสามารถไปได้ไกล อย่างที่เราทำได้ในทัวร์นาเมนต์หลังๆ

 

คุณมีบทบาทอย่างไรในทีม? คุณต้องคอยให้คำแนะนำน้องๆ หรือไม่?
ใช่ เพราะนอกเหนือจากความจริงที่ว่าผมได้เข้าชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับ สเปน มาแล้ว ผมยังมีประสบการณ์มากมายกับทีมชาติไม่ว่าจะในแง่ดีหรือเลวร้าย ผมจะพยายามช่วยทีมจากจุดของผม ไม่ใช่แค่ในฐานะกัปตันทีม แต่รวมถึงในฐานะผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในเกมและทัวร์นาเมนต์แบบนี้ด้วย

 

ผมไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า แต่มีการพูดเกี่ยวกับคุณว่า “คุณสามารถดูเกมทั้งเกมและคุณอาจไม่เห็น บุสเก็ตส์ แต่ถ้าคุณดูการเล่นของ บุสเก็ตส์ คุณจะเห็นเกมทั้งเกม” คุณคิดว่าอย่างไร?
ดี ผมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมากในแผนการของทั้งสโมสรและทีมชาติ ผมเล่นในตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญของเกมการแข่งขัน ผมยังต้องคอยออร์แกไนซ์ทีม สั่งงาน พยายามช่วยเพื่อน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ และผมคิดว่าท้ายที่สุด ผมไม่รู้ว่าตำแหน่งของผมสำคัญที่สุดในแง่ของสถิติการทำประตูและผลการแข่งขันหรือไม่ แต่ผมคิดว่าการมีทีมที่กะทัดรัดและแข็งแกร่ง มันสำคัญมาก เพราะแทบทุกอย่างจะต้องผ่านไปตรงกลาง ทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล

 

คุณได้เล่นกับยอดคนอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ หรือ อันเดรียส อิเนียสต้า ในช่วงที่ผ่านมา นั่นเป็นส่วนที่ช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้นด้วยรึเปล่าในแง่ของกองกลาง?
แน่นอนที่สุด การได้เล่นกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกจะทำให้คุณเติบโตและเรียนรู้ และยังนำคุณไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผมโชคดีที่ได้ทำมันและประสบความสำเร็จ เราคว้าแชมป์ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันคือผลตอบแทนของสิ่งที่เราต่อสู้มาในเกมฟุตบอล

 

อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่ามันยากมากที่จะเป็นแชมป์ มีเพียงทีมเดียวและผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำสำเร็จ ผมโชคดีพอที่จะได้สัมผัสกับสิ่งนั้น ผมดีใจและซาบซึ้งมาก ตอนนี้ผมยังมีความสุขกับเพื่อนร่วมทีมของผม แม้ว่าพวกเขาจะอายุน้อย แต่แน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม ถึงขั้นดีที่สุดในโลก และผมแน่ใจว่าพวกเขาจะมีเส้นทางอาชีพเหมือนเจเนอเรชั่นก่อนๆ เหมือนที่ผมเคยเป็นมาในสมัยยังเด็ก

 

จากบทบาทของคุณในฐานะหัวหน้าทีม มันทำให้คุณรู้สึกกดดันมากขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่?
ความกดดันอยู่กับผมตลอดอาชีพการค้าแข้ง เมื่อคุณเล่นให้กับทีมระดับหัวกะทิหรือทีมชาติสเปน หรือสโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า ทุกวันคือบททดสอบใหม่ ทุกวันที่ผ่านไปบังคับให้คุณต้องโชว์ฟอร์มในระดับสูง อาชีพของคุณจะต้องไร้ที่ติ ผมคิดว่าผมรู้วิธีจัดการกับมันเป็นอย่างดี นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่ คือสาเหตุที่ผมมีเส้นทางอาชีพที่ดี สิ่งสำคัญคือการเล่นเพื่อประโยชน์ของทีม คุณต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งในฐานะส่วนตัวและส่วนรวม และคุณจำเป็นต้องมีแผนการร่วมกับทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งผมคิดว่าเราพร้อมมากในเรื่องนั้น

 

หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้เรียกนักเตะหน้าใหม่ 2-3 รายเข้ามาสู่ทีมชาติสเปนในเกมช่วงหลัง คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเราสามารถคาดหวังอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้บ้าง?
พวกเขาได้มาอยู่ที่นี่เพราะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในสโมสรของตัวเอง เพราะพวกเขามีความโดดเด่น และเพราะสไตล์การเล่นตรงกับสไตล์ที่โค้ชต้องการและเข้ากับสไตล์ของทีมชาติ อย่างที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้กล่าวไว้ในการสัมภาษณ์และงานแถลงข่าวหลายครั้งว่าอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้เราจึงมี กาบี ที่อายุ 18 และมีผู้เล่นอายุน้อยหลายคน เช่น เปดรี้, อันซู ฟาติ และอีกหลายๆ คน พวกเขาทั้งหมดพร้อมนำเสนอทักษะการเล่นของตัวเอง และนำบางสิ่งมาสู่สเปน และนั่นทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นด้วย เพราะเรามีผู้เล่นที่สามารถเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันได้

 

คุณได้พูดถึงนักเตะบางคนจากบาร์ซ่า หรือ เรอัล มาดริด ที่มีผู้เล่นคนสำคัญอยู่ในทีมชาติเสมอ คุณพอบอกได้ไหมถึงความสำคัญของระบบการพัฒนานักเตะเยาวชนของบาร์ซ่า?
เรามีสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งจะแข็งแกร่งในขณะที่เราได้บอล และจากนั้น เราจะพยายามทำให้ดีกว่าคู่ต่อสู้ และสร้างโอกาสในการทำประตูให้ได้มากที่สุด เราจะพยายามเล่นให้ดีกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ มันไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราต้องตั้งรับ เราจะไม่อยากแย่งบอลกลับให้เร็วที่สุด ดุดันและฉับไว ผมคิดว่านั่นเป็นข้อได้เปรียบที่เรามีในฐานะทีม และเรารู้วิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น มันก็จริงเช่นกัน อย่างที่คุณพูด มีผู้เล่นหลายคนจากบาร์ซ่าที่ถูกเรียกไปเล่นให้ทีมชาติสเปนอยู่เสมอ

 

บาร์ซ่า มีความคิดแบบเดียวกับของทีมชาติสเปน อย่างที่ผมได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ให้ครอบครองบอลเอาไว้ ให้มีผู้เล่นที่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับบอล และเล่นด้วยทักษะที่สูง ผมคิดว่ามันมาจากช่วงเวลาของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ผมว่านั่นเป็นช่วงที่ผู้เล่นบาร์เซโลน่ามีจำนวนมากที่สุดในทีมชาติ จากนั้นมาเราก็มีนักเตะบาร์ซ่าอยู่ในทีมหลายคนมาตลอด การค้นหาผู้เล่นจากสโมสรที่มีสไตล์เดียวกับทีมชาติจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มันทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นมาก แม้แต่โค้ชทีมชาติของเราก็ยังเคยเป็นกุนซือของเราในบาร์ซ่าด้วย

 

สิ่งหนึ่งที่ผู้คนจะจับตาสำหรับฟุตบอลโลก คือนักเตะที่จะแจ้งเกิดได้อย่างเปรี้ยงปร้าง ซึ่งในสายตาคุณแล้ว ใครมีสิทธิ์จะได้เป็นคนนั้นในฟุตบอลโลก 2002
ผู้เล่นที่เราจะได้จับตามองเป็นพิเศษในช่วงฟุตบอลโลกครั้งนี้คือ เปดรี้ นั่นเป็นเพราะว่า เขาเข้าถึงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่อายุน้อยมากๆ และเขาจะได้โชว์มันสู่สายตาชาวโลกว่าเขาเป็นนักเตะชั้นยอดขนาดไหน

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

"หวังว่า สเปน จะครองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้อีกครั้ง"

กระทิงดุของ หลุยส์ เอ็นริเก้
ฟีฟ่า กำหนดเส้นตายการส่งรายชื่อลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ของทีมชาติต่างๆ เอาไว้ในวันที่ 13 พฤศจิกายน โดยมีพิเศษใส่ไข่คือแต่ละทีมสามารถเพิ่มจำนวนขุมกำลังขึ้นจากเดิม 23 ราย เป็น 26 นักเตะได้ และยังสามารถถอนชื่อนักเตะที่บาดเจ็บหรือติดโควิด (พร้อมเรียกคนใหม่เข้าเสียบแทน) ได้ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนที่จะลงสนามแมตช์แรก

 

สำหรับ สเปน กำลังอยู่ในจุดที่ดีพอตัว ภายหลังผงาดคว้าแชมป์กลุ่มเอ ลีกเอ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้ด้วยชัยชนะนัดสุดท้ายเหนือ โปรตุเกส 1-0 ส่งผลให้ได้ผ่านเข้ารอบชิงแชมป์ Nations League Finals ตอนกลางปีหน้า

 

ด้วยเหตุที่ฟอร์มกำลังดี ทำให้คาดกันว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงขุมกำลังของเขามากนักจากชุดล่าสุดที่มีการประกาศ (เพื่อเล่นเนชั่นส์ ลีก 2 เกมสุดท้าย) เมื่อเดือนกันยายน

 

ด้านล่างนี้ คือ squad ของกระทิงดุ ชุด (คาดว่าจะ) ลุยฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ ซึ่งการันตีได้ว่า จะผิดไปจากนี้ไม่เกิน 3-4 จุด

 

และมั่นใจได้เลยว่า 3 นายทวารในใจ เอ็นริเก้ จะไม่ผิดไปจากนี้ — หมายความถึงว่า จอมหนึบอย่าง ดาบิด เด เคอา หรือ เกป้า “เดอะโค้ช” อาร์ริซาบาลาก้า จะได้ดูบอลโลกผ่านจอทีวีเหมือนเราๆ ท่านๆ เท่านั้น!

 

26 นักเตะที่คาดว่า หลุยส์ เอ็นริเก้ จะหิ้วไปเล่นฟุตบอลโลก 2022
ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมอน (แอธเลติก บิลเบา), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน), ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)

กองหลัง : อายเมริก ลาป๊อร์กต์ (แมนฯ ซิตี้), เปา ตอร์เรส (บียาร์เรอัล), อูโก้ กียามอน (บาเลนเซีย), โฆเซ่ กาย่า (บาเลนเซีย), จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า), ดานี่ การ์บาฆัล (เรอัล มาดริด), เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี), เอริก การ์เซีย (บาร์เซโลน่า), มาร์กอส อลอนโซ่ (บาร์เซโลน่า)

กองกลาง : เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า), โกเก้ (แอตฯ มาดริด), มาร์กอส ยอเรนเต้ (แอตฯ มาดริด), กาบี (บาร์เซโลน่า), เปดรี้ (บาร์เซโลน่า), โรดรี้ (แมนฯ ซิตี้), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล), คาร์ลอส โซเลร์ (เปแอสเช), มิเกล เมริโน่ (เรอัล โซเซียดัด)
กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า (แอตฯ มาดริด), เฟร์ราน ตอร์เรส (บาร์เซโลน่า), ปาโบล ซาราเบีย (เปแอสเช), มาร์โก อเซนซิโอ (เรอัล มาดริด), นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (แอธเลติก บิลเบา)

หลุดโผ : ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี), เซร์คิโอ รามอส (เปแอสเช), เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า, เลิกเล่นทีมชาติแล้ว), เซร์จี้ โรเบร์โต้ (บาร์เซโลน่า), นาโช่ เฟร์นานเดซ (เรอัล มาดริด), ดีเอโก้ ยอเรนเต้ (ลีดส์), ลูคัส บาซเกซ (เรอัล มาดริด), ฟาเบียน รุยซ์ (เปแอสเช), ซาอูล ญีเกซ (แอตเลติโก มาดริด), ดานี่ โอลโม่ (แอร์เบ ไลป์ซิก), ปาโบล ฟอร์นาลส์ (เวสต์แฮม), มิเกล โอยาร์ซาบัล (เรอัล โซเซียดัด), บราฮิม ดิอาซ (เอซี มิลาน), เคราร์ด โมเรโน่ (บียาร์เรอัล), โรดริโก้ โมเรโน่ (ลีดส์), อดาม่า ตราโอเร่ (วูล์ฟแฮมป์ตัน), อันซู ฟาติ (บาร์เซโลน่า)

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA
Goal

ภาพประกอบ
Man’s World India
EQUIPOS DE FUTBOL
Getty Images

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"

ลิโอเนล เมสซี่ : “ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม”

เพราะทุกสิ่งบนโลก ล้วนแต่มีตอนจบเป็นของตัวเอง ก็ยืนยันป็นที่เรียเบร้อยว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะมีฟุตบอลโลก 2022 เป็น เวิลด์ คัพ ครั้งสุดท้าย ในเส้นทางเลี่ยมทองของตัวเขาเอง

 

อย่างที่ทราบกันดี อาร์เจนติน่า เป็นแชมป์โลก 2 สมัย ท่ามกลางการมงว่าพวกเขาควรได้มากสมัยกว่านี้ เมื่อพิจารณาจาก “ขุมสมบัติ” ที่พวกเขามี — ขุมสมบัติอย่างสุดยอดนักเตะในทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะ ดีเอโก้ มาราโดน่า, เคลาดิโอ คานิกเกีย, กาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน โรมัน ริเกลเม่, เฟร์นานโด เรดอนโด้, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่, มาร์ติน ปาแลร์โม่, เอร์นัน เครสโป, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, วอลเตอร์ ซามูเอล ฯลฯ หรือล่วงเลยมาในยุค ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ฯลฯ

 

สำคัญสุดคือ ลิโอเนล เมสซี่ นี่คือดาวเตะที่ “เก่งกาจที่สุดในโลก” ยุคนี้สมัยนี้

 

แต่ก็เป็นเรื่องตลกร้ายอีกเช่นกัน ว่าแข้งระดับ เมสซี่ ผู้ซึ่งครองแชมป์นับสิบนับร้อยรายการกับทั้ง บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กลับไม่เคยได้สัมผัสกับโทรฟี่แชมป์โลกมาก่อนเลยสักครั้ง

 

ไปย้อนดูกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เมสซี่ ในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านๆ มา

 

ก่อนจะร่วมเป็นสักขีพยานกับฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของ เมสซี่ ที่กาตาร์…

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2006 : เปิดซิงในวัย 18
ลงสนาม : 3 นัด
ยิง : 1 ประตู
ในวันวัยยังเข้าผับไม่ได้ และที่จริงก็เพิ่งขยับขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ บาร์เซโลน่า แค่ปีกว่าๆ (ไม่น่าลืมกัน…) เมสซี่ ได้รับหมายเรียกจาก โฮเซ่ เปเกร์มัน ให้เข้ารายงานตัวกับทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่เป็นครั้งแรกตอนกลางปี 2005 และเขาถูกส่งลงสำรองนัดพบ ฮังการี ทันที–และโดนใบแดงทันทีในเพียง 2 นาทีแรก จากจังหวะพยายามกระชากหนีกองหลังที่ดึงเสื้อเขา แล้วผู้ตัดสินมองว่า เมสซี่ ตั้งใจสับศอกใส่คู่แข่ง

 

หนึ่งปีให้หลัง เปเกร์มัน ไม่พลาดจะใส่ชื่อเจ้าหนูเมสซี่ ไปฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี โดยเป็นหนึ่งในตัวเลือกศูนย์หน้าร่วมกับ เอร์นัน เครสโป, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, คาร์ลอส เตเวซ, โรดริโก้ ปาลาซิโอ และ ฮูลิโฮ ริคาร์โด้ ครูซ

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นดาวรุ่งอายุ 18 เมสซี่ จึงไม่มีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติเวลานั้น เช่นกันกับที่ อาร์เจนติน่า ไม่ได้มีทัวร์นาเมนต์ที่น่าประทับใจอะไรนัก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย พ่ายจุดโทษ เยอรมนี 2-4 โดยที่ เมสซี่ ไม่ได้ถูกใช้งานในเกมนี้ หลังจากมี 1 ประตูจากการลงสำรองมาขยี้ เซอร์เบีย-มอนเตเนโกร 6-0 ในรอบแรก

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2010 : กับเจ้านายชื่อ มาราโดน่า
ลงสนาม : 5 นัด
ยิง : 0 ประตู
น่าลืมเลือน… นิยามได้ว่า “น่าลืมเลือน” สำหรับฟุตบอลโลกคราวนี้ของ เมสซี่ เมื่อทั้งที่มีกุนซือระดับคนในตำนานอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า (ผู้ล่วงลับ) เป็นเจ้านายและที่ปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งอันที่จริง ลางหายนะก็เริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่รอบคัดเลือก เมื่อ อาร์เจนติน่า ในกำมือของ “เสือเตี้ย” แพ้ถึง 6 นัด ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำจนถึงเกมสุดท้าย ก่อนจะผ่านเข้ารอบได้ด้วยการเป็นอันดับ 4 เหนือตำแหน่งเพลย์ออฟแค่ 4 แต้ม

 

สำหรับในรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้, ทั้งที่ เมสซี่ กำลังเบ่งบานกับบาร์ซ่า และเพิ่งพาอาร์เจนฯ ครองแชมป์โอลิมปิก 2008 มา, ฟ้าขาวก็ล้มเหลวอย่างรุนแรง แม้จะผ่านรอบแรกแบบชนะรวด 3 เกมซ้อน แต่ที่สุดแล้วก็ไปแพ้ เยอรมนี ในรอบ 8 ทีม ขาดลอยถึง 0-4 ขณะที่ เมสซี่ ซึ่งถูกจับเล่นตำแหน่งหน้าต่ำ หลังคู่หัวหอกนั้น ไม่มีสกอร์เลยสักลูกตลอดทัวร์นาเมนต์

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2014 : แค่เอื้อมเท่านั้น
ลงสนาม : 7 นัด
ยิง : 4 ประตู
พลิกชะตาจาก 4 ปีก่อนเป็นมาทำได้ดีมากถึงดีที่สุดในรอบหลายสิบปี ถัดจากการเข้าถึงชิงฟุตบอลโลก 1990 ช่วงเวลาที่ มาราโดน่า อายุ 30 ถ้วน และ เมสซี่ เพิ่ง 3 ขวบ

 

แต่ถึงจะดีที่สุด…ก็ยังไปไม่ถึงแชมป์อยู่ดี

 

เมสซี่ งัดฟอร์มสุดยอดออกมาโชว์ที่บราซิลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ยิง 4 ประตูจาก 3 เกมรอบแรก พร้อมมีส่วนสำคัญพาทีมของ อเลฮานโดร ซาเบย่า (ล่วงลับเช่นกัน) ชนะรวด 3 นัด

 

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ กลับกระสุนหมด หยุดยิงเมื่อสิ้นสุดรอบแรก ในขณะที่ อาร์เจนติน่า ยังกรุยทางต่อไปได้เรื่อยๆ

 

ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0 รอบ 16 ทีม
ชนะ เบลเยียม 1-0 รอบ 8 ทีม
ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2 รอบตัดเชือก

 

จนนัดชิงชนะเลิศที่เจ้าภาพ บราซิล ไม่มาตามนัด–กลายเป็น เยอรมนี มาแทน… อาร์เจนติน่า ก็บอก “ชิกหายเลี้ยว” เมื่ออินทรีเหล็กคือ “ของแสลง” โดยตรงของฟ้าขาวมาหลายปีดีดัก ที่สุดแล้วก็เป็น เยอรมนี เบียดชนะ 1-0 ช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยที่ เมสซี่ เล่นไม่ออกเท่าที่ควรจะเป็น

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2018 : ตัวประกอบอย่างฟ้า-ขาว
ลงสนาม : 4 นัด
ยิง : 1 ประตู
จากที่พลิกชะตาความล้มเหลวในปี 2010 มาถึงชิงชนะเลิศในปี 2014 อาร์เจนติน่า ก็กลับไปฟุบอย่างน่าผิดหวังเสียอีกรอบสำหรับ ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ภายใต้การทำทีมของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี

 

กระเสือกกระสนกันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่สองเกมแรกไม่ชนะใคร — เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 ตามด้วยแพ้ โครเอเชีย 0-3 จนชัยชนะเกมสุดท้ายเหนือ ไนจีเรีย (เมสซี่ยิงลูกแรก) 2-1 ดีพอจะทำให้ อาร์เจนติน่า คว้าอันดับ 2 ของกลุ่ม เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างฉิวเฉียด

 

แต่เมื่อรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมมาถึง อาร์เจนฯ โคจรมาเจอกับ ฝรั่งเศส ก็จบเห่ในพริบตา สกอร์อาจออกเบียดที่ 4-3 แต่ในระหว่างเกม ฝรั่งเศส ฉีกสกอร์นำห่างถึง 4-2 (คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สองเม็ด) แล้วค่อยมาโดนบีบตอนทดเจ็บเท่านั้นเอง

 

 

 

 

ลิโอเนล เมสซี่ : "ฟุตบอลโลก 2022 คือครั้งสุดท้ายของผม"ฟุตบอลโลก 2022 : The Final Countdown
ยิง 9 ประตูใน 3 เกมหลัง
รอบคัดเลือกและเกมอุ่นเครื่อง
อันที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อะไร กับการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 (สูงสุดเทียบเท่า อันโตนิโอ การ์บาฮัล, โลธาร์ มัทเธอุส, ราฟาเอล มาร์เกซ รวมถึงน่าจะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกคน) แล้วมันจะเป็นครั้งสุดท้ายของดาวเตะวัย 35 อย่าง ลิโอเนล เมสซี่

 

โดยไม่ปล่อยให้กะเก็งกันเอาเอง เมสซี่ ให้สัมภาษณ์กับช่องทีวีอาร์เจนติน่า ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือบทสรุปของเขากับ เวิลด์ คัพ (อาจมีไปต่ออีกนิดกับทีมชาติ แต่จะไม่อยู่ถึงบอลโลก 2026 แน่) “นี่จะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของผม อย่างแน่นอน ผมตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว”

 

“ผมกำลังนับถอยหลังเพื่อถึงวันที่ได้ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในแง่หนึ่ง ผมแทบรอไม่ไหวให้มันมาถึง แต่เวลาเดียวกัน ผมก็ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้ อาร์เจนติน่า มีทัวร์นาเมนต์ที่ดี”

 

หลายฝ่ายมองว่า อาร์เจนติน่า มีโอกาสดีสำหรับการขึ้นบัลลังก์แชมป์อีกสมัยที่กาตาร์ เมื่อ ลิโอเนล สคาโลนี่ กำลังทำทีมแล่นฉิว เป็นอันดับ 2 ของสถิติโลกไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 35 นัด

 

เรื่องนี้ เมสซี่ คอมเมนต์ว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าเราเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์รึเปล่า แต่อาร์เจนติน่าเองก็เป็นหนึ่งในทีมที่ลุ้นแชมป์มาตลอดอยู่แล้ว เพราะประวัติศาสตร์ของเรา เพราะสิ่งที่รายการนี้มีความหมายต่อเรา ส่วนตัวผมคิดว่ายังมีบางทีมที่อยู่เหนือเราในตอนนี้ แต่เราก็ใกล้กับพวกเขามาก”

 

“เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี มีกลุ่มนักเตะที่แข็งแกร่ง แต่ทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้นได้ในฟุตบอลโลก”

 

สำหรับซีซั่นนี้ เมสซี่ ดูกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยการยิงไป 8 ประตู แอสซิสต์อีก 8 ครั้ง จากการเล่น 13 เกมทุกรายการ ส่วนในทีมชาติก็อย่างที่ว่า — สามเกมหลังล่อไป 9 ประตู

 

“ข้อเท็จจริงคือ ใช่ ผมอยู่ในจุดที่ดีเช่นกัน ผมผ่านช่วงปรีซีซั่นอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากไม่ได้ทำแบบนี้มาในปีก่อน ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันทำให้ผมเริ่มต้นได้ช้า และมันทำให้ขาดๆ เกินๆ ไม่ค่อยลงตัวเมื่อทัวร์นาเมนต์มาถึง แถมเมื่อผมกลับมาจากการเล่นทีมชาติ ก็บาดเจ็บเพิ่มอีกด้วย”

 

“แต่ปรีซีซั่นหนล่าสุดนี้ มันสำคัญมากที่ได้เริ่มต้นในทิศทางที่ต่างไป ผมสามารถมุ่งหน้าสู่การแข่งขันของปีนี้ได้ด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง ด้วยความคิดที่แตกต่าง และมีแรงกระตุ้นที่ดี”

 

ไม่นานเกินรอ… ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่ อาร์เจนติน่า จะอยู่ร่วมสายกับ ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์

 

เราคงได้เห็นกัน ว่าฟ้าขาวที่กำลังมาดีๆ จะก้าวไปได้ไกลขนาดไหน

 

และคนพิเศษอย่าง เมสซี่ จะปิดตำนานฟุตบอลโลกของเขาลงแบบใด

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
AS
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Daily Sabah
Barca Universal

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 วิเคราะห์ทีมชาติเบลเยี่ยม

 

ยืนระยะยึดเบอร์ 1 โลก FIFA Ranking ยาวนานกว่า 4 ปี กระนั้น เบลเยียม ในยุคทองของพวกเขา กลับไปไกลสุดเพียงอันดับ 3 รัสเซีย 2018 ดังนั้น มันจึงเป็นความท้าทายและการเดิมพันครั้งใหญ่ของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ในการเข้าสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 

 

ต่างไปจากระดับสโมสร ที่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่โยงคุมทีมหนึ่งทีมใด “ยันลูกบวช” นับสิบๆ ปี แล้วประสบความสำเร็จด้วยดี

 

ในระดับนานาชาติ มักไม่มีโค้ชรายไหนอยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนั้น — หรือถ้ามี ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยแนวทางและวิธีการอันแตกต่างออกไป บางที ค่าเฉลี่ยการนั่งเก้าอี้ 4-5 ปีสำหรับกุนซือทีมชาติ อาจเป็นจังหวะ “พอดีๆ” มากกว่าอย่างอื่น 

 

สำหรับ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ การพา เบลเยียม ไปฟุตบอลโลก 2022 ก็อาจเป็น “ทัวร์นาเมนต์สุดท้าย” ของเขากับงานนี้ ด้วยสัญญาที่คงอยู่ถึงแค่จบทัวร์นาเมนต์ และการอยู่ยาวมาตั้งแต่ปี 2016 (เข้ามาแทน มาร์ก วิลม็อตส์) หรือการที่นั่งเก้าอี้มา 6 ปีแล้วจนถึงตอนนี้ 

 

ไม่ต้องรอจนครบ 8 ปีแล้วยังทู่ซี้จะไปต่อ แม้ยังไม่ได้พูดอะไรชัด โค้ชหนุ่มสแปนิชรายนี้ ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะปิดฉากอำลาไปเมื่อจบบอลโลกที่กาตาร์ — หรืออาจมีต่อเวลาสักนิดสักหน่อย เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี เพื่อพาทีมลุยต่อในรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก กลางปีหน้า และ/หรือท้าชิง ยูโร 2024 โดยไม่ลากยาวไปถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) แต่อย่างใด

 

หนึ่งคือการพาทีมลุยบอลโลกหนสุดท้ายของตัวเขาเอง และอีกหนึ่งคือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่ “หลัก 3” กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

สำคัญมาก… ทั้งการเป็นยุคทอง ทั้งการยึดอันดับ 1 โลกเอาไว้หลายปีดีดัก — แต่กลับไม่มีแชมป์รายการใดติดไม้ติดมือ จบอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 (ชนะ อังกฤษ 2-0) ส่วน ยูโร ทั้งสองรอบที่คั่นกลาง (2016 และ 2020) ล้วนแต่หยุดเส้นทางแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

ฉะนั้น คงพูดได้ว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ และชาวคณะปีศาจแดงฯ เบลเยียม

 

ซึ่งก่อนจะยกพลลุยกาตาร์ (อยู่ร่วมกลุ่มกับ แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย) ในฐานะกึ่งๆ “ม้านอกสายตา” เป็นเพียงตัวเต็งแชมป์ลำดับที่ 7-8

 

มาร์ติเนซ ได้ให้การถึงสิ่งต่างๆ ไว้ ดังนี้…

ฟังสัมภาษณ์ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุด ในเบลเยี่ยม

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

คุณทำผลงานในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นโค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเบลเยียม มันทำให้คุณภาคภูมิใจกับมันขนาดไหน?
โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ : ใช่ ผมภูมิใจกับมันมาก แต่ผมควรชี้ให้เห็นว่าตัวผมเองเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของความพยายามอย่างมากของสมาคมฟุตบอลเบลเยียม ซึ่งส่งผลให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และผู้เล่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นั่นคือสิ่งที่ผมภาคภูมิใจอย่างแท้จริง มากกว่าการชนะเกมใดเกมหนึ่ง ชัยชนะเป็นผลมาจากการทำงานหนักที่ดำเนินการโดยคนเบื้องหลังร่วมๆ 100 คน ซึ่งได้พยายามกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยทีม และสังคมฟุตบอลเบลเยียม ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก

 

 

ย้อนไปในฟุตบอลโลก 2018 คุณมีความทรงจำอะไรจากทัวร์นาเมนต์นั้น? การพลาดเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศในเพียงเอื้อมมือ มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากรึเปล่า?
ไม่รู้สินะ ความรู้สึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมยึดถือเมื่อมองสิ่งต่างๆ ย้อนกลับไป ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และเมื่อความพ่ายแพ้เกิดขึ้น คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณได้เผชิญหน้ากับทีมที่พยายามจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันกับคุณ

 

ความพ่ายแพ้ในรอบตัดเชือกเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่คุณต้องหาวิธีรับมือ มันยากมาก แต่คุณสามารถข้ามผ่านความรู้สึกผิดหวังนั้นได้ด้วยการเล่นอีกเกมหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่เราทำเมื่อเราจบอันดับสามในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก เรามีความรู้สึกว่าเราได้ทำงานของเราออกมาดีแล้ว มากกว่าที่จะรู้สึกว่ามันคือการพลาดโอกาสครั้งใหญ่ และผู้เล่นของเรากลุ่มนี้ก็กลายเจเนอเรชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเล่นฟุตบอลโลกของเบลเยียม

 

 

รอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งนั้น เกมที่ เบลเยียม พบกับ ญี่ปุ่น ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ด้วยการที่ เบลเยียม พลิกชนะ 3-2 หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-2 คุณพอจะอธิบายความรู้สึกของคุณในระหว่างเกมนั้นได้ไหม?
ผมค่อนข้างสงบในระหว่างเกมนะ ส่วน ณ ตอนนี้เมื่อคิดย้อนไปถึงมัน ใจผมก็เต้นแรงขึ้นนิดหน่อย เพราะมันเป็นแมตช์ที่เหลือเชื่อจริงๆ สำหรับคนกลาง เมื่อทีมหนึ่งนำหน้าสองประตูเหนืออีกทีม โดยที่ในหน้าประวัติศาสตร์ แทบไม่มีทีมไหนที่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ใน 90 นาที ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นน่าจะเป็นปี 1966 ดังนั้นมันจึงเป็นตอนจบที่ค่อนข้างหายาก และการที่เราเล่นสวนกลับในช่วง 10 วินาทีสุดท้ายของแมตช์นั้นจนได้ชัยชนะ ก็โดดเด่นเอามากๆ

 

ที่จริง ตรงข้างสนาม เรากำลังง่วนอยู่กับการค้นหาวิธีการที่เราจะทำกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อมันจบแบบนั้น ผมรู้สึกลึกๆ ว่าเราออกจะดีใจกันเกินหน้าเกินตาไปสักหน่อย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันก็อาจเป็นแมตช์ที่น่าจดจำที่สุดที่ผมเคยมีส่วนร่วม

 

 

ลูกทีมของคุณ 6 คนลงสนามรับใช้ทีมชาติเบลเยียมมาแล้วมากกว่า 100 นัด – ยาน แฟร์ตองเก้น, อักเซล วิตเซล, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เอแด็น อาซาร์, ดรีส เมอร์เทนส์ และ โรเมลู ลูกากู คำถามคือ อะไรคือข้อดีของการมีนักเตะประสบการณ์สูงเหล่านี้อยู่หลายคนในทีม?
สำคัญมากๆ ตอนที่ผมเข้ามาคุมทีมชาติเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป้าหมายคือเพื่อพัฒนากลุ่มผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถทิ้งมรดกตกทอดไว้กับฟุตบอลเบลเยียมได้ ซึ่งนอกจาก 6 คนที่คุณพูดถึง เรายังมีอีกสองคนที่ใกล้จะถึงหลักเดียวกันนั้น ทั้ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ และ เควิน เดอ บรอยน์

 

เรากำลังพูดถึงผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเล่นทีมชาติ คนที่ลงเล่นในระดับสูงสุด และสามารถส่งทอดบางอย่างไปสู่นักเตะเยาวชนของเราได้ และนั่นคือสิ่งสำคัญสุด เราต้องปลาบปลื้มไปกับเจเนอเรชั่นนี้ เรียนรู้จากพวกเขา และใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นหลัง พวกเขามีข้อความสำคัญที่จะส่งต่อไปสู่เจเนอเรชั่นถัดไป

 

 

 

โรเมลู ลูกากู กำลังเป็นคนทำประตูได้สูงสุดตลอดกาลของเบลเยียม (68 ประตู) เขาสำคัญกับทีมของคุณขนาดไหน?
ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับ โรเมลู ในระดับสโมสร (เอฟเวอร์ตัน) มาก่อนแล้ว และผมรู้ว่าเขาจดจ่ออยู่กับการเล่นของตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเขาเป็นนักเตะที่รักการยิงประตู โรเมลูเป็นผู้เล่นประเภทที่สามารถเปลี่ยนฟอร์มการเล่นที่ดีให้กลายเป็นผลสกอร์ที่ดีได้เสมอ ผ่านการจบสกอร์ที่เฉียบคมของเขา เขามีอิทธิพลกับทีมอย่างมหาศาล และเขาก็ได้รับความเคารพจากทุกคนในทีม เนื่องด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เสมอมาของเขา

 

 

เอแด็น อาซาร์ เป็นคนสำคัญของเบลเยียมมาตลอด รวมถึงเป็นกัปตันของคุณด้วย แต่เขาไม่ได้โอกาสเล่นมากนักกับ เรอัล มาดริด แล้วคุณจะจัดการกับเขาอย่างไรที่กาตาร์?
ถ้าคุณยังจำได้ ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 คุณอาจจำสิ่งที่ อาซาร์ ทำเอาไว้ รวมถึงความแตกต่างที่เขาสร้างได้ในเกม เขาไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนักในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา กับการเข้าร่วมทีมใหม่แล้วได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ และเรามีความมั่นใจในตัวเขาอย่างเต็มที่ อะไรที่เขาจะนำมาสู่ทีมของเราในฐานะกัปตันทีมชาติ เราแทบรอไม่ไหวที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อที่เขาจะได้แสดงออกอีกครั้งว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

เควิน เดอ บรอยน์ ก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาหลายปีแล้ว อะไรที่ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่พิเศษเช่นนี้?
เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาสามารถสร้างการจ่ายบอลและโอกาสในการทำประตูทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเห็นเขาทำแบบนี้ได้มาหลายปีแล้ว แน่นอนว่ามีเพลย์เมกเกอร์จำนวนมากที่สามารถกำหนดเกมได้ มองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

 

ความแตกต่างระหว่างคนอื่นๆ กับ เควิน เดอ บรอยน์ คือในขณะเดียวกัน เขายังเพิ่มจังหวะความเร็วของเกมขึ้นด้วย เขายกระดับการเล่นเพลย์เมกเกอร์ขึ้นไปอีกขั้น และนำเอาความเข้มข้นและคุณภาพที่แท้จริงมาสู่พื้นที่สุดท้ายของสนาม ทั้งเวลาที่มีและไม่มีบอล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นหนึ่งเดียวทั้งในเบลเยียมและในภาพรวมของวงการฟุตบอลสมัยใหม่

 

 

ถือได้ว่า เบลเยียม มีผู้เล่นที่มีคุณภาพสูงอยู่ทั่วสนาม แต่อะไรคือคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมคุณ?
จุดแข็งที่สำคัญสุดของทีม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือความเข้าใจที่ผู้เล่นทั้งหมดของเราสร้างขึ้นร่วมกัน และความสุขที่พวกเขาดูเหมือนจะได้รับจากการเป็นส่วนหนึ่งของทีม อย่าลืมว่าทีมนี้มีความคาดหวังสูง และอาจกลายเป็นภาระได้ ดูเหมือนว่านักเตะ, โดยเฉพาะคนที่เล่นในต่างแดน, ต่างยินดีรับความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นทูตของฟุตบอลเบลเยียม เป็นกลุ่มผู้เล่นที่ท้าทายต่อแรงกดดัน และพร้อมอยู่ภายใต้สปอตไลท์เพื่อให้พวกเขาสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่กับประเทศของพวกเขาได้ มันน่าทึ่งจริงๆ

 

 

มักมีการพูดถึง “ยุคทอง” ของเบลเยียม อยู่เสมอ มันเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับทีมคุณขึ้นอีกหรือไม่?
แรกเริ่ม การใช้นิยามว่า “ยุคทอง” เป็นของทีมในปี 1986 ส่วนมาวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป คำว่า “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” อาจเหมาะสมมากกว่าในกรณีนี้ เมื่อกลุ่มนักเตะของเราเติบโตเบ่งบานขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ

 

แต่นักเตะของเราก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรที่จะถูกเรียกแบบนี้ และพวกเขาคุ้นเคยกับการได้ยินมันดี เพราะสิ่งนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ก่อนฟุตบอลโลก 2018 แล้ว แน่นอนว่ามันมีความกดดันและความคาดหวังแฝงอยู่สูง และสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นในเชิงบวกเสมอไป แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเบลเยียมของเรา

 

 

ตอนนี้ เบลเยียม ตกลงมาอยู่อันดับ 2 ฟีฟ่า แรงกิ้ง ไปแล้ว ไม่ใช่เบอร์ 1 โลกเหมือนที่เคยเป็นมานาน มันทำให้คุณและทีมต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างรึเปล่า?
ไม่เลย คุณต้องบอกตัวเองว่าอะไรเหล่านั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ในฐานะประเทศที่มีประชากรแค่ 11 ล้านคน การอยู่ในอันดับ 1 ของโลกเป็นเวลา 4 ปี ถือเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อแล้ว มีเพียง บราซิล และ สเปน เท่านั้นที่ครอบครองตำแหน่งนั้นเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณตกลงสู่อันดับ 2 คุณก็แค่ต้องจดจ่ออยู่กับการทวงตำแหน่งกลับคืนมา เพื่อนำหน้าทีมอย่าง บราซิล, ฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า หรือ อังกฤษ นั่นกระตุ้นให้เราต้องปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และฟุตบอลโลก 2022 ก็ช่วยให้เรามีโอกาสทำเช่นนั้นได้.

 

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

ทีมชาติเบลเยี่ยม กับปลายทาง ‘ยุคทอง’ บอลโลก วิเคราะห์บอลโลกวันนี้

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นเรื่อง ว่า ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ คือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่หลัก 3 กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

นี่คือข้อเท็จจริงของ “อายุอานาม” ในขุมกำลังชุดปัจจุบัน
ยาน แฟร์ตองเก้น …… 35
ดรีส เมอร์เทนส์ …… 35
ซิมง มินโยเล่ต์ …… 34
โคเอน คาสตีลส์ …… 34
โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ …… 33
อักเซล วิตเซล …… 33
โธมัส มูนิเยร์ …… 31
เดดริค โบยาต้า …… 31
เควิน เดอ บรอยน์ …… 31
เอแด็น อาซาร์ …… 31
ติโบต์ กูร์กตัวส์ …… 30
ธอร์แกน อาซาร์ …… 29
ยานนิค การ์รัสโก้ …… 29
โรเมลู ลูกากู …… 29
มิชี่ บัตชูอายี่ …… 29

 

นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม หลังจบฟุตบอลโลก จะยังเหลือสักกี่รายที่ได้ไปต่อกับรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 รวมถึง ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี

 

คงไม่ต้องพูดถึง ฟุตบอลโลก 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) ที่ 15 รายชื่อข้างต้น อาจเหลือไม่เกินหนึ่งหยิบมือ

 

ฉะนั้น นอกจากเฮดโค้ชอย่าง มาร์ติเนซ แล้ว กาตาร์ 2022 ก็จะเป็น “ฟุตบอลโลกหนสุดท้าย” ของหลายนักเตะเบลเยียม ด้วยเช่นกัน

 

และนั่นยิ่งทำให้น่าจับตาเป็นสักขีพยานมากขึ้นไปอีก ว่าพวกเขาจะออกแบบตอนจบของ Golden Generation ชุดนี้ที่ร่วมสร้างกันมานานปี ว่าอย่างไร…

 

(ทั้งนี้ทั้งนั้น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับ เบลเยียม ก็ยังพอมีอยู่ เมื่อใช่ว่ากลุ่มแข้งคุณภาพสูงๆ ใกล้จะถูกตัดตอนหมดวาระแบบเกลี้ยงแผง อย่างน้อย เควิน เดอ บรอยน์ ยังน่าไปต่อได้อีกพักใหญ่ รวมถึงเจนใหม่อย่าง ยูรี่ ตีเลมันส์ 25, เลอันโดร ทรอสซาร์ 27, อมาดู โอนาน่า 21, อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส 23, ชาร์ลส์ เด เคเตแลร์ 21, อัลแบร์ แซมบี้ โลกอนก้า 22, เชเรมี่ โดกู 20 ฯลฯ ก็ไปได้อีกยาวๆ)

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA

 

ภาพประกอบ
BeSoccer
Goal
The Times

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

เห็นเงียบๆ แต่ก็ไร้พ่ายมาเรียบสำหรับ อาร์เจนติน่า ที่ถึงตอนนี้ เข้าใกล้การทำลายสถิติโลกไปทุกขณะ และมันจะสมบูรณ์แบบสุดๆ ไปเลยหากสถิติถูกทำลายลง…พร้อมมีโทรฟี่ “แชมป์โลก” เป็นรางวัลตอบแทน

 

ทั้งที่เคยมีสุดยอดดาวเตะอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า, เคลาดิโอ คานิกเกีย, กาเบรียล บาติสตูต้า, ฮวน โรมัน ริเกลเม่, เฟร์นานโด เรดอนโด้, ดีเอโก้ ซิเมโอเน่, มาร์ติน ปาแลร์โม่, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, วอลเตอร์ ซามูเอล ฯลฯ หรือล่วงเลยมาในยุค ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ฯลฯ

 

แต่จะว่า “ลุงภัพ” -แอ่แฮ่- “อาภัพ” ก็อาจได้ เมื่อ อาร์เจนติน่า มีวาสนาไปถึงบัลลังก์แชมป์โลกมาได้แค่ 2 สมัยเท่านั้น

 

ใช่ที่ “เคยไปถึงมาแล้ว” ไม่เหมือน เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส หรือบรรดาทีมในเอเชีย-แอฟริกา ที่ได้แต่ชะเง้อชะแง้แลมอง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว — เทียบกับ บราซิล (5 สมัย) เทียบกับ อิตาลี (4) หรือ เยอรมนี (4) ทุกเสียงต่างลงความเห็นว่า อาร์เจนติน่า โชคร้ายพอตัวที่ได้แชมป์โลกมาแค่ 2 ครั้ง — และมันนานมาแล้วตั้งแต่ 1978 กับ 1986

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ถ้ายังไม่ชัดพอ ก็ต้องบอกว่าแชมป์โลกหนสุดท้ายของพวกเขา ต้องย้อนไป 36 ปีที่แล้วโน่น!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ประเด็นสำคัญก็คือ การต้องอกหักรักคุด พลาดท่าเสียทีในนัดชิงชนะเลิศให้กับอริต่างทวีปอย่าง เยอรมนี นั่นเอง

 

ฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี อาร์เจนติน่า ของ คาร์ลอส บิลาร์โด้ และยอดขุนพลอย่าง มาราโดน่า เข้าถึงนัดชิงดำด้วยหมายมั่นปั้นมือว่าจะ “ป้องกันแชมป์” ให้จงได้ แต่ปรากฏว่า เยอรมนีตะวันตก ของ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ (และยอดแข้งอย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส, รูดี้ โฟลเลอร์, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, เคล้าส์ เอาเกนธาเลอร์ ฯลฯ) มาดีและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ตลอดเกมเป็นอินทรีเหล็กที่กดเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งก็มาได้จุดโทษเอาช่วงท้าย 5 นาทีก่อนจบ และ อันเดรียส เบรห์เม่ สังหารนำชัยให้ เยอรมนี 1-0 (โดยที่ในระหว่างเกม เปโดร มอนซอน ของอาร์เจนฯ เสียบหนักจนโดนใบแดง น.65 นับเป็นคนแรกที่โดนไล่ออกในนัดชิงบอลโลก)

 

ขึ้นไทม์แมชีนมาสู่อีก 24 ปีให้หลัง ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โชคชะตาขีดเส้นให้ อาร์เจนติน่า (คุมโดย อเลฮานโดร ซาเบย่า / มีนักเตะอย่าง เมสซี่, อิกวาอิน, มาสเคราโน่, เอเซเกล ลาเวซซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, มาร์กอส โรโฮ) ได้โคจรมาชิงแชมป์โลกกับ เยอรมนี (โยอัคคิม เลิฟ / มิโรสลาฟ โคลเซ่, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, โทนี่ โครส, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มานูเอล นอยเออร์) เข้าอีกหน

 

ใครจะไปคิดว่าสกอร์จะออกซ้ำเดิม ไม่มีผิดเพี้ยน

 

90 นาทีในมาราคาน่าสิ้นสุดที่ 0-0 โดยที่ต่างฝ่ายต่างพลาดโอกาสทองที่จะขึ้นนำไปฝั่งละหนสองหน กระทั่งครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ น.113 มาริโอ เกิทเซ่ ก็สบโอกาสทะลุเข้าฝั่งซ้ายเขตโทษไปตวัดยิงผ่าน เซร์คิโอ โรเมโร่ เข้าซุกก้นตาข่าย เป็นประตูโทนที่เบิกโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลโลกให้กับ เยอรมนี เป็นสมัยที่ 4

 

นอกจากการแพ้ เยอรมนี สองหนในนัดชิงดำแล้ว ก็เช่นกันกับการฟอร์มหลุดเอาในเกมตัดสินนัดสำคัญ–ในระบบน็อกเอาต์ของ เวิลด์ คัพ

 

ไม่นับ 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่ อาร์เจนติน่า ฟอร์มหลุดถึงขั้นตกรอบแรก นอกนั้น ทีมฟ้าขาวล้วนหลุดออกจากบอลโลกในรอบน็อกเอาต์ทั้งสิ้น

 

1994 ที่สหรัฐอเมริกา ร่วงรอบ 16 ทีม แพ้ โรมาเนีย (จอร์จี้ ฮาจี้) 2-3
1998 ที่ฝรั่งเศส ร่วงรอบ 8 ทีม แพ้ เนเธอร์แลนด์ (เดนนิส เบิร์กแคมป์) 1-2
2006 ที่เยอรมนี หลุดที่ 8 ทีม แพ้ เยอรมนี (เจ้าเก่า) ในการดวลจุดโทษ 2-4
2010 ที่แอฟริกาใต้ ยังคงตก 8 ทีมซ้ำ แพ้ เยอรมนี (อีกแล้วจ้า) ขาดลอย 0-4
มาล่าสุด 2018 ที่รัสเซีย ก็หล่นเร็วแค่รอบ 16 ทีม แพ้ ฝรั่งเศส (คีลิยัน เอ็มบัปเป้) 3-4

 

กระนั้น มาคราวนี้ ท่านว่า อะไรๆ อาจต่างไปจากเดิม

 

ถึงเวลาแล้วที่ อาร์เจนติน่า จะคว้าแชมป์โลกสมัยสาม…!?!

 

ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสร้างทีมชุดแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างถูกที่ถูกเวลาของ ลิโอเนล สคาโลนี่ และการ (ว่ากันว่า) ควรถึงเวลาอันสมควรเสียทีที่สุดยอดดาวเตะจากต่างดาวอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ จะผงาดบัลลังก์แชมป์โลก พาตัวเองไปถึงฝันอันสูงสุดก่อนอำลาทีมชาติ และรวมถึงบอกลาเส้นทางค้าแข้งไปในอนาคตอันใกล้ด้วย

 

สำหรับ สคาโลนี่ อันที่จริง โค้ชหนุ่มวัย 44 รายนี้ถูกปรามาสถึงฝีไม้ลายมือไว้ไม่น้อย เมื่อเขาไม่เคยได้จับงานคุมทีมสโมสรใดใดมาก่อนเลย — หากยังพอจำกันได้ นี่คือกองหลังฝีเท้าพอไปวัดไปวาได้อยู่ในยุคต้น 2000 โดยสร้างชื่อกับ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า รวมถึงมีช่วงที่มาแวะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ ลาซิโอ อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะแขวนสตั๊ดเลิกเล่นกับ อตาลันต้า ในปี 2015 (นี่เองนะ) ส่วนในทีมชาติ เคยสวมชุดฟ้าขาวลงสนามแค่ 7 นัดในระหว่างปี 2003-2006

 

แต่ก็นั่นแหละ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนาท่านว่าคงลำบาก

 

จากการเป็นมือขวา ผู้ช่วยกุนซือ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี ที่เซบีย่า สคาโลนี่ ถูกหอบหิ้วจากเจ้านายมารับงานกับทีมชาติอาร์เจนติน่าต่อในช่วงปี 2017 ซึ่งเมื่อ อาร์เจนติน่า ล้มเหลวกับฟุตบอลโลก 2018 แล้ว ซัมเปาลี ถูกเด้งพ้นไป สคาโลนี่ กลับยังคงได้จับงานกับทีมชาติต่อ–ในฐานะกุนซือรักษาการ ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ปาโบล ไอมาร์ และขึ้นคุมเดี่ยวๆ หลังจากนั้น

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?อย่างที่ว่า การนั่งเก้าอี้แบบ “ไร้ดีกรี” ทำให้ สคาโลนี่ ถูกปรามาสถึงฝีมือไว้เยอะ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกเสียงครหาก็เงียบลง

 

สคาโลนี่ กลายเป็น “คนที่ใช่” ของ อาร์เจนติน่า ไปเสียเฉยๆ ด้วยผลงานประจักษ์ชัดตลอดหลายปีหลัง โดยเฉพาะใน โคปา อเมริกา 2021 ซึ่งทัพ “ลา อัลบิเซเลสเต้” เดินหน้าสังหารคู่แข่งแบบไม่มีแผ่ว จนนัดชิงก็ปราบเจ้าภาพ บราซิล 1-0 ด้วยประตูโทนของ อังเคล ดิ มาเรีย ฉลองแชมป์ทวีปอเมริกาใต้กลางมาราคาน่า

 

ไปถึงเส้นชัย โคปา อเมริกา และยังต่อเนื่องด้วยรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ที่ อาร์เจนติน่า ก้าวเท้าได้อย่างเข้มแข็ง อาจไม่ได้หวือหวายิงกระจายเหมือน บราซิล แต่เรื่อยๆ มาเรียงๆ และไร้พ่าย เตะ 17 ชนะ 11 เสมอ 6 การันตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายแบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย

 

จากแมตช์สู่แมตช์ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนมาวันนี้ อาร์เจนติน่า ของ สคาโลนี่ กลายเป็นเบอร์ 2 “สถิติโลก” ไร้พ่ายยาวนานที่สุดในบรรดาทีมชาติ เป็นจำนวน 35 นัด นับรวม 2 เกมลับแข้งล่าสุดในเดือนนี้ ที่ฟ้าขาวผ่าน ฮอนดูรัส กับ จาไมก้า ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-0

 

สถิติไร้พ่าย 35 นัดของอาร์เจนติน่า
1. ชนะ ชิลี 2-1 / โคปา อเมริกา 2019
2. เสมอ ชิลี 0-0 / กระชับมิตร
3. ชนะ เม็กซิโก 4-0 / กระชับมิตร
4. เสมอ เยอรมนี 2-2 / กระชับมิตร
5. ชนะ เอกวาดอร์ 6-1 / กระชับมิตร
6. ชนะ บราซิล 1-0 / กระชับมิตร
7. เสมอ อุรุกวัย 2-2 / กระชับมิตร
8. ชนะ เอกวาดอร์ 1-0 / คัดบอลโลก 2022
9. ชนะ โบลิเวีย 2-1 / คัดบอลโลก 2022
10. เสมอ ปารากวัย 1-1 / คัดบอลโลก 2022
11. ชนะ เปรู 2-0 / คัดบอลโลก 2022
12. เสมอ ชิลี 1-1 / คัดบอลโลก 2022
13. เสมอ โคลอมเบีย 2-2 / คัดบอลโลก 2022
14. เสมอ ชิลี 1-1 / โคปา อเมริกา 2021
15. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
16. ชนะ ปารากวัย 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
17. ชนะ โบลิเวีย 4-1 / โคปา อเมริกา 2021
18. ชนะ เอกวาดอร์ 3-0 / โคปา อเมริกา 2021
19. เสมอ โคลอมเบีย 1-1 (ชนะจุดโทษ 3-2) / โคปา อเมริกา 2021
20. ชนะ บราซิล 1-0 / โคปา อเมริกา 2021
21. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-1 / คัดบอลโลก 2022
22. ชนะ โบลิเวีย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
23. เสมอ ปารากวัย 0-0 / คัดบอลโลก 2022
24. ชนะ อุรุกวัย 3-0 / คัดบอลโลก 2022
25. ชนะ เปรู 1-0 / คัดบอลโลก 2022
26. ชนะ อุรุกวัย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
27. เสมอ บราซิล 0-0 / คัดบอลโลก 2022
28. ชนะ ชิลี 2-1 / คัดบอลโลก 2022
29. ชนะ โคลอมเบีย 1-0 / คัดบอลโลก 2022
30. ชนะ เวเนซุเอล่า 3-0 / คัดบอลโลก 2022
31. เสมอ เอกวาดอร์ 1-1 / คัดบอลโลก 2022
32. ชนะ อิตาลี 3-0 / ชิงแชมป์ Finalissima
33. ชนะ เอสโตเนีย 5-0 / กระชับมิตร
34. ชนะ ฮอนดูรัส 3-0 / กระชับมิตร
35. ชนะ จาไมก้า 3-0 / กระชับมิตร

 

35 นัดของการไร้พ่าย ไม่ต้องสงสัยว่าเครดิตต้องเป็นของ สคาโลนี่ พร้อมๆ กันกับเสียงปรบมือที่ขุนพลฟ้าขาวทุกรายคู่ควรจะได้รับ

 

ทั้งความเหนียวแน่นหนึบของนายประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
แผงหลังที่เข้าเท่าเข้าทีมิใช่เบา ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนคู่ คริสเตียน โรเมโร่ โดยมี นาอูเอล โมลิน่า กับ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ขนาบข้าง
แดนกลางที่แข็งโป้ก ลงตัวทั้งบู๊บุ๋น – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, โจวานี่ โล เซลโซ่
เกมรุกที่มีตัวเลือกเยอะ และพึ่งพาได้แทบทุกคน – เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, เปาโล ดีบาล่า, อังเคล ดิ มาเรีย, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ฮัวกิน กอร์เรอา
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาพีคอีกครั้งในนามทีมชาติของ ลิโอเนล เมสซี่

 

ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022...?ยิงคนเดียว 5 ประตูในเกมถลุง เอสโตเนีย 5-0
เบิ้ลสองใส่ ฮอนดูรัส ในชัยชนะ 3-0
ลงสำรองไปเบิ้ลอีกสองใส่ จาไมก้า จนชนะขาด 3-0
เท่ากับ 3 นัดหลังในการรับใช้ชาติ พ่อกดไป 9 ประตู

 

 

 

 

 

 

คำถามคือ ถ้า เมสซี่ พีคถึงขีดสุดอยู่แบบนี้ในฟุตบอลโลก 2022 อะไรจะเกิดขึ้นกันล่ะ?

 

อย่างไรก็ตาม สถิติที่ อาร์เจนติน่า ทำไว้ ยังไปไม่ถึง “สถิติโลก” ที่จารึกไว้เมื่อไม่นานนี้โดย อิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งทัพอัซซูร์รี่สร้างสถิติไร้พ่ายยาวนานถึง 37 นัด กินเวลาครอบคลุม ยูโร 2020 ที่พวกเขาครองแชมป์ทวีปยุโรปได้อย่างยิ่งใหญ่ (ก่อนจะตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบตกตะลึงกันทั้งบาง)

 

ทำเนียบทีมชาติไร้พ่ายยาวนานที่สุด
37 นัด (ชนะ 30 เสมอ 7) อิตาลี 2018-2021
35 (26-9) อาร์เจนติน่า 2019-2022 (ยังไปได้ต่อ)
35 (26-9) แอลจีเรีย 2018-2022
35 (32-3) สเปน 2007-2009
35 (28-7) บราซิล 1993-1996
31 (21-10) อาร์เจนติน่า 1991-1993
30 (22-8) ฝรั่งเศส 1994-1996
30 (24-6) อิตาลี 1935-1939

 

อย่างไรก็ตามซ้อนอย่างไรก็ตาม อาร์เจนติน่า ก็ขอไปต่ออีกแค่ 3 นัดเท่านั้นเพื่อทำลายสถิติ นั่นหมายถึง สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเพียง “ไม่ทันพ้นรอบแรก” ฟุตบอลโลก 2022 ที่ อาร์เจนติน่า มีคิวต้องดวลกับ ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และ โปแลนด์ ตามลำดับ

 

อีกทั้ง อิตาลี ยังทำเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การทำลายสถิติเรื่องนี้ สามารถเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันกับการผงาดแชมป์ทวีปได้ ดังนั้นถ้า อาร์เจนติน่า คิดจะเดินตามรอย ก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปแต่ประการใด

 

ยังเริ่มมีการมองกันแล้วว่า มันอาจเกิด “ดรีมแมตช์” ขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ที่ Lusail Iconic Stadium

 

นั่นเพราะ อาร์เจนติน่า ของ เมสซี่ และชาวคณะ ฝังตัวอยู่ในกลุ่มซี หรือ “สายบน”

 

ในขณะที่ โปรตุเกส ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในกลุ่มเอช หรือ “สายล่าง”

 

หากต่างฝ่ายต่างจบที่แชมป์กลุ่ม หรือรองแชมป์กลุ่มของตัวเอง เหมือนๆ กัน (ไม่ว่าจะเป็นที่ 1 หรือ 2 ขอแค่เหมือนกัน อย่าต่าง) คู่นี้ก็จะไม่เจอกันในรอบน็อกเอาต์…จนกระทั่ง นัดชิงชนะเลิศ!

 

นั่นคือถ้า อาร์เจนติน่า ยึดแชมป์กลุ่มซี ได้ตามคาด และเวลาเดียวกัน โปรตุเกส ก็ไม่พลาดจบที่แชมป์กลุ่มเอช จากนั้นต่างฝ่ายต่างเอาชนะคู่แข่งได้ทีละรอบๆ แบบไม่มีสะดุดในเกมน็อกเอาต์

 

นัดชิงชนะเลิศในวันที่ 18 ธ.ค. ก็จะเป็นการดวลกันของ อาร์เจนติน่า กับ โปรตุเกส

 

แน่นอน เมสซี่ ก็จะมาจับไม้จับมือแลกธงกับ โรนัลโด้ ที่กลางสนาม ก่อนสาดแข้งกันให้ยับในอีก 90 หรือ 120 นาที++ หลังจากนั้น (หากว่าไม่เจ็บไม่แบนกันทั้งคู่ด้วยนะ)

 

และด้วยอายุอานาม 35 ของเมสซี่ กับ 37 ของโรนัลโด้ นั่นยังหมายถึงว่า นัดชิงชนะเลิศ (ในฝัน) นี้อาจเป็น “เกมสุดท้าย” ในการรับใช้ชาติของทั้งคู่

 

เกมสุดท้าย ที่มีเดิมพันเป็นโทรฟี่แชมป์โลก

 

คลาสสิกเป็นบ้าเป็นบอ!

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
Sportingnews
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Trend Detail News
Complete Sports
Twitter

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

ถ้าไม่ใช่ ‘เจ้าพ่อคอนเทนต์’ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022

จะกี่เสียงที่บอกให้เปลี่ยน จะกี่คนที่เร้าให้ดร็อป แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่สนใจ ยังคงใช้งาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อย่างสม่ำเสมอ จนเป็นคำถามว่า เอ…หรือมันเพราะ อังกฤษ ขาดแคลนผู้เล่นตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” อย่างนั้นหรือ???

 

กลายเป็นเรื่องลึกลับของโลกลูกหนัง ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับยอดดาวเตะที่ชื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กันแน่?

 

เพราะจากเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่งฝีเท้าจัดจ้าน เจ้าของรางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้ 2017/18, เจ้าของค่าตัว 80 ล้านปอนด์ในตอนย้ายสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัมเมอร์ 2019 และเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดง

 

วันผ่านคืนผัน แม็กไกวร์ กลับกลายเป็น “เจ้าพ่อคอนเทนต์” ในแง่ลบ เป็นตัวตลกกลางสนาม และเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งสามารถตักตวงได้อย่างเต็มที่ในแทบทุกเกมที่ลงเล่น

 

พอเข้าใจได้กับฟอร์มที่ดาวน์ลงไปในฤดูกาลที่แล้ว (2021/22) เมื่อแนวรับแต่ละคนรอบข้างของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ฟอร์มหลุด ไว้วางใจได้ยากกันแทบทุกคน ที่สุดแล้วผลงานที่ต้นสังกัดเข้าป้ายเพียงอันดับ 6 ในลีก ไม่มีแชมป์รายการใดติดมือ ไปจนถึงการเปลี่ยนตัวกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนเด้ง ราล์ฟ รังนิค ก็อยู่ไม่ยืด ยังผลเสียในเรื่องของ “ความมั่นใจ” ที่ลดระดับลงของ แม็กไกวร์

 

แต่ครั้นซีซั่นใหม่นี้มาถึง กุนซือใหม่ เอริก เทน ฮาก เข้ามา–พร้อมการันตีปลอกแขนให้ แม็กไกวร์ ว่าจะยังคงได้เป็นหัวหน้าทีมผีแดงต่อไป ดาวเตะวัย 29 ก็กลับไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งที่เคยมีออกมาได้ ยังคงเล่นผิดเล่นพลาด เชื่องช้า สมาธิหลุด และอะไรต่างๆ นานา จนยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าค่าตัว 80 ล้านปอนด์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายไปนั้น กลายเป็นการลงทุนที่เหลวไหลไม่ได้ความอีกหนึ่งดีล

 

นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก แม็กไกวร์ ลงตัวจริงจับคู่เพื่อนใหม่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปรากฏ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 1-2

 

สัปดาห์ถัดมา แม็กไกวร์ ลงตัวจริงต่อเนื่องในเกมบุกเตะ เบรนท์ฟอร์ด ปรากฏโดนผึ้งต่อยแบบไม่ต้องเล่นมุกว่า “ต่อยนานยัง” แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ขาด 0-4

 

ถัดมา เทน ฮาก ตัดสินใจดร็อป แม็กไกวร์ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้ ราฟาแอล วาราน ลงมายืนคู่ มาร์ติเนซ บ้าง และทันใดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เดินหน้าชนะ 4 เกมติดต่อกันทันที!

 

ยิ่งตลกร้ายกับตัว แม็กไกวร์ ขึ้นไปอีก เมื่อการกลับสู่ไลน์อัพตัวจริงอีกหน ในเกมยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดเปิดบ้านรับมือ เรอัล โซเซียดัด จากสเปน ก็ปรากฏเป็น โซเซียดัด บุกกำชัยถึงแมนเชสเตอร์ 1-0

 

สรุปสั้นๆ คือ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ ลงตัวจริง แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เรียบ
และ “ทุกนัด” ที่ แม็กไกวร์ โดนดร็อป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กำชัยได้ทั้งหมด
(เลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนแซวยับ ว่าจุดเปลี่ยนในฟอร์มดีๆ ของผี ก็คือการถอด แม็กไกวร์ ออกจากทีมนี่เอง)

 

ประเด็นก็คือ เห็นแบบนี้ กุนซือทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ยังคงมอบความไว้วางใจให้กับ แม็กไกวร์ อย่างเต็มที่ในคิวทีมชาติ 2 นัดของเดือนนี้ (กันยายน 2022) คิวที่เป็นการเตรียมตัวหนท้ายๆ มากๆ ก่อน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จะมาถึง

 

23 ก.ย. อังกฤษ บุกเตะ อิตาลี ที่ซาน ซิโร่ — แม็กไกวร์ ลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์

 

แม้ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร แต่ อังกฤษ ก็แพ้ 0-1

 

26 ก.ย. อังกฤษ กลับมาเปิดเวมบลีย์รับมือ เยอรมนี — แม็กไกวร์ ยังคงลงตัวจริงเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็ก ร่วมกับ เอริก ไดเออร์ และ จอห์น สโตนส์ (ก่อน ไคล์ วอล์คเกอร์ เปลี่ยนลงแทน สโตนส์ ที่บาดเจ็บท้ายครึ่งแรก)

 

เกมนี้เองที่ แม็กไกวร์ โชว์ฟอร์ม “สร้างคอนเทนต์” เข้าให้อีกแล้ว

 

ขณะเกมเสมอ 0-0 น.50 แม็กไกวร์ รับบอลจาก ไดเออร์ แล้วจ่ายไปติด จามาล มูเซียล่า มันดื้อๆ วินาทีต่อมาที่ มูเซียล่า เลี้ยงจี้เข้าใส่ แม็กไกวร์ ก็ไปรวบดาวรุ่งเยอรมันล้มลงอย่างเสียท่า ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้วเป่าจุดโทษ อิลคาย กุนโดกัน สังหารไม่พลาด 1-0

 

น.67 แม็กไกวร์ โดนตัดลูกในแดนคู่แข่ง บอลถูกลำเลียงสวนเร็วขึ้นมาจบที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ปั่นโค้งหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบเสาอย่างงดงาม 2-0

 

ยังดีที่เกมไม่ได้จบแค่ตรงนี้ (ไม่งั้นยิ่งโดนด่าเละขึ้นอีก) อังกฤษ ยังฮึดขึ้นยิงแซงนำ 3-2 ในยี่สิบนาทีท้าย กระทั่งเกมสิ้นสุดอย่างระทึกที่ 3-3 ไค ฮาแวร์ตซ์ ซัดเม็ดสองทวงเจ๊า น.87 (เป็นความผิดพลาดซองแตกของ นิค โป๊ป บ้าง)

 

แต่ถึงจะไม่แพ้คารัง อังกฤษ ก็ยังสั่งลา เนชั่นส์ ลีก 2022/23 อย่างช้ำเลือดช้ำหนองอยู่ดี — ชนะใครไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 3 รั้งบ๊วยกลุ่ม 3 ลีกเอ ที่หมายถึงว่าต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีกบีร่วมกับทีมเกรดรองๆ ทั้งหลายแหล่ใน UNL งวดหน้า 2024/25

 

สำหรับ แม็กไกวร์ ได้รับการตัดเกรดฟอร์มการเล่นจากสื่อผู้ดี ดังนี้…
บีบีซี 2.58/10
สกาย สปอร์ตส์ 5/10
อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด 3/10
เทเลกราฟ 4/10
เดอะ ซัน 4/10

 

นอกจากการตัดเกรด สื่อทุกสำนักยังแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เซาธ์เกต พลาดอย่างแรงที่ยังคงไว้วางใจในตัว แม็กไกวร์ อยู่ — บีบีซี ถึงกับพาดหัวว่า “แฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือปัญหาของ แกเร็ธ เซาธ์เกต” ทีเดียว

 

ฟอร์มที่ยังคงผุพัง ความมั่นใจที่ลดระดับจนแทบเหลือ 0 บวกกับ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

นั่นจึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่า การที่ แม็กไกวร์ ยังได้โอกาสจาก เซาธ์เกต นั่นเพราะว่าหรือจริงๆ แล้ว อังกฤษ ขาดแคลนนักเตะตำแหน่ง “เซนเตอร์แบ็ก” หรืออย่างไร?

 

และถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อคอนเทนต์อย่าง แม็กไกวร์ แล้ว ยังมีตัวอื่นที่สามารถเป็นหลักในแนวรับสิงโตคำราม ได้อีกหรือไม่?

 

ลองไปสำรวจตรวจตรากันหน่อยน่าจะดี…

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น สโตนส์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 59 นัด
หนึ่งในตัวยืนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต อีกรายนั่นแหละ ถ้าไม่เจ็บหนักไปเสียก่อนก็จะได้ไปฟุตบอลโลก 2022 แบบ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ด้วยดีกรีเล่นทีมชาติ 59 นัด กับความสำเร็จเพียบรายการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เจ้าตัวย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นด้วยตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

 

ซีซั่นนี้ สโตนส์ ยังแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ด้วยการขยับขึ้นยืน “มิดฟิลด์ตัวรับ” กับทาง แมนฯ ซิตี้ เพียงแต่โดยธรรมชาติก็ยังคงเป็นเซนเตอร์แบ็กอยู่นั่นเอง

 

นี่คือหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ของ เซาธ์เกต และสามารถเป็นคีย์แมนในแดนหลังได้อย่างแน่นอน หากว่าจะหมางเมิน แม็กไกวร์ ไปหาคนอื่นเพื่อมาเติมเต็มหลังบ้าน

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เอริก ไดเออร์ : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
รับใช้ชาติ 47 นัด
เว้นระยะการรับใช้ชาติไปตลอดปี 2021 ก่อนถูกเรียกกลับมาลงตัวจริงทั้ง 2 เกมที่พบกับ อิตาลี และ เยอรมนี ในเดือนนี้

 

ที่จริง อดีตเด็กปั้นสปอร์ติ้ง ลิสบอน เริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่การเป็นมิดฟิลด์ แต่เวลาถัดมาก็ถอยลงต่ำ มายืนแบ็กขวาบ้าง เซนเตอร์แบ็กบ้าง

 

แม้ในภาพรวมของการเล่น ไดเออร์ ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในเกมรับที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะให้เป็นตัวจริงหรือสำรองก็ตาม

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไคล์ วอล์คเกอร์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
รับใช้ชาติ 70 นัด
อีกหนึ่งขาประจำของ เซาธ์เกต สำหรับการเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวขวาสุดในหมาก 3 กองหลัง หรือจะรับบทแบ็กขวาในแผงแบ็กโฟร์ก็สามารถทำได้อย่างไม่เคอะเขิน เมื่อโดยปกติก็ยืนตรงนี้อยู่แล้วในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

 

ด้วยดีกรีติดทีมยอดเยี่ยม ยูโร 2020 และการรับใช้ชาติมากถึง 70 นัด สูงที่สุดในบรรดาแผงรับชุดนี้ ทำให้ไม่ต้องห่วงเช่นกันว่า วอล์คเกอร์ จะไม่ได้ไปกาตาร์ เพียงแต่ด้วยอายุอานาม 32 แล้ว ก็ทำให้มีสิทธิ์ว่านี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวได้

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คอนเนอร์ โคดี้ : เอฟเวอร์ตัน
รับใช้ชาติ 10 นัด
ย้ายออกจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปสู่สัญญายืมตัวที่ เอฟเวอร์ตัน อย่างเซอร์ไพรส์ในตลาดล่าสุด เมื่อทั้งที่เป็นกัปตันทีมหมาป่า และลงเล่นอย่างสม่ำเสมอปีละไม่ต่ำกว่า 40 นัดมาหลายปีดีดัก

 

ส่วนเมื่อย้ายสู่ กูดิสัน พาร์ค แล้ว เซนเตอร์แบ็กวัย 29 ก็ยังคงได้เล่นต่อเนื่อง ลงสนามไปแล้ว 6 เกมให้ทีมทอฟฟี่ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

 

อย่างไรก็ตาม ข้อด้อยของ โคดี้ คือการที่ไม่ค่อยได้โอกาสลงสนามในระดับนานาชาติมากนัก ไม่ว่าจะเป็นในถ้วยยุโรปหรือกับทีมชาติ ที่เขาเคยได้เล่นให้สิงโตคำรามมาแค่ 10 เกมเท่านั้น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022มาร์ก เกฮี : คริสตัล พาเลซ
รับใช้ชาติ 3 นัด
คริสตัล พาเลซ ทุ่ม 18 ล้านปอนด์ซื้อ เกฮี มาจาก เชลซี ในปีที่แล้ว และมีส่วนสำคัญในเกมรับของ ปาทริค วิเอร่า มาตลอด จนซีซั่นนี้ก็เริ่มได้ปลอกแขนกัปตันทีมไปสวมใส่บ้างแล้ว

 

ด้วยวัยเพียง 22 คงต้องถือว่า เกฮี ยังอยู่ในขั้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และยังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะไม่ว่าจะในระดับสโมสรหรือทีมชาติ

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิคาโย่ โทโมรี่ : เอซี มิลาน
รับใช้ชาติ 3 นัด
นี่คือคนที่หลายฝ่ายมองว่า นี่ต่างหากตัวที่ เซาธ์เกต ควรยึดโยงและมอบความไว้วางใจให้ และโชคดีแค่ไหนแล้วที่นักเตะเลือกรับใช้ อังกฤษ ไม่เป็นทีมชาติบ้านเกิดจริงๆ อย่าง แคนาดา

 

ปราการหลังวัย 24 เจ้าของชื่อเต็มยาวเหยียด “โอลูวาฟิคาโยมี่ โอลูวาดามิโลล่า โทโมรี่” เป็นเด็กปั้นของ เชลซี ที่ถูกส่งออกยืมตัวไปฝึกงานอย่างสม่ำเสมอกับหลายค่ายในช่วงที่่ผ่านมา ทั้งกับ ไบรท์ตัน, ฮัลล์ ซิตี้, ดาร์บี้ และ เอซี มิลาน

 

จนซีซั่น 2020/21 ที่ไปยืมตัวกับ มิลาน แล้วโชว์ฟอร์มเข้าตา ยักษ์ใหญ่แดนมะกะโรนีจึงควัก 25 ล้านปอนด์ซื้อขาด และซีซั่นที่แล้วก็ลงสนามถึง 40 นัด มีส่วนสำคัญช่วยให้ มิลาน คว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้สำเร็จในรอบสิบปี จนมาซีซั่นนี้ก็ยังได้เล่นต่อเนื่อง มีตำแหน่งตัวจริงการันตี

 

ทั้งดีกรีแชมป์กัลโช่ ทั้งประสบการณ์ระดับสูงในลีกเลี่ยนและ ชปล. จนถึงการเล่นได้ดีกับ มิลาน วีกแล้ววีกเล่า ล้วนเป็นจุดที่ทำให้ เซาธ์เกต ควรเปิดที่ทางให้ โทโมรี่ มากกว่าที่เป็น

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022คริส สมอลลิ่ง : โรม่า
รับใช้ชาติ 31 นัด
อีกหนึ่งคนที่ไปได้ดีกับการเล่นต่างแดน แต่ไม่รู้ว่าช้าไปแล้วหรือยังกับการหวนมารับใช้ชาติ ในวัย 32 ย่าง 33

 

อำลา แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างถาวรไปแจ้งเกิดใหม่กับ โรม่า เมื่อปี 2020 (ภายหลังยืมตัวมาแล้ว 1 ปี) ด้วยค่าตัวไม่ใช่เบา 15+5 ล้านยูโร แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่ดีของทัพหมาป่า โดยเฉพาะเมื่อ สมอลลิ่ง เด่นถึงขั้นเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2022 ที่ชนะ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม 1-0

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เบน ไวท์ : อาร์เซน่อล
รับใช้ชาติ 4 นัด
ไม่อยู่ในทีมชุดเตะ UNL เดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ ทั้งที่นักเตะกำลังเล่นได้ดีกับ อาร์เซน่อล ไม่ว่าจะยืนเซนเตอร์แบ็กหรือถ่างออกมาเล่นแบ็กขวาก็ตาม

 

เคยถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่โอเวอร์เกินไปของ อาร์เซน่อล ที่จ่าย 50 ล้านปอนด์ซื้อจาก ไบรท์ตัน ปีที่แล้ว แต่นี่คือการจ่ายเพื่ออนาคต เมื่อ ไวท์ สามารถอยู่โยงรับใช้ทีมได้นับสิบปี จากที่ตอนนี้เพิ่ง 24 เท่านั้น

 

เช่นกัน มาตรฐานระดับนี้ คุณสมบัติแบบนี้ ถ้า เซาธ์เกต จะวางให้ ไวท์ เป็นตัวหลักหลังบ้านชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ก็จะยิ่งดีต่อตัวนักเตะมากขึ้นไปอีก

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ไทโรน มิงส์ : แอสตัน วิลล่า
รับใช้ชาติ 17 นัด
อยู่ในทีมชุดรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ก็กลับถูกมองข้ามไปในระยะหลัง ซึ่งอาจจะด้วยฟอร์มกับ แอสตัน วิลล่า ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก รวมถึงการมีตัวเลือกเซนเตอร์แบ็กค่อนข้างเยอะของ เซาธ์เกต

 

แต่หากได้อยู่ในทีม มิงส์ ก็น่าจะสร้างประโยชน์กับลูกกลางอากาศได้มาก กับส่วนสูงถึง 196 เซนติเมตร ใหญ่ที่สุดในทัพสิงโตคำราม

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส : เบิร์นลี่ย์
รับใช้ชาติ 0 นัด
ดาวรุ่งชื่อเรียกยากอายุเพียง 20 ขวบที่ เบิร์นลี่ย์ ยืมตัวมาใช้จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่เคยก้าวขึ้นมาเล่นสิงโตคำรามชุดใหญ่มาก่อน ภายหลังตระเวนเล่นชุดเล็กไล่ระดับจาก ยู-16 ไปจนถึง ยู-21 มาแล้วเป็นสิบๆ เกม

 

ยังจัดเป็นเพียงอนาคตของทีมชาติอังกฤษ แต่ก็น่าจับตามองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อ ฮาร์วู้ด-เบลลิส กำลังได้รับการโค้ชโดยตรงจากตำนานเรือใบอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่เบิร์นลี่ย์

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022เลวี่ คอลวิลล์ : ไบรท์ตัน
รับใช้ชาติ 0 นัด
เช่นกันกับ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส ว่า เลวี่ คอลวิลล์ ก็คงยังเป็นอนาคตระยะยาวของสิงโตคำราม ไม่ใช่กับชุดนี้ ที่คงเซอร์ไพรส์มากๆ หาก เซาธ์เกต จะชายตามอง

 

คอลวิลล์ อายุแค่ 19 เท่านั้น และซีซั่นนี้ย้ายยืมจาก เชลซี ไป ไบรท์ตัน ซึ่งก็ได้ลงสนามสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 นัด

 

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022แกรี่ เคฮิลล์ : ฟรีเอเยนต์
รับใช้ชาติ 61 นัด
อยู่ในสถานะ “กึ่งเลิกเล่น” ภายหลังแยกทางกับ บอร์นมัธ เมื่อหมดสัญญาหลังจบซีซันที่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับใครใหม่

 

ดาวเตะวัย 36 อาจผ่านวันวัยพีคๆ ของตัวเองมาแล้ว (และสภาพร่างกายก็คงไม่ 100%) แต่เรื่องประสบการณ์คงถือได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร กับการรับใช้ชาติ 61 นัด ผ่านฟุตบอลโลกมา 2 สมัย ยูโรอีก 1 หน รวมถึงการอยู่โยงเล่นกับ เชลซี ยาวนาน 6-7 ปีก่อนหน้านี้

 

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022ฟิล โจนส์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รับใช้ชาติ 27 นัด
ตัวละครลับค่ายปีศาจแดง…ลับเสียจนซีซั่นนี้ เอริก เทน ฮาก ยังไม่ใช้งานแม้แต่นาทีเดียว แถมไม่ถูกลงทะเบียนเป็นหนึ่งใน 25 รายชื่อทีมชุดใหญ่เพื่อเล่นพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุอานามแค่ 30 ถ้วน หากว่า โจนส์ เรียกความฟิตกลับมาอยู่ในทีมผีแดง ชุดลงเล่นบอลถ้วยรายการต่างๆ ได้ ก็อาจมีสิทธิ์คืนสู่ทำเนียบทีมชาติได้เหมือนกัน หลังได้สวมชุดสิงโตคำรามหนสุดท้าย ก็ฟุตบอลโลก 2018 โน่น

 

 

 

 

ถ้าไม่ใช่ 'เจ้าพ่อคอนเทนต์' แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อังกฤษควรใช้ใครในฟุตบอลโลก 2022จอห์น เทอร์รี่ & ริโอ เฟอร์ดินานด์
รับใช้ชาติรวมกัน 159 นัด
อันนี้ขายขำแล้วจ้า เมื่อแต่ละคนเลิกเล่นไปนานโข แถมอายุเลยหลักสี่เข้าไปแล้ว (41 กับ 43) แต่ถ้าจะเรียกตัวมาเป็นทีมสตาฟฟ์ ช่วยติวเข้มกองหลังที่มี ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุป
จากลิสต์ที่ร่ายมาทั้งหน้า ชัดเจนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ได้ขาดไร้ซึ่งตัวเลือกเลย กับปราการหลังที่เข้าข่ายนับสิบราย เขาสามารถจิ้ม “ใครก็ได้ทั้งนั้น” มาแทน แม็กไกวร์ ไม่ว่าจะใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กที่ชอบ หรือกลับไปใช้แผงแบ็กโฟร์ก็ตาม

 

โทโมรี่ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – ไดเออร์ – สโตนส์
วอล์คเกอร์ – โทโมรี่ – สโตนส์
ไดเออร์ – สโตนส์ – โทโมรี่
ไวท์ – ไดเออร์ – สโตนส์
โทโมรี่ – ไวท์ – ไดเออร์
ฯลฯ และ ฯลฯ

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เซาธ์เกต เพียงคนเดียว

 

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า จากที่ตะบี้ตะบันส่งลงมาตลอด ไม่ดร็อปไม่เปลี่ยนออก ก็ไม่มีทีท่าเลยว่า เซาธ์เกต จะเปลี่ยนใจไปจากชายคนนี้

 

แถมในการให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ เยอรมนี นายใหญ่สิงโตคำราม ก็ยังเอ่ยปากหนุนหลัง แม็กไกวร์ เข้าให้อีก “ผมรู้ ทุกคนสนใจแต่ความผิดพลาดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่า แฮร์รี่ ทำได้ดีแค่ไหนในสองเกมที่ผ่านมา เขามีจังหวะที่ช่วยทีมได้หลายครั้ง แต่ทุกอย่างถูกบดบังโดยความผิดพลาดไม่กี่ครั้ง”

 

“มันมีประเด็นให้ได้ถกเถียงกันอยู่เสมอ แต่ผมคิดว่าช่วงเวลาแบบนี้ เราต้องสนับสนุนนักเตะที่ดีที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดของเราอย่างเต็มที่”

 

เพราะนั้น, ในกรณีที่ถ้า แม็กไกวร์ ไม่อาจเรียกฟอร์มที่ดีและเรียกความมั่นใจของตัวเองได้จริงๆ ในสองเดือนท้ายก่อนฟุตบอลโลก 2022, สุดท้ายท้ายสุดจริงๆ ทางเดียวที่จะทำให้ เซาธ์เกต เปลี่ยนใจได้

 

กองเชียร์สิงโตก็คงต้องแช่งชักหักกระดูกให้ แม็กไกวร์ ดวงแตกเจ็บหนักจนอดไปบอลโลกเท่านั้นเอง!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

อ้างอิง
BBC
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Sports Illustrated
Getty Images
Twitter

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“4 สิ่งที่อังกฤษต้อง ‘เปลี่ยน’ เพื่อฟุตบอลโลก 2022”

ทั้งที่อยู่ในสถานะรองแชมป์ยูโร 2020 แต่ปรากฏว่า อังกฤษ ฟุบหนักมากเหลือเกินในหลายเดือนหลัง–จนถึงขั้น “ตกชั้น” จากยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เห็นดังนี้ แดนนี่ เมอร์ฟี่ จึงมีคำแนะนำบางอย่างถึง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้า…

 

อาจพอเข้าใจได้ถึงการสะดุดล้มหน้าทิ่มหน้าตำ — แต่พอสังเขป สำหรับทีมที่เพิ่งไปถึงระดับ “รองแชมป์” (หรือแชมป์) ทัวร์นาเมนต์สำคัญก่อนหน้า เมื่อไม่ต้องมองไกล ก็ฟุตบอลโลกนี่เองที่ (ดูเหมือนจะ) มี  “อาถรรพ์แชมป์เก่า”  หลายปีหลังนอกจากป้องกันแชมป์ไม่ได้ ยังพาเหรดกันตกรอบแรกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

แต่ก็ยากที่ใครจะคาดคิดถึงชะตากรรมแบบนี้ของ อังกฤษ

 

แพ้ ฮังการี 0-1
เสมอ เยอรมนี 1-1
เสมอ อิตาลี 0-0
แพ้ ฮังการี 0-4
แพ้ อิตาลี 0-1

 

หนึ่งคือ ดันมาเจอ ฮังการี ชุดคึกเป็นม้า ชุดกัญชาเสรี แข็งที่สุดและดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
สองคือ โชคดวงอาจไม่เป็นใจในบางเกม
และสามคือ ก็ห่วยเองนั่นแหละจะโทษใคร!

 

ผลคือ 5 นัดผ่านไปใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 สิงโตคำรามกลายร่างเป็นแมวเหมียว ชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ลูกเดียวถ้วน–แถมเป็นจุดโทษ ไม่มีประตูจากโอเพ่นเพลย์ พร้อมการันตีการจบ “บ๊วยของกลุ่ม” โดยไม่ต้องสนใจเกมปิดท้ายกับ เยอรมนี ที่เวมบลีย์ ในวันที่ 26 ก.ย. แต่อย่างใด (เยอรมนีมี 6 แต้ม ส่วน ฮังการี – อิตาลี ชิงแชมป์กลุ่มกัน)

 

และการรั้งบ๊วยนั่น หมายถึงว่าพวกเขาต้อง “ตกชั้น” ไปเล่นในลีก B ร่วมกับพวก จอร์เจีย, กรีซ, คาซัคสถาน, มอนเตเนโกร หรืออีกหลายทีมเกรดรองของทวีป ใน UNL หนถัดไป 2024/25 (เพื่อชิงสิทธิ์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีก A อีกครั้งให้ได้)

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะมาถึงในอีกไม่เต็ม 2 เดือน เท่ากับ อังกฤษ จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ด้วยฟอร์มภาพรวมอันน่าผิดหวัง และบรรยากาศทะมึนทึมภายในทีม

 

“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญมากสำหรับ แกเร็ธ เซาธ์เกต” แดนนี่ เมอร์ฟี่ ในฐานะคอมเมนเตเตอร์, อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ (2001-2003) 9 นัด และอดีตขวัญใจเด็กหงส์ ลิเวอร์พูล เกริ่นกับ เดลี่ เมล “การเล่นที่ไร้ความดุดันและขาดความคิดสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย และก่อให้เกิดความกังวลอย่างแท้จริง”

 

“คำถามก็คือ แล้วเขาควรทำอย่างไร? ควรยึดติดกับสิ่งที่มี — ที่ไม่นานนี้เขาพา อังกฤษ ไปถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกและเข้าชิงชนะเลิศยูโร หรือเขาควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง?”

 

“ในสายตาของผม เขาควรรีบลงมือเปลี่ยนก่อนที่จะสาย กล้าเสี่ยงกว่าที่เคยเป็น และนี่คือแผนการ 4 ลำดับขั้นของผม ในการจะช่วยเซฟอังกฤษของเซาธ์เกต”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"1. หันหลังให้ความเพลย์เซฟ
สำคัญคือ เนชั่นส์ ลีก ที่สิงโตคำรามกลายร่างเป็นน้อนแมว ลงสนาม 5 นัดชนะใครใม่เป็น ในขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ กำลังจะมาถึงในอีกไม่ครบ 2 เดือนเต็ม

 

สำหรับในรอบแรกที่กาตาร์ อังกฤษ จะอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ ซึ่ง เมอร์ฟี่ มองว่า “เราโชคดีมากพอที่ได้อยู่ในกลุ่มที่กาตาร์ซึ่งเราสามารถครองแชมป์กลุ่มได้แม้ว่าเราอาจจะเล่นได้ไม่ดีนักก็ตาม แต่หลังจากนั้นล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นในรอบน็อคเอาท์?”

 

“เราจะทำได้แค่หวังว่า มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นซ้ำรอยทัวร์นาเมนต์เก่าๆ หรือเราจะฉกฉวยโอกาสจากรอบแบ่งกลุ่ม เปิดใช้พรสวรรค์ที่เรามีในแนวรุก สร้างความมั่นใจและโมเมนตัมจากตรงนั้น?”

 

“สมมุติว่าเราต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการเจอกับทีมแข็งๆ สักราย และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ถึงตรงนั้น เซาธ์เกต จะเจอปัญหากับหน้าที่การงานของเขาแน่ แต่ขณะเดียวกัน แฟนๆ จะยอมรับเรื่องราวที่โชคร้ายหากพวกเขารู้สึกว่าเราแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ถ้าเราทุ่มเทพยายามกันแล้วและเล่นได้น่าดูชม”

 

“ผมเป็นแฟนตัวยงของสิ่งที่แกเร็ธทำ เขาประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผมคาดไว้ แต่คุณไม่สามารถยืนนิ่งเฉยได้ ทุกอย่างต้องมีวิวัฒนาการ ถึงเวลาแล้วที่จะเสี่ยง ที่จะบิดให้เกิดความแตกต่าง การอยู่เฉยในตอนนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"2. โยนแผน 3 เซนเตอร์แบ็กทิ้งไปซะ
จะบอกว่า “ติดมาจากยูโร” ก็คงไม่ใช่ เพราะที่จริง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก 3-4-3 ในยูโร 2020 แค่ไม่กี่นัด เช่นเกมชนะ เยอรมนี 2-0 หรือนัดชิงชนะเลิศกับ อิตาลี เป็นต้น

 

แต่เมื่อมาถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มีอย่างน้อย 2-3 เกมที่ เซาธ์เกต เลือกใช้ 3 เซนเตอร์แบ็กลงสนาม อย่างเกมล่าสุดที่แพ้ อิตาลี 0-1 ก็ใช่ — ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก ไดเออร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขนาบข้างด้วยวิงแบ็ก รีซ เจมส์ – บูกาโย่ ซาก้า

 

จุดนี้คือสิ่งที่ เมอร์ฟี่ มองว่าต้อง “โละทิ้ง” สถานเดียว “ทุกคนต่างรู้ว่า อังกฤษ ไม่ได้ประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์นานกว่าเจ็ดชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เป็นเพราะเราถูกคาดเดารูปแบบการโจมตีได้ง่ายเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนระบบการเล่นจะช่วยได้”

 

“แกเร็ธ ต้องกลับไปเล่นด้วยแนวรับ 4 คน มีไม่กี่ทีมที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก มันเป็นการเล่นที่ระมัดระวังเกินไป การใช้หลังบ้าน 4 คนจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวมากขึ้น มันจะทำให้มีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้นด้วย รวมทั้งเหมาะกับการเล่นของ จู๊ด เบลลิงแฮม หรือ เมสัน เมาท์ เช่นเดียวกัน”

 

“ระบบ 4 กองหลังจะทำให้มีตัวมากขึ้นในเกมรุก และยังเป็นสิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่คุ้นเคย นักเตะจากแมนฯ ซิตี้ เล่นในระบบนี้ ลิเวอร์พูลก็เช่นกัน สโมสรชั้นนำส่วนใหญ่ใช้ระบบนี้ทั้งนั้น”

 

“ไคล์ วอล์คเกอร์ ไม่ได้เล่นด้วยระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กกับ ซิตี้ ในทุกสัปดาห์ ไม่ต่างกันกัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ยูไนเต็ด ส่วนทาง เบลลิงแฮม เล่นแบบ 3 กองกลางกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บูกาโย่ ซาก้า ก็ไม่ได้เป็นวิงแบ็กกับ อาร์เซน่อล อีกแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ แกเร็ธ กำลังทำ เหมือนเขากำลังขุดหลุมฝังกลบตัวเอง”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"3. กลับมาใช้งานแบ็กโฟร์
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว อดีตเจ้าพ่อฟรีคิกแห่งแอนฟิลด์ ย้ำว่า 4-4-2 ปกติ หรือไม่ก็ 4-3-3 หรืออะไรก็ได้–ให้เป็นแผงแบ็กโฟร์ คือหมากการเล่นที่เหมาะสมสุดแล้วของ อังกฤษ อย่าไปคิดอะไรซับซ้อนให้ปวดหัว

 

“หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ เซาธ์เกต คือเขาดูไม่แน่ใจว่าจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากฟูลแบ็กของเขาออกมาได้อย่างไร เมื่อเขาดูเหมือนว่าจะมีตัวเลือกมากเกินไป”

 

“รีซ เจมส์ เป็นเพียงคนเดียวที่เล่นทางด้านขวาในระบบวิงแบ็กเป็นประจำ ส่วนที่เหลือค่อนข้างคุ้นเคยกับแบ็กโฟร์มากกว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คีแรน ทริปเปียร์ ต่างเสนอในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

 

“ผมรู้สึกประหลาดใจที่ไม่เห็น เบน ชิลเวลล์ ทางซ้าย เขารู้ระบบ 3 กองหลังดี เขาได้ลงสนามพอสมควรในซีซั่นนี้ เขาเปลี่ยนเกมให้เชลซีในนัดที่เจอกับเวสต์แฮม ทำประตูหนึ่งลูกและมีส่วนกับอีกหนึ่งประตูด้วย”

 

แต่ที่สำคัญนอกจากการกลับมาใช้แผงแบ็กโฟร์ ก็คือ เซาธ์เกต ต้องตัดสินใจเลือก “ฟูลแบ็กตัวจริง” ของตัวเอง ได้แล้ว — มาช้ายังดีกว่าไม่มา

 

“ถึงเวลาแล้วที่ แกเร็ธ จะต้องเลือกฟูลแบ็ก และมอบความไว้วางใจกับพวกเขาอย่างเต็มที่ สำหรับทีมที่เริ่มจะยิงประตูได้ยากขึ้นอย่างพวกเขา ยิ่งมีตัวสร้างสรรค์เกมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”

 

“ถ้าเขาเลือกจะปรับเป็นแผงแบ็กโฟร์ เซนเตอร์แบ็กของเขาจะสบายใจขึ้นกับการยืนตำแหน่ง แม็กไกวร์ อาจดูแข็งแกร่งในเกมกับอิตาลี แต่เขาไม่อาจหลีกหนีปัญหากับ ยูไนเต็ด ไปได้ และผมอยากเห็น ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้โอกาสลงสนามกับทีมของ เซาธ์เกต มากกว่านี้”

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"4. เชื่อใน เจมส์ แมดดิสัน
ปิดท้าย แดนนี่ เมอร์ฟี่ ชี้ไปที่จุดน่าสนใจอย่างการขาด “ตัวสร้างสรรค์เกม” ของทัพ ทรี ไลออนส์

 

เพราะแม้จะมีตัวดีๆ อย่าง เมสัน เมาท์, เจมส์ วอร์ด-เพราส์ หรือ ฟิล โฟเด้น ไปจนถึงตัวที่ไม่ถูกเลือกมาในทีมชุดเดือนนี้อย่าง แจ็ค กรีลิช, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เจสซี่ ลินการ์ด แต่ผลงานของ อังกฤษ ก็เป็นอย่างที่เห็นกัน พวกเขาไม่อาจปฏิเสธความดีความชอบ (หรอ?!?) ของการที่ยิงใครไม่ได้เลยในรูปแบบโอเพ่นเพลย์ ของ เนชั่นส์ ลีก งวดนี้

 

เมอร์ฟี่ มองว่า คนที่จะตอบโจทย์นี้ได้ คือคนที่ เซาธ์เกต มองข้ามไปตลอดช่วงหลัง — เจมส์ แมดดิสัน

 

“จากเดิมที่สามารถใส่ชื่อได้ 23 คน ฟุตบอลโลกครั้งนี้ แกเร็ธ สามารถยกขบวนนำทีม 26 คนไปกาตาร์ได้ และมันควรจะต้องมีพื้นที่สำหรับ เจมส์ แมดดิสัน”

 

“แม้ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ จะดูมีปัญหาในทีม แต่ก็ยังไม่มีกองกลางชาวอังกฤษคนใดที่สามารถทำประตูและแอสซิสต์ได้มากไปกว่า แมดดิสัน เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการเปิดแนวรับคู่แข่ง แม้ว่าเขาอาจไม่ได้เริ่มด้วยการเป็นตัวจริง แต่คุณก็รู้ว่าเขาจะลงมาและทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ เขาดีในระดับนั้น”

 

“การเล่นที่ไม่ต้องกังวลกับการทำผิดพลาด คือกุญแจสำคัญในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ผู้เล่นจำนวนมากเมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากการเล่นในระดับสโมสรไปสู่ระดับชาติ จะกังวลเรื่องการสูญเสียบอลเพราะจังหวะจ่ายบอลเสี่ยงๆ แต่ แมดดิสัน ไม่เป็นแบบนั้น”

 

สำหรับ แมดดิสัน วัย 25 สร้างผลงานสุดเจ๋งในซีซั่นที่แล้ว ด้วยการตะบันไปถึง 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีม (เจมี่ วาร์ดี้ 17, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ 11, แพ็ทสัน ดาก้า 11) ส่วนซีซั่นนี้ ท่ามกลางฟอร์มบู่ๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ยังยิงได้ถึง 3 ลูกจาก 6 เกมพรีเมียร์ลีก

 

แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา เจ้าของเบอร์ 10 เลสเตอร์ ได้โอกาสลงสนามรับใช้ชาติไปเพียง 1 เกมถ้วนเท่านั้น ด้วยการลงเป็นสำรองครึ่งหลังนัดพบ มอนเตเนโกร ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่อยู่ในทีมชุดล่าสุดนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะไม่ได้เล่นให้อังกฤษก่อนฟุตบอลโลก แกเร็ธ ควรยกเว้นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อ แมดดิสัน”

 

“และก็ไม่สำคัญว่าเขาเคยมีความผิดทางวินงวินัยมาก่อนหรือไม่ หลายคนในทีมชุดนี้ก็เคยได้รับโอกาสครั้งที่สอง ไม่ว่าจะ แจ๊ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น หรือแม้แต่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เองก็เคยถูกตัดชื่อภายหลังมีเรื่องมีราวกับ โจ โกเมซ ส่วน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็มีประเด็นที่กรีซเหมือนกัน”

 

“ฟุตบอลต้องนำหน้าเรื่องอื่นแล้ว และเราจะยิ่งเห็นว่า อังกฤษ ต้องการ แมดดิสัน มากๆ หากว่าพวกเขายังคงล้มเหลวอยู่อีกในเกมกับ เยอรมนี”

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

 

"4 สิ่งที่อังกฤษต้อง 'เปลี่ยน' เพื่อฟุตบอลโลก 2022"

“อังกฤษยังเป็นแชมป์โลกได้!”
แต่ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายเริ่มจะกาชื่อ อังกฤษ ทิ้งจากสารบบแชมป์โลกที่กาตาร์ ทางฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลี ที่เป็นผู้สยบสิงโตโดยตรงใน เนชั่นส์ ลีก กลับมองต่างไปจากคนอื่นๆ เมื่อเชื่อว่า เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ยังคงมีโอกาสดีในการจะเพิ่มจำนวนโทรฟี่ขึ้นในช่วงปลายปีนี้

 

มันโช่ เอ่ยหลังเกมที่ ซาน ซิโร่ ว่า การเปลี่ยนแท็กติกของตนจาก 4-3-3 มาเป็น 3-5-2 ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสุดของชัยชนะ “ระบบเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเรื่องแคแรกเตอร์ ความมุ่งมั่นในการเล่นเกมบุกและควบคุมเกม เรายังขาดประสบการณ์กันอยู่บ้าง นักเตะบางคนของเขาอายุน้อยมาก แต่เราก็เล่นกันได้ดีในวันนี้”

 

“ชัยชนะเกมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อมันช่วยให้เรามีความสงบนิ่งที่จะมุ่งสู่การเป็นแชมป์กลุ่ม เราเอาชนะ อังกฤษ ได้ ซึ่งนี่คือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก”

 

“ในสายตาของผม อังกฤษ คือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้พวกเขาจะแพ้เกมนี้ก็ตาม พวกเขาก็ยังมีโอกาสดีในการคว้าแชมป์โลก”

 

 

 

 

อ้างอิง
DAILY MAIL
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Teamtalk
Sky Sports
Futbol on FanNation

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กองหน้าบราซิลคนไหน…ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022

กลายเป็นปัญหาที่น่ายินดีกับการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกแนวรุกบราซิลแบบล้นมือนับไม่หวาดไม่ไหว และคงต้องปวดหัวเลือกเฟ้นว่าจะเอาใครไปหรือทิ้งใครไว้ที่บ้าน สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2022

 

เป็นปกติที่ขุมกำลัง (squad) ของชาติที่ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก จะถูกจัดสรรแบ่งออกตามตำแหน่ง ผู้รักษาประตู / กองหลัง / กองกลาง / กองหน้า ซึ่งครั้งนี้ เวิลด์ คัพ 2022 ฟีฟ่า อนุญาตให้แต่ละทีมสามารถใส่ final squad ได้ 23-26 คน โดยต้องส่งรายชื่อไม่เกิน 13 พ.ย.

 

ในส่วนของ “กองหน้า” นั่นหมายความรวมถึงทั้งศูนย์หน้าตัวเป้า, ตัวริมเส้น และหน้าต่ำ-เพลย์เมกเกอร์

 

และโดยทั่วไป หลายๆ ชาติก็จะใส่ชื่อตัวเลือกกองหน้าไว้ทำศึกรอบสุดท้ายประมาณ 6-8 ราย ไม่เกินนี้

 

ปัญหา…กำลังเป็นของ บราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

 

คงนับเป็นปัญหาที่น่ายินดีของ ตีเต้ กุนซือ “ลา เซเลเซา” กับการมีตัวเลือกแนวรุกแบบล้นมือ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็แจ่มวาว ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ ไม่อยากจะเลือกใคร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน

 

แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อจะสามารถหิ้วไปได้แค่ 6-7-8 ราย มันจึงต้อง “เลือก” กันหน่อย

 

กองหน้าบราซิล มีใครเข้าข่ายถูกพิจารณาบ้าง เรารวบรวมรายชื่อไว้ได้… 17 คน!

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เนย์มาร์ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
119 นัด 74 ประตู
คงพอพูดได้ว่า นี่คือนักเตะที่ “ดีที่สุด” และเป็นตัวความหวังสูงสุดของ บราซิล ยุคนี้ พร้อมกันกับที่ เนย์มาร์ ก็ต้องแบกรับภาระความกดดันของการพาทีมประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกให้จงได้ ภายหลังเว้นว่างมา 20 ปี หรือก็คือเจเนอเรชั่นของ เนย์มาร์ นี่พอดี

 

เนย์มาร์ ยังอยู่ในเส้นทางของการพังสถิติทั้งหลายแหล่ของ ลา เซเลเซา ไม่ว่าจะ “ยิงประตูสูงสุดตลอดกาล” ของ เปเล่ ที่ทำไว้ 77 ประตู นั่นคือเหลือยิงให้ได้อีกแค่ 4 ลูกเท่านั้น เนย์มาร์ จะแซงหน้าอดีตแข้งเบอร์ 1 โลกอย่างราชาไข่มุกดำขึ้นไป — เผลอๆ จะทำสำเร็จในเบรคทีมชาติงวดนี้ด้วยซ้ำ กับการมีคิวเตะพบ กาน่า และ ตูนิเซีย

 

ขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็รับใช้ชาติไปแล้ว 119 นัด แม้จะตามหลังเจ้าของสถิติติดธงบราซิลสูงสุดตลอดกาลอย่าง มาร์กอส คาฟู (142 นัด) อยู่พอตัว แต่ก็อยู่ในระยะที่สามารถแซงได้เช่นกัน จากที่ตอนนี้ เนย์มาร์ อายุ 30 และยังเหลือเวลาเล่นทีมชาติอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี

 

สำคัญกว่าเรื่องสถิติ คือการยิงในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 โซนอเมริกาใต้ ไปมากถึง 9 ประตู เป็นรองแค่ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ของโบลิเวีย (10 ลูก) รายเดียว และซีซั่นนี้ เนย์มาร์ ก็ลั่นไกให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปแล้วถึง 11 ประตูจาก 11 นัด

 

นอกจากนั้น การที่ ตีเต้ ยังมักถอย เนย์มาร์ ลงต่ำไปยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยปั้นเกมจากตรงกลางและประสานเกมรุกร่วมกับอีก 3 กองหน้า ยังทำให้หมายถึงว่า จะมีแค่ปัญหาบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่จะพราก เนย์มาร์ ให้หลุดออกจากกาตาร์ 2022 ได้

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ริชาร์ลิซอน : สเปอร์ส
36 นัด 14 ประตู
หากว่า เนย์มาร์ คือเพชรเม็ดใหญ่สุดของ บราซิล นาทีนี้ ริชาร์ลิซอน ก็คือคนสำคัญลำดับถัดมา โทษฐานที่เป็น “กองหน้าตัวเป้า” ที่สามารถพึ่งพาและฝากความหวังได้มากที่สุดคนหนึ่ง

 

การเดินทางแบบไต่ระดับจากทีมเล็กไปใหญ่ ฟลูมิเนนเซ่ > วัตฟอร์ด > เอฟเวอร์ตัน > สเปอร์ส คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ริชาร์ลิซอน กำลังเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนในเส้นทางค้าแข้ง และแม้จะต้องเสียเวลาปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ในกรุงลอนดอนอยู่บ้าง แต่ก็ยิงได้แล้ว 2 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

ส่วนในทีมชาติ กองหน้าวัย 25 กดไปแล้ว 14 ลูกจาก 36 นัด อันหมายถึงเล่น 2 นัดต้องมีสัก 1 ตุง เป็นค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดในทีมรองจาก เนย์มาร์ รายเดียว

 

เรื่องได้ไปฟุตบอลโลก 2022 น่ะไปแน่ (ถ้าไม่เจ็บ) แค่ว่าต้องชิงตำแหน่งมงกุฎยอดเพชรกับ กาเบรียล เชซุส เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022วินิซิอุส จูเนียร์ : เรอัล มาดริด
14 นัด 1 ประตู
ยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของการรับใช้ชาติ ภายหลังประเดิมเส้นทางติดธงด้วยความขลุกขลัก บาดเจ็บและโดนตัดออกจาก โคปา อเมริกา 2019 โดยจนถึงตอนนี้ลงสนาม 14 นัด เพิ่งกดไปเม็ดเดียว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ยังฉายแสงไม่มากในทีมชาติ แต่ วินิซิอุส จูเนียร์ (22) คือหนึ่งในดาวรุ่งของฟุตบอลยุคใหม่ที่ถูกยกย่องว่าจะช่วงชิงตำแหน่ง “แข้งตัวท็อปโลก” ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนั่นก็ด้วยผลงานที่ร่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในตลอด 2-3 ปีหลัง

 

ซีซั่นที่แล้วกด 22 ประตูจาก 52 นัด
ซีซั่นนี้ยิงแล้ว 5 ประตูจาก 9 เกม

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีตำแหน่งตัวจริงหรือสำรอง วินิซิอุส ก็คือหมากสำคัญที่ ตีเต้ จะหมางเมินไปเสียมิได้ในภารกิจทวงแชมป์โลกที่กาตาร์

 

โอกาสไปบอลโลก 99%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ : ลิเวอร์พูล
55 นัด 17 ประตู
เป็นหนึ่งในซีเนียร์อายุเกิน 30 ไม่กี่คนของ บราซิล ชุดปัจจุบัน ซึ่งถึงตรงนี้รับใช้ชาติไปแล้ว 55 นัด กด 17 ตุง

 

ตัวเลขพังสกอร์อาจไม่มากนัก แต่ก็เป็นในลักษณะเดียวกันนี้เวลาที่ ฟีร์มิโน่ เล่นให้ ลิเวอร์พูล เนื่องจากแนวทางการเล่นของเขาเน้นเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนรอบข้าง มากกว่าจะเน้นพังตาข่ายด้วยตัวเอง (นานๆ ยิงที ก็ยิงแบบไม่มองลูก ไรงี้)

 

แม้โดยชื่อชั้นและประสบการณ์ในทีมชาติ จะทำให้ ฟีร์มิโน่ ไม่น่าพลาดแทรกตัวไปเป็นหนึ่งในขุนพล ลา เซเลเซา แต่ด้วยการที่จะเป็น “หอกเป้าตัวเลือกที่ 3” ถัดจาก กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน พ่วงด้วยฟอร์มที่ค่อนข้างแผ่วกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ ก็ทำให้แอบเสียวๆ ว่า ฟีร์มิโน่ เสี่ยงจะหลุดโผอย่างเซอร์ไพรส์เอาได้เหมือนกัน

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ราฟินญ่า : บาร์เซโลน่า
9 นัด 3 ประตู
กระโดดข้ามขั้นจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปสู่ยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ ด้วยค่าตัวสมน้ำสมเนื้อ 50 ล้านปอนด์ และตัวริมเส้นวัยเบญจเพสก็มีที่ยืนชัดเจนในทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ

 

ส่วนกับทีมชาติบราซิล ก็ดูเหมือนจะถูกโฉลกไม่น้อย ด้วยการกดไปแล้ว 3 ประตูจากการลงสนามแค่ 9 เกม หลังเพิ่งเริมติดธงเมื่อกลางปีที่แล้ว

 

ด้วยความครบเครื่อง ชงเองกินเองได้ ยิงประตูได้จากทุกพื้นที่ของสนาม รวมทั้งการเก็บเกี่ยวชั่วโมงบินกับยอดทีมอย่าง บาร์ซ่า ก็ทำให้ ราฟินญ่า จะเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของ ตีเต้ ดีไม่ดีจะยึดตัวจริงไปยาวๆ

 

โอกาสไปบอลโลก 80%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อันโตนี่ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
9 นัด 2 ประตู
เจ้าของค่าตัว 100 ล้านยูโรคนล่าสุดของวงการ (95+5) ยังอยู่ในช่วงทำความรู้จักกับฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็ประเดิมยิงใส่ อาร์เซน่อล ไปแล้ว ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยพลิกล็อก 3-1

 

ประเด็นคือ อันโตนี่ ต้องสร้างความสม่ำเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้โดยเร็ว และเค้นฟอร์มสวยๆ ออกมาไม่แพ้ตอนที่อยู่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นั่นถึงจะมีการันตีว่าเขาจะถูกจิ้มเลือกจาก ตีเต้ ให้ไปแอ่วกาตาร์

 

กระนั้นด้วยความห้าวเป้งสดใหม่ของแข้งวัย 22 ก็ทำให้ “มีไว้ดีกว่าไม่มี” อย่างน้อยคือหิ้วไป “ฝึกงาน” ก่อนใช้จริงๆ จังๆ ใน เวิลด์ คัพ ครั้งถัดๆ ไป

 

โอกาสไปบอลโลก 60%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มาเตอุส คุนญ่า : แอตฯ มาดริด
7 นัด 0 ประตู
เป็นตัวหลักชุดยู-23 และโอลิมปิกเกมส์ของบราซิล ชนิดมีสถิติกระหน่ำสุดประทับใจ 21 ประตูจากการเล่นแค่ 24 นัด อย่างไรก็ตาม ในการยกระดับขึ้นเล่นชุดใหญ่ มาเตอุส คุนญ่า ยังดูสอบไม่ผ่านเท่าไหร่ ยังเบิกสกอร์ไม่ได้จากการลงสนาม 7 นัด

 

เช่นกัน การยกระดับระดับสโมสร จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด (25-30 ล้านยูโร) ก็ยังลงหลักปักฐานสร้างฟอร์มดีๆ ไม่ได้มาก ซีซั่นก่อนยิง 7 ประตู ซีซั่นนี้ยังเป้าสะอาด

 

ดังนั้น โอกาส 50-50 ในตอนนี้ ถ้าไม่รีบเค้นฟอร์มในเดือนกว่าๆ สุดท้ายก่อนบอลโลก ก็เห็นทีว่าคงโดนตัดชื่อในที่สุด

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022โรดรีโก้ โกเอส : เรอัล มาดริด
5 นัด 1 ประตู
ย้ายจากบ้านเกิด (ฟลาเมงโก้) มาขึ้นฝั่งสเปนกับ เรอัล มาดริด ตามหลังเพื่อนร่วมรุ่น (แก่กว่า 1 ปี) วินิซิอุส จูเนียร์ 1 ปี และก็ได้ลงสนามสม่ำเสมอกับทีมชุดขาวมาตลอด แม้ผลงานอาจดูเป็นรอง วินิซิอุส อยู่บ้างก็ตาม

 

ปัญหาของ โรดรีโก้ คือการที่ ตีเต้ มีตัวเลือกดีๆ ในตำแหน่งริมเส้นเป็นเบือเป็นบาน และเขายังไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องรีบใช้งานเจ้าหนูอายุ 21 รายนี้ เร็วเกินไป

 

ดูทรง ก็คงคล้ายๆ อันโตนี่ ว่าเอาไปฝึกงานที่กาตาร์ก่อน ค่อยใช้เต็มที่ในรายการต่อๆ ไปได้ ไม่เสียโควตา

 

โอกาสไปบอลโลก 70%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปโดร : ฟลาเมงโก้
1 นัด 0 ประตู
น้องใหม่ในทีมบราซิลชุดเตะลับแข้งเดือนนี้ – เปโดร กิเยร์เม่ อาบรู โดส ซานโตส “เปโดร” หัวหอกตัวเป้าวัย 25 จาก ฟลาเมงโก้

 

ความที่ไม่เคยติดธงมาก่อนเลย ทำให้โอกาสจะแซงหน้าแซงตาพวกรุ่นพี่ไปลุยฟุตบอลโลก 2022 คงมีไม่เกิน 10-20% เท่านั้น

 

เรื่องเล่าของ เปโดร อยู่ที่ระดับสโมสรมากกว่า เมื่อเขาเคยได้ย้ายจาก ฟลูมิเนนเซ่ ไปเข้าสังกัด ฟิออเรนติน่า ที่อิตาลีเมื่อ ก.ย. 2019 ด้วยค่าตัวไม่เบา 11 ล้านยูโร โดยทำสัญญายาว 5 ปี แต่ปรากฏได้ลงสนามแค่ 4 นัดรวมเวลาแค่ 59 นาที ก็ย้ายยืมกลับบราซิลซบ ฟลาเมงโก้ ตอนเปิดตลาดหน้าหนาว 2020 อย่างด่วน ก่อนย้ายขาด 15 ล้านยูโร ในเวลาต่อมา

 

โอกาสไปบอลโลก 5%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล เชซุส : อาร์เซน่อล
56 นัด 19 ประตู
ไม่ติดอยู่ในทีมลับแข้งของเดือนนี้อย่างเซอร์ไพรส์ แต่ก็คาดว่าเป็นเพราะ ตีเต้ อยากเปิดโอกาสให้ กาเบรียล เชซุส ได้พัก และ “ลองของ” ใช้งานตัวอื่นๆ บ้าง เท่านั้น

 

กับรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ ตีเต้ จะมองข้ามกองหน้าวัย 25 ไปหาตัวเลือกอื่น ด้วยผลงานที่ กาเบรียล เชซุส สร้างไว้ตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 236 นัด 95 ประตู
อาร์เซน่อล ซีซั่นนี้ 8 นัด 4 ประตู
ทีมชาติบราซิล 56 นัด 19 ประตู

 

ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 1 สมัย หนก่อนที่รัสเซีย โดยเป็นหอกเป้าตัวเลือกแรกสุด ลงตัวจริงครบทั้ง 5 นัด แต่กลับไม่อาจเบิกสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว (ก่อน บราซิล แพ้ เบลเยียม 1-2 ตกรอบ 8 ทีม) และนั่นจะเป็นแรงกระตุ้นพิเศษให้เจ้าตัว สำหรับการคลำเป้าให้ได้ในฟุตบอลโลก 2022

 

โอกาสไปบอลโลก 90%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ : อาร์เซน่อล
3 นัด 0 ประตู
แม้จะเป็นตัวจริงเคียงข้างกันที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่สถานการณ์ในทีมชาติบราซิลของ 2 กาเบรียล — มาร์ติเนลลี่ กับ เชซุส ค่อนข้างแตกต่างกันมาก

 

อย่างที่ว่าไว้ข้างต้นว่า กาเบรียล เชซุส คงไม่พลาดไปกาตาร์เมื่อยังคงน่าจะเป็นตัวเลือกเบอร์ 1-2 ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของ ตีเต้ แต่กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แล้ว เอาแค่ให้ถูกเลือก ได้มีชื่อติดธงไป–แบบไม่ต้องลงก็ได้ ก็ต้องถือว่า “ถูกหวย” เข้าแล้ว

 

หนึ่งคืออายุอานามเพิ่ง 21 อีกหนึ่งคือเพิ่งเคยเล่นทีมชาติชุดใหญ่ไปแค่ 3 นัด แถมอีกหนึ่งก็คือ ริมเส้นแซมบ้าตัวเลือกดีๆ กว่าเขา มีอีกเพียบ!

 

โอกาสไปบอลโลก 30%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022กาบิโกล : ฟลาเมงโก้
18 นัด 5 ประตู
กลายเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าเคล้าน้ำชากับเส้นทางของ กาเบรียล บาร์โบซ่า “กาบิโกล” ในตอนที่ย้ายจาก ซานโตส ไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวเหยียบ 30 ล้านยูโรเมื่อปี 2016 ปรากฏทำไปทำมาก็ “แจ้งดับ” ไม่ผุดไม่เกิด แทบไม่ได้เล่นและถูกส่งออกยืมไปทั้ง เบนฟิก้า, ซานโตส และ ฟลาเมงโก้ ก่อนย้ายขาดไป ฟลาเมงโก้ 18 ล้านยูโรในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ยิงกระจายในลีกบ้านเกิด มีปีที่ยิง 43 ลูกบ้าง 34 ลูกบ้าง ทำให้ กาบิโกล ได้โอกาสจาก ตีเต้ ไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในขวบปี 2021 ได้ลงสนามเกมทีมชาติถึง 12 นัด และซัดไป 3 ประตู

 

ในวัย 26 และการลงหลักปักฐานกับ ฟลาเมงโก้ เป็นอย่างดีมาตลอดสี่ซ้าห้าปีหลัง จึงเป็นคำถามว่า ตีเต้ จะยังคงเปิดทางให้ กาบิโกล อยู่หรือไม่ โดยเมื่อมองจากตอนนี้ โอกาสอยู่ที่ 50/50 เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 50%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022อาร์ตูร์ กาบรัล : ฟิออเรนติน่า
0 นัด 0 ประตู
ระเบิดฟอร์มกับ บาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการยิง 65 ประตูในสองซีซั่นครึ่ง จน ฟิออเรนติน่า คว้าเข้าคอกเมื่อตลาดหน้าหนาวซีซั่นก่อน แต่ก็ดูยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับบอลอิตาลีอีกเยอะ เมื่อเพิ่งยิงไปแค่ 3 ลูก หนึ่งในนั้นเป็น 1 ประตูของซีซั่นนี้

 

อาร์ตูร์ กาบรัล เคยถูกเรียกไปติดธงแซมบ้ามาเมื่อ ต.ค. 2021 ในคิวคัดเลือกบอลโลก 2022 เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม และถ้าจับพลัดจับผลูถูกเรียกไปกาตาร์ขึ้นมา ก็คงถือเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022มัลคอม : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
0 นัด 0 ประตู
สร้างชื่อกับ บอร์กโดซ์ จน บาร์เซโลน่า ทุ่ม 42 ล้านยูโรคว้าไปเสริมแกร่งริมเส้นเมื่อปี 2018 แต่ปรากฏไม่อาจแจ้งเกิดได้ ลงสนามแค่ 24 นัด (2 ประตู) ในซีซั่น 2018/19 ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

 

ที่น่าตกตะลึงมากกว่าคือหลังจบซีซั่นนั้น เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หอบเงินมา 40+5 ล้านยูโร ซื้อต่อไปร่วมทีม ทำให้ บาร์ซ่า อนุมัติปล่อยตัวแบบไม่ต้องคิดมาก ยอมขาดทุนล้านสองล้านหยวนๆ ไป

 

การย้ายไปรัสเซีย ทำให้ชื่อของ มัลคอม ค่อยๆ หายไปจากสารบบด้วย เพราะแม้จะเป็นตัวหลักของ เซนิต แต่ทั้งไกลปืนเที่ยง ทั้งปัญหาสงคราม ก็ทำให้ ตีเต้ ไม่เคยเรียกตัว มัลคอม ไปติดธงมาก่อนเลย แม้จะเคยมีผลงานแจ่มๆ ในโอลิมปิก 2020 (2021) ที่โตเกียว ด้วยการยิงประตูชัยสยบ สเปน 2-1 ส่งบราซิลคว้าเหรียญทองได้ก็ตาม

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022ดาวิด เนเรส : เบนฟิก้า
7 นัด 1 ประตู
อีกหนึ่งรายที่ “หายต๋อม” อย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ครั้งหนึ่ง ดาวิด เนเรส เคยถูกยกย่องอย่างสูง รวมถึงเคยถูกเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายราย หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด ที่มีข่าวยื่น 50 ล้านยูโรเข้าทาบทาม

 

แต่ดูเหมือนการเลือกไม่ย้ายในครั้งนั้นจะเป็นการเดินหมากที่ผิด เวลาต่อมา เนเรส ค่อยๆ หลุดจากทีมตัวจริงอาแจ็กซ์ กระทั่งถูกขายไป ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 15+2 ล้านยูโร ต่อด้วยย้ายไป เบนฟิก้า 15 ล้านยูโรในซีซั่นนี้

 

การหายจากสปอตไลท์ ก็ทำให้ เนเรส หลุดจากโผบราซิลของ ตีเต้ ไปด้วย โดยไม่ถูกเรียกตัวมา 3 ปีแล้ว หลังจากลงเล่นไป 7 เกมภายในช่วงปี 2019

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เปาลินโญ่ : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
0 นัด 0 ประตู
คนละ เปาลินโญ่ อดีตกองกลางสเปอร์สเจ้าของหมวกทีมชาติ 56 ใบ นี่คือ เปาลินโญ่ เอ็นริเก้ ซัมไปโย่ ฟิลโญ่ กองหน้าวัย 22 ที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ดึงตัวจาก วาสโก ดา กาม่า มาปลุกปั้นต่อตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

 

ถูกคาดหมายว่าอนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในผู้ช่วงชิงตำแหน่งหอกเป้าทีมชาติบราซิล แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ใช่ฟุตบอลโลก 2022 หลังจากที่ผ่านมา เคยเล่นแต่ทีมเยาวชน และไปโอลิมปิกที่โตเกียว เท่านั้น

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

 

กองหน้าบราซิลคนไหน...ได้ไป-ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2022เอวานิลสัน : ปอร์โต้
0 นัด 0 ประตู
อีกหนึ่งดาวรุ่งวัย 22 ที่เคยอยู่ในทีมเยาวชนแซมบ้ามาก่อน แต่ก็ยังไม่เคยเล่นชุดใหญ่เช่นเดียวกับ เปาลินโญ่

 

ปอร์โต้ ดึงตัวมาจาก ตอมเบนเซ่ เมื่อสองปีก่อน และสร้างชื่อในโปรตุเกสได้กับซีซั่นที่แล้ว ที่ยิงรวม 21 ประตู เป็นในลีกซะ 14 และในบอลถ้วยฝอยทอง 7 ลูก นับเป็นแข้งรายแรกถัดจาก มาริโอ ยาร์เดล (1997/98) ที่ยิงได้เกิน 6 ลูกในบอลถ้วยซีซั่นเดียว

 

โอกาสไปบอลโลก 1%

 

 

สรุปโผตัวรุกบราซิลที่คาด
ไปฟุตบอลโลก 2022 : เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, วินิซิอุส จูเนียร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ราฟินญ่า, อันโตนี่, โรดรีโก้ โกเอส, กาเบรียล เชซุส
นอนดูบอลโลกอยู่บ้าน : เปโดร, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, อาร์ตูร์ กาบรัล, มัลคอม, ดาวิด เนเรส, เปาลินโญ่, เอวานิลสัน
ลุ้นระทึก 50/50 : มาเตอุส คุนญ่า, กาบิโกล

 

 

ไกด์เถื่อน
(โอกาสไปบอลโลก 0%)

อ้างอิง
WIKIPEDIA

ภาพประกอบ
Getty Images
Twitter

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022

เบรคสุดท้าย…ก่อนฟุตบอลโลก 2022

ไม่ว่าจะเผลอหรือไม่ วันเวลาก็พาเรามาถึงเบรคทีมชาติช่วงสุดท้ายท้ายสุดแล้ว ก่อนรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 จะโรมรัน

 

ในขณะที่เรากำลังตกตะลึงไปกับความร้อนแรงยิงสลุตไม่แผ่วของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์
กำลังจับตาการฟื้นคืนชีพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เอริก เทน ฮาก
กำลังเป็นพยานการเดินด้วยความแข็งแกร่งไร้เทียมทานของ เรอัล มาดริด
กำลังเลิกคิ้วสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ ยูเวนตุส ของ แม็กซ์ อัลเลกรี
หรือกำลังต้องปาดเหงื่อลุ้นหนักกับเส้นทางของ เชลซี ในถ้วยบิ๊กเอียร์

 

ใครบางคนคงแอบส่ายหัว… แหม่วุ้ย ทีมชงทีมชาติช่างมาขัดจังหวะกันเสียจริง

 

แต่อย่างที่ได้เอ่ยถึงไว้ในเรื่อง “ก่อนบอลโลก มีเกมทีมชาติอีกไหม?” เมื่อสักสองเดือนก่อน ว่านี่คือคิวทีมชาติที่สุดแสนจะ “จำเป็น” และ “ต้องมี” แบบไม่อาจเลี่ยงหรือบอกผ่านได้ เพื่อที่จะให้บรรดา 32 ชาติสมาชิกผู้เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ได้เตรียมทีมลองของกันเป็นหนท้ายๆ มากๆ ก่อนที่ เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ จะมาถึงในอีกแค่ 2 เดือนข้างหน้าเท่านั้น

 

หลุดจากงวดนี้ไปจะเหลือเพียงช่วง “เตรียมทีม” ลุยรอบสุดท้ายปลายเดือน 11 (20 พ.ย. เปิดสนามบอลโลก) ประมาณไม่เกิน 1-2 สัปดาห์เท่านั้น และหลายๆ ทีมก็ยังไม่ได้วางโปรแกรมลับแข้งเป็นทางการไว้ในช่วงนั้นด้วย

 

เบรคทีมชาติเดือนนี้ ชาติยุโรปหลายชาติยังต้องเคลียร์ตอนจบของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ว่าจะจบด้วยความสำเร็จหรือล้มเหลว ส่วน 2 ยักษ์ใหญ่อเมริกาใต้ บราซิล-อาร์เจนติน่า เดิมทีมีคิวต้องรีแมตช์กันเอง แต่ปรากฏว่า “งานล่ม” เรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างแยกไปเตะเกมลับแข้งของตัวเอง — เพราะอะไร งานนี้มีคำตอบ

 

อย่างที่ว่า นี่คือโปรแกรมอย่างเป็นทางการหนสุดท้ายจริงๆ แล้วก่อน ฟุตบอลโลก 2022 จะมา ความหมายที่เชื่อมโยงต่อเนื่องก็คือ นักเตะรายไหนจะได้ไปบอลโลกแน่ๆ หรือคนไหนมีแนวโน้มหลุดโผ ได้แค่ดูบอลโลกผ่านจอทีวี ก็สามารถ “จับสังเกต” ได้เหมือนกันจากการเรียกตัวคราวนี้

 

ฉะนั้น เมื่อความสำคัญของ “เบรคทีมชาติ” กันยายน 2022 มีมากขนาดนี้ จึงสมควรสอดส่ายสายตาหากันหน่อยว่าแต่ละทีมมีคิวแบบใด สถานการณ์เป็นอย่างไร ขุมกำลังสภาพทีมมาทรงไหน แบบครบจบในตอนเดียว!

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อังกฤษ

23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อิตาลี (ซาน ซิโร่, มิลาน)

26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เยอรมนี (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนคนรักบอลบ้านเรา เหลือโปรแกรมเช็คบิล เนชั่นส์ ลีก ลีกเอ กลุ่ม 3 สองนัดสุดท้าย แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า “เสื่อมความหมาย” ไปพอตัว จากการที่เตะ 4 นัดแรกชนะใครไม่เป็น เสมอ 2 แพ้ 2 รั้งบ๊วยของกลุ่ม

 

อังกฤษ หมดลุ้นคว้าแชมป์กลุ่มเพื่อเข้ารอบชิงแชมป์ไปเรียบร้อย ที่ยังเหลืออยู่มีแค่ต้อง “หนีบ๊วย” ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้นสู่ ลีกบี 2024/25 เท่านั้นเอง

 

ดังนั้น ประเด็นสำคัญของเบรคทีมชาติงวดนี้ จึงอาจไม่ได้อยู่ที่แมตช์หรือผลลัพธ์สักเท่าไร แต่เป็นโฉมหน้าของขุมกำลังที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวไปติดธง มากกว่า

 

โฟกัสอยู่ที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อดีตเซนเตอร์แบ็กตัวแกร่ง…ที่เอาฟอร์มไปทิ้งแถวทะเลจีนใต้มาเป็นปีๆ แล้ว

 

ซีซั่นนี้ลงตัวจริง 4 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้มันซะ 3 เกม (1-2 ไบรท์ตัน, 0-4 เบรนท์ฟอร์ด, 0-1 เรอัล โซเซียดัด) ตรงกันข้าม เกมไหนที่ เอริก เทน ฮาก ไม่ใช้งานกัปตันทีมวัย 29 รายนี้ ปีศาจแดงก็มีเฮมันทุกนัด!

 

ด้วยฟอร์มที่ออกทะเลแบบเห็นจัดชัดจริง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เซาธ์เกต ไม่ควรเรียก แม็กไกวร์ มาติดธงอีกแล้ว และควรเปิดทางให้ เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล) หรือ ไทโรน มิงส์ (วิลล่า) มากกว่า

 

แต่ก็น่าสนใจว่า เซาธ์เกต เรียกตัวนักเตะตำแหน่งกองหลังมาร่วมทีมมากถึง 12 ราย ในจำนวนนี้มีเซนเตอร์แบ็ก 6-7 รายด้วยกัน (แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, เอริก ไดเออร์, คอนเนอร์ คอดี้, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์ก เกฮี รวมถึง ไคล์ วอล์คเกอร์) ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่า แม็กไกวร์ จะได้เล่นแน่ๆ …แต่ถ้ายังได้ลงตัวจริงอีก ก็ตัวใครตัวมัน!

 

squad สิงโตชุดล่าสุดนี้ หน้าใหม่จริงๆ มีแค่ ไอแวน โทนี่ย์ ตัวจบสกอร์หลักของ เบรนท์ฟอร์ด รายเดียวที่ไม่เคยถูกเรียกตัวมาก่อน ในขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด หลุดไปเนื่องจากบาดเจ็บ

 

ส่วนที่โดนมองข้าม มีทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), เจดอน ซานโช่ (แมนฯ ยูไนเต็ด), เบน ไวท์ (อาร์เซน่อล), เอมิล สมิธ โรว์ (อาร์เซน่อล), คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี) และ เจสซี่ ลินการ์ด (ฟอเรสต์)

 

แน่นอนว่า 7-8 รายหลังสุดนี้ คงต้องใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสองเดือนสุดท้ายก่อนบอลโลก จะได้ไปแอ่วกาตาร์หรือไม่ ล้วนแต่อยู่ในข่าย “ต้องลุ้นหนัก”

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ฝรั่งเศส
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ออสเตรีย (สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เดนมาร์ก (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

แชมป์โลก 2 สมัย ตราไก่ ฝรั่งเศส ตกที่นั่งเดียวกับสิงโตคำราม อังกฤษ ไม่ผิดเพี้ยน จากการเสมอ 2 แพ้ 2 ในสี่เกมแรก หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว เหลือแค่เตะหนีบ๊วย ไม่ให้ตัวเองต้องตกชั้น

 

ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้ซึ่งกุมบังเหียนตราไก่มาครบ 10 ปีเต็มไปเรียบร้อย (130 นัด ชนะ 83 มี 2 โทรฟี่แชมป์) ขาดขาประจำที่มีอาการบาดเจ็บเยอะทีเดียว ทั้ง ปอล ป๊อกบา, อูโก้ โยริส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, เตโอ กับ ลูคัส เอร์นันเดซ, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, อิบราฮิมา โกนาเต้, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, คิงสลี่ย์ โกม็อง และ คาริม เบนเซม่า

 

เพียงแต่ตัวที่ยังอยู่ ก็ล้วนแล้วแต่ฝีเท้าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น นำขบวนโดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อุสมัน เดมเบเล่ ยุคกลับมาแจ้งเกิดใหม่, จอมเก๋า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อองตวน กรีซมันน์, คริสตอฟเฟอร์ เอ็นคุนคู, ราฟาแอล วาราน, ชูลส์ คุนเด้ ฯลฯ

 

จุดน่าสนใจอยู่ที่แดนกลาง เป็นหน้าใหม่แทบทั้งแผง ตัวเลขห้อยท้ายคือจำนวนการติดทีมชาติในช่วงที่ผ่านมา
ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (เรอัล มาดริด) 12
มัตเตโอ เก็นดูซี่ (มาร์กเซย) 6
จอร์แดน เวเรตูต์ (มาร์กเซย) 5
เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า (เรอัล มาดริด) 3
ยุสซูฟ โฟฟาน่า (โมนาโก) 0

 

ด้านพวกที่หลุดเนื่องด้วยการพิจารณาของ เดส์ชองส์ และอยู่ในความเสี่ยงจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลก ประกอบด้วย วิสซาม เบน เยแดร์ (เซบีย่า), เกลม็องต์ ลองเล่ต์ (สเปอร์ส), เคิร์ต ซูม่า (เวสต์แฮม) หรือแม้แต่ มาร์กซิยาล (แมนฯ ยูไนเต็ด) ถ้ายังออดๆ แอดๆ อยู่แบบนี้ บอลโลกก็ไม่ชัวร์เหมือนกัน

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022สเปน
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สวิตเซอร์แลนด์ (ลา โรมาเรด้า, ซาราโกซ่า)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปรตุเกส (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

ต้องชิงแชมป์กลุ่ม 2 ลีกเอ กับทาง โปรตุเกส แต่เกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ก็สำคัญกับทัพ กระทิงดุ สเปน ไม่แพ้กัน เนื่องจากถ้าชนะสวิสส์ได้ จะต้องการเพียงผลเสมอเท่านั้นในเกมกับทีมฝอยทอง (แต่ก็ห้ามแพ้แหละ)

 

หลุยส์ เอ็นริเก้ เปลี่ยนทีมอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว นอกเหนือตัวที่บาดเจ็บ (ลาป๊อร์กต์, ติอาโก้, โอยาร์ซาบัล) แล้ว ที่หลุดโผไปอย่าง อันซู ฟาติ, โรดริโก้ โมเรโน่, ดานี่ โอลโม่, เซร์จี้ โรเบร์โต้, มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ เซร์คิโอ เรกีลอน ล้วนเหมือนมี “คำเตือน” แปะหน้าว่าต้องรีบเร่งเค้นฟอร์มโดยด่วน ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกเป็นแน่

 

แต่ที่น่าจะ “พลาดบอลโลก” ค่อนข้างแน่–อย่างน่าประหลาดใจ ดูเหมือนจะมีแน่ๆ แล้ว หนึ่งราย นั่นคือ ดาบิด เด เคอา

 

แม้จะมาตรฐานสูงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด (สลับกับออกลูกเหวอเป็นพักๆ) แต่ช่วง 2-3 ปีหลังก็ได้ลงสนามรับใช้ชาติอย่างจำกัดมาตลอด (ไม่ได้เล่นเลยในชุดตกตัดเชือก ยูโร 2020) ครั้นมาชุดนี้ก็หลุดออกมาเลย ไม่เป็นหนึ่งในสามตัวเลือกนายทวารของ หลุยส์ เอ็นริเก้ อีกแล้ว

 

คนที่ เอ็นริเก้ เลือกไปติดธง มี อูไน ซิมอน (บิลเบา), โรเบิร์ต ซานเชซ (ไบรท์ตัน) และ ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เยอรมนี
23/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฮังการี (เร้ดบูลล์อารีน่า, ไลป์ซิก)
26/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ อังกฤษ (เวมบลีย์, ลอนดอน)

 

ตามหลัง ฮังการี 1 แต้ม แต่ก็ได้ลุ้นแชมป์กลุ่ม 3 ลีกเอ เต็มเหนี่ยว โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดกับ ฮังการี โดยตรงในวันศุกร์ ถ้าชนะได้จะแซงขึ้นจ่าฝูงทันที ก่อนเกมสุดท้าย

 

ฮันซี่ ฟลิค ที่ยังทำทีมไม่แพ้ใครสักนัดหลังผ่านไป 13 เกม (ชนะ 9 เสมอ 4) แทบไม่ได้เปลี่ยนทีมจากช่วงหลังๆ โดยขาดสำคัญๆ แค่ มาร์โก รอยส์ ที่บาดเจ็บ รายเดียว

 

นั่นหมายความว่า โฉมหน้าทีมชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ของ เยอรมนี ก็จะเป็นทีมประมาณนี้แหละ – นอยเออร์, สเตเก้น, ทรัปป์, รูดิเกอร์, ซูเล่, กินเทอร์, ชล็อตเตอร์เบ็ค, คิมมิช, กุนโดกัน, โกเร็ตซ์ก้า, ฮาแวร์ตซ์, มูเซียล่า, มุลเลอร์, แวร์เนอร์, ซาเน่, นาบรี้

 

ที่ยังไม่ชัวร์จะได้ไปกาตาร์ (แต่อยู่ในทีมชุดนี้นะ) อาจมีอย่างพวก ลูคัส เอ็นเมช่า (โวล์ฟสบวร์ก) หรือ อาร์เมล เบลล่า-ค็อตชัป (เซาธ์แฮมป์ตัน) ประมาณนี้

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เนเธอร์แลนด์
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โปแลนด์ (นาโรโดวี่, วอร์ซอว์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เบลเยียม (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

อีกหนึ่งทีมที่มีแฟนเยอะในบ้านเรา แต่ยังไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเล็กๆ ว่าด้วยความที่ เนชั่นส์ ลีก ยังไม่จบ แต่รอบสุดท้ายบอลโลกมาคอยท่าแล้ว ปรากฏว่าพวกเขาได้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีม “ต่างทวีป” ทั้งสิ้น ทั้ง เซเนกัล, เอกวาดอร์ และเจ้าภาพ กาตาร์ ก็ทำให้อาจเจอปัญหากับบอลต่างสไตล์ ไม่ค่อยรู้หน้าค่าตาแบบนี้ได้เหมือนกัน

 

สำหรับในเนชั่นส์ ลีก ทีมกังหันอยู่ในจุดที่ดีของการคว้าแชมป์กลุ่ม จากการมีแต้มเหนือ เบลเยียม 3 คะแนน (10:7) นั่นหมายถึงถ้าชนะ โปแลนด์ ได้ จะต้องการแค่ผลเสมอจากเกมส่งท้าย ปะทะปีศาจแดงแห่งยุโรป เท่านั้น

 

ส่วนขุมกำลังชุดนี้ คุณปู่ หลุยส์ ฟาน กัล เปลี่ยนทีมพอสมควรจากชุดก่อนๆ ที่หลุดไปด้วยหลายเหตุผล (เจ็บบ้าง ฟอร์มไม่เข้าตาบ้าง) มีทั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, ลุค เดอ ยอง, ดอนเยลล์ มาเลน, อาร์โนต์ ดันยูม่า, ไรอัน กราเฟนเบิร์ก, ฮานส์ ฮาเตบัวร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ถ้ายังคงนั่งสำรองก้นด้านกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป ก็บอกลาฟุตบอลโลก 2022 ได้เลย

 

ด้าน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, มัทไธส์ เดอ ลิกท์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, ดาลี่ย์ บลินด์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, เมมฟิส เดอปาย, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์, โคดี้ กัคโป ยังมีที่ทางในทีมตามเดิม เพิ่มเติมด้วย วินเซนต์ ยานส์เซ่น (28) อดีตดาวดับของ สเปอร์ส ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ รอยัล อันท์เวิร์ป คืนสู่ทำเนียบทีมชาติหนแรกในรอบหลายปี

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เบลเยียม
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เวลส์ (คิง โบดวง, บรัสเซลส์)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ เนเธอร์แลนด์ (โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม)

 

ปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่เวลานี้หล่นจากเบอร์ 1 มาเป็นเบอร์ 2 อันดับโลก ฟีฟ่าแรงกิ้ง (เสียตำแหน่งให้บราซิล) อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคว้าชัยชนะให้ได้ทั้ง 2 เกมที่เหลือ เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มมาจาก เนเธอร์แลนด์ ให้ได้ จากการตามหลังอยู่ 3 แต้มในตอนนี้

 

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ยังคงยึดทีมเดิมๆ เป็นแกน ชนิดหลับตาก็นึกชื่อออก ไม่ว่าจะ เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์, ธอร์แกน อาซาร์, ยานนิค การ์รัสโก้, ยูรี่ ตีเลอมันส์, ดรีส เมอร์เทนส์ หรือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

 

อย่างไรก็ตาม โรเมลู ลูกากู ดาวยิงอินเตอร์ มิลาน บาดเจ็บจนไม่อยู่ในทีมชุดนี้ ในขณะที่ ดิว็อค โอริกี้ ที่เงียบฉี่กับ เอซี มิลาน หรือ คริสเตียน เบนเตเก้ ที่ไปแสวงโชคในสหรัฐฯ กับ ดี.ซี. ยูไนเต็ด แล้วนั้น ไม่ถูกเรียกตัวมาติดธง แต่กลับยังมี มิชี่ บัตชูอายี่ (28) ที่ย้ายจาก เชลซี ไปยัง เฟเนร์บาห์เช่ อยู่ในทีม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022โปรตุเกส
24/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สาธารณรัฐเช็ก (ซิโนโบ, ปร้าก)
27/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ สเปน (มูนิซิปัล, บราก้า)

 

เจ้าของแชมป์ยูโร 2016 ถูกประเมินเป็นเพียง “ม้านอกสายตา” สำหรับการคั่วแชมป์โลกที่กาตาร์ ด้วยฟอร์มที่ดร็อปลงไปค่อนข้างเยอะของตัวชูโรงอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ว่าในขณะเดียวกันยังมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, บรูโน่ แฟร์นันเดส, ชูเอา เฟลิกซ์, ราฟาเอล เลเอา หรือ ดีโอโก้ โชต้า เป็นตัวความหวัง ก็ตาม

 

รายชื่อข้างต้น ต่างยังคงอยู่ในทีมของ แฟร์นันโด ซานโตส ทั้งหมด ส่วนที่หลุดไปมีอาทิ อันเดร ซิลวา (แอร์เบ ไลป์ซิก), กอนซาโล่ เกเดส (วูล์ฟส์), ฟรานซิสโก้ ตรินเกา (สปอร์ติ้ง), เรนาโต้ ซานเชซ (เปแอสเช) รวมถึง ชูเอา มูตินโญ่ (วูล์ฟส์) ที่อายุปาไป 36 แล้ว

 

สำหรับสถานการณ์ใน เนชั่นส์ ลีก ทีมฝอยทองอยู่ในสถานะเป็นรอง สเปน จากการมีแต้มตามหลัง 1 คะแนน หมายถึงอย่างน้อยต้องชนะ สาธารณรัฐเช็ก เป็นอันดับแรก แล้วก็มีโอกาสสูงที่ยังต้อง “บังคับชนะ” สเปน ในเกมสุดท้ายอีกทีเพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เดนมาร์ก
22/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ โครเอเชีย (มักซิเมียร์, ซาเกร็บ)
25/09 ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก พบ ฝรั่งเศส (พาร์เค่น, โคเปนเฮเก้น)

 

อีกหนึ่งชาติยุโรปที่ถูกมองจากหลายฝ่ายว่ามีสิทธิ์ทำเซอร์ไพรส์ ถัดจากการเข้าถึงตัดเชือกยูโร 2020, การตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นชาติที่ 3 (ถัดจาก กาตาร์ และ เยอรมนี) และการลุ้นแชมป์กลุ่ม 1 ลีกเอ อย่างเต็มตัว ด้วยมีโอกาสสูงจะทำสำเร็จ จากการที่มี 9 แต้ม นำหน้าทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2) ที่หมดลุ้นแชมป์กลุ่มไปแล้ว

 

แต่แม้กระนั้น เกมเยือน โครเอเชีย ในวันพฤหัสบดี สำคัญแบบโคตรๆ เมื่อทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่อาจหลุดแพ้ได้เลย หากพลาดพลั้งขึ้นมามีอันหล่นจากจ่าฝูงทันที แถมนัดสุดท้ายยังต้องเจอของแข็งอย่าง ฝรั่งเศส อีกด้วย

 

ความเปลี่ยนแปลงในขุมกำลังของ ฮูลมันด์ มีเยอะ–ในหน้าตลาด เมื่อหลายต่อหลายแข้งคนสำคัญถึงเวลาเปลี่ยนสังกัด ไม่ว่าจะ คริสเตียน เอริคเซ่น, แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มิคเคล ดัมส์การ์ด, มาร์ติน เบรธเวท หรือ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

 

แต่พวกที่เอ่ยถึงทั้งหมดต่างยังคงอยู่เป็นแกนของทีมโคนมตามปกติ ที่หลุดไปไม่โดนเรียกมีอาทิ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ยุสซูฟ ยูรารี่ โพลเซ่น, ยาค็อบ บรุนน์ ลาร์เซ่น, ปิโอเน่ ซิสโต้, โมฮาเหม็ด ดารามี่

 

ส่วนทาง อันเดรียส คอร์เนเลียส, โรเบิร์ต สคอฟ, โยนาส วินด์, คริสเตียน นอร์การ์ด บาดเจ็บทั้งหมด

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022บราซิล
23/09 อุ่นเครื่องพบ กาน่า (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ตูนิเซีย (สนามกลางที่ฝรั่งเศส)

 

ที่จริงแล้ว ฟีฟ่า ได้สั่งให้ บราซิล มาลงเตะรีแมตช์กับ อาร์เจนติน่า (เกมเจ้าปัญหาเมื่อ 5 ก.ย. 2021 คู่นี้ลงสนามกันแค่ 5 นาทีก็โดนแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบราซิล จนลุกลามบานปลายเป็นการวอล์คเอาต์ของแข้งฟ้าขาว และเกมต้องยกเลิกในที่สุด) ในเบรคทีมชาติงวดนี้ แต่ปรากฏว่าทั้ง บราซิล และ อาร์เจนติน่า ได้ปฏิเสธการลงเล่นเกมนี้ซ้ำ เมื่อต่างก็มองไม่เห็นว่าการรีแมตช์จะเกิดประโยชน์อันใด สู้ปล่อยให้แยกกันไปเล่นเกมลับแข้ง เตรียมทีมสู้ศึกบอลโลก จะเป็นเรื่องดีกับทั้งสองมากกว่า

 

ตีเต้ ที่ถูไม้ถูมือจะนำทีมครองแชมป์โลกให้ได้ในรอบ 20 ปี กำลังมีตัวเลือกนักเตะดีๆ ล้นมือ จนทำให้ต้องหมางเมินหลายๆ คนไป ไม่ว่าจะ กาเบรียล เชซุส, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อาร์ตูร์ เมโล่, เฟลิเป้ มอนเตโร่, ดานี่ อัลเวส แต่กลุ่มนี้ก็ยังอยู่ในข่ายพิจารณาไปฟุตบอลโลก 2022 อยู่ (หรือบางคนก็จะได้ไปแน่ๆ แต่แค่ว่า “ได้พัก” สำหรับเดือนนี้เท่านั้นเอง)

 

ประเด็นของทีมชุดล่าสุดนี้ คงมีประมาณ 2 ข้อ
1) แนวรุก ต่อให้ไม่นับ เปโดร ตัวใหม่จากฟลาเมงโก้ ก็ยังยืนเบียดไหล่ชนไหล่ ใครจะลงใครจะนั่ง เป็นเรื่องปวดหัวของ ตีเต้ ดีแท้
เนย์มาร์ (เปแอสเช) 119 นัด / 74 ประตู
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล) 55 / 17
ริชาร์ลิซอน (สเปอร์ส) 36 / 14
วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด) 14 / 1
ราฟินญ่า (บาร์เซโลน่า) 9 / 3
อันโตนี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด) 9 / 2
มาเตอุส คุนญ่า (แอตฯ มาดริด) 7 / 0
โรดรีโก้ โกเอส (เรอัล มาดริด) 5 / 1

 

กับ 2) ทั้งที่ตัวเลือกมีบานเบอะ ตรงกลาง เฟร็ด ก็ยังอุตส่าห์จะติดอยู่อีก!

 

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022อาร์เจนติน่า
23/09 อุ่นเครื่องพบ ฮอนดูรัส (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)
27/09 อุ่นเครื่องพบ จาไมก้า (สนามกลางที่สหรัฐอเมริกา)

 

เช่นเดียวกันกับ บราซิล ที่เกมรีแมตช์ “ซูเปอร์กลาซิโก้” ระหว่างคู่รักคู่แค้นแดนละติน ได้ถูกยกเลิกคิวไปแม้ ฟีฟ่า จะสั่งการมา

 

อาร์เจนติน่า วางโปรแกรมเล่นในเบรคทีมชาติงวดนี้เอาไว้ 2 นัด เป็นการยกพลไปเก็บตัวและลงสนามที่สหรัฐอเมริกา โดยจะเล่นที่ ไมอามี่ ฟลอริด้า และ แฮร์ริสัน นิว เจอร์ซี่ย์ ตามลำดับ

 

ทีมฟ้าขาวตั้งใจเรียก 2 ทีมจากคอนคาเคฟอย่าง ฮอนดูรัส และ จาไมก้า มาทดสอบฝีเท้าลองเชิง ก่อนที่ในรอบสุดท้ายพวกเขาจะต้องดวลกับ เม็กซิโก มหาอำนาจของโซนคอนคาเคฟ ในเกมที่ 2 นั่นเอง (นอกเหนือจากการพบ ซาอุฯ และ โปแลนด์)

 

สำหรับทีมชุดนี้ของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ยังคงนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ เช่นเดิม ร่วมด้วยซูเปอร์สตาร์ชื่อคุ้นหูอย่าง เปาโล ดีบาล่า, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย, อเลฮานโดร โกเมซ, ลิซานโดร มาร์ติเนซ หรือประตูมือหนึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

ส่วนที่หลุดออกไปมีอาทิ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ (นาโปลี), ลูคัส อลาริโอ (แฟร้งค์เฟิร์ต), มานูเอล ลันซินี่ (เวสต์แฮม), ลูคัส โอคัมโปส (อาแจ็กซ์), ฮวน ฟอยธ์ (บียาร์เรอัล) ที่แน่นอนว่าพวกนี้ก็คงต้องเร่งฟอร์มในระดับสโมสรช่วงโค้งสุดท้ายกันหน่อย ไม่เช่นนั้น อดไปบอลโลกแหงๆ

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022ญี่ปุ่น
23/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ สหรัฐอเมริกา (สนามกลางที่เยอรมนี)
27/09 กิริน ชาลเลนจ์ คัพ พบ เอกวาดอร์ (สนามกลางที่เยอรมนี)

 

โยกมาดูทางฝั่งเอเชียกันบ้างพอกล้อมแกล้ม “ซามูไรสีน้ำเงิน” วางคิวช่วงนี้เป็นทัวร์นาเมนต์พิเศษ กิริน ชาลเลนจ์ คัพ โดยเชิญ สหรัฐอเมริกา กับ เอกวาดอร์ มาเป็นแขก ซึ่งจะลงเล่นกันที่ ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี

 

กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ปรับทัพพอสมควร เปิดที่ทางให้นักเตะจากเจลีกมาติดทีมหลายราย ส่วนตัวนอกที่เล่นในลีกยุโรป ถูกเมินไปหลายคนจนน่าอิจฉาในทรัพยากรอันเพียบพร้อม ไม่ว่าจะ ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุ่ม), เคนโตะ ฮาชิโมโตะ (อวยส์ก้า), โค อิตาคุระ (กลัดบัค), นาโอมิจิ อุเอดะ (นีมส์) หรือ เซอิ มุโรยะ (ฮันโนเวอร์)

 

แต่แม้จะเมินไปอื้อ ตัวนอกอีกหลายต่อหลายรายก็ยังคงอยู่เป็นแกนหลัก ไม่ว่าจะ 3 แข้งเซลติก เคียวโง ฟุรุฮาชิ – ไดเซน มาเอดะ – เรียว ฮาตาเตะ, ริตสึ โดอัน (ไฟรบวร์ก), ไดจิ คามาดะ (แฟร้งค์เฟิร์ต), ทาคุมิ มินามิโนะ (โมนาโก), ทาเคฟุสะ คุโบะ (โซเซียดัด), เกงกิ ฮารางูจิ (อูนิโอน), กาคุ ชิบาซากิ (เลกาเนส), วาตารุ เอนโดะ (สตุ๊ตการ์ท), ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (อาร์เซน่อล) หรือกัปตันทีม มายะ โยชิดะ ที่ตอนนี้ไปอยู่กับ ชาลเก้ ในวัย 34

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022เกาหลีใต้
23/09 อุ่นเครื่องพบ คอสตาริกา (โกยัง สเตเดี้ยม, โกยัง)
27/09 อุ่นเครื่องพบ แคเมอรูน (โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม, โซล)

 

นัด คอสตาริกา กับ แคเมอรูน มาลับแข้ง เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนต้องเจอ อุรุกวัย, กาน่า และ โปรตุเกส ในรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

โสมขาวของกุนซือ เปาโล เบนโต้ แทบไม่เปลี่ยนทีมจากชุดก่อนๆ นำโดย ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมจากสเปอร์ส ที่เพิ่งจัดแฮตทริกใส่เลสเตอร์ และตัวลีกยุโรปเพียบ ไม่ว่า ฮวาง ฮี-ชาน (วูล์ฟส์), อี แจ-ซุง (ไมนซ์), จอง วู-ยอง (ไฟรบวร์ก), อี คัง-อิน (มายอร์ก้า), ฮวาง อุย-โจ (โอลิมเปียกอส) หรือ คิม มิน-แจ (นาโปลี)

 

 

เบรคสุดท้าย...ก่อนฟุตบอลโลก 2022กาตาร์
20/09 อุ่นเครื่องพบ โครเอเชีย ยู-23 (สนามกลางที่ออสเตรีย)
23/09 อุ่นเครื่องพบ แคนาดา (สนามกลางที่ออสเตรีย)
27/09 อุ่นเครื่องพบ ชิลี (สนามกลางที่ออสเตรีย)

 

ปิดท้ายที่เจ้าภาพ กาตาร์ ซึ่งเดินหน้าเตะลับแข้งแบบรัวๆ ทั้งอุ่นเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยเดือนนี้จัดไปเน้นๆ 3 นัด (เตะที่ออสเตรียทั้งหมด) ก่อนที่เดือน พ.ย. จะจัดอีก 2 นัด พบ ปานามา และ อินเดีย ก่อนรอบสุดท้ายมาถึงช่วงปลายเดือน

 

ส่วนในแง่ขุมกำลัง เฟลิกซ์ ซานเชซ กุนซือทัพ The Maroon ไม่อาจปรับเปลี่ยนอะไรได้มาก เมื่อไม่ได้มีตัวส่งออกไปเล่นลีกยุโรปอย่างใครเขา ทัพนักเตะชุดนี้ 100% เป็นตัวในลีกกาตาร์เองทั้งหมด และแข้งหน้าเดิมๆ เช่น อัลโมเอซ อาลี, ฮัสซัน อัล-ไฮดอส, อัคราม อาฟีฟ, อับดุลลาซิซ ฮาเต็ม, อับเดลคาริม ฮัสซัน มาตามนัดทั้งหมด

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

สรุปโปรแกรมเบรคทีมชาติเดือนกันยายน 2022

พุธ 21/09

FM เวียดนาม – สิงคโปร์ 19:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สกอตแลนด์ – ยูเครน 01:45

 

พฤหัสบดี 22/09

FM ออสเตรเลีย – นิวซีแลนด์ 17:00
FM เวเนซุเอล่า – ไอซ์แลนด์ 23:00
UNL โครเอเชีย – เดนมาร์ก 01:45
UNL ฝรั่งเศส – ออสเตรีย 01:45
UNL เบลเยียม – เวลส์ 01:45
UNL โปแลนด์ – เนเธอร์แลนด์ 01:45
UNL คาซัคสถาน – เบลารุส 21:00
UNL ลิธัวเนีย – หมู่เกาะแฟโร 01:45
UNL ตุรเคีย – ลักเซมเบิร์ก 01:45
UNL สโลวาเกีย – อาเซอร์ไบจาน 01:45
UNL ลัตเวีย – มอลโดว่า 23:00
UNL ลิกเตนสไตน์ – อันดอร์ร่า 01:45
KC ตรินิแดดฯ – ทาจิกิสถาน 17:30
KC ไทย – มาเลเซีย 20:30

 

ศุกร์ 23/09

FM เกาหลีใต้ – คอสตาริกา 18:00
FM ญี่ปุ่น – สหรัฐอมริกา 19:25
FM อิหร่าน – อุรุกวัย 23:00
FM กาตาร์ – แคนาดา 00:00
FM ปารากวัย – ยูเออี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – เอกวาดอร์ 01:00
FM บราซิล – กาน่า 01:30
FM โมร็อกโก – ชิลี 02:00
FM แอลจีเรีย – กินี 02:00
UNL เยอรมนี – ฮังการี 01:45
UNL อิตาลี – อังกฤษ 01:45
UNL บอสเนียฯ – มอนเตเนโกร 01:45
UNL ฟินแลนด์ – โรมาเนีย 01:45
UNL จอร์เจีย – มาซิโดเนียเหนือ 23:00
UNL บัลแกเรีย – ยิบรอลตาร์ 01:45
UNL เอสโตเนีย – มอลต้า 23:00

เสาร์ 24/09

FM อาร์เจนติน่า – ฮอนดูรัส 07:00
FM แอฟริกาใต้ – เซียร์ร่า ลีโอน 20:00
FM คีร์กีสถาน – รัสเซีย 21:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – โตโก 23:00
FM โบลิเวีย – เซเนกัล 00:00
FM อินเดีย – สิงคโปร์ 19:00
FM ลาว – มัลดีฟส์ 15:00
FM ฮ่องกง – เมียนมาร์ 19:00
UNL สาธารณรัฐเช็ก – โปรตุเกส 01:45

UNL สเปน – สวิตเซอร์แลนด์ 01:45
UNL อาร์เมเนีย – ยูเครน 20:00
UNL ไอซ์แลนด์ – รัสเซีย (เลื่อน)
UNL สโลวีเนีย – นอร์เวย์ 23:00
UNL สกอตแลนด์ – ไอร์แลนด์ 01:45
UNL อิสราเอล – อัลเบเนีย 01:45
UNL เซอร์เบีย – สวีเดน 01:45
UNL ไอร์แลนด์เหนือ – โคโซโว 23:00
UNL ไซปรัส – กรีซ 01:45

 

อาทิตย์ 25/09

FM โคลอมเบีย – กัวเตมาลา 06:30
FM เม็กซิโก – เปรู 08:00
FM นิวซีแลนด์ – ออสเตรเลีย 10:00
UNL ออสเตรีย – โครเอเชีย 01:45
UNL เดนมาร์ก – ฝรั่งเศส 01:45
UNL เนเธอร์แลนด์ – เบลเยียม 01:45
UNL เวลส์ – โปแลนด์ 01:45
UNL สโลวาเกีย – เบลารุส 23:00
UNL อาเซอร์ไบจาน – คาซัคสถาน 23:00
UNL หมู่เกาะแฟโร – ตุรเคีย 01:45
UNL ลักเซมเบิร์ก – ลิธัวเนีย 01:45
UNL อันดอร์ร่า – ลัตเวีย 20:00
UNL มอลโดว่า – ลิกเตนสไตน์ 20:00
KC นัดชิงที่ 3 17:30
KC นัดชิงชนะเลิศ 20:30

 

จันทร์ 26/09

UNL อังกฤษ – เยอรมนี 01:45
UNL ฮังการี – อิตาลี 01:45
UNL มอนเตเนโกร – ฟินแลนด์ 01:45
UNL โรมาเนีย – บอสเนียฯ 01:45
UNL ยิบรอลตาร์ – จอร์เจีย 01:45
UNL มาซิโดเนียเหนือ – บัลแกเรีย 01:45
UNL ซานมาริโน่ – เอสโตเนีย 01:45

 

อังคาร 27/09

FM เม็กซิโก – โคลอมเบีย 09:00
FM เกาหลีใต้ – แคเมอรูน 18:00
FM เอกวาดอร์ – ญี่ปุ่น 18:55
FM แอฟริกาใต้ – บอตสวาน่า 20:00
FM แคนาดา – อุรุกวัย 23:00
FM บาห์เรน – ปานามา 23:00
FM กาตาร์ – ชิลี 00:00
FM ซาอุดีอาระเบีย – สหรัฐอเมริกา 01:00
FM อุซเบกิสถาน – คอสตาริกา 01:00
FM ไอวอรี่โคสต์ – กินี 01:00
FM บราซิล – ตูนิเซีย 01:30
FM ปารากวัย – โมร็อกโก 02:00
FM แอลจีเรีย – ไนจีเรีย 02:00
UNL โปรตุเกส – สเปน 01:45
UNL สวิตเซอร์แลนด์ – สาธารณรัฐเช็ก 01:45
UNL ไอร์แลนด์ – อาร์เมเนีย 01:45
UNL ยูเครน – สกอตแลนด์ 01:45
UNL อัลเบเนีย – ไอซ์แลนด์ 01:45
UNL รัสเซีย – อิสราเอล (เลื่อน)
UNL นอร์เวย์ – เซอร์เบีย 01:45
UNL สวีเดน – สโลวีเนีย 01:45
UNL กรีซ – ไอร์แลนด์เหนือ 01:45
UNL โคโซโว – ไซปรัส 01:45

 

พุธ 28/09

FM จาไมก้า – อาร์เจนติน่า 07:00
FM เปรู – เอล ซัลวาดอร์ 07:00
FM ฮอนดูรัส – กัวเตมาลา 08:00

หมายเหตุ – UNL ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก / FMเกมอุ่นเครื่อง / KC คิงส์คัพ

 

 

อ้างอิง
Soccerway
WIKIPEDIA
The Statesman

ภาพประกอบ
Sports Brief
Footy Headlines
Goal

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์...ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์…ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

เพราะก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ มันอาจมาจากก้นบุหรี่แค่ตัวเดียว หรือเช่นกัน ปลาเน่าตัวเดียว ก็ส่งกลิ่นเหม็นได้ทั้งข้อง และนี่คือเรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์…ที่อาจทำให้ทีมชาติโดนขับพ้นฟุตบอลโลก 2022 ก่อนเตะแค่ไม่กี่สิบวันเอาได้!

 

เอกวาดอร์ กับ ฟุตบอลโลก แม้อาจออกทรง “ตัวประกอบ” แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ใหม่ต่อกันนัก

 

ทีมสีเหลืองสดใสจากอเมริกาใต้ อาจไม่มีศักดิ์มีศรีเทียบเท่า 2 ยักษ์ร่วมทวีปอย่าง บราซิล หรือ อาร์เจนติน่า แถมยังหล่นรอบคัดเลือกมันรัวๆ ตั้งแต่ 1962 – 1998

 

แต่ใน เวิลด์ คัพ ช่วงหลังๆ เอกวาดอร์ ก็สอดแทรกตัวมาเป็นหนึ่งใน 4-5 โควตาของละตินอเมริกา ได้เกือบตลอด

 

ประเดิมเข้ารอบสุดท้ายหนแรกกับ ฟุตบอลโลก 2002 เวิลด์คัพฉบับเอเชีย ที่คราวนั้นแม้จะตกรอบแรกไปตามความคาดหมาย (อยู่ในกลุ่มเดียวกับ อิตาลี, เม็กซิโก, โครเอเชีย) แต่ก็ไว้ลายสยบ โครเอเชีย 1-0 ในเกมปิดกลุ่ม ด้วยประตูโทนของดาวเด่นในทีมชุดนั้นอย่าง เอดิสัน เมนเดซ ปีกผู้ซึ่งได้ย้ายสู่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในเวลาต่อมา

 

ถัดมาอีกสี่ปี ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี เอกวาดอร์ ยิ่งไปได้ไกลกว่า เมื่อทีมชุดนั้นซึ่งกุมบังเหียนโดยโค้ชโคลอมเบียน หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ และมีขุนพลอย่าง เอดิสัน เมนเดซ, อกุสติน เดลกาโด้, อีวาน คาเวียเดส, อีวาน อูร์ตาโด้, อูลิเซส เด ลา ครูซ รวมถึง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ในวัย 21 (และยังไม่ทันได้ย้ายมา วีแกน แอธเลติก ด้วยซ้ำ) อยู่ในทีม สร้างเซอร์ไพรส์ได้ตั้งแต่นัดเปิดหัว สยบ โปแลนด์ 2-0 ตามด้วยกราดยิง คอสตาริกา 3-0 จนแม้ว่านัดสุดท้ายจะแพ้ เยอรมนี ขาดลอย 0-3 แต่ก็เข้ารอบน็อกเอาต์สบายหายห่วงจากการมี 6 แต้มเต็มในสองนัดแรก

 

น่าเสียดาย รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สตุ๊ตการ์ท ฟรีคิกโคตรฉมังของสุดหล่อ เดวิด เบ็คแฮม (น.60) ได้ยัดเยียดความปราชัยให้ เอกวาดอร์ ที่สกอร์ 1-0 และส่ง อังกฤษ เข้าไปลุยต่อแทน

 

เว้น 2010 ไปที่พวกเขาร่วงคัดเลือก ข้ามมาฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ทีมเจ้าของฉายาทางการ “ลา ตรี” (สามสี : เหลือง-น้ำเงิน-แดง) ก็หลุดออกไปอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง ด้วยการมี 4 แต้ม — แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2 (โดนสอยปลายคาง 90+3), ชนะ ฮอนดูรัส 2-1 (เอนเนร์ วาเลนเซีย เหมาสอง) และเสมอ ฝรั่งเศส 0-0 ซึ่งไม่พอให้ไปต่อได้ เนื่องจาก สวิสส์ มี 6 และ ฝรั่งเศส มี 7 แต้ม

 

เว้น 2018 ที่ร่วงคัดเลือกไปอีกหน มาคราวนี้ ฟุตบอลโลก 2022 เอกวาดอร์ อยู่ในการดูแลของ กุสตาโว่ อัลฟาโร่ โค้ชอาร์เจนไตน์วัย 60 อดีตนายใหญ่โบคา จูเนียร์ส, ฮูราคาน, อาร์เซน่อล เด ซารานดี้ และอีกหลายสโมสรในแถบอเมริกาใต้ ที่เข้ามาจับงานนี้ในปี 2020 เป็นต้นมา

 

งานแรกๆ ของ อัลฟาโร่ คือการพา ลา ตรี ลงเล่น โคปา อเมริกา 2021 ที่บราซิล (ได้เป็นเจ้าภาพอย่างงงๆ รู้ตัวก่อนเตะเดือนเดียว หลังเจ้าภาพเดิมอย่าง อาร์เจนติน่า-โคลอมเบีย โดนริบสิทธิ์) ตอนกลางปีที่แล้ว

 

ความที่ยังใหม่ต่อกันทั้งโค้ชกับกลุ่มนักเตะ ทำให้ เอกวาดอร์ เล่นไม่ค่อยออกเท่าไหร่ในรายการนี้ รอบแรกชนะใครไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 1 จบอันดับ 4 ของกลุ่มที่มี 5 ทีม แต่ก็ยังอุตส่าห์ได้เข้ารอบกับเขา เมื่อคัดแค่ทีมเดียวเท่านั้น (ของแต่ละกลุ่ม) ตกรอบแรก — เพียงแต่เมื่อเข้าน็อกเอาต์แล้ว ดันไปเจอ อาร์เจนติน่า เข้าอีก ก็สบายเลย…ตกรอบสบาย แพ้ยับ 0-3

 

คาบเกี่ยวกันนั้น ก็คือคิวเตะรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022

 

ซึ่งก็ตามประสา ตามคุณภาพเท่าที่ เอกวาดอร์ จะมี — ออกทรงกะท่อนกระแท่นเล็กน้อย ต้องลุ้นมากหน่อย พร้อมได้แรงส่งจากการที่ทีมอื่นๆ อย่าง โคลอมเบีย, ชิลี หรือ ปารากวัย หลุดจากมาตรฐานที่เคยเป็น

 

เกมแห่งความทรงจำของการคัดเลือกหนนี้ คือแมตช์เดย์ที่ 2 เอกวาดอร์ เปิดบ้านขยี้ทัพจอมโหด อุรุกวัย 4-2 ชนิดนำขาด 4-0 ในระหว่างเกม ด้วยประตูของ มอยเซส ไกเซโด้, กอนซาโล่ พลาต้า และ ไมเคิ่ล เอสตราด้า ที่เช็คบิล 2 เม็ด

 

เช่นเดียวกับแมตช์เดย์ที่ 4 เอกวาดอร์ กราดยิง โคลอมเบีย 6-1 แบบที่ดาหน้าเรียงยิงกันไม่ซ้ำคน

 

เพียงแต่ก็อย่างที่บอก พวกเขาออกทรงกะท่อนกระแท่นเล็กน้อย ต้องลุ้นมากหน่อย เมื่อมีเกมที่ชนะสวยๆ แล้ว ก็มีแมตช์น่าใจหายอย่าง แพ้ เปรู คาบ้าน 1-2, ออกไปแพ้ อุรุกวัย 0-1 แบบโดนยิงทดเจ็บ 90+2, บุกแพ้บ๊วย เวเนซุเอล่า 1-2 หรือออกไปพ่าย ปารากวัย ใสๆ 1-3

 

บทสรุปจบท้าย เอกวาดอร์ (อย่างที่ว่าเช่นกัน – ได้แรงส่งจากที่ โคลอมเบีย, ชิลี, ปารากวัย ฟอร์มหลุด) เข้าป้ายเป็นอันดับ 4 ของโซนอเมริกาใต้ ด้วยการมี 26 คะแนนจาก 18 นัด (ชนะ 7 เสมอ 5 แพ้ 6) เหนือผู้ตกรอบอย่าง โคลอมเบีย 3 แต้มถ้วนๆ เท่านั้น

 

เรียกว่า กว่าจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่กาตาร์ได้ ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ลุ้นกันใจแทบวาย

 

ตั๋วไปฟุตบอลโลก 2022 กว่าจะได้มา ไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด

 

(สำหรับรอบสุดท้าย เอกวาดอร์ ถูกปรับโปรแกรมขึ้นมาให้เป็น “คู่เปิดสนาม” กับเจ้าภาพ กาตาร์ วันอาทิตย์ 20 พ.ย. จากนั้นจะเจองานหนักอึ้งกับ เนเธอร์แลนด์ 25 พ.ย. และปิดกลุ่มกับ เซเนกัล 29 พ.ย.)

 

เพียงแต่… ความฝันของการโรมรันใน ฟุตบอลโลก 2022 ของ เอกวาดอร์ ก็อาจสิ้นสุดลงได้ง่ายๆ เหมือนกัน

 

แบบ “โดนขับออกจากทัวร์นาเมนต์” ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม!

 

ด้วยก็เพราะว่านักเตะรายเดียวเท่านั้น

 

คนๆ เดียวที่ชื่อว่า… ไบรอน กาสติโย่ (Byron Castillo)

 

เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นเอกวาดอร์...ที่อาจทำทีมโดนเด้งพ้นฟุตบอลโลก 2022

 

ไบรอน กาสติโย่ — แบ็กขวาร่างเล็กวัย 23 นักเตะในสังกัด คลับ เลออน ประเทศเม็กซิโก ติดทีมชาติเอกวาดอร์ไล่ระดับมาตั้งแต่ ยู-17 และ ยู-20 ก่อนจะขึ้นชั้นเล่นชุดใหญ่ในห้วงปี 2021 เป็นต้นมา ถึงตรงนี้ลงสนามไปแล้ว 10 นัด ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคิวเตะคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 นี่แหละ

 

นอกจากเริ่มติดธงสม่ำเสมอแล้ว กาสติโย่ ยังมีดีกรีติดทีมยอดเยี่ยมลีกอเมริกาใต้ South American Team of the Year ประจำปี 2021 (ร่วมกับสตาร์อย่าง ฮัล์ค, กาบิโกล, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ) ด้วยผลงานสมัยเล่นให้ บาร์เซโลน่า เอสซี ในเอกวาดอร์ อีกด้วย

 

เรื่องของเรื่องก็คือ เดลี่ เมล สื่อหัวแถวของอังกฤษ ได้ขุดคุ้ยเอาไว้เมื่อ 12 ก.ย. ว่า อันที่จริง กาสติโย่ เป็น “ชาวโคลอมเบีย” ไม่ใช่เอกวาดอร์ และยังใช้ “เอกสารปลอม” เพื่อลงเล่นแบบผิดกฎ!

 

ก่อนหน้านี้ สมาคมฟุตบอลชิลี ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยัง ฟีฟ่า ให้เดินเรื่องตรวจสอบกรณีสัญชาติของ กาสติโย่ ดูสักหน่อย เมื่อพบหลักฐานส่อพิรุธบางอย่าง ก่อนที่ทาง ฟีฟ่า จะตัดสินในเดือน มิ.ย. ว่า เอกวาดอร์ ไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นเดียวกับตัวนักเตะ จึงปัดตกคำร้องของ ชิลี ไป

 

ฟีฟ่า แถลงในคราวนั้นว่า “หลังจากวิเคราะห์คำร้องของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดที่นำมาก่อนหน้านั้น คณะกรรมการวินัยของ ฟีฟ่า ได้ตัดสินใจปิดกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นเพื่อโต้แย้งสมาคมฟุตบอลเอกวาดอร์”

 

อย่างไรก็ดี ส.บอลชิลี ยังคงไม่ละความพยายามในเรื่องนี้ และได้ยื่นอุทธรณ์เข้าไปอีกครั้งแล้ว พร้อมกับมีหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมด้วย ทั้งเอกสารและ “คลิปเสียง” ที่ยืนยันหนักแน่นว่า กาสติโย่ เป็นชาวโคลอมเบียน และมีผู้ช่วยเหลือในการปลอมแปลงเอกสารบางอย่าง เพื่อให้เขาลงสนามให้ทีมชาติเอกวาดอร์ได้ โดยเฉพาะ สมาคมบอลเอกวาดอร์ (FEF) เองที่ก็มีส่วนรู้เห็น แต่เลือกจะซุกข้อเท็จจริงเอาไว้ใต้พรมเสีย

 

หลักฐานเพิ่มเติมที่ เดลี่ เมล เผยไว้ล่าสุด คือบทสนทนาการให้สัมภาษณ์ของ ไบรอน กาสติโย่ ต่อหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนของ FEF เมื่อราว 4 ปีก่อน

 

• กาสติโย่ รับว่า ปีเกิดของเขาคือ 1995 ไม่ใช่ 1998 ที่มีการระบุไว้ในสูติบัตรเอกวาดอร์
ผู้สัมภาษณ์ : “คุณเกิดปีอะไรแน่?”
กาสติโย่ : “ปี 95”
ผู้สัมภาษณ์ : “แต่ในบัตรประชาชนล่ะ?”
กาสติโย่ : “98”

 

• ชื่อที่แท้จริงของเขาคือ ไบย์รอน ฮาเวียร์ กาสติโย่ เซกูร่า (Bayron Javier Castillo Segura) ไม่ใช่ที่ระบุในสูติบัตรเอกวาดอร์ว่า ไบรอน ดาวิด กาสติโย่ เซกูร่า
ผู้สัมภาษณ์ : “ชื่อที่แท้จริงของคุณคืออะไร?”
กาสติโย่ : “ไบรอน ฮาเวียร์ กาสติโย่ เซกูร่า”

 

• นักธุรกิจรายหนึ่งในเอกวาดอร์ ชื่อว่า มาร์โก ซัมบราโน่ เป็นคนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามให้เขาเสียใหม่
ผู้สัมภาษณ์ : “มาร์โก ซัมบราโน่ เป็นคนจัดการทุกอย่างให้คุณตั้งแต่เริ่มต้น ใช่หรือไม่?”
กาสติโย่ : “ถูกต้อง เขาบอกว่าเขาจะช่วยผม ในทุกๆ เรื่อง”

 

• เขาได้อพยพย้ายถิ่นฐานจาก ทูมาโก ประเทศโคลอมเบีย มายัง ซาน ลอเรนโซ่ ในเอกวาดอร์ เพื่อเล่นฟุตบอลอาชีพ
กาสติโย่ : “ผมข้ามพรมแดนมาได้เพราะอย่างที่คุณก็รู้ มีทีมจากทูมาโกเดินทางมาเล่นที่ ซาน ลอเรนโซ่ ตัวผมได้ทดสอบฝีเท้าที่นี่ ผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยถูกเลือกมาก่อนจากการทดสอบฝีเท้ากับทีมไหน แต่เพื่อนของผมซึ่งถูกเลือกไม่ได้เดินทางไป ผมจึงไปแทน”

 

• ตอนที่อยู่ในโคลอมเบีย เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน Tumaco High School และเป็นพลเมืองโคลอมเบีย 100%

 

หลักฐานเหล่านี้ที่เพิ่งถูกเปิดเผยจากสื่ออังกฤษ ยังไม่ได้ใช้ในการพิจารณาคดีเมื่อเดือน มิ.ย. แต่จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่จะดำเนินการสอบสวนในวันที่ 15 ก.ย.

 

ส่วนคำถามว่าทำไม ส.บอลชิลี ถึงได้เป็นฝ่าย Take Action นั่นก็เพราะพวกเขาหวังว่า ฟีฟ่า จะสั่ง “ปรับแพ้เอกวาดอร์” ในนัดที่เจอชิลี ให้ออกที่สกอร์ชิลีชนะ 3-0 ทั้งสองนัด (จากเดิมที่เสมอ 0-0 และเอกวาดอร์ชนะ 2-0) อันจะทำให้ ชิลี “ฟื้นจากหลุม” เด้งตัวจากอันดับ 7 (ตกรอบ) ไปอยู่อันดับ 4 เหนือ เปรู

 

และ ชิลี จะได้เป็นฝ่ายรับส้มหล่น เข้าเล่นแทน เอกวาดอร์ นั่นเอง

 

(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เปรู ก็อาจกลายเป็นทีมรับส้มแทนได้ จากที่จบอันดับ 5 แล้วไปเพลย์ออฟต่างโซน แพ้ดวลจุดโทษ ออสเตรเลีย)

 

บทสรุปจะออกหน้าไหน จะรู้ได้ในอีกไม่ช้า

 

เกิดถ้ามีคำสั่งฟ้าผ่าขึ้นมา–ก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะคิกออฟแค่ 2 เดือน

 

ก็ตัวใครตัวมันล่ะพะย่ะค่ะ!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

อ้างอิง
Daily Mail
Marca
https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_qualification_(CONMEBOL)

ภาพประกอบ
247 News Agency
DW