เรื่อง

สเปน vs คอสตาริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

สเปน vs คอสตาริกา : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี : สเปน vs คอสตาริกา
พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
สเปน
แชมป์กลุ่มบี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 15 เสีย 5

คอสตาริกา
อันดับ 4 รอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เพลย์ออฟต่างโซน ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
สเปน
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 3-1

คอสตาริกา
เนชั่นส์ ลีก ชนะ มาร์ตินีก 2-0
เพลย์ออฟบอลโลก ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง เสมอ เกาหลีใต้ 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ อุซเบกิสถาน 2-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 2-0

 

ผลการพบกัน
3 นัด สเปนชนะ 2 เสมอ 1

 

สภาพทีม
สเปน
หลุยส์ เอ็นริเก้ พากระทิงดุเจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลงานค่อนข้างดี รวมถึงในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ก็ชนะ โปรตุเกส ในนัดตัดสินจนครองแชมป์กลุ่ม ได้ไปต่อในรอบชิงแชมป์ ปีหน้า

 

สิ่งเดียวที่ขัดใจแฟนๆ คือการที่ เอ็นริเก้ เลือกขุมกำลังนักเตะมาลุยบอลโลกแบบยึดถือในแนวทางตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่สนใจกระแสสังคม จนตัวดีๆ อย่าง ดาบิด เด เคอา (แมนฯ ยูไนเต็ด), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี), เซร์คิโอ รามอส (เปแอสเช), อินยิโก้ มาร์ติเนซ (บิลเบา), มาร์กอส อลอนโซ่ (บาร์เซโลน่า), ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลิเวอร์พูล), ซาอูล ญีเกซ (แอตฯ มาดริด), อิสโก้ (เซบีย่า), โรดริโก้ โมเรโน่ (ลีดส์), มิเกล โอยาร์ซาบัล (โซเซียดัด) หรือ ยาโก้ อัสปาส (เซลต้า) ได้แค่ดูบอลโลกจากที่บ้านทั้งหมด แม้บางตัวจะหลุดไปเพราะบาดเจ็บก็ตาม

 

ส่วนในราย โฆเซ่ กาย่า แบ็กซ้ายบาเลนเซีย ถอนตัวออกไปจากทัพ 26 คน หลังบาดเจ็บแทรกซ้อน โดยเป็น อเลฮานโดร บัลเด้ เด็ก 19 จากบาร์ซ่า เข้ามาแทนที่

 

คาดว่าไลน์อัพจะไม่ต่างจากช่วงหลังมากนัก ระบบ 4-3-3 ประตูเป็น อูไน ซิมอน แดนกลางบาร์ซ่าเหมาทั้ง เปดรี้, บุสเก็ตส์, กาบี ส่วนแนวรุกเชื่อว่า ปาโบล ซาราเบีย จะได้เล่นร่วมกับ อัลบาโร่ โมราต้า และ เฟร์ราน ตอร์เรส

 

คอสตาริกา
ทีมกล้วยหอมจากคอนคาเคฟ ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 6 และทัวร์นาเมนต์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยเคยสร้างผลงานสุดยอดไว้ในฟุตบอลโลก 2014 ที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

คอสตาริกา ต้องออกแรงใช่ย่อยในการผ่านรอบคัดเลือกงวดนี้ เมื่อต้องตัดสินในรอบเพลย์ออฟต่างทวีปกับ นิวซีแลนด์ และเบียดชนะสุดหวิว 1-0

 

ในการทำทีมของ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ คอสตาริกายังมาด้วยสมาชิกหน้าเดิมๆ อย่าง เคย์เลอร์ นาวาส, ไบรอัน โอเวียโด้, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลท์ซิน เตเฮด้า, กัปตันทีม ไบรอัน รุยซ์ และ โจเอล แคมป์เบลล์ ที่รวมตัวกันมาตั้งแต่บอลโลก 2014 แล้ว

 

ตัวความหวัง
สเปน : อัลบาโร่ โมราต้า
แมว 9 ชีวิตแห่งทัพกระทิงดุ เมื่อต่อให้ฟอร์มในระดับสโมสรจะออกทะเลขนาดไหน ก็ยังมีที่ยืนในทีมชาติอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกับชุดปัจจุบันทั้งที่ผลงานกับ แอตเลติโก มาดริด ไม่ได้สวยหรูนัก (5 ประตูซีซั่นนี้) ซึ่งปัจจัยอย่างหนึ่งอาจเพราะ สเปน ขาดแคลนหน้าเป้าแท้ๆ ลักษณะเดียวกับ โมราต้า ด้วย กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับหัวหอกวัย 30 ด้วยเหมือนกันว่าก็ทำผลงานได้ดีจริงในทีมชาติ สองปีหลังกดไป 9 ประตู รวมแล้วมี 27 ลูกจาก 57 นัด

 

คอสตาริกา : โจเอล แคมป์เบลล์
ดังมานาน สร้างชื่อมาจนถึงจุดพีคแล้วก็ดร็อปลงไปจนแฟนบอลแทบจะลืมหน้ากันแล้ว แต่แท้ที่จริง อดีตกองหน้าอาร์เซน่อลรายนี้เพิ่งจะอายุ 30 ถ้วนเท่านั้นเอง โดยตอนที่เป็นแข้งปืนโต เขาอายุแค่ 22-23 เท่านั้น จากนั้นก็ย้ายออกไปยังหลายประเทศ ปัจจุบันอยู่กับ คลับ เลออน ในเม็กซิโก และยังคงเฝ้ารับใช้ชาติอยู่ต่อไป เล่นแล้ว 119 นัด ซัด 25 ประตู หนึ่งในนั้นก็คือประตูสำคัญดับ นิวซีแลนด์ จนพาให้ คอสตาริกา มาเล่นฟุตบอลโลก 2022

 

11 ตัวจริงที่คาด
สเปน (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้) อูไน ซิมอน – จอร์ดี้ อัลบา, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, เปา ตอร์เรส, ดานี่ การ์บาฆัล – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี – ปาโบล ซาราเบีย, อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส
คอสตาริกา (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ) เคย์เลอร์ นาวาส – ไบรอัน โอเวียโด้, ออสการ์ ดูอาร์เต้, ฟรานซิสโก้ กัลโว, คาร์ลอส มาร์ติเนซ – ไบรอัน รุยซ์, แกร์สัน ตอร์เรส, เยลท์ซิน เตเฮด้า – โจเอล แคมป์เบลล์, อันโธนี่ คอนเตรราส, เซลโซ่ บอร์เกส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• สเปน ไม่เคยแพ้ คอสตาริกา มาก่อนในการนัดเตะลับแข้งกัน 3 เกมก่อนหน้านี้ ล่าสุดปี 2017 สเปน ยิงแหลก 5-0 ที่มาลาก้า
• สเปน แพ้แค่นัดเดียวจากการเล่น 11 เกมหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 1)
• คอสตาริกา ก็แพ้แค่นัดเดียวจากการเล่น 13 เกมหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 1)
• สเปน ชุดนี้ มีแค่ 2 คนที่ยิงประตูในทีมชาติได้เกิน 10 ลูก คือ อัลบาโร่ โมราต้า (27) กับ เฟร์ราน ตอร์เรส (13)
• คอสตาริกา ชุดนี้ มีนักเตะอายุ 30 ขึ้นไป มากถึง 11 คน สูงวัยสุดคือ ไบรอัน รุยซ์ กัปตันทีมวัย 37

 

ความน่าจะเป็น
แม้ สเปน จะแกว่งๆ อยู่บ้างในช่วงหลัง แต่ขุมกำลังของพวกเขาคือนักเตะระดับคุณภาพแทบทั้งสิ้น ในขณะที่ คอสตาริกา ยังคงต้องพึ่งพาหน้าเก่าๆ แข้งตกยุคอย่าง โจเอล แคมป์เบลล์, ไบรอัน รุยซ์ หรือ เคย์เลอร์ นาวาส อยู่เลย ซึ่งหมายถึงว่าคงไม่ได้มีอะไรใหม่มาโชว์นัก หากว่า สเปน เล่นได้ตามแผนและใช้โอกาสไม่เปลือง ก็น่าจะผ่านได้ไม่ยาก

 

ผลที่คาด : สเปน ชนะ 3-1

 

โปรแกรมถัดไป
สเปน
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — สเปน vs เยอรมนี
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — ญี่ปุ่น vs สเปน

คอสตาริกา
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ญี่ปุ่น vs คอสตาริกา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — คอสตาริกา vs เยอรมนี

อินทรีเหล็ก เยอรมนี จะเปิดสนามกลุ่ม อี ด้วยการเอาชนะญี่ปุ่น ในฟุตบอลโลก 2022

อินทรีเหล็ก เยอรมนี จะเปิดสนามกลุ่ม อี ด้วยการเอาชนะญี่ปุ่น ในฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่ม อี เยอรมนี – ญี่ปุ่น

เยอรมนี ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

เยอรมันนี จะล้างอายจากฟุตบอลโลก 2018 ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้หรือไม่ (ภาพ: thedailyguardian.com)

 

ญี่ปุ่น ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

ญี่ปุ่นไม่น่าจะทำได้แบบเดียวกับฟุตบอลโลกครั้งก่อน ในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: REUTERS/Jaimi Joy)

เกมในกลุ่ม อี วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 20:00 น. (ตามเวลาบ้านเรา) ถ่ายทอด 7HD/ True Sports 2: นัดแรกของกลุ่มอี เป็นการเจอกันของแชมป์โลก 4 สมัย เยอรมนี ที่เพิ่งคว้าแชมป์หนสุดท้ายไปเมื่อ 8 ปีก่อนที่บราซิล กับทีมแกร่งจากเอเชีย – ญี่ปุ่น ซึ่งหลังตกรอบแรกแบบน่าเกลียดที่รัสเซีย แน่นอนว่าอินทรีเหล็กไม่ได้มองแค่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมเท่านั้น หากทุกอย่างต้องเริ่มด้วยการออกสตาร์ตที่ดี เพราะคู่แข่งที่เหลือคือ สเปน ทีมโคตรแกร่งอีกทีม และคอสตาริก้า ที่พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์

เส้นทางก่อนการเจอกันของ เยอรมนี – ญี่ปุ่น

ฮันซี่ ฟลิค ทีมชาติเยอรมัน ฟุตบอลโลก 2022

ฮันซี ฟลิค โค้ชเจ้าของภารกิจ พาทีมชาติเยอรมันนี กลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง (ภาพ: Marcus Brandt/dpa via AP)

เยอรมนีเดินทางมากาตาร์พร้อมภารกิจล้างอาย หลังจากฟุตบอลโลกหนก่อนพวกเขาในฐานะแชมป์เก่าต้องตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนจะย่ำแย่ซ้ำในยูโร 2020 จนโยอาคิม เลิฟ ที่นำพวกเขาคว้าแชมป์โลกต้องลงจากเก้าอี้ และฮันซี่ ฟลิคที่ทำทีมบาเยิร์น มิวนิกประสบความสำเร็จอย่างสวยงามเข้ามารับหน้าที่แทน และนี่คือทัวร์นาเมนต์ใหญ่หนแรกของเขา ส่วนญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบ 16 ทีมในฟุตบอลโลก 2018 แบบโคตรหวุดหวิด เพราะสะสมใบเหลืองน้อยกว่าเซเนกัล หลังสถิติทุกอย่างก่อนหน้าในกลุ่มเท่ากันหมด

แม้สถานการณ์ของเยอรมนีอาจจะขาดความสม่ำเสมอ แต่ฟลิคก็เชื่อว่าพวกเขาน่าจะสานต่อการเล่นนัดแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ชนะ 7 จาก 8 ครั้งหลังสุดได้สำเร็จ ต่างจากญี่ปุ่นที่ชนะนัดแรกในฟุตบอลโลกแค่ 2 จาก 6 นัดหลังสุด รวมถึงยังไม่ได้เล่นเกมที่มีการแข่งขันจริง ๆ จัง ๆ มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่ห้านัดหลังสุดของเยอรมนี ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 โดยเจอคู่แข่งแกร่ง ๆ อย่างอังกฤษ, อิตาลี และฮังการีที่กำลังกลับมาในยุโรป ส่วนญี่ปุ่น ชนะสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ แพ้แคนาดา เสมอเอกวาดอร์และเกาหลีใต้

แม้จะล้มเหลวในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับชาติ 2 รายการติดต่อกัน ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เยอรมนีเจอสถานการณ์แบบนี้ และเมื่อเกิดขึ้น พวกเขาก็กลับมาได้ทุกครั้งไป ซึ่งบางทีจุดเปลี่ยนอาจจะเกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์นี้โดยเริ่มจากนัดนี้ก็เป็นได้

ความพร้อมของนักเตะเยอรมนีและญี่ปุ่น

จามาล มุสเซียลา นักเตะดาวรุ่งของเยอรมัน

จามาล มุสเซียลา เลือกเล่นได้ทั้งให้ทีมชาติอังกฤษ และเยอรมัน แต่ท้ายที่สุดเขายอมเป็นอินทรีเหล็ก มากกว่าสิงโตคำราม (ภาพ: Getty Image)

ถึงจะไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุด แต่เยอรมนีก็มีนักเตะคุณภาพเสมอ ชุดนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กัปตันทีม โธมัส มุลเลอร์ กับแก๊งบาเยิร์น มิวนิก – แซร์ก กนาร์บรี้, เลรอย ซาเน่, โจชัว คิมมิช รวมถึงดาวรุ่ง จามาล มูเซียล่า ที่การเล่นด้วยกันเป็นประจำของนักเตะกลุ่มนี้ กลายเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับทีม โดยนัดนี้ ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ จากอาร์เบ ไลป์ซิกที่ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย 34 นาที น่าจะพร้อมลงช่วยทีม หลังสัมผัสเกมระดับสโมสรแค่นัดเดียว ก่อนบาดเจ็บที่ข้อเท้าเมื่อเดือนสิงหาคม แต่คงไม่ใช่ 11 คนแรก ส่วนโธมัส มุลเลอร์กับอันโตนิโอ รือดิเกอร์ ถึงไม่ได้ลงเล่น แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา และน่าจะเป็นการเก็บตัวให้พร้อมลงเล่นนัดแรกของทีมมากกว่า แต่ก่อนเตะไม่กี่ชั่วโมงก็มีข่าวว่าซาเน่จะพลาดนัดนี้ เนื่องจากเจ็บเข่า 

ชาติเอเชีย - ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น เป็นทีมจากเอเชีย ที่ทำได้ดีที่สุดในฟุตบอลโลกหนที่แล้ว (ภาพ: AFP-JIJI)

ญี่ปุ่นที่เป็นทีมระดับหัวแถวของเอเชียไปแล้ว มีนักเตะที่เล่นในลีกยุโรปไม่น้อย แต่จะไม่มียูยะ นากายาม่า จากฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ที่ต้องผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย ซึ่งเรียกซูโตะ มาชิโนะ มาแทนเรียบร้อย วาตารุ เอ็นโดะ ที่ถูกหามออกจากสนามในเกมนัดสุดท้ายของสตุ๊ตการ์ตก่อนศึกฟุตบอลโลก ติดทีมมาด้วย ทาเคฮิโร โทมิยาสุที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในเกมยูโรป้าลีก นัดอาร์เซน่อลชนะเอฟซี ซูริก เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และลงเล่นเกมอุ่นเครื่องก่อนฟุตบอลโลกนัดเจอกับแคนาดาในฐานะตัวสำรอง น่าจะพร้อมลงสนาม เช่นเดียวกับพวกตัวเก๋า ๆ ของทีม มายะ โยชิดะ, ทาคุมิ มินามิโนะ และทาเคฟูซะ คูโบะ ดาวรุ่งของเรอัล โซซิดัด

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของเยอรมนีและญี่ปุ่น

เยอรมนี ระบบ 4-2-3-1: นอยเออร์; เคห์เรอร์, ซูเล่, รือดิเกอร์, รวม; คิมมิช, โกเร็ตซก้า; ฮอฟมันน์, มูเซียลา, มุลเลอร์; ฮาแวร์ตซ์
ญี่ปุ่น ระบบ 4-2-3-1: ชมิดต์; ซากาอิ, โยชิดะ, โทมิยาสุ, นากาโตโมะ; ชิบิซากิ, มอริตะ; จุนยะ อิโต, คามาดะ, คูโบะ; มินามิโนะ

ผลการแข่งขันระหว่างเยอรมนีและญี่ปุ่น

จะว่าไปแล้วนักเตะและแฟนบอลเยอรมนี น่าจะคุ้นกับนักเตะญี่ปุ่นไม่น้อย เมื่อหลายรายเคยเล่นหรือกำลังเล่นอยู่ในลีกเยอรมนี ขณะเดียวกัน เกมของเยอรมนีก็เป็นเรื่องที่พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี แถมทั้งสองทีมยังเล่นไม่ต่างกัน เน้นการคอนโทรลเกม ให้บอลกันเป็นกลุ่ม ๆ แล้วพยายามเปลี่ยนการครองบอลให้กลายเป็นเกมรุก ด้วยการจ่ายบอลทะลุแนวรับ โดยที่ไม่มีหน้าเป้าที่ตายตัว

แน่นอนว่าโอกาสชนะของอินทรีเหล็กมีมากกว่าทีมจากแดนอาทิตย์อุทัยแน่ ๆ แต่การที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ผ่านเกมในยุโรปมานักต่อนัก ใช่ว่าญี่ปุ่นจะไม่มีโอกาส หากท้ายที่สุด ก็ต้องยอมรับในมาตรฐานของเยอรมัน ที่น่าจะบดชนะไปได้หวุดหวิด

เรื่องน่าอ่าน:
1. 
ทีมชาติ เยอรมนี เปิดเบื้องหน้า เบื้องหลังของทีมในฟุตบอลโลก 2022 ให้สัมผัสแบบจัดเต็ม ในสารคดีชุด ‘All Or Nothing’ ทางแอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ
2. ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี ใครจะรอด ใครจะตาย ในกลุ่มนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มแห่งความตาย
3. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

4. ฟุตบอลโลก 2022 ของ 6 ชาติเอเชีย พวกเขาจะผ่านเข้ารอบสองได้กี่ทีม ?

เยอรมนี vs ญี่ปุ่น : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เยอรมนี vs ญี่ปุ่น : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี : เยอรมนี vs ญี่ปุ่น

พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 20.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เยอรมนี
แชมป์กลุ่มเจ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 36 เสีย 4

ญี่ปุ่น
อันดับ 2 กลุ่มบี รอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 12 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เยอรมนี
เนชั่นส์ ลีก เสมอ ฮังการี 1-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ อิตาลี 5-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ อังกฤษ 3-3
อุ่นเครื่อง ชนะ โอมาน 1-0

ญี่ปุ่น
EAFF E-1 เสมอ จีน 0-0
EAFF E-1 ชนะ เกาหลีใต้ 3-0
กิริน คัพ ชนะ สหรัฐอเมริกา 2-0
กิริน คัพ เสมอ เอกวาดอร์ 0-0
อุ่นเครื่อง แพ้ แคนาดา 1-2

 

ผลการพบกัน
4 นัด เกมอุ่นเครื่องทั้งสิ้น เยอรมนีชนะ 2 เสมอ 2

 

สภาพทีม ฟุตบอลโลก 2022

เยอรมนี
ตัวแทนยุโรปรายแรกที่่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายบอลโลกหนนี้ หมายมั่นปั้นมือเต็มที่จะมาแก้ตัวจากการตกรอบแรกอย่างสุดช็อคในครั้งก่อน ซึ่งเป็นผลให้ โยอัคคิม เลิฟ สละเก้าอี้ไป และ ฮันส์ ดีเตอร์ ฟลิค เข้ามาแทน

 

ผลงานของอินทรีเหล็กในรอบคัดเลือกเป็นไปอย่างร้ายกาจ แต่ก็ออกแผ่วเล็กๆ ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ที่ชนะได้แค่เกมเดียวจาก 6 แมตช์

 

สำหรับความพร้อม ฟลิค ไม่มี มาร์โก รอยส์ ตัวรุกจากดอร์ทมุนด์ และ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงเบอร์แรกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ตั้งแต่แรก หลังทั้งคู่บาดเจ็บจนไม่พร้อมเล่นบอลโลก นอกนั้น ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์, ฟลอเรียน นอยเฮาส์, โรบิน โกเซนส์ โดนมองข้ามไปไม่เรียกมาติดธง

 

จาก 26 แข้งที่มี ฟลิค สามารถเลือกใช้ได้ครบถ้วนทุกคนในเกมนี้ ซึ่งด้วยการที่หัวหอกเบอร์ 1 อย่าง แวร์เนอร์ ไม่มา ทำให้คาดว่าจะเป็น โธมัส มุลเลอร์ ขยับขึ้นยืนแทนโดยมี จามาล มูเซียล่า เป็นตัวต่ำคอยสนับสนุน และอาจมีการสลับตำแหน่งกันได้ในระหว่างเกม

 

ญี่ปุ่น
ทัพซามูไรสีน้ำเงินผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ภายหลังเปิดประเดิมไว้เมื่อปี 1998 ก่อนจะได้เป็นเจ้าภาพร่วมในสี่ปีให้หลัง

 

การมาบอลโลกครั้งนี้ ญี่ปุ่นของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ เจอปัญหาพอสมควรกับรอบคัดเลือก ที่ฟอร์มหลุดแพ้ 2 จาก 3 เกมแรก แต่หลังจากนั้นก็กระเตื้องขึ้นได้ จนสุดท้ายเข้าป้ายเป็นรองแชมป์กลุ่ม ซึ่งยังคงได้ตั๋วมารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

 

ความพร้อมเกมนี้ โมริยาสุ ต้องเช็กแค่ ทาคุมะ อาซาโนะ ซึ่งโดยปกติเป็นสำรองอยู่แล้ว โดยคาดว่าเกมรุกจะวาง ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ และ จุนยะ อิโตะ ปั้นเกมสนับสนุนหอกเป้า ทาคุมิ มินามิโนะ

 

ตัวความหวัง
เยอรมนี : จามาล มูเซียล่า
ถูกคาดหมายตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนว่าจะกลายมาเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของฟุตบอลเยอรมัน ซึ่งที่สุดแล้วเจ้าหนูเชื้อสายอังกฤษวัย 19 ก็ทำได้อย่างที่หลายฝ่ายมอง โดยแม้จะเพิ่งยิงไปได้แค่ลูกเดียว แต่ก็ได้สัมผัสเกมระดับชาติมาแล้วถึง 19 นัด และดูจะมีตำแหน่งตัวจริงในการทำทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ด้วย โดยเฉพาะเมื่อซีซั่นนี้กำลังเข้าฝัก กดไปแล้ว 12 ประตูจากการเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค 22 เกม

 

ญี่ปุ่น : ไดอิจิ คามาดะ
อันที่จริง ตัวรุกวัย 26 เพิ่งได้โอกาสเล่นทีมชาติไปเพียง 22 นัดเท่านั้น และมียิง 6 ประตู โดยยังไม่เคยผ่านทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการไหนมาก่อนเลย แต่ที่ทำให้ คามาดะ น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการคุ้นชินกับฟุตบอลสไตล์เยอรมันๆ เป็นอย่างดี ภายหลังปักหลักเล่นกับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2017 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังร่ายฟอร์มอย่างโดดเด่นในตลอด 2-3 ปีหลัง ซีซั่นก่อนยิง 9 ลูก ต่อด้วยยิงเยอะถึง 12 ประตูในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา

 

11 ตัวจริงที่คาด
เยอรมนี (4-2-3-1, กุนซือ ฮันซี่ ฟลิค) มานูเอล นอยเออร์ – ดาวิด เราม์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิคลาส ซูเล่, ติโล เคห์เรอร์ – เลออน โกเร็ตซ์ก้า, โยชัว คิมมิช – เลรอย ซาเน่, จามาล มูเซียล่า, แซร์จ นาบรี้ – โธมัส มุลเลอร์
ญี่ปุ่น (4-2-3-1, กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ) ชูอิจิ กอนดะ – ยูโตะ นางาโตโมะ, มายะ โยชิดะ, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, ฮิโรกิ ซากาอิ – กาคุ ชิบาซากิ, ฮิเดมาสะ โมริตะ – ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ, จุนยะ อิโตะ – ทาคุมิ มินามิโนะ

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันล่าสุดปี 2006 เสมอกัน 2-2 ที่เลเวอร์คูเซ่น
• ไม่นับเจ้าภาพกาตาร์ เยอรมนี คือทีมแรกสุดที่ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ภายหลังชนะ 9 จาก 10 นัดของรอบคัดเลือก
• ฟุตบอลโลกครั้งก่อน เยอรมนี โดนตัวแทนเอเชียอย่าง เกาหลีใต้ ยัดเยียดความปราชัย 2-0 จนตกรอบแรกอย่างสุดช็อก
• นักเตะญี่ปุ่นชุดนี้ เล่นในลีกเยอรมันถึง 8 คน
• นิคลาส ฟุลครุก หัวหอกหน้าใหม่ของเยอรมนี จากเบรเมน ยิงประตูได้ทันทีในเกมประเดิมทีมชาติ นัดชนะ โอมาน 1-0 เมื่อ 16 พ.ย.

 

ความน่าจะเป็น
คงไม่ใช่งานง่ายนักของ เยอรมนี ในการเจอกับทีมวิ่งสู้ฟัดและเทคนิคดีอย่าง ญี่ปุ่น แต่การจะคาดหวังถึงผลเซอร์ไพรส์อย่างที่ ซาอุฯ ทำกับ อาร์เจนติน่า อาจเป็นเรื่องยากไปนิด อย่างไรเสีย ระดับชั้นของอินทรีเหล็กก็ยังเหนือกว่า น่าเอาชนะได้ 1 เม็ดเป็นอย่างน้อย

 

ผลที่คาด : เยอรมนี ชนะ 1-0, 2-0

 

โปรแกรมถัดไป
เยอรมนี
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 02.00 — สเปน vs เยอรมนี
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — คอสตาริกา vs เยอรมนี

ญี่ปุ่น
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ญี่ปุ่น vs คอสตาริกา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 02.00 — ญี่ปุ่น vs สเปน

โครเอเชีย รองแชมป์เก่า จะเอาชัยเหนือโมร็อกโก ในฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของพวกเขา

โครเอเชีย รองแชมป์เก่า จะเอาชัยเหนือโมร็อกโก ในฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของพวกเขา

ทำนายผลฟุตบอลโลก 2022 นัดแรก ของกลุ่ม เอฟ โมร็อกโก – โครเอเชีย

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

เกมในกลุ่ม เอฟ วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 17:00 น. (ตามเวลาในบ้านเรา) ถ่ายทอด True4U/ True Sports 2: เกมนัดแรกของกลุ่ม เอฟ การโชว์ตัวของโครเอเชีย รองแชมป์เมื่อ 4 ปีก่อน โดยพวกเขาจะเจอกับโมร็อกโก ทีมจากแอฟริกา ที่ในช่วงฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า ทีมตราหมากรุกนั้น อยู่ในช่วงกำลังโรยราและเปลี่ยนผ่าน ที่การส่งต่อไม่ได้ราบรื่นและลงตัวนัก เมื่อยังอาศัยผู้เล่นในชุดรองแชมป์โลกเป็นแกนหลักเหมือนเดิม จนหลาย ๆ คนมองว่า พวกเขาไม่น่าจะไปได้ไกลอย่างที่เคยทำได้

เส้นทางก่อนการเจอกันของโมร็อกโก – โครเอเชีย

ทั้งสองทีมเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวในปี 1996 เป็นเกมกระชับมิตรและจบลงด้วยสกอร์ 2-2 ที่มีการดวลจุดโทษตามมา ซึ่งโครเอเชียคว้าชัยไปได้ ซึ่งไม่สามารถเอามาเป็นมาตรฐานวัดการเจอกันครั้งนี้ได้ เพราะเวลาก็ผ่านมาตั้ง 26 ปีแล้ว ส่วนสถิติในฟุตบอลโลกทีมสิงโตจากแอตลาส เคยสร้างเซอร์ไพรส์ไว้ในฟุตบอลโลก 1986 เมื่อเป็นที่หนึ่งในสาย ที่ประกอบด้วย อังกฤษ, โปแลนด์ และโปรตุเกส ซึ่งนั่นคือครั้งที่พวกเขาไปได้ไกลที่สุด ที่รอบ 16 ทีม ซึ่งตอนนั้นประเทศโครเอเชียยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ส่วนทีมตราหมากรุก ครั้งแรกที่เข้าร่วมพวกเขาก็เป็นทีมอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 1998 ก่อนจะตกรอบแรกในอีก 3 ครั้งต่อมา แล้วเป็นรองแชมป์ในปีที่โมร็อกโกทำได้แค่ตกรอบแรก

โมร็อกโกถือว่ามาดีในรอบคัดเลือก ทำให้พอมีความหวังว่า จะทำได้อย่างที่ทีมชุด 1986 ทำได้ ซึ่งพวกเขาต้องเอาชนะโครเอเชียหรือไม่ก็เบลเยี่ยมสองทีมจากยุโรปให้ได้ หรือไม่ก็แบ่งแต้มจากทั้งสองนัด แล้วไปเอาชนะแคนาดา

ห้านัดล่าสุดของทั้งคู่ โมร็อกโกชนะ 3 เสมอ 2 โดยหนึ่งในนั้นคือการปราบชิลี 2-0 แต่เมื่อเทียบกับทีมตราหมากรุก ต้องบอกว่าคนละเรื่อง เพราะพวกเขาชนะรวด และ 4 ทีมที่เจอก็คือ เสือ-สิงห์-กระทิง-แรดของยุโรปทั้งนั้นในเกมเนชั่นส์ ลีก ไม่ว่าจะเป็นโคนมที่พวกเขาชนะทั้งไปและกลับ, ฝรั่งเศส แชมป์โลก และออสเตรีย ส่วนนัดหลังสุดก็เก็บซาอุดิอาระเบีย หนึ่งใน 32 ทีมของฟุตบอลโลกครั้งนี้ และการที่โมร็อกโกไม่ได้เจอทีมระดับหัวแถวมากนัก งานของพวกเขาเลยดูยากไปเลย

ความพร้อมของนักเตะโมร็อกโกและโครเอเชีย

โครเอเชีย รองแชมป์เก่า จะเอาชัยเหนือโมร็อกโก ในฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของพวกเขา

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018

สิ่งหนึ่งที่เป็นความเปลี่ยนแปลงของโมร็อกโกก็คือ ฮาคิม ซีเย็ก ที่กลับมาเล่นทีมชาติ หลังมีปัญหากับโค้ชวาฮิด ฮาลิฮอดซิซ จนเลิกเล่น แต่เมื่อฮาลิฮอดซิซถูกปลด แม้จะทำทีมไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ เขาก็กลับมา ที่น่าจะทำให้เกมของทีมยกระดับจากเดิมได้ โดยเฉพาะเกมตามกราบเมื่อยังมีผู้เล่นในแดนนี้อย่าง อาชราฟ ฮาคิมี่ ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่ดีที่สุดของโลกยุคนี้, นูสแซร์ มาซราอุย จากบาเยิร์น มิวนิก แล้วก็มีผู้เล่นเด่น ๆ จากลีกระดับหัวแถวของยุโรป อย่าง โรเมน ซาอิสส์ หรือยูสเซฟ เอ็น-เนสรี น่าเสียดายที่ไม่มีอามีน ฮาริต เพราะบาดเจ็บจากเกมลีกเอิงนัดสุดท้ายก่อนฟุตบอลโลก แต่ก็เรียก อานาสส์​ ซารูรี จากเบิร์นลีย์ มาแทน ส่วนเซลิม อามาลลาห์ จากสตองดาร์ด ลีเอช ซึ่งไม่ได้เล่นให้สโมสรเลย ตั้งแต่เดือนกันยาฯ ถูกเรียกมาติด และอาจได้ลงเล่น แต่วาลิด เรเกรกุย ที่ยังมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้ออยู่ น่าจะพลาดเกมนัดแรกของทีม

ฝั่งโครเอเชียที่จุดแข็งต่างไปจากโมร็อกโก เมื่อแดนกลางแข็งปั้ก ไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บในลิสต์และฟอร์มก็มาดีเหลือเกิน แม้เกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายกับซาอุดิ อาระเบีย มาร์โก ลิวายากับคริสติยาน จากิซ ไม่ติดทีม แต่ก็ไม่มีข่าวเรื่องการได้รับบาดเจ็บ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของโมร็อกโกและโครเอเชีย

โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: บูนู; ฮาคิมี่, อะการ์ด, ซาอิสส์, มาซซาราอุย; อมาลลาห์, อามราบัต, โอนูไฮ; ซิเย็ก, เอ็น-เนยสรี่, โบฟาล
โครเอเชีย ระบบ 4-3-3: ลิวาโควิก; จูราโนวิก, ซูตาโล่, กวาร์ดิออล, โซซ่า; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ ; วลาซิซ, ครามาริก, เปริซิซ

ผลการแข่งขันระหว่างโมร็อกโก – โครเอเชีย

ด้วยสภาพผู้เล่น สภาพฟอร์ม ทีมตราหมากรุกเหนือกว่าสิงโตจากแอตลาสอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเอาชนะไปได้ ในเกมที่พวกเขาน่าจะครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จ เล่นเอาแน่นอนเป็นหลัก ซึ่งเป็นมาตรฐานของโครเอเชียไปแล้วก็ว่าได้ แต่สกอร์ไม่น่าจะสูงมากนัก เมื่อดูจากเกมหลัง ๆ ที่พวกเขามักเก็บชัยแบบหวุดหวิด 1-0 เป็นส่วนใหญ่ หากจะมากกว่านี้ ผลต่างประตูได้เสียก็ไม่น่าจะเกิน 2 ลูก

เรื่องน่าอ่าน:
1. 
กลุ่ม เอฟ ในฟุตบอลโลก 2022 โอกาสพิสูจน์ตัวเองของเบลเยี่ยม ทีมยุคทองที่เริ่มโรยรา และรองแชมป์ชรา
2. ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. ฟุตบอลโลกในอนาคต เมื่อเอเชียมีสิทธิ์ 8+1 ทีม โอกาสของทีมชาติไทยอยู่ตรงไหน ?

ตราไก่ ฝรั่งเศสแชมป์เก่า จะจิกจิงโจ้ ในนัดประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2022

ตราไก่ ฝรั่งเศสแชมป์เก่า จะจิกจิงโจ้ ในนัดประเดิมสนามฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลฟุตบอลโลก 2022 นัดที่ 2 ของกลุ่ม ดี ฝรั่งเศส – ออสเตรเลีย

แชมป์โลก ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศส มาป้องกันแชมป์โลกโดยมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บรบกวนต่อเนื่อง (ภาพ: Twitter @FrenchTeam)

ชาติเอเชีย - ออสเตรเลีย

ออสเตรเลียต้องเหนื่อยอีกสองนัดกว่าจะผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter/@Socceroos)

เกมในกลุ่ม ดี วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 02:00 น. (เวลาในบ้านเรา) ถ่ายทอด MONO29/ True Sports 2: แชมป์เก่า ฝรั่งเศสจะเริ่มเกมแรกในการป้องกันแชมป์ ด้วยการพบกับออสเตรเลีย ซึ่งดูตามหน้าเสื่อแล้ว ทีมตราไก่น่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก แม้ฟอร์มการเล่นในช่วงหลัง ๆ อาจจะแกว่ง ๆ ไปบ้าง และขาดผู้เล่นสำคัญ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา หรือว่าคาริม เบนเซม่า ที่เพิ่งถอนตัวก่อนวันเปิดสนามฟุตบอลโลก 2022 ไม่นาน ส่วนทีมแดนจิงโจ้เองกว่าจะมาถึงกาตาร์ ก็ต้องลงเตะเพลย์ออฟถึง 2 นัด ซึ่งไม่ได้เอาชนะมาแบบง่าย ๆ ทั้งสองนัด

เส้นทางก่อนการเจอกันของฝรั่งเศสและออสเตรเลีย

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทีมชาติฝรั่งเศส ฟุตบอลโลก 2022

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ นักเตะคนสำคัญอีกรายของทีมแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ที่มีปัญหาบาดเจ็บ (ภาพ: www.teamtalk.com)

เกมห้านัดหลังสุดของทีมตราไก่ ชนะแค่นัดเดียวเหนือออสเตรีย แต่แพ้ไปถึง 2 นัดกับคู่ปรับขาประจำ เดนมาร์ก ที่ต้องเจอกันในฟุตบอลโลกหนนี้อีก 2-0 และคู่ชิงเมื่อปี 2018 โครเอเชีย 1-0 และเสมออีก 2 นัด ผิดจากออสเตรเลียที่ ชนะรวดเสมอแค่นัดเดียวกับทีมบ้านใกล้เรือนเคียง นิว ซีแลนด์

แล้วไม่ใช่แค่ชนะเพียงนัดเดียว ฟอร์มการเล่นของทีมตราไก่ ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ หลายรายเข้ามาทดแทนผู้เล่นหน้าเดิม ๆ ที่ฟอร์มตก หรือได้รับบาดเจ็บ ก็ยังไม่เนียนตานัก หากจะบอกว่า ฝรั่งเศสชุดนี้จะเป็นชุดเปลี่ยนถ่าย ก็คงไม่ผิด และหากเดส์ชองส์เขย่าส่วนผสมที่มีได้ลงตัว พวกเขาน่าจะกลับมาเป็นไก่อหังการ์ได้อีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นหากเทียบตัวผู้เล่น ประสบการณ์ของทีม และโค้ชด้วยแล้ว ฝรั่งเศสก็เหนือกว่าออสเตรเลีย ที่ยังไม่เคยผ่านไปเล่นในรอบที่ 2 เลยอยู่ดี

ที่น่าสนใจก็คือ ในฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศสก็เปิดหัวด้วยการเจอกับออสเตรเลียเหมือนครั้งนี้ และเอาชนะไปได้ 2-1 ในเกมที่มีการใช้วีเออาร์เป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลก ซึ่งทำให้ทีมตราไก่ได้จุดโทษ และเดินทางไปสู่ตำแหน่งแชมป์โลกในท้ายที่สุด ส่วนออสเตรเลียตกรอบแรก โดยไม่ชนะใครเลย ที่สำคัญนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2010 ออสเตรเลียยังไม่เคยชนะใครในรอบสุดท้ายเลย

ส่วนการเจอกันของทั้งสองทีม เจอกันมา 5 ครั้ง ทีมตราไก่ชนะถึง 3 และเสมอ 1 แพ้ 1

ความพร้อมของนักเตะฝรั่งเศสและออสเตรเลีย

เมื่อปราศจากคาริม เบนเซมา ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ คงต้องพึ่งพาสองผู้เล่นในแนวรุกในการทำประตู คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่เป็นขาประจำในทีมชาตินับตั้งแต่คว้าแชมป์โลกที่รัสเซีย กับโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่กำลังไล่ตามสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส ที่ทำไว้โดยเธียร์รี่ อองรี เพียงแค่ 3 ประตู ที่สำคัญดาวเตะตัวเก๋ารายนี้ ขึ้นชื่อลือชามาก ๆ ในการยิงประตูสำคัญ ๆ ช่วงท้ายเกม ขณะที่แนวรับราฟาเอล วารานน่าจะฟิตลงเล่นได้ หลังเจ็บยาวหลังลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งแต่เดือนตุลาคม ส่วนการขาดตัวหลักในแดนกลาง อย่าง ป็อกบา และก็องเต้ ทำให้แผงกลางของทีมตราไก่ อาจต้องพึ่งพานักเตะเลือดใหม่ อย่าง ชูอาเมนี่ หรือกามาวิงก้า เร็วกว่าที่ตั้งใจไว้

มาร์ติน บอยล์ นักเตะแดนจิงโจ้ ฟุตบอลโลก 2022

มาร์ติน บอยล์ นักเตะแดนจิงโจ้ที่ถูกมองข้ามจากสก็อตแลนด์ (ภาพ:)

แกรแฮม อาร์โนลด์ โค้ชของทีมจิงโจ้ ต้องเจอปัญหาในแนวรุก เมื่ออาจจะไม่ได้ใช้บริการปีกคนสำคัญจากฮิเบอร์เนี่ยน – มาร์ติน บอยล์ ที่มีปัญหาเจ็บเข่า จนลงซ้อมไม่ได้ และน่าจะทำให้แม็ทธิว เล็คคีได้ลงเล่นแทน นอกจากนี้แฮร์รี เซาต์ตาร์​ก็มีปัญหาในเรื่องความฟิต หากทดสอบความฟิตไม่ผ่าน น่าจะเป็นไบลีย์ ไรต์ ที่ได้ลงเผชิญหน้ากับแนวรุกฝรั่งเศสแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของฝรั่งเศสและออสเตรเลีย

ฝรั่งเศส ระบบ 4-3-1-2: โญริส; ปาวาร์ด, วาราน, โกนาเต้, ลูคัส เออร์นานเดซ; ชูอาเมนี่, เดมเบเล่, ราบิโอต์; กรีซมันน์; ชิรูด์, เอ็มบัปเป้
ออสเตรเลีย ระบบ 4-5-1: ไรอัน; แอตคินสัน, ไรต์, โรว์เลส, บีฮิช; บอยล์, มอย, ฮรูสติก, เออร์ไวน์, เล็คคี; ดุ๊ก

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ ฟุตบอลโลก 2022

ราฟาเอล วาราน นักเตะตราไก่ที่เป็นนายใหญ่ในแผงหลัง ด้วยประสบการณ์อันข้นคลั่กวารานจะช่วยฝรั่งเศสได้อย่างแน่นอน (ภาพ: Andrew Surma/NurPhoto via Getty Images)

ผลการแข่งขันระหว่างฝรั่งเศส – ออสเตรเลีย

ถึงจะเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ แต่ท้ายที่สุดฝรั่งเศสน่าจะชนะผ่านออสเตรเลียได้ แต่ไม่ใช่งานง่ายอย่างแน่นอน เพราะกับการเจอกันในฟุตบอลโลกหนก่อน ที่ผู้เล่นลงตัวกว่านี้ ยังต้องอาศัยลูกจุดโทษ และการทำประตูตัวเองของนักเตะจิงโจ้ และฝ่ายตรงข้ามก็ต้องวางกองหลังรับลึก เซนเตอร์แบ็คของทีมต้องทำหน้าที่ปัดกวาดอย่างแข็งขันแน่นอน ส่วนกองหน้าอาจจะพอมีหวังอยู่บ้าง เพราะคู่เซนเตอร์ของแชมป์โลก ไม่น่าจะเป็นขาประจำที่เล่นด้วยกันมานาน แต่ก็หวังพึ่งได้ไม่มาก เมื่อทีมจิงโจ้ขาดทีเด็ดทีขาดในแดนหน้าอยู่แล้ว

ท้ายที่สุด แชมป์เก่าน่าจะจัดการออสเตรเลียได้ด้วยสกอร์เดียวกับ 4 ปีก่อน 2-1

เรื่องน่าอ่าน:
1. 
ดาวเตะตูนิเซีย ที่น่าจับตาในฟุตบอลโลก 2022

2. นักเตะโคนมคนสำคัญ ที่จะสร้างตำนานเทพนิยายเดนส์ ในฟุตบอลโลก 2022
3. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
4. นักเตะแดนจิงโจ้ ความหวังพาออสเตรเลียไปให้ไกลในฟุตบอลโลก 2022
5. กลุ่ม ดี ฟุตบอลโลก 2022 เช็กชะตาแชมป์เก่าตราไก่ เวลาของโคนม? ใครจะเป็นทีมแจกแต้มของกลุ่มนี้

เม็กซิโก จะเบียดชนะโปแลนด์ไปแบบสุดสูสี ในฟุตบอลโลก 2022

เม็กซิโก จะเบียดชนะโปแลนด์ไปแบบสุดสูสี ในฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลฟุตบอลโลก 2022 นัดที่ 2 ของกลุ่ม ซี เม็กซิโก – โปแลนด์

เม็กซิโก กลุ่ม ซี ฟุตบอลโลก 2022

จังโก้อันตราย เข้ารอบสุดท้ายมาเป็นหนแปดติดต่อกัน (ภาพ: www.elfutbolero.us)

โปแลนด์ ทีมในกลุ่ม ซี ฟุตบอลโลก 2022

โปแลนด์จะคว้าที่ 2 ของกลุ่ม ซี ตามอาร์เจนติน่า เข้ารอบได้หรือไม่ (ภาพ: AFP)

เกมในกลุ่ม ซี วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 23:00 น. (ตามเวลาในบ้านเรา) ถ่ายทอด 3HD/ True Sports 2: จังโก้ เม็กซิโกถือเป็นขาประจำในฟุตบอลโลก แต่ถึงจะบ่มเพาะประสบการณ์มากมายเท่าไหร่ เส้นทางของพวกเขาในฟุตบอลโลก 7 หนหลังสุดก็คือ แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยที่เคยไปไกลกว่านั้นก็คือ ในปี 1986 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ และในปีนั้นก็เป็นปีสุดท้ายที่โปแลนด์ผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ ปีนี้ทั้งคู่ก็มาอยู่สายเดียวกัน ที่อันดับ 1 ของสายถูกอาร์เจนติน่าตีตราจองเอาไว้แล้ว ทั้งสองทีมต้องมาวัดกัน เพื่อโอกาสไปให้ไกลที่สุดกว่าที่เคยทำได้นับตั้งแต่ปี 1986

เส้นทางก่อนการเจอกันของเม็กซิโก – โปแลนด์

ฟุตบอลโลกหนที่แล้วที่รัสเซีย เม็กซิโกถือว่าทำได้ดีพอตัว เมื่อชนะแชมป์เก่าเยอรมันในนัดแรก 1-0 แล้วก็ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสำเร็จ แต่ก็ต้องจบลงแค่นี้ เพราะต้องเจอกับทีมแกร่งอย่างบราซิล ที่เอาชนะพวกเขาไป 2-0 เรื่องสถิติต่าง ๆ ผิดกับโปแลนด์ที่เป็นทีมยืนในกลุ่มลิบลับ เพราะทีมจากยุโรปทีมนี้ ตกรอบแรกพร้อมกับชัยชนะแค่นัดเดียว

เปียโตร ซีลินสกี้ โปแลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

เปียโตร ซีลินสกี้ ตัวขับเคลื่อนเกมของโปแลนด์ และสร้างโอกาสให้โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (ภาพ:)

ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังโปแลนด์ถือว่าดีกว่าเล็กน้อย เมื่อชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้แค่นัดเดียว ส่วนทีมแดนจังโก้แม้จะชนะ 2 เหมือนกัน แต่ที่เหลือเก็บชัยไม่ได้เลย ส่วนการเจอกันของทั้งสองทีมห้านัดหลัง ล้วนเป็นการเจอกันในเกมกระชับมิตร ซึ่งเม็กซิโกทำได้ดีกว่า เมื่อชนะไปถึง 3 เกม และเสมอแค่ 2 เกมเท่านั้น

ความพร้อมของนักเตะเม็กซิโกและโปแลนด์

ราอูล ฮิมิเนซ จังโก้อันตราย ฟุตบอลโลก 2022

ราอูล ฮิมิเนซ ดาวยิงตัวหลักของจังโก้อันตราย และกลายเป็นหนึ่งในดาวซัลโวระดับแถวหน้า จากทักษะในการยิงประตู (ภาพ:)

เม็กซิโกอาศัยผู้เล่นหน้าเก่า ๆ เป็นแกนหลัก อย่าง แอนเดรียส กัวร์ดาโด เจ้าของสถิติติดทีมชาติ 178 นัด แดนหน้าใช้ราอูล ฮิมิเนซเป็นตัวเลือกแรก แม้จะไม่ยิงประตูจากลูกโอเพ่นเพลย์ให้ทีมเลยตั้งแต่ธันวาคม 2019 โดยการลงเล่น 9 เกมในรอบคัดเลือก ที่เป็น 11 ตัวจริงถึง 8 นัด ยิงได้ 3 ประตูล้วนเป็นลูกจุดโทษ ดาวยิงอีกคน อย่าง เฮนรี่ มาร์ติน ก็ยังไม่เคยสตาร์ตตัวจริงให้ทีม ถึงจะยิงไปแล้ว 2 ประตู ส่วนดาวซัลโวรอบคัดเลือกอันดับ 2 อเล็กซิส เวก้า ที่ทำได้ 2 ประตูก็เป็นกองกลางตัวรุก ผู้รักษาประตูยังใช้บริการ กีแยร์โม โอโชอา ในวัยปลาย 30 ที่ฟอร์มในระดับสโมสรพักหลัง ๆ ก็ไม่สู้ดีนัก

โปแลนด์เองก็ใช่ว่าจะแตกต่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงระดับหัวแถวของโลกก็ปาเข้าไป 34 ปี และหวังจะเบิกประตูแรกในฟุตบอลโลกให้ได้ในปีนี้ ไม่งั้นก็อาจหมดโอกาส ปราการหลังคามิล กิลก์ ที่เล่นในระดับซีเรีย บี ก็วัย 34, เกรซกอร์ซ ครีโชเวียก วัย 32 โดยผู้เล่นสูงวัยของโปแลนด์จะอายุเยอะกว่าทีมจังโก้ หากก็มีการดันผู้เล่นหนุ่ม ๆ เข้ามา แต่ปัญหาคือจะทดแทนได้แค่ไหน เช่น จาคุบ คีเวียร์กับนิโคลา ซาลีวสกี้ จะทำได้ดีเท่าที่กิลก์เคยทำหรือเปล่า แต่อย่างน้อยทางด้านขวา แม็ตตี้ แคช จากแอสตัน วิลล่า ก็พร้อมเป็นตัวหลักในตำแหน่งวิงแบ็คขวา และน่าจะได้ลงเล่น แม้มีอาการบาดเจ็บไหล่เล็กน้อย แดนกลางและแนวรุก ดาวเตะรุ่นใหม่ ๆ อย่าง เพียโตร ซีลินสกี้ที่มีฤดูกาลที่ดีกับนาโปลี, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิก, แครอล สวีเดอร์สกี้ และคริสตอฟ พีออนเท็ก เป็นส่วนหนึ่งของทีมได้อย่างลงตัว

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฟุตบอลโลก 2022

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าความหวังของโปแลนด์ ที่คงไปไม่ได้ไกลนักในฟุตบอลโลกครั้งนี้ (ภาพ:)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของเม็กซิโกและโปแลนด์

เม็กซิโก ระบบ 4-3-3: โอโชอา; ซานเชส, วาสเกวซ, มอนเตส, อาร์เตก้า; คาร์ลอส ร็อดริเกวซ, เอ็ดสัน อัลวาเรซ, เอร์เรร่า; โลซาโน, ฮิมิเนซ, เวก้า
โปแลนด์ ระบบ 3-5-2: เซสนี่; เบ็ดนาเร็ก, กิลก์, คิเวียร์; แคช, เซบาสเตียน ซีแมนสกี้, บีลิก, ซีวินสกี้, ซาลีวสกี้; เลวานดอฟสกี้, สวีเดอร์สกี้

ผลการแข่งขันระหว่างเม็กซิโก – โปแลนด์

เกมน่าจะสู้กันสนุก สมเป็นเกมชิงที่ 2 ของกลุ่ม เม็กซิโกน่าจะได้ครองเกมเป็นส่วนใหญ่ เพราะนั่นไม่ใช่จุดเด่นของโปแลนด์ที่รูปเกมเน้นครอสส์บอลจากด้านข้างโดยเป้าหมายอยู่ที่เลวานดอฟสกี้ ที่แม้จะยิงในรอบคัดเลือกมานักต่อนัก สถิติในระดับสโมสรสวยหรู แต่ประตูแรกในฟุตบอลโลกก็ยังมาไม่ถึง ทีมจังโก้จะเล่นบอลภาคพื้นเป็นหลัก แต่หากจำเป็นพวกเขาอาจต้องใช้บริการซีซาร์ มอนเตส ผู้เล่นแนวรับ มาเล่นลูกกลางอากาศในแดนหน้า

ที่น่าสนใจก็คือ สถิติการเจอทีมยุโรปของเม็กซิโกจัดว่าสวยหรู ในฟุตบอลโลก 3 ครั้งหลัง พวกเขารับมือทีมยุโรป อย่าง ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี และสวีเดน ด้วยการแพ้แค่อัศวินสีส้มและไวกิ้งสวีเดน ผิดจากโปแลนด์ที่ 5 นัดสุดท้ายของฟุตบอลโลกชนะแค่นัดเดียว แล้วสถิติการเจอกับทีมจากอเมริกาใต้หรืออเมริกากลาง 5 นัดหลังสุด พวกเขาชนะแค่หนึ่ง และหนนี้ก็น่าจะแพ้อีกครั้งด้วยสกอร์ฉิวเฉียด ผลต่างประตูไม่น่าเกิน 2 ลูก

เรื่องน่าอ่าน
1. กลุ่ม ดี ฟุตบอลโลก 2022 เช็กชะตาแชมป์เก่าตราไก่ เวลาของโคนม? ใครจะเป็นทีมแจกแต้มของกลุ่มนี้
2. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
3. โปแลนด์กับห้าผู้เล่นคนสำคัญ ที่จะทำให้พวกเขาพ้นสภาพทีมแกร่งแค่รอบคัดเลือก ในฟุตบอลโลก 2022
4. ห้าจังโก้อันตราย ที่จะพาเม็กซิโกไปไกล ในฟุตบอลโลก 2022
5. นักเตะแดนจิงโจ้ ความหวังพาออสเตรเลียไปให้ไกลในฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs โครเอเชีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs โครเอเชีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ : โมร็อกโก vs โครเอเชีย
พุธ 23 พฤศจิกายน 2565, 17.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
โมร็อกโก
ชนะ ดีอาร์ คองโก รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกเสมอ 1-1, นัดสองชนะ 4-1

โครเอเชีย
แชมป์กลุ่มเอช โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 21 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โมร็อกโก
คัด AFCON ชนะ แอฟริกาใต้ 2-1
คัด AFCON ชนะ ไลบีเรีย 2-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ ปารากวัย 0-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์เจีย 3-0

โครเอเชีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เดนมาร์ก 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ฝรั่งเศส 1-0
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เดนมาร์ก 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 3-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 1-0

 

ผลการพบกัน (1 นัด)
อุ่นเครื่อง 1996 โมร็อกโก 2-2 โครเอเชีย

 

สภาพทีม
โมร็อกโก
มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่ โมร็อกโก ก็อยู่ในทรงที่ดีทีเดียว ชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุด และแพ้เกมเดียวเท่านั้นจาก 8 แมตช์หลัง

 

กับนัดเปิดหัวฟุตบอลโลก 2022 เกมนี้ เรกรากี มีปัญหาตัวเจ็บอยู่ 2 ราย อับเดลฮามิด ซาบิรี่ กองกลางจากซามพ์โดเรีย กับ อับเดสซาหมัด เอซซาลซูลี่ กองหน้าโอซาซูน่า ไม่พร้อมเล่น

 

แต่ขุนพลตัวหลักอย่าง ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่, นูสแซร์ มาซราอุย หรือ อัชราฟ ฮาคิมี่ พร้อมรบตามปกติทั้งหมด

 

โครเอเชีย
กำลังอยู่ในร่างทอง ซูเปอร์ไซย่า เมื่อชนะมาติดต่อกัน 5 เกมซ้อน ทั้งใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และเกมอุ่นเครื่องล่าสุดเมื่อกลางเดือน ที่เบียด ซาอุฯ 1-0 จากประตูโทนของ อันเดรจ์ ครามาริช ท้ายเกม

 

ซลัตโก้ ดาลิช ไม่มีปัญหาตัวผู้เล่นใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากที่นายทวาร ลอฟเร่ คาลินิช เจ็บอยู่ก่อนแล้วจนหลุดโผไปตั้งแต่ก่อนประกาศรายชื่อ รวมถึงตัวที่ถูกกาทิ้งอย่าง ดูเย่ กาเลต้า-คาร์ หรือ โยซิป เบรคาโล่ ก็ไม่ได้มีความสำคัญกับทีม

 

คาดว่าระบบจะใช้ 4-3-3 แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าดัน อีวาน เปริซิช ไปเดินเกมรุกร่วมกับ มาร์โก ลิวาย่า และ นิโกล่า วลาซิช

 

ตัวความหวัง
โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ฮาคิม ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนตัวกุนซือเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้เขาจะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี จนซีซั่นนี้เพิ่งได้เล่นแค่ 9 นัด แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 18 ประตูจาก 43 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 54 เกมทีมชาติ

 

โครเอเชีย : อีวาน เปริซิช
แม้การเป็นลูกทีมของ อันตนิโอ คอนต้ ที่สเปอร์ส เปริซิช จะถูกใช้งานเป็นวิงแบ็กฝั่งซ้าย แต่กับการารับใช้ชาติแล้ว เขาคือปีกซ้ายที่มีหน้าที่เล่นเกมรุกเต็มอัตรา หรือจะเรียกว่ากองหน้าไปเลยก็ได้ไม่ผิด เช่นเดียวกับเกมนี้ที่ถูกคาดหมายว่าจะถูกใช้เป็นกองหน้าฝั่งซ้ายอีกครั้งในระบบ 3 ตัวรุก ซึ่งสิ่งที่เราเห็นกันมาตลอดกับ สเปอร์ส รวมถึง อินเตอร์ มิลาน คือ เปริซิช แค่ต้องปรับความคมให้เพิ่มมากขึ้นอีกนิด สกอร์จะไหลมาเทมามากกว่าที่เป็น แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็นำดาวซัลโวของทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
โมร็อกโก (4-2-3-1, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, นาเยฟ อาแกร์ด, โรแม็ง ไซส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต – ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, เซลิม อมัลลาห์ – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, โยซิป ซูตาโล่, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, มาร์โก ลิวาย่า, นิโกล่า วลาซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เคยพบกันมาแค่ครั้งเดียวถ้วน ตั้งแต่ปี 1996 ยุค โรเบิร์ต โปรซิเนซกี้, โรเบิร์ต ยาร์นี่, ซโวนิเมียร์ ซอลโด้, มุสตาฟา ฮัดจิ ซึ่งลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 และมีเตะจุดโทษตัดสิน โครเอเชียชนะ 7-6
• โมร็อกโกชุดนี้มีเด็กอายุ 18 ด้วย อย่าง บิลาล เอล คานนุส กองกลางดาวรุ่งจาก เกงค์ ซึ่งไม่เคยเล่นชุดใหญ่มาก่อน แต่เคยเล่นให้ทั้ง เบลเยียม และ โมร็อกโก ในชุดเยาวชน
• โครเอเชีย มีถึง 3 คนที่เล่นทีมชาติทะลุร้อยนัด คือ ลูก้า โมดริช (155), อีวาน เปริซิช (116) และ โดมากอย วิด้า (100)
• ดาวซัลโวชุดนี้ของ โครเอเชีย เป็นวิงแบ็กอย่าง อีวาน เปริซิช ที่กดไป 32 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
คู่คี่สูสีกันมาก ทั้ง โมร็อกโก และ โครเอเชีย ที่ต่างก็แข็งแกร่งหนั่นแน่นในทุกขุมกำลังตั้งแต่หลังมาหน้าสุด ทำให้เกมนี้เป็นอะไรที่คาดเดาลำบาก และแม้ โครเอเชีย จะมีดาวเด่นอย่าง ลูก้า โมดริช, มาเตโอ โควาซิช หรือ อีวาน เปริซิช ในทีม แต่ โมร็อกโก ชุดนี้ก็นำขบวนมาโดย ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบ็กขวาระดับโลกอย่าง อัชราฟ ฮาคิมี่ ทำให้จะสู้กันอย่างดุเดือด ผลสามารถออกได้ทั้งสามหน้า และอาจตัดสินกันด้วยประตูเดียว

ผลที่คาด : 1-0

 

โปรแกรมถัดไป
โมร็อกโก
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 20.00 — เบลเยียม vs โมร็อกโก
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — แคนาดา vs โมร็อกโก

โครเอเชีย
อาทิตย์ 27 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — โครเอเชีย vs แคนาดา
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565 — 22.00 — โครเอเชีย vs เบลเยียม

 

ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี : ฝรั่งเศส vs ออสเตรเลีย
22 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น. (เช้าตรู่พุธ 23 พ.ย.)
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ฝรั่งเศส
แชมป์กลุ่มดี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 3

ออสเตรเลีย
ชนะ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ 2-1 รอบ 4 โซนเอเชีย (รอบเพลย์ออฟ)
ชนะจุดโทษ เปรู 5-4 (หลังเสมอ 0-0) รอบเพลย์ออฟต่างทวีป

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก เสมอ โครเอเชีย 1-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ ออสเตรีย 1-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2

ออสเตรเลีย
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 2-1
คัดบอลโลก ชนะ ยูเออี 2-1
คัดบอลโลก เสมอ เปรู 0-0 / ชนะจุดโทษ 5-4
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 2-0

 

ผลการพบกัน
5 นัด ฝรั่งเศสชนะ 3 เสมอ 1 ออสเตรเลีย ชนะ 1

 

สภาพทีม
ฝรั่งเศส
เหมือนจะโดน “อาถรรพ์แชมป์เก่า” กัดกินอย่างน่าแปลกใจ จน ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เสียนักเตะทั้งคนสำคัญและตัวสลับไปอย่างน้อย 7 รายในช่วงที่ผ่านมา ไล่จาก โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่สองรายหลังเจ็บหลังตัดตัว 26 คนสุดท้าย กระทั่งมาถึงรายล่าสุดอย่าง คาริม เบนเซม่า

 

การถอนตัวของ เบนเซม่า เจ้าของบัลลงดอร์ 2022 ทำให้เป็นบอลโลกหนแรกถัดจากปี 1978 ที่ไม่มีเจ้าของรางวัลดังกล่าว เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์

 

กระนั้น หลังจาก เบนเซม่า ถอนตัวไป เดส์ชองส์ ก็ไม่ได้เรียกใครเข้ามาเสริม หลังจากเพิ่มชื่อ มาร์คุส ตูราม (มึนเช่นกลัดบัค) กับ ร็องดาล โคโล มูอานี่ (แฟร้งค์เฟิร์ต) มาในโควตากองหน้าตัวเป้า ถัดจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เปแอสเช) และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (เอซี มิลาน)

 

ปัญหาของ เดส์ชองส์ ยังมีอย่างเรื่องฟอร์มการเล่นช่วงหลัง ที่ชนะแค่เกมเดียวจาก 6 นัดของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี ที่เหลือเสมอ 2 แพ้ 3

 

นอกจากนั้น สภาพร่างกายของ ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์แบ็กคนสำคัญจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ แม้จะเชื่อว่ามีโอกาสลงได้มากกว่าก็ตาม

 

คาดว่าแชมป์เก่าจะมาในระบบ 4-2-3-1 วาง อาเดรียง ราบิโอต์ ยืนกลางคู่ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ และให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คิงสลี่ย์ โกม็อง เป็นตัวรุกสนับสนุนหอกเป้า คีลิยัน เอ็มบัปเป้

 

ออสเตรเลีย
ฝั่งทัพจิงโจ้ กว่าจะได้เข้ารอบสุดท้ายมา ต้องเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นเตะเพลย์ออฟถึง 2 รอบ และกว่าจะโค่นคู่แข่งต่างทวีปอย่าง เปรู ได้ (หลังเสมอ 0-0) ก็ต้องลุ้นหนักถึงจะได้เฮจากการดวลจุดโทษ

 

สภาพทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ ไม่ได้มีปัญหาเท่าฝรั่งเศส โดยเสียแค่ มาร์ติน บอยล์ ถอนตัวไป กับต้องเช็กฟิต แฮร์รี่ ซุตตาร์

 

อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียชุดนี้ ไม่ค่อยจะมีสตาร์ในทีมนักแล้ว ตัวที่เล่นในยุโรปมีจำกัดเช่นกัน อาทิ อาจ์ดิน ฮรุสติช (เวโรน่า), อารอน มอย (เซลติก), แจ๊คสัน เออร์ไวน์ (ซังต์ เพาลี), ฟราน คาราซิช (เบรสชา), ไบลี่ย์ ไรท์ (ซันเดอร์แลนด์) หรือ แฮร์รี่ ซุตตาร์ (สโต๊ค)

 

ตัวความหวัง
ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 59 เกม ยิง 28 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

ออสเตรเลีย : แม็ทธิว เลคกี้
ตัวรุกประสบการณ์สูงวัย 31 ที่ลงเล่นทีมชาติมาแล้ว 73 นัด (13 ประตู) และผ่านรายการใหญ่มาแล้วทั้งฟุตบอลโลก 2 รอบ 2014 กับ 2018, เอเชียน คัพ 2 หน และคอนเฟดฯ คัพ อีกหนึ่ง เวลานี้อยู่ในสังกัด เมลเบิร์น ซิตี้ ภายหลังโกอินเตอร์ไปเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่นานนับสิบปี กับทั้ง กลัดบัค, เอฟเอสเฟา แฟร้งค์เฟิร์ต, อิงโกลชตัดท์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เรียกว่าหลังจากหมดยุค แฮร์รี่ คีเวลล์, มาร์ค วิดูก้า หรือ ทิม เคฮิลล์ แล้วก็มี แม็ทธิว เลคกี้ นี่แหละเป็นดาวเด่น

 

11 ตัวจริงที่คาด
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – ลูคัส เอร์นันเดซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, ราฟาแอล วาราน, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คิงสลี่ย์ โกม็อง – คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ออสเตรเลีย (4-2-3-1, กุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์) แม็ต ไรอัน – เนธาเนียล แอตกินสัน, แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไค โรว์เลส, อาซิซ เบฮิช – อารอน มอย, คาเมรอน เออร์ไวน์ – อาเวอร์ มาบิล, อาจ์ดิน ฮรุสติช, แม็ทธิว เลคกี้ – เจมี่ แม็คลาเรน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เพิ่งเจอกันมาในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยลงเตะเป็นเกมแรกของกลุ่มด้วย ฝรั่งเศส เฉือนชัย 2-1 จากการยิงตัวเองของ อาซิซ เบฮิช ก่อนจบ 9 นาที
• หนเดียว (จาก 5 นัด) ที่ ออสเตรเลีย ชนะฝรั่งเศสได้ คือใน คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2001 ที่เบียดชนะ 1-0
• ออสเตรเลีย ไปไกลสุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งพวกเขาก็ตกรอบอย่างหวุดหวิด โดน อิตาลี ยิงจุดโทษทดเจ็บ 90+5 (ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ)
• บรรดาตัวเลือกกองกลางของฝรั่งเศส มีเพียง อาเดรียง ราบิโอต์ ที่รับใช้ทีมชาติชุดใหญ่เกิน 15 นัด (29 นัด 2 ประตู) นอกนั้นอีก 5 ชอยส์ล้วนแต่เล่นทีมชาติไม่เกิน 14 เกม แถม 4 คนในนั้นยังเล่นมาแค่ 5-6 นัดด้วย
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (28), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (49), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 119 ลูก โดยเฉพาะ ชิรูด์ ที่ขออีก 3 ประตูจะกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของฝรั่งเศสเหนือ เธียร์รี่ อองรี (51)

 

ความน่าจะเป็น
สองวันที่ผ่านไปของฟุตบอลโลก 2022 ตัวแทนจากเอเชียโชว์ฟอร์มดูไม่ได้เลยทั้งเจ้าภาพ กาตาร์ และ อิหร่าน ซึ่งแม้ว่า ออสเตรเลีย จะไม่เชิงใช่ทีมของเอเชีย แต่ระดับชั้นก็อยู่ประมาณเดียวกัน และแม้ ฝรั่งเศส จะเจอปัญหาแข้งเดี้ยงเยอะแถมฟอร์มช่วงหลังยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ตัวที่ยังอยู่ก็ล้วนแต่เป็นของจริงทั้งสิ้น ถ้าเล่นกันอย่างลงล็อก เจาะลูกแรกได้เร็ว ก็มีแค่จะยิงได้ 3 หรือ 4 ลูก หรือมากกว่านั้น

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 4-0

 

โปรแกรมถัดไป
ฝรั่งเศส
เสาร์ 26 พฤศจิกายน 2565 — 23.00 — ฝรั่งเศส vs เดนมาร์ก
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565 — 22.00 — ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส

ออสเตรเลีย
เสาร์ 26 พฤศจิกายน 2565 — 17.00 — ตูนิเซีย vs ออสเตรเลีย
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565 — 22.00 — ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก

เม็กซิโก vs โปแลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

เม็กซิโก vs โปแลนด์ : ตรวจความพร้อมรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี : เม็กซิโก vs โปแลนด์
อังคาร 22 พฤศจิกายน 2565, 23.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่าายทอดสด : ไทยทีวีสีช่อง 3

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เม็กซิโก
อันดับ 2 รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เตะ 14 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 17 เสีย 8

โปแลนด์
ชนะเพลย์ออฟเหนือ สวีเดน
(ชนะบายเหนือ รัสเซีย, ชนะ สวีเดน 2-0)

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เม็กซิโก
อุ่นเครื่อง แพ้ ปารากวัย 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ เปรู 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ โคลอมเบีย 2-3
อุ่นเครื่อง ชนะ อิรัก 4-0
อุ่นเครื่อง แพ้ สวีเดน 1-2

โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เนเธอร์แลนด์ 2-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เบลเยียม 0-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0

 

ผลการพบกัน
8 นัด เม็กซิโกชนะ 3 เสมอ 2 โปแลนด์ชนะ 3

 

สภาพทีม
เม็กซิโก
เข้ารอบสุดท้ายมาด้วยการเป็นรองแชมป์โซนคอนคาเคฟ แต่ว่าฟอร์มช่วงหลังค่อนข้างแกว่ง ชนะสลับแพ้มาอย่างต่อเนื่องในตลอด 3-4 เดือนหลังของคิวทีมชาติ

 

กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ มีปัญหาสภาพทีมเล็กน้อยแต่ก็เป็นจุดสำคัญอย่าง ราอูล ฮิมิเนซ กองหน้าตัวความหวังจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ไม่ได้เล่นให้ทีมหมาป่ามาตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่ยังคงอยู่เป็นตัวเลือกในทีมชุดนี้ แม้อาจไม่ได้เริ่มที่การเป็นตัวจริงก็ตาม

 

ยกเว้น ฮิมิเนซ แล้วก็ถือว่า เม็กซิโก อยู่ในจุดที่สมบูรณ์ดี สามารถใช้งานตัวหลักที่มีได้ทั้งหมด กระนั้นทีมชุดนี้ไม่มีตัวดังอย่าง ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นันเดซ หรือ เฮซุส มานูเอล โคโรน่า ติดมาด้วย โดยรายหลังฟื้นฟิตไม่ทันเล่นบอลโลก

 

โปแลนด์
เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเซอร์ไพรส์ในช่วงปลายปีที่แล้ว กับการที่ เปาโล ซูซ่า โค้ชชาวโปรตุเกส ตัดสินใจสละเก้าอี้ไปรับตำแหน่งกับ พัลไมรัส ก่อนที่ โปแลนด์ จะคว้าเอา เชสลาฟ มิชนีวิซ อดีตกุนซือลีเกีย วอร์ซอว์ และทีมชาติชุดยู-21 เข้ามาสานงานต่อ

 

ในการเตะ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี โปแลนด์ เอาชนะไม่ได้เลยในเกมเหย้าเยือนกับ เบลเยียม และ เนเธอร์แลนด์ แต่ท้ายสุดก็เอาชนะ เวลส์ ได้ 1-0 ต่อด้วยอุ่นเครื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ชนะ ชิลี 1-0 อีก

 

เชสลาฟ มิชนีวิซ มีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก โดยแทบไม่ได้ขาดสมาชิกหน้าเก่ารายใดไป ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคยในระบบ 3-5-2

 

ตัวความหวัง
เม็กซิโก : เออร์วิ่ง โลซาโน่
ในช่วงเวลาที่ ราอูล ฮิมิเนซ ดาวยิงตัวเจ็บจากวูล์ฟส์ ยังไม่อาจวางใจได้เรื่องสภาพความฟิต คนที่ทัพจังโก้อันตรายต้องพึ่งพาในเกมรุกก็คือ เออร์วิ่ง “ชัคกี้” โลซาโน่ ตัวรุกสารพัดประโยชน์วัย 27 จากนาโปลี ซึ่งที่จริงก็ถูกจับตามองตั้งแต่ฟุตบอลโลกหนที่แล้วที่รัสเซีย โชคร้ายที่ไปไม่ได้ไกลนักเมื่อต้องเจอ บราซิล ในรอบ 8 ทีม โดย โลซาโน่ เล่นทีมชาติไปแล้ว 60 นัด ซัด 16 ประตู แต่ที่แรงกว่าคือฟอร์มกับต้นสังกัด นาโปลี ที่ยิง 4 ลูกจาก 19 เกมในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา

 

โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
หากว่า อาร์เจนติน่า ถูกเรียกว่า ทีมชาติเมสซี่ แล้ว โปแลนด์ ก็ควรต้องถูกเรียกว่า “ทีมชาติเลวานดอฟสกี้” ด้วยเช่นกัน เมื่อนี่คือผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชาติอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของดาวยิงรายนี้เป็นสำคัญ ซึ่ง เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 76 ประตูในนามทีมชาติ ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดไปแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
เม็กซิโก (4-3-3, กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่) กิเยร์โม่ โอชัว – เฮซุส กายาร์โด้, เซซ่าร์ มอนเตส, เนสเตอร์ อเราโฮ, ฮอร์เก้ ซานเชซ – อันเดรส กวาร์ดราโด้ (C), เอ๊ดสัน อัลวาเรซ, คาร์ลอส โรดริเกซ – อเล็กซิส เวก้า, เฮนรี่ มาร์ติน, เออร์วิ่ง โลซาโน่
โปแลนด์ (3-5-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – ยาน เบ๊ดนาเร็ค, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์ – นิโกล่า ซาเลฟสกี้, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, คริสเตียน บีลิค, ดาเมี่ยน ซีมานสกี้, แม็ตตี้ แคช – อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• คู่นี้พบกันหนล่าสุด เกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2017 เม็กซิโกบุกชนะ 1-0 ที่กดังค์ส
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 2 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 6 นัดรอบปี 2022 แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อันเดรส กวาร์ดราโด้ กัปตันทีมวัย 36 ของเม็กซิโก ลงเล่นทีมชาติมาแล้วถึง 178 นัด และฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นสมัยที่ 5 เช่นเดียวกับ กิเยร์โม่ โอชัว
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ

 

ความน่าจะเป็น
ว่ากันเรื่องความเจนจัดในฟุตบอลโลก เม็กซิโก เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้ กระนั้นขุมกำลังชุดนี้ของทัพจังโก้ยังเต็มไปด้วยคำถาม และดูดร็อปลงไปจากครั้งก่อนๆ พอตัว ผิดกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่น่ากลัวเสมอไม่ว่าจะเล่นให้สโมสรหรือทีมชาติ ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว พลังสังหารของ เลวานดอฟสกี้ ก็น่าเชื่อถือมากกว่าจะอยู่ข้างเม็กซิโก

 

ผลที่คาด : โปแลนด์ ชนะ 2-1

 

โปรแกรมถัดไป
เม็กซิโก
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 02.00 — อาร์เจนติน่า vs เม็กซิโก
พุธ 30 พฤศจิกายน — 02.00 — ซาอุดีอาระเบีย vs เม็กซิโก

โปแลนด์
เสาร์ 26 พฤศจิกายน — 20.00 — โปแลนด์ vs ซาอุดีอาระเบีย
พุธ 30 พฤศจิกายน — 02.00 — โปแลนด์ vs อาร์เจนติน่า

อาร์เจนติน่า จะผ่านอินทรีทะเลทราย ซาอุดิอาระเบีย ในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบสบาย ๆ

อาร์เจนติน่า จะผ่านอินทรีทะเลทราย ซาอุดิอาระเบีย ในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 ไปแบบสบาย ๆ

ทำนายผลฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่ม ซี อาร์เจนติน่า – ซาอุดิอาระเบีย

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

 

ชาติเอเชีย - ซาอุดิ อาระเบีย

ซาอุดิ อาระเบีย เข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 เป็นที่หนึ่งในกลุ่มที่มีญี่ปุ่น กับออสเตรเลีย ร่วมกลุ่ม (ภาพ: SSAF/Facebook)

เกมในกลุ่ม ซี วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 17:00 น. (ตามเวลาบ้านเรา) True4U/ True Sports 2: แน่นอนว่า สายตาของผู้ชมเกมนัดนี้ ย่อมจับจ้องไปที่ลิโอเนล เมสซี่ ที่จะลงเล่นฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ห้า และน่าจะเป็นสมัยสุดท้ายให้กับตัวเอง โดยที่สามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ระดับชาติมาได้สารพัดขาดก็เพียงถ้วยฟุตบอลโลกเท่านั้น และกับการเจอทีมจากเอเชีย ซาอุดิอาระเบีย น่าจะเป็นการออกสตาร์ตที่สวยหรูของเมสซี่และผองเพื่อน เมื่อดูแล้ว อินทรีทะเลทราย ที่นักเตะส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นลีกจากในประเทศ ดูไม่มีอะไรจะสู้ทีมฟ้าขาวได้เลย นอกจากเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของกาตาร์ ที่น่าจะทำให้ได้เสียงเชียร์มากเป็นพิเศษ (หรือเปล่า?)

เส้นทางก่อนการเจอกันของ อาร์เจนติน่า – ซาอุดิอาระเบีย

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

ทีมฟ้าขาวมาฟุตบอลโลก 2022 เดินทางมากาตาร์ พร้อมกับสถิติไม่แพ้ใคร 35 นัดรวด และกับเกม 5 นัดก่อนเดินทางมากาตาร์ก็ชนะแบบยิงประตูระเนระนาด และไม่เสียประตูเลย แม้จะไม่เจอกับคู่แข่งแข็ง ๆ สักเท่าไหร่ก็ตามที ยกเว้นอิตาลี แชมป์ยูโร 2020 ที่ตกรถไฟฟุตบอลโลก 2022 เฉย ซึ่งเมสซี่และผองเพื่อนก็สยบได้สบาย ๆ 3-0

ซาอุดิอาระเบีย อาจจะดูดีในรอบคัดเลือก โดยเฉพาะการเป็นที่หนึ่งในกลุ่มที่มีตัวเก็งอย่าง ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย แต่ฟุตบอลโลกคือความแตกต่าง ทีมที่เจอคืออีกระดับ และจากเกมอุ่นเครื่องก่อนถึงฟุตบอลโลก 5 นัดสุดท้าย ทีมอินทรีทะเลทรายเสมอไป 3 แพ้ 1 ชนะ 1 โดยเจอคู่แข่งที่ไม่ได้แข็งมากนัก อย่าง อัลบาเนีย, ฮอนดูรัส, ปานามา ที่กินกันไม่ลง และชนะไอซ์แลนด์ แล้วมาแพ้ทีมที่เรียกได้ว่า “ของจริง” โครเอเชีย 1-0 ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งอาร์เจนติน่าและซาอุดิอาระเบียต่างเจอกับฮอนดูรัสทั้งคู่ แต่ขณะที่ทีมจากเอเชียทำได้แค่เสมอ ทีมฟ้าขาวขย่มไป 3-0 ที่ด้วยชื่อชั้น ด้วยฟอร์มการเล่น เชื่อว่าเฮิร์ฟ เรนาร์ด โค้ชของซาอุดิอาระเบีย ไม่น่าคิดไปไกลนักสำหรับนัดนี้ แพ้ให้น้อยที่สุด หรือเก็บแต้มได้คือที่สุดแล้ว โดยอาจจะมองว่าเป็นเกมติวเข้มระดับสุด ๆ ของทีม เพื่อไปหวังแต้มจากนัดอื่น ส่วนอาร์เจนติน่า ก็อาจมองว่าเป็นเกมอุ่นเครื่องที่ต้องเน้นผล

แล้วอย่าลืมว่า ซาอุดิอาระเบีย เคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายกับการลงสนามนัดแรกในฟุตบอลโลกมาแล้ว ไม่ว่าจะพ่ายเยอรมนียับ 8-0 ในปี 2002 และโดนเจ้าภาพรัสเซียถล่ม 5-0 ในปี 2018

ความพร้อมของนักเตะอาร์เจนติน่าและซาอุดิอาระเบีย

คริสเตียน โรเมโร่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียน โรเมโร่ นายใหญ่ในแผงหลังของทีมฟ้าขาว (ภาพ: Alexandre Schneider/Getty Images)

สถานการณ์ทุกอย่างดูราบรื่น แม้จะมีการส่งนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ โจอาควิน คอร์เรอา กับนิโคลาส กอนซาเลซ กลับบ้าน แล้วเรียกตัวธิอาโก้ อัลเมด้า และอังเจล คอร์เรอา มาเข้าแคมป์ด่วน ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่แน่ ๆ สภาพของลิโอเนล เมสซี่ ที่เป็นหัวใจของทีมอยู่ในสภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ และนักเตะคนอื่น ๆ เป็นตัวสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญ โค้ชลิโอเนล สคาโลนี่สามารถหลอมรวมจิตใจผู้เล่นทั้งทีมเป็นหนึ่งเดียวกันสำเร็จ และเอาชนะใจแฟน ๆ ได้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดี โดยผู้เล่นที่มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บมีแค่คริสเตียน โรเมโร่ ที่เจ็บหลัง กับอังเจล ดิ มาเรีย แต่ก็น่าฟิตลงเล่นทัน

ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี อินทรีทะเลทราย ซาอุดิ อาระเบีย ฟุตบอลโลก 2022

ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี ผู้เล่นเจ้าของพรสวรรค์ในระดับที่เยี่ยมยอด หลังเปิดตัวในทีมอินทรีทะเลทรายชุดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน (ภาพ: www.the-afc.com)

ซาอุดิอาระเบีย นอกจากจะดูห่างชั้นกว่าในเรื่องชื่อชั้น ฟอร์มการเล่นแล้ว ยังต้องลุ้นซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี ตัวเก่งของทีมที่เข้ารับการผ่าตัดเล็ก จะฟื้นตัวแล้วฟิตพอลงเล่นได้หรือเปล่า แต่ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของอาร์เจนติน่าและซาอุดิอาระเบีย

อาร์เจนตินา ระบบ 4-3-3: อีมี่ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร่, โอตาเม็นดี้, อะคูญ่า; เดอ ปอล, เปเรเดส, โกเมซ; เมสซี่, เลาตาโร มาร์ติเนซ, ดิมาเรีย
ซาอุดิอาระเบีย ระบบ 4-3-3: โอไวส์; กาหนาม, อัมรี, บูไลไฮ, ชารานี่; นาเจ, ชาราหิลี, ฟาราจ; ดอว์ซารี่, บูไรคาน, บาเฮบรี

ผลการแข่งขันระหว่างอาร์เจนติน่ากับซาอุดิอาระเบีย

แม้จะเล่น 4-3-3 แต่นัดนี้เชื่อว่า อินทรีทะเลทรายน่าจะเล่นรับลึกกว่าปกติ และศูนย์หน้าของทีมก็ต้องใช้โอกาสที่มีไม่เปลือง เพื่อให้ทีมสร้างผลการแข่งขันที่ช็อคโลกได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวผู้เล่นของซาอุดิอาระเบียเอง คือผู้เล่นจากลีกในประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องประสบการณ์น่าจะอยู่คนละชั้นกับฟ้าขาว และต่อให้รับเหนียว เล่นลึกขนาดไหน ความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือกว่าของบรรดาผู้เล่นอาร์เจนติน่า สามารถสร้างความแตกต่างได้มหาศาล ทั้งการใช้ความสามารถเฉพาะตัวบุกเข้าไปทำประตู หรือเรียกลูกโทษ ที่มีตัวเตะลูกนิ่งชั้นดีอยู่ในทีมมากมาย และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ เมสซี่

แม้ทีมใหญ่ ๆ มักจะเจอทีมเล็ก ๆ ปัดแข้งปัดขาเสมอในนัดแรกของฟุตบอลโลก แต่ไม่น่าใช่อาร์เจนติน่า และพวกเขาน่าจะผ่านซาอุดิอาระเบียไปได้ แบบขย่มอยู่ข้างเดียว โดยชนะในแบบเกมศูนย์ และถ้ายิงได้ไม่ถึง 3 ประตู ก็ถือว่าน่าผิดหวัง 

เรื่องน่าอ่าน
1. 
กลุ่ม ซี ในฟุตบอลโลก 2020 กลุ่มของเมสซี่ และโอกาสเก็บประสบการณ์อันดีของซาอุดิอาระเบีย
2. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
3. ห้านักเตะอินทรีทะเลทราย – ซาอุดิอาระเบีย ที่น่าจับตาในฟุตบอลโลก 2022
4. โปแลนด์กับห้าผู้เล่นคนสำคัญ ที่จะทำให้พวกเขาพ้นสภาพทีมแกร่งแค่รอบคัดเลือก ในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าจังโก้อันตราย ที่จะพาเม็กซิโกไปไกล ในฟุตบอลโลก 2022