peripheral news

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

ในขวบวัย 47 และการแขวนสตั๊ดเลิกเล่นไปแล้วร่วมสิบปีของ เดวิด เบ็คแฮม

 

อันที่จริง เขาก็ไม่ได้ข้องแวะกับฟุตบอลมากไปกว่าการลงทุนเปิดแฟรนไชส์ เป็นเจ้าของสโมสรร่วมกับเพื่อนๆ หุ้นส่วน ในเอ็มแอลเอส สหรัฐอเมริกา

 

แม้กระนั้น ชื่อเสียงเรียงนาม “เดวิด เบ็คแฮม” ยังดึงดูดความสนใจได้อยู่เสมอ

 

กับฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังจะมาถึง เบ็คแฮม ก็จะมีส่วนร่วมด้วย

 

ไม่ใช่ทีมงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต หรือคนเบื้องหลังสิงโตคำราม แต่เบ็คแฮมคือ “แขกคนสำคัญ” ของรัฐบาลกาตาร์ ผ่านโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้าไปยังกาตาร์เฉลี่ยมากกว่า 6 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030

 

ว่าแต่ในฐานะอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ และผู้ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาถึง 3 สมัย เบ็คแฮม มองเห็นอะไรใน ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ บ้าง ไปง้างปากซุปตาร์อย่างเขากัน…

 

 

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

 

ก่อนที่ฟุตบอลโลกจะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวัน มันน่าตื่นเต้นอย่างไรสำหรับทั้งนักฟุตบอลและแฟนๆ?
มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และเป็นสิ่งที่คุณตั้งตารออยู่ไม่ว่าจะในฐานะนักเตะหรือแฟนบอล มันน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่นเมื่อคุณได้รู้ว่าคุณเตรียมต้องเผชิญหน้ากับใคร และใครที่คุณกำลังต้องเตรียมตัวให้พร้อมเจอ นี่เป็นช่วงเวลาสำหรับผู้เล่นและแฟนๆ ที่จะตระหนักว่าฟุตบอลโลกใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้ว และความตื่นเต้นก็เริ่มที่จะก่อตัวขึ้น

 

นี่คือฟุตบอลโลกครั้งแรกในตะวันออกกลางและโลกอาหรับ มันมีความสำคัญอย่างไร?
เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนในกาตาร์ และจะเป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก ผมพูดเสมอมาเกี่ยวกับมรดกของการแข่งขันฟุตบอลโลกสำหรับกาตาร์ และมันยังรวมถึงมรดกของฟุตบอลโลกทุกหนทุกแห่งด้วย นั่นคือสิ่งที่ฟุตบอลโลกนำมาสู่ชาติเจ้าภาพ – มันเป็นช่วงเวลาที่สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับกาตาร์ นี่คือโอกาสที่จะอวดโฉมประเทศ ความรักในฟุตบอล ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของพวกเขาสู่สายตาชาวโลก การได้มีผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกีฬา มารวมตัวกันที่กาตาร์ จะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศและภูมิภาค

 

มันจะเป็นฟุตบอลโลกที่ค่อนข้างกะทัดรัด เมื่อสนามแข่งขันทั้งหมดอยู่ใกล้ๆ กัน สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างไร?
เป็นประโยชน์มากเลยล่ะ ทีมที่ต้องเดินทางไกลที่สุดจะใช้เวลาแค่ประมาณ 40-45 นาทีโดยรถบัสเท่านั้นเอง ย้อนไปในฟุตบอลโลกที่ผมเล่น มันอาจต้องใช้เวลา 2 หรือ 3 วันในการฟื้นตัวจากแมตช์แข่งขันและการเดินทาง สำหรับผู้เล่น กาตาร์ได้เสนอการเตรียมความพร้อมที่สมบูรณ์แบบแล้ว

 

การแข่งขันจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม สำหรับหลายๆ ประเทศ ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูกาล มันจะมีประโยชน์อะไรบ้าง?
ในฐานะนักเตะทีมชาติอังกฤษ เราเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกทุกครั้งหลังจากผ่านฤดูกาลที่ทรหดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นหนึ่งในลีกที่หนักหน่วงที่สุดในโลก เมื่อคุณมาถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาล คุณจะเหนื่อยล้าและต้องใช้เวลาพักฟื้น บางทีก็ต้องการมากกว่า 2-3 สัปดาห์ แต่คราวนี้จะเป็นช่วงกลางฤดูกาล ดังนั้นนี่จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นชาวอังกฤษ และทีมอื่นๆ ที่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ด้วยโอกาสที่แท้จริง

 

แล้วด้วยการที่นักเตะจะมาร่วมแข่งขันในสภาพร่างกายที่สดชื่น มันทำให้คุณคาดหวังถึงมาตรฐานการเล่นที่ดีขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยเลย คุณจะคาดหวังถึงมาตรฐานที่สูงเสมอในฟุตบอลโลก แต่การมาเล่นกันกลางฤดูกาลแบบนี้ มาตรฐานมีแต่จะสูงขึ้นไปอีก สภาพอากาศก็กำลังจะสมบูรณ์แบบ สนามแข่งขันน่าทึ่ง สิ่งอำนวยความสะดวกก็น่าทึ่ง แฟนๆ จะมีช่วงเวลาที่ดี มันถูกตระเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

มองฟุตบอลโลก 2022 กับ เดวิด เบ็คแฮม

 

คุณคาดหวังถึงผลงานจากทีมของคุณ อังกฤษ ประมาณไหน?
ความคาดหวังของผมสำหรับทีมชาติอังกฤษนั้นสูงเสมอ แฟนๆ ของเราก็จะมีความคาดหวังสูงไม่ต่างกัน และถูกต้อง ผมรู้สึกว่า แกเร็ธ (เซาธ์เกต) ทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ เรามีทีมที่รวมตัวกันมาหลายปีพอสมควร และคุณไม่สามารถเรียกพวกเขาว่าทีมอายุน้อยได้อีกต่อไปแล้ว – แต่ก็เป็นความจริงที่นักเตะหลายคนยังอายุน้อย แล้วเราก็ยังมีตัวประสบการณ์สูงอย่าง แฮร์รี่ เคน ด้วยเช่นกัน ผมรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่แท้จริงสำหรับเรา เรากำลังเข้าสู่การแข่งขันด้วยฟอร์มที่ดี เราแค่ต้องรักษามันไว้ให้ตลอดรอดฝั่ง

 

ใครจะเป็นคีย์แมนของอังกฤษ?
ก็ต้องบอกว่า แฮร์รี่ เคน เขาเป็นผู้นำ เป็นกัปตันของเรา และเป็นคนทำประตูให้กับเรา เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้ในระดับสูงสุด เขาจะมีความสำคัญมากต่อทีมของเรา

 

อังกฤษ จะเป็นหนึ่งในทีมตัวเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 แต่คุณมองว่าชาติไหนที่มีโอกาสอีกบ้าง?
เมื่อคุณนึกถึงฟุตบอลโลก คุณจะพูดถึง บราซิล อาร์เจนติน่า และฝรั่งเศส โดยอัตโนมัติ พวกเขาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่ครองแชมป์มามากมาย อีกประเทศหนึ่งที่ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นการเล่นขอวพวกเขาคือ เดนมาร์ก ผมคิดว่าพวกเขาอาจสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ได้ พวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี และก็มักทำได้ดีเสมอในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ผมยังรอคอยที่จะได้เห็นทีมเจ้าภาพ กาตาร์ ด้วยเหมือนกัน พวกเขามีทีมอายุน้อยที่อยู่ด้วยกันมานาน พวกเขารู้จักกันดี และยังจะได้รับแรงหนุนพิเศษจากบรรยากาศในสนามด้วย

 

ในฐานะที่ผ่านฟุตบอลโลกมามากถึง 3 สมัย คุณมีอะไรจะแนะนำกับนักเตะที่จะเล่นในฟุตบอลโลกของพวกเขาเป็นครั้งแรก?
จงสนุกกับมัน ฟุตบอลโลกคือจุดสูงสุด เป็นอะไรที่อยู่ยอดบนสุด และเป็นระดับที่ดีที่สุดที่ผู้เล่นทุกคนจะสามารถไปถึงได้ คำแนะนำของผมคือจงสนุกกับมัน เพราะคุณอาจจะได้ข้องเกี่ยวกับมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

คุณได้เข้าเยี่ยมชมสนามแข่งขันหลายแห่งของกาตาร์ในช่วงที่ผ่านมา แล้ว ณ ช่วงเวลาที่คุณก้าวลงในสนาม คุณอยากให้ตัวเองยังเล่นอยู่รึเปล่า?
ผมอายุ 47 แต่ผมยังรู้สึกเสมอว่าสามารถปัดฝุ่นรองเท้าสตั๊ดที่มี เอามาสวมและลงเล่นในฟุตบอลโลกได้ แม้ในตอนนี้ของผม ซึ่งไม่แก่เลยนะ (หัวเราะ) ผมยังรู้สึกว่าสามารถเล่นในพรีเมียร์ลีก หรือลา ลีกา หรือทีมชาติอังกฤษได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อผมเดินเข้าไปในสนาม ผมก็อยากลงไปในฐานะนักเตะอยู่เสมอ

 

ท้ายสุด คุณอยากส่งข้อความถึงแฟนๆ ที่เตรียมจะเดินทางไปกาตาร์เพื่อเข้าชมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ว่าอะไร?
พวกเขาจะได้พบเจอกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ในอดีต แฟนบอลต้องเสียเวลาเดินทางไปมาระหว่างเกม แต่ในกาตาร์ พวกเขาสามารถเข้าชมได้มากกว่าหนึ่งนัดต่อวัน เพราะมันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่กะทัดรัด เดินทางไม่ไกล ผมคิดว่าแฟนๆ จะเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่กาตาร์นำเสนอ จะมีอาหารเลิศรส การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนในท้องถิ่น และสิ่งต่างๆ มากมายให้ชมและเพลิดเพลิน นอกเหนือไปจากฟุตบอล

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

 

อ้างอิงและภาพประกอบ
FIFA.com

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

“กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022”

ใกล้เคียงสุดเพียงรอบ 8 ทีม และมีแผลเป็นความเจ็บปวดครั้งใหญ่กับการห่างจากตัดเชือกแค่คืบ แต่ใครบางคนกล้าๆ ป่าวประกาศว่า… ปีนี้ กาน่า จะคว้าแชมป์โลก!

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

อดีต
แอฟริกากับฟุตบอลโลก ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ประวัติศาสตร์กระหวัดเกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่นและนานมา

 

ในยุคสมัยที่ฟุตบอลโลกยังไม่ได้รับความนิยม และการเดินทางข้ามทวีปก็เป็นเรื่องยากลำบาก — เวิลด์ คัพ 1934 หรือบอลโลกรอบสุดท้ายเพียงครั้งที่ 2 เท่านั้นที่มีจัดการแข่งขันกันขึ้น

 

อียิปต์ ณ เวลาที่ธงชาติยังเป็นสีเขียวทั้งผืน (ไม่ใช่ แดง-ขาว-ดำ เช่นปัจจุบัน) ผ่านรอบคัดเลือกแบบที่ต้องแอบอมยิ้ม กับการชิงตั๋วกันแค่ 2 ชาติระหว่าง อียิปต์ กับ ปาเลสไตน์ (Mandatory Palestine) ผลเป็น อียิปต์ ชนะขาดลอยทั้งสองนัดเหย้าเยือน 7-1 และ 4-1 จึงคว้าตั๋วลุยรอบสุดท้ายที่ประเทศอิตาลีเป็นผลสำเร็จ และเป็นชาติแอฟริกันรายแรกที่ทำได้

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปตั้งไกล แต่ด้วยระบบน็อกเอาต์แพ้คัดออกตั้งแต่แรก เริ่มจากจำนวนผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 16 ทีมเป็นต้นไปนั้น ก็ทำให้ อียิปต์ ลงเล่นรอบสุดท้ายที่เนเปิ้ลส์แบบ “นัดเดียวจบ” แพ้ ฮังการี 2-4 ตกรอบทันทีแบบไม่ต้องลีลาเยอะ

 

แต่หลังจากนั้น เมื่อฟุตบอลโลกเริ่มป๊อปขึ้น ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่านี่คือทัวร์นาเมนต์ “ที่สุดของที่สุด” มากขึ้นเรื่อยๆ ชาติแอฟริกันก็กลับหายหน้าจากรอบสุดท้ายไปนานกว่า 30 ปี ค่อยมาเป็น โมร็อกโก หลุดเข้าอีกทีใน เวิลด์ คัพ 1970 ตามด้วย ซาอีร์ (1974) และ ตูนิเซีย (1978)

 

ส่วนตอนที่พี่ๆ แอฟริกันสามารถอ้างได้ว่าเป็น “ขาประจำ” บอลโลกรอบสุดท้ายนั้น ก็เพิ่งจะเริ่มที่ ฟร้องซ์ 98 เวิลด์คัพในความทรงจำของหลายแฟนบอล บอลโลกที่ปรับเพิ่มทีมขึ้นเป็น 32 ชาติหนแรก อันมีชาติแอฟริกันหลุดเข้ารอบสุดท้ายเป็นจำนวน 5 ราย (แคเมอรูน, โมร็อกโก, ไนจีเรีย, ตูนิเซีย, แอฟริกาใต้) ซึ่งจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ไม่เคยลดปริมาณลงไปอีกเลย

 

คำถามก็คือ แล้ว “ผลงานที่ดีที่สุด” ของชนชาติแอฟริกัน ในเวทีฟุตบอลโลกล่ะ เมื่อไหร่ยังไงซิ?

 

คำตอบคือ มี 3 ครั้งที่ไปได้ไกลสุดเท่าๆ กัน

 

1990 แคเมอรูน ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
2002 เซเนกัล ถึง 8 ทีมสุดท้าย
2010 กาน่า ถึง 8 ทีมสุดท้าย เช่นกัน

 

ในจำนวนนี้ ที่น่าเสียดายและใกล้เคียงกับ “รอบตัดเชือก” มากที่สุด ก็ไม่ใช่ใคร พระเอกในวันนี้ของเรา — กาน่า

 

ภายใต้การนำของโค้ชคนคุ้นเคย มิโลวาน ราเยวัช (ช้างศึก 2017-2019) ทัพดาวดำชุดลุยแอฟริกาใต้ 2010 ถือว่ามีขุมกำลังแข็งใช่ย่อย ดาวดังลีกยุโรปเพียบทั้ง เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง (พอร์ทสมัธ), อซาโมอาห์ กียาน (แรนส์), ควัดโว่ อซาโมอาห์ (อูดิเนเซ่), ซัลลี่ย์ มุนตารี่ (อินเตอร์), จอห์น แพนท์ซิล (ฟูแล่ม), กัปตันทีม จอห์น เมนซาห์ (ซันเดอร์แลนด์) และอื่นๆ อีกที่ไม่ได้เอ่ยถึง

 

เมื่อขุมกำลังดี ผลงานก็ดีตามไปด้วย โดยที่ทัพ “ดาวดำ” เปิดสนามเบียดชนะ เซอร์เบีย 1-0 (กียาน จุดโทษ น.85) ตามด้วยนัดสอง เสมอ ออสเตรเลีย 1-1 และเกมสุดท้ายรอบแรก แม้แพ้ เยอรมนี 0-1 แต่ก็ยังกอดคอเข้ารอบไปด้วยกันจากการที่ กาน่า มีผลต่างประตูดีกว่า ออสเตรเลีย (0 : -3)

 

รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้เหนื่อยหน่อย แต่การเจอคู่แข่งสมน้ำสมเนื้ออย่าง สหรัฐอเมริกา ก็ถือเป็นเรื่องดี – กาน่า ยันเสมอ 1-1 ใน 90 นาที ก่อนเข้าสู่ช่วงต่อเวลาครึ่งชั่วโมงได้แวบเดียว น.93 ก็ได้ประตูนำ 2-1 จาก อซาโมอาห์ กียาน ซึ่งเป็นประตูชัยในที่สุด

 

จนมาถึง “แปดทีมสุดท้าย” ซึ่งกลายเป็นภาพจำสำคัญอย่างหนึ่งของฟุตบอลโลก 2010

 

ที่ซอคเกอร์ ซิตี้ นครโจฮันเนสเบิร์ก ซัลลี่ย์ มุนตารี่ พังตาข่ายให้ กาน่า ขึ้นนำ อุรุกวัย ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ก่อนครึ่งหลัง ทัพจอมโหดจะทวงคืนได้จาก ดีเอโก้ ฟอร์ลัน หลังเริ่มเล่นใหม่ไปสิบนาที และเกม 90 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1

 

ไฮไลท์อยู่ในช่วงเฮือกท้ายของการต่อเวลาพิเศษ จังหวะฟรีคิกข้างเขตโทษ ลูกขลุกขลิกก่อนที่ สตีเฟ่น อัปเปียห์ ตวัดยิงไปติดบล็อกตัวคุมเส้น ลูกลอยเข้าทาง โดมินิก อดิเยียห์ ขวิดซ้ำเข้าหาประตู เสี้ยววินาทีนั้น หลุยส์ ซัวเรซ บล็อกทิ้งพ้นออกไป — ปรากฏว่าเป็นการทำ “แฮนด์บอล” อันโจ่งแจ้งของดาวยิงคนดัง ผลคือ ซัวเรซ โดนใบแดงไล่ออก และ กาน่า ได้จุดโทษ

 

หากเช็คบิลจุดโทษนี้เข้าไป กาน่า จะเป็นทีมแอฟริกันชาติแรกสุด ที่ไปไกลถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก

 

อย่างไรก็ตาม อซาโมอาห์ กียาน กระหน่ำจุดโทษไปกระแทกคานดังสนั่น กาน่า พลาดได้ประตูชัยจากช็อตนี้ และต้องตัดสินด้วยการดวลเป้าเพื่อหาผู้เข้ารอบ ซึ่งเป็น อุรุกวัย ที่แม่นยำกว่า ชนะ 4-2 เขี่ย กาน่า ร่วงไปทั้งน้ำตา

 

(จากนั้น ทั้งบอลโลก 2014 และ 2018 ทุกตัวแทนจากแอฟริกา ไม่ตกรอบแรกก็รอบ 2 เท่านั้น)

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

ปัจจุบัน
การเปลี่ยนระบบคัดเลือกของโซนแอฟริกาในงวดนี้ มาเป็นแบบเพลย์ออฟของรอบ 3 (รอบตัดสินตั๋ว) ทำให้หลายชาติที่คุ้นเคยต้องหลุดออกไป ไม่ว่าจะ อียิปต์, มาลี, แอลจีเรีย หรือ ไนจีเรีย

 

และในขณะที่องค์กรลูกหนังยุโรปอย่าง ยูฟ่า ตัดสินใจ “โละทิ้ง” แล้วซึ่งกฎประตูทีมเยือน ทางฝั่ง CAF ส.บอลแอฟริกา ยังคงยึดประเพณีระบบนี้เอาไว้อยู่

 

นั่นก็ทำให้ กาน่า กับ ไนจีเรีย ซึ่งที่จริงแล้วไม่อาจเอาชนะคะคานกันได้ในทั้งสองเกม เสมอ 0-0 และ 1-1 สุดท้ายกลายเป็น “ดาวดำ” ที่ได้รับการชูมือเป็นผู้ชนะ จากหนึ่งประตูของ โธมัส ปาร์เตย์ มิดฟิลด์ดาวดังจากอาร์เซน่อล ที่ยิงได้ในเกมนัดสองที่อาบูจา

 

กาน่า เป็นหนึ่งใน 5 ตัวแทนของทวีปแอฟริกา ร่วมกับ แคเมอรูน, โมร็อกโก, เซเนกัล และ ตูนิเซีย ที่ได้มาชิงชัยใน กาตาร์ 2022

 

สำหรับทัพดาวดำชุดนี้ มีการเปลี่ยนตัวกุนซือจาก ราเยวัช (คุมทีมรอบสอง 2021-2022) มาเป็น อ็อตโต้ อัดโด้ โค้ชหนุ่มวัย 47 อดีตปีกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอนต้นยุคมิลเลนเนียม ซึ่งที่จริงก็คือ “คนใน” มือขวาของ ราเยวัช ตอนเริ่มต้นรอบคัดเลือกแรกๆ ที่ได้ขยับขึ้นมาทำทีมแทนนั่นเอง

 

ส่วนขุมกำลังนักเตะ แน่นอนอยู่แล้วว่าเปลี่ยนไปเยอะมากจากชุด (เกือบสร้าง) ประวัติศาสตร์เมื่อ 12 ปีก่อน แต่หลายๆ แข้งดาวดำก็ยังสังกัดอยู่ในลีกยุโรป ไม่ว่าจะ

 

โธมัส ปาร์เตย์ (อาร์เซน่อล)
เจฟฟรีย์ ชลุปป์ (คริสตัล พาเลซ)
จอร์แดน อายิว (คริสตัล พาเลซ)
ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ (เลสเตอร์ ซิตี้)
ทาริก แลมตี้ย์ (ไบรท์ตัน)
โมฮาเหม็ด คูดุส (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)
เฟลิกซ์ อเฟน่า-กียาน (เครโมเนเซ่)
ฯลฯ

 

ส่วนทาง อองเดร อายิว ในวัย 32 หลบจากลีกยุโรปไปเล่นกับ อัล-ซาดด์ ในกาตาร์แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในข่ายติดธงไปฟุตบอลโลก 2022 กับน้องๆ เช่นเดิม

 

ประเด็นก็คือ…

 

“กาน่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้เปิดประตูบานนี้สู่เพื่อนร่วมทวีปแอฟริกาที่เหลือ” มุสตาฟา อุสซิฟ รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาแห่งประเทศกาน่า ประกาศผ่าน TV3 ที่ไม่ใช่ไทยทีวีสีช่องสาม “ชาติแอฟริกันอีก 4 รายที่เป็นตัวแทน – เซเนกัล, โมร็อกโก, แคเมอรูน และรวมถึง ตูนิเซีย ที่จะได้ร่วมทัวร์ไปด้วยในครั้งนี้”

 

“ในฐานะของชาติมหาอำนาจแห่งแอฟริกา กาน่า มีความหวังและเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้เห็นโทรฟี่กลับมาสู่ กาน่า ในเดือนธันวาคม”

 

“เดอะ แบล็คสตาร์ส จะคว้าแชมป์โลก!!!”

 

 

"กาน่า จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022"

 

อนาคต
แหม่…โอโห กาน่า กับแชมป์โลก

 

กับระบบทัวร์นาเมนต์ รอบแรก 3 นัด จากนั้นก็ไปน็อกเอาต์ทีละรอบๆ ทุกทีม ทั้ง 32 ตัวแทน ไม่อาจวางแผนเป็นอื่นไปได้นอกจากการ “ไปทีละนัด” เน้นทีละเกม มองไกลมองข้ามช็อตไม่ไหว นอกเสียจากว่าจะชนะ 2 เกมแรกแล้วการันตีเข้ารอบไปก่อนแล้ว

 

ไม่ต่างกัน กาน่า ต้องไปทีละนัด ว่ากันทีละเกม เริ่มที่รอบแรก

 

อาจไม่ถึงกับเป็น “กลุ่มแห่งความตาย” แต่ก็ “ไม่ง่ายสักนิด” สำหรับสิ่งที่ดาวดำของ อ็อตโต้ อัดโด้ เตรียมจะต้องเผชิญในกลุ่ม H

 

24 พ.ย. เปิดหัวกับ โปรตุเกส
28 พ.ย. นัดสองกับ เกาหลีใต้
2 ธ.ค. เกมปิดกลุ่ม ชี้ชะตากับคู่แค้นเก่า อุรุกวัย

 

…มองไปมองมา จะเรียกว่า “กลุ่มแห่งความตาย” ก็พอได้อยู่แหละ — หนักกว่านี้อาจเป็นกลุ่ม E สเปน, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, คอสตาริกา กลุ่มเดียว

 

และยังพูดได้ว่า กาน่า อยู่ในสถานะ “เป็นรอง” จากทุกทีมร่วมกลุ่มด้วย

 

ไม่ว่าจะเรื่องอันดับโลก ฟีฟ่า แรงกิ้ง – โปรตุเกส 8, อุรุกวัย 13, เกาหลีใต้ 29 จึงมาเป็น กาน่า 60

 

ผลงานเก่าในบอลโลก – โปรตุเกส ที่สาม (1966), อุรุกวัย แชมป์โลก (1930, 1950), เกาหลีใต้ ที่สี่ (2002) จึงมาเป็น กาน่า รอบแปดทีม (2010)

 

จำนวนครั้งที่เข้ารอบสุดท้าย – โปรตุเกส 8, อุรุกวัย 14, เกาหลีใต้ 11 จึงมาเป็น กาน่า 4 หนเท่านั้น

 

กระทั่งอัตราต่อรอง ทีมใดมีโอกาสเข้ารอบไปมากกว่ากันในสายตาร้านพูล ก็มาทรงเดียวกันนี้ – โปรตุเกส 1/10, อุรุกวัย 2/5, เกาหลีใต้ 5/2 จึงมาเป็น กาน่า 11/4

 

ไม่ต่าง อัตราผงาดแชมป์โลกที่กาตาร์ – โปรตุเกส 14/1, อุรุกวัย 60/1, เกาหลีใต้ 150/1 จึงมาเป็น กาน่า 300/1

 

ซึ่งที่จริง การถูกมองเป็นรองที่สุดในทุกด้าน ก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อดูจากภาพรวม ขุมกำลัง คุณสมบัติต่างๆ หรือแม้แต่ฟอร์มการเล่น เทียบกันภายในกลุ่มแล้ว

 

ข้อเท็จจริงสำคัญอย่างหนึ่งที่ กาน่า กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ คือพวกเขา “ชนะนัดเดียวถ้วน” ในรอบปี 2022

 

ถัดจากปี 2021 ที่ชนะ 3 จาก 4 เกมสุดท้ายแล้ว กาน่า ก็เข้าสู่ปี 2022 แบบสั่นคลอนโงนเงน

 

– แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2021 (เตะ ม.ค. 2022) เสมอ 1 แพ้ 2 ตกรอบแรกไม่ต้องสืบ (เป็นผลให้ ราเยวัช โดนเด้ง)
– ชิงตั๋วบอลโลก เสมอ ไนจีเรีย 0-0 กับ 1-1 (ชนะด้วยกฎอเวย์โกล)
– คัด AFCON 2023 ชนะ มาดากัสการ์ 3-0 ก่อนเสมอ แอฟริกากลาง 1-1
– ไปเล่นรายการพิเศษ กิริน คัพ ที่ญี่ปุ่น แพ้ ญี่ปุ่น 1-4, เสมอ ชิลี 0-0
– ล่าสุด นัดลับแข้ง 23 ส.ค. แพ้เจ้าภาพบอลโลก กาตาร์ 1-2

 

เท่ากับก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้านี้ กาน่า ลงสนามในปี 2022 ไปแล้ว 11 นัด ชนะ 1 เสมอ 5 แพ้ 5

 

กาน่า คือ “ทีมรองบ่อน” ที่แท้ทรู เอาแค่ภายในกลุ่ม H ไม่ต้องว่าถึงแชมป์โลก

 

ฉะนั้น การที่ ฯพณฯ มุสตาฟา อุสซิฟ ประกาศไว้ว่า กาน่า จะคว้าแชมป์โลก 2022 นั้น จึงเลื่อนลอยขาดน้ำหนักความน่าเชื่อถืออย่างเห็นได้ชัด

 

เพราะแค่พูด ใครจะพูดอะไรก็ได้

 

แต่การลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง ไม่ง่ายอย่างที่พูดแน่

 

ว่ากันตามตรงอย่างไม่ปรามาสสักนิด — รอบแรก เอาให้ผ่านก่อนนะพ่อ!

 

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
https://soccernet.ng/2022/09/ghana-will-win-the-2022-world-cup-sports-minister.html
https://en.wikipedia.org/wiki/1934_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/1990_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/2002_FIFA_World_Cup
https://en.wikipedia.org/wiki/2010_FIFA_World_Cup

 

ภาพประกอบ
Premium Times Nigeria
Africa Top Sports
Kickoffghana
Images Image

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง...คงตายตาหลับ

ดานี่ อัลเวส : แชมป์โลกสักครั้ง…คงตายตาหลับ

ในวัย 9 ขวบ เด็กชายร่างผอมแกร็นชาวบราซิเลียนชื่อ ดาเนี่ยล อัลเวส ดา ซิลวา ต้องนอนบนเตียงที่หล่อด้วยปูนซีเมนต์, ใช้ชีวิตท่ามกลางพื้นดินเฉอะแฉะ ในสภาพอากาศร้อนจัดหลัก 40 องศาเซลเซียส

 

เขาต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ในทุกเช้าเพื่อไปทำงานฉีดพ่นสารเคมีบนพืชผลในฟาร์ม และช่วยยกข้าวยกของ จากนั้นเขายังต้องเดินเท้าเป็นระยะทางร่วม 20 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียน เมื่อตกเย็น เรียนเสร็จแล้วก็ต้องเดินเท้าอีกเป็นระยะทางประมาณเดียวกัน เพื่อเข้าฝึกซ้อมฟุตบอล

 

ในทุกค่ำคืน เขาหลับตาลงพร้อมความฝันว่าตัวเองจะได้เป็นนักเตะอาชีพผู้เลื่องชื่อของประเทศบ้านเกิด บราซิล

 

ยิ่งกว่านั้น–เยอะ

 

หลายสิบปีให้หลัง ดานี่ อัลเวส คือ “นักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุด” ทั้งในวงการฟุตบอลบราซิลและโลกแห่งลูกหนัง กับโทรฟี่ 40 กว่ารายการที่คว้ามาได้กับ บาเอีย, เซบีย่า, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เซา เปาโล จนถึงทีมชาติบราซิล

 

แม้ในช่วงที่พีคขึ้นมาสร้างชื่อเป็นยอดแบ็กขวาของวงการ อัลเวส จะออกทรงล้มเหลวกับทีมชาติ ที่ไม่เคยไปถึงเส้นชัยในฟุตบอลโลกมาก่อน แต่ “วี่แวว” ที่ดีเยี่ยมก็เริ่มจะส่งประกายในช่วงหลายปีหลัง กับแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา อเมริกา 2019 และแชมป์โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ยกมาชิงชัยกันตอนซัมเมอร์ของ 2021

 

แล้วกับฟุตบอลโลก “กาตาร์ 2022” ที่กำลังรออยู่ไม่กี่สิบวันข้างหน้า ต่อให้จะหลบออกจากเวทียุโรป ไปค้าแข้งกับ ปูมาส อูนัม ในลีกเม็กซิโกแล้ว ดานี่ อัลเวส ก็น่าจะยังคงถูกหอบหิ้วไปเป็นหนึ่งในขุนพลของ ตีเต้ อยู่ดี เมื่อตำแหน่งแบ็กขวา นอกจากเสือเฒ่าวัย 39 อย่างเขาแล้ว ก็มีเพียง ดานิโล่ (ยูเวนตุส) กับ เอแมร์ซอน โรยัล (สเปอร์ส) เท่านั้นที่อยู่ในข่ายพิจารณา

 

และแน่นอน ทัวร์นาเมนต์ที่คงจะเป็นการอำลาไปในตัว — อำลาทีมชาติไหมยังไม่รู้ แต่นี่คงเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของพี่แกแล้วแหละ

 

ขอผงาด “แชมป์โลก” เป็นการสั่งลา ชายชราชื่อ ดานี่ อัลเวส คงได้นอนตายตาหลับ…

 

คล้ายกับหลายตำนานนักฟุตบอล คุณมีช่วงเวลายามเด็กที่ไม่ง่ายเอาเสียเลย…
อัลเวส : เด็กๆ หลายคนมีชีวิตยากลำบาก ผมโชคดีมากที่มีพ่อแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่ามีอาหารอยู่บนโต๊ะเสมอ – พวกท่านจะเป็นฮีโร่ของผมเสมอ – แต่ผมไม่สามารถมีสิ่งที่เด็กๆ หลายคนมีได้ ผมต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มีบางอย่างที่ช่วยให้คุณผ่านอุปสรรคทั้งหมดในชีวิตได้ นั่นคือความฝัน คุณอาจต้องเผชิญปัญหาหลากหลายประการ แต่เมื่อคุณมีฝันที่ยิ่งใหญ่ ความฝันของคุณจะวิเศษมากจนครอบงำความคิดของคุณ และคุณจะมองข้ามเรื่องยุ่งยากทุกอย่างไป แน่นอน คุณต้องเต็มใจทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง หลายๆ คนมีฝันที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนความฝันของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

ข้อเท็จจริงสำหรับชายชื่อ ดานี่ อัลเวส คือการที่คุณเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จครองแชมป์มามากกว่าผู้เล่นรายใดๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล การเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศเหล่านี้มีความหมายต่อคุณมากแค่ไหน?
อัลเวส : ทุกโทรฟี่แชมป์มีความสำคัญในตัวเอง แต่บางอันก็มีความพิเศษมากขึ้นไปอีก โอลิมปิก (โตเกียว 2020) นั้นพิเศษสุดกว่ารายการอื่น มันคล้ายๆ กับฟุตบอลโลกที่มีรอบการมาในทุกๆ สี่ปี คุณมีนักกีฬาที่ดีที่สุด ทีมที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มันดึงดูดความสนใจคนทั้งโลก ความมหัศจรรย์ของมันคือเรื่องที่แตกต่างไป เรา (ทีมชาติบราซิล) เป็นกลุ่มนักเตะที่มีโอกาสได้ลงเล่นในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก และนั่นเป็นเรื่องมหัศจรรย์

 

คุณอยากเล่นฟุตบอลโลก 2022 มากแค่ไหน?
อัลเวส : พูดตามตรงนี่คือเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของผม มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ ที่ได้รับการเรียกติดทีมชาติโอลิมปิก แต่ตั้งแต่ผมออกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผมก็ให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะทุ่มทุกอย่างเท่าที่มีเพื่อให้ได้ไปฟุตบอลโลก ในชีวิต คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ และไล่ตามพวกมันอย่างสุดความสามารถ คุณอาจทำสำเร็จหรือคุณอาจทำไม่สำเร็จ มันเป็นเรื่องธรรมดา สมมุติว่าถ้าผมไม่ได้อยู่ข่ายจะได้ไปฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผมก็ให้สัญญาคุณได้เลยว่าผมจะไม่ลดระดับความพยายามของผมลงไป ถ้าผมไม่สมควรได้รับมันและมีคนอื่นที่เหมาะกว่า ผมก็พร้อมที่จะเป็นกองเชียร์หมายเลข 1 ของ ลา เซเลเซา แต่ผมคิดถึงฟุตบอลโลกอยู่ตลอดเวลา และผมก็อุทิศตัวเองเพื่อทำให้ความฝันนี้เป็นจริง มันคือเป้าหมายของผม

 

คุณคิดอย่างไรกับ เนย์มาร์?
อัลเวส : เขาเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากมาก เขาถูกประเมินค่าต่ำไปอย่างสิ้นเชิง ในประเทศของเรา การประสบความสำเร็จดูเหมือนเป็นอาชญากรรม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เขาต้องจ่ายสำหรับการเป็นชาวบราซิเลียน ถ้าเขามาจากประเทศอื่น, ทำทุกอย่างที่เขาทำ, ทำลายทุกสถิติที่เขามี ชาวบราซิลจะให้ค่าเขาสูงกว่านี้มาก เนย์มาร์ ทำให้เด็กๆ หลงรักฟุตบอล
เมื่อผมยังเด็ก สิ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักฟุตบอลก็คือความมหัศจรรย์ที่ยอดนักเตะบราซิลมี ความสามารถในการแสดงออกถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป การแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลแท้จริงแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ที่จริง ฟุตบอลมันเริ่มน่าเบื่อ การเน้นแท็กติกมากเกิน การเน้นการต่อสู้ทางกายภาพมากเกิน
ฟุตบอลควรเป็นศิลปะ เป็นสิ่งสวยงาม คุณลองดูสิ่งที่ เนย์มาร์ ทำสิ ไม่มีใครวิเศษเท่าเขา ผมรักฟุตบอลอย่างแท้จริง และผมก็รักที่จะดูการเล่นของ เนย์มาร์

 

แล้วยอดดาวเตะนักมายากลคนใดกัน ที่ทำให้คุณตกหลุมรักฟุตบอล?
อัลเวส : ผมรักการโชว์ของ โรนัลดินโญ่ และ โรมาริโอ แต่ตอนที่ผมต้องสู้เพื่อเป็นนักเตะอาชีพ แบบอย่างของผมคือ คาฟู
เราทั้งคู่ต่างมาจากเมืองชัวเซโร่ (Juazeiro รัฐบาเอีย) เราไม่เคยนึกภาพตัวเองเป็นนักมายากล เราเพียงแต่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ทุกอย่างมา ไอดอลของผมคือ คาฟู เรื่องราวของเขา วิธีการต่อสู้ของเขา ทุกอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้ผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเกลียดเมื่อมีคนเปรียบเทียบผมกับ คาฟู
ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากก็จริง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับรางวัลออสการ์ในเส้นทางฟุตบอล แต่ผมเคารพ คาฟู มากที่สุด และไม่ชอบการโต้แย้งเหล่านี้ คาฟู คือตำนานที่แท้จริง

 

เวลาของคุณที่ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างไรบ้าง?
อัลเวส : หาที่เปรียบมิได้ ผมเชื่อว่าผมได้เล่นในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ผมไม่เคยเห็นสุดยอดทีมที่เล่นด้วยกันไหลลื่นกลมกลืนกันขนาดนี้มาก่อน เราทุกคนอยู่ในคลื่นความถี่เดียวกันเป็นเวลาตลอดทั้ง 90 นาที เป็นทีมซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่เล่นเกมอย่างสนุกเหมือนเด็กเล่นฟุตบอล ไม่เพียงแต่เล่นเพื่อชนะ แต่เรายังเล่นเพื่อความบันเทิงด้วย เรามีผู้เล่นที่น่าทึ่งเข้ามาร่วมทีมคนแล้วคนเล่า และมีอีกหนึ่งสุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก (ลิโอเนล เมสซี่) เป็นเสมือนผู้นำ มันเป็นการยากที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั้น เป็นสิ่งที่เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่จะเข้าใจ เราสัมผัสได้ถึงช่วงเวลาแห่งความอิ่มอกอิ่มใจที่ประเมินค่าไม่ได้

 

แล้ว “สุดยอดนักเตะที่เหมือนมาจากนอกโลก” คนที่คุณว่า คือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลหรือไม่?
อัลเวส : ผมสามารถพูดเกี่ยวกับผู้เล่นที่ผมเคยเห็นในช่วงชีวิตของผมเท่านั้น ผมเคยเห็นนักเตะพรสวรรค์สูงมากมาย แต่พวกเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานระดับสูงเช่นนั้นได้เป็นเวลานาน ดังนั้น แม้เขาจะเป็นคนอาร์เจนติน่า ผมก็ต้องยอมรับว่า เมสซี่ เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

 

ตอนนี้ล่ะ คุณคิดว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก?
อัลเวส : เนย์มาร์ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกวันนี้

 

ถึงตรงนี้ คุณคว้าแชมป์ไปแล้ว 40 กว่ารายการทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ สิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร และคุณมองถึงการเป็นนักเตะคนแรกที่ครองแชมป์ถึงหลัก 50 รายการ รึเปล่า?
อัลเวส : ผมภูมิใจในตัวเองมาก ผมคิดว่าผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ผมคิดว่าคุณต้องสู้สุดใจเพื่อไปให้ถึงดวงดาว ใช่ ผมนึกถึงหลักไมล์สำคัญนี้ เดอะบิ๊กฟิฟตี้! มันคงน่าทึ่งมาก เป็นสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์ ผมหวังว่าผมจะทำมันได้สำเร็จก่อนที่ผมจะเลิกเล่น และหวังว่ามันจะรวมถึงฟุตบอลโลกด้วย!

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

คงเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนถึงบางความจริงของชีวิต — เส้นทางเฝ้าเสาของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

 

หนึ่งคือ วันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร เชื่อว่าคอบอลหลายๆ ท่านทันดูช่วงเวลาเลี่ยมทองของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โดยเฉพาะแฟนยุค 90 ที่ได้เป็นสักขีพยานความสำเร็จมากมายหลายประการของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงฉากสุดท้ายของ “ยักษ์เดนส์” กับการชูถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปิดท้ายปีทอง 3 แชมป์ 1999 เคียงข้างขุนพลปีศาจแดง กระทั่ง ชไมเคิ่ล ย้ายออกไป สปอร์ติ้ง, แอสตัน วิลล่า และกลับมาเลิกเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบที่แฟนผีงงตาแตกไปตามๆ กัน ครั้นเมื่อหมดยุคปีเตอร์ผู้พ่อ ก็ถึงช่วงเวลาเบ่งบานของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้ลูก กับทาง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ถึงขั้นผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง

 

…เพราะวันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร บนความสำเร็จจากพ่อสู่ลูก ก็มาถึงวันที่ แคสเปอร์ ปิดตำนานอำลาพรีเมียร์ลีก ย้ายออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ไปเรียบร้อย

 

อีกหนึ่งคือ ในช่วงชีวิต บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ นั่นแหละ ตื่นเช้า ออกจากบ้านไปทำงาน ทำงานเสร็จเดินทางกลับบ้าน สุดสัปดาห์หาทริปเที่ยวใกล้บ้านบ้าง หาร้านอร่อยๆ กินเป็นรางวัลชีวิต นานๆ ทีถึงออกต่างจังหวัด เมื่อไหนจะลางานได้นานๆ ครั้ง ไหนจะงบเที่ยวที่ก็ต้องเก็บสตุ้งสตางค์กันพอตัว ยิ่งในยุคข้าวยากหมากแพงสนั่น คนเป็นเฮดโง่งี่เง่าแบบนี้ ยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระวัง แล้วเผลอแผลบเดียว วันผ่านคืนผัน จากเดือนสู่ปี จากปีก็เป็นหลายปี

 

…บางทีเราก็หลงลืมเวลาไปบ้างจริงๆ จากยุคของคุณพ่อปีเตอร์ สู่ยุคของคุณลูกแคสเปอร์ เผลอแวบเดียวก็มาถึงวันนี้ที่บานประตูสีน้ำเงินถูกงับปิดลง ทุกอย่างกลายเป็นแค่ตำนานและเรื่องเล่าอย่างสมบูรณ์

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อเท็จจริงหนึ่งที่อาจจะเป็นร่องรอยตำหนิของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อยู่บ้าง ก็คือการ “ดังช้า” ไม่ได้เทิร์นโปรขึ้นเปรี้ยงปร้างสว่างไสวในช่วงขวบวัยสิบกว่าไม่เต็มยี่สิบ เหมือนหลายๆ ตัวอย่างแข้งอาชีพ

 

เพราะตลอดการเริ่มต้นเส้นทางกับ แมนฯ ซิตี้ (ที่คุณพ่อปีเตอร์เอามาฝากเข้าอะคาเดมี่เรือตั้งแต่ 16 ขวบ) แคสเปอร์ ต้องร่อนเร่พเนจรไปอยู่กับทีมนั้นทีทีมโน้นที ทั้ง ดาร์ลิงตัน, บิวรี่, ฟัลเคิร์ก, คาร์ดิฟฟ์ และ โคเวนทรี จนในท้ายที่สุดก็แยกทางกับทัพเรือ ย้ายขาดสู่ น็อตต์ส เคาน์ตี้ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในที่สุด

 

จนในช่วงขณะที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดทั้งกับต้นสังกัด เลสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติเดนมาร์ก นั้น ลูกชายคุณพ่อปีเตอร์ ก็ทะลุ “หลักสาม” ไปแล้ว

 

แน่นอน เอ่ยถึง แคสเปอร์ แล้ว จะเลี่ยงไม่พูดถึงความมหัศจรรย์ระดับร้อยปีมีครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขาและ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ได้

 

ในแชมป์ประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์ ทีมที่ 1 ปีก่อนหน้านั้นร่อแร่จะตกตายมิตายแหล่ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ฟอร์มพลุ่งพล่านของ ริยาด มาห์เรซ (17 ประตู 11 แอสซิสต์, แข้งแห่งปีพีเอฟเอ) และ เจมี่ วาร์ดี้ (24 ประตู รองดาวซัลโวลีก) ทว่าเกมรุกอันร้อนแรงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงส่งจากข้างหลัง

 

ความเหนียวแน่นแข็งแกร่งที่มากเพียงพอ–พอจะทำให้คนเกมรุกเดินหน้าได้อย่างไม่ต้องพะวักพะวง ซึ่งก็ควรถือว่า แคสเปอร์ ตอบโจทย์นั้นได้อย่างสบาย

 

อาจมีถ้อยคำปรามาสจากบางฝ่ายที่ไม่เชื่อมือ แคสเปอร์ รวมถึงแผงแบ็กโฟร์ด้านหน้า คู่เซนเตอร์อย่าง เวส มอร์แกน กับ โรเบิร์ต ฮูธ แบ็กสองข้างอย่าง คริสเตียน ฟุคส์ กับ แดนนี่ ซิมพ์สัน ว่าเนี่ยนะจะทำให้เลสเตอร์สามารถยืนระยะตลอดรอดฝั่งได้ แม้จะออกสตาร์ทดีภายใต้การทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ด้วยการชนะกับเสมออย่างละครึ่งใน 6 เกมแรก แต่พวกเขามองว่าชะตาแบบซีซั่นก่อนของ ไนเจล เพียร์สัน (หลุดแพ้แล้วก็ไปยาว จากที่ 7 ลงสู่บ๊วย) จะเกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อตลอด 6 เกมแรกที่แม้จะไม่แพ้ใคร แต่ก็เสียประตูมันทุกนัด — ทว่านั่นคือการคาดการณ์ที่ผิดถนัด

 

เวลาต่อมา แคสเปอร์ ทำได้ถึง 15 คลีนชีต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างระยะ “เข้าเบรค” ชนะแบบไม่เสียประตูเป็นจำนวน 6 จาก 7 เกมในช่วงเดือน ก.พ. – เม.ย.

 

1-0 นอริช (คั่นด้วย 2-2 เวสต์บรอมวิช), 1-0 วัตฟอร์ด, 1-0 นิวคาสเซิ่ล, 1-0 คริสตัล พาเลซ, 1-0 เซาธ์แฮมป์ตัน และ 2-0 ซันเดอร์แลนด์ ใน 6 เกมนี้ เลสเตอร์โดนยิงเข้ากรอบทั้งหมด 14 ครั้ง ทั้งหมดไม่ผ่านมือแคสเปอร์ และแมนออฟเดอะแมตช์บางนัดยังเป็นของเขา เช่นเกมเสมอ แมนฯ ซิตี้ 0-0 (แมตช์ที่ 19, 29 ธ.ค.) ที่บรรดาแนวรุกเรือใบอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์ ดาหน้ากันเข้าทำ สร้างจังหวะยิง 21 ครั้ง ตรงกรอบ 5 ทั้งหมดไม่ผ่านมือจอมหนึบเดนส์

 

จนในท้ายที่สุด เลสเตอร์ เข้าป้ายเถลิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ ในปีนี้ที่บรรดาบิ๊กโฟร์บิ๊กไฟว์บิ๊กซิกส์ต่างพร้อมใจกันหลุดฟอร์ม ผิดไปจากมาตรฐานที่เคยเป็น

 

แม้ในความสำเร็จปาฏิหาริย์นั้นจะถูกปรามาสอยู่บ้างว่ามี “โชคดวง” แต่จะบอกว่านั่นคือเรื่องฟลุ้ค ดวงดี 100% ไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อความสำเร็จของ เลสเตอร์ ยุค แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็ยังถูกการันความยอดเยี่ยมด้วยอีกหนึ่งโทรฟี่เมเจอร์อย่าง เอฟเอ คัพ ปี 2021

 

นั่นทำให้เมื่อถึง “วันปิดตำนาน” ย้ายออกไปยัง นีซ ในฝรั่งเศส หลายๆ สื่อถึงกับใช้คำว่า “Legacy” (มรดก) สำหรับสิ่งที่ แคสเปอร์ ทิ้งเอาไว้ใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

 

11 ปี
479 นัด
1 แชมป์พรีเมียร์ลีก
1 แชมป์เอฟเอ คัพ
1 แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
1 แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
2 รางวัลนักเตะแห่งปี เลสเตอร์ ซิตี้
2 รางวัลนักเตะแห่งปี (เพื่อนร่วมทีมโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้
1 รางวัลนักเตะแห่งปี (แฟนบอลโหวต) เลสเตอร์ ซิตี้

 

(ส่วนสาเหตุที่ ชไมเคิ่ล ย้ายออกอย่างกะทันหัน แบบที่แฟนๆ ก็ถึงกับอึ้งรับประทาน เป็นเพราะ 1. สัญญาเหลือปีเดียว ฉะนั้นขายได้ก็ขาย รวมถึงนักเตะเองก็สูงวัยขึ้นเรื่อยๆ / 2. ซีซั่นที่แล้วเริ่มเล่นพลาดบ่อย ชักเผยจุดอ่อนเรื่องลูกโด่งและการออกบอล / 3. ปัญหาการเงินสโมสร ถ้าจะซื้อใครเข้า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องขายออกเสียก่อน ซึ่งในราย แคสเปอร์ ยังนับเป็นการลดค่าจ้างรายสัปดาห์ลงเยอะด้วย)

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ยังคงเหลือหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน…

 

แน่นอนที่สุดว่าคือ ฟุตบอลโลก 2022

 

แม้อนาคตยังไม่การันตีอะไรแน่นอน แต่ด้วยอายุอานาม 35 ย่าง 36 (ครบ 36 ก่อนบอลโลกไม่กี่วัน) นี่ก็คงจะเป็น “บอลโลกหนสุดท้าย” ของลูกชายพ่อปีเตอร์

 

อย่างที่บอก แคสเปอร์ ค่อนข้างจะดังช้าในเวทีระดับสูง นั่นส่งผลกับโอกาสรับใช้ชาติของเขาด้วย ที่เริ่มจะมาติดธงสม่ำเสมอก็ช่วงปี 2014 แล้ว ซึ่งเวลานั้น เจ้าตัวลงหลักปักฐานกับ เลสเตอร์ ไปได้เรียบร้อย — ด้วยวัย 27-28

 

แล้วก็ต้องบอกว่า แคสเปอร์ โชคไม่ดีนัก (อีกแล้ว) กับการที่มีช่วงพีคในยุค เดนมาร์ก มาทรง “ตกต่ำ” ภายใต้การดูแลของ มอร์เทน โอลเซ่น

 

ยูโร 2012 ที่โปแลนด์-ยูเครน แคสเปอร์ (25) ถูกหอบหิ้วไปในฐานะมือ 3 เท่านั้น เป็นรองทั้ง สเตฟาน อันเดอร์เซ่น (30) จากเอวิยอง และ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (28) จากแมนฯ ยูไนเต็ด แถมการเรียกตัวเขามา ยังเป็นแค่มวยแทนการบาดเจ็บของจอมเก๋า โธมัส โซเรนเซ่น ที่ต้องถอนตัวไปด้วย

 

ส่วน ฟุตบอลโลก 2014 ต่อด้วย ยูโร 2016 ที่ แคสเปอร์ เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งโคนมบ้างแล้วนั้น

 

…งามไส้ที่แท้ทรู โอลเซ่น ทำทีมโคนมตกรอบคัดเลือกมันทั้ง 2 รายการติดต่อกัน

 

ก็มาถึง ฟุตบอลโลก 2018 และ ยูโร 2020 นี่เอง ที่ แคสเปอร์ สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำในระดับนานาชาติ เคียงข้างกับเพื่อนโคนมทั้งหลายแหล่

 

เวิลด์ คัพ 2018 ที่รัสเซีย เดนมาร์ก อาจตกรอบเร็วไปสักนิดเพียงรอบ 2 แต่ก็เพราะการดวลจุดโทษ (ที่ไม่ต่างจากโยนหัวก้อยนัก) ภายหลังครบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ซึ่ง แคสเปอร์ มีช็อตพุ่งเซฟจุดโทษในตอนต่อเวลานาที 116 จากการยิงของ ลูก้า โมดริช เอาไว้แบบติดหนึบอยู่มือ

 

ในการดวลเป้าชี้ขาด ปรากฏว่าแม้ แคสเปอร์ จะเซฟได้ถึง 2 จุดโทษจาก มิลาน บาเดลจ์ และ โยซิป พิวาริช แต่ เดนมาร์ก ก็กลับยิงไม่เข้าถึง 3 คน ทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น, ลาสเซ่ โชเน่ และ นิโคไล ยอร์เกนเซ่น จนแพ้ 2-3

 

เรียกว่า แคสเปอร์ เซฟจุดโทษไป 3 รอบ เดนมาร์ก ก็ยังไม่ว่ายร่วงอยู่ดี ว่าซั่น

 

มาถึง ยูโร 2020 ซัมเมอร์ที่แล้ว (2021) แคสเปอร์ มีส่วนสำคัญยิ่งในการที่เกือบจะสร้าง “เทพนิยายเดนส์” ให้เกิดขึ้นอีกรอบ กับการพลิกสถานการณ์โกงความตายจากความพ่ายแพ้ 2 นัดแรก มาเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ในท้ายที่สุด (0-1 ฟินแลนด์, 1-2 เบลเยียม, 4-1 รัสเซีย) แล้วค่อยๆ ตบคู่แข่งไปทีละนัดๆ (4-0 เวลส์, 2-1 สาธารณรัฐเช็ก) จนถึงรอบตัดเชือก

 

สิ่งที่ขวางกั้น แคสเปอร์ และพลพรรคโคนมในการทำทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ ไม่ให้เข้าถึงชิงชนะเลิศ มีเพียงจุดโทษปัญหา ช็อตที่สามารถตีความได้ว่าเป็นการตั้งใจ “พุ่งล้ม” เรียกฟาวล์ของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ช่วงต่อเวลาพิเศษเท่านั้น (อังกฤษชนะ 2-1)

 

ฟอร์มแจ่มแจ๋วในยูโร ต่อยอดมายัง รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ก็ประสบความสำเร็จระดับคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายเป็นชาติที่ 2 ของยุโรป (ถัดจากเยอรมนี) ทีเดียว เช่นเดียวกับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 ที่ยังคงออกมาดีงามพระรามแปด นำจ่าฝูงของกลุ่ม 1 ลีกเอ ด้วยผลงานชนะ 3 แพ้ 1 มี 9 แต้ม เหนือทั้ง โครเอเชีย (7), ออสเตรีย (4) และ ฝรั่งเศส (2)

 

เมื่อ “ทรงดี” ต่อเนื่องนานนับปีแบบนี้

 

ย่อมไม่ผิดที่ เดนมาร์ก จะแอบวาดฝันถึงฟุตบอลโลก 2022 ไว้ ในฐานะเวิลด์คัพหนแรกที่พวกเขา “มีโอกาส” ไปถึงจุดสุดยอด

 

(ในสายตาร้านพูลอังกฤษ เดนมาร์ก ถูกวางเป็นเต็ง 8-9 แชมป์โลกในเรตจ่าย 28/1 เท่านั้น เรียกว่ามีแค่บรรดาแชมป์โลกหน้าเก่าๆ กับอีก 2-3 ชาติยุโรป ที่ถูกมองว่ามีภาษีดีกว่า)

 

ประเมินจากตรงนี้ รอบแรกไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับการอยู่ร่วมสายกับ ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และ ตูนิเซีย

 

ชื่อชั้นอาจเป็นรอง ฝรั่งเศส อยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่าการพบกันล่าสุดใน เนชั่นส์ ลีก แคสเปอร์ ก็พาทีมบุกเชือดไก่ถึงปารีสมาแล้ว 2-1 (อันเดรียส คอร์เนเลียส ซัดสอง)

 

ส่วน ออสเตรเลีย กับ ตูนิเซีย แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นรอง เดนมาร์ก อยู่แล้วในภาพรวม เท่ากับหากไม่เกิดข้อผิดพลาดหนักหนาขึ้น โคนม ก็ไม่น่ากลับบ้านเร็ว

 

ส่วนรอบน็อกเอาต์ เจอใคร-ผลออกหน้าไหน ยังเป็นเรื่องเกินการคาดเดา แต่หากเล่นเกมที่ตัวเองถนัดได้ คว้าโอกาสได้ไม่เปลือง และพอมีโชคดวงส่งเสริมบ้าง เดนมาร์ก ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น

 

ไปทีละแมตช์ เน้นทีละรอบ เหมือนที่ทำมาแล้วในยูโร 2022

 

ว่ากันตามตรง จุดอ่อนของพวกเขายังมีอยู่ ไม่ว่าจะแนวรับที่ไม่นิ่งแน่นอนนัก หรือแนวรุกที่บางครั้งบางคราวก็ขาดความเฉียบคมไปบ้าง

 

แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยกับ “ปราการด่านสุดท้าย” ที่มี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล คอยดูแล

 

หนึ่งประตูที่ปิดลงกับเลสเตอร์ ยังคงเหลือหนึ่งประตูสุดท้ายที่แอบฝัน กับทัพโคนม

 

การชูถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ขึ้นเหนือหัว ณ กลางสนาม Lusail Iconic Stadium ประเทศกาตาร์

 

แม้ยังเป็นเพียงฝันหวานของคนทั้งชาติและตัว แคสเปอร์ เอง แต่ก็ใช่ว่านี่คือเรื่องเป็นไปไม่ได้

 

ต้องทวนความจำอีกครั้งไหมว่า แชมป์พรีเมียร์ลีกของ แคสเปอร์ ครานั้น เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร…???

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

ความน่ากังวลเมื่อถึง “วันนั้น”

กับฟุตบอลโลก 2022 ที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของนายด่านวัย 36 อย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เต็มที่ก็คงต่ออีกสัก 2 ปี ไปยูโร 2024 ที่เยอรมนี (ด้วยอายุปริ่ม 38) แล้วก็คงจะถึงคราวส่งไม้ต่อให้ “เจนใหม่” เข้ามารับหน้าที่เฝ้าประตูโคนมต่อไป ซึ่งมองจากตรงนี้ก็จะเห็นเลยถึงเมฆหมอกแห่งความทะมึนทึม เมื่อยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะเป็นใครที่ขึ้นมาแทน จากบรรดาตัวเลือกอย่างน้อย 6 ราย ดังนี้

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

 

เฟรเดริค รอนโนว์
30 : อูนิโอน เบอร์ลิน : ทีมชาติ 8 นัด
มือสองโคนมคนปัจจุบัน ย้ายจาก บรอนด์บี้ มาวาดลวดลายในบุนเดสลีกา กับ แฟร้งค์เฟิร์ต ตั้งแต่เมื่อปี 2018 จากนั้นย้ายยืมไป ชาลเก้ 04 และเวลานี้อยู่กับ อูนิโอน เบอร์ลิน โดยซีซั่ที่แล้วได้เล่น 13 นัดเนื่องจากเป็นมือสองรองจาก อันเดรียส ลูเต้ แต่ซัมเมอร์นี้รายหลังย้ายออกไปแล้ว ทำให้จะเป็นโอกาสของ รอนโนว์ ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

โยนาส ลอสเซิ่ล
33 : มิดทิลลันด์ : ทีมชาติ 1 นัด
ถือได้ว่าเป็น “จอมอาภัพ” คนหนึ่งของวงการ เมื่อเอาเข้าจริงทั้งที่ฝีไม้ลายมือไม่เลวและมีส่วนสูงเข้าที (195 ซ.ม.) แต่ช่วงชีวิตของการยกระดับจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ สู่ทีมใหญ่ (พอตัว) อย่าง เอฟเวอร์ตัน กลับปรากฏเป็นสถิติลงสนาม 0 นัดตลอด 2 ซีซั่น 2019/20 และ 2020/21 จนที่สุดแล้วก็ต้องย้ายกลับบ้านเกิด ซบ มิดทิลลันด์ (แถมซีซั่นก่อนแวะมา เบรนท์ฟอร์ด ก็ได้เล่นแค่ 2 เกมเท่านั้นอีก)

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ปีเตอร์ วินดาห์ล เยนเซ่น
24 : อาแซด อัล์คมาร์ : ทีมชาติ 0 นัด
น่าจับตากับความก้านยาวจะสองเมตรรอมร่อ (198) และอายุอานามกำลังดี สามารถไปได้อีกไกลนับสิบปี แถมกำลังสั่งสมประสบการณ์อยู่ในฐานะมือหนึ่งของ อาแซด อัล์คมาร์ โดยเคยถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติชุดใหญ่บ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยลงสนามมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

ดาเนี่ยล อีเวอร์เซ่น
25 : เลสเตอร์ ซิตี้ : ทีมชาติ 0 นัด
ทายาทของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โดยตรงในทีม เลสเตอร์ ซิตี้ กระนั้นก็ยังไม่เคยเล่นทีมชุดใหญ่จิ้งจอกสยามมาก่อน (จึงไม่ต้องพูดถึงทีมชาติ) โดยย้ายเข้าอะคาเดมี่ เลสเตอร์ ในปี 2016 ตอนที่เจ้าตัวอายุแค่ 18-19 ก่อนถูกส่งยืมไปเล่นกับหลายสโมสรในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซีซั่นที่แล้วไปเป็นมือหนึ่งของ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ก่อนที่ซีซั่นนี้จะกลับสู่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในฐานะมือสอง

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น
22 : บรอนด์บี้ : ทีมชาติ 0 นัด
มือหนึ่งของทีมเยาวชน ยู-21 (ซึ่่งยังไม่เคยถูกเรียกขึ้นชุดใหญ่) กำลังเป็นที่จับตาว่าจะมีอนาคตยาวไกล ภายหลังก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของ บรอนด์บี้ ในซีซั่นที่แล้วขณะที่มีอายุเพียง 21 ขวบ รวมถึงถูกตั้งเป็นกัปตันเบอร์ 3 ของสโมสรด้วย โดยนับเป็นลูกหม้อของ บรอนด์บี้ ขนานแท้ ที่ถูกดึงตัวมาปั้นในอะคาเดมี่ตอนอายุ 14-15 เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : หนึ่งประตูที่ปิดลง กับหนึ่งประตู (สุดท้าย) ที่แอบฝัน

เยสเปอร์ แฮนเซ่น
37 : อาร์ฮุส : ทีมชาติ 0 นัด
ว่ากันตามตรง นี่คือตัวเลือกที่สามารถขีดฆ่าออกได้ง่ายที่สุด ด้วยความโชคร้ายของเจ้าตัวที่ดันอยู่ในยุคเดียวกับ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จนไม่เคยได้มีโอกาสเฝ้าเสาทีมชุดใหญ่เลยสักครั้ง ที่สำคัญเจ้าของรางวัลนายประตูแห่งปีลีกเดนมาร์ก 2 สมัย (2012, 2019) ยังอายุอานามปาไป 37 สูงวัยกว่า แคสเปอร์ เสียอีก!

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : "คำว่า 'เกือบ' แชมป์โลก ...พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!"

โอลิเวอร์ นอยวิลล์ : “คำว่า ‘เกือบ’ แชมป์โลก …พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!”

จับเข่าคุยกับ โอลิเวอร์ นอยวิลล์ อดีตหัวหอกอินทรีเหล็ก เยอรมนี ผู้ซึ่งยังจำได้ดีกับการชิงชัยไล่ล่าแชมป์โลกของตัวเขา แชมป์โลก…ที่ใกล้เคียงสุดได้แค่ “เกือบ” เท่านั้น

โอกาสของไทย ? 2026 บอลโลก เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม

โอกาสของไทย ? 2026 บอลโลก เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม

ฟุตบอลโลกหนนี้ (2022) ยังไม่เตะ แต่ฟุตบอลโลกหนต่อไป 2026 ประกาศมาแล้วเอเชียจะได้ที่นี่ 8.5 ทีม เส้นทางการเฟ้นหาเป็นยังไง และทีมชาติไทยมีโอกาสหรือไม่ ที่จะได้ไปบอลโลกกับเขา

ดาวนักเตะที่ไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลโลก2022

ดาวนักเตะที่ไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลโลก2022

ความน่าเสียดายไม่หายของ ฟุตบอลโลก 2022 คือการที่จะไม่มียอดดาวยิงพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 2 ราย เข้าร่วมชิงชัยและไล่ล่ารองเท้าทองคำ

แชมป์เก่า : อาถรรพ์หรือแค่อุบัติเหตุ

แชมป์เก่า : อาถรรพ์หรือแค่อุบัติเหตุ

ในบอลโลก “แชมป์เก่า” ล้มเหลวต่อเนื่องตลอดหลายสิบปีหลัง ว่าแต่มันคือ “อาถรรพ์” หรือแค่ “อุบัติเหตุ” กันแน่?

ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?

ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?

ห้าทีมจากแอฟริกา เซเนกัล, แคเมอรูน, ตูนีเซีย และโมร็อกโก จะไปได้ไกลกว่าที่เพื่อนร่วมทวีปทำได้หรือเปล่า? และใครที่จะก้าวไปได้ไกลที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์​

ก่อนบอลโลก มีเกมทีมชาติอีกไหม?

ก่อนบอลโลก มีเกมทีมชาติอีกไหม?

ฟุตบอลกำลังเข้าสู่การเปิดซีซั่นใหม่ คำถามคือ มันจะมีช่องว่างให้ “เกมทีมชาติ” ได้สอดแทรกบ้างไหมก่อนบอลโลก