เรื่อง

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 วิเคราะห์ทีมชาติเบลเยี่ยม

 

ยืนระยะยึดเบอร์ 1 โลก FIFA Ranking ยาวนานกว่า 4 ปี กระนั้น เบลเยียม ในยุคทองของพวกเขา กลับไปไกลสุดเพียงอันดับ 3 รัสเซีย 2018 ดังนั้น มันจึงเป็นความท้าทายและการเดิมพันครั้งใหญ่ของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ในการเข้าสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 

 

ต่างไปจากระดับสโมสร ที่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่โยงคุมทีมหนึ่งทีมใด “ยันลูกบวช” นับสิบๆ ปี แล้วประสบความสำเร็จด้วยดี

 

ในระดับนานาชาติ มักไม่มีโค้ชรายไหนอยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนั้น — หรือถ้ามี ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยแนวทางและวิธีการอันแตกต่างออกไป บางที ค่าเฉลี่ยการนั่งเก้าอี้ 4-5 ปีสำหรับกุนซือทีมชาติ อาจเป็นจังหวะ “พอดีๆ” มากกว่าอย่างอื่น 

 

สำหรับ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ การพา เบลเยียม ไปฟุตบอลโลก 2022 ก็อาจเป็น “ทัวร์นาเมนต์สุดท้าย” ของเขากับงานนี้ ด้วยสัญญาที่คงอยู่ถึงแค่จบทัวร์นาเมนต์ และการอยู่ยาวมาตั้งแต่ปี 2016 (เข้ามาแทน มาร์ก วิลม็อตส์) หรือการที่นั่งเก้าอี้มา 6 ปีแล้วจนถึงตอนนี้ 

 

ไม่ต้องรอจนครบ 8 ปีแล้วยังทู่ซี้จะไปต่อ แม้ยังไม่ได้พูดอะไรชัด โค้ชหนุ่มสแปนิชรายนี้ ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะปิดฉากอำลาไปเมื่อจบบอลโลกที่กาตาร์ — หรืออาจมีต่อเวลาสักนิดสักหน่อย เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี เพื่อพาทีมลุยต่อในรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก กลางปีหน้า และ/หรือท้าชิง ยูโร 2024 โดยไม่ลากยาวไปถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) แต่อย่างใด

 

หนึ่งคือการพาทีมลุยบอลโลกหนสุดท้ายของตัวเขาเอง และอีกหนึ่งคือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่ “หลัก 3” กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

สำคัญมาก… ทั้งการเป็นยุคทอง ทั้งการยึดอันดับ 1 โลกเอาไว้หลายปีดีดัก — แต่กลับไม่มีแชมป์รายการใดติดไม้ติดมือ จบอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 (ชนะ อังกฤษ 2-0) ส่วน ยูโร ทั้งสองรอบที่คั่นกลาง (2016 และ 2020) ล้วนแต่หยุดเส้นทางแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

ฉะนั้น คงพูดได้ว่า ฟุตบอลโลก 2022 คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ และชาวคณะปีศาจแดงฯ เบลเยียม

 

ซึ่งก่อนจะยกพลลุยกาตาร์ (อยู่ร่วมกลุ่มกับ แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย) ในฐานะกึ่งๆ “ม้านอกสายตา” เป็นเพียงตัวเต็งแชมป์ลำดับที่ 7-8

 

มาร์ติเนซ ได้ให้การถึงสิ่งต่างๆ ไว้ ดังนี้…

ฟังสัมภาษณ์ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุด ในเบลเยี่ยม

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

คุณทำผลงานในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นโค้ชที่มีจำนวนเกมชนะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเบลเยียม มันทำให้คุณภาคภูมิใจกับมันขนาดไหน?
โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ : ใช่ ผมภูมิใจกับมันมาก แต่ผมควรชี้ให้เห็นว่าตัวผมเองเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของความพยายามอย่างมากของสมาคมฟุตบอลเบลเยียม ซึ่งส่งผลให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และผู้เล่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นั่นคือสิ่งที่ผมภาคภูมิใจอย่างแท้จริง มากกว่าการชนะเกมใดเกมหนึ่ง ชัยชนะเป็นผลมาจากการทำงานหนักที่ดำเนินการโดยคนเบื้องหลังร่วมๆ 100 คน ซึ่งได้พยายามกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยทีม และสังคมฟุตบอลเบลเยียม ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก

 

 

ย้อนไปในฟุตบอลโลก 2018 คุณมีความทรงจำอะไรจากทัวร์นาเมนต์นั้น? การพลาดเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศในเพียงเอื้อมมือ มันทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากรึเปล่า?
ไม่รู้สินะ ความรู้สึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมยึดถือเมื่อมองสิ่งต่างๆ ย้อนกลับไป ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และเมื่อความพ่ายแพ้เกิดขึ้น คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณได้เผชิญหน้ากับทีมที่พยายามจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันกับคุณ

 

ความพ่ายแพ้ในรอบตัดเชือกเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่คุณต้องหาวิธีรับมือ มันยากมาก แต่คุณสามารถข้ามผ่านความรู้สึกผิดหวังนั้นได้ด้วยการเล่นอีกเกมหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่เราทำเมื่อเราจบอันดับสามในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก เรามีความรู้สึกว่าเราได้ทำงานของเราออกมาดีแล้ว มากกว่าที่จะรู้สึกว่ามันคือการพลาดโอกาสครั้งใหญ่ และผู้เล่นของเรากลุ่มนี้ก็กลายเจเนอเรชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเล่นฟุตบอลโลกของเบลเยียม

 

 

รอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งนั้น เกมที่ เบลเยียม พบกับ ญี่ปุ่น ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ด้วยการที่ เบลเยียม พลิกชนะ 3-2 หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-2 คุณพอจะอธิบายความรู้สึกของคุณในระหว่างเกมนั้นได้ไหม?
ผมค่อนข้างสงบในระหว่างเกมนะ ส่วน ณ ตอนนี้เมื่อคิดย้อนไปถึงมัน ใจผมก็เต้นแรงขึ้นนิดหน่อย เพราะมันเป็นแมตช์ที่เหลือเชื่อจริงๆ สำหรับคนกลาง เมื่อทีมหนึ่งนำหน้าสองประตูเหนืออีกทีม โดยที่ในหน้าประวัติศาสตร์ แทบไม่มีทีมไหนที่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ใน 90 นาที ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นน่าจะเป็นปี 1966 ดังนั้นมันจึงเป็นตอนจบที่ค่อนข้างหายาก และการที่เราเล่นสวนกลับในช่วง 10 วินาทีสุดท้ายของแมตช์นั้นจนได้ชัยชนะ ก็โดดเด่นเอามากๆ

 

ที่จริง ตรงข้างสนาม เรากำลังง่วนอยู่กับการค้นหาวิธีการที่เราจะทำกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อมันจบแบบนั้น ผมรู้สึกลึกๆ ว่าเราออกจะดีใจกันเกินหน้าเกินตาไปสักหน่อย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันก็อาจเป็นแมตช์ที่น่าจดจำที่สุดที่ผมเคยมีส่วนร่วม

 

 

ลูกทีมของคุณ 6 คนลงสนามรับใช้ทีมชาติเบลเยียมมาแล้วมากกว่า 100 นัด – ยาน แฟร์ตองเก้น, อักเซล วิตเซล, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เอแด็น อาซาร์, ดรีส เมอร์เทนส์ และ โรเมลู ลูกากู คำถามคือ อะไรคือข้อดีของการมีนักเตะประสบการณ์สูงเหล่านี้อยู่หลายคนในทีม?
สำคัญมากๆ ตอนที่ผมเข้ามาคุมทีมชาติเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป้าหมายคือเพื่อพัฒนากลุ่มผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถทิ้งมรดกตกทอดไว้กับฟุตบอลเบลเยียมได้ ซึ่งนอกจาก 6 คนที่คุณพูดถึง เรายังมีอีกสองคนที่ใกล้จะถึงหลักเดียวกันนั้น ทั้ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ และ เควิน เดอ บรอยน์

 

เรากำลังพูดถึงผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเล่นทีมชาติ คนที่ลงเล่นในระดับสูงสุด และสามารถส่งทอดบางอย่างไปสู่นักเตะเยาวชนของเราได้ และนั่นคือสิ่งสำคัญสุด เราต้องปลาบปลื้มไปกับเจเนอเรชั่นนี้ เรียนรู้จากพวกเขา และใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นหลัง พวกเขามีข้อความสำคัญที่จะส่งต่อไปสู่เจเนอเรชั่นถัดไป

 

 

 

โรเมลู ลูกากู กำลังเป็นคนทำประตูได้สูงสุดตลอดกาลของเบลเยียม (68 ประตู) เขาสำคัญกับทีมของคุณขนาดไหน?
ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับ โรเมลู ในระดับสโมสร (เอฟเวอร์ตัน) มาก่อนแล้ว และผมรู้ว่าเขาจดจ่ออยู่กับการเล่นของตัวเอง และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเขาเป็นนักเตะที่รักการยิงประตู โรเมลูเป็นผู้เล่นประเภทที่สามารถเปลี่ยนฟอร์มการเล่นที่ดีให้กลายเป็นผลสกอร์ที่ดีได้เสมอ ผ่านการจบสกอร์ที่เฉียบคมของเขา เขามีอิทธิพลกับทีมอย่างมหาศาล และเขาก็ได้รับความเคารพจากทุกคนในทีม เนื่องด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เสมอมาของเขา

 

 

เอแด็น อาซาร์ เป็นคนสำคัญของเบลเยียมมาตลอด รวมถึงเป็นกัปตันของคุณด้วย แต่เขาไม่ได้โอกาสเล่นมากนักกับ เรอัล มาดริด แล้วคุณจะจัดการกับเขาอย่างไรที่กาตาร์?
ถ้าคุณยังจำได้ ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 คุณอาจจำสิ่งที่ อาซาร์ ทำเอาไว้ รวมถึงความแตกต่างที่เขาสร้างได้ในเกม เขาไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนักในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา กับการเข้าร่วมทีมใหม่แล้วได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ และเรามีความมั่นใจในตัวเขาอย่างเต็มที่ อะไรที่เขาจะนำมาสู่ทีมของเราในฐานะกัปตันทีมชาติ เราแทบรอไม่ไหวที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อที่เขาจะได้แสดงออกอีกครั้งว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

เควิน เดอ บรอยน์ ก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกมาหลายปีแล้ว อะไรที่ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่พิเศษเช่นนี้?
เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาสามารถสร้างการจ่ายบอลและโอกาสในการทำประตูทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเห็นเขาทำแบบนี้ได้มาหลายปีแล้ว แน่นอนว่ามีเพลย์เมกเกอร์จำนวนมากที่สามารถกำหนดเกมได้ มองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

 

ความแตกต่างระหว่างคนอื่นๆ กับ เควิน เดอ บรอยน์ คือในขณะเดียวกัน เขายังเพิ่มจังหวะความเร็วของเกมขึ้นด้วย เขายกระดับการเล่นเพลย์เมกเกอร์ขึ้นไปอีกขั้น และนำเอาความเข้มข้นและคุณภาพที่แท้จริงมาสู่พื้นที่สุดท้ายของสนาม ทั้งเวลาที่มีและไม่มีบอล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นหนึ่งเดียวทั้งในเบลเยียมและในภาพรวมของวงการฟุตบอลสมัยใหม่

 

 

ถือได้ว่า เบลเยียม มีผู้เล่นที่มีคุณภาพสูงอยู่ทั่วสนาม แต่อะไรคือคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมคุณ?
จุดแข็งที่สำคัญสุดของทีม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือความเข้าใจที่ผู้เล่นทั้งหมดของเราสร้างขึ้นร่วมกัน และความสุขที่พวกเขาดูเหมือนจะได้รับจากการเป็นส่วนหนึ่งของทีม อย่าลืมว่าทีมนี้มีความคาดหวังสูง และอาจกลายเป็นภาระได้ ดูเหมือนว่านักเตะ, โดยเฉพาะคนที่เล่นในต่างแดน, ต่างยินดีรับความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นทูตของฟุตบอลเบลเยียม เป็นกลุ่มผู้เล่นที่ท้าทายต่อแรงกดดัน และพร้อมอยู่ภายใต้สปอตไลท์เพื่อให้พวกเขาสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่กับประเทศของพวกเขาได้ มันน่าทึ่งจริงๆ

 

 

มักมีการพูดถึง “ยุคทอง” ของเบลเยียม อยู่เสมอ มันเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับทีมคุณขึ้นอีกหรือไม่?
แรกเริ่ม การใช้นิยามว่า “ยุคทอง” เป็นของทีมในปี 1986 ส่วนมาวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป คำว่า “โกลเด้น เจเนอเรชั่น” อาจเหมาะสมมากกว่าในกรณีนี้ เมื่อกลุ่มนักเตะของเราเติบโตเบ่งบานขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ

 

แต่นักเตะของเราก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรที่จะถูกเรียกแบบนี้ และพวกเขาคุ้นเคยกับการได้ยินมันดี เพราะสิ่งนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ก่อนฟุตบอลโลก 2018 แล้ว แน่นอนว่ามันมีความกดดันและความคาดหวังแฝงอยู่สูง และสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นในเชิงบวกเสมอไป แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเบลเยียมของเรา

 

 

ตอนนี้ เบลเยียม ตกลงมาอยู่อันดับ 2 ฟีฟ่า แรงกิ้ง ไปแล้ว ไม่ใช่เบอร์ 1 โลกเหมือนที่เคยเป็นมานาน มันทำให้คุณและทีมต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างรึเปล่า?
ไม่เลย คุณต้องบอกตัวเองว่าอะไรเหล่านั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ในฐานะประเทศที่มีประชากรแค่ 11 ล้านคน การอยู่ในอันดับ 1 ของโลกเป็นเวลา 4 ปี ถือเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อแล้ว มีเพียง บราซิล และ สเปน เท่านั้นที่ครอบครองตำแหน่งนั้นเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณตกลงสู่อันดับ 2 คุณก็แค่ต้องจดจ่ออยู่กับการทวงตำแหน่งกลับคืนมา เพื่อนำหน้าทีมอย่าง บราซิล, ฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า หรือ อังกฤษ นั่นกระตุ้นให้เราต้องปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และฟุตบอลโลก 2022 ก็ช่วยให้เรามีโอกาสทำเช่นนั้นได้.

 

 

 

ไกด์เถื่อน เรียบเรียง

 

บอลโลก เบลเยี่ยม ปลายทางของยุคทอง ในฟุตบอลโลก 2022

 

ทีมชาติเบลเยี่ยม กับปลายทาง ‘ยุคทอง’ บอลโลก วิเคราะห์บอลโลกวันนี้

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นเรื่อง ว่า ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ คือการพา “ยุคทอง” ของ เบลเยียม มาจนถึงปลายทางของกลุ่มนักเตะกลุ่มนี้ ที่แทบทั้งหมดเข้าสู่หลัก 3 กันแล้ว และคงหลงเหลือแค่ไม่กี่คนจะได้ไปต่อ เวิลด์ คัพ ครั้งหน้าโน้น

 

นี่คือข้อเท็จจริงของ “อายุอานาม” ในขุมกำลังชุดปัจจุบัน
ยาน แฟร์ตองเก้น …… 35
ดรีส เมอร์เทนส์ …… 35
ซิมง มินโยเล่ต์ …… 34
โคเอน คาสตีลส์ …… 34
โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ …… 33
อักเซล วิตเซล …… 33
โธมัส มูนิเยร์ …… 31
เดดริค โบยาต้า …… 31
เควิน เดอ บรอยน์ …… 31
เอแด็น อาซาร์ …… 31
ติโบต์ กูร์กตัวส์ …… 30
ธอร์แกน อาซาร์ …… 29
ยานนิค การ์รัสโก้ …… 29
โรเมลู ลูกากู …… 29
มิชี่ บัตชูอายี่ …… 29

 

นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม หลังจบฟุตบอลโลก จะยังเหลือสักกี่รายที่ได้ไปต่อกับรอบชิงแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 รวมถึง ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี

 

คงไม่ต้องพูดถึง ฟุตบอลโลก 2026 (แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก) ที่ 15 รายชื่อข้างต้น อาจเหลือไม่เกินหนึ่งหยิบมือ

 

ฉะนั้น นอกจากเฮดโค้ชอย่าง มาร์ติเนซ แล้ว กาตาร์ 2022 ก็จะเป็น “ฟุตบอลโลกหนสุดท้าย” ของหลายนักเตะเบลเยียม ด้วยเช่นกัน

 

และนั่นยิ่งทำให้น่าจับตาเป็นสักขีพยานมากขึ้นไปอีก ว่าพวกเขาจะออกแบบตอนจบของ Golden Generation ชุดนี้ที่ร่วมสร้างกันมานานปี ว่าอย่างไร…

 

(ทั้งนี้ทั้งนั้น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับ เบลเยียม ก็ยังพอมีอยู่ เมื่อใช่ว่ากลุ่มแข้งคุณภาพสูงๆ ใกล้จะถูกตัดตอนหมดวาระแบบเกลี้ยงแผง อย่างน้อย เควิน เดอ บรอยน์ ยังน่าไปต่อได้อีกพักใหญ่ รวมถึงเจนใหม่อย่าง ยูรี่ ตีเลมันส์ 25, เลอันโดร ทรอสซาร์ 27, อมาดู โอนาน่า 21, อเล็กซิส แซเลแมเกอร์ส 23, ชาร์ลส์ เด เคเตแลร์ 21, อัลแบร์ แซมบี้ โลกอนก้า 22, เชเรมี่ โดกู 20 ฯลฯ ก็ไปได้อีกยาวๆ)

 

 

อ้างอิง
FIFA
WIKIPEDIA

 

ภาพประกอบ
BeSoccer
Goal
The Times