เสียดาย 2022 : บอลโลกที่ขาด ‘ยอดดาวยิง’

อย่างที่ได้เอ่ยไว้เมื่อครั้งกระโน้น ความน่าเสียดายที่สุดอย่างหนึ่งของ ฟุตบอลโลก 2022 คือการที่แชมป์โลก 4 สมัย อิตาลี ยังคงขยันสะดุดล้มหน้าทิ่ม ตกรอบคัดเลือกอยู่นั่น จนกลายเป็นว่าเจ้าของแชมป์ยูโร 2020 ไปไม่ถึงรอบสุดท้าย 2 หนติดเข้าไปแล้ว

เพียงแต่ก็ไม่ใช่ อิตาลี รายเดียวเท่านั้นที่ “ตกขบวน” อดไปอวดโฉมที่กาตาร์ เมื่อยังมีอีกหลายชาติที่เราคุ้นเคยหน้าตาชื่อแซ่กันดี พลาดท่าร่วงคัดเลือกไปเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะ สวีเดน, ยูเครน, ตุรเคีย, รัสเซีย, สาธารณรัฐเช็ก, ชิลี, โคลอมเบีย, ปารากวัย, ไนจีเรีย, แอลจีเรีย, ไอวอรี่โคสต์ ฯลฯ พวกนี้ “ตีตั๋วรอ” รออีก 4 ปีกับ เวิลด์ คัพ 2026 ที่จะจัดใน 3 ประเทศ แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ไปนู่น

สำคัญก็คือ ในบรรดาชาติที่ร่วงคัดเลือกนั่น บางรายยังมีสมาชิกระดับ “โคตรเพชรเจ็ดมงกุฏ” เป็นหนึ่งในสุดยอดดาวยิงที่ไม่ใช่ระดับชาติหรือทวีป แต่สามารถหยิบยกเป็น “ระดับโลก” ได้อย่างไม่เคอะเขิน

และนั่น ยังทำให้บอลโลกอาจ “กร่อย” ลงไปบางส่วน ไม่ดุดันสะเด็ดสะเด่าอย่างที่ควรจะเป็น…

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ | ดาวนักเตะที่ไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลโลก2022 

นอกจากเป็นนักเตะเบอร์ 1 ตลอดกาลของวงการฟุตบอลอียิปต์ ก็ยังเคยเป็นฮีโร่หมายเลข 1 ของชนชาติมัมมี่ด้วยเช่นกัน เมื่อครั้งที่พาทีมลิ่วรอบคัดเลือกหนก่อนโน้น – รัสเซีย 2018

ภายหลังขับเคี่ยวกันมานานนับปี จนมาถึงการคัดเลือกรอบ 3 ของโซนแอฟริกา

อียิปต์ อยู่ในกลุ่มอี ร่วมกับ กาน่า, อูกันดา และ คองโก

อียิปต์ เดินหน้าชนะ 2 เกมแรก เหนือ คองโก 2-1 และ กาน่า 2-0

ปรากฏว่าถึงเกมที่ 3 สวรรค์ก็ล่มเมื่อ อียิปต์ ออกไปแพ้ อูกันดา 0-1 นั่นทำให้โอกาสเข้ารอบสุดท้ายที่รัสเซีย ลดระดับลงในทันที

จนมาถึงเกมที่ 5 (หลังจาก อียิปต์ เปิดบ้านฟื้นชนะ อูกันดา 1-0) หากว่า อียิปต์ สามารถเอาชนะ คองโก ได้ พวกเขาจะตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีทันที

สำเร็จ — อียิปต์ เฉือนชัย 2-1 อย่างดราม่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดสกอร์นำ 1-0 น.62 ก่อนผู้มาเยือนตามตีเสมอท้ายเกม น.87

ทดเจ็บ 90+3 อียิปต์ มาได้จุดโทษ และคนรับหน้าที่สังหารคือ โม ซาลาห์

ด้วยเดิมพันสูงลิบอย่างการเข้ารอบหรือยังต้องรอบลุ้นต่อ — ซาลาห์ สังหารเข้าประตูไปอย่างมั่นใจ การันตีตั๋วไปบอลโลก 2018 ให้ อียิปต์ ได้สำเร็จ

(แต่มาถึงรอบสุดท้าย อียิปต์ มาแค่เข้าร่วม แพ้ 3 เกมซ้อน ตกรอบเป็นบ๊วย)

สี่ปีถัดมา ระบบการคัดเลือกของโซนแอฟริกามีการเปลี่ยนแปลง เมื่อจะนำเอาบรรดาแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือกรอบ 2 ทั้ง 10 ราย มาจ๊ะเอ๋กันเองแบบ “เพลย์ออฟ” สองนัดสกอร์รวม ใครชนะ เข้า ใครแพ้ ตก

อียิปต์ เปิดบ้านเชือด เซเนกัล ไปก่อน 1-0 แต่สี่วันให้หลัง เซเนกัล ก็เอาคืนด้วยการชนะในเวลา 90 นาที สกอร์เดิม 1-0

จนเกมต้องลากมาถึงการดวลจุดโทษตัดสิน

ปรากฏว่ามือสังหาร 4 รายแรกของทั้งสองฝั่ง ต่างพลาดเป้ากันไปหมด หนึ่งในนั้นคือ ซาลาห์ ที่วิ่งเข้าอัดด้วยซ้ายเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง

ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝากความหวังที่เพื่อน — และไม่เป็นผลสำเร็จ อียิปต์ แพ้ดวลเป้า 1-3 อดไปเล่นบอลโลก 2022 ส่วน เซเนกัล เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 ของตัวเอง

ซาลาห์ อดไปโชว์ตัวในบอลโลก ณ ช่วงเวลาที่ตัวเองกำลังพีคขั้นสุด (30 พอดี) กดไปแล้ว 156 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 3 สมัย (2017/18, 2018/19, 2021/22) พร้อมพาทีมเป็นแชมป์ 6 รายการเมเจอร์ ไม่นับรวมเกียรติยศส่วนตัวที่กวาดมาจนนับไม่ถ้วน จนถึง “บัลลง ดอร์” ที่แม้จะยังไม่มีวาสนาได้ครอบครอง แต่ก็เคยถูกโหวตให้เป็นอันดับ 5-6-7 มาแล้ว

ขณะที่เว็บไซต์ Transfermarkt ตีราคา ซาลาห์ ให้อยู่ที่ 90 ล้านยูโร สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 (ร่วม) ของโลก

ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม… ยอดดาวยิงระดับนี้ เป็นได้แค่ “ผู้ชม” ของฟุตบอลโลก 2022 เช่นเดียวกับเราๆ ท่านๆ

และคนในแคมป์ลิเวอร์พูล คงรู้สึกแปลกๆ ที่จะได้เจอ ซาลาห์ วนเวียนเข้าออกศูนย์ฝึกเมลวู้ดช่วงปลายปีนี้ แทนที่จะไปเล่นบอลโลกเหมือนแข้งรายอื่นๆ ครึ่งค่อนทีม

เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ | ดาวนักเตะที่ไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลโลก2022 

แม้อาจยังต้องใช้เวลาสั่งสมบารมีอีกพัก แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ …ไอ้หนูนี่มันของจริง!

สถิติทุกอย่างฟ้องชัด
– ในวัย 16 ขวบ กด 16 ประตูจาก 11 นัดในการเล่นให้ทีมสำรอง ไบรน์ เอฟเค ในบ้านเกิด
– 16 ประตูจาก 30 นัดของซีซั่น 2018 ตอนเทิร์นโปรเล่นให้ โมลด์
– 28 ประตูจาก 22 นัดของซีซั่น 2019/20 ระหว่างรับใช้ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
– 16 ประตูจาก 18 เกมแรกของการเล่นให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2019/20
– 2020/21 กระหน่ำ 41 ประตูจาก 41 นัด
– สิริรวมกด 86 ลูกจาก 89 นัดกับ ดอร์ทมุนด์
– เล่นทีมชาติชุดใหญ่ 21 เกม ยิงแล้ว 20 ประตู
– ดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020/21 (10 ประตู)
– ดาวซัลโว ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020/21 (6 ประตู)

เมื่อยิงเอาๆ ขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่หัวหอกวัยเพียง 22 ขวบจะถูกเชื่อมโยงกับหลายสโมสรยักษ์ใหญ่

แต่ในที่สุดแล้วก็เสร็จ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวที่ไม่ได้สูงเลยอย่าง 51 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ยังเป็นการเดินตามรอยป๊ะป๋า อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ ที่เคยสังกัดเรือใบสีฟ้าในระหว่างปี 2000–2003 ด้วย (ยังมีภาพวัยเด็กของ ฮาแลนด์ สวมเสื้อแมนฯ ซิตี้ ออกมาให้เห็นเช่นกัน)

ฮาแลนด์ ยังเริ่มต้นเปิดบัญชีกระทุ้งตาข่ายกับ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วด้วยในเพียงการประเดิมสนามนัดแรก เกมปรีซีซั่นกับ บาเยิร์น มิวนิค (สหรัฐอเมริกา, 23 ก.ค.) ที่หัวหอกนอร์วีเจี้ยนถูกส่งลงตัวจริง และใช้เวลาเพียง 12 นาทีในการเข้าชาร์จลูกจ่ายของ แจ๊ค กรีลิช เข้าประตู ก่อนจบเกมลงที่สกอร์ 1-0 นั่นเอง

เข้าตำรา “ตัวเดียวเสียวทั้งลีก” – หลังจบเกม บรรดาร้านพูลในอังกฤษทุกสำนักต่างพร้อมใจปรับราคาขยับ ฮาแลนด์ ขึ้นเป็น “เต็งหนึ่ง” ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2022/23 ทันที

อัตราดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก จากวิลเลี่ยม ฮิลล์
3/1 เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์
9/2 โมฮาเหม็ด ซาลาห์
6/1 แฮร์รี่ เคน
10/1 ซน ฮึง-มิน
11/1 ดาร์วิน นูนเยซ
12/1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

แน่นอนว่า เส้นทางการผจญภัยของ ฮาแลนด์ กำลังทอดยาวกับ แมนฯ ซิตี้ โดยมีโทรฟี่ให้ได้ไขว่คว้ามากเท่าที่จะมากได้

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นคนละเรื่องกับเกมระดับชาติ — ทีมชาตินอร์เวย์

ความที่เป็นชาติเล็กๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย ทำให้ นอร์เวย์ ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จกับเส้นทางคัดเลือกฟุตบอลโลกสักเท่าไร ตลอดหน้าประวัติศาสตร์มีเพียง 3 ครั้งที่ทำสำเร็จ คือ 1938, 1994 และ 1998

ซึ่งตั้งแต่ 2002 จนถึงวันนี้ 2022 นอร์เวย์ ตกรอบคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง ไม่มีมากกว่านี้

ที่จริง ในช่วงปีหลังๆ นอร์เวย์ ก็ “กระเตื้องขึ้น” บ้างแล้วกับการที่มีนักเตะเก่งๆ เติบโตขึ้นมาประดับทีม ไม่ว่าจะ ฮาแลนด์, มาร์ติน โอเดการ์ด, อเล็กซานเดอร์ ซอร์ล็อธ, เยนส์ เพ็ตเตอร์ เฮาเก้, ซานเดอร์ เบิร์ก หรือ คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์

แต่ถึงจะดีขึ้นมาบ้าง แต่องค์ประกอบทีมที่ไม่สมประกอบ ก็ฉุดรั้งไม่ให้ นอร์เวย์ ไปถึงฝั่งฝันอยู่เหมือนเคย พวกเขาจบแค่อันดับ 3 ในการคัดเลือกของกลุ่มจี ตามหลังทั้ง ตุรเคีย (รองแชมป์กลุ่ม) และ เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่ม) ด้วยผลงานเตะ 10 นัดชนะครึ่งเดียว ที่เหลือเสมอ 3 แพ้ 2

เรียกว่า แม้แต่รอบเพลย์ออฟก็ยังไม่ได้ไป

นั่นก็ทำให้ ฮาแลนด์ ต่อให้จะระเบิดเถิดเทิงแค่ไหนในพรีเมียร์ลีก หรือ ชปล. ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมชิงรองเท้าทองคำ เวิลด์ คัพ 2022 อยู่ดี

…การขาดหายของทั้ง ซาลาห์ & ฮาแลนด์ ไปจนถึงดาวยิงผู้ตกขบวนเช่นเดียวกันอย่าง ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง (กาน่า), หลุยส์ ดิอาซ (โคลอมเบีย), วิกเตอร์ โอซิมเฮน (ไนจีเรีย) หรือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (สวีเดน)

นั่นทำให้ “อัตราดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022” ล่าสุด จะว่าไปก็ “ค่อนข้างจืด” ชื่อตัวเต็งมีแต่บรรดาหน้าเดิมๆ และดูค่อนข้างฝากความหวังได้ยากพอตัว… “เลือกยาก” ว่างั้นเถอะ

จริงอยู่ที่ แฮร์รี่ เคน มีทัวร์นาเมนต์ที่ยอดเยี่ยมในตลอด 2 หนหลัง — เป็นดาวซัลโวบอลโลก 2018 (6 ประตู) และรองดาวซัลโว ยูโร 2020 (4 ประตู) แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่า ดาวยิงจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะสานต่อความร้อนแรงได้เป็นรายการที่ 3 ติดต่อกัน โดยเฉพาะว่าฟอร์มในทีมชาติอังกฤษระยะหลังดูทรงฟุบๆ ยิงได้แค่ 2 ลูกใน 6 เกมทีมชาติของปีนี้ (และอังกฤษก็ออกทะเลในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2022/23 เสมอ 2 แพ้ 2)

ส่วนตัวเต็งถัดลงมาอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ & คาริม เบนเซม่า ก็มีผลงานระดับชาติที่ออกจะเงียบๆ เช่นกันในช่วงหลัง ขั้นที่ต้องลุ้นว่า “ตราไก่” ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะผ่านรอบแรกได้จริงๆ หรือเปล่า ด้วยฟอร์มที่ติดลบใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หรือ 2 ผู้เฒ่าอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ (35) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (37) ก็ยากจะคาดเดาได้ว่า ฟุตบอลโลกที่มีสิทธิ์จะเป็นหนสุดท้ายในเส้นทางอาชีพของทั้งสอง จะออกมาในรูปแบบใด

แต่ก็อีกนั่นแหละ กว่าที่ฟุตบอลโลกจะมาถึงจริงในอีก 4 เดือนข้างหน้า ใครจะรู้ มันอาจมีคนที่ก้าวขึ้นมาฉายแสง ระเบิดฟอร์มยิงไม่ยั้งในลีกตัวเอง และหิวกระหายเต็มที่ในการจะลุยศึก กาตาร์ 2022 ก็ได้ — ดาร์วิน นูนเยซ (อุรุกวัย), โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี), กาเบรียล เชซุส (บราซิล), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์) พวกนี้ ยังขีดฆ่าชื่อทิ้งไม่ได้ทั้งหมด

แม้เอ่ยถึงก็อาจยังคงความเสียดาย แต่เมื่อบอลโลกมาถึงจริง เราอาจไม่คิดถึงทั้ง ซาลาห์ & ฮาแลนด์ เลยสักนิด ก็เป็นได้…

อัตราดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด

8/1 แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)
9/1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
10/1 คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส)
14/1 ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า)
14/1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
16/1 เนย์มาร์ (บราซิล)
18/1 โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม)
25/1 เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า)
25/1 เมมฟิล เดอปาย (เนเธอร์แลนด์)
28/1 ดีโอโก้ โชต้า (โปรตุเกส)
33/1 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (อังกฤษ)
33/1 อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)
33/1 ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี)
40/1 อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน)
40/1 กาเบรียล เชซุส (บราซิล)
50/1 ริชาร์ลิซอน (บราซิล)
50/1 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์)
50/1 ดาร์วิน นูนเยซ (อุรุกวัย)

บทความแนะนำ: เต็ง ‘แชมป์โลก’ และความน่าจะเป็น

อ้างอิง
https://www.oddschecker.com/football/world-cup/top-goalscorer
https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_qualification_%E2%80%93_CAF_Third_Round
https://en.wikipedia.org/wiki/Harry_Kane
https://en.wikipedia.org/wiki/2018_FIFA_World_Cup_qualification
https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_qualification
https://en.wikipedia.org/wiki/Mohamed_Salah
https://www.transfermarkt.com/mohamed-salah/profil/spieler/148455

ภาพประกอบ
The Times
The Liverpool Offside
Goal
AP
InsideTheGames