เรื่อง

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

บทสรุปรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 : อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย

เดินทางมาถึงคู่แรกของรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงดึกคืนวันอังคาร 13 ธ.ค. ท่ามกลางการจับตาของคอบอลทั่วทั้งโลก

 

แน่อยู่แล้วว่า อาร์เจนติน่า เป็นฝ่ายเหนือกว่า โครเอเชีย

 

แต่บางฝ่าย–โดยเฉพาะคนโครแอตและกองเชียร์ตาหมากรุก ก็ยังเชื่อว่า ภายหลังชนะดวลจุดโทษมา 2 รอบติด ก็ “มีลุ้น” จะเฮต่อเนื่องเป็นรอบ 3 ไม่ว่า อาร์เจนติน่า จะเต็งมาจากไหนก็เถอะ

 

อย่างน้อยก็ ลูก้า โมดริช คนนึง – “ผมว่าเรา (โครเอเชีย) มีดีเอ็นเอแบบเดียวกันกับ เรอัล มาดริด ที่ไม่ยอมแพ้และสู้จนวินาทีสุดท้ายของเกม เราพร้อมกับทุกสถานการณ์ เพราะเราเตรียมตัวมาดี และผมคิดว่ามันจะเพียงพอที่ทำให้เราเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ”

 

กระนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม ก็กลายเป็นว่า โครเอเชีย สิ้นท่า ไม่เหลือลายรองแชมป์เก่า

 

มาถึงตัดเชือกบอลโลก 3 หน…ร่วงที่รอบนี้ 2 ครั้ง

 

แม้ทรงจะไม่ถึงกับแบ๊ด แต่ก็แซดอย่างบ่อยเหมือนกันแฮะ…

 

แมตช์ตัดสินใครจะเช้าชิงแชมป์โลก ใครจะได้แค่ชิงเหรียญทองแดงปลอบใจ ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ โครเอเชีย เริ่มต้นขึ้นพร้อมการปรับหมากอีกครั้งของ ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่เปลี่ยนระบบใช้ 4-1-3-2 หรือ 4-4-2 อัดแดนกลางแน่นด้วย 4 มิดฟิลด์ ต่างไปจากนัดก่อน (ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์) ที่ใช้ 5-3-2 ลงสู้ ด้าน ซลัตโก้ ดาลิช มาด้วยทีมเดิม นำโดย 3 แผงกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาเตโอ โควาซิช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

15 นาทีแรกเกมยังตึงๆ ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันก่อน ทำให้ไม่มีโอกาสจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียว โครเอเชีย ครองเกมดีกว่าเล็กน้อย แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าทำไม่สำเร็จ

 

นาที 25 เป็นโอกาสจบแรกของเกม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลองส่องปั่นโค้งๆ ด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหาเสาและไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช ที่แม้จะตะปบไม่อยู่แต่ก็ไม่มีดาบสองจากทีมฟ้าขาว

 

นาทีถัดมา โครเอเชีย ต่อเกมสวนขึ้นไปได้สวยจน อันเดรจ์ ครามาริช โดนชนล้มเป็นฟรีคิกเยื้องขวาระยะ 30 หลา แต่ ลูก้า โมดริช เลือกเปิดขึ้นหน้าโดนโขกสกัดออกมาไม่มีอะไร

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แต่แล้วจู่ๆ นาที 32 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ได้บอลตักข้ามแผงหลังมาให้ทะลุเข้าเขตโทษแล้วแตะหนี โดมินิก ลิวาโควิช ก่อนโดนชนล้ม ผู้ตัดสินชี้จุดโทษแบบไม่เช็กวีเออาร์ แถมให้ใบเหลืองนายประตูโครแอต ซึ่งก็เป็น ลิโอเนล เมสซี่ นั่นเองที่หยิบบอลมาสังหารด้วยซ้ายเสยเพดานตาข่ายอย่างเฉียบคม อาร์เจนติน่า ขยับนำ 1-0 ในนาที 34 เป็นประตูที่ 5 ของ เมสซี่ ส่งให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ทั้งนี้ มาริโอ มานด์ซูคิช อดีตดาวยิงโครเอเชีย ที่มาในฐานะสตาฟฟ์โค้ชทีมหมากรุก โดนใบแดงไล่ออกไปจากข้างสนามด้วย ข้อหาประท้วงหนัก

 

แล้วเมื่อตั้งเกมเล่นกันใหม่ สกอร์ก็ไหลขึ้น 2-0 เสียดื้อๆ อีก จากจังหวะเตะมุมของโครเอเชียเองที่โดนสวนเร็ว ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กระชากลุยเดี่ยวขึ้นหน้ามาจนจุดอันตราย ปรากฏว่าทั้ง โยซิป ยูราโนวิช และ บอร์นา โซซ่า กลับสกัดบอลแป้กๆ งัดไม่ออก สุดท้ายยังคงเข้าทาง อัลวาเรซ ดีดผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปง่ายๆ 2-0 ในนาที 39

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สกอร์ยังเกือบขยับเป็น 3-0 ด้วยในจังหวะเตะมุมนาที 43 บอลเปิดมาตรงกลางเข้าหัว อัลวาเรซ โขกเปลี่ยนทางจังๆ ส่งลูกกำลังจะข้ามเส้น ลิวาโควิช ยังแสดงปฏิกิริยาชั้นยอดสปริงตัวปัดพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด

 

จากนั้นครึ่งแรกจบลงไปแบบงงๆ โครเอเชีย ตามหลัง อาร์เจนติน่า 0-2 ทั้งที่ก็ไม่ได้เล่นเป็นรองอะไรนักตลอดครึ่งเวลา

 

ต่อครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช ปรับส่งสำรอง 2 รายรวดทันที นิโกล่า วลาซิช กับ มิสลาฟ ออร์ซิช ลงไปแทน มาริโอ ปาซาลิช กับ บอร์นา โซซ่า ที่มีส่วนผิดพลาดในประตูที่สอง ไม่เท่านั้น เล่นไป 5 นาทีก็เสริมกองหน้า บรูโน่ เพ็ตโควิช ลงมาแทนกลางรับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช

 

เกมของ โครเอเชีย ยกระดับขึ้นทันตา เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่แบบพับสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ปัญหาก็คือยังคงสร้างโอกาสจะแจ้งไม่สำเร็จ ทั้งยังเป็น อาร์เจนติน่า ด้วยที่เกือบได้เฮหนสาม จังหวะสวนนาที 58 เมสซี่ ทำชิ่งกับเพื่อนจนทะลุเข้าไปทางซ้ายแล้วกดกะยัดเสาแรก ไม่ผ่านเซฟ ลิวาโควิช

 

ผ่านนาที 62 ลิโอเนล สคาโลนี่ กะเอาชัวร์แล้วด้วยการส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปอุดเกมรับ พร้อมปรับระบบเป็น 3 เซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 แม้จนป่านนี้ โครเอเชีย ยังยิงไม่ตรงกรอบเลยสักครั้งก็ตาม

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

แล้วถึงนาที 69 เกมก็ปิดสนิท ด้วยสกอร์ 3-0 ของอาร์เจนติน่า เมสซี่ เลี้ยงเลาะที่สุดเส้นหลังขวาโดยที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เอาไม่อยู่ เมสซี่ จ่ายเข้าไปให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กดด้วยขวาส่งลูกผ่าน ลิวาโควิช เข้าไปไม่เหลือซาก 3-0 ด้วยสองเม็ดของกองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

นาที 73 โครเอเชีย ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ อีวาน เปริซิช ยิงเข้าข้อส่งลูกเข้าหาโคนเสา แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ล้มดักไว้อยู่แล้ว เป็นการยิงตรงกรอบหนแรกของทีมตาหมากรุกเกมนี้

 

ล่วงเข้าสิบนาทีท้าย โครเอเชีย พยายามเปิดเกมแลกหมัดสุดกำลัง แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่เข้าถึงจุดตายฟ้าขาวจริงๆ จังๆ สุดท้ายเกมจบลง อาร์เจนติน่า ชนะขาด 3-0 ล้างแค้นคืนอย่างเบ็ดเสร็จจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งโครเอเชียเอาชนะพวกเขาด้วยสกอร์นี้ในรอบแรก

 

สำหรับ อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 เป็นทีมแรก โดยต้องรอดูว่าระหว่าง ฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก ใครจะตามเข้ามาช่วงชิงโทรฟี่ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ กับพวกเขา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-1-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นิโกลัส ตายาฟิโก้, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า (ฮวน ฟอยธ์ 86) – เลอันโดร ปาเรเดส (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 62) – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (อังเคล กอร์เรอา 86), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรดริโก้ เด ปอล (เอเซเกล ปาลาซิออส 74) – ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เปาโล ดีบาล่า 74), ลิโอเนล เมสซี่
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า (มิสลาฟ ออร์ซิช 46), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 50), ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 81) – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช (มาร์โก ลิวาย่า 72), มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 46)

 

• ที่จริง ครึ่งแรก โครเอเชีย จ่ายบอลได้มากกว่าด้วย 298:182 ครั้ง แต่ไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบเลย ส่วน อาร์เจนฯ ยิงเข้ากรอบ 4 ครั้งได้มา 2 ประตู
• ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงประตูที่ 4 ในเวิลด์คัพหนนี้ และเป็นเม็ดที่ 7 จากการเล่นทีมชาติ 18 นัด
• หลายฝ่ายมองว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมคือจุดโทษที่ ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ เป่าให้กับ อาร์เจนติน่า ในจังหวะที่ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ชนเข้ากับ โดมินิค ลิวาโควิช ซึ่งผู้ตัดสินบางคนอาจปล่อยผ่าน
แกรี่ เนวิลล์ : “มันไม่มีทางเป็นจุดโทษได้เลย”
เอียน ไรท์ : “พวกเขาไม่เช็ควีเออาร์ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สำหรับผมมันไม่ใช่จุดโทษ”
รอย คีน : “ผมเห็นด้วยกับพวกเขา มันไม่ใช่จุดโทษสำหรับผม”

 

• โครเอเชีย ร่วงรอบตัดเชือกด้วยการแพ้เป็นนัดแรกของการเล่นฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงแพ้เกมแรกหลังไม่แพ้ใครมา 11 เกมซ้อน
• โครเอเชีย ยังต้องเฝ้าฝันถึงแชมป์โลกต่อไป ถัดจากการเป็นอันดับสาม ฟร้องซ์ 98, รองแชมป์โลก 2018 และอันดับ 3-4 กาตาร์ 2022
• นี่คือความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดของ โครเอเชีย ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ถัดจากที่แพ้ บราซิล กับ เม็กซิโก 1-3 ในรอบแรกของปี 2014 และแพ้ ฝรั่งเศส 2-4 นัดชิงปี 2018

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 เป็นนัดที่ 6 เมสซี่ คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปซะ 4 เกม
• เมสซี่ กดประตูที่ 5 ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมกับทำ 3 แอสซิสต์ สูงสุดเทียบเท่า อองตวน กรีซมันน์, แฮร์รี่ เคน, บรูโน่ แฟร์นันเดส
• เมสซี่ ยิงรวมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพิ่มเป็น 11 ประตู แซงหน้า กาเบรียล บาติสตูต้า ในการเป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ยิงได้มากสุดในบอลโลก
• เมสซี่ ทำแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเทียบเท่า ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ 8 แอสซิสต์
• เมสซี่ มีส่วนร่วมกับถึง 19 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (11 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์) เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ มิโรสลาฟ โคลเซ่, โรนัลโด้ และ แกร์ด มุลเลอร์ นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติในปี 1966 เป็นต้นมา

• เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นนัดที่ 25 เป็นสถิติมากสุดเทียบเท่า โลธ่าร์ มัทเธอุส ตำนานแข้งทีมชาติเยอรมนี
• เมสซี่ เป็นนักเตะคนแรกที่ “ทั้งยิงทั้งจ่าย” (ประตู+แอสซิสต์) ในนัดเดียวเป็นจำนวน 4 นัด โดยนัดแรกทำได้ในเกมพบ เซอร์เบีย ฟุตบอลโลก 2006 ส่วน 3 นัดเป็นฟุตบอลโลกหนนี้ที่พบ เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย
• เมสซี่ ยิงหรือจ่ายในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 13 นัด เป็นสถิติมากสุดเท่ากับ โรนัลโด้ ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล
• เมสซี่ ได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก ที่จำนวน 10 นัด โดยทำไปแล้ว 4 ครั้งที่กาตาร์

• เมสซี่ ยิงประตูในทีมชาติ 16 ลูกในปี 2022 (13 นัด) มากกว่าที่เคยยิงได้ในแต่ละปี ตลอดเส้นทางค้าแข้ง
• เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติ 15 ประตูจากการลงสนาม 10 นัดหลัง
• 3 จาก 5 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ของ เมสซี่ เป็นจุดโทษ
• เมสซี่ เป็นนักเตะสูงอายุที่สุด (35) ที่สามารถยิงได้ถึง 5 ประตูในฟุตบอลโลกสมัยเดียว
• ในฟุตบอลโลก 2022 จนถึงตอนนี้ เมสซี่…
โอกาสยิงรวม 27
ยิงตรงกรอบ 14
ประตู 5
แอสซิสต์ 3
สร้างโอกาสจบ 18
สร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ 14
เลี้ยงผ่าน 36

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

 

ปากคำหลังเกม อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
ลิโอเนล เมสซี่ : “เราไม่คาดคิดว่าจะพ่ายต่อ ซาอุดีอาระเบีย มันคือบททดสอบอันสาหัสสำหรับทั้งทีม แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเราแข็งแกร่งกันขนาดไหน เราเอาชนะได้ในนัดที่เหลือ และมันก็ยากมากๆ เพราะทุกนัดคือนัดชิงชนะเลิศ หากเราไม่ชนะ ทุกอย่างก็คงยุ่งยากสำหรับเรา”
“เราลงเล่นนัดชิงห้านัด (ในทัวร์นาเมนต์นี้) และสามารถเอาชนะได้หมด ผมหวังว่าจะชนะเหมือนเดิมในนัดชิงชนะเลิศ เราเชื่อมั่น แต่ก็รู้ด้วยว่าเราสามารถทำได้ในฐานะทีม”

 

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ : “เราคู่ควรกับสิ่งนี้ เรามีเกมที่สุดยอดมากๆ เราเข้าชิงชนะเลิศกันแล้ว และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ครอบครัวของผมคงคลั่งมาก เหมือนกับทั้งประเทศ เรามีความสุขมากกับผลงานของเรา แต่เราก็ต้องการมากกว่านี้อีก”

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ : “มหัศจรรย์มาก เราคิดไว้แต่แรกว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก แต่เรารู้วิธีปิดเกม สองนัดที่ผ่านมาเราเสียประตูในช่วงท้าย ผมดีใจที่เราปิดเกมได้ในวันนี้”
“เมสซี่ ไม่มีการทำอะไรผิดพลาดเลยในทัวร์นาเมนต์นี้ ยิ่งเขาสูงวัยขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ๋งเป้งขึ้นเท่านั้น ฟอร์มของเขามันเหนือจริงมาก”

 

ซลัตโก้ ดาลิช : “เราเล่นได้ดีตลอดครึ่งชั่วโมงแรก แต่เรายังไม่นิ่งพอในจังหวะของเรา เราเสียประตูที่น่ากังขามากๆ เริ่มจากจังหวะเตะมุมที่มีปฏิกิริยาของผู้เล่นผม แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร จากนั้นก็เป็นจุดโทษ เอาตามตรงมันค่อนข้างเบาและง่ายเกินไป เราพยายามกลับมาให้ได้และก็เสียประตูที่สอง เราครองบอลได้ แต่ไม่ได้สร้างโอกาสจะแจ้ง”
“จุดโทษทำให้ทิศทางของเกมเปลี่ยนไปเลย พวกเขาเป็นฝ่ายได้คอนโทรลเกม และการครองบอลก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเรา”

 

ก้าวเดียวถึงแชมป์โลก! อาร์เจนติน่า ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ตัดเชือกฟุตบอลโลก 2022

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 3-0 โครเอเชีย
• อาร์เจนติน่า เข้าไปรอชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่ผ่านมา ชนะ 2 แพ้ 3 ในเกมชิงดำ
1930 แพ้ อุรุกวัย 2-4
1978 ชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1
1986 ชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-2
1990 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-1
2014 แพ้ เยอรมนี 0-1

 

• อาร์เจนติน่า สานต่อสถิติสุดยอด “ชนะรอบตัดเชือกทุกครั้ง” ในฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 1978 ที่ระบบการแข่งขันไม่ได้มีรอบตัดเชือก
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2
2022 ชนะ โครเอเชีย 3-0

 

• ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำให้ อาร์เจนติน่า มีผลงานแพ้แค่เกมเดียวใน 42 นัดหลังสุด และยิงประตูอย่างน้อย 2 ลูกมาเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกัน

 

• ซลัตโก้ ดาลิช ยืนยันจะนั่งเก้าอี้คุม โครเอเชีย ต่อไปจนถึงหมดสัญญา หลังจบยูโร 2024 ที่เยอรมนี ภายหลังทำทีมมาตั้งแต่ปี 2017 (ชนะ 69 เสมอ 33 แพ้ 18) แต่ก็เปรยว่าแข้งสูงวัยชุดนี้บางคน คงไม่ได้ไปต่ออีกแล้ว

 

• อาร์เจนติน่า ทำให้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 11 ทัวร์นาเมนต์หลัง หรือ 40 ปีหลังสุด (21 แมตช์) มีการชนะแบบ “ยิงขาด” เพิ่มขึ้นอีกนัด ถัดจากเกมประวัติศาสตร์ที่ เยอรมนี กำราบ บราซิล 7-1 ในเวิลด์คัพ 2014 บนดินแดนแซมบ้าเอง นอกนั้นอีก 80% ออกสกอร์เฉือน หรือจบเสมอกันแล้วต้องต่อเวลา หรือกระทั่งดวลจุดโทษชี้ขาด

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
FIFA
Twitter

 

เรื่องน่าอ่าน
อาร์เจนติน่า vs โครเอเชีย : ตัวต่อตัว ตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2022
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
และแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ก็ได้แก่… ทำนายผลบอลโลกด้วย AI
ถึงเวลา อาร์เจนติน่า มุ่งสู่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022…?

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ อาร์เจนติน่า – โครเอเชีย

วันที่ 14 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

สถานการณ์ของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

การเจอกันของสองชาติจากสองทวีป ยุโรปและอเมริกาใต้ ที่ยังเป็นการปะทะกันของนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาทุกรายการก็ว่าได้ เหลือแค่ถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพเพียงถ้วยเดียว กับลูก้า โมดริซ กองกลางร่างเล็ก ที่หยุดการสลับกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ของเมสซี่และคริสเตียโน่ โรนัลโด้สำเร็จ

หากทำได้เมสซี่จะถือว่าก้าวออกมาพ้นเงาของดีเอโก้ มาราโดน่า ชีวิตการค้าแข้งเป็นดังความฝัน ส่วนโมดริซ เขาจะยังอยู่บนเส้นทางในการลบล้างบาดแผลจากนัดชิงปี 2018

โครเอเชียมาถึงรอบนี้ โดยส่งเต็ง 1 ของรายการ อีกทีมจากอเมริกาใต้ – บราซิล กลับบ้าน ที่ไม่ต่างไปจากการหนีเสือปะจระเข้ เมื่อคู่แข่งรายต่อมาคือ อาร์เจนติน่า โดยทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบด้วยการดวลจุดโทษ ทีมตราหมากรุกกับบราซิล ทีมฟ้าขาวกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ทั้งคู่มีความเขี้ยว เชี่ยวชาญ การดวลจุดโทษที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ทั้งตัวผู้เล่นและผู้รักษาประตู ซึ่งหากเกมไปถึงตรงนั้น น่าจะทำให้การยิงจุดโทษต้องลุ้นระทึกทุกวินาที ตั้งแต่การเสี่ยงแดนก็ว่าได้

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

เช็กสถิติของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่าเจอกับโครเอเชียมาทั้งหมด 5 ครั้ง ผลัดกันแพ้-ชนะ 2 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง แต่เป็นการเจอกันในฟุตบอลโลก 2 หน หนแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ในปี 1998 โครเอเชียพ่ายไป 1-0 และล่าสุดเมื่อ 4 ปีก่อน ทีมตราหมากรุกเอาชนะไป 3-0 โดยนักเตะหลายคนจากชุดนั้นก็ยังติดทีมชุดนี้

สถิติในฟุตบอลโลกที่น่าสนใจของอาร์เจนติน่าก็คือ เมื่อมาถึงรอบรองชนะเลิศ พวกเขาไม่เคยแพ้ โดยครั้งสุดท้ายในรอบนี้ของอาร์เจนติน่าคือ เมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นรอบรองชนะเลิศหนที่ 5 ของพวกเขา อาร์เจนติน่าเจอกับเนเธอร์แลน และผ่านเข้าชิงจากการชนะดวลจุดโทษ สถิติการยิงประตูของทีมฟ้าขาวก็น่าสนใจ เมื่อพวกเขาทำประตูได้นัดละ 2ประตูติดต่อกันถึง 4 เกม แต่การเจอกับทีมที่เล่นรับแน่นอย่างโครเอเชีย เมสซี่กับผองเพื่อน ต้องทำอะไรมากกว่าที่เคยทำให้ได้

ทีมของสลัตโก้ ดาลิซ เข้ารอบชิงฟุตบอลโลก 2018 ด้วยสถิติแปลก ๆ เมื่อไม่ชนะเกมน็อคเอาต์ในเวลาปกติเลย และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะเกมในรอบ 16 ทีม และรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาต้องดวลจุดโทษทั้งสองนัด แถมยังไม่แพ้ใครมาแล้ว 11 เกมติดต่อกัน ที่สำคัญตลอดการเล่นในรอบน็อคเอาต์ (รวมนัดชิงที่ 3 ในปี 1998 และนัดชิงชนะเลิศปี 2018) พวกเขาไม่เคยพลาดการยิงประตูเลย และหากเข้าชิงในปีนี้ พวกเขาจะอยู่ในคลาสส์เดียวกับ อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี ที่เข้าชิงติดต่อกัน 2 ครั้ง

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

สถานการณ์ผู้เล่นของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

ก่อนเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ มีข่าวลือหนาหูว่า โรดริโก้ เดอ ปอลจะลงเล่นไม่ได้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ซึ่งลิโอเนล สคาโลนี่ โค้ชอาร์เจนติน่าปฏิเสธหัวชนฝา และเดอ ปอลก็ลงเล่นถึงนาทีที่ 66 ก่อนลีอันโดร ปาเรเดส ลงเล่นแทน

แม้เกมกับเนเธอร์แลนด์ จะมีใบเหลืองถูกแจกถึง 18 ใบ แต่ทีมฟ้าขาวมีผู้เล่นถูกแบนในเกมนี้แค่ 2 รายในตำแหน่งฟูลล์แบ็ค มาร์กอส อะคูญ่าและกอนซาโล มอนทีล โดยนิโคลาส ทากลิอาฟิโก้ กับโมลิน่าจะได้ลงเล่นแทนตามลำดับ

ข่าวดีอีกอย่างของทีมฟ้าขาวก็คือ พวกเขาไม่มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม อเลฮานโดร โกเมซ ฟื้นจากการบาดเจ็บข้อเท้าแล้ว ส่วนเดอ ปอลกับอังเจล ดิมาเรีย ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย น่าจะฟิตพอลงเล่นเป็น 11 คนแรก

ในเกมสุดเดือดกับอัศวินสีส้ม สคาโลนี่เริ่มต้นด้วยการเล่นเซนเตอร์แบ็ค 3 คน ก่อนปรับมาเป็นแผงหลัง 4 คน โดยลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เพิ่งฟื้นจากหวัด ถูกเปลี่ยนให้ดิ มาเรียลงเล่นแทน ซึ่งน่าสนใจว่าในเกมนี้ เขาจะวางแผนรับมือโครเอเชียอย่างไร

ส่วนโครเอเชีย แม้จะมีนักเตะติดไข้เหลืองในเกมกับบราซิลถึง 4 ราย รวมถึงสองตัวหลักในแดนกลาง ลูก้า โมดริซและมาเตโอ โควิซิซ แต่ทั้งสี่คนก็รอดรับใบเหลืองอีกใบที่จะทำให้โดนแบน และดาลิซก็หวังว่านักเตะทุกคนจะฟิตพร้อมลงเล่นในนัดนี้ โดยบอร์นา โซซ่ากับมิสลาฟ ออร์ซิซ ฟื้นจากอาการป่วยแล้ว

ปัญหาของโครเอเชียอยู่ที่การทำประตู ในเกมกับบราซิล มาริโอ ปาซาลิซ ได้ลงเป็น 11 คนแรก และน่าจะสตาร์ตเกมนี้ในตำแหน่งปีกขวา ขณะที่อันเดรจ์ ครามาริซอาจถูกเบียดจากตัวจริง โดยเพ็ตโควิซเจ้าของประตูตีเสมอในเกมรอบ 8 ทีมลงแทน แต่นักเตะจากฮอฟเฟ่นไฮม์รายนี้ เป็นหนึ่งในนักเตะโครแอตที่สตาร์ตตัวจริงของทุกเกม

อาร์เจนติน่า ฟ้าขาว ตัดกับ ตราหมากรุก โครเอเชีย รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 (ภาพ: Getty Image)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, ทากลิอาฟิโก้; เดอ ปอล, เฟอร์นานเด, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ
โครเอเชีย ระบบ 4-3-: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเร็น, กวาร์ดิโอล, โซซ่า; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, เพ็ตโควิซ, เปริซิซ

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่าและโครเอเชีย

สถิติในนัดที่ผ่าน ๆ มาของทั้งคู่ อาร์เจนติน่าที่แม้จะยิงนำคู่ต่อสู้ แต่ก็ถูกยิงไล่แทบทุกนัด ไม่ว่าจะเป็นเกมกับเนเธอร์แลนด์ที่ออกเสมอ หรือออสเตรเลียที่ทำให้ชนะเฉียดฉิว หรือเกมที่แพ้ซาอุดิอาระเบีย ส่วนโครเอเชียก็ไม่ใช่ทีมที่เชี่ยวชาญในการยิงนำ กระทั่งเกมกับแคนาดา ก็ถูกเบิกประตูก่อน ทำให้เกมนัดนี้น่าจะสู้กันสนุก สู้กันด้วยแท็กติก และใช้ไหวพริบของผู้เล่นคนสำคัญในการพลิกเกม โดยอาร์เจนติน่ามีเมสซี่ และโมดริซอยู่ในทีมโครเอเชีย

แต่ด้วยผู้เล่นที่อยู่รายรอบของทั้ง 2คน เมสซี่ดูจะมีผู้เล่นที่ครบเครื่องมากกว่า และนั่นคือกุญแจหลักที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบชิง ชนะด้วยสกอร์ที่ไม่มากนัก 1-0 หรือ 2-1 และมีโอกาสไม่น้อยที่จะทะลุไปถึงต่อเวลา หรือยิงลูกโทษที่จุดโทษ

เรื่องน่าอ่าน
พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

เฮี้ยนไม่เว้นวัน สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจไม่เว้นเกม สร้างเซอร์ไพรส์และเรื่องเล่าขานต่างๆ นานาได้ในทุกเกมที่ผ่านพ้นไป สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 โดยเฉพาะเมื่อยิ่งงวดลง ยิ่งมาถึงน็อกเอาต์วันท้ายๆ ก็ยิ่งมีประเด็นให้โลกลูกหนังต้องตามติด–ชนิดตาห้ามกะพริบ!

 

ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ! โมร็อกโกลิ่วตัดเชือกบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่เพียงแต่การเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ แต่มาถึงตรงนี้ คงพูดได้ว่า โมร็อกโก มีเอี่ยวกับการ “คว้าแชมป์โลก” แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเกมประวัติศาสตร์ที่ วาลิด เรกรารี และลูกทีมสิงโตแอตลาส จัดมาเสิร์ฟแฟนๆ

 

รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 สองคู่สุดท้าย วันเสาร์ที่ 10 ธ.ค. เริ่มจากแมตช์ โมร็อกโก พบ โปรตุเกส ซึ่งตัวแทนจากแอฟริกาต้องปรับหลังบ้านเล็กน้อยหลัง นาเยฟ อาแกร์ด บาดเจ็บ ส่วนทาง แฟร์นันโด ซานโตส ยังคงดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส เจ้าของแฮตทริกในเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 รอบที่แล้ว ลงตัวจริงต่อ

 

กระนั้น เกมรุกของทีมฝอยทองไม่อาจเจาะแนวรับโมร็อกโกที่นำโดยกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ และนายด่านจอมหนึบ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เข้าไปได้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล รวมถึงว่าโอกาสจบก็ไม่ได้มีมากครั้งนักด้วย

 

จนในช่วงท้ายครึ่งแรก น.42 โมร็อกโก ก็ทำเซอร์ไพรส์เจาะประตูนำไปก่อนจากลูกครอสเข้าหน้าประตู ของ ยาเอีย อัตติยัต อัลลาห์ เข้าทาง ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ขึ้นโขกตัดหน้านายทวาร ดีโอโก้ คอสต้า เข้าประตูไปพอดิบพอดี

 

ครึ่งหลัง โปรตุเกส โถมเกมรุกขึ้นอีกระดับ โดยมีการส่ง โรนัลโด้ ลงสำรองมาเพิ่ม และ CR7 ก็มีโอกาสดีที่จะพังประตูตีเสมอตอนทดเจ็บ จากการทะลุเข้าไปส่องในเขตโทษทางขวา ทว่าก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน บูนู แต่อย่างใด

 

ทดเวลา 90+3 วาลิด เชดดิร่า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรกับเกม แค่ว่าหอกสำรองโมร็อกโกจะอดเล่นในรอบตัดเชือกเท่านั้น

 

สุดท้ายเกมจบลง โมร็อกโก ชนะ 1-0 โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกอีกครั้ง และ โรนัลโด้ เดินร่ำไห้ออกจากสนาม ด้วยความที่นี่คือเกมฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายวัยย่าง 38 ปีอย่างเขา และความหวังในการผงาดแชมป์โลกครั้งแรก ต้องมีอันสิ้นสุดลงไป

 

สำหรับ โมร็อกโก ของกุนซือ วาลิด เรกรากี เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เป็นชาติแอฟริกันและอาหรับที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นรายแรก รวมถึงมีโอกาสขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพิ่งเสียไปเพียงประตูเดียวเท่านั้นจากการเล่น 5 นัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์ (อัชราฟ ดารี 57), จาวัด เอล ยามิก, ยาเอีย อัตติยัต-อัลลาห์ – อัซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิร่า 65) – ฮาคิม ซีเย็ค (ซากาเรีย อาบูคลัล 82), ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (บาเดอร์ เบนูน 65), โซฟียาน บูฟาล (ยาห์ย่า จาบราน 82)
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 79), เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ (ชูเอา กันเซโล่ 51) – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 69), รูเบน เนเวส (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 51), แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส (ราฟาเอล เลเอา 69), ชูเอา เฟลิกซ์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ยาสซีน บูนู คว้าแมนออฟเดอะแมตช์ในฟุตบอลโลก 2022 แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดในกลุ่มนายทวาร เทียบเท่า โดมินิค ลิวาโควิช ของโครเอเชีย
• ตามสถิติฟีฟ่า ยาสซีน บูนู ทำ Goals Prevented เกมนี้ 11 ครั้ง
• ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ กระโดดโหม่งทำประตูในเกมนี้สูงถึง 2.78 เมตร เหนือกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ 2.5 เมตร ในเกม ยูเวนตุส พบ ซามพ์โดเรีย

• โมร็อกโก ไม่แพ้ใครมาเป็นเกมที่ 10 แบ่งเป็นชนะ 7 เสมอ 3
• ในจำนวน 10 เกมที่ไร้พ่าย โมร็อกโก ไม่เสียประตูถึง 8 นัดด้วยกัน และเสียรวมแค่ 2 ลูก (2-1 แอฟริกาใต้, 2-1 แคนาดา)
• วาลิด เรกรากี คุมโมร็อกโกมาแค่ 8 นัด ยังไร้พ่าย ชนะ 5 เสมอ 3

• นี่คือการพบกันเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• ให้หลัง 32 ปี พบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน
• และล่าสุดกับเกมนี้ ที่ โมร็อกโก กำชัย 1-0
• โปรตุเกส ไปไม่ถึงดวงดาวในฟุตบอลโลกเหมือนเช่นเคย โดยตกทั้งรอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลัง ส่วนผลงานดีสุดยังคงเป็นอันดับ 3 ปี 1966

• กอนซาโล่ รามอส มีโอกาสยิง 6 ครั้งในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริกได้ แต่มาเกมนี้โอกาสลดเหลือ 1 ครั้งถ้วน ไม่มีประตู ก่อนถูกถอดออกในนาที 69
• อันเดร ซิลวา ที่ยิง 19 ประตูในทีมชาติ มีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลก 2022 แค่ราวครึ่งชั่วโมง ด้วยการลงสำรองนาที 65 เกมแพ้ เกาหลีใต้ 1-2
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นทีมชาติเกมที่ 196 แต่ถ้าจำกัดเฉพาะ “รอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก” แล้ว นี่คือนัดที่ 8 รวมเวลา 9 ชั่วโมงครึ่ง โอกาสยิง 27 ครั้ง… ได้มา 0 ประตู

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
• โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแอฟริกัน/อาหรับ รายแรกที่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก
• แน่นอนว่ายังเป็นผลงานดีสุดของตัวเอง ถัดจากการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986
• รอบตัดเชือก โมร็อกโก จะพบกับชาติที่เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมอย่าง ฝรั่งเศส ที่เคยปกครอง โมร็อกโก ระหว่างปี 1912 – 1956
• โมร็อกโก มีลุ้นแชมป์โลกอยู่พอประมาณเมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่า พวกเขาเคยเป็นแชมป์ทวีป แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แค่สมัยเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1976 มาแล้ว

• การตกรอบอย่างสุดช็อกของ โปรตุเกส นำมาซึ่งบทสัมภาษณ์เผ็ดร้อน เต็มไปด้วยความโกรธเคืองของทางฝั่ง เปเป้ และ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่มีต่อผู้ตัดสิน ฟาคุนโด้ เตโย่ จากอาร์เจนติน่า ว่าไม่โปร่งใส ไม่ทันเกมอย่างที่ควรเป็น ทั้งยังเป็นสิงห์เชิ้ตดำเกรดรอง ไม่เคยผ่านการตัดสินเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน แต่กลับได้มาทำหน้าที่ในเกมสำคัญอย่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกอย่างน่าประหลาดใจ ไปจนถึงว่าก็ไม่ควรได้ทำหน้าที่นี้ ทั้งที่ชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์

• แฟร์นันโด ซานโตส ยังไม่ด่วนตัดสินอนาคตตัวเอง โดยขอเจรจากับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกสเสียก่อนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำทีมต่อหรือสละเก้าอี้ไป หลังคุมยาวมาตั้งแต่ปี 2014 และมีแชมป์ยูโร 1 สมัย กับแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 1 สมัย ติดมือ แต่ตกแค่รอบ 16 ทีมกับ 8 ทีมฟุตบอลโลก เท่านั้น

• แม้ไม่ได้ประกาศชัด แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เดินออกจากสนามแบบน้ำตานองอาบสองแก้ม ก็เผยเป็นนัยว่า เขาอาจจะเลิกเล่นทีมชาติแต่เพียงเท่านี้ ลงรับใช้ชาติไปทั้งสิ้น 196 นัด ยิง 118 ประตู โดยเป็นเจ้าของสถิติทั้งลงสนามมากสุดและยิงประตูสูงสุดตลอดกาลกับทีมชาติ ทว่าก็ยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้นในฟุตบอลโลก 2022 จากจุดโทษนัดชนะ กาน่า 3-2 เกมแรกของทัวร์นาเมนต์
“การคว้าแชมป์โลกกับ โปรตุเกส คือความฝันและความทะเยอทะยานสูงสุดในอาชีพของผม โชคดีที่ผมได้แชมป์มามากมาย รวมทั้งกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การพาประเทศของเราประสบความสำเร็จขั้นที่สูงที่สุดในโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”
“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ จากการลงเล่นฟุตบอลโลก 5 สมัย รวมเวลาเกินกว่า 16 ปี ผมยิงประตูได้ ผมได้เล่นร่วมกับนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเทอย่างเต็มร้อยในสนาม ผมไม่เคยหนีหน้าจากการต่อสู้ และผมไม่เคยยอมแพ้ที่จะสานฝัน”
“น่าเศร้าที่เมื่อวานฝันจบลงอย่างไม่สมควร ผมอยากให้คุณรู้มากกว่าการที่มันจะถูกเขียนถึง ถูกพูดถึง หรือว่าถูกเล่าลือ แต่ความทุ่มเทที่ผมมีต่อ โปรตุเกส ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผมต่อสู้เพื่อเป้าหมายเสมอ และผมไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีม และประเทศของผม”
“สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันมันงดงามจนกระทั่งมันจบสิ้นลง… ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้วสำหรับการเป็นผู้แนะนำที่ดี และเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้ทำตามต้องการ”

 

 

เคนขว้างตั๋วทิ้ง-สิงโตสลบพ่ายตราไก่ 1-2

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [2]

 

ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

 

นี่คือเกมคู่คี่สูสี ที่มีสิทธิ์ตัดสินกันด้วย “รายละเอียดเล็กๆ”

 

รายละเอียดเล็กจิ๋วอย่าง “องศาการเหินของลูกบอล” ขณะออกจากปลายเท้า แฮร์รี่ เคน ในเสี้ยววินาทีนั้น…

 

คู่ดึกของวันเสาร์ เกมสุดท้ายของรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2022 บิ๊กแมตช์ของประเทศเพื่อนบ้าน อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส เกมนี้ต่างฝ่ายต่างยึด 11 คนแรกชุดเดิมลงสนาม สิงโตคำรามนำมาโดย แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนตราไก่ให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมัน เดมเบเล่ รวมพลังเข้าทำ

 

เป็น ฝรั่งเศส ที่ขยับสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ตะบันจากหน้าเขตโทษผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 17

 

แต่จากนั้น อังกฤษ ก็ทวงคืน 1-1 ตอนต้นครึ่งหลัง จากจุดโทษที่ ซาก้า โดน ชูอาเมนี่ ขัดขาล้มลงไป และ แฮร์รี่ เคน ตะบันผ่าน อูโก้ โยริส ไม่พลาด เป็นประตูทำสถิติยิงสูงสุดในทีมชาติ 53 ลูก เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์

 

ทว่าเข้าช่วงท้ายเกม นาที 78 กรีซมันน์ ก็ครอสแม่นๆ จากซ้ายเข้าไปให้ ชิรูด์ ทิ่มโขกตัดหน้า แม็กไกวร์ ตุงตาข่ายให้ ฝรั่งเศส นำ 2-1

 

ท้ายเกมหลังจากนั้นอีก น.82 อังกฤษ มีโอกาสดีในการตามตีเสมอรอบสอง เมื่อมาได้จุดโทษจากวีเออาร์ที่ตัวสำรอง เมสัน เมาท์ โดน เตโอ เอร์นันเดซ กระแทกล้มหน้าทิ่ม อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน กลับสังหารจุดโทษโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง รวมถึงฟรีคิกหน้าเขตโทษในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็กดเสยคานออกไปแค่คืบเท่านั้น จนจบที่ ฝรั่งเศส กำชัยแบบลุ้นเหนื่อย 2-1

 

ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ ยังคงไปไม่ถึงดวงดาวนับตั้งแต่แชมป์โลกสมัยแรก 1966 เป็นต้นมา

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แจ๊ค กรีลิช 90+8), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เมสัน เมาท์ 79) – บูกาโย่ ซาก้า (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 79), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (มาร์คัส แรชฟอร์ด 85)
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 79), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
• ชิรูด์ กดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลก 2022 ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ลูกเดียวถ้วน
• ชิรูด์ ทำเพิ่มเป็น 53 ลูก ฉีกหนีเจ้าของสถิติคนเก่า เธียร์รี่ อองรี (51) เพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว
• อูโก้ โยริส ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ ฝรั่งเศส สูงสุดแบบเดี่ยวๆ 143 นัด แทนที่ ลิลิยอง ตูราม 142
• อองตวน กรีซมันน์ ยังไร้สกอร์ที่กาตาร์ แต่แอสซิสต์แล้ว 3 ครั้ง สูงสุดเทียบเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ บรูโน่ แฟร์นันเดส
• ยังเป็นแอสซิสต์ที่ 27 จากการเล่นทีมชาติ 115 นัดของ กรีซมันน์ ด้วย

• ฝรั่งเศส ทำไป 11 ประตูในบอลโลกครั้งนี้ โดยที่ 9 ลูกในนั้นมาจาก เอ็มบัปเป้ + ชิรูด์ สองคน ที่เหลืออีกสองเม็ดเป็น อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่
• ฝรั่งเศส มาถึงตรงนี้โดยไม่มีการทำคลีนชีตแม้แต่เกมเดียว ลงสนาม 5 นัด เสียนัดละ 1 ลูกมาตลอด

• อังกฤษ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นครั้งที่ 7 สูงที่สุดในบรรดาทุกทีมที่ได้เข้ามาเล่น เวิลด์ คัพ
• ฟุตบอลโลก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง อังกฤษ ตกไม่ซ้ำรอบ
2010 ตกรอบ 16 ทีม
2014 ตกรอบแบ่งกลุ่ม
2018 ตกรอบตัดเชือก / ได้อันดับ 4
2022 ตกรอบ 8 ทีม
• การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ยังคงชนะใครไม่เป็น มีผลเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก่อนแพ้ ฝรั่งเศส นัดนี้
• อังกฤษ เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แค่เกมเดียวจากการพบกัน 7 นัดหลัง (แพ้ 5 เสมอ 1)
• หากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก อังกฤษ ไม่เคยพลิกกลับมาชนะได้ในเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยได้ผลเสมอ 2 แพ้ 7

• จุดโทษที่ แฮร์รี่ เคน ยิงเข้าไปในสกอร์ 1-1 นับเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติอังกฤษ เทียบเท่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นที่เรียบร้อย
• ส่วนการพลาดจุดโทษในช่วงท้าย นับเป็นการพลาดครั้งที่ 11 ของเขาในตลอดเส้นทางค้าแข้ง และพลาดหนที่ 4 ในการเล่นทีมชาติ
• สัดส่วนของการยิงจุดโทษเข้ากับยิงพลาดของ แฮร์รี่ เคน คือ 58:11
• เคน ยังทำสถิติสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษ ในเกมฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากที่สุดเป็นเกมที่ 11 (6 เกมในฟุตบอลโลก 2018 และอีก 5 เกมในฟุตบอลโลก 2022) แซงหน้าสถิติ 10 เกมของ บิลลี่ ไรท์ (1950-1958), บ๊อบบี้ มัวร์ (1966-1970) และ เดวิด เบ็คแฮม (2002-2006)
• เจมส์ แมดดิสัน กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ มีนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็น 0, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสำรอง 1, แคลวิน ฟิลลิปส์ ลงสำรอง 2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
• ฝรั่งเศส เข้าไปดวลกับชาติที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอย่าง โมร็อกโก ในรอบตัดเชือก
• พบกันก่อนหน้านี้ 11 ครั้ง ฝรั่งเศส ข่มขาดด้วยชนะ 7 เสมอ 3 โมร็อกโกชนะแค่ 1
• ฝรั่งเศส ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งรายใหม่ สำหรับการผงาดครองแชมป์โลก 2022 จากการปรับเรตล่าสุดของ สกาย เบท ในอัตรากดต่ำเพียง 1/1 จากนั้นจึงตามด้วย อาร์เจนติน่า 13/8, โครเอเชีย 7/1 และเต็งเบอร์สุดท้าย โมร็อกโก 8/1 รวมถึงมีเรต 10/1 ในบางเจ้า

• เลส์ เบลอส์ กลายเป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนต์อีก 4 ปีถัดมา เพราะไม่เคยมีแชมป์เก่าชาติไหนเลยที่เคยทำได้ จากครั้งสุดท้ายที่ บราซิล ทำไว้ ด้วยการเป็นแชมป์โลก 1994 และเป็นรองแชมป์ 1998
• มีกระแสข่าวว่า ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จะยังคงได้ไฟเขียวให้ดูแลทีมต่อไปจนถึงจบ ยูโร 2024 ที่เยอรมนี เพื่อตอบแทนผลงานที่ดีในบอลโลกหนนี้ แม้สมาคมฯ จะมีตัวเลือกน่าสนใจอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่ว่างงานและพร้อมเข้ารับตำแหน่งอยู่ ก็ตาม

• ในส่วนของผู้ตกรอบอย่าง อังกฤษ แม้ ณ ตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่ได้ประกาศลาออก โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ว่าขอเวลาอีกนิดเพื่อตัดสินใจอนาคต แต่ก็มีการเปิดราคากุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ เซาธ์เกต ไว้แล้ว โดย เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตนายใหญ่เปแอสเช ยืนแท่นเต็งหนึ่ง 4/1 จากนั้นตามด้วย โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซี 5/1, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ 8/1, เอ๊ดดี้ ฮาว กุนซือนิวคาสเซิ่ล 10/1, แกรห์ม พ็อตเตอร์ กุนซือเชลซี 12/1, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 16/1, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 16/1, สตีฟ คูเปอร์ 16/1 และ เวย์น รูนี่ย์ 18/1

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่านอกจาก “กาตาร์ 2022” จะเป็นบอลโลกครั้งที่แปลกแปร่งที่สุด ด้วยการมาลงเตะปลายปีก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่กี่วัน นี่ก็ยังเป็น เวิลด์ คัพ ที่โหดเฮี้ยนและผิดเพี้ยนที่สุดในคราวเดียวกัน ไม่เชื่อลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 สิจ๊ะ!

 

 

ช็อกโลก! แซมบ้าพ่ายโครแอตปิ๋ว 8 ทีมบอลโลก

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

เกมคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. ผ่านมา ที่เมืองอัล รายยาน เป็นการดวลกันของม้านอกสายตา โครเอเชีย กับตัวเก็งเต็งหนึ่ง บราซิล ซึ่งฝ่ายแรกผ่าน ญี่ปุ่น มาอย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวถึงดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีม ส่วน “ลา เซเลเซา” กำราบ เกาหลีใต้ แบบสบายเท้า 4-1 ส่งทีมโสมขาวกลับบ้านไปในที่สุด

 

ที่จริงคู่นี้พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 และพบว่า เนย์มาร์ เคยยิงประตูทีมตาหมากรุกมาแล้ว 3 ลูกด้วยกัน

 

ปรากฏว่าตลอดเกม 90 นาทีเป็นไปอย่างอึดอัด ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสเข้าทำจำกัด ซึ่งที่ใกล้เคียงกว่าเป็น บราซิล แต่ทั้ง เนย์มาร์, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า, วินิซิอุส จูเนียร์ ฯลฯ ต่างก็ไม่อาจส่งลูกผ่านมือ โดมินิค ลิวาโควิช จอมหนึบตาหมากรุก ไปได้แต่อย่างใด จนจบที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษครึ่งชั่วโมง

 

ต่อเวลาเดินทางถึงทดเจ็บครึ่งแรก 105+1 กลายเป็นฝั่งของบราซิลมาได้ประตูขึ้นนำ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษไปแตะหลบ ลิวาโควิช แล้วยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ส่งให้อดีตแชมป์ 5 สมัยออกนำ 1-0

 

ทว่าก่อนจบเกมนาทีที่ 116 โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ มิสลาฟ ออร์ซิช ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางผ่าน ลิวาโควิช เข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

 

120 นาทีจบที่ผลเสมอ 1-1 และต้องดวลจุดโทษตัดสิน เท่ากับ โครเอเชีย ต้องชี้ชะตาด้วยการดวลเป้า 2 รอบติด ส่วน บราซิล ไม่ได้ยิงจุดโทษมาพักใหญ่แล้ว หนล่าสุดคือบอลโลก 2014 ที่ชนะ ชิลี 3-2 รอบ 16 ทีม

 

โครเอเชีย เป็นฝ่ายยิงก่อน และ…
นิโกล่า วลาซิช ยิงยัดเข้ากลางประตู 1-0
โรดรีโก้ โกเอส ส่องติดเซฟ ลิวาโควิช อย่างจัง 1-0
ลอฟโร มาเยอร์ กดเข้ากลางประตูเช่นเดิม 2-0
กาเซมิโร่ ซัดเสียบมุมซ้ายไม่พลาด 2-1
ลูก้า โมดริช แปเข้ามุมเดียวกับกาเซมิโร่ 3-1
เปโดร แปเข้าไปแบบลิวาโควิชพุ่งผิดทิศ 3-2
มิสลาฟ ออร์ซิช กดเข้ามุมเดียวกับโมดริช 4-2
มาร์กินญอส ส่องไปทางเดียวกับโมดริช…แต่ชนเสาเต็มๆ 4-2

 

เมื่อ โครเอเชีย ยิงไม่พลาดเลยใน 4 มือสังหาร แต่ บราซิล พลาดถึง 2 จึงเท่ากับ โครเอเชีย ชนะ 4-2 แบบที่มือสังหารเบอร์สุดท้ายของแซมบ้าอย่าง เนย์มาร์ ไม่ทันได้ก้าวออกไปยิงแต่อย่างใด

 

โครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช ผ่านเข้าตัดเชือกได้อีกครั้ง และจะจบไม่เกินอันดับ 4 อย่างแน่นอนแล้ว เป็นความต่อเนื่องชั้นยอดจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ซึ่งก็เข้าถึงชิงชนะเลิศมาแล้วเช่นกัน

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์นา โซซา (อันเต้ บูดิเมียร์ 110) – ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 114), มาเตโอ โควาซิช (ลอฟโร มาเยอร์ 105) – มาริโอ ปาซาลิช (นิโกล่า วลาซิช 72), อันเดรจ์ ครามาริช (บรูโน่ เพ็ตโควิช 72), อีวาน เปริซิช
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เอแดร์ มิลิเตา (อเล็กซ์ ซานโดร 105), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า (เฟร็ด 105) – ราฟินญ่า (อันโตนี่ 56), เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ โกเอส 64) – ริชาร์ลิซอน (เปโดร 84)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟจุดโทษที่ 4 ในบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดแล้วของการเล่นฟุตบอลโลก 1 สมัย เท่ากับ ดานิเยล ซูบาซิช รุ่นพี่โครแอต (2018) และ เซร์คิโอ กอยโคเชีย ของอาร์เจนติน่า (1990)
• โดมินิค ลิวาโควิช ยังทำสถิติเซฟมากสุดในเกมเดียวของฟุตบอลโลก 2022 รวม 11 ครั้ง สูงสุดในรอบ 8 ปี หรือตั้งแต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ทำไว้ 15 เซฟ นัดที่ สหรัฐอเมริกา แพ้ เบลเยียม 1-2 ในรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2014
• สถิติของฟีฟ่า ระบุให้ ลิวาโควิช Goals Prevented เกมนี้ 21 ครั้ง

• ที่จริง โครเอเชีย ก็ยังเอาชนะ บราซิล ไม่ได้ต่อไป ถ้านับเกมในเวลา 90 นาที เสมอ 2 บราซิลชนะ 3
• บราซิล สร้างโอกาสยิง 20 ครั้ง ตรงกรอบ 11 ได้มาประตูเดียว
• เนย์มาร์ ยิงโครเอเชียเป็นลูกที่ 4 ของตัวเอง
• เนย์มาร์ ยิงประตูที่ 77 ในทีมชาติ สูงสุดตลอดกาลเทียบเท่า เปเล่ แล้ว
• มีการเผยว่า มาร์กินญอส มือยิงคนที่ 4 ของบราซิล (พลาด) ไม่เคยยิงจุดโทษในระดับอาชีพมาก่อนเลย
• โครเอเชีย ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม เป็นประตูของ บรูโน่ เพ็ตโควิช ทันที
• มาร์เซโล่ โบรโซวิช วิ่งรวม 15.69 กม.
• นิโกล่า วลาซิช เป็นมือยิงคนแรกทั้งในเกมชนะญี่ปุ่น และนัดนี้ ซึ่งก็ยิงไม่พลาดเป้าทั้งสอง

• โครเอเชีย เป็นทีมแรกที่ชนะดวลจุดโทษ 4 นัดรวด
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม – ชนะ เดนมาร์ก 3-2
ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีม – ชนะ รัสเซีย 4-3
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม – ชนะ ญี่ปุ่น 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีม – ชนะ บราซิล 4-2

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โครเอเชีย ชนะจุดโทษ บราซิล 4-2
• โครเอเชีย เข้าถึงตัดเชือกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสองหนที่ผ่านมา จบอันดับสาม (1998) และเป็นรองแชมป์ (2018)
• โครเอเชีย ชนะเกม 90 นาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แค่ “นัดเดียวถ้วน” (4-1 แคนาดา) นอกนั้นเสมอหมด (4 นัด) แต่มาถึงตัดเชือกแล้ว
• บราซิล ยังไม่ได้วางโปรแกรมเตะของปี 2023 ไว้แต่อย่างใด
• บราซิล ยังต้องเฝ้ารอแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย ภายหลังได้แชมป์หนล่าสุดเมื่อ 20 ปีก่อนมาแล้ว กับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
• ตีเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือบราซิล เป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเข้าคุมในปี 2016 แทนที่ คาร์ลอส ดุงก้า โดยลงไป 81 นัด ชนะ 60 เสมอ 15 แพ้ 6 มีดีกรีแชมป์โคปา อเมริกา 2019 กระนั้นในฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ก็ไปถึงแค่รอบ 8 ทีมเท่านั้น
• เนย์มาร์ เคยเปรยไว้แล้วว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็น เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายของตัวเขาแล้ว หลังต้องอกหักกับเป้าหมายแชมป์โลกมาตลอดตั้งแต่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์หนแรกปี 2014 จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อว่า เนย์มาร์ จะประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเร็วๆ นี้หรือไม่

 

 

ฟ้าขาวแอบเสียวโดนทวง 2-2 ยังฮึดเฮดวลเป้า

8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม ใครอยู่ใครไป! [1]

 

น่าเสียดายแทนใครที่สู้ไม่ไหว ปิดทีวีไปก่อน หรือเห็นว่าเกมขาดแล้ว เลยเข้านอนดีกว่า

 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม นั้น บอกเลยว่า “โคตรเดือด” ยกกำลังสองกำลังสาม มีมาเสิร์ฟครบทุกอย่าง ขาดก็แต่ลงนวมฟาดปากกันเท่านั้น!

 

คู่ดึกของวันศุกร์ เป็นการดวลกันของสองทีมหัวแถวต่างทวีป เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งทัพอัศวินสีส้มยังไม่เคยแพ้ใครในยุค หลุยส์ ฟาน กัล ที่ทำทีมมา 19 นัด ส่วน ลิโอเนล สคาโลนี่ ทำทีมฟ้าขาวแพ้เกมเดียวถ้วนๆ จาก 40 นัดหลังสุด (ซึ่งคือเกมแรกที่แพ้ ซาอุฯ นั่นเอง)

 

หลุยส์ ฟาน กัล เลือกจัดทัพมาแบบเดิมๆ แนวรุกฝากความหวังที่ โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ ผิดกับฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ปรับระบบหนแรกไปใช้สามเซนเตอร์แบ็ก 5-3-2 โดยตัด อเลฮานโดร โกเมซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย ออกจากแนวรุก แล้วเติม ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปช่วยหลังบ้านแทน

 

เกมดูเหมือนจะเป็นงานสบายหายห่วงของ อาร์เจนติน่า เมื่อขึ้นนำในเวลาเพียงไม่นานนัก น.35 ลิโอเนล เมสซี่ แทงทะลุช่องแบบเหนือๆ ให้ นาอูเอล โมลิน่า จิ้มสวนนายทวาร อันดรีส น็อพเพิร์ต เข้าประตูไปเป็น 1-0

 

จากนั้นตามด้วยครึ่งหลัง น.72 เดนเซล ดุมฟรีส์ ทำเสียฟาวล์ในเขตโทษ เป็นจุดโทษซึ่ง เมสซี่ กดเข้าไปไม่พลาดเป็น 2-0 เป็นประตูที่ 4 ในฟุตบอลโลก 2022

 

อย่างไรก็ตาม 7 นาทีท้ายรวมทดเจ็บ 10 นาที เนเธอร์แลนด์ ก็กลับคืนสู่เกมได้สำเร็จ จากลูกโขกเปลี่ยนทางของหอกสำรอง วู้ท เวกอร์สท์ ที่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปในนาที 83

 

แล้วก่อนที่เกมจะจบด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาว พวกเขาก็มาเสียฟรีคิกอึดใจท้ายที่ เคร์มัน เปซเซลล่า โดนจับฟาวล์หน้าเขตโทษ และ เทน ค็อปไมเนอร์ส เล่นลูกสูตรทริกช็อต เขี่ยผ่านกำแพงขึ้นหน้าให้ เวกอร์สท์ รับลูกแล้วกลับตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ตีเสมอ 2-2 ตอนทดเจ็บ 90+11

 

ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีการยิงเพิ่ม โดยนาทีสุดท้าย เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ซัดไกลหน้าเขตโทษไปชนเสาเข้าอย่างจัง ส่งผลให้ 120 นาทีจบลง เสมอ 2-2 และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษต่อเนื่องอีกเกม

 

เนเธอร์แลนด์ เป็นฝ่ายสังหารก่อน…
ก็แต่หัววัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กดติดเซฟ เอมี่ มาร์ติเนซ 0-0
ลิโอเนล เมสซี่ แปด้วยซ้ายนิ่มๆ เข้าไป 0-1
สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ ยังคงยิงไม่ผ่านมือ มาร์ติเนซ 0-1
เลอันโดร ปาเรเดส ส่องเข้าเสียบเสา 0-2
เทน ค็อปไมเนอร์ส อัดด้วยซ้ายเข้าอย่างแรง ไล่มา 1-2
กอนซาโล่ มอนเทียล แปเต็มเท้าเข้าทางขวา 1-3
วู้ท เวกอร์สท์ สังหารไม่พลาด 2-3
เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ส่องเบี่ยงเสาออกไปเอง 2-3
ลุค เดอ ยอง แปเบาๆ เข้าไป 3-3
ปิดท้าย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตะบันเต็มข้อเข้าทางซ้าย 3-4

 

อาร์เจนติน่า กำชัย 4-3 ยังคงรักษาความหวังแชมป์โลกสมัย 3 เอาไว้ ด้วยการผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ โครเอเชีย ซึ่งจะเล่นกันในวันอังคารที่ 13 ธ.ค.

 

ส่วน เนเธอร์แลนด์ ทั้งที่ไม่แพ้ใครเลยทั้งสิ้นใน 90 นาทีของฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึงในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (คุมรอบสาม) แต่ก็ต้องว่ากันใหม่โอกาสหน้า ที่ฟ้าจะเป็นใจให้มากกว่านี้…

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน ค็อปไมเนอร์ส 46), ดาลี่ย์ บลินด์ (ลุค เดอ ยอง 64) – โคดี้ กัคโป (โนอา ลัง 113) – เมมฟิส เดอปาย (วู้ท เวกอร์สท์ 78), สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ (สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ 46)
อาร์เจนติน่า (5-3-2) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 105), คริสเตียน โรเมโร่ (เคร์มัน เปซเซลล่า 78), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ (อังเคล ดิ มาเรีย 112), มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 78) – โรดริโก้ เด ปอล (เลอันโดร ปาเรเดส 66), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 82)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• ลิโอเนล เมสซี่ ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 ไป 5 นัด คว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์แล้ว 3 เกม สูงสุดเท่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เพื่อนร่วมค่ายของทีมชาติฝรั่งเศส
• ลิโอเนล เมสซี่ ยังยิงแล้ว 4 ประตู ตามหลัง เอ็มบัปเป้ ลูกเดียว พร้อมกับแอสซิสต์ไปแล้ว 2
• นาอูเอล โมลิน่า ยิงประตูแรกในการรับใช้ชาติ 24 นัด
• วู้ท เวกอร์สท์ ยิงลูกที่ 4 และ 5 จากการเล่นทีมชาติ 19 เกม

• 17 ใบเหลือง 1 ใบแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์บอลโลก ทำลายสถิติ 16 ใบ เกม เนเธอร์แลนด์-โปรตุเกส ในบอลโลก 2006
• 18 ใบจาก 120 นาที เท่ากับเฉลี่ยมีแจกทุกๆ 6 นาทีกว่าๆ จากผู้ตัดสินชาวสเปน อันโตนิโอ มาเตอู ลาออซ
• คนโดนประกอบด้วย
เนเธอร์แลนด์ 7 : ยูร์เรียน ทิมเบอร์ น.43, วู้ท เวกอร์สท์ น.45+2, เมมฟิส เดอปาย น.76, สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์ น.88, สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ น.90+13, โนอา ลัง น.120+9, เดนเซล ดุมฟรีส์ (สองเหลือง หนึ่งแดง)
อาร์เจนติน่า 9 : มาร์กอส อคุนย่า น.43, คริสเตียน โรเมโร่ น.45, ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.76, เลอันโดร ปาเรเดส น.89, ลิโอเนล เมสซี่ น.90+10, นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.90+11, กอนซาโล่ มอนเทียล น.109, เคร์มัน เปซเซลล่า น.112, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่ น.90

• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เจนติน่า 2-4 จนตกรอบตัดเชือกบอลโลก 2014 และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในบอลโลกครั้งนี้
• 2014 คนพลาดจุดโทษคนแรกคือเซนเตอร์แบ็ก รอน ฟลาร์ มาครั้งนี้ก็ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
• หลุยส์ ฟาน กัล ทำทีมตกรอบบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ไม่เคยแพ้ใครเลยในเวลาปกติ 20 เกมรวด นับแต่เข้าคุมแทน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กลางปีที่แล้ว ชนะ 14 เสมอ 6
• เนเธอร์แลนด์ ยังคงไปไม่ถึงแชมป์โลกอยู่ต่อไป ผลงานดีสุดคือรองแชมป์โลก 1974, 1978 และ 2010

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3
• หลุยส์ ฟาน กัล ลาออกจากการทำทีมกังหันลมอีกครั้ง และในวัย 71 ก็คงจะไม่มีการกลับเข้าคุมหน 4 หน 5 อีกแล้ว
• โรนัลด์ คูมัน เซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. สำหรับการเข้าสานงานต่อจาก ฟาน กัล หลังบอลโลก โดยเป็นการคืนสู่งานนี้อีกครั้งหลังเคยทำทีมมาแล้วในช่วงปี 2018–2020
• อาร์เจนติน่า ยืนยันการเป็นราชาดวลเป้า King of penalty shoot-outs ด้วยการชนะดวลจุดโทษเป็นครั้งที่ 5 เหนือกว่าทุกทีมในโลก และเคยแพ้มาแค่หนเดียวเท่านั้น
3-2 ยูโกสลาเวีย, 8 ทีม 1990
4-3 อิตาลี, ตัดเชือก 1990
4-3 อังกฤษ, 16 ทีม 1998
4-2 เนเธอร์แลนด์, ตัดเชือก 2014
4-3 เนเธอร์แลนด์, 8 ทีม 2022
(แพ้ เยอรมนี 2-4, 8 ทีม 2006)
• อาร์เจนติน่า ทะลุเข้าไปดวล โครเอเชีย ในรอบตัดเชือก ซึ่งจะเป็นแมตช์ล้างตาจากฟุตบอลโลก 2018 ที่คราวนั้น โครเอเชีย ขยี้ฟ้าขาว 3-0 ในรอบแรก
• อาร์เจนติน่า ไม่เคยแพ้รอบตัดเชือกฟุตบอลโลกมาก่อน จากการมาถึง 4 ครั้ง โดยเข้าไปเป็นแชมป์โลก 2 หน และแพ้นัดชิง 3 รอบ
1930 ชนะ สหรัฐอเมริกา 6-1
1978 ไม่มีรอบตัดเชือก
1986 ชนะ เบลเยียม 2-0
1990 ชนะจุดโทษ อิตาลี 4-3
2014 ชนะจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-2

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
AP
GettyImages
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ อังกฤษ ฝรั่งเศส

วันที่ 11 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง Thairath TV/ True Sports 2

อังกฤษ สิงโตคำราม ชุดลุยฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษคือ เต็งหนึ่งแชมป์กลุ่ม บี ที่มีโอกาสเข้ารอบลึก ๆ ของฟุตบอลโลกครั้งนี้ (ภาพ: worldinsport.com)

สถานการณ์ของอังกฤษและฝรั่งเศส

การมาเจอกันของสองทีมที่เป็นคู่ปรับกันมายาวนาน และมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้าย ๆ กัน โดยเฉพาะการเป็นทีมที่มีผู้เล่นมากพรสวรรค์รุ่นใหม่ ๆ อยู่ในทีมจำนวนมาก และต่างก็คุมทีมโดยโค้ชที่นิยมการเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน และขณะที่อังกฤษคือทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ฝรั่งเศสก็มีผู้เล่นที่ทดแทนกันได้มากมายในทีม

เกมรอบ 16 ทีมสิงโตคำรามเอาชนะสิงโตแห่งเทรังก้ามาได้ ในเกมที่แกเร็ธ เซาธ์เกตแฮปปี้ที่ได้เห็นลูกทีมเล่นแบบไม่มีปรานีคู่แข่ง ในเกมที่แฮร์รี่ เคนทำประตูที่ 52 ในนามทีมชาติสำเร็จ ซึ่งใกล้เคียงกับการทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดของอังกฤษเข้าไปทุกที แต่กับฝรั่งเศส ประตูที่ 52 ของโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็มากพอที่จะทำให้ศูนย์หน้าจากเอซี มิลาน กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมตราไก่ และในเกมรอบ 16 ทีม พวกเขาก็จัดการโปแลนด์ของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ได้แบบสบาย ๆ

การเจอกันครั้งนี้ เซาธ์เกตน่าจะกำชับลูกทีมให้เริ่มเกมด้วยความกระตือรือร้น เพราะหากเปิดตัวในแบบที่ต่ำกว่ามาตรฐาน จะกลายเป็นการเดินไปสู่หายนะได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในแนวรับที่ต้องเผชิญหน้ากับการเล่นที่เข้าขากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยของคิลิยัน เอ็มบัปเป้และชิรูด์ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ เขาจะเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนแรกนประวัติศาสตร์ ที่พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศมากกว่า 1 ครั้ง

แชมป์โลก ฝรั่งเศส

เช็กสถิติของอังกฤษและฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบนี้ถึง 5 หนจากฟุตบอลโลก 7 ครั้งหลังสุด และ 3 หนเกิดขึ้นใน 3 ครั้งที่เพิ่งผ่านไป ยิ่งไปกว่านั้นการเจอกับทีมจากยุโรปด้วยกันในเกมน็อคเอาต์ 10 เกมหลังสุด ทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส เอาชนะไปได้ถึง 8 ครั้ง

กับอังกฤษถือเป็นคนละเรื่อง เมื่อนี่คือรอบที่พวกเขาต้องกลับบ้านเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในปี 1954, 1962, 1970, 1986, 2002 และ 2006 แถม 6 จาก 8 ครั้งที่พวกเขาตกรอบฟุตบอลโลก ก็เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของทีมยุโรปด้วยกันนี่แหละ

อย่างเดียวที่ทำให้นักเตะอังกฤษอุ่นใจได้บ้างก็คือ ฝรั่งเศสยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยที่กาตาร์ และพวกเขาไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ติดต่อกันถึง 3 เกม แล้วการเจอกันในฟุตบอลโลกของทั้งสองทีม อังกฤษทำได้ดีกว่าเมื่อชนะทั้ง 2 นัดในปี 1966 และ 1982 หากนั่นคือประวัติศาสตร์ที่นานนม และกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคหลัง ๆ สิงโตคำรามเก็บชัยได้แค่นัดเดียวจากการเจอฝรั่งเศส 8 นัดหลัง

อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022
สถานการณ์ผู้เล่นของอังกฤษและฝรั่งเศส

อังกฤษจะไม่มีเบน ไวต์ที่กลับบ้านไปแล้ว เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว ขณะที่ราฮีม สเตอร์ลิงก็ต้องกลับไปดูแลครอบครัวหลังบ้านถูกโจรขึ้น และล่าสุดก็เดินทางกลับมากาตาร์ เรียบร้อยแล้ว คัลลั่ม วิลสัน ก็มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้เล่น 11 คนแรกอยู่แล้ว ที่น่าเป็นห่วงคือ ดีแคลน ไรซ์​ที่ลงเล่นตัวจริงในทุกนัด พลาดการซ้อมเตรียมทีมเมื่อวันพุธเพราะป่วย แต่เชื่อว่าน่าจะลงสนามได้ เช่นเดียวกับจอห์น สโตนที่ออกจากเกมเจอเซเนกัล ด้วยอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา

เกมนัดนี้เป็นไปได้ว่า เซาธ์เกตที่เน้นเล่นปลอดภัยไว้ก่อน จะปรับมาเล่นสามเซนเตอร์แบ็ค หลังจากที่เล่นในระบบ 4-3-3 มาพักใหญ่ แต่และก็เป็นไปได้สูงมากที่ เฮนเดอร์สัน, ไรซ์ และเบลลิงแฮมจะได้เล่ในแดนกลางร่วมกันอีก

ทีมตราไก่ก็มีข่าวใหญ่เหมือนกัน เมื่อเอ็มบัปเป้พลาดซ้อมเมื่อวันอังคาร เนื่องจากมีปัญหากับข้อเท้า แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในวันต่อมากองหน้าวัย 23 ปีก็กลับมาลงซ้อมได้แล้ว และน่าจะออกสตาร์ตในเกมนี้ โดยฝรั่งเศสชนะเกมในฟุตบอลโลกถึง 9 นัด ที่เอ็มบัปเป้เป็น 11 ตัวแรกคู่กับชิรูด์ ที่รายหลังทำประตูในกาตาร์ไปแล้ว 3 ประตู เหลืออีกประตูเดียวจะทำสถิติดาวยิงอายุเกิน 36 ปีที่ทำประตูมากที่สุดในฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียว ทาบโรเจอร์ มิลล่าจากแคเมอรูน ที่ทำไว้ตอนอายุ 38 ปี

ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กับชูลส์ คุนเด้ มีใบเหลืองติดตัวอยู่ หากโดนอีกใบจะพลาดเกมในรอบรองชนะเลิศ หากฝรั่งเศสเข้าไปเล่น แต่เดส์ชองป์สก็ไม่ใช่โค้ชที่เอาเรื่องการคาดโทษ มาเป็นองค์ประกอบในการเลือก 11 ตัวจริงอยู่แล้ว

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ที่เป็นนายใหญ่ในแผงหลัง ด้วยประสบการณ์อันข้นคลั่กวารานจะช่วยฝรั่งเศสได้อย่างแน่นอน (ภาพ: Andrew Surma/NurPhoto via Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของอังกฤษและฝรั่งเศส

อังกฤษ ระบบ 4-3-3: พิคฟอร์ด; วอลเกอร์, สโตนส์, แม็กไกวร์, ชอว์; เฮนเดอร์สัน, ไรซ์, เบลลิงแฮม; ซาก้า, เคน, โฟเด้น
ฝรั่งเศส ระบบ 4-3-3: โญริส; คุนเด้, วาราน, อูปาเมกาโน่, เฮนเดอร์สัน; กรีซมันน์, ชูอาเมนี่, ราบิโอต์; เด็มเบเล่, ชิรูด์, เอ็มบัปเป้


อังกฤษ สิงโตคำราม จะไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายฝรั่งเศส ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022
ผลการแข่งขันระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส

การสู้กันของสองทีม ที่ทีมหนึ่งมีแนวรับที่เหนียวแน่นที่สุดทีมหนึ่งในฟุตบอลโลกหนนี้ เมื่อไม่เสียประตูถึง 3 นัด ขณะที่อีกฝ่ายเสียประตูทุกเกม และบางทีเกมรับของอังกฤษก็อาจจะถึงเวลาถูกทดสอบด้วยของจริงสักที หากดูจากคู่แข่งที่พวกเขาเจอมาก่อนหน้า เพราะในนัดนี้ื ถ้าเปิดโอกาสให้คู่หูเอ็มบัปเป้-ชิรูด์เมื่อไหร พวกเขาอาจไม่มีข้อแก้ตัว

แต่ถ้านักเตะสิงโตคำรามยื้อเกมให้ยาวไปถึงต่อเวลาได้ พวกเขาน่าจะมีข้อได้เปรียบจากการที่มีตัวรุกมากมายให้เลือกใช้จากม้านั่งสำรอง ขณะที่แนวรับของฝรั่งเศสก็น่าจะล้าไปเรื่อย ๆ หากก็เชื่อว่า เดส์ชองป​์ส และนักเตะตราไก่จะไม่ยอมให้เกมลากไปยาวนานขนาดนั้น แล้วด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่า งานนี้ฝรั่งเศสจะชนะ 2-1 หรือไม่ก็ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โมร็อกโก – โปรตุเกส

วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

สถานการณ์ของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ชาติจากการชนะดวลจุดโทษกับสเปน บ้านใกล้เรือนเคียงจากยุโรปใต้ และรอบนี้พวกเขาก็จะพบอีกทีมจากพื้นเพเดียวกับสเปน ที่ชนะสวิตเซอร์แลนด์อย่างสวยหรู และมีนักเตะคนแรกที่ทำให้แฮ็ททริคได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

สิงโตจากเทือกเขาแอตลาสยื้อสเปน ที่ทำสถิติผ่านบอลในเกมเป็นพันครั้งได้สนุก แม้โอกาสทำประตูจะน้อยกว่า แต่ในแง่ของลูกเสียว ทีมจากแอฟริกาทำได้ดีกว่า โดยกุญแจสู่ชัยชนะของพวกเขาคือ เกมรับ ที่เป็นความรับผิดชอบของสองฟูลล์แบ็ค อาชราฟ ฮาคิมี่กับนูสแซร์ มาซราอุย และคู่เซนเตอร์รวมถึงกองกลางที่วิ่งไม่มีหมด ซอยฟราน อัมราบัต ที่ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนโปรตุเกสนอกจากจะถล่มสวิสกระเจิง ยังเปิดตัวดาวยิงคนใหม่ กอนเซโล รามอส ที่ทำแฮ็ททริคแรกของฟุตบอลโลก 2022 โดยซูเปอร์สตาร์ที่มากาตาร์พร้อมสารพัดเรื่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่บนม้านั่งสำรอง

ถ้าโมร็อกโกไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ พวกเขาไม่ใช่แค่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเอง แต่ยังเป็นทีมแรกของแอฟริกาที่ไปได้ไกลขนาดนั้น การเป็นที่ 1 ในกลุ่มที่มีทีมอันดับ 2 และ 3 จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว โมร็อกโกไม่น่าที่จะต้องกลัวใครอีก ส่วนโปรตุเกสชัยชนะ 3 นัด กับ 12 ประตู น่าจะทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่า มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกได้ หลังได้แชมป์ยูโรและเนชั่นส์ ลีกมาแล้ว

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทีมชาติโปรตุเกส จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: portugoal.net)

เช็กสถิติของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเคยเข้ารอบ 16 ทีมมาแล้วในฟุตบอลโลก 1986 ยังสร้างสถิติในฟุตบอลโลกให้กับตัวเอง ด้วยการไม่แพ้ติดต่อกันถึง 5 นัด และจากการลงเล่น 7 นัดหลัง พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ถึง 6 เกม สำหรับการเจอกันของทั้ง 2 ทีม โมร็อกโกพบโปรตุเกสมาแล้ว 2 หน โดยผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือการคว่ำโปรตุเกส 3-1 ในฟุตบอลโลก 1986

โดย 5 นัดสุดท้าย โมร็อกโกไม่แพ้ใครเลย โดยเสมอไปเพียงนัดเดียว (WDWWW) ส่วนโปรตุเกสชนะ 4 แพ้ 1 (WWWLW)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ขวา) กับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสโมสร (ภาพ: www.sportingnews.com)

สถานการณ์ผู้เล่นของโมร็อกโกและโปรตุเกส

ชัยชนะจากการสู้ถึงฎีกากับสเปน โมร็อกโกต้องจ่ายด้วยราคาแพง นาเยฟ อกวอร์ด ต้องเปลี่ยนตัวออกเป็นคนสุดท้ายในช่วงเวลาปกติทั้งน้ำตา เพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเร่งเยียวยาอย่างหนัก เพื่อลงเล่นในนัดนี้ โรเมน ซาอิสส์ กัปตันทีม คู่หูในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค แม้จะไม่ต้องเปลี่ยนตัว แต่ก็มีปัญหากับกล้ามเนื้อโคนขา จนต้องพักดูแลอาการอยู่นาน ซอยฟราน อัมราบัติ ก็มีอาการเจ็บหลังแต่ก็สู้กับกองกลางกระทิงดุได้สนุก ส่วนฟูลล์แบ็ค 2 ฝั่งฮาคิมี่กับมาซราอุยแม้จะมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วย แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคู่น่าจะลงเล่นได้ เช่นเดียวกับบรรดาแนวรุก ไม่ว่าจะเป็น โซเฟียเน่ บูฟัล, ฮาคิม ชีเย็ค และยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่มากาตาร์พร้อมกับข่าวใหญ่ และการเป็นผู้เล่นที่ติดทีมชาติมากที่สุด 195 นัด ยิงประตูให้ทีมชาติมากที่สุด 118 ประตู ตกต้องเป็นตัวสำรองในเกมกับสวิส ที่กอนเซโล รามอสได้ฉายออกมาสุด ๆ ชูเอา กอนเซโล เป็นอีกคนตกเป็นตัวสำนองในเกมกับสวิต เมื่อเฟอร์นานโด ซานโต๊ส โค้ชของทีมเลือกราฟาเอล เกวร์เรโร ในตำแหน่งแบ็คซ้าย และใช้ดิโอโก้ ดาโลต์ในตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งเป็นไปได้มากว่า ทั้งคู่จะถูกใช้งานอีกครั้งในเกมนี้

ในตำแหน่งอื่น ๆ โอตาวิโอน่าจะได้เล่นต่อในแผงมิดฟิลด์ แต่วิลเลียม คาร์วัลโญ่ต้องลุ้นแย่งตำแหน่งกับรูเบน เนเวสในตำแหน่งห้องเครื่องของทีม

สองผู้เล่นจากปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็ง นูโน เมนเดสที่เจ็บกล้ามเนื้อโคนขาคงไม่ได้เล่นในฟุตบอลโลกแล้วต่อให้ทีมได้เข้าชิงก็ตาม ส่วนดานิโล่ เปไรร่าที่บาดเจ็บซี่โครงสถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่คู่เซนเตอร์จะเป็นรูเบน ดิอาสกับตัวเก๋าวัย 39 ปี เปเป้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

(Photo by Carlos Rodrigues/Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน่; ฮาคิมี่, เอล ยามิคว์, เบนูน, มาซราอุย; อูนาฮี, อัมราบัต, อมาลลาห์; ซีเย็ค, เอ็น-เนซีรี่, บูฟัล
โปรตุเกส ระบบ 4-3-3: คอสต้า; ดาโลต์, เปเป้, ดิอาส, เกวร์เรโร; โอตาวิโอ, คาร์วัลโญ่, เบอร์นาโด; เฟร์นานด์ส, รามอส, เฟลิกซ์

ผลการแข่งขันระหว่างโมร็อกโกและโปรตุเกส

การที่ต้องเล่นเกมยาวกับสเปน ส่งผลต่อโมร็อกโกในเกมนี้แน่ ๆ และถ้าชนะพวกเขาไม่น่าจะผ่านทีมฝอยทองด้วยสกอร์ 3-1 เหมือน 36 ปีก่อน และกับความเหนียวแน่นในเกมรับของโมร็อกโกเอง พวกเขาก็ต้องแลกด้วยเกมรุกที่ดูกระเบียดกระเสียร โดยในฟุตบอลโลกหนนี้มีแค่สองทีมเท่านั้น ที่ยิงเข้ากรอบน้อยกว่าโมร็อกโก แล้วถึงจะเยี่ยมยอดขนาดไหน แนวรับของสิงโตจากเทือกเขาแอตลาส ก็ต้องมีหลุดบ้าง และแนวรุกของโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็นเฟลิกซ์ หรือดาวรุ่งดวงใหม่ รามอส รวมถึงเสือเฒ่า อย่าง โรนัลโด้ น่าจะฉวยโอกาสได้ดีกว่ากระทิงหนุ่มที่ไม่ใช่กองหน้าอาชีพ และน่าจะทำให้ยาสซีน โบโน่ผู้รักษาประตูของโมร็อกโก หมดโอกาสโชว์ฝีมือในช่วงของการดวลจุดโทษ

งานนี้โปรตุเกสน่าจะเฉือนหวิว ด้วยสกอร์ 2-1 หรือ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ เนเธอร์แลนด์ – อาร์เจนติน่า

10 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง JKN18/ True Sports 2

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังปั้นทีมขึ้นมาใหม่ (ภาพ: twitter: OnsOranje)

สถานการณ์ของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

คู่ดวลแข้งในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ยากจะฟันธงที่สุดจากทั้งหมดสี่คู่ เมื่อเนเธอร์แลนด์เจอกับแชมป์โคปาอเมริกา อาร์เจนติน่า โดยทีมของหลุยส์ ฟาน กัลเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนจะคว่ำสหรัฐอเมริกาในรอบ 16 ทีม ส่วนอาร์เจนติน่าช็อคโลกด้วยการพ่ายซาอุดิอาระเบียประเดิมทัวร์นาเมนต์ จบสถิติไม่แพ้ใคร 36 นัดรวด ก่อนจะฟื้นตัวในเวลาอันรวดเร็ว ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม และเอาชนะออสเตรเลียมาถึงรอบนี้

เนเธอร์แลนด์อาจจะดูเล่นน่าเบื่อ เมื่อเน้นการครองบอล รอจังหวะและโอกาส แต่พวกเขาก็ใช้สิ่งที่รอคอยได้อย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในเกมเจอกับสหรัฐอเมริกา ที่ทีมพญาอินทรีพยายามเดินหน้าบดใส่พวกเขา แต่เมื่อเวลามาถึง เด็ก ๆ ของฟาน กัลก็ให้บทเรียนเจ้าภาพฟุตบอลโลกหนต่อไปได้อย่างเจ็บแสบ และผ่านเข้ารอบ 8 ทีมเป็นหนที่สามติดต่อกัน

ขณะที่การเดินทางมาถึงรอบนี้ของทีมฟ้าขาว ราวกับเขียนบทให้ลิโอเนล เมสซี่ เมื่อนี่คือเกมที่ 1,000 ของเจ้าตัว ที่เขาน่าจะหยุดสถิติอันเลวร้ายในรอบน็อคเอาต์ของตัวเองให้ได้สักที หลังทำประตูในฟุตบอลโลกที่ไม่ใช่เกมในรอบแบ่งกลุ่มสำเร็จจากชัยชนะเหนือออสเตรเลีย ที่เชื่อได้ว่า เมสซี่และผองเพื่อนจะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่นอน

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

เช็กสถิติของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

ดูสถิติย้อนหลังจากการเล่นฟุตบอลโลก 5 หนหลังสุด เนเธอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบ 8ทีมถึง 4 ครั้ง หนเดียวที่มาไม่ถึงรอบนี้คือในปี 2006 ที่ตกรอบ 16 ทีม และเข้ารอบรองชนะเลิศถึง 2 ครั้งในปี 2010 และ 2014 แต่พลาดเข้ารอบสุดท้ายในปี 2018 ที่รัสเซีย และเมื่อมาถึงรอบนี้ได้ ครั้งเดียวที่พวกเขาไม่ได้ไปต่อก็คือ ฟุตบอลโลก 1994 นอกจากนี้อัศวินสีส้มยังเดินทางมากาตาร์ด้วยสถิติไม่แพ้ใครถึง 15 เกม และต่อมาเป็น 19 ในทัวร์นาเมนต์

ขณะที่อาร์เจนติน่าจบสถิติไม่แพ้ใครยาวนานในฟุตบอลโลก 2022 หนสุดท้ายที่พวกเขาผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก็คือปี 2014 ที่เป็นรองแชมป์โลก แต่ 3 ครั้งก่อนหน้าในปี 1998, 2006 และ 2010 เส้นทางของทีมฟ้าขาวจบลงที่รอบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาแพ้รอบน็อคเอาต์ให้กับทีมจากยุโรปถึง 9 หนติดต่อกัน ตั้งแต่เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930

ประวัติศาสตร์ดูจะไม่เข้าข้างทีมของลิโอเนล สคาโลนี่นัก แต่การที่พวกเขายิงได้ 13 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และเก็บเมสซี่เอาไว้ในบับเบิลได้เป็นอย่างดี น่าจะทำให้พวกเขาหวังผลลัพธ์ที่ดีในการเจอกับเนเธอร์แลนด์ โดย 2 นัดหลังที่เจอกันในฟุตบอลโลก ทีมฟ้าขาวทำประตูอัศวินสีส้มไม่ได้เลย เกมจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ทั้ง 2 นัด ปี 2006 เป็นการพบกันในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนปี 2014 อาร์เจนติน่าได้ไปต่อเมื่อชนะจุดโทษในรอบรองชนะเลิศ แต่ในปี 1998 ทีมฟ้าขาวตกรอบนี้ เมื่อพ่ายเนเธอร์แลนด์ 2-1

ทั้งสองทีมพบกันมาทั้งหมด 9 ครั้ง โดยเนเธอร์แลนด์ชนะไป 4 และเสมอ 2

เมมฟิส เดปาย อัศวินสีส้ม

ดาวยิงประจำทีมอัศวินสีส้ม เมมฟิส เดปาย (ภาพ: www.hartvannederland.nl)

สถานการณ์ผู้เล่นของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

นี่คือเกมรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนที่ 2 ของฟานกัลในฐานะโค้ช ที่เขาหวังว่าผู้เล่นทุกคนจะฟิตพร้อมลงสนาม โดยสตีเวน เบิร์กไวจ์นที่ลงแทนเดวี่ คลาสเซ่นในเกมที่แล้ว เพื่อเพิ่มความเร็วให้ผู้เล่นกองหน้าในการเล่นโต้กลับ หลังทีมนำ 2-0 อาจได้ลงสนาม ขณะที่เจเรมี่ ฟริมปง แบ็คขวาจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่บาดเจ็บข้อเท้าก่อนเกมสหรัฐอเมริกา ก็อยู่ในกลุ่มผู้เล่นที่ฟิตพร้อมลงเล่นในเกมนั้นอยู่แล้ว เซนเตอร์แบ็คจากอินเตอร์ มิลาน สเตฟาน เดอ ไฟรจ์ ที่หลังเกมรอบ 16 ทีมไม่ได้ลงซ้อม ก็มาซ้อมได้แล้ว และพร้อมแย่งตำแหน่งจากจูร์เรียน ทิมเบอร์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก และนาธาน อาเก้ แต่ก็น่าจะไม่ถูกเลือกเป็น 11 คนแรก

ประตูแรกที่เดอ ปายยิงสหรัฐอเมริกา คือประตูที่ 24 จากการลงเล่นให้ทีมชาติ 30 นัดหลังสุด ที่ยังมีอีก 10 แอสซิสต์ ทำให้เขาน่าจะได้ออกสตาร์ตในแดนหน้าร่วมกับกักโป

ฝั่งฟ้าขาว ปาปู โกเมซ ตัวรุกจากเซบีญ่าที่บาดเจ็บข้อเท้าพลิกในนาทีที่ 50 ของเกมกับออสเตรเลีย ไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือเปล่า แต่อังเจล ดิ มาเรียฟื้นจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาด้านหน้าแล้ว และน่าจะฟิตพร้อมลงเล่นแทน ส่วนอังเจล คอร์เรอาและลีอันโดร ปาราเดส ที่ลงซ้อมได้แล้วทั้งคู่ แต่ดิ มาเรียหรือเอ็นโซ เฟอร์นานเดซน่าจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ มากกว่า

นอกจากนี้ไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยสคาโลนี่น่าจะใช้คริสเตียน โรเมโรกับนิโคลาส โอตาเมนดี้ เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ค แต่อาจมีการสอดแทรกจากลิซานโดร มาร์ติเนซ ซึ่งในเกมที่แล้วได้ลงเล่นแทนอเลฮานโดร โกเมซ ที่บาดเจ็บข้อเท้าหลังครึ่งหลังเริ่มไปแค่ 5 นาที และทีมปรับมาเล่นเซนเตอร์แบ็ค 3 คน บางทีสคาโลนี่อาจนำมาใช้ในเกมนี้ เพื่อรับมือกับ ระบบ 3-4-1-2 ของฟาน กัล

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

เนเธอร์แลนด์ ระบบ 3-4-1-2: น็อปเปิร์ต; ทิมเบอร์, ฟาน ไดจ์ก, อาเก้; ดัมฟรีส, เดอ รูน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง, บลินด์; คลาสเซ่น; กักโป, เดอปาย
อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, อะคูญ่า; เดอ ปอล, เฟอร์นานเดซ, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

ผลการแข่งขันระหว่างเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

แผนการเล่นของฟาน กัลอาจจะดูไม่สนุก แต่ก็ทำให้ทีมได้ผลที่ต้องการ ในเกมกับสหรัฐอเมริกาพวกเขาเลือกโจมตีทางกราบ และทำประตูได้จากการขึ้นเกมของวิงแบ็ค แล้วการเจอกันในรอบรองชนะเลิศเมื่อ 8 ปีก่อน เขาก็ใช้แท็กติกที่คล้าย ๆ กัน และทำให้เกมรุกของทีมฟ้าขาวติด ๆ ขัด ๆ แต่ก็พ่ายจุดโทษในตอนท้าย ซึ่งเกมนี้ก็อาจจะเป็นไปในรูปนั้น จบลงด้วยการเสมอกัน ต่อเวลา ลากไปถึงจุดโทษ ที่ตัวผู้เล่นของอาร์เจนติน่า มีศักยภาพมากกว่าในการคว้าชัยชนะ

เสมอแบบมีสกอร์ ก่อนฟ้าขาวจะชนะการดวลจุดโทษ

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

 

จากที่จบใน 90 นาที แถมยิงกันขาดถึง 3 จาก 4 คู่แรก พอมาถึง 4 คู่หลังของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 กลับออกทรงคาดเดาลำบากเหลือใจ ต้องวัดกันถึงดวลจุดโทษ 2 แมตช์ด้วยกัน และนี่คือบทบันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังและสิ่งสืบเอง สำหรับแมตช์ที่เหลืออยู่ของรอบ 2 เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์…

 

 

สุดทางปาฏิหาริย์! ซามูไรพ่ายดวลเป้าหมากรุก

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

หากยังพอจำกันได้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทัพซามูไรสีน้ำเงิน ประกาศไว้แต่แรกว่าเป้าหมายของเขาคือการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และนั่นเป็นสิ่งที่ใครก็ปรามาส ไม่คิดว่าจะทำได้–แม้แต่การผ่านรอบแรก แต่เมื่อเกมจริงมาถึง ญี่ปุ่น ก็พลิกสยบ เยอรมนี 2-1 ตั้งแต่แมตช์แรก ต่อมาแม้จะเจอความพลิกล็อกเล่นงานเองบ้างด้วยการแพ้ คอสตาริกา 0-1 แต่ก็ยังมาพลิกยิงแซงชนะ สเปน ในเกมที่บังคับต้องชนะอีก 2-1 จนผงาดคว้าแชมป์กลุ่มอีอย่างหล่อ

 

เพียงแต่คู่แข่งของ ญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่ทีมที่ใครจะสามารถมองข้ามได้ เมื่อนี่คือหนึ่งในทีมแข็งของยุโรป ดีกรีรองแชมป์โลกหนก่อนอย่าง โครเอเชีย ที่โชว์ความหลังเหนียวด้วยการไม่เสียประตูทั้งเกมกับ โมร็อกโก และ เบลเยียม โดยเฉพาะนัดหลังที่เป็นเกมชี้ชะตาเข้ารอบหรือตกรอบ ก็ไม่พลาดท่าเสียที แม้ภาพรวมอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนครั้งก่อนที่รัสเซีย แต่ยังเข้ารอบมาได้ตามเป้า

 

เกมที่ อัล จานู้บ สเตเดี้ยม โมริยาสุ มีการปรับไลน์อัพเล็กน้อย ริสึ โดอัน ถูกส่งลงตัวจริงบ้าง ประสานเกมรุกร่วมกับ ไดจิ คามาดะ และหน้าเป้า ไดเซน มาเอดะ ส่วนทัพตาหมากรุกของ ซลัตโก้ ดาลิช ก็ปรับเล็กๆ เหมือนกัน แต่ยังนำมาโดย 3 แดนกลางตัวท็อป ลูก้า โมดริช – มาร์เซโล่ โบรโซวิช – มาเตโอ โควาซิช เช่นเดิม

 

ญี่ปุ่น ยังคงรักษามาตรฐานในการทำได้ดี เล่นได้เยี่ยม พังประตูนำก่อน 1-0 จากจังหวะตวัดยิงหน้ากรอบ 6 หลาของ ไดเซน มาเอดะ น.43 ทว่าต้นครึ่งหลัง น.55 ก็โดนตีเสมอ 1-1 จากลูกโขกเน้นๆ ของ อีวาน เปริซิช แล้วหลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างไม่สามารถทำอะไรกันได้ ทั้งใน 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ จนครบ 120 นาที ลงเอยที่ 1-1 เท่ากับเป็นคู่แรกที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

 

ญี่ปุ่น เสี่ยงทายได้เป็นฝ่ายยิงก่อน แต่….
ทาคุมิ มินามิโนะ ยิงติดเซฟ โดมินิค ลิวาโควิช 0-0
นิโกล่า วลาซิช ยิงเข้าไม่พลาด 0-1
คาโอรุ มิโตมะ ซัดเต็มข้อ ยังกดติดเซฟ ลิวาโควิช 0-1
มาร์เซโล่ โบรโซวิช ยิงเข้ากลางประตูเข้าอย่างมั่นใจ 0-2
ทาคุมะ อาซาโนะ ยิงเบี่ยงขวาเข้าไป ไล่ตีตื้นมาที่ 1-2
มาร์โก ลิวาย่า กดไปชนเสาเต็มใบ 1-2
ทว่ากัปตันทีม มายะ โยชิดะ ก็ยังซัดไม่ผ่านมือ ลิวาโควิช 1-2
จึงปิดท้ายที่ มาริโอ ปาซาลิช ยิงจมตาข่าย เช็คบิล 1-3

 

โครเอเชีย ชนะดวลเป้า 3-1 ได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป ส่วน ญี่ปุ่น ตกรอบ สิ้นสุดการผจญภัยอันเต็มไปด้วยความทรงจำแสนสวย แต่เพียงเท่านี้

 

(และประโยคของ เอโกะ จินปาจิ แห่ง Blue Lock ก็ดังขึ้น – “พอใจกันมากใช่มั้ย…ทีมที่ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เนี่ย หึหึหึ”)

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ญี่ปุ่น (3-4-3) ชูอิจิ กอนดะ – ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ, มายะ โยชิดะ (c), โชโง ทานิงุจิ – จุนยะ อิโตะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ (อาโอะ ทานากะ 105), วาตารุ เอ็นโดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ (คาโอรุ มิโตมะ 64) – ไดจิ คามาดะ (ฮิโรกิ ซากาอิ 75), ไดเซน มาเอดะ (ทาคุมะ อาซาโนะ 64), ริสึ โดอัน (ทาคุมิ มินามิโนะ 87)
โครเอเชีย (4-3-3) โดมินิค ลิวาโควิช – โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, บอร์น่า บาริซิช – ลูก้า โมดริช (ลอฟโร มาเยอร์ 99), มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาเตโอ โควาซิช (นิโกล่า วลาซิช 99) – อันเดรจ์ ครามาริช (มาริโอ ปาซาลิช 68), บรูโน่ เพ็ตโควิช (อันเต้ บูดิเมียร์ 62, มาร์โก ลิวาย่า 106), อีวาน เปริซิช (มิสลาฟ ออร์ซิช 105)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : โดมินิค ลิวาโควิช
• พบกัน 3 ครั้งในบอลโลกรอบสุดท้าย ญี่ปุ่น เอาชนะ โครเอเชีย ไม่ได้ทั้งหมด – แพ้ 0-1 ฟร้องซ์ 98, เสมอ 0-0 เยอรมนี 2006 และเสมอ 1-1 ก่อนแพ้ดวลเป้า ครั้งนี้
• ญี่ปุ่น ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเหมือนเช่นเคย และยังไม่เคยไปได้ไกลกว่านี้
1998 รอบแรก
2002 รอบ 16 ทีม (แพ้ ตุรกี 0-1)
2006 รอบแรก
2010 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ ปารากวัย 3-5)
2014 รอบแรก
2018 รอบ 16 ทีม (แพ้ เบลเยียม 2-3)
2022 รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3)
• ทีมที่เป็นฝ่าย “ยิงจุดโทษก่อน” ในรอบน็อกเอาต์บอลโลก แพ้ติดต่อกันมา 7 เกมแล้ว นับตั้งแต่ คอสตาริกา แพ้ เนเธอร์แลนด์ 3-4 ปี 2014 ที่บราซิล4
• โดมินิค ลิวาโควิช เซฟ 3 จุดโทษในการดวลเป้าเป็นคนที่ 3 ถัดจาก ริคาร์โด้ (โปรตุเกส) 2006 และรุ่นพี่ ดานิเยล ซูบาซิช (โครเอเชีย) 2018

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ญี่ปุ่น แพ้จุดโทษ โครเอเชีย 1-3
• โครเอเชีย เข้ารอบสุดท้ายไปดวลกับ บราซิล ยักษ์อเมริกาใต้ที่พวกเขาไม่เคยเอาชนะได้มาก่อนเลย จากการพบกัน 4 นัด
• โครเอเชีย ยังอยู่ในเส้นทางความ “สุดโต่ง” ในฟุตบอลโลก เมื่อถ้าไม่ตกรอบแรก ก็เข้ารอบลึกๆ ไปเลย
1998 อันดับ 3 (ชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1)
2002 รอบแรก
2006 รอบแรก
2014 รอบแรก
2018 รองแชมป์ (แพ้ ฝรั่งเศส 2-4)
2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย (เป็นอย่างน้อย)
• โดมินิค ลิวาโควิช นายประตูโลว์โพรไฟล์วัยย่าง 28 จาก ดินาโม ซาเกร็บ ถูกจับตาและคาดหมายว่าจะได้ย้ายสู่ทีมใหญ่ในเร็ววัน หลังขึ้นมาเป็นมือ 1 ในบอลโลกหนแรก และมีผลงานน่าประทับใจ
• อีวาน เปริซิช ยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นลูกที่ 6 สูงสุดเทียบเท่า ดาวอร์ ซูเคอร์
• ฮาจิเมะ โมริยาสุ ยังจะอยู่ทำงานคุมญี่ปุ่นต่อ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าลูกทีมวัยเก๋าจะยังเหลือใครบ้างในชุดถัดไป ซึ่งที่เข้าข่ายต้องจับตามี ยูโตะ นางาโตโมะ (36), เออิจิ คาวาชิมะ (39), มายะ โยชิดะ (34), ชูอิจิ กอนดะ (33) และ ฮิโรกิ ซากาอิ (32)

 

 

 

แซมบ้าฆ่าโสมแดดิ้น 4-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

แม้จะพลาดพลั้งส่งทีมสำรองลงไปแพ้ แคเมอรูน 0-1 ในเกมปิดกลุ่ม แต่ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรกับ บราซิล ที่เกมแรกอัด เซอร์เบีย จนน่าชนะมากกว่า 2-0 เกมสองก็ฮึดเชือด สวิสส์ ด้วยประตูเวิลด์คลาสจาก กาเซมิโร่ จนการันตีการเข้ารอบ (และแชมป์กลุ่ม) ไว้อยู่ก่อนแล้ว

 

ทางด้าน เกาหลีใต้ สร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่แพ้เพื่อนบ้าน ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำมากกว่าเมื่อสองเกมแรกผ่านไปมีแต้มในมือแค่คะแนนเดียว (0-0 อุรุกวัย, 2-3 กาน่า) จนสถานการณ์บังคับให้ต้องชนะ โปรตุเกส สถานเดียวพร้อมลุ้นผลอีกคู่ สุดท้ายทำสำเร็จด้วยการยิงแซง 2-1 และ อุรุกวัย ยิงได้ไม่พอในเกมของตัวเอง

 

เกมที่ สเตเดี้ยม 974 บราซิล ของ ตีเต้ ได้ เนย์มาร์ หายเจ็บข้อเท้ากลับมาเดินเกมรุกเคียงข้าง ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ เช่นเดียวกับ ดานิโล่ ที่ฟิตลงยืนแบ็กซ้าย (ส่วนแบ็กขวาเป็น เอแดร์ มิลิเตา) เพื่อชิงตั๋วเข้ารอบกับทางด้าน เกาหลีใต้ ที่นำมาโดย ซน ฮึง-มิน, ฮวาง ฮี-ชาน และ คิม มิน-แจ เหมือนเช่นเคย

 

ปรากฏว่า “ลา เซเลเซา” ใช้วิธีจู่โจมเร็วจน “โสมขาว” ตั้งตัวไม่ติด ครึ่งชั่วโมงแรกรัวแล้วสามเม็ด เริ่มจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ได้ลูกที่เสาไกลแล้วยิงยัดสวนทางเข้าไป น.7, จุดโทษที่ ริชาร์ลิซอน ไปโดน จอง อู-ยอง เตะใส่จนล้มลง และ เนย์มาร์ สังหารนิ่มๆ น.13, ริชาร์ลิซอน กดเน้นๆ ด้วยอีซ้าย น.29 แถม น.36 ยังฉีกกระจาย 4-0 จาก ลูคัส ปาเกต้า ที่ทะลุขึ้นวอลเลย์ผ่านมือ คิม ซึง-กยู ด้วย

 

ครึ่งแรกถ่างกระจายแล้ว 4-0 นับว่าเกมจบตรงนี้ เกาหลีใต้ หมดสิทธิ์คิดจะไปต่อ เท่ากับตาม ญี่ปุ่น ร่วงตกรอบไป สูญพันธุ์ทีมเอเชีย (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย) เกลี้ยงแผงในรอบ 16 ทีม

 

สำหรับเกมครึ่งหลัง บราซิล ยังมีโอกาสได้ประตูหลายครั้ง รวมถึง เกาหลีใต้ เองก็เปิดหน้าแลกจน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องเซฟช่วยบราซิลไว้ 2-3 หนเช่นกัน จนกระทั่งนาที 76 เพค ซุง-โฮ จึงยิงตีไข่แตก 1-4 จังหวะซัดฮาล์ฟวอลเลย์สวนจากหน้าเขตโทษส่งลูกทะยานเข้าประตูอย่างสวยงาม แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น จบเกมที่ บราซิล ชนะขาด 4-1

 

สิ่งเดียวที่ ตีเต้ อาจทำพลาดในเกมนี้ คือการปล่อยให้ เนย์มาร์ เล่นจนถึงนาทีที่ 80 แล้วค่อยถอดออกให้ โรดรีโก้ โกเอส ลงไปแทน ซึ่งซุปตาร์จากเปแอสเชที่เพิ่งยิงได้ลูกเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ต้องรีบประคบข้อเท้าทันทีหลังเข้าไปนั่งที่ข้างสนาม แม้คงไม่น่าห่วงสำหรับรอบถัดไปก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
บราซิล (4-2-3-1) อลิสซอน เบ็คเกอร์ (เวแวร์ตอน 80) เอแดร์ มิลิเตา (ดานี่ อัลเวส 63), ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, ดานิโล่ (เบรแมร์ 72) – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – ราฟินญ่า, เนย์มาร์ (โรดรีโก้ โกเอส 80), วินิซิอุส จูเนียร์ (กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 72) – ริชาร์ลิซอน
เกาหลีใต้ (4-2-3-1) คิม ซึง-กยู – คิม มุน-ฮวาน, คิม มิน-แจ, คิม ยอง-กวอน, คิม จิน-ซู (ฮง ชอล น.46) – ฮวาง อิน-บอม (เพค ซึง-โฮ 65), จอง อู-ยอง (ซน จุน-โฮ 46) – ฮวาง ฮี-ชาน, อี แจ-ซอง (อี คัง-อิน 74), ซน ฮึง-มิน – โช คยู-ซอง (ฮวาง อุย-โจ 80)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เนย์มาร์
• บราซิล สร้างโอกาสจบได้ถึง 18 ครั้ง ตรงกรอบ 9 ซึ่งหมายถึง คิม ซึง-กยู เซฟไป 5 รอบ ไม่วายโดน 4 เม็ด
• ส่วนสถิติของฟีฟ่า บอกว่า คิม ซึง-กยู มีส่วนป้องกัน หรือ Goals Prevented 18 ครั้งทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียประตูลูกแรก (เพค ซึง-โฮ) หลังลงเฝ้าเสา 3 เกม
• ริชาร์ลิซอน ยังอยู่ในเส้นทางช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังยิงไป 3 ลูก ตามหลัง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 2 เม็ด
• บราซิล เป็นทีมแรกที่ใช้งานนักเตะครบถ้วน 26 คน หลังมีการส่ง เวแวร์ตอน นายประตูมือสาม ลงสำรองไปแทน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ช่วงสิบนาทีท้าย

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ บราซิล 4-1 เกาหลีใต้
• บราซิล ลิ่วเข้าชน โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ที่พวกเขาไม่เคยแพ้มาก่อนจากการพบกัน 4 นัดก่อนหน้านี้ (ชนะ 3 เสมอ 1)
• หากเดินหน้าเอาชนะ โครเอเชีย ได้ต่อ บราซิล มีสิทธิ์พบกับคู่รักคู่แค้นร่วมทวีปอย่าง อาร์เจนติน่า ในรอบตัดเชือก (ถ้าฟ้าขาวสามารถผ่าน เนเธอร์แลนด์ ได้)
• เปาโล เบนโต้ กุนซือชาวโปรตุเกส ลาออกจากการคุมทีมเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว หลังทำทีมมา 4 ปีถ้วน มีสถิติคุมทีม 57 ชนะ 35 เสมอ 13 แพ้ 9 เปอร์เซ็นต์ชนะสูงถึง 61.4%
• บราซิล โดนตำหนิจากบางฝ่าย (เช่น รอย คีน) ถึงการทำท่าดีใจออกสเต็ปแดนซ์ยับหลังยิงประตูได้แต่ละลูก บ้างว่าไม่เหมาะสม บ้างว่าไม่เคารพคู่แข่ง แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแนวทางนี้เป็นเด็ดขาด เมื่อเป็นการแสดงความดีใจแบบเพียวๆ ไม่มีการดูหมิ่นคู่แข่งสอดแทรกอยู่แต่อย่างใด
• นับจากที่เข้าไปถึงเป็นอันดับ 4 บอลโลกในบ้านตัวเอง (2002) แล้ว เกาหลีใต้ ก็ไม่เคยผ่านรอบ 16 ทีมได้เลย และก่อนหน้านี้ (2010) ก็แพ้ทีมอเมริกาใต้มาเช่นกัน
2006 ตกรอบแรก
2010 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ อุรุกวัย 1-2)
2014 ตกรอบแรก
2018 ตกรอบแรก
2022 ตกรอบ 16 ทีม (แพ้ บราซิล 1-4)

 

 

กระทิงเขาหัก! โมร็อกโกเฮดวลเป้าเข้า 8 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

จากที่มองกันว่าอาจจะเป็น เดนมาร์ก, อุรุกวัย, เอกวาดอร์, เซอร์เบีย หรือ ญี่ปุ่น ที่จะเป็น “ม้ามืด” แห่งฟุตบอลโลก 2022

 

ถึงตรงนี้ ชัดเจนแล้วว่าม้ามืดทีมนั้นก็คือ โมร็อกโก

 

เด็กๆ ของ วาลิด เรกรากี (ที่เพิ่งจะเข้าทำทีมต่อจาก วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เมื่อกลางปี) เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ปราบ เบลเยียม 2-0 และฟาดอีกสามแต้มด้วยการสยบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเสียเฉยๆ

 

ด้าน สเปน ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาดีเกินคาดอยู่เหมือนกันในนัดแรกที่ไล่โขยก คอสตาริกา 7-0 จากนั้นก็หวิดชนะ เยอรมนี แต่โดนทวงท้ายเกม 1-1 แต่ปรากฏว่านัดสุดท้าย เล่นแบบเอื่อยๆ จนโดน ญี่ปุ่น แซงเชือด 2-1 ท่ามกลางครหาว่าอันที่จริง พวกเขาตั้งใจแพ้เพื่อขวางไม่ให้ เยอรมนี หลุดเข้าไปเป็นเสี้ยนหนาม แถมตัวเองยังจะเลี่ยงทีมแข็งอย่าง โครเอเชีย หรือ บราซิล ในรอบถัดๆ ไปได้ด้วย

 

หากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายมอง — สเปน เลือกที่จะมาเจอ โมร็อกโก

 

แล้วเป็นไงล่ะเพื่อน…

 

ที่จริง เกมที่ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม หลายฝ่ายมองว่า “กระทิงดุ” เหนือกว่าพอตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจเจาะแนวรับของ โมร็อกโก เข้าได้เลย ทั้งใน 90 นาทีและ 120 นาที จบแบบไร้สกอร์ 0-0 ซึ่งโอกาสที่ใกล้เคียงสุดเป็นในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลา ปาโบล ซาราเบีย เข้าชาร์จลูกย้อนทางสะกิดเสาแรกหลุดออกไป นอกนั้นโอกาสทั้งหมดถ้าไม่หลุดไปเองก็ไม่ผ่านมือ ยาสซีน “โบโน่” บูนู นายประตูโมร็อกโก จากเซบีย่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงการดวลจุดโทษตัดสิน ก็กลายเป็น “โบโน่” ที่กลายเป็นโคตรพระเอก เซฟ 2 จุดโทษของทั้ง คาร์ลอส โซเลร์ และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ถัดจากที่ ปาโบล ซาราเบีย (ซึ่ง เอ็นริเก้ ตั้งใจส่งลงมายิงจุดโทษโดยเฉพาะ) ยิงคนแรกแล้วอัดไปชนเสาดังโครม

 

ส่งผลให้ โมร็อกโก ที่แม่นเป้ากว่า ยิงเข้า 3 จาก 4 คน โดยเฉพาะคนสุดท้าย อัชราฟ ฮาคิมี่ ที่ชิปนิ่มๆ เข้ากลางประตูนั้น เป็นฝ่ายชนะดวลเป้าด้วยสกอร์ประหลาด 3-0 — หมายถึงว่า สเปน ที่ก่อนนี้เผยว่าพวกเขาซ้อมยิงจุดโทษกันมาเป็นพันๆ ครั้ง ยิงไม่เข้าเลยเมื่อเกมจริงมาถึง และ… ตกรอบ…

 

สำหรับ โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก และเป็นทีมแอฟริการายที่ 3 ถัดจาก แคเมอรูน 1990, เซเนกัล 2002 และ กาน่า 2010 ที่มาได้ถึงตรงนี้

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โมร็อกโก (4-3-3) ยาสซีน บูนู – อัชราฟ ฮาคิมี่, โรแม็ง ซาอิสส์, นาเยฟ อาแกร์ด (จาวาด เอล ยามิก 84), นูสแซร์ มาซราอุย (ยาเฮีย อัตติยัด-อัลลาห์ 82) – อัซซาดีน อูนาฮี (บาเดอร์ เบนูน 120), โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ (วาลิด เชดดิรา 82) – ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซิรี่ (อับเดลฮามิด ซาบิรี 82), โซฟียาน บูฟาล (อับเด เอซซัลซูลี่ 66)
สเปน (4-3-3) อูไน ซิมอน – มาร์กอส ยอเรนเต้, โรดรี้, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, จอร์ดี้ อัลบา (อเลฆานโดร บัลเด้ 98) – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี (คาร์ลอส โซเลร์ น.63) – เฟร์ราน ตอร์เรส (นิโก้ วิลเลี่ยมส์ 75, ปาโบล ซาราเบีย 118), มาร์โก อเซนซิโอ (อัลบาโร่ โมราต้า 63), ดานี่ โอลโม (อันซู ฟาติ 98)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ยาสซีน บูนู
• ที่จริงแล้ว ยาสซีน บูนู เกิดที่แคนาดา แต่ย้ายมาโตที่โมร็อกโก ตอน 3 ขวบ และเคยเป็นเด็กฝึกของ แอตเลติโก มาดริด มาก่อน ก่อนจะย้ายจาก คิโรน่า มาเล่นกับ เซบีย่า ตั้งแต่ 2019 เป็นต้นมา พร้อมคว้ารางวัลนายประตูแห่งปี Zamora Trophy ลา ลีกา ซีซั่นที่แล้วด้วย
• ตลอดเกม 120 นาที มียิงตรงกรอบกันแค่ 4 ครั้ง (สเปน 3 โมร็อกโก 1) และ สเปน ไม่ได้เตะมุมเลยสักครั้ง
• อัซซาดีน อูนาฮี วิ่งรวมระยะ 14.71 กม.
• ด้วยที่ตั้ง จึงสามารถนิยาม โมร็อกโก ว่าเป็นได้ทั้ง “ชาติอาหรับ” และ “แอฟริกาเหนือ” โดยนอกจากเป็นแอฟริกันรายที่ 4 ที่เข้ารอบ 8 ทีมบอลโลกแล้ว ก็นับเป็นชาติอาหรับรายแรกที่มาถึงตรงนี้
• สเปน ร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ซ้ำรอยเดิมจากฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
• สเปน ยังแพ้จุดโทษจนตกรอบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 3 หนซ้อน
ฟุตบอลโลก 2018 แพ้จุดโทษ รัสเซีย 3-4
ยูโร 2020 แพ้จุดโทษ อิตาลี 2-4
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้จุดโทษ โมร็อกโก 0-3

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โมร็อกโก ชนะจุดโทษ สเปน 3-0
• โมร็อกโก เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปชน โปรตุเกส อีกหนึ่งเพื่อนบ้านต่างทวีป ที่อยู่ห่างกันแค่ข้ามทะเลชั่วโมงเศษ (เที่ยวบิน)
• อย่าว่าแต่เข้ารอบ 8 ทีม ก่อนนี้ โมร็อกโก เคยได้เข้าน็อกเอาต์ 16 ทีมบอลโลกมาแค่หนเดียวถ้วน คือปี 1986 นอกนั้นตกรอบแรก 4 ครั้ง
• วาลิด เรกรากี โค้ชเชื้อสายฝรั่งเศสวัย 47 กลายเป็นฮีโร่ของประเทศไปแล้ว และยังนับเป็นโค้ชแอฟริกันคนแรกที่เข้าถึง 8 ทีมสุดท้ายบอลโลก
• หลุยส์ เอ็นริเก้ ลาออกจากการทำทีม สเปน ในที่สุด หลังอยู่บนเก้าอี้มาตั้งแต่ปี 2018 (มีเว้นช่วงไปพักหนึ่ง) ลงสนาม 47 ชนะ 26 เสมอ 14 แพ้ 7

 

 

แฮตทริกแรกมา! ฝอยทองกระหน่ำสวิสส์ 6-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์! (2)

 

นี่คือการพบกันครั้งที่ 26 เข้าไปแล้วของ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรายแรก ชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก ส่วนรายหลัง ชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 และเข้ารอบตามหลัง บราซิล มา

 

ที่จริง การเจอกันระหว่าง โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ 1938 แม้จะยิงกันเยอะในช่วงหลัง แต่ก็ผลัดกันแพ้ชนะมาเรื่อยๆ

 

คัดบอลโลก 2016 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2-0
คัดบอลโลก 2017 โปรตุเกส ชนะ 2-0
เนชั่นส์ลีก 2019 โปรตุเกส ชนะ 3-1
เนชั่นส์ลีก 2022 โปรตุเกส ชนะ 4-0
เนชั่นส์ลีก 2022 สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 1-0

 

นั่นแสดงให้เห็นถึงความคู่คี่สูสีที่ โปรตุเกส กับ สวิตเซอร์แลนด์ มี และหลายฝ่ายก็คาดว่า การพบกันอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 น่าจะออกทรงกินกันยาก เผลอๆ อาจยิงยาวถึงดวลจุดโทษอีกเกม

 

ที่ไหนได้…

 

การเปลี่ยนทีมอย่างเซอร์ไพรส์ของ แฟร์นันโด ซานโตส เล่นงาน สวิตเซอร์แลนด์ ได้อย่างหนักหน่วง–ช่างทำรุนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะการดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงนั่งสำรอง เปิดทางให้หัวหอกหน้าใหม่จากเบนฟิก้า กอนซาโล่ รามอส ลงตัวจริงหนแรกในทัวร์นาเมนต์ หลังจากที่ก่อนนี้ ดาวรุ่งวัย 21 ได้สัมผัสเกมในฐานะตัวสำรองท้ายเกมมาแค่ 2 นัด ลงนาที 88 กับกาน่า และนาที 82 กับอุรุกวัย (ส่วนกับ เกาหลีใต้ ไม่ได้เล่น)

 

1-0 ชูเอา เฟลิกซ์ ไหลให้ กอนซาโล่ รามอส พลิกยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรก น.17
2-0 เปเป้ ทิ่มโขกลูกเตะมุมของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ไม่เหลือ น.33
3-0 ดีโอโก้ ดาโล่ต์ แทงขึ้นหน้าให้ กอนซาโล่ รามอส จิ้มลอดขา ยานน์ ซอมเมอร์ น.51
4-0 รามอส จ่ายให้ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ สอดขึ้นกดด้วยซ้ายปะทะตาข่าย น.55
4-1 มานูเอล อคานจี เก็บตกชาร์จเตะมุมเสาสอง น.58
5-1 กอนซาโล่ รามอส ทะลุเข้ายกลูกข้ามตัว ซอมเมอร์ อย่างเหนือชั้น เป็นแฮตทริก น.67
6-1 หอกสำรอง ราฟาเอล เลเอา ปั่นด้วยขวาเข้าเสาสอง น.90+2

 

ผ่าน 48 เกมของรอบแรก และอีกหลายนัดของรอบ 16 ทีม “แฮตทริกแรก” ก็มาจนได้ และมาอย่างเซอร์ไพรส์กับราย กอนซาโล่ รามอส ที่แทบไม่มีใครรู้จักมักจี่มาก่อน

 

สำคัญคือ โปรตุเกส กรีธาทัพผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ อย่างสบาย ง่ายดายเกินคาด

 

เพื่อไปไล่ล่าแชมป์โลกสมัยแรก…ไม่ว่าจะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทีมตัวจริงหรือไม่ ก็ตาม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
โปรตุเกส (4-3-3) ดีโอโก้ คอสต้า – ดีโอโก้ ดาโล่ต์, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร่ – โอตาวิโอ (วิตินญ่า 74), วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา (รูเบน เนเวส 81) – บรูโน แฟร์นันเดส (ราฟาเอล เลเอา 87), กอนซาโล่ รามอส (ริคาร์โด้ ออร์ต้า 74), ชูเอา เฟลิกซ์ (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 73)
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1) ยานน์ ซอมเมอร์ – เอดิมิลซอน แฟร์นันเดส, ฟาเบียน ชาร์ (เอราย โคเมิร์ต 46), มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด้ โรดริเกซ – เรโม่ ฟรอยเลอร์ (เดนิส ซากาเรีย 54), กรานิต ชาก้า – เซอร์ดาน ชากิรี่, ชิบริล โซว์ (ฮาริส เซเฟโรวิช 54), รูเบน วาร์กัส (โนอาห์ โอคาฟอร์ 66) – บรีล เอ็มโบโล่ (อาร์ดอน ยาชารี 89)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : กอนซาโล่ รามอส
• กอนซาโล่ รามอส ซัด 3 ประตูในนัดเดียว แม้เพิ่งได้ลงเล่นฟุตบอลโลกไปเพียง 85 นาทีเท่านั้น และเป็นแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลก 2022
• กอนซาโล่ รามอส เป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ โธมัส สคูราวี่ ในเกมกับคอสตาริกา ปี 1990
• กอนซาโล่ รามอส ยิงประตูรอบน็อกเอาต์บอลโลก เกมเดียวได้ 3 ลูก มากกว่าที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เล่นมาทั้งชีวิต และไม่เคยยิงได้เลย
• เปเป้ กลายเป็นนักเตะสูงวัยสุดที่ยิงได้ในรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลก ด้วยอายุ 39 ปี 283 วัน
• สวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และ 4 จาก 5 หนหลัง (อีกหน ตกรอบแรก 2010)

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ โปรตุเกส 6-1 สวิตเซอร์แลนด์
• โปรตุเกส ทะลุเข้าไปดวล โมร็อกโก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
• โปรตุเกส อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลกสมัยแรก โดยยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้มาก่อน ผลงานดีสุดคืออันดับสาม 1966 และอันดับสี่ 2006
• กอนซาโล่ รามอส เล่นทีมชาติ 4 นัด ซัด 4 ประตู
• คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่วายเป็นข่าวว่าออกลูกงอแง จะปลีกตัวทิ้งแคมป์ทีมชาติไปกลางคันด้วยความไม่พอใจที่ต้องตกเป็นตัวสำรองเกมสำคัญนัดล่าสุดนี้ แต่สมาคมบอลโปรตุเกสยืนกรานชัดว่าข่าวนี้เป็น fake news และ โรนัลโด้ ไม่ได้ออกอาการอะไรใดๆ

 

ไกด์เถื่อน

 

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
amNewYork
SPORT
Bloomberg
AFP

 

เรื่องน่าอ่าน
16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

 

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชีย – บราซิล

9 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

สถานการณ์ของโครเอเชียและบราซิล

การแข่งขันคู่แรกของฟุตบอลโลก 2022 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นการแข่งขันของ 2 ทีมที่รูปแบบการเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน จากสองทวีป โครเอเชีย รองแชมป์หนที่แล้วจากยุโรป และบราซิลแชมป์จากโซนอเมริกาใต้ ตัวเก็งของฟุตบอลโลกหนนี้ โดยทั้งคู่ต่างก็เอาชนะทีมจากเอเชียมาในรอบ 16 ทีม แต่โครเอเชียต้องเหนื่อยหนัก เมื่อสู้กับญี่ปุ่นจนถึงฎีกา ขณะที่บราซิลจบเกมกับเกาหลีใต้ตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อพวกเขายิงนำไปถึง 4 ประตู

โดยหากบราซิลผ่านโครเอเชียไปได้ เส้นทางสู่แชมป์สมัยที่ 6 ของพวกเขาก็สั้นลงทุกที ขณะที่โครเอเชียการเอาชนะทีมแกร่งอย่างบราซิลได้ ก็ทำให้พวกเขาสามารถสานต่อความสำเร็จในฟุตบอลโลกได้อย่างต่อเนื่อง จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว ซึ่งพวกเขาพ่ายฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศ

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

เช็กสถิติของโครเอเชียและบราซิล

สถิติรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียเต็มไปด้วยเรื่องดราม่ามากมาย เพราะจาก 8 นัดหลังสุดในรอบน็อคเอาต์ของทุกทัวร์นาเมนต์ นับตั้งแต่คว้าที่ 3 ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ชื่อโครเอเชียปรากฏเป็นหนแรกในฟุตบอลโลก พวกเขาต้องเล่นยาวต่อเวลาถึง 7 นัด และหากนับเฉพาะฟุตบอลโลก 4 จาก 5 นัดหลังในรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียต้องว่ากันถึงช่วงต่อเวลา และ 3 จาก 4 นัดที่ว่า ก็ไปถึงการยิงจุดโทษ ซึ่งการแพ้ฝรั่งเศสในนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 เป็นเกมโป้งเดียวจบครั้งเดียวที่พวกเขาไปไม่ถึงต่อเวลา

4 เกมในกาตาร์ บราซิลแสดงให้เห็นทั้งฟอร์มการเล่นสมกับว่าที่แชมป์ และความมั่นใจที่ใส่มาเกินร้อย แม้จะมีรอยตำหนิจากการพ่ายแคเมอรูนในนัดสุดท้ายของรอบแรก แต่นั่นก็เพราะใช้ผู้เล่นสำรองและก้าวเท้าเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อยแล้ว และนี่คือการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนที่ 7 ติดต่อกันของพวกเขา แต่ 4 ครั้งหลังที่ผ่านเข้ามา บราซิลจบที่รอบนี้ถึง 3 หนด้วยการพ่ายทีมจากยุโรป ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม ในปี 2006, 2010 และ 2018 ตามลำดับ พูดง่าย ๆ คือ ตั้งแต่คว้าแชมป์หนสุดท้ายในปี 2002 ด้วยการเอาชนะเยอรมนี 2-0 พวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศเพราะทีมยุโรปทุกหน ครั้งเดียวที่ผ่านไปเข้ารอบรองชนะเลิศในปี 2014 ที่บ้านเกิดของตัวเอง ทีมแซมบ้าก็พ่ายให้เยอรมนีจนได้แค่เข้าชิงที่ 3

ขณะที่เรื่องของเกมระดับชาติ 10 นัดหลังสุดของทีมตราหมากรุก พวกเขาไม่เคยแพ้ใคร และหากย้อนไปไกลถึง 20 เกมนับตั้งแต่ยูโร 2020 โครเอเชียแพ้แค่นัดเดียว ส่วนการพ่ายแพ้แคเมอรูน 1-0 คือการพ่ายแพ้นัดแรกของบราซิลหลังไม่แพ้ใครมานานถึง 18 นัด

สำหรับสถิติในการเจอกันของทั้งคู่ จากทั้งหมด 4 เกม บราซิลไม่เคยแพ้ ชนะ 3 กับเสมอ เกมนี้จะเป็นเป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลกที่พวกเขาเจอกัน โดย 2 ครั้งก่อนบราซิลชนะ 1-0 และ 3-1 ในปี 2006 กับ 2014 ตามลำดับ

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018

สถานการณ์ผู้เล่นของโครเอเชียและบราซิล

ในเกมกับญี่ปุ่น 2 ผู้เล่นฟูลล์แบ็คของโครเอเชีย บอร์นา โซซ่า และโจซิป สตานิซิซ ต่างไม่ได้ลงสนาม โดยสตานิซิซยังไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียวเพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเช็คอาการอีกทีว่าพร้อมแค่ไหนสำหรับเกมนี้ ส่วนโซซ่ามีปัญหาเรื่องอาการป่วย แต่ถ้าหายทัน เขาจะได้ลงแทนบาร์นา บาริสซิซ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

ตำแหน่งอื่น ๆ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง กองกลางคงเป็นการผนึกกำลังกันของลูก้า โมดริซ, มาร์เซโล บรอโซวิซ และมัตเตโอ โควาซิซ โดยโมดริซและโควาซิซ มีใบเหลืองติดตัวเช่นเดียวกับบาริสซิซและเดยาน ลอฟเรน ที่รายหลังจะจับคู่เล่นเซนเตอร์แบ็คกับ จอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่กลายเป็นดาวดังคนใหม่ของทีมในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนมาร์โก้ ลิวายาและอันเต้ บูดิเมียร์ ใครคนใดคนหนึ่งจะได้เล่นเป็นหน้าเป้าแทนบรูโน เพ็ตโควิซ กราบซ้ายและขวาเป็นหน้าที่ของเปริซิซและอันเดรจ ครามาริซ

บราซิลจะไม่มีแกเบรียล เชซุสกับอเล็กซ์ เตลเลส ที่เจ็บเข่าจนพลาดเกมที่เหลือในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนอเล็กซ์ ซานโดรที่เจ็บสะโพกยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือเปล่า ล่าสุดนักเตะวัย 31 ปีรายนี้ต้องแยกซ้อมเดี่ยวหลังพลาดเกม 2 นัดล่าสุด และถ้าลงเล่นไม่ได้ ดานิโล่ เพื่อนร่วมทีมยูเวนตุส จะทำหน้าที่แทนในตำแหน่งแบ็คซ้ายต่อ โดยอีกสามคนในแผงแบ็คโฟร์ของทีม ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอสประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค เอเดร์ มิลิเตาลงเล่นเป็นแบ็คขวา ซึ่งมิลิเตาเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นบราซิลที่มีใบเหลืองคาดโทษร่วมกับเฟร็ดและบรูโน กิมาเรส แต่ 2 รายหลังน่าจะเป็นผู้เล่นสำรอง ส่วนแดนกลางเป็นหน้าที่ของคาเซมิโร่และปาเกต้า

ในแนวรุก เนย์มาร์ที่ฟื้นจากอาการเจ็บข้อเท้า จะได้ผนึกกำลังกับราฟินญ่าและวินิซิอุส จูเนียร์ โดยหน้าเป้าเป็นริชาร์ลิสัน

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโครเอเชียและบราซิล

โครเอเชีย ระบบ 4-3-3: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเรน, กวาร์ดิโอล, บาริซิซ; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, ลิวายา, เปริซิซ
บราซิล ระบบ 4-3-3: อลิสซง; มิลิเตา, มาร์ควินญอส, ซิลวา, ดานิโล; ปาเกต้า, คาเซมิโร่, เนย์มาร์; ราฟินญ่า, ริชาร์ลิสัน, วินิซิอุส จูเนียร์

เนย์มาร์ บราซิล

เนยมาร์ ดาวเตะคนสำคัญของบราซิล

ผลการแข่งขันระหว่างโครเอเชียและบราซิล

ซลัตโก้ ดาลิซ โค้ชของโครเอเชีย ชื่นชมบราซิลอย่างมา โดยบอกว่าเป็นทีมที่เล่นได้อย่าง “น่าตื่นเต้น” และเป็นทีมที่ “เปี่ยมไปด้วยพลังและเยี่ยมที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้” ที่ดาลิซจะต้องหาทางหยุดทีมแซมบ้าให้ได้ หากต้องการไปให้ไกลเช่นเดียวกับเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพวกเขาน่าจะใช้รูปแบบการเล่นในลักษณะเดียวกับที่สวิตเซอร์แลนด์ใช้ ซึ่งสามารถยื้อบราซิลได้ถึงนาทีที่ 83 ซึ่งโครเอเชียน่าจะเล่นกับบอลได้ดีกว่าที่นักเตะสวิสทำได้ ร่วมไปถึงความสามารถเฉพาะตัว ตลอดจนแท็กติกที่ใช้ รวมถึงประสบการณ์ของผู้เล่น ที่ผ่านเกมบีบหัวใจ และเกมใหญ่ ๆ มานักต่อนัก น่าจะทำให้ทีมเมืองกาแฟเจองานที่ไม่ง่ายเหมือนในรอบที่ผ่านมา

ถึงกระนั้นบราซิลก็มีดีเกินกว่าทีมตราหมากรุกจะต้านทานไหว และน่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์ 2-0 หรือ 2-1 ในแบบที่ไม่น่าจะยื้อเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

ฟุตบอลโลก 2022 กับ 16 ทีมสุดท้าย รอบน็อกเอาต์ !

หากว่ารอบแรกผ่านไปเร็วแล้ว น็อกเอาต์นี่ต่างหากที่พุ่งพรวดแบบที่ถ้าไม่ทันตั้งตัว แต่ละเกมก็ผ่านไปเสียแล้ว และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งฉากหน้าฉากหลังและสิ่งสืบเนื่องที่ตามมา กับรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

 

‘กังหัน’ ร้อนผ่านมะกันไม่ยาก 3-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 จนโคจรมาพบกับ สหรัฐอเมริกา ที่ไร้พ่ายในรอบแรก และชนะ อิหร่าน 1-0 เข้าป้ายเป็นอันดับ 2 กลุ่มบี

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล จัดว่าอยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดให้ต้องเป็นกังวล ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้แล้วในนัดก่อน เกมนี้พร้อมลุยต่อเนื่อง

 

และรูปเกมก็ออกในทรง “ใสแจ๋วแวววับ” สำหรับทัพกังหัน โดยเฉพาะเมื่อ สหรัฐฯ พลาดโอกาสพังประตูนำ (ก้ำกึ่งล้ำหน้า) ไปในนาทีที่ 2 คริสเตียน พูลิซิช ทะลุแนวหลังดัตช์เข้าไปกดด้วยซ้าย ติดขา อันดรีส น็อพเพิร์ต หวุดหวิด

นาทีที่ 10 เดนเซล ดุมฟรีส์ ปาดจากขวามาที่จุดนัดพบใกล้จุดโทษให้ เมมฟิส เดอปาย กดเปรี้ยงพังสกอร์ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทดเจ็บครึ่งแรก น.45+1 ดาลี่ย์ บลินด์ จะบวกเพิ่มเป็น 2-0 ด้วยลูกยิงลักษณะเดียวกับ เดอปาย และยังมาจากการแอสซิสต์ให้ของแบ็กขวา ดุมฟรีส์ คนเดิม

 

ครึ่งหลังแม้ สหรัฐฯ จะตีไข่แตกไม่มีปี่มีขลุ่ยจากการไขว้ยิงเข้าเสาสองแบบมีโชคของหอกสำรอง ฮาจี ไรท์ น.76 แต่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ก็ลุยขึ้นซัดปิดกล่อง น.81 ทำให้เกมนี้ แบ็กขวาจากอินเตอร์ มิลาน ทั้งยิง 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์

 

เนเธอร์แลนด์ ของจารย์ปู่ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายเพิ่มเป็นนัดที่ 19 พร้อมกับเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง แก้ตัวจากฟุตบอลโลกหนก่อนที่ตกตั้งแต่รอบคัดเลือก ขณะที่ 2 ทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้า ไปไกลถึงรองแชมป์โลก 2010 และอันดับสาม 2014

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ รอบ 16 ทีมเนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2) อันดรีส น็อพเพิร์ท – ยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (c), นาธาน อาเก้ (มัทไธส์ เดอ ลิกท์ 90+3) – เดนเซล ดุมฟรีส์, มาร์เท่น เดอ รอน (เทน คอไมเนอร์ส 46), เฟรงกี้ เดอ ยอง, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น (สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ 46) – โคดี้ กัคโป (วู้ท เวกอร์สท์ 90+3), เมมฟิส เดอปาย (ชาฟี ซิมอนส์ 83)
สหรัฐอเมริกา (4-3-3) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโญ่ เดสท์ (ดีอันเดร เยดลิน 75), วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, ทิม รีม, แอนโทนี่ โรบินสัน (จอร์แดน มอร์ริส 90+2) – ยูนุส มูซาห์, ไทเลอร์ อดัมส์ (c), เวสตัน แม็คเคนนี่ (เบรนแดน อารอนสัน 67) – ทิโมธี เวอาห์ (ฮาจี ไรท์ 67), เฮซุส เปเรยร่า (โจวานนี่ เรย์น่า 46), คริสเตียน พูลิซิช

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : เดนเซล ดุมฟรีส์
• ที่จริง สหรัฐอเมริกา สร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าด้วยซ้ำ ยิง 18 ตรงกรอบ 7 ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ยิง 11 ตรงกรอบ 6
• ยูนุส มูซาห์ วิ่งรวม 12.14 กม.
• ดาลี่ย์ บลินด์ ยิงในทีมชาติเป็นลูกที่ 3 และลูกแรกนับแต่ปี 2014
• เมมฟิส เดอปาย เพิ่งยิงประตูที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังยิงให้ บาร์เซโลน่า ไปลูกเดียวจาก 3 เกม แต่ก็เป็นลูกที่ 43 ในทีมชาติ เหลืออีก 7 เม็ดจะเทียบเท่าดาวซัลโวสูงสุดของชาติ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ เนเธอร์แลนด์ 3-1 สหรัฐฯ
• เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย เป็นครั้งที่ 7 จากการเข้ารอบสุดท้าย 11 หน
• หลุยส์ ฟาน กัล สานต่อสถิติไร้พ่ายในการกลับมาทำทีมชาติรอบ 3 เพิ่มเป็นนัดที่ 19 (ชนะ 14 เสมอ 5)
• เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ หมดสัญญากับ สหรัฐฯ แล้ว (หลังเริ่มคุมปี 2018) และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเซ็นใหม่อีกฉบับเพื่อต่อเวลาทำทีมหรือไม่
• ภารกิจสำคัญลำดับถัดๆ ไปของ สหรัฐฯ ก็คือการเตรียมทีมลุยฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา และ เม็กซิโก ทำให้ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ

 

 

‘ฟ้าขาว’ เบียดจิงโจ้เหนื่อย 2-1

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

แม้จะเริ่มต้นอย่างช็อกโลกด้วยการพลิกแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 แต่หลังจากนั้น ลิโอเนล เมสซี่ และชาวคณะฟ้าขาว ก็ฮึดขึ้นทันเวลา ตบทั้ง เม็กซิโก และ โปแลนด์ ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนยึดแชมป์กลุ่มตามความคาดหมาย

 

ด้านจิงโจ้นอกสายตา ออสเตรเลีย โดนกาชื่อทิ้งตั้งแต่เกมแรกที่โดน ฝรั่งเศส ยำเละ 4-1 แต่ก็แก้ตัวสยบ ตูนิเซีย 1-0 ในเกมต่อมา ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์หักขาโคนม เดนมาร์ก ทีมอันดับ 10 ของโลกในฟีฟ่าแรงกิ้ง 1-0 จนเข้ารอบได้ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่มดี

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ถือได้ว่า “ซอคเกอรูส์” ของ เกรแฮม อาร์โนลด์ สู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและคู่ควรกับเสียงปรบมืออย่างยิ่ง เป็นฟอร์มการเล่นที่ฟ้องว่า ไอ้ที่กล้าๆ เขี่ย เดนมาร์ก ร่วงรอบแรกไป ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่ประการใด

 

ทั้งนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ จัด 11 คนแรกแบบไม่มีเซอร์ไพรส์ ลิโอเนล เมสซี่ นำเกมรุกฟ้าขาวร่วมกับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อเลฮานโดร โกเมซ ที่เสียบตำแหน่งแทนตัวเจ็บอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนหลังบ้าน คริสเตียน โรเมโร่ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ยังคงเป็นตัวเลือกก่อน ลิซานโดร มาร์ติเนซ

 

แม้ในครึ่งแรก อาร์เจนติน่า จะคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ขึ้นนำ 1-0 จากการซัดด้วยซ้ายข้างถนัดของ ลิโอเนล เมสซี่ น.35 ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ในฟุตบอลโลกงวดนี้ของ เมสซี่ แต่ ออสเตรเลีย ก็ไม่ได้ปล่อยให้ อาร์เจนติน่า ขยำขยี้อย่างมันเท้า

 

ครึ่งหลัง อาร์เจนติน่า ฉีกสกอร์นำ 2-0 จากความผิดพลาดของ แม็ต ไรอัน นายทวารทีมจิงโจ้ ที่ยึกยักหน้าประตูจนโดนฉกลูก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยิงง่ายๆ เข้าไปในนาที 57 จุดนี้เองที่ทำให้ลูกทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ อยู่เฉยไม่ได้ ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นจนกระทั่งตีไข่แตก 1-2 ในนาทีที่ 77 จากการซัด (แบบเสี่ยงดวง) ของ เคร็ก กู๊ดวิน ที่ไปโดนตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เข้าไป และนับเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของกองกลางฟ้าขาว

 

ช่วงเวลาที่เหลือ เกมเปิดอย่างยิ่ง ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสบวกประตูเพิ่ม โดยเฉพาะ อาร์เจนติน่า ที่น่าได้จาก 2 โอกาสทองของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ แต่กลับพลาดไปทั้งสองหน ขณะที่ ออสเตรเลีย ก็หวิดตีเสมอได้ในเฮือกสุดท้ายของการทดเจ็บ 7 นาที กาแร็ง คูโอล หลุดไปยิงเน้นๆ ในจุดอันตราย ไม่ผ่านเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ

 

เป็นเซฟสำคัญยิ่งที่ช่วยให้เกมจบใน 90 นาที ไม่ต้องยืดเยื้อไปถึงต่อเวลา และส่ง อาร์เจนติน่า เข้าไปบู๊กับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีม

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อาร์เจนติน่า (4-3-3) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – นาอูเอล โมลิน่า (กอนซาโล่ มอนเทียล 80), คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส อคุนย่า (นิโกลัส ตายาฟิโก้ 72) – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เอเซเกล ปาลาซิออส 80) – ลิโอเนล เมสซี่, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ (เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 71), อเลฮานโดร โกเมซ (ลิซานโดร มาร์ติเนซ 50)
ออสเตรเลีย (4-4-2) แม็ทธิว ไรอัน – มิลอส เดเกเน็ค (ฟราน คาราซิช 72), แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไคย์ โรวล์ส, อาซิซ เบฮิช – แม็ทธิว เลคกี้ (กาแร็ง คูโอล 72), คีอานู แบ็คคัส (ไอจ์ดิน ฮรุสติช 58), อารอน มอย, ไรลี่ย์ แม็คกรี (เคร็ก กู๊ดวิน 58) – แจ็คสัน เออร์ไวน์, มิตเชลล์ ดู๊ค (เจมี่ แม็คลาเรน 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : ลิโอเนล เมสซี่
• อาร์เจนติน่า ได้เตะมุมเกมนี้ ครั้งเดียวถ้วน
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงประตูที่ 14 ในการรับใช้ชาติ 11 นัดของปีนี้
• เปาโล ดีบาล่า มีจำนวนนาทีในฟุตบอลโลก 2022 เป็น 0
• ลิโอเนล สคาโลนี่ คุมทีม 54 นัด เพิ่งแพ้แค่ 5 เกม ที่เหลือชนะ 36 เสมอ 13

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อาร์เจนติน่า 2-1 ออสเตรเลีย
• อาร์เจนติน่า ผ่านเข้าไปดวลกับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะเจอกันเป็นครั้งที่ 10 โดยหนึ่งในนั้นเป็นนัดชิงบอลโลก 1978 ด้วย (อาร์เจนฯ ชนะ 3-1)
• อาร์เจนฯ เข้าถึง 8 ทีมบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 5 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แม้ตกรอบแล้ว แต่ ออสเตรเลีย ชุดนี้ยังถูกยกว่าเป็น “นิว โกลเด้น เจเนอเรชั่น” และ เกรแฮม อาร์โนลด์ เตรียมขยายสัญญาทำทีมเพิ่มไปอีก

 

 

 

‘เอ็มบัปเป้’ สุดฮอตนำไก่สอยโปล 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้านบอลโลก 2022

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ฝรั่งเศส ของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ทำลาย “อาถรรพ์แชมป์เก่า” การันตีทะลุเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ตั้งแต่จบเกม 2 หลังชนะ 2 นัดรวด แต่ก็เสียรังวัดไปเล็กน้อยกับเกมสุดท้ายที่พ่าย ตูนิเซีย เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสองที่ลงสนาม รวมถึงว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตำแหน่งแชมป์กลุ่มแต่อย่างใด

 

ด้านคู่แข่งอย่าง โปแลนด์ ที่จริงก็นั่งเข่าทรุดคอตกกันแล้วสำหรับนักเตะและกองเชียร์ ตอนจบเกมปิดกลุ่มที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2 แต่ปรากฏว่าเมื่อ ซาอุดีอาระเบีย ตีไข่แตก เม็กซิโก เป็น 1-2 ช่วงทดเจ็บ 90+5 ก็ทำให้ เม็กซิโก ถูกฉุดตกรอบไปแทน และ โปแลนด์ ได้เข้ารอบน็อกเอาต์อย่างเฮง-เฮง-เฮง ด้วยผลงานครบถ้วนชนะ-เสมอ-แพ้

 

เดส์ชองส์ เรียกตัวหลัก 11 คนแรกที่ใช้ใน 2 เกมแรก กลับคืนสู่ไลน์อัพทั้งหมด นำโดยแผงรุก 4 ประสาน อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เพื่อสู้กับ โปแลนด์ ที่นำมาโดยตัวอันตรายอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

อย่างไรก็ตาม เกมออกมา “ขาด” กว่าที่คิด เลวานดอฟสกี้ ทำดีที่สุดแค่ยิงจุดโทษตีไข่แตก 1-3 ช่วงทดเจ็บ 90+9 โดยที่ต้องยิงใหม่รอบสองด้วย หลังรอบแรกไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่หลัง โยริส หลุดมาจากเส้นประตูทั้งสองเท้า

 

ส่วนก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศส ดาหน้าเรียงยิงแบบไม่พัก เริ่มจาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดเสียบเสา น.44 และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เบิ้ลสอง น.74 และ 90+1 ทำให้ ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ไม่พลาด แถม เอ็มบัปเป้ ยังขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลกงวดนี้ ด้วยการกดไป 5 ประตู

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) อูโก้ โยริส – ชูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ เอร์นันเดซ – ออเรเลียง ชูอาเมนี่ (ยุสซุฟ โฟฟาน่า 66), อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมัน เดมเบเล่ (คิงส์ลี่ย์ โกม็อง 76), อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (มาร์คุส ตูราม 76)
โปแลนด์ (3-4-3) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิออร์ (ยาน เบ๊ดนาเร็ค 87) – แม็ตตี้ แคช, เซบาสเตียน ซีมานสกี้ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค 64), เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค (คริสเตียน บีลิค 71), เพอร์เซมิสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ (คามิล โกรซิคกี้ 87) – ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ยาคุบ คามินสกี้ (นิโกล่า ซาเลฟสกี้ 71)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัด 2 ประตูแถมทำ 1 แอสซิสต์
• อูโก้ โยริส ลงสนามทีมชาติ 142 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของ ลิลิยอง ตูราม ดังนั้นเกมหน้า จะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้ว
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เล่นทีมชาตินัดที่ 138 (78 ประตู) และเจ้าตัวเปรยว่า คงเลิกเล่นทีมชาติเสียที ในวัย 34

สืบเนื่องจากผลสกอร์ ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
• ฝรั่งเศส เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปดวล อังกฤษ
• ฝรั่งเศส ยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ ซึ่งไม่มีใครทำได้มาตั้งแต่ บราซิล 1962
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มีโอกาสสูงทีเดียวในการคว้ารองเท้าทองคำ ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 หลังกดประตูที่ 5 ขณะที่คู่แข่งรายอื่น ( คน) ยิงได้ 3 ประตู

 

 

สบาย! ‘สิงโต’ ขย้ำเซเนกัลขาด 3-0

16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 เกมต่อเกม น็อกเอาต์ !

 

ภายหลังเปิดประเดิมถล่ม อิหร่าน 6-2 ก็แอบเสียวหน่อยๆ กับความหนืดในเกมสอง ที่ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ ทำได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่เกมสุดท้ายก็กลับคืนฟอร์มร้อน ทะลวงเพื่อนบ้าน เวลส์ 3-0 จนเข้ารอบด้วยการยึดแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ และยิงประตูได้มากถึง 9 ลูก (แม้จะมีเกมไร้สกอร์แทรกก็ตาม)

 

ฟากคู่แข่งของทัพสิงโตสามตัวอย่าง “สิงโตแห่งเตรังก้า” เซเนกัล เริ่มต้นได้แย่ด้วยการแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 แต่สองเกมถัดมาก็ฟาด 6 แต้มเต็ม ชนะ กาตาร์ 3-1 และ เอกวาดอร์ 2-1 เข้ารอบด้วยการเป็นที่สองของกลุ่มเอ แม้จะหวิดร่วงอยู่เหมือนกันหลังโดน เอกวาดอร์ ตีเสมอ 1-1 กลางครึ่งหลัง ก็ตาม

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต ปรับทัพเล็กๆ ส่ง ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง ซึ่งถือว่าผิดคาดที่เดียวซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กด 2 ตุงใส่ เวลส์ กลับหลุดลงเป็นตัวสำรอง

 

ถ้าเกมฝรั่งเศสว่าง่ายแล้ว อังกฤษยิ่งง่ายกว่ากันเยอะ บุกใส่แทบจะฝ่ายเดียวจนได้ 3 ประตูจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.38, แฮร์รี่ เคน น.45+3 และ บูกาโย่ ซาก้า น.57 ซึ่งก็น่าเสียดายแทน เซเนกัล ไม่หาย ว่าถ้าพวกเขายังมี ซาดิโอ มาเน่ อยู่ ก็คงเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และหลังบ้านอังกฤษได้มากกว่าที่เป็น

 

รายชื่อผู้เล่นและสถิติที่สำคัญ
อังกฤษ (4-3-3) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (เอริก ไดเออร์ 77), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – จู๊ด เบลลิงแฮม (เมสัน เมาท์ 76), ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แคลวิน ฟิลลิปส์ 82) – บูกาโย่ ซาก้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด 65), แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น (แจ๊ค กรีลิช 65)
เซเนกัล (4-2-3-1) เอดูอาร์ เมนดี้ – ยุสซุฟ ซาบาลี่, คาลิดู คูลิบาลี่, อับดู ดิยัลโล่, อิสมาอิล จาค็อบส์ (โฟเด้ บัลโล-ตูเร่ 84) – ปาเต้ ซิสส์ (ปาเป้ เกย์ 46), นัมปาลิส เมนดี้ – เกรแป็ง ดิยัตต้า (ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ 46), อิลิมาน เอ็นดิอาย (บัมบ้า เดียง 46), อิสไมล่า ซาร์ – บูลาย เดีย (ฟามาร่า ดีดิอู 72)

 

• แมนออฟเดอะแมตช์ : แฮร์รี่ เคน
• 3 ประตูที่ อังกฤษ ได้ มาจากการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่า นั้น
• อังกฤษ ชนะคู่แข่งด้วยการยิง 3 ประตูขึ้นไป เป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2022
• อังกฤษ ไม่เสียประตูเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน
• ขออีกประตูเดียว แฮร์รี่ เคน จะเป็นดาวยิงสูงสุดของอังกฤษ เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ที่ 53 ประตู
• บูกาโย่ ซาก้า ยิงลูกที่ 7 ในการเล่นทีมชาติ 23 นัด

 

สืบเนื่องจากผลสกอร์ อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
• อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายบอลโลกเป็นอย่างน้อย หนที่ 4 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง
• แกเร็ธ เซาธ์เกต สร้างมาตรฐานทำ อังกฤษ เข้ารอบ 8 ทีมรายการใหญ่ (เป็นอย่างน้อย) 3 รายการซ้อน ถัดจากอันดับ 4 บอลโลก 2018, รองแชมป์ยูโร 2020 และถึง 8 ทีมบอลโลกหนนี้
• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกจากแคมป์กลับบ้านที่ลอนดอนกลางคัน หลังครอบครัวถูกขโมยขึ้นบ้าน และยังไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาทันเกมกับ ฝรั่งเศส หรือไม่

 

ไกด์เถื่อน

อ้างอิง
wikipedia
FIFA

ภาพประกอบ
Royal Blue Mersey
Premium Times Nigeria
REUTERS
The Northern Echo

เรื่องน่าอ่าน
บอลโลกบันทึก #2 : สำรวจสถิติรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
บอลโลกบันทึก #1 : สุดทางรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022
โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 ฉบับสมบูรณ์ UPDATED : ช่องถ่ายทอดสด