เรื่อง

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โมร็อกโก – โปรตุเกส

วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โมร็อกโก ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก มากาตาร์ เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ในแบบที่มีนักเตะระดับท็อปมากที่สุด เท่าที่เคยมีมาก็ว่าได้ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

สถานการณ์ของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ชาติจากการชนะดวลจุดโทษกับสเปน บ้านใกล้เรือนเคียงจากยุโรปใต้ และรอบนี้พวกเขาก็จะพบอีกทีมจากพื้นเพเดียวกับสเปน ที่ชนะสวิตเซอร์แลนด์อย่างสวยหรู และมีนักเตะคนแรกที่ทำให้แฮ็ททริคได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

สิงโตจากเทือกเขาแอตลาสยื้อสเปน ที่ทำสถิติผ่านบอลในเกมเป็นพันครั้งได้สนุก แม้โอกาสทำประตูจะน้อยกว่า แต่ในแง่ของลูกเสียว ทีมจากแอฟริกาทำได้ดีกว่า โดยกุญแจสู่ชัยชนะของพวกเขาคือ เกมรับ ที่เป็นความรับผิดชอบของสองฟูลล์แบ็ค อาชราฟ ฮาคิมี่กับนูสแซร์ มาซราอุย และคู่เซนเตอร์รวมถึงกองกลางที่วิ่งไม่มีหมด ซอยฟราน อัมราบัต ที่ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนโปรตุเกสนอกจากจะถล่มสวิสกระเจิง ยังเปิดตัวดาวยิงคนใหม่ กอนเซโล รามอส ที่ทำแฮ็ททริคแรกของฟุตบอลโลก 2022 โดยซูเปอร์สตาร์ที่มากาตาร์พร้อมสารพัดเรื่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่บนม้านั่งสำรอง

ถ้าโมร็อกโกไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ พวกเขาไม่ใช่แค่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตัวเอง แต่ยังเป็นทีมแรกของแอฟริกาที่ไปได้ไกลขนาดนั้น การเป็นที่ 1 ในกลุ่มที่มีทีมอันดับ 2 และ 3 จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว โมร็อกโกไม่น่าที่จะต้องกลัวใครอีก ส่วนโปรตุเกสชัยชนะ 3 นัด กับ 12 ประตู น่าจะทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่า มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกได้ หลังได้แชมป์ยูโรและเนชั่นส์ ลีกมาแล้ว

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทีมชาติโปรตุเกส จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: portugoal.net)

เช็กสถิติของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโกเคยเข้ารอบ 16 ทีมมาแล้วในฟุตบอลโลก 1986 ยังสร้างสถิติในฟุตบอลโลกให้กับตัวเอง ด้วยการไม่แพ้ติดต่อกันถึง 5 นัด และจากการลงเล่น 7 นัดหลัง พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ถึง 6 เกม สำหรับการเจอกันของทั้ง 2 ทีม โมร็อกโกพบโปรตุเกสมาแล้ว 2 หน โดยผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือการคว่ำโปรตุเกส 3-1 ในฟุตบอลโลก 1986

โดย 5 นัดสุดท้าย โมร็อกโกไม่แพ้ใครเลย โดยเสมอไปเพียงนัดเดียว (WDWWW) ส่วนโปรตุเกสชนะ 4 แพ้ 1 (WWWLW)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ขวา) กับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสโมสร (ภาพ: www.sportingnews.com)

สถานการณ์ผู้เล่นของโมร็อกโกและโปรตุเกส

ชัยชนะจากการสู้ถึงฎีกากับสเปน โมร็อกโกต้องจ่ายด้วยราคาแพง นาเยฟ อกวอร์ด ต้องเปลี่ยนตัวออกเป็นคนสุดท้ายในช่วงเวลาปกติทั้งน้ำตา เพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเร่งเยียวยาอย่างหนัก เพื่อลงเล่นในนัดนี้ โรเมน ซาอิสส์ กัปตันทีม คู่หูในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค แม้จะไม่ต้องเปลี่ยนตัว แต่ก็มีปัญหากับกล้ามเนื้อโคนขา จนต้องพักดูแลอาการอยู่นาน ซอยฟราน อัมราบัติ ก็มีอาการเจ็บหลังแต่ก็สู้กับกองกลางกระทิงดุได้สนุก ส่วนฟูลล์แบ็ค 2 ฝั่งฮาคิมี่กับมาซราอุยแม้จะมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วย แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคู่น่าจะลงเล่นได้ เช่นเดียวกับบรรดาแนวรุก ไม่ว่าจะเป็น โซเฟียเน่ บูฟัล, ฮาคิม ชีเย็ค และยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่มากาตาร์พร้อมกับข่าวใหญ่ และการเป็นผู้เล่นที่ติดทีมชาติมากที่สุด 195 นัด ยิงประตูให้ทีมชาติมากที่สุด 118 ประตู ตกต้องเป็นตัวสำรองในเกมกับสวิส ที่กอนเซโล รามอสได้ฉายออกมาสุด ๆ ชูเอา กอนเซโล เป็นอีกคนตกเป็นตัวสำนองในเกมกับสวิต เมื่อเฟอร์นานโด ซานโต๊ส โค้ชของทีมเลือกราฟาเอล เกวร์เรโร ในตำแหน่งแบ็คซ้าย และใช้ดิโอโก้ ดาโลต์ในตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งเป็นไปได้มากว่า ทั้งคู่จะถูกใช้งานอีกครั้งในเกมนี้

ในตำแหน่งอื่น ๆ โอตาวิโอน่าจะได้เล่นต่อในแผงมิดฟิลด์ แต่วิลเลียม คาร์วัลโญ่ต้องลุ้นแย่งตำแหน่งกับรูเบน เนเวสในตำแหน่งห้องเครื่องของทีม

สองผู้เล่นจากปารีส แซ็งต์แฌร์กแม็ง นูโน เมนเดสที่เจ็บกล้ามเนื้อโคนขาคงไม่ได้เล่นในฟุตบอลโลกแล้วต่อให้ทีมได้เข้าชิงก็ตาม ส่วนดานิโล่ เปไรร่าที่บาดเจ็บซี่โครงสถานการณ์ยังไม่แน่นอน แต่คู่เซนเตอร์จะเป็นรูเบน ดิอาสกับตัวเก๋าวัย 39 ปี เปเป้

โมร็อกโก เปิดศึกชิงเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 กับโปรตุเกส ที่อาจไม่มีโรนัลโด้

(Photo by Carlos Rodrigues/Getty Images)

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโมร็อกโกและโปรตุเกส

โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน่; ฮาคิมี่, เอล ยามิคว์, เบนูน, มาซราอุย; อูนาฮี, อัมราบัต, อมาลลาห์; ซีเย็ค, เอ็น-เนซีรี่, บูฟัล
โปรตุเกส ระบบ 4-3-3: คอสต้า; ดาโลต์, เปเป้, ดิอาส, เกวร์เรโร; โอตาวิโอ, คาร์วัลโญ่, เบอร์นาโด; เฟร์นานด์ส, รามอส, เฟลิกซ์

ผลการแข่งขันระหว่างโมร็อกโกและโปรตุเกส

การที่ต้องเล่นเกมยาวกับสเปน ส่งผลต่อโมร็อกโกในเกมนี้แน่ ๆ และถ้าชนะพวกเขาไม่น่าจะผ่านทีมฝอยทองด้วยสกอร์ 3-1 เหมือน 36 ปีก่อน และกับความเหนียวแน่นในเกมรับของโมร็อกโกเอง พวกเขาก็ต้องแลกด้วยเกมรุกที่ดูกระเบียดกระเสียร โดยในฟุตบอลโลกหนนี้มีแค่สองทีมเท่านั้น ที่ยิงเข้ากรอบน้อยกว่าโมร็อกโก แล้วถึงจะเยี่ยมยอดขนาดไหน แนวรับของสิงโตจากเทือกเขาแอตลาส ก็ต้องมีหลุดบ้าง และแนวรุกของโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็นเฟลิกซ์ หรือดาวรุ่งดวงใหม่ รามอส รวมถึงเสือเฒ่า อย่าง โรนัลโด้ น่าจะฉวยโอกาสได้ดีกว่ากระทิงหนุ่มที่ไม่ใช่กองหน้าอาชีพ และน่าจะทำให้ยาสซีน โบโน่ผู้รักษาประตูของโมร็อกโก หมดโอกาสโชว์ฝีมือในช่วงของการดวลจุดโทษ

งานนี้โปรตุเกสน่าจะเฉือนหวิว ด้วยสกอร์ 2-1 หรือ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

อังกฤษ vs ฝรั่งเศส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : อังกฤษ vs ฝรั่งเศส

เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : Thairath TV

 

ผลการพบกัน : 31 นัด
อังกฤษ ชนะ 17
เสมอ 5
ฝรั่งเศส ชนะ 9

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
อังกฤษ

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อิหร่าน 6-2
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เวลส์ 3-0
รอบ 16 ทีม ชนะ เซเนกัล 3-0

 

ฝรั่งเศส

รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เดนมาร์ก 2-1
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ โปแลนด์ 3-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
อังกฤษ

เจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยอย่าง อังกฤษ เข้ารอบน็อกเอาต์บอลโลกเป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยมีเว้นแค่บอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งตกรอบแรก

 

สิงโตคำราม มีรอบแรกที่ดี ยิง อิหร่าน กับ เวลส์ รวมกัน 9 ประตู เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และยังเจองานง่ายในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม ผ่าน เซเนกัล สบายบรื๋อ 3-0

 

กับเกมนี้ที่ต้องเจอทีมระดับเฮฟวี่เวตเป็นนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร เริ่มจาก เบน ไวท์ กองหลังจากอาร์เซน่อล ที่ถอนตัวออกจากแคมป์ไปแล้วเนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว ซึ่งมีรายงานว่าเป็นเพราะแตกหักกับทีมสตาฟฟ์ ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงลอนดอนหลังโดนโจรขึ้นบ้าน แม้กลับมาทันเกมนี้และลงซ้อมไปแล้ว แต่ก็จะเป็นสำรองไปก่อน

 

จอห์น สโตนส์ มีปัญหาบาดเจ็บเล็กๆ เช่นเดียวกับ คัลลิ่ม วิลสัน ซึ่งต้องเช็กสภาพกันก่อนเกม ซึ่งถ้า สโตนส์ ไม่พร้อม เอริก ไดเออร์ จะลงมาคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แทน

 

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนนี้มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ ฟิตกลับมาเล่นกับ เวลส์ ไปแล้ว รวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ก็พร้อมเป็นตัวเลือก

 

11 คนแรกคาดว่าน่าจะยังยึดระบบ 4-3-3 แนวรุกมี แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น และ บูกาโย่ ซาก้า แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ก่อนหน้ากด 2 ตุงใส่เวลส์ ก็มีสิทธิ์สอดแทรกลงเช่นกัน

 

ฝรั่งเศส

เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม ชนะทั้ง ออสเตรเลีย และ เดนมาร์ก จนเป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนเกมปิดกลุ่มจะส่งสำรองลงไปแพ้พลิกล็อกต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังจบที่แชมป์กลุ่มอยู่ดี

 

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยากเย็นนัก 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสองตุง ขึ้นนำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการยิงไป 5 ประตู

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

แต่ว่าสองเกมหลังก็ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มแล้ว ส่วนที่เป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีมมาลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ กระแสก็เงียบไปเช่นกัน

 

เดส์ชองส์ จะยึดทีมเดิมในรอบที่แล้ว ด้วยระบบ 4-2-3-1 อาเดรียง ราบิโอต์ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ดูแลเกมตรงกลาง แนวรุกให้ อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สนับสนุนหอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

ตัวความหวัง
อังกฤษ : แฮร์รี่ เคน

ฟอร์มแผ่วไปก็จริงในช่วง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่ควรยึดโยงมากกว่าคือฟอร์มที่ร่ายให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซีซั่นนี้ ซึ่งออกมาไม่เลวเลยคือ 13 ประตูจาก 22 นัด ที่สำคัญ เคน ยังพิสูจน์ตัวเองในฟุตบอลโลกมาแล้วด้วยการกด 6 ลูก คว้าดาวซัลโวรัสเซีย 2018 ส่วนมาในเวิลด์คัพครั้งนี้ นอกจากเป็นจอมแอสซิสต์แล้ว ก็ยังประเดิมเม็ดแรกใส่ เซเนกัล ไปแล้วด้วย ซึ่งเพิ่มความมั่นใจได้มากแน่นอน

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้

เป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป ซึ่งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้ว ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 63 นัด ซัด 33 ประตู และเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 5 เม็ด

 

11 ตัวจริงที่คาด
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ไคล์ วอล์คเกอร์ – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า
ฝรั่งเศส (4-2-3-1, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) อูโก้ โยริส – เตโอ เอร์นันเดซ, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชูลส์ กุนเด้ – อาเดรียง ราบิโอต์, ออเรเลียง ชูอาเมนี่ – อุสมัน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่เป็นเพื่อนบ้าน ห่างกันแค่ช่องแคบโดเวอร์ 34 กม. ทำให้คู่นี้นัดเจอกันค่อนข้างบ่อยในอดีต ประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ 1923 แล้ว รวมเจอกัน 31 ครั้ง อังกฤษ ข่มกว่าด้วยชัยชนะ 17 เกม
• เคยซัดกันมาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 หน ปี 1966 กับ 1982 อังกฤษ ชนะรวด 2-0 กับ 3-1 ตามลำดับ
• แต่การพบกัน 6 เกมหลังสุด (2004 เป็นต้นมา) ฝรั่งเศส พลิกเป็นฝ่ายข่ม ด้วยผลชนะ 4 (เสมอ 1 แพ้ 1) ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2017 ฝรั่งเศสชนะ 3-2 แฮร์รี่ เคน ยิงสองตุง ก่อน อุสมัน เดมเบเล่ สังหารชัยท้ายเกม

 

• อังกฤษ ไม่แพ้ใครมา 5 เกม เป็นชนะ 3 เสมอ 2
• อังกฤษ ยิงคู่แข่งด้วยสกอร์ 3-0 มาสองเกมซ้อน และไม่เสียประตูตลอด 3 เกมหลัง
• ในฟุตบอลโลก 2022 อังกฤษ ยิงไปแล้ว 12 ประตูจาก 4 นัด เฉลี่ยนัดละ 3 ลูก
• แต่การเจอกับ “ชาติยักษ์ใหญ่” ในช่วงหลัง อังกฤษ ชนะใครไม่เป็นเลย เช่นเสมอ เยอรมนี 1-1 กับ 3-3 และเสมอ อิตาลี 0-0 กับแพ้ 0-1 ในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี

 

• ฝรั่งเศส เสียประตูทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นัดละ 1 ลูกถ้วน
• คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงในบอลโลกหนนี้ 5 ลูกแล้ว กำลังนำดาวซัลโว และยังยิงในหนก่อน 4 ประตู รวมสองทัวร์นาเมนต์กดแล้ว 9 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นผู้นำดาวซัลโวฝรั่งเศสแล้ว ที่ 52 ประตู และทุกลูฏที่จะยิงได้ต่อจากนี้ มีแต่จะเพิ่มระยะห่างจาก เธียร์รี่ อองรี (51) ขึ้นไป

 

• หากได้เล่นเกมนี้ แฮร์รี่ เคน จะรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 80, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 74, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 53, จอร์แดน พิคฟอร์ด 50, จู๊ด เบลลิงแฮม 22
• เช่นกัน อูโก้ โยริส จะเพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 143, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 118, อองตวน กรีซมันน์ 115, ราฟาแอล วาราน 91, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ 64

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งนัดที่โอกาสออก ชนะ-เสมอ-แพ้ มีพอๆ กันทุกหน้า แต่ด้วยความแข็งแกร่งจากหลังสุดมาหน้าสุดของ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะเกมรุกที่ร้อนแรง อันตรายทุกตัว ก็น่าจะเล่นงาน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และพลพรรคสิงโตได้ แม้ว่าที่จริง อังกฤษ ก็มาดี และมีคุณสมบัติมากพอจะไปต่อก็ตาม แต่คงต้านความหื่นกระหายชัยของตราไก่ลำบากหน่อย

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-1

 

โมร็อกโก vs โปรตุเกส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก vs โปรตุเกส : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โมร็อกโก vs โปรตุเกส
เสาร์ 10 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 2 นัด
ฟุตบอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ 3-1
ฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะ 1-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โมร็อกโก
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โครเอเชีย 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เบลเยียม 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 2-1
รอบ 16 ทีม เสมอ สเปน 0-0, ชนะจุดโทษ 3-0

โปรตุเกส
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ กาน่า 3-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ อุรุกวัย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ เกาหลีใต้ 1-2
รอบ 16 ทีม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โมร็อกโก
ม้ามืดตัวจริงแห่งฟุตบอลโลก 2022 มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลกที่กาตาร์จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ตามด้วยตบ แคนาดา 2-1 จนเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม

 

สำคัญคือในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ยันเสมอ สเปน 0-0 ใน 120 นาที ก่อนได้ ยาสซีน “โบโน่” บูนู เป็นฮีโร่ เซฟแล้วเซฟอีกจนชนะดวลเป้าแบบคลีนชีต 3-0

 

อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก สะบักสะบอมไม่น้อยจากการศึกกับทัพกระทิงดุ จนต้องเสียกองหลังคนสำคัญ นาเยฟ อาแกร์ด เจ็บโคนขาหนีบ เกมนี้หมดสิทธิ์ลงสนาม พร้อมกับต้องเช็กฟิตกัปตันทีม โรแม็ง ซาอิสส์ ที่มีอาการบริเวณแฮมสตริง

 

ยังเชื่อว่า ซาอิสส์ จะกัดฟันลงเล่นแม้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ไม่เช่นนั้น เรกรากี ต้องปรับคู่เซนเตอร์แบ็กพร้อมกันทั้งสองราย

 

ระบบคงเดิม 4-3-3 อัชราฟ ฮาคิมี่ ประจำการแบ็กขวา แนวรุก ฮาคิม ซีเย็ค กับ โซฟียาน บูฟาล ขนาบข้างหอกเป้า ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ เหมือนเช่นเคย

 

โปรตุเกส
แชมป์ยูโร 2016 ยังไม่เคยไปถึงแชมป์โลกมาก่อน รวมถึงว่าก็ยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้ด้วย ดังนั้นจึงมุ่งมั่นเต็มที่ในการคว้าโทรฟี่อำลายุคสมัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอีกหลายตัวเก๋าในทีม

 

และแม้เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 จะมีตำหนิพอสมควรกับการทุบ กาน่า 3-2 แต่ก็ยังสร้างความต่อเนื่องด้วยการตบ อุรุกวัย 2-0 จนสุดท้ายแม้จะแพ้ เกาหลีใต้ แต่ไม่ได้มากพอให้หลุดออกจากตำแหน่งแชมป์กลุ่ม ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ แบบยิงไม่ยั้ง 6-1

 

แฟร์นันโด ซานโตส ยังมีปัญหาตัวเจ็บคั่งค้างอยู่ 2 ราย คือ นูโน่ เมนเดส กับ ดานิโล่ เปเรยร่า ซึ่งเป็นกองหลังทั้งคู่ โดยรายแรกเจ็บหนักพักยาวหมดสิทธิ์เล่นฟุตบอลโลก 2022 แล้ว ส่วนรายหลังยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ ต้องลุ้นให้ทีมไปต่อรอบหน้า

 

ซานโตส มีการปรับทัพสำคัญในรอบที่ผ่านมา ด้วยการดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งโรยราไปตามวัย ลงสู่ม้านั่งสำรอง เปิดทางให้ กอนซาโล่ รามอส ดาวรุ่งวัย 21 จากเบนฟิก้า ลงตัวจริงแทน และ รามอส ก็ตอบแทนด้วยการทำแฮตทริกในทันที

 

ดังนั้นการจัดทัพจึงจะไม่เปลี่ยน ในระบบ 4-3-3 ข้างหน้าขยับ บรูโน่ แฟร์นันเดส ขึ้นมาเล่นร่วมกับ กอนซาโล่ รามอส และ ชูเอา เฟลิกซ์ ขณะที่แนวรับ ท่านผู้เฒ่า เปเป้ วัยย่าง 40 จะลงยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ รูเบน ดิอาส เช่นเดิม

 

ตัวความหวัง
โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้จะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 19 ประตูจาก 47 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 58 เกมทีมชาติ

 

โปรตุเกส : กอนซาโล่ รามอส
แม้จะยิง 1 ลูกในเกมลับแข้งกับ ไนจีเรีย (4-0) ก่อนบอลโลก แต่ก็น้อยคนนักที่จะรู้จักเด็กหนุ่มชื่อ กอนซาโล่ มาติอัส รามอส เมื่อนี่คือหัวหอกดาวรุ่งวัยเพียง 21 ที่ขึ้นชั้นมาเล่นกับ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ เมื่อปี 2020 เป็นต้นมา และที่จริงก็เพิ่งระเบิดฟอร์มน่าประทับใจในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมานี้เอง ด้วยการยิง 14 ประตูจาก 21 นัด เป็นใบเบิกทางให้ แฟร์นันโด ซานโตส หิ้วมาฟุตบอลโลก 2022 และเพียงเกมแรกที่ลงตัวจริงก็กระหน่ำแฮตทริกใส่ สวิตเซอร์แลนด์ จนแฟนๆ แทบจะลืมไปแล้วว่ามี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ที่ม้านั่งสำรอง

 

11 ตัวจริงที่คาด
โมร็อกโก (4-3-3, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, จาวัด เอล ยามิก, โรแม็ง ซาอิสส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์ – ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
โปรตุเกส (4-3-3, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) ดีโอโก้ คอสต้า – ราฟาเอล เกร์เรยโร่, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – รูเบน เนเวส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส, กอนซาโล่ รามอส, ชูเอา เฟลิกซ์

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• แม้จะอยู่ห่างกันแค่ชั่วโมงเศษ (ทางอากาศ) แต่คู่นี้พบกันมาเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เป็นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งสองเกม หรือก็คือไม่เคยเตะกระชับมิตรกันมาก่อนเลย
• บอลโลก 1986 โมร็อกโก ชนะ โปรตุเกส ยุค เปาโล ฟูเตร้ 3-1
• จากนั้นอีก 32 ปี มาพบกันในฟุตบอลโลก 2018 โปรตุเกส ชนะคืน 1-0 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังประตูโทน

 

• วาลิด เรกรารี เป็นฮีโร่ของชนชาติโมร็อกโกไปแล้ว และจะคุมทีมลงสนามเกมนี้เป็นเพียงนัดที่ 8 เท่านั้น ด้วยสถิติไร้พ่าย ที่ผ่านมาชนะ 4 เสมอ 3
• โมร็อกโก ยังไร้พ่ายมาถึง 9 เกมซ้อน และในจำนวนนี้ทำคลีนชีตได้ถึง 7 เกม
• แม้กระทั่งการดวลจุดโทษ โมร็อกโก ก็ยังจะทำคลีนชีต ชนะ สเปน 3-0

 

• ในการเจอทีมจากแอฟริกาหนล่าสุด โปรตุเกส เฉือนชนะ กาน่า 3-2 ซึ่งก็คือเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้
• 5 นัดหลัง โปรตุเกส ยิงรวม 16 ประตู เฉลี่ยนัดละ 3.2 ลูก
• โปรตุเกส อยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์โลกสมัยแรก โดยยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศได้มาก่อน ผลงานดีสุดคืออันดับสาม 1966 และอันดับสี่ 2006

 

• กอนซาโล่ รามอส เป็นเจ้าของแฮตทริกแรกในฟุตบอลโลก 2022 และเป็นคนแรกที่ทำแฮตทริกในรอบน็อกเอาต์บอลโลก นับตั้งแต่ โธมัส สคูราวี่ ปี 1990 นอกจากนั้นยังเป็นคนแรกในรอบ 15 เกมของโปรตุเกส ถัดจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดสามใส่ ลักเซมเบิร์ก เมื่อ ต.ค. 2021
• กอนซาโล่ รามอส เล่นทีมชาติ 4 นัด ซัด 4 ประตู

 

ความน่าจะเป็น
เป็นอีกเกมที่คาดเดาผลได้ลำบาก ด้วยแม้ว่า โปรตุเกส จะถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ มา แต่ระดับคุณภาพของ โมร็อกโก ที่แสดงให้เห็นตลอดในฟุตบอลโลก 2022 ก็ทำให้เชื่อได้ว่าจะไม่ใช่เกมแบบนั้น ดีไม่ดีมีสิทธิ์ซ้ำรอยเกมที่แล้วของ โมร็อกโก ซึ่งกินกันไม่ลงใน 90 นาที จากนั้นก็ค่อยมาดูกันว่าโชคดวงจะเข้าข้างฝั่งไหน

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

 

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ เนเธอร์แลนด์ – อาร์เจนติน่า

10 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง JKN18/ True Sports 2

อาร์เจนติน่า ฟ้า-ขาว จะกำชัยเหนืออัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ เข้ารอบ 4 ทีมฟุตบอลโลก 2022

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังปั้นทีมขึ้นมาใหม่ (ภาพ: twitter: OnsOranje)

สถานการณ์ของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

คู่ดวลแข้งในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ยากจะฟันธงที่สุดจากทั้งหมดสี่คู่ เมื่อเนเธอร์แลนด์เจอกับแชมป์โคปาอเมริกา อาร์เจนติน่า โดยทีมของหลุยส์ ฟาน กัลเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนจะคว่ำสหรัฐอเมริกาในรอบ 16 ทีม ส่วนอาร์เจนติน่าช็อคโลกด้วยการพ่ายซาอุดิอาระเบียประเดิมทัวร์นาเมนต์ จบสถิติไม่แพ้ใคร 36 นัดรวด ก่อนจะฟื้นตัวในเวลาอันรวดเร็ว ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม และเอาชนะออสเตรเลียมาถึงรอบนี้

เนเธอร์แลนด์อาจจะดูเล่นน่าเบื่อ เมื่อเน้นการครองบอล รอจังหวะและโอกาส แต่พวกเขาก็ใช้สิ่งที่รอคอยได้อย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในเกมเจอกับสหรัฐอเมริกา ที่ทีมพญาอินทรีพยายามเดินหน้าบดใส่พวกเขา แต่เมื่อเวลามาถึง เด็ก ๆ ของฟาน กัลก็ให้บทเรียนเจ้าภาพฟุตบอลโลกหนต่อไปได้อย่างเจ็บแสบ และผ่านเข้ารอบ 8 ทีมเป็นหนที่สามติดต่อกัน

ขณะที่การเดินทางมาถึงรอบนี้ของทีมฟ้าขาว ราวกับเขียนบทให้ลิโอเนล เมสซี่ เมื่อนี่คือเกมที่ 1,000 ของเจ้าตัว ที่เขาน่าจะหยุดสถิติอันเลวร้ายในรอบน็อคเอาต์ของตัวเองให้ได้สักที หลังทำประตูในฟุตบอลโลกที่ไม่ใช่เกมในรอบแบ่งกลุ่มสำเร็จจากชัยชนะเหนือออสเตรเลีย ที่เชื่อได้ว่า เมสซี่และผองเพื่อนจะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่นอน

อาร์เจนติน่า ทีมวางในกลุ่ม ซี ของฟุตบอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า น่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซี ได้สบาย ๆ (ภาพ: Getty Images)

เช็กสถิติของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

ดูสถิติย้อนหลังจากการเล่นฟุตบอลโลก 5 หนหลังสุด เนเธอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบ 8ทีมถึง 4 ครั้ง หนเดียวที่มาไม่ถึงรอบนี้คือในปี 2006 ที่ตกรอบ 16 ทีม และเข้ารอบรองชนะเลิศถึง 2 ครั้งในปี 2010 และ 2014 แต่พลาดเข้ารอบสุดท้ายในปี 2018 ที่รัสเซีย และเมื่อมาถึงรอบนี้ได้ ครั้งเดียวที่พวกเขาไม่ได้ไปต่อก็คือ ฟุตบอลโลก 1994 นอกจากนี้อัศวินสีส้มยังเดินทางมากาตาร์ด้วยสถิติไม่แพ้ใครถึง 15 เกม และต่อมาเป็น 19 ในทัวร์นาเมนต์

ขณะที่อาร์เจนติน่าจบสถิติไม่แพ้ใครยาวนานในฟุตบอลโลก 2022 หนสุดท้ายที่พวกเขาผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก็คือปี 2014 ที่เป็นรองแชมป์โลก แต่ 3 ครั้งก่อนหน้าในปี 1998, 2006 และ 2010 เส้นทางของทีมฟ้าขาวจบลงที่รอบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาแพ้รอบน็อคเอาต์ให้กับทีมจากยุโรปถึง 9 หนติดต่อกัน ตั้งแต่เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930

ประวัติศาสตร์ดูจะไม่เข้าข้างทีมของลิโอเนล สคาโลนี่นัก แต่การที่พวกเขายิงได้ 13 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และเก็บเมสซี่เอาไว้ในบับเบิลได้เป็นอย่างดี น่าจะทำให้พวกเขาหวังผลลัพธ์ที่ดีในการเจอกับเนเธอร์แลนด์ โดย 2 นัดหลังที่เจอกันในฟุตบอลโลก ทีมฟ้าขาวทำประตูอัศวินสีส้มไม่ได้เลย เกมจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ทั้ง 2 นัด ปี 2006 เป็นการพบกันในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนปี 2014 อาร์เจนติน่าได้ไปต่อเมื่อชนะจุดโทษในรอบรองชนะเลิศ แต่ในปี 1998 ทีมฟ้าขาวตกรอบนี้ เมื่อพ่ายเนเธอร์แลนด์ 2-1

ทั้งสองทีมพบกันมาทั้งหมด 9 ครั้ง โดยเนเธอร์แลนด์ชนะไป 4 และเสมอ 2

เมมฟิส เดปาย อัศวินสีส้ม

ดาวยิงประจำทีมอัศวินสีส้ม เมมฟิส เดปาย (ภาพ: www.hartvannederland.nl)

สถานการณ์ผู้เล่นของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

นี่คือเกมรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนที่ 2 ของฟานกัลในฐานะโค้ช ที่เขาหวังว่าผู้เล่นทุกคนจะฟิตพร้อมลงสนาม โดยสตีเวน เบิร์กไวจ์นที่ลงแทนเดวี่ คลาสเซ่นในเกมที่แล้ว เพื่อเพิ่มความเร็วให้ผู้เล่นกองหน้าในการเล่นโต้กลับ หลังทีมนำ 2-0 อาจได้ลงสนาม ขณะที่เจเรมี่ ฟริมปง แบ็คขวาจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่บาดเจ็บข้อเท้าก่อนเกมสหรัฐอเมริกา ก็อยู่ในกลุ่มผู้เล่นที่ฟิตพร้อมลงเล่นในเกมนั้นอยู่แล้ว เซนเตอร์แบ็คจากอินเตอร์ มิลาน สเตฟาน เดอ ไฟรจ์ ที่หลังเกมรอบ 16 ทีมไม่ได้ลงซ้อม ก็มาซ้อมได้แล้ว และพร้อมแย่งตำแหน่งจากจูร์เรียน ทิมเบอร์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก และนาธาน อาเก้ แต่ก็น่าจะไม่ถูกเลือกเป็น 11 คนแรก

ประตูแรกที่เดอ ปายยิงสหรัฐอเมริกา คือประตูที่ 24 จากการลงเล่นให้ทีมชาติ 30 นัดหลังสุด ที่ยังมีอีก 10 แอสซิสต์ ทำให้เขาน่าจะได้ออกสตาร์ตในแดนหน้าร่วมกับกักโป

ฝั่งฟ้าขาว ปาปู โกเมซ ตัวรุกจากเซบีญ่าที่บาดเจ็บข้อเท้าพลิกในนาทีที่ 50 ของเกมกับออสเตรเลีย ไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือเปล่า แต่อังเจล ดิ มาเรียฟื้นจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาด้านหน้าแล้ว และน่าจะฟิตพร้อมลงเล่นแทน ส่วนอังเจล คอร์เรอาและลีอันโดร ปาราเดส ที่ลงซ้อมได้แล้วทั้งคู่ แต่ดิ มาเรียหรือเอ็นโซ เฟอร์นานเดซน่าจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ มากกว่า

นอกจากนี้ไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยสคาโลนี่น่าจะใช้คริสเตียน โรเมโรกับนิโคลาส โอตาเมนดี้ เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ค แต่อาจมีการสอดแทรกจากลิซานโดร มาร์ติเนซ ซึ่งในเกมที่แล้วได้ลงเล่นแทนอเลฮานโดร โกเมซ ที่บาดเจ็บข้อเท้าหลังครึ่งหลังเริ่มไปแค่ 5 นาที และทีมปรับมาเล่นเซนเตอร์แบ็ค 3 คน บางทีสคาโลนี่อาจนำมาใช้ในเกมนี้ เพื่อรับมือกับ ระบบ 3-4-1-2 ของฟาน กัล

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

เนเธอร์แลนด์ ระบบ 3-4-1-2: น็อปเปิร์ต; ทิมเบอร์, ฟาน ไดจ์ก, อาเก้; ดัมฟรีส, เดอ รูน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง, บลินด์; คลาสเซ่น; กักโป, เดอปาย
อาร์เจนติน่า ระบบ 4-3-3: อีมิลิโอ มาร์ติเนซ; โมลิน่า, โรเมโร, โอตาเม็นดี้, อะคูญ่า; เดอ ปอล, เฟอร์นานเดซ, แม็ก อัลลิสเตอร์; ดิ มาเรีย, เมสซี่, อัลวาเรซ

ลิโอเนล เมสซี่ ฟ้าขาว ฟุตบอลโลก 2022

แชมป์ฟุตบอลโลกคือแชมป์เดียวที่เมสซี่ยังคว้ามาไม่ได้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ รองแชมป์เมื่อปี 2014 (ภาพ: AFP)

ผลการแข่งขันระหว่างเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนติน่า

แผนการเล่นของฟาน กัลอาจจะดูไม่สนุก แต่ก็ทำให้ทีมได้ผลที่ต้องการ ในเกมกับสหรัฐอเมริกาพวกเขาเลือกโจมตีทางกราบ และทำประตูได้จากการขึ้นเกมของวิงแบ็ค แล้วการเจอกันในรอบรองชนะเลิศเมื่อ 8 ปีก่อน เขาก็ใช้แท็กติกที่คล้าย ๆ กัน และทำให้เกมรุกของทีมฟ้าขาวติด ๆ ขัด ๆ แต่ก็พ่ายจุดโทษในตอนท้าย ซึ่งเกมนี้ก็อาจจะเป็นไปในรูปนั้น จบลงด้วยการเสมอกัน ต่อเวลา ลากไปถึงจุดโทษ ที่ตัวผู้เล่นของอาร์เจนติน่า มีศักยภาพมากกว่าในการคว้าชัยชนะ

เสมอแบบมีสกอร์ ก่อนฟ้าขาวจะชนะการดวลจุดโทษ

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา
2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : เนเธอร์แลนด์ vs อาร์เจนติน่า
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : JKN18

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
อุ่นเครื่อง 1974 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4-1
ฟุตบอลโลก 1974 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4-0
ฟุตบอลโลก 1978 อาร์เจนติน่า ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 1979 เสมอ 0-0, อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 8-7
ฟุตบอลโลก 1998 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 1999 เสมอ 1-1
อุ่นเครื่อง 2003 เนเธอร์แลนด์ ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2006 เสมอ 0-0
ฟุตบอลโลก 2014 เสมอ 0-0, อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 4-2

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
เนเธอร์แลนด์
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซเนกัล 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เอกวาดอร์ 1-1
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ กาตาร์ 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-1

อาร์เจนติน่า
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เม็กซิโก 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ ออสเตรเลีย 2-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
เนเธอร์แลนด์
เห็นเงียบๆ แต่ฟอร์มเยี่ยมไปเลย หลุยส์ ฟาน กัล พา เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์กลุ่มเอด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยสยบ เซเนกัล 2-0 ตามด้วยเสมอ เอกวาดอร์ 1-1 และปิดท้ายตบเจ้าภาพ กาตาร์ 2-0 ต่อมารอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ก็ผ่าน สหรัฐอเมริกา ไม่ลำบาก 3-1

 

ประเด็นก็คือ นับตั้งแต่ที่กลับเข้ามาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ เดอ บัวร์ หลังจบยูโร 2020 แล้วนั้น ฟาน กัล ยังไม่พาทีมกังหันลมแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียว โดยลงสนาม 19 นัด ชนะ 14 เสมอ 5

 

สภาพทีมของ ฟาน กัล อยู่ในจุดที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนใดทั้งสิ้น ภายหลัง เมมฟิส เดอปาย ดาวซัลโว 42 ประตูของทีมชุดนี้ ฟื้นฟิตกลับลงตัวจริงได้ต่อเนื่องแล้ว

 

สำหรับนายประตู จะยังคงเป็น อันดรีส น็อพเพิร์ต จอมหนึบวัย 28 จากฮีเรนวีน ที่เพิ่งลงประเดิมทีมชาติใน เวิลด์ คัพ เที่ยวนี้ และเล่นได้อย่างน่าพอใจ

 

ระบบคงเดิม 3-4-2-1 หลังบ้านนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตรงกลางขยับ ดาวี่ คลาสเซ่น ขึ้นเสริมเกมรุก และหน้าคู่ เมมฟิส เดอปาย จับคู่ โคดี้ กัคโป ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก 2022

 

อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ด้วยทรงดีเป็นที่สุด ยืนสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตอนต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 ตามด้วยเกมปิดกลุ่ม สยบ โปแลนด์ 2-0 ขณะที่รอบ 16 ทีม เหนื่อยหน่อยในการเจอจิงโจ้หลังพิงฝา แต่ก็ยังตรึงสกอร์ชนะ 2-1 ได้สำเร็จ

 

เกมนี้ ลิโอเนล สคาโลนี่ มีต้องเช็กอาการของ 3 แนวรุก ทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย ที่เจ็บต้นขา, อเลฮานโดร โกเมซ เจ็บข้อเท้า และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เจ็บข้อเท้าเช่นกัน แต่ก็คาดว่าทั้งหมดจะพร้อมเป็นตัวเลือก

 

ระบบใช้ 4-3-3 และอาจมีปรับบางจุดจากเกมที่แล้วเพื่อเติมความสด แต่เกมรุกจะนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ตามเดิม เพิ่มเติมด้วย ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ และ อังเคล ดิ มาเรีย ที่น่าจะฟิตพร้อมคืนสนามแล้ว

 

ทั้งนี้ เปาโล ดีบาล่า สตาร์จากโรม่า ที่มาร่วมแคมป์หลังหายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สัมผัสเกมบอลโลกเลยสักนาที เมื่อไม่ถูก สคาโลนี่ ใช้งานเลยตลอด 4 เกมที่ผ่านมา

 

ตัวความหวัง
เนเธอร์แลนด์ : โคดี้ กัคโป
แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัว ด้วยการกดไปนัดละลูกในรอบแรก ลุ้นรองเท้าทองคำเต็มตัว รวมแล้วยิงไป 6 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 13 นัด โดยตัวรุกวัย 23 จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถูกพูดถึงผ่านหน้าสื่ออยู่เรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา จากฟอร์มสุดแจ่มที่ร่ายให้กับต้นสังกัด ซีซั่นก่อนยิง 21 ประตู ซีซั่นนี้กดแล้ว 13 ลูก ก่อนมาสร้างชื่อในเวิลด์คัพหนนี้อย่างที่ว่าไป

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาบอลโลกหนสุดท้าย ไม่มีอะไรต้องกั๊กหรือต้องยั้งไว้อีกแล้วสำหรับ เมสซี่ ที่จะใส่สุดเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 14 ประตูจากการเล่นทีมชาติปีนี้ ในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 3 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022 เต็มตัวเช่นกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
เนเธอร์แลนด์ (3-4-1-2, กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล) อันดรีส น็อพเพิร์ต – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้ – เดนเซล ดุมฟรีส์, เฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รอน, ดาลี่ย์ บลินด์ – ดาวี่ คลาสเซ่น – โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดอปาย
อาร์เจนติน่า (4-3-3, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, คริสเตียน โรเมโร่, นาอูเอล โมลิน่า – โรดริโก้ เด ปอล, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อังเคล ดิ มาเรีย, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาเยอะทีเดียว 9 นัด เนเธอร์แลนด์ข่มด้วยสถิติชนะ 4 และ อาร์เจนติน่า เอาชนะได้หนเดียวเท่านั้นใน 90 นาที
• พบกันล่าสุดในฟุตบอลโลกที่บราซิล รอบตัดเชือก อาร์เจนติน่า ชนะจุดโทษ 4-2 หลังเสมอ 0-0 เกมนั้น หลุยส์ ฟาน กัล คุมทีมกังหันอยู่ (รอบสอง)
• ถ้านับเฉพาะ 90 นาที อาร์เจนติน่า ไม่ชนะ เนเธอร์แลนด์ มา 44 ปีแล้ว (ตั้งแต่ 1978)
• ประตูที่ เดนนิส เบิร์กแคมป์ สังหารชัยดับ อาร์เจนติน่า 2-1 นาทีสุดท้ายของรอบ 8 ทีม ฟร้องซ์ 98 ยังติดชาร์ตหนึ่งในประตูที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลก จนวันนี้

 

• แม้จะถูกหยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 36 นัด แต่การแพ้ ซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นความพ่ายแพ้นัดเดียวเท่านั้นจาก 40 เกมหลังสุดของ อาร์เจนติน่า
• ดาลี่ย์ บลินด์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 99, เมมฟิส เดอปาย 86, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ 54, เฟรงกี้ เดอ ยอง 50 หากทั้งหมดได้เล่นเกมนี้
• ส่วน อันดรีส น็อพเพิร์ต จะรับใช้ชาติเป็นเกมที่ 5 ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 (2 คลีนชีต, เสีย 2 ประตู)

 

• ถ้าได้ลงเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 170, อังเคล ดิ มาเรีย 128, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 98, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 45
• ลิโอเนล เมสซี่ จะเล่นเกมอาชีพนัดที่ 1,001 ของตัวเอง แบ่งเป็น 778 กับบาร์เซโลน่า, 170 กับอาร์เจนฯ และ 53 กับเปแอสเช

 

• นี่จะเป็นการดวลกันของกุนซือที่แก่ที่สุด (ของฟุตบอลโลก 2022) หลุยส์ ฟาน กัล 71 ปี กับอ่อนที่สุด ลิโอเนล สคาโลนี่ 44 ปี
• หลุยส์ ฟาน กัล คุมเนเธอร์แลนด์รอบสาม 19 นัด ไร้พ่าย (ชนะ 14 เสมอ 5) ฝั่ง ลิโอเนล สคาโลนี่ พาทีมแพ้เกมเดียวจาก 40 นัดหลังสุด (รวมทำทีม 54 นัด ชนะ 36 เสมอ 13 แพ้ 5)

 

ความน่าจะเป็น
อีกหนึ่งเกมที่คาดเดาผลได้ยากทีเดียว เมื่อแม้ อาร์เจนติน่า จะดูมีเกมรุกร้อนแรง นำโดยยอดแข้งอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ แต่ทีมกังหันก็มีดีที่เกมรับซึ่งนำโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ดังนั้นเกมนี้จึงอาจตัดสินกันด้วยรายละเอียดเล็กๆ เช่นใครทำพลาดในช่วงชี้เป็นชี้ตาย ก็ถึงพัง รวมถึงว่ามีโอกาสสูงที่จะออกยืดเยื้อ กินกันไม่ลงใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs บราซิล : ตัวต่อตัว 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย : โครเอเชีย vs บราซิล
ศุกร์ 9 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลการพบกัน : 4 นัด
อุ่นเครื่อง 2005 เสมอ 1-1
ฟุตบอลโลก 2006 บราซิล ชนะ 1-0
ฟุตบอลโลก 2014 บราซิล ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 2018 บราซิล ชนะ 2-0

 

ผลงานในฟุตบอลโลก 2022
โครเอเชีย
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ โมร็อกโก 0-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ แคนาดา 4-1
รอบแบ่งกลุ่ม เสมอ เบลเยียม 0-0
รอบ 16 ทีม เสมอ ญี่ปุ่น 1-1, ชนะจุดโทษ 3-1

บราซิล
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ เซอร์เบีย 2-0
รอบแบ่งกลุ่ม ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
รอบแบ่งกลุ่ม แพ้ แคเมอรูน 0-1
รอบ 16 ทีม ชนะ เกาหลีใต้ 4-1

 

ความพร้อมก่อนเตะ
โครเอเชีย
ชนะติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1 แล้วก็กลับไปหนืดอีกครั้ง เสมอ เบลเยียม 0-0 เพียงแต่ผลเสมอ เบลเยียม ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาจากบ้าน เมื่อเป็นแต้มที่ทำให้ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกอีกครั้ง

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ โดมินิค ลิวาโควิช เป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ ญี่ปุ่น 3 ครั้ง จนชนะการดวลเป้า 3-1 ภายหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที

 

มาถึงเกมสุดสำคัญนัดนี้ ซลัตโก้ ดาลิช กุนซือตาหมากรุก ไม่มีปัญหาใหญ่ สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดได้ ยกเว้นต้องเช็กฟิต โยซิป สตานิซิช จากบาเยิร์น มิวนิค ที่เจ็บกล้ามเนื้อ กับ บอร์นา โซซ่า จากสตุ๊ตการ์ท ที่ก่อนหน้านี้มีอาการป่วย เพียงแต่ทั้งสองก็เป็นสำรองในทีมชุดนี้อยู่แล้ว

 

ระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม และ 11 คนแรกก็อาจไม่เปลี่ยนจากรอบก่อน แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ อีวาน เปริซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช

 

บราซิล
แชมป์โลก 5 สมัยและแชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาแบบไร้พ่าย และเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานชนะติดต่อกัน 9 เกมรวด รวมเกมแรกที่อัด เซอร์เบีย 2-0 และต่อมาเชือด สวิตเซอร์แลนด์ 1-0

 

และแม้จะหลุดแพ้ แคเมอรูน 0-1 จนต้องหยุดสถิติชนะรวดเอาไว้ที่ 9 เกม แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นทีมชุดสอง ตีเต้ ตั้งใจส่งสำรองลงไปเคาะสนิม หลังมีการันตีเข้ารอบแล้ว

 

ส่วนเมื่อถึงรอบ 16 ทีม บราซิล ก็กลับไปร้อนแรงอีกครั้ง กราดยิง เกาหลีใต้ 4-1 ชนิดกด 4 เม็ดรวดในครึ่งแรกครึ่งเดียว และครึ่งหลังเล่นประคองสกอร์แบบเซฟๆ เลี่ยงปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม

 

ก่อนหน้านี้ ตีเต้ ต้องเสียนักเตะไปถึง 5 คน ทั้ง เนย์มาร์ (ข้อเท้า), ดานิโล่ (ข้อเท้า), อเล็กซ์ ซานโดร (สะโพก), กาเบรียล เชซุส (เข่า) และ อเล็กซ์ เตลเลส (เข่า) โดยสองรายหลังเจ็บจากเกมปิดกลุ่ม ต้องถอนตัวไปจากฟุตบอลโลก 2022 

 

แต่สำหรับ เนย์มาร์ กับ ดานิโล่ ฟิตฟื้นคืนตัวจริงไปเล่นในเกมก่อน นัดนี้จะลงเล่นได้ต่อเนื่อง คงเหลือเพียง อเล็กซ์ ซานโดร ที่ต้องพัก ถ้าไม่นับ กาเบรียล เชซุส กับ อเล็กซ์ เตลเลส ที่หมดสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว

 

ตีเต้ คงไม่เปลี่ยนทีมที่เล่นดีอยู่แล้ว ในระบบ 4-2-3-1 นำขบวนโดย เนย์มาร์ เสริมด้วยตัวหลักอย่าง ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า และ วินิซิอุส จูเนียร์

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่โหดดุครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

บราซิล : ริชาร์ลิซอน
เจ้าของนิคเนม “R9” คนใหม่ ยืนยันการเป็นหัวหอกตัวเป้าหมายเลข 1 ของ บราซิล ชั่วโมงนี้ด้วยการซัด 2 ประตูใส่ เซอร์เบีย โดยเฉพาะลูก 2 ที่โชว์ท่ายากตีลังกายิงอย่างงาม จากนั้นก็กดอีกเม็ดใส่ เกาหลีใต้ เพิ่มสถิติเล่นทีมชาติเป็น 41 นัดซัด 20 ประตู หรือร่วมๆ 2 เกมต้องมี 1 ตุง ทั้งนี้กองหน้าทรงแบ๊ดบอยวัย 25 ไต่ระดับสร้างชื่อจาก วัตฟอร์ด มา เอฟเวอร์ตัน และล่าสุดมาอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ยิงไป 2 ประตูจาก 15 นัด

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – อีวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, มาร์โก ลิวาย่า
บราซิล (4-2-3-1, กุนซือ ตีเต้) อลิสซอน เบ็คเกอร์ – ดานิโล่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์กินญอส, เอแดร์ มิลิเตา, – กาเซมิโร่, ลูคัส ปาเกต้า – วินิซิอุส จูเนียร์, เนย์มาร์, ราฟินญ่า – ริชาร์ลิซอน

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 4 ครั้ง บราซิล ไม่เคยแพ้ และชนะมา 3 เกมรวด ล่าสุดลับแข้งปี 2018 ที่แอนฟิลด์ บราซิลกด 2-0 เนย์มาร์ กับ ฟีร์มิโน่ ซัดคนละเม็ด
• ยังเคยเจอกันในฟุตบอลโลกมา 2 ครั้ง ปี 2006 และ 2014 แซมบ้าก็ชนะ 2 นัดรวด 1-0 และ 3-1 ตามลำดับ โดยเกมหลัง เนย์มาร์ ซัด 2 ตุง
• เท่ากับ เนย์มาร์ ยิงประตูโครเอเชียมาแล้ว 3 ลูก
• บราซิล เป็นเพียงหนึ่งใน 2 ทีมที่ โครเอเชีย ไม่เคยเอาชนะได้ (ในการเจอกันมากกว่า 3 นัด) โดยนอกจากทีมแซมบ้าก็มี โปรตุเกส อีกราย (เตะ 7 เสมอ 1 แพ้ 6)
• โครเอเชีย ไม่แพ้ใครมาแล้ว 10 เกมซ้อน เป็นชนะ 6 เสมอ 4
• ลูก้า โมดริช จะลงรับใช้ชาติเป็นนัดที่ 160 ส่วน อีวาน เปริซิช 120, มาเตโอ โควาซิช 89, เดยัน ลอฟเรน 77 ส่วน โดมินิค ลิวาโควิช จะเป็นเกมที่ 39 เท่านั้น
• เนย์มาร์ จะเล่นทีมชาติเป็นเกมที่ 124, ริชาร์ลิซอน 42, กาเซมิโร่ 69, ติอาโก้ ซิบวา 113, อลิสซอน เบ็คเกอร์ 61 ส่วนถ้า ดานี่ อัลเวส ได้เล่น จะเป็นเกมที่ 127 ทีเดียว
• อลิสซอน เบ็คเกอร์ เพิ่งเสียไปประตูเดียวจากการเล่น 3 นัดในฟุตบอลโลก 2022 และทุกนัดที่ลง บราซิลชนะรวด (เกมแพ้ แคเมอรูน 0-1 เป็น เอแดร์ซอน โมราเอส)

 

ความน่าจะเป็น
ด้วยความเหนียวแน่นในเกมรับและความเก๋าของแดนกลาง ทำให้ยังพอมีมุมที่ โครเอเชีย จะยันอยู่จนผ่าน 90 นาที แต่เมื่อดูจากความแข็งแกร่งและแพรวพราวของ บราซิล ที่มีทั้งในกลุ่มตัวจริงและตัวสำรองแล้ว ก็ให้น่าเป็นห่วงแทน โครเอเชีย ว่าจะเอาไม่อยู่เมื่อเกมงวดลง หรือหากว่าเม็ดแรกมาเร็ว ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่าจะไหลเหมือนที่ เกาหลีใต้ โดนมา

 

ผลที่คาด : บราซิล ชนะ 2-1

 

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชีย – บราซิล

9 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True4U/ True Sports 2

โครเอเชีย ฟุตบอลโลก 2022

รองแชมป์เก่า เดินทางมากาตาร์พร้อมกับข่วงโรยราเต็มที่ของเหล่าซูเปอร์สตาร์ (ภาพ: Russian Presidential Press and Information Office/CC)

สถานการณ์ของโครเอเชียและบราซิล

การแข่งขันคู่แรกของฟุตบอลโลก 2022 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นการแข่งขันของ 2 ทีมที่รูปแบบการเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน จากสองทวีป โครเอเชีย รองแชมป์หนที่แล้วจากยุโรป และบราซิลแชมป์จากโซนอเมริกาใต้ ตัวเก็งของฟุตบอลโลกหนนี้ โดยทั้งคู่ต่างก็เอาชนะทีมจากเอเชียมาในรอบ 16 ทีม แต่โครเอเชียต้องเหนื่อยหนัก เมื่อสู้กับญี่ปุ่นจนถึงฎีกา ขณะที่บราซิลจบเกมกับเกาหลีใต้ตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อพวกเขายิงนำไปถึง 4 ประตู

โดยหากบราซิลผ่านโครเอเชียไปได้ เส้นทางสู่แชมป์สมัยที่ 6 ของพวกเขาก็สั้นลงทุกที ขณะที่โครเอเชียการเอาชนะทีมแกร่งอย่างบราซิลได้ ก็ทำให้พวกเขาสามารถสานต่อความสำเร็จในฟุตบอลโลกได้อย่างต่อเนื่อง จากฟุตบอลโลกหนที่แล้ว ซึ่งพวกเขาพ่ายฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศ

บราซิล ฟุตบอลโลก 2022

ทีมเต็งตลอดกาล บราซิล จะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้ไหมในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Twitter @CBF_Futebol)

เช็กสถิติของโครเอเชียและบราซิล

สถิติรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียเต็มไปด้วยเรื่องดราม่ามากมาย เพราะจาก 8 นัดหลังสุดในรอบน็อคเอาต์ของทุกทัวร์นาเมนต์ นับตั้งแต่คว้าที่ 3 ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ชื่อโครเอเชียปรากฏเป็นหนแรกในฟุตบอลโลก พวกเขาต้องเล่นยาวต่อเวลาถึง 7 นัด และหากนับเฉพาะฟุตบอลโลก 4 จาก 5 นัดหลังในรอบน็อคเอาต์ของโครเอเชียต้องว่ากันถึงช่วงต่อเวลา และ 3 จาก 4 นัดที่ว่า ก็ไปถึงการยิงจุดโทษ ซึ่งการแพ้ฝรั่งเศสในนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 เป็นเกมโป้งเดียวจบครั้งเดียวที่พวกเขาไปไม่ถึงต่อเวลา

4 เกมในกาตาร์ บราซิลแสดงให้เห็นทั้งฟอร์มการเล่นสมกับว่าที่แชมป์ และความมั่นใจที่ใส่มาเกินร้อย แม้จะมีรอยตำหนิจากการพ่ายแคเมอรูนในนัดสุดท้ายของรอบแรก แต่นั่นก็เพราะใช้ผู้เล่นสำรองและก้าวเท้าเข้ารอบ 16 ทีมเรียบร้อยแล้ว และนี่คือการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกหนที่ 7 ติดต่อกันของพวกเขา แต่ 4 ครั้งหลังที่ผ่านเข้ามา บราซิลจบที่รอบนี้ถึง 3 หนด้วยการพ่ายทีมจากยุโรป ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม ในปี 2006, 2010 และ 2018 ตามลำดับ พูดง่าย ๆ คือ ตั้งแต่คว้าแชมป์หนสุดท้ายในปี 2002 ด้วยการเอาชนะเยอรมนี 2-0 พวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศเพราะทีมยุโรปทุกหน ครั้งเดียวที่ผ่านไปเข้ารอบรองชนะเลิศในปี 2014 ที่บ้านเกิดของตัวเอง ทีมแซมบ้าก็พ่ายให้เยอรมนีจนได้แค่เข้าชิงที่ 3

ขณะที่เรื่องของเกมระดับชาติ 10 นัดหลังสุดของทีมตราหมากรุก พวกเขาไม่เคยแพ้ใคร และหากย้อนไปไกลถึง 20 เกมนับตั้งแต่ยูโร 2020 โครเอเชียแพ้แค่นัดเดียว ส่วนการพ่ายแพ้แคเมอรูน 1-0 คือการพ่ายแพ้นัดแรกของบราซิลหลังไม่แพ้ใครมานานถึง 18 นัด

สำหรับสถิติในการเจอกันของทั้งคู่ จากทั้งหมด 4 เกม บราซิลไม่เคยแพ้ ชนะ 3 กับเสมอ เกมนี้จะเป็นเป็นเกมที่ 3 ในฟุตบอลโลกที่พวกเขาเจอกัน โดย 2 ครั้งก่อนบราซิลชนะ 1-0 และ 3-1 ในปี 2006 กับ 2014 ตามลำดับ

แซมบ้า บราซิล จะชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย แบบหืดจับ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

ลูก้า โมดริช ดาวเตะที่ดีที่สุดของโครเอเชีย รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018

สถานการณ์ผู้เล่นของโครเอเชียและบราซิล

ในเกมกับญี่ปุ่น 2 ผู้เล่นฟูลล์แบ็คของโครเอเชีย บอร์นา โซซ่า และโจซิป สตานิซิซ ต่างไม่ได้ลงสนาม โดยสตานิซิซยังไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียวเพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และคงต้องเช็คอาการอีกทีว่าพร้อมแค่ไหนสำหรับเกมนี้ ส่วนโซซ่ามีปัญหาเรื่องอาการป่วย แต่ถ้าหายทัน เขาจะได้ลงแทนบาร์นา บาริสซิซ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

ตำแหน่งอื่น ๆ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง กองกลางคงเป็นการผนึกกำลังกันของลูก้า โมดริซ, มาร์เซโล บรอโซวิซ และมัตเตโอ โควาซิซ โดยโมดริซและโควาซิซ มีใบเหลืองติดตัวเช่นเดียวกับบาริสซิซและเดยาน ลอฟเรน ที่รายหลังจะจับคู่เล่นเซนเตอร์แบ็คกับ จอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่กลายเป็นดาวดังคนใหม่ของทีมในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนมาร์โก้ ลิวายาและอันเต้ บูดิเมียร์ ใครคนใดคนหนึ่งจะได้เล่นเป็นหน้าเป้าแทนบรูโน เพ็ตโควิซ กราบซ้ายและขวาเป็นหน้าที่ของเปริซิซและอันเดรจ ครามาริซ

บราซิลจะไม่มีแกเบรียล เชซุสกับอเล็กซ์ เตลเลส ที่เจ็บเข่าจนพลาดเกมที่เหลือในฟุตบอลโลกหนนี้ ส่วนอเล็กซ์ ซานโดรที่เจ็บสะโพกยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือเปล่า ล่าสุดนักเตะวัย 31 ปีรายนี้ต้องแยกซ้อมเดี่ยวหลังพลาดเกม 2 นัดล่าสุด และถ้าลงเล่นไม่ได้ ดานิโล่ เพื่อนร่วมทีมยูเวนตุส จะทำหน้าที่แทนในตำแหน่งแบ็คซ้ายต่อ โดยอีกสามคนในแผงแบ็คโฟร์ของทีม ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอสประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค เอเดร์ มิลิเตาลงเล่นเป็นแบ็คขวา ซึ่งมิลิเตาเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นบราซิลที่มีใบเหลืองคาดโทษร่วมกับเฟร็ดและบรูโน กิมาเรส แต่ 2 รายหลังน่าจะเป็นผู้เล่นสำรอง ส่วนแดนกลางเป็นหน้าที่ของคาเซมิโร่และปาเกต้า

ในแนวรุก เนย์มาร์ที่ฟื้นจากอาการเจ็บข้อเท้า จะได้ผนึกกำลังกับราฟินญ่าและวินิซิอุส จูเนียร์ โดยหน้าเป้าเป็นริชาร์ลิสัน

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโครเอเชียและบราซิล

โครเอเชีย ระบบ 4-3-3: ลิวาโควิซ; จูราโนวิซ, ลอฟเรน, กวาร์ดิโอล, บาริซิซ; โมดริซ, บรอโซวิซ, โควาซิซ; ครามาริซ, ลิวายา, เปริซิซ
บราซิล ระบบ 4-3-3: อลิสซง; มิลิเตา, มาร์ควินญอส, ซิลวา, ดานิโล; ปาเกต้า, คาเซมิโร่, เนย์มาร์; ราฟินญ่า, ริชาร์ลิสัน, วินิซิอุส จูเนียร์

เนย์มาร์ บราซิล

เนยมาร์ ดาวเตะคนสำคัญของบราซิล

ผลการแข่งขันระหว่างโครเอเชียและบราซิล

ซลัตโก้ ดาลิซ โค้ชของโครเอเชีย ชื่นชมบราซิลอย่างมา โดยบอกว่าเป็นทีมที่เล่นได้อย่าง “น่าตื่นเต้น” และเป็นทีมที่ “เปี่ยมไปด้วยพลังและเยี่ยมที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้” ที่ดาลิซจะต้องหาทางหยุดทีมแซมบ้าให้ได้ หากต้องการไปให้ไกลเช่นเดียวกับเมื่อ 4 ปีก่อน โดยพวกเขาน่าจะใช้รูปแบบการเล่นในลักษณะเดียวกับที่สวิตเซอร์แลนด์ใช้ ซึ่งสามารถยื้อบราซิลได้ถึงนาทีที่ 83 ซึ่งโครเอเชียน่าจะเล่นกับบอลได้ดีกว่าที่นักเตะสวิสทำได้ ร่วมไปถึงความสามารถเฉพาะตัว ตลอดจนแท็กติกที่ใช้ รวมถึงประสบการณ์ของผู้เล่น ที่ผ่านเกมบีบหัวใจ และเกมใหญ่ ๆ มานักต่อนัก น่าจะทำให้ทีมเมืองกาแฟเจองานที่ไม่ง่ายเหมือนในรอบที่ผ่านมา

ถึงกระนั้นบราซิลก็มีดีเกินกว่าทีมตราหมากรุกจะต้านทานไหว และน่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์ 2-0 หรือ 2-1 ในแบบที่ไม่น่าจะยื้อเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา

เรื่องน่าอ่าน
1. พลิกตำนานศึกดวลลูกโทษที่จุดโทษ ในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ชาติไหนคือราชาแห่งระยะ 12 หลา

2. เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
3. ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่
4. รู้จักห้าสิงโตคำราม ที่อาจจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022
5. ห้าอัศวินฟ้าขาว ดาวเตะความหวังของอาร์เจนติน่าในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
6. นักเตะตราไก่ ที่จะทำให้แชมป์โลกไม่เจออาถรรพ์แชมป์เก่าในฟุตบอลโลก 2022
7. ห้าดาวเตะอัศวินสีส้ม ที่จะพาเนเธอร์แลนด์บินสูงในฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส จะชนะสวิตเซอร์แลนด์ ในเกมที่อาจยื้อถึงจุดโทษ ของรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส จะชนะสวิตเซอร์แลนด์ ในเกมที่อาจยื้อถึงจุดโทษ ของรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม โปรตุเกส – สวิตเซอร์แลนด์

วันที่ 7 ธันวาคม เวลา 02:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง GMM25/ True Sport

โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทีมชาติโปรตุเกส จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: portugoal.net)

สถานการณ์ของโปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

แม้จะพ่ายเกาหลีใต้ในเกมนัดสุดท้ายจากลูกยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่โปรตุเกสก็ผ่านรอบแบ่งกลุ่มในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่มูรัต ยาคินที่คุมสวิสมาเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับชาติหนแรก ก็พาทีมผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยการเอาชนะเซอร์เบีย 3-2 เป็นที่ 2 ของกลุ่ม จี

ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2002 เป็นต้นมา โปรตุเกสผ่านรอบ 16 ทีมเข้าไปเล่นในรอบต่อไปเพียงหนเดียวในปี 2006 ซึ่งครั้งนั้นพวกเขาจบด้วยอันดับ 4 ส่วนอันดับดีที่สุดที่เคยทำได้ ก็โน่นอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 1966 และแม้จะมีทีม “ยุคทอง” มาไม่รู้กี่ชุด โปรตุเกสก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกเลย

สวิสเปิดตัวในฟุตบอลโลก 2022 สุดสวยด้วยชัยชนะ 2 จาก 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม โดยเกมสุดท้ายพวกเขาสู้กับเซอร์เบียอย่างดุเดือด มีใบเหลืองปลิวว่อน 11 ใบ และกรานิต ซาก้ารอดใบแดงหวุดหวิด ที่น่าสนใจก็คือ สวิสไม่เคยชนะ 3 นัดในฟุตบอลโลกครั้งเดียวมาก่อน และ 7 ครั้งหลังที่ได้เข้าร่วมไม่เคยไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศสักครั้ง และการได้เจอทีมที่พบกันบ่อย ๆ น่าจะเป็นโอกาสที่พวกเขาจะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยุคใหม่

สวิตเซอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 2022

สวิตเซอร์แลนด์ มีดีพอจะตามบราซิลเข้ารอบสอง ฟุตบอลโลก 2022 ตามบราซิลไหม (ภาพ: Keystone / Urs Flueeler)

เช็กสถิติของโปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

ทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันหมาด ๆ ในยูเอฟ่า เนชั่นส์ ลีกเมื่อต้นปี โดยที่ลิสบอนโปรตุเกสขย่มไป 4-0 ก่อนจะมาแพ้ที่บ้านฝ่ายหลัง 1-0 โดยในรายการนี้ สวิตเซอร์แลนด์ฉายความแข็งแกร่งให้เห็น เมื่อเอาชนะได้ทั้งสเปน และสาธารณรัฐเช็ก แต่ถ้าย้อนไปดูสถิติการเจอกันทั้งหมด พวกเขาปะทะกันเป็นประจำ ที่สำคัญสถิติของสวิสเหนือกว่าทีมฝอยทอง จาก 25 ครั้ง พวกเขาชนะถึง 11 หน ส่วนโปรตุเกสชนะแค่ 9 และอีก 5 ครั้งจบลงด้วยการเสมอกัน ส่วนฟอร์ม 5 เกมหลังสุด โปรตุเกสชนะ 3 แพ้ 2 (LWWWL) เท่ากับสวิส (WLWLW)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บรูโน่ เฟอร์นันด์ส โปรตุเกส ฟุตบอลโลก 2022

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ขวา) กับบรูโน่ เฟอร์นันด์ส เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสโมสร (ภาพ: www.sportingnews.com)

สถานการณ์ของผู้เล่นโปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

หลังผ่านเข้ารอบแน่ ๆ เฟอร์นานโด ซานโต๊สโค้ชทีมฝอยทองได้โอกาสเปลี่ยนผู้เล่นตัวหลัก ๆ ไปพักถึง 6 รายในนัดสุดท้าย โดยไอ้หนูวัย 19 ที่เพิ่งลงเล่นนัดแรกให้เบนฟิก้า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อันโตนิโอ ซิลวา ได้โอกาสลงเล่นคู่กับเปเป้ ตัวเก๋าที่ติดทีมชาติมาร่วม 20 ปีในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค แต่เกมนี้รูเบน ดิอาสจะกลับมาเป็นตัวจริง ส่วนดีโอโก้ ดาโลต์ที่โชว์ฟอร์มได้ดี อาจได้เป็น 11 คนแรกต่อ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1 ใน 3 ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัวหลังผ่าน 65 นาทีในเกมกับเกาหลีใต้ จะยังเป็นตัวหลักในแดนหน้า ส่วนอังเดร ซิลวากับผู้เล่นเบนฟิก้า กอนเซโล รามอส จะออกสตาร์ตที่ม้านั่งสำรอง

นูโน่ เมนเดส วิงแบ็คของปารีส แซ็งแฌร์กแม็งได้รับบาดเจ็บต้นขา และหมดโอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกหนนี้แล้ว ส่วนดานิโล เปไรร่า เพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมทีมของเมนเดส ที่ขยับจากเซนเตอร์แบ็คมาเล่นแทน เกิดเจ็บชี่โครงระหว่างซ้อม ยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือไม่ แต่โอตาวิโอที่ไม่ได้ลงเล่นสองเกมสุดท้ายในรอบแรก เพราะบาดเจ็บกล้ามเนื้อน่าจะกลับมาได้

ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง เจ้าของ 30 คลีนชีต รวมถึงสารพัดเซฟจากการลงเล่น 76 นัดให้ทีมชาติ กับนิโก เอลเวดี้ เซนเตอร์แบ็ค ที่ไม่ได้ลงเจอเซอร์เบียเพราะป่วย หลังได้พัก 4 วันน่าจะพร้อมลงเล่นเกมนี้ แต่ถ้าซอมเมอร์ลงไม่ได้ เกรกอร์ โคเบล จากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์จะทำหน้าที่แทน กรานิต ซาก้ากับเรโม่ ฟรูเลอร์ จเล่นในแผงมิดฟิลด์โดยปักหลักหน้าแผงรับ บรีลล์ เอ็มโบโล่จะเป็นหน้าเป้า ที่ได้รับการสนับสนุนทางกว้างจาก รูเบน วาร์กาสกับเซอร์แดน ชาคีรี่ โดยมีคริสเตียน ฟาสส์เน็ชต์กับเรนาโต้ สเตฟเฟ่น เป็นตัวเลือกทั้งสองกราบ

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

โปรตุเกส ระบบ 4-3-3: คอสต้า; กันเซโล่, เปเป้, ดิอาส, เกวร์เรโร่; แบร์นาโด้, เนเวส, คาร์วัลโญ่; แฟร์นานด์ส, โรนัลโด้, เฟลิกซ์
สวิตเซอร์แลนด์ ระบบ 4-2-3-1: ซอมเมอร์; วิิดแมร์, เอลเวดี้, อะคันจ, ร็อดริเกวซ; ซาก้า, ฟรูเลอร์; ชาคีรี่, โซว์, วาร์กาส; เอ็มโบโล่

ผลการแข่งขันระหว่างโปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

เป็นการต่อสู้กันระหว่างทีมที่ผู้เล่นมีความสามารถเฉพาะตัวสูงมากมาย กับทีมที่มีผู้เล่นมากความสามารถน้อยกว่า แต่เน้นทีมเวิร์กและการร่วมแรงร่วมใจ ที่ 6 เกมซึ่งเป็นการแข่งขันในปี 2022 ของสวิส 2 นัดคือการเจอโปรตุเกสที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ บ้านใครบ้านมัน ทีมฝอยทองมากาตาร์ด้วยผู้เล่นพรสวรรค์ในแนวรุกมากมาย ซึ่งจากที่เห็นพวกเขาไม่มีปัญหาในเรื่องทำประตู แต่เรื่องการป้องกันประตู ตกอยู่ในเครื่องหมายคำถาม และน่าจะเป็นโอกาสให้สวิตเซอร์แลนด์ยื้อสู้ได้ แต่นักเตะอย่าง เปเป้, โรนัลโด้ ที่เป็นพวกมากประสบการณ์ และเป็นผู้เล่นเกมใหญ่ จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผลแพ้-ชนะ หากเกมลากไปถึงการยิงจุดโทษ ซอมเมอร์ที่มีชื่อในการดวลเดี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามจะเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที

ด้วยศักยภาพของผู้เล่น โปรตุเกสน่าจะเก็บสวิตเซอร์แลนด์หวุดหวิด 1-0 หรือ 2-1 แต่อย่าลืมมองไปถึงโอกาสต่อเวลา ที่มีสิทธิไปไกลถึงยิงลูกโทษไม่น้อย

เรื่องน่าอ่าน
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
รู้จักกับลูกฟุตบอลของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
รู้จักและฟัง BETTER TOGETHER เพลงฟุตบอลโลก 2022 เพลงแรก
ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ งานอำลายอดนักเตะคนไหนบ้าง นอกจากโรนัลโด้และเมสซี่ 
นักเตะดาวรุ่งคนไหนจะเป็นซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022
เช็กเส้นทางทีมชาติอังกฤษจะไปถึงไหน ในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ 

 

สเปน กระทิงดุจะขวิดสิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีทฟุตบอลโลก 2022

สเปน กระทิงดุจะขวิดสิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีทฟุตบอลโลก 2022

ทำนายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม โมร็อกโก – สเปน

6 ธันวาคม เวลา 22:00 น. (เวลาในประเทศไทย) ชมได้ทาง True 4U/ True Sport 2

สเปน กระทิงดุจะขวิดสิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีทฟุตบอลโลก 2022

โมร็อกโก ที่เป็นชาติแรกของแอฟริกาใต้ ที่ผ่านรอบแรกฟุตบอลโลกได้สำเร็จ (ภาพ: www.moroccoworldnews.com)

สถานการณ์ของโมร็อกโกและสเปน

แม้จะเป็นการเจอกันของสองทีมจากสองทวีป แต่เอาเข้าจริง ๆ โมร็อกโกกับสเปนก็ไม่ต่างจากบ้านใกล้เรือนเคียง เมื่ออยู่ห่างกันแค่ไม่ถึง 10ไมล์

โมร็อกโกผ่านเข้ารอบด้วยฟอร์มการเล่นที่สุขุมและพยายามควบคุมเกมเอาไว้ให้ได้ ส่งให้พวกเขาเป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกที่เข้ารอบน็อคเอาต์ของฟุตบอลโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเป็นแชมป์กลุ่ม ขณะที่เกมของสเปนซึ่งถูกทุบและพังทลายในครึ่งหลังของเกมกับญี่ปุ่น ทำให้พวกเขาเข้าตกเป็นที่ 2 ของกลุ่ม อี ทั้ง ๆ ที่ช่วงหนึ่งของเกม พวกเขาตกรอบไปแล้วเมื่อคอสตาริก้าขึ้นนำเยอรมนี

โมร็อกโกฉวยโอกาสจากการที่สองทีมยุโรป รองแชมป์และอันดับ 3ของฟุตบอลโลก 2018 ขาดความสม่ำเสมอในแดนหน้า สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม เอฟ ด้วย 7 แต้มในมือ และเป็น 1 ใน 2 ทีมจากแอฟริกาที่เข้ารอบนี้สำเร็จร่วมกับเซเนกัล และเป็นหนที่สอง หลังเคยทำสำเร็จในปี 1986

สเปนของลุยส์ เอ็นริเก้ ทำประตูญี่ปุ่นเพิ่มไม่ได้ หลังยิงนำไปก่อนในเกมนัดสุดท้ายของรอบแรก ท้ายที่สุดพวกเขาก็พลาดและตกเป็นที่ 2 ในกลุ่มเบียดเยอรมนีตกรอบด้วยประตูได้เสีย หากกลับเป็นเรื่องดี เมื่อคู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นโมร็อกโกไม่ใช่โครเอเชีย รวมถึงรอบต่อ ๆ ไปก็หนีทีมแกร่งอย่าง บราซิลและอาร์เจนติน่าได้อีก แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วพวกเขาก็จบที่รอบนี้ ที่ถ้าเกิดซ้ำก็จะเป็นครั้งแรกที่สเปนตกรอบนี้ติดต่อกัน

สเปน ฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม อี

กระทิงดุ สเปน จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 (ภาพ: Getty Images)

เช็กสถิติของโมร็อกโกและสเปน

ศึกของทีมเพื่อนบ้านที่ไม่ต่างไปจากเกมดาร์บี้แม็ตช์ ทั้งสองประเทศมีเขตแดนติดกัน มีปัญหาทางการเมืองรวมไปถึงการอพยพข้ามแดนมาเป็นระยะ ๆ และในเกมฟุตบอล โมร็อกโกกับสเปนเคยเจอกันมาแล้ว 3 ครั้ง โดยสเปนชนะ 2 และเสมออีกหนหนึ่ง โดยเป็นการเจอกันในรอบเพลย์ออฟระหว่างทีมจากแอฟริกาและยุโรป ที่สเปนชนะ 4-2 จากการเล่น 2 เกม และในฟุตบอลโลก 2018 โมร็อกโกที่คุมทีมโดยเฮิร์ฟ เรนาร์ด ที่ปัจจุบันเป็นโค้ชซาอุดิอาระเบีย โมร็อกโกนำสเปนไปก่อน 2-1 แต่ท้ายที่สุด สเปนก็ตีเสมอสำเร็จในช่วงท้ายเกม แบ่งแต้มกันไป

ส่วนฟอร์ม 5 นัดหลัง โมร็อกโก เสมอ 2 และชนะ 3 ขณะที่สเปนชนะ 3 เสมอ 1 และแพ้ 1 สถิติที่น้าสนใจของโมร็อกโกก็คือ พวกเขาไม่แพ้มาแล้ว 8 เกมติดต่อกัน แถมยังเสียไปแค่ 2 ประตู และสำหรับเกมในฟุตบอลโลกแล้ว พวกเขาไม่แพ้ติดต่อกันมาแล้ว 4 เกม และหากไม่แพ้นัดนี้ จะทำสถิติทาบ 5 เกมที่แคเมอรูนทำได้จากฟุตบอลโลก 1982 – 1990

สเปน กระทิงดุจะขวิดสิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส โมร็อกโก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีทฟุตบอลโลก 2022
สถานการณ์ของผู้เล่นโมร็อกโกและสเปน

ยาสซีน โบโน ผู้รักษาประตูที่ถูกเปลี่ยนตัววินาทีสุดท้ายก่อนเกมกับเบลเยี่ยม ลงเล่นในเกมชนะแคนาดา ประเทศบ้านเกิดของตัวเองได้แล้ว และคงได้เป็นตัวจริงในเกมนี้ อาชราฟ ฮาคิมี่ที่บาดเจ็บข้อเท้า หากผ่านเช็คความฟิตน่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง หลังพยายามเซฟตัวเองโดยไม่ลงซ้อมแบบเต็ม ๆ เมื่อวันเสาร์ ส่วนขาประจำ อย่าง ซีเย็ก, ซอยฟาน, อัมราบัต และโซเฟียน บูฟอล ก็พักซ้อมด้วย แต่ไม่มีสัญญาณว่า ทั้งสามคนมีอาการบาดเจ็บ

เอ็นริเก้หวังให้ลูกทีมฟิตเต็มที่มากที่สุดในเกมนี้ โดยในเกมกับญี่ปุ่น เขาเปลี่ยนผู้เล่นจากเกมกับเยอรมนีถึง 5 คน และใน 20 นาทีสุดท้ายก็ส่งผู้เล่นที่ยังไม่ได้สัมผัสเกม 4 รายไปแทนผู้เล่นจากเกมเยอรมนีที่ลงในสนามนัดนี้ นอกจากนี้ยังไม่ให้ดานี่ โอลโม่, เดวิด รายา และซีซาร์ อัซปลิกวยต้าลงซ้อมเมื่อวันศุกร์ แต่เชื่อว่าโอลโม่น่าจะเป็นการพักหลังกรำศึกในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนอัซปลิกวยต้าที่ถูกเปลี่ยนตัวในเกมเจอญี่ปุ่นบาดเจ็บน่อง ขณะที่รายาไม่มีรายงาน แต่การเป็นผู้รักษาประตูสำรอง และซิมอนน่าจะได้ลงเล่นอยู่แล้ว ไม่น่าส่งผลกระทบอะไรกับทีม นิโก้ วิเลียมส์ และอเลฆานโดร บัลเด้ที่ได้ลงเจอญี่ปุ่น จะถูกแทนที่โดยแฟร์ราน ตอร์เรสและจอร์ดี้ อัลบา

ผู้เล่นที่คาดว่าน่าจะลงสนามของโมร็อกโกและสเปน

โมร็อกโก ระบบ 4-3-3: โบโน; ฮาคิมี่, อากวอร์ด, ซาอิสส์, มาซราอุย; อูนาฮี, อัมราบัต, ซาบิรี่; ซีเย็ก, เอ็น-เนสซีรี่, บูฟอล
สเปน ระบบ 4-3-3: ซิมอน; คาร์บาฆาล, โรดรี้, ลาปอร์ต, อัลบา; เปดรี้, บุสเก็ตส์, กาบี้; แฟร์ราน ตอร์เรส, โมราต้า, โอลโม่

ผลการแข่งขันระหว่างโมร็อกโกและสเปน

โมร็อกโกต้องทุ่มสุดตัวเพื่อเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศครั้งแรกให้ได้ โดยเฉพาะแนวรับที่ต้องรับมือแนวรุกสเปน แต่พวกเขาก็มีโอกาสเจาะกองหลังทีมกระทิงดุที่เปราะบางเหมือนกัน หากด้วยผู้เล่นในแนวรุกที่มีประสิทธิภาพ มีตัวเลือกที่หลากหลาย สเปนดูจะเหนือกว่าโมร็อกโก แต่อย่าลืมว่า นับตั้งแต่วาลิด เรเกรกุยเข้ามารับตำแหน่งในเดือนสิงหาคม โมร็อกโกยังไม่เคยเสียประตูเลย และช่วงที่วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิกคุมทีมในรอบคัดเลือก พวกเขาเสียแค่ประตูเดียว

นี่คือเกมอึดอัดวัดที่ความอดทน สเปนคงป้อไปป้อมาแต่หาช่องยิงลำบาก ส่วนโมร็อกโกรอจังหวะแบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นแสดงให้เห็น และหากสร้างความกดดันให้เกิดขึ้นกับสเปนได้ โมร็อกโกก็มีโอกาสคว้าชัย เกมนี้เป็นอีกเกมที่น่าจะลากกันยาว แต่คงไม่ถึงฎีกา

สเปนชนะหวิว 2-1 หรือ 1-0

เรื่องน่าอ่าน
ทีมจากแอฟริกา จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลก 2022 ?
ผู้ตัดสินหญิง และผู้ช่วยผู้ตัดสินสตรี กับครั้งแรกในฟุตบอลโลก ทำความรู้จักกับพวกเธอกัน
ล้ำหน้าในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ฟีฟ่านำเอไอตรวจจับร่างกายของผู้เล่นมาช่วยตัดสิน
รู้จักกับลูกฟุตบอลของ ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
รู้จักและฟัง BETTER TOGETHER เพลงฟุตบอลโลก 2022 เพลงแรก 

โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์ : ตัวต่อตัว 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย : โปรตุเกส vs สวิตเซอร์แลนด์

อังคาร 6 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : GMM25

 

ผลการพบกัน : 25 นัด
โปรตุเกส ชนะ 9
เสมอ 5
สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 11

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โปรตุเกส
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สเปน 0-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 4-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ กาน่า 3-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อุรุกวัย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เกาหลีใต้ 1-2

 

สวิตเซอร์แลนด์
เนชั่นส์ ลีก ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
อุ่นเครื่อง แพ้ กาน่า 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคเมอรูน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ บราซิล 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เซอร์เบีย 3-2

 

ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม
โปรตุเกส : ชนะ 2 เกมซ้อนเหนือทั้ง กาน่า และ อุรุกวัย จนการันตีการเข้ารอบได้ตั้งแต่จบสองเกมแรก และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้ไม่ได้เล่นดีมากแต่ก็มียิงประตูทำสถิติ จนเกมสุดท้ายแม้จะหลุดแพ้ เกาหลีใต้ แต่ก็ไม่ได้สั่นคลอนตำแหน่งแชมป์กลุ่ม
สวิตเซอร์แลนด์ : แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แข็งแกร่งทั้งในเกมชนะ แคเมอรูน 1-0 และยัน บราซิล 0-0 จนถึงนาที 83 (โดน กาเซมิโร่ สอย 1-0) ก่อนจะเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย ซึ่งทัพนาฬิกาก็ยังมีดีพอจะเบียดชนะ 3-2 ดังนั้นจึงเข้ารอบได้ตามสมควร

 

ความพร้อมก่อนเตะ โปรตุเกสและสวิตเซอร์แลนด์

โปรตุเกส
แม้เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 จะมีรตำหนิพอสมควรกับการทุบ กาน่า 3-2 แต่ก็ยังสร้างความต่อเนื่องด้วยการตบ อุรุกวัย อีก 2-0 จนสุดท้ายแม้จะแพ้ เกาหลีใต้ แต่ไม่ได้มากพอให้หลุดออกจากตำแหน่งแชมป์กลุ่ม

 

โปรตุเกส เข้ารอบน็อกเอาต์ได้อีกครั้ง เป็นหนที่ 4 จากการเล่นฟุตบอลโลก 5 ทัวร์นาเมนต์หลัง โดยหนึ่งในนั้นมีเข้าไปเป็นอันดับ 4 (2006) ด้วย

 

เกมล่าสุด แฟร์นันโด ซานโตส ปรับ 11 คนแรกค่อนข้างเยอะหลังจากเข้ารอบไปแล้ว และเกมนี้จะกลับไปใช้ตัวจริงเต็มพิกัดอีกหน กระนั้นพวกเขาก็มีปัญหาตัวเจ็บ ทั้ง ดานิโล่ เปเรยร่า, โอตาวิโอ และ นูโน่ เมนเดส

 

ในราย นูโน่ เมนเดส แบ็กดาวรุ่งจากเปแอสเช เจ็บหนักที่ต้นขา รายงานระบุต้องพัก 2 เดือน เท่ากับปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ไปโดยปริยาย ขณะที่ ดานิโล่ เปเรยร่า ก็ยังไม่พร้อมคืนสังเวียน

 

การจัดทัพใช้ 4-3-1-2 ข้างหน้าวาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ชูเอา เฟลิกซ์ เข้าทำ รูเบน ดิอาส สนับสนุนเกมโดย บรูโน่ แฟร์นันเดส ขณะที่ผู้เฒ่า เปเป้ วัยย่าง 40 จะลงยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ รูเบน ดิอาส

 

สวิตเซอร์แลนด์
เปิดสนาม เวิลด์ คัพ ด้วยการเฉือนชัย แคเมอรูน 1-0 แต่ว่าจากนั้นต้าน บราซิล ไม่อยู่ แพ้ไป 0-1

 

สุดท้ายเจอเกมแลกหมัดกับ เซอร์เบีย จนชนะ 3-2 ได้เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เป็นการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายหนที่ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง

 

ความพร้อมของ มูรัต ยาคิน กุนซืออดีตดาวเตะคนดัง มีแค่ต้องเช็กอาการของ เรนาโต้ สเตฟเฟ่น ซึ่งเจ็บกล้ามเนื้อก่อนหน้านี้

 

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่มีปัญหาความฟิตจนหายหน้าไปจากเกมแพ้ บราซิล กลับลงช่วยทีมไปแล้วแถมยิงประตูได้ด้วย และเกมนี้ก็จะยืนกลางรุกฝั่งขวา เล่นร่วมกับ ชิบริล โซว์ และ รูเบน วาร์กาส เพื่อสนับสนุนหน้าเป้า บรีล เอ็มโบโล่ ในระบบ 4-2-3-1

 

ตัวความหวัง
โปรตุเกส : บรูโน่ แฟร์นันเดส
ไม่ใช่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่โดดเด่นที่สุดเมื่อสวมชุด โปรตุเกส ลงสนามในช่วงหลัง แต่คือ บรูโน่ แฟร์นันเดส จอมทัพจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยิ่งเล่นยิ่งส่งอิทธิพล เผลอๆ ในภาพรวมจะเล่นได้ดีกว่าตอนรับใช้ปีศาจแดงต้นสังกัดด้วยซ้ำไป โดยสตาร์วัย 28 กดประตูในทีมชาติไปถึง 7 ลูกจากการเล่น 11 นัดในปีนี้ รวมถึง 2 ประตูที่เช็คบิล อุรุกวัย

 

สวิตเซอร์แลนด์ : บรีล เอ็มโบโล่
พังประตูนำชัยให้ สวิตเซอร์แลนด์ เชือด แคเมอรูน บ้านเกิดเมืองนอน (ก่อนโอนสัญชาติ) 1-0 ก่อนที่จะสร้างปัญหาให้เกมรับบราซิลได้พอตัว แล้วก็มายิงอีกเม็ดนัดสยบ เซอร์เบีย ซึ่งแสดงถึงความอันตรายที่หอกร่างบึกวัย 25 มี โดยถึงตอนนี้กดให้ทีมชาติไปแล้ว 13 ลูกจากการเล่น 62 เกม ขณะที่ในสโมสร เอ็มโบโล่ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปเล่นกับ โมนาโก ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ และยิงไปแล้ว 8 ประตูด้วยกัน

 

11 ตัวจริงที่คาด
โปรตุเกส (4-3-1-2, กุนซือ แฟร์นันโด ซานโตส) ดีโอโก้ คอสต้า – ชูเอา กันเซโล่, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – รูเบน เนเวส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – บรูโน่ แฟร์นันเดส – คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ชูเอา เฟลิกซ์
สวิตเซอร์แลนด์ (4-2-3-1, กุนซือ มูรัต ยาคิน) ยานน์ ซอมเมอร์ – ริคาร์โด้ โรดริเกซ, มานูเอล อคานจี, นิโก้ เอลเวดี้, ซิลวาน วิดเมอร์ – กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรอยเลอร์ – รูเบน วาร์กาส, ชิบริล โซว์, เซอร์ดาน ชากิรี่ – บรีล เอ็มโบโล่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันบ่อยถึง 25 ครั้ง หรือตั้งแต่ 1938 เป็นต้นมาแล้ว โดย สวิตเซอร์แลนด์ เหนือกว่าที่ชนะ 11 เสมอ 5 ส่วนโปรตุเกสชนะ 9
• เพิ่งพบกันเหย้าเยือนใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี โปรตุเกสเปิดบ้านชนะ 4-0 ก่อนสวิสส์เปิดบ้านชนะคืน 1-0
• 12 เกมในทุกรายการของปีนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 6
• โปรตุเกส ไม่เคยเข้าถึงชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมาก่อนเลย ดีสุดคือเป็นอันดับ 3 และ 4
• นอกจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (118) มีอีกแค่ 2 คนที่ยิงเกิน 10 ลูกในทีมชาติโปรตุเกส คือ อันเดร ซิลวา (19) กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส (13)

 

ความน่าจะเป็น
แม้ชนะ 2 เกมแรกและตีตั๋วเข้ารอบได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่เกมสามหลุดแพ้ เกาหลีใต้ รวมถึงก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ท็อปฟอร์มมากมาย ทำให้ โปรตุเกส ยังไม่ถูกยกเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์โลก ซึ่งด้วยความเหนียวแน่นของเกมรับสวิสส์ และการที่เอาชนะกันได้มาแล้วไม่กี่เดือนก่อน ทำให้จะไม่ใช่เกมง่ายของทีมฝอยทอง และคงยากหน่อยถ้าคิดจะชนะใน 90 นาที

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1 ใน 90 นาที