ญี่ปุ่น vs สเปน : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ญี่ปุ่น vs สเปน : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี นัดสุดท้าย : ญี่ปุ่น vs สเปน
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ญี่ปุ่น
อันดับ 2 กลุ่มบี รอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 12 เสีย 4

สเปน
แชมป์กลุ่มบี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 15 เสีย 5

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ญี่ปุ่น
กิริน คัพ ชนะ สหรัฐอเมริกา 2-0
กิริน คัพ เสมอ เอกวาดอร์ 0-0
อุ่นเครื่อง แพ้ แคนาดา 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เยอรมนี 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ คอสตาริกา 0-1

สเปน
เนชั่นส์ ลีก แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ โปรตุเกส 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์แดน 3-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ คอสตาริกา 7-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เยอรมนี 1-1

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
อุ่นเครื่อง 2001 สเปน ชนะ 1-0

 

ตารางคะแนนกลุ่มอี หลังผ่าน 2 นัด
1. สเปน คะแนน 4 ผลต่างประตู +7
2. ญี่ปุ่น คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. คอสตาริกา คะแนน 3 ผลต่างประตู -6
4. เยอรมนี คะแนน 1 ผลต่างประตู -1

 

สภาพทีม
ญี่ปุ่น
ทัพซามูไรสีน้ำเงินผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน และสร้างผลงานโลกตะลึงเอาไว้ตั้งแต่เกมแรก ด้วยการยิงแซงชนะทีมระดับโลกอย่าง เยอรมนี เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย 2-1

 

กระนั้นเกมถัดมา แม้จะบุกใส่แทบพับสนาม แต่กลับพลิกแพ้ คอสตาริกา 0-1 ส่งผลให้ตกที่นั่งลำบากทันที เกมนี้ถ้าแพ้อีกจะตกรอบทันทีเลย ไม่ต้องดูผลอีกคู่แต่อย่างใด

 

เวลาเดียวกัน ถ้าชนะ ญี่ปุ่น ก็จะเข้ารอบเลย แบบเป็นแชมป์กลุ่มด้วย

 

แต่หากว่าออกเสมอ ก็จะต้องดูผลของอีกคู่ว่าออกหน้าไหน ซึ่ง ญี่ปุ่น จะตกรอบถ้า คอสตาริกา เป็นฝ่ายชนะ หรือถ้า เยอรมนี ชนะได้แบบถล่มทลายใส่ไม่ยั้ง

 

สภาพทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ มีปัญหาเล็กน้อยที่ความฟิตของ ฮิโรกิ ซากาอิ ซึ่งเจ็บจากเกมแรก แต่หากเล่นไม่ไหวก็มีตัวแทนตำแหน่งอยู่แล้วอย่าง ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ หรือ มิกิ ยามาเนะ

 

ยังคาดว่า ไลน์อัพจะถูกเปลี่ยนกลับไปใช้เหมือนนัดแรกที่ชนะ เยอรมนี มาได้ มากกว่านัดก่อนที่แพ้ คอสตาริกา โดยจะเป็นระบบ 4-2-3-1 หน้าเป้าทิ้ง ไดเซน มาเอดะ ไว้รายเดียว

 

สเปน
หลุยส์ เอ็นริเก้ พากระทิงดุเจ้าของแชมป์โลก 1 สมัยเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลงานค่อนข้างดี รวมถึงในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ก็ครองแชมป์กลุ่ม ได้ไปต่อในรอบชิงแชมป์ ปีหน้า

 

จากนั้นเมื่อเริ่มเกมแรก ทำได้ดีเกินความคาดหมาย กราดยิง คอสตาริกา ดับอนาถ 7-0 เฟร์ราน ตอร์เรส ซัดสอง ที่เหลือช่วยกันยิงอีก 5 คน ต่อมา แบ่งแต้มด้วยผลเสมอ เยอรมนี 1-1

 

สองนัด 4 แต้ม สเปน จึงกำลังนำจ่าฝูงกลุ่มอี และขอแค่ผลเสมอเกมนี้ เป็นอันลอยลำ โดยจะไม่หลุดจากการเป็นแชมป์กลุ่มด้วย นอกเสียจากว่า คอสตาริกา จะพลิกล็อกชนะ เยอรมนี ได้

 

เอ็นริเก้ ไม่มีปัญหาตัวเจ็บเพิ่มเติม และด้วยทีมที่เล่นกันดีอยู่แล้ว ทำให้คงแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริง ระบบ 4-3-3 ประตูเป็น อูไน ซิมอน แดนกลางบาร์ซ่าเหมาทั้ง เปดรี้, บุสเก็ตส์, กาบี ส่วนแนวรุก ดานี่ โอลโม่ จะเล่นร่วมกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และ อัลบาโร่ โมราต้า

 

ตัวความหวัง
ญี่ปุ่น : ทาคุมะ อาซาโนะ
กลายเป็นประเด็นว่า อาร์เซน่อล ทำเพชรเม็ดงามชิ้นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร ภายหลัง อาซาโนะ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการลงสำรองไปพังประตูชัยปลิดชีพ เยอรมนี 2-1 กระนั้นก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่า อาซาโนะ ย้ายมากรุงลอนดอนตั้งแต่อายุแค่ 22 และโดนปฏิเสธเวิร์คเพอร์มิตด้วย จนที่สุดแล้วหลังจากส่งยืมหลายรอบก็ต้องปล่อยขาดไปอย่างเสียมิได้ ตอนนี้อยู่กับ โบคุ่ม ในเยอรมนี และลงเล่นทีมชาติ 38 นัด ซัด 8 ประตู

 

สเปน : อัลบาโร่ โมราต้า
แมว 9 ชีวิตแห่งทัพกระทิงดุ เมื่อต่อให้ฟอร์มในระดับสโมสรจะออกทะเลขนาดไหน ก็ยังมีที่ยืนในทีมชาติอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกับชุดปัจจุบัน ทั้งที่ผลงานกับ แอตเลติโก มาดริด ไม่ได้สวยหรูนัก (5 ประตูซีซั่นนี้) ซึ่งปัจจัยอย่างหนึ่งอาจเพราะ สเปน ขาดแคลนหน้าเป้าแท้ๆ ลักษณะเดียวกับ โมราต้า ด้วย กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับหัวหอกวัย 30 ด้วยเหมือนกันว่าก็ทำผลงานได้ดีจริงในทีมชาติ สองปีหลังกดไป 11 ประตู รวมแล้วมี 29 ลูกจาก 59 นัด รวมถึง 2 เม็ดใน 2 เกมฟุตบอลโลก 2022 ด้วย

 

11 ตัวจริงที่คาด
ญี่ปุ่น (4-2-3-1, กุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ) ชูอิจิ กอนดะ – ยูโตะ นางาโตโมะ, มายะ โยชิดะ, โค อิตาคุระ, มิกิ ยามาเนะ – วาตารุ เอ็นโดะ, ฮิเดมาสะ โมริตะ – ทาเคฟุสะ คุโบะ, ไดอิจิ คามาดะ, จุนยะ อิโตะ – ไดเซน มาเอดะ
สเปน (4-3-3, กุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้) อูไน ซิมอน – จอร์ดี้ อัลบา, อายเมอริก ลาป๊อร์กต์, โรดรี้, ดานี่ การ์บาฆัล – เปดรี้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, กาบี – ดานี่ โอลโม่, อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาแค่หนเดียวเท่านั้น เมื่อปี 2001 ยุคที่ยังมีทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ราอูล กอนซาเลซ, มิเกล นาดาล ในสนาม และกระทิงดุขวิด 1-0 จากประตูนาทีสุดท้ายของ รูเบน บาราฆา
• สเปน แพ้แค่นัดเดียวจากการเล่น 11 เกมของปีนี้ (ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 1)
• ญี่ปุ่น เข้ารอบ 16 ทีมสลับกับตกรอบแรกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1998 และถ้ายึดตามวงรอบ ปีนี้ พวกเขาจะตกรอบแรก
• ทาคุมิ มินามิโนะ เป็นดาวซัลโวของญี่ปุ่นในชุดนี้ ด้วยการยิงไปแล้ว 17 ประตู ส่วน ทาคุมะ อาซาโนะ 8 ลูก, ไดเซน มาเดะ 1, ทาเคฟุสะ คุโบะ 1, อายาเสะ อุเอดะ 0
• สเปน ชุดนี้ มีแค่ 2 คนที่ยิงประตูในทีมชาติได้เกิน 10 ลูก คือ อัลบาโร่ โมราต้า (29) กับ เฟร์ราน ตอร์เรส (15)

 

ความน่าจะเป็น
ความผิดพลาดหนักสุดของ ญี่ปุ่น คือเกมที่แล้ว เมื่อแทนที่จะชนะ 2 เกมซ้อน ลอยลำเข้ารอบใสๆ แต่กลับออกหน้าแพ้ และกลายเป็นมีโอกาสสูงเลยในการตกรอบแรก ซึ่งเมื่อเทียบคุณภาพกันแล้ว สเปน ดุดันและไปไกลเกินกว่าที่ ญี่ปุ่น จะสู้ไหว คงมีแค่โดนมากโดนน้อยเท่านั้น

 

ผลที่คาด : สเปน ชนะ 2-0

คอสตาริกา vs เยอรมนี : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

คอสตาริกา vs เยอรมนี : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี นัดสุดท้าย : คอสตาริกา vs เยอรมนี
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล เบย์ท สเตเดี้ยม, อัล คอร์
ถ่ายทอดสด : Thairath TV

 

ผลงานรอบคัดเลือก
คอสตาริกา
อันดับ 4 รอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เพลย์ออฟต่างโซน ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0

เยอรมนี
แชมป์กลุ่มเจ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 36 เสีย 4

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
คอสตาริกา
อุ่นเครื่อง เสมอ เกาหลีใต้ 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ อุซเบกิสถาน 2-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ไนจีเรีย 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สเปน 0-7
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ญี่ปุ่น 1-0

เยอรมนี
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ อังกฤษ 3-3
อุ่นเครื่อง ชนะ โอมาน 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ญี่ปุ่น 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สเปน 1-1

 

ผลการพบกัน : 1 นัด
ฟุตบอลโลก 2006 เยอรมนี ชนะ 4-2

 

ตารางคะแนนกลุ่มอี หลังผ่าน 2 นัด
1. สเปน คะแนน 4 ผลต่างประตู +7
2. ญี่ปุ่น คะแนน 3 ผลต่างประตู 0
3. คอสตาริกา คะแนน 3 ผลต่างประตู -6
4. เยอรมนี คะแนน 1 ผลต่างประตู -1

 

สภาพทีม
คอสตาริกา
ทีมกล้วยหอมจากคอนคาเคฟ ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 6 และหนที่ 3 ติดต่อกัน แต่เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 แพ้ สเปน แบบไร้ทางสู้ 0-7 ทว่าก็แก้ตัวสยบ ญี่ปุ่น 1-0 ในเกมถัดมา

 

ชัยชนะสุดเซอร์ไพรส์ทำให้ทีมกล้วยหอมจอมซนอยู่ในข่ายลุ้นเข้ารอบ เพียงแต่ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียติดลบอย่างหนักถึง -6 ทำให้ผลเสมอไม่น่าเพียงพอ คงจำเป็นต้องชนะเกมนี้ให้ได้เท่านั้น

ในการทำทีมของ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ คอสตาริกายังมาด้วยสมาชิกหน้าเดิมๆ อย่าง เคย์เลอร์ นาวาส, ไบรอัน โอเวียโด้, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลท์ซิน เตเฮด้า, ไบรอัน รุยซ์ และ โจเอล แคมป์เบลล์ ที่รวมตัวกันมาตั้งแต่บอลโลก 2014 แล้ว

 

แต่เกมนี้ เซนเตอร์แบ็กตัวหลัก ฟรานซิสโก คัลโว ติดโทษแบน หลังสะสมใบเหลืองครบโควตา ทำให้ต้องมีการปรับทัพบางจุด แต่โดยรวมยังคงเดิม ข้างหน้าสุดฝากความหวังที่ อันโธนี่ กอนเตรราส

 

เยอรมนี
ตัวแทนยุโรปรายแรกที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 หมายมั่นปั้นมือเต็มที่จะมาแก้ตัวจากการตกรอบแรกอย่างสุดช็อคในครั้งก่อน แต่ปรากฏว่า แพ้พลิกล็อกช็อกโลกต่อ ญี่ปุ่น 1-2 ทั้งที่ยิงนำไปก่อน และต่อมาไล่ตีเสมอ สเปน 1-1

 

สองนัดยังชนะไม่ได้ มีแต้มเดียวในมือ ทำให้ เยอรมนี จมบ๊วยของกลุ่ม กระนั้นยังถือว่าพวกเขามีโอกาสเข้ารอบต่อไปอยู่พอสมควร ภายใต้เงื่อนไขแรกสุดคือต้องชนะเกมนี้ ถัดมาคือยิงให้ได้เยอะที่สุด และสุดท้าย ต้องลุ้นให้ สเปน ไม่พลาดท่าเสียทีต่อ ญี่ปุ่น (3 แต้ม) โดยถ้า สเปน-ญี่ปุ่น ออกเสมอ แล้ว เยอรมนี ชนะ ก็ต้องมาวัดผลต่างประตูได้เสียกัน

 

สำหรับความพร้อม ฮันซี่ ฟลิค ไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม หลัง เลรอย ซาเน่ ฟิตกลับมาลงสำรองได้แล้วในเกมก่อน ส่วนที่น่าจับตาคือ นิคลาส ฟุลล์ครุก โจ๊กเกอร์จากเบรเมน เจ้าของประตูตีเสมอ สเปน 1-1 มีสิทธิ์แทรกลงตัวจริง เมื่อพวกเขาต้องการประตูเร็วที่สุดและเยอะที่สุดเท่าที่สามารถทำได้

 

นอกนั้นภายใต้ระบบ 4-2-3-1 แผงรุกจากบาเยิร์น เลรอย ซาเน่, จามาล มูเซียล่า, แซร์จ นาบรี้ สนับสนุนเกมหลังหอกเป้า นิคลาส ฟุลล์ครุก

ตัวความหวัง
คอสตาริกา : โจเอล แคมป์เบลล์
ดังมานาน สร้างชื่อมาจนถึงจุดพีคแล้วก็ดร็อปลงไปจนแฟนบอลแทบจะลืมหน้ากันแล้ว แต่แท้ที่จริง อดีตกองหน้าอาร์เซน่อลรายนี้เพิ่งจะอายุ 30 ถ้วนเท่านั้นเอง โดยตอนที่เป็นแข้งปืนโต เขาอายุแค่ 22-23 จากนั้นก็ย้ายออกไปยังหลายประเทศ ปัจจุบันอยู่กับ คลับ เลออน ในเม็กซิโก และยังคงเฝ้ารับใช้ชาติอยู่ต่อไป เล่นแล้ว 121 นัด ซัด 25 ประตู แต่ในบอลโลกครั้งนี้ยังไร้สกอร์

เยอรมนี : นิคลาส ฟุลล์ครุก
ไม่เคยอยู่ในสารบบทีมชาติมาหลายปีดีดัก เนื่องจากสังกัดทีมเล็กอย่าง แวร์เดอร์ เบรเมน, เนิร์นแบร์ก, ฮันโนเวอร์ และย้ายกลับสู่ เบรเมน อีกครั้งเมื่อปี 2019 เป็นต้นมา แต่ด้วยผลงานตะบัน 19 ประตูในลีกา 2 ซีซั่นที่แล้ว กับอีก 10 ลูกในบุนเดสลีกา ครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ก็ทำให้กองหน้าร่างยักษ์วัย 29 ถูกเรียกมาติดธงลุยฟุตบอลโลก 2022 อย่างเซอร์ไพรส์ และสร้างผลงานได้ทันทีด้วย ด้วยการลงเล่น 3 นัด มีแล้ว 2 ประตู

 

11 ตัวจริงที่คาด
คอสตาริกา (5-4-1, กุนซือ หลุยส์ แฟร์นันโด ซัวเรซ) เคย์เลอร์ นาวาส – ไบรอัน โอเวียโด้, เคนดัลล์ วาสตัน, ออสการ์ ดูอาร์เต้, ดาเนี่ยล ชาคอน, เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ – โจเอล แคมป์เบลล์, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลท์ซิน เตเฮด้า, แกร์สัน ตอร์เรส – อันโธนี่ กอนเตรราส
เยอรมนี (4-2-3-1, กุนซือ ฮันซี่ ฟลิค) มานูเอล นอยเออร์ – ดาวิด เราม์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิคลาส ซูเล่, ติโล เคห์เรอร์ – อิลคาย กุนโดกัน, โยชัว คิมมิช – จามาล มูเซียล่า, แซร์จ นาบรี้, เลรอย ซาเน่ – นิคลาส ฟุลล์ครุก

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เคยพบกันมาครั้งเดียว ในฟุตบอลโลกที่เมืองเบียร์ เยอรมนี รัว 4-2 มิโรสลาฟ โคลเซ่ ซัดสองตุง
• คอสตาริกา แพ้แค่ 2 นัดจากการเล่น 14 เกมหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 10 เสมอ 2 แพ้ 2) แต่หนึ่งในนั้นก็คือการโดน สเปน กราดยิง 7-0
• คอสตาริกาชุดนี้มีนักเตะอายุ 30 ขึ้นไปมากถึง 11 คน สูงวัยสุดคือ ไบรอัน รุยซ์ กัปตันทีมวัย 37
• เยอรมนี ชนะแค่นัดเดียวจาก 5 เกมหลัง รวมนัดอุ่นเครื่อง
• หากไม่อาจเข้ารอบได้ นี่คงเป็นเกมฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายของทั้ง มานูเอล นอยเออร์ (36), โธมัส มุลเลอร์ (33), อิลคาย กุนโดกัน (32) และอีกบางคนของ เยอรมนี

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะพลิกชนะ ญี่ปุ่น มาได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกมวันนั้น ญี่ปุ่น ลุยเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว แต่ไม่คมเองจนโดนสวน ดังนั้นหมายความว่า คอสตาริกา ไม่ได้ดีขึ้นมากนักจากเกมแรกที่โดน สเปน ยิง 7 เม็ด และการเจอกับทีมเฮฟวี่เวตอย่าง เยอรมนี ก็เป็นงานยากเกินไปที่จะคิดต้านทานได้อยู่

 

ผลที่คาด : เยอรมนี ชนะ 3-0

โครเอเชีย vs เบลเยียม : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

โครเอเชีย vs เบลเยียม : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ นัดสุดท้าย : โครเอเชีย vs เบลเยียม
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
โครเอเชีย
แชมป์กลุ่มเอช โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 21 เสีย 4

เบลเยียม
แชมป์กลุ่มอี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 25 เสีย 6

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โครเอเชีย
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เดนมาร์ก 2-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 3-1
อุ่นเครื่อง ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ โมร็อกโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคนาดา 4-1

เบลเยียม
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 2-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-1
อุ่นเครื่อง แพ้ อียิปต์ 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ แคนาดา 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ โมร็อกโก 0-2

 

ผลการพบกัน : 8 นัด
โครเอเชีย ชนะ 3
เสมอ 2
เบลเยียม ชนะ 3

 

ตารางคะแนนกลุ่มเอฟ หลังผ่าน 2 นัด
1. โครเอเชีย คะแนน 4 ผลต่างประตู +3
2. โมร็อกโก คะแนน 4 ผลต่างประตู +2
3. เบลเยียม คะแนน 3 ผลต่างประตู -1
4. แคนาดา คะแนน 0 ผลต่างประตู -4 (ตกรอบแล้ว)

 

สภาพทีม
โครเอเชีย
ชนะมาติดต่อกัน 5 เกมซ้อนในช่วงเตรียมทีม ก่อนจะเปิดฟุตบอลโลก 2022 แบบหนืดเล็กๆ ได้ผลเสมอจาก โมร็อกโก 0-0 ก่อนเร่งเครื่องกราดยิง แคนาดา 4-1

 

สองนัด 4 แต้มนำจ่าฝูงของกลุ่ม หมายถึงว่า โครเอเชีย ขอแค่เสมอเกมนี้เป็นพอ หรือกระทั่งแพ้ก็ยังมีสิทธิ์เข้า หากว่าอีกคู่ โมร็อกโก พลิกแพ้ แคนาดา ขึ้นมา

 

ซลัตโก้ ดาลิช มีปัญหาสภาพทีมเพิ่มเติมเล็กๆ กับราย อีวาน เปริซิช จอมเก๋าจากสเปอร์ส เจ็บจนต้องเปลี่ยนออกนัดก่อน เกมนี้ถ้าไม่ไหวจะเป็น มิสลาฟ ออร์ซิช เล่นแทนในตำแหน่งปีกซ้าย

 

คาดว่าระบบจะยึด 4-3-3 ตามเดิม แดนกลางอัดแน่นด้วยตัวเก่งอย่าง มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ ลูก้า โมดริช ส่วนข้างหน้าใช้ มิสลาฟ ออร์ซิช เดินเกมรุกร่วมกับ อันเดรจ์ ครามาริช และ นิโกล่า วลาซิช

 

เบลเยียม
ผ่านเข้ารอบแบบไร้พ่ายจากรอบคัดเลือกโซนยุโรป และเกมแรกก็เบียดชนะ แคนาดา 1-0 แต่ถัดมาเล่นผิดฟอร์มจนแพ้ โมร็อกโก 0-2

 

ชนะ 1 แพ้ 1 มี 3 แต้ม ปีศาจแดงแห่งยุโรปจึงตกที่นั่งลำบากทันที ผลเสมอเกมนี้อาจไม่เพียงพอ เมื่อ โมร็อกโก (4 แต้ม) จะเจอกับทีมตกรอบไปแล้วอย่าง แคนาดา ดังนั้น เบลเยียม ต้องเอาชนะเกมของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อจะไม่ต้องสนผลอีกคู่

 

ประเด็นสำคัญคือ ภายในแคมป์เบลเยียมดูเหมือนจะมีรอยร้าว ต่อกรณีที่ เควิน เดอ บรอยน์ ไปให้สัมภาษณ์ว่าทีมตนไม่มีลุ้นแชมป์โลกเนื่องจากนักเตะแก่ๆ กันแล้ว ต่อมา ยาน แฟร์ตองเก้น ก็เอ่ยหลังเกมแพ้ โมร็อกโก แบบเหน็บแนมว่าที่ทีมยิงไม่ได้ เพราะเกมรุกแก่เกินไป ก่อนจะมีรายงานว่า เดอ บรอยน์, แฟร์ตองเก้น จนถึง เอแด็น อาซาร์ ทะเลาะกันในแคมป์ หวิดจะจ้วงปากกันทีเดียว

 

ในส่วนความพร้อม โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ไม่อาจใช้งาน อมาดู โอนาน่า ที่สะสมครบ 2 ใบเหลือง ติดแบน 1 นัด แต่มีลุ้นจะได้ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงเบอร์หนึ่งเจ้าของสถิติ 68 ประตูในนามทีมชาติ คืนตัวจริง หลังลงสำรองได้แล้วในเกมก่อน

 

หากว่า ลูกากู พร้อมรบ จะลงค้ำหน้าเป้าในระบบ 3-4-2-1 โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ กับ เอแด็น อาซาร์ เป็นตัวปั้นเกมสนับสนุน

 

ตัวความหวัง
โครเอเชีย : อันเดรจ์ ครามาริช
เคยเป็นหัวหอกผู้แพ้ ส่วนเกินของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สร้างชื่อกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงในทีมชาติ โดยถึงตรงนี้เล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาเป็นซีซั่นที่ 8 แล้ว ยิงทะลุหลักร้อยประตูแล้วเช่นกัน (106) ขณะที่ก็ยิง 22 ประตูให้กับทัพตาหมากรุก รวมถึง 2 เม็ดในเกมปราบ แคนาดา ด้วย โดยแม้จะไม่ดุดันครบเครื่องเหมือน ดาวอร์ ซูเคอร์ แต่ก็เป็นคนที่กองหลังไม่อาจประมาทได้เหมือนกัน

 

เบลเยียม : เควิน เดอ บรอยน์
สร้างชื่อขึ้นเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก และมาตรฐานสูงๆ ก็ยังคงอยู่เช่นเดิมในซีซั่นนี้ ที่ยิง 3 ประตู แอสซิสต์อีกถึง 13 กับการเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 19 นัด สำหรับในทีมชาติ (96 นัด 25 ประตู) เดอ บรอยน์ ก็ถือเป็นทีเด็ดทีขาดที่ทุกคู่แข่งต้องระวังอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การที่ เดอ บรอยน์ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า เบลเยียม ชุดนี้ไม่ดีพอจะคว้าแชมป์โลก เนื่องจากสูงวัยกันเกินไป ก็น่าหวาดเสียวว่าจะเป็นจุดที่ทำให้กลุ่มนักเตะมองหน้ากันไม่ค่อยติด อย่างที่มีข่าวว่าเริ่มทะเลาะกันในแคมป์แล้ว

 

11 ตัวจริงที่คาด
โครเอเชีย (4-3-3, กุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช) โดมินิก ลิวาโควิช – บอร์นา โซซ่า, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, เดยัน ลอฟเรน, โยซิป ยูราโนวิช – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช – มิสลาฟ ออร์ซิช, อันเดรจ์ ครามาริช, นิโกล่า วลาซิช
เบลเยียม (3-4-2-1, กุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ) ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ยาน แฟร์ตองเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ทิโมธี คาสตันเย่ – เลอันโดร ทรอสซาร์, อักเซล วิตเซล, ยูรี่ ตีเลมันส์, โธมัส มูนิเยร์ – เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ – โรเมลู ลูกากู

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาทั้งหมด 8 ครั้ง ต่างฝ่ายต่างชนะได้ 3 หน
• แต่ เบลเยียม ไม่แพ้ โครเอเชีย มา 3 หนซ้อนแล้ว รวมเกมอุ่นเครื่องล่าสุดปีที่แล้ว ที่เฉือนชนะ 1-0 จากการยิงของ โรเมลู ลูกากู
• โครเอเชีย มีนักเตะอายุ 30 ขึ้นไป 8 คน ส่วน เบลเยียม มีอยู่ถึง 11 คน
• จากกลุ่มนักเตะทั้งสองทีม ลูก้า โมดริช อาวุโสสุดที่ 37 ปี
• โรเมลู ลูกากู เล่นให้ อินเตอร์ แค่ 5 นัดในครึ่งซีซั่นแรกที่่ผ่านมา และเล่นทีมชาติแค่ 2 เกมในรอบปี 2022

 

ความน่าจะเป็น
ถ้าวัดกันในหน้ากระดาษ เบลเยียม ไม่เป็นรอง หรือออกจะเหลื่อมๆ กว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่รูปทรงที่เป็นในฟุตบอลโลก 2022 และการที่เกิดคำถามเรื่องความเหนียวแน่นในทีมแล้ว ก็ทำให้นาทีนี้ เอียงข้าง โครเอเชีย เอาไว้สบายใจกว่า ว่าอย่างน้อยที่สุดก็คงไม่แพ้ ซึ่ง 1 แต้มก็เป็นสิ่งที่ โครเอเชีย พึงพอใจแล้วด้วย

 

ผลที่คาด : เสมอ 1-1

แคนาดา vs โมร็อกโก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

แคนาดา vs โมร็อกโก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ นัดสุดท้าย : แคนาดา vs โมร็อกโก
พฤหัสบดี 1 ธันวาคม 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : Thai PBS

 

ผลงานรอบคัดเลือก
แคนาดา
แชมป์รอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เตะ 14 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 23 เสีย 7

โมร็อกโก
ชนะ ดีอาร์ คองโก รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกเสมอ 1-1, นัดสองชนะ 4-1

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
แคนาดา
อุ่นเครื่อง แพ้ อุรุกวัย 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ บาห์เรน 2-2
อุ่นเครื่อง ชนะ ญี่ปุ่น 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ เบลเยียม 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ โครเอเชีย 1-4

โมร็อกโก
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 2-0
อุ่นเครื่อง เสมอ ปารากวัย 0-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จอร์เจีย 3-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ โครเอเชีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เบลเยียม 2-0

 

ผลการพบกัน : 3 นัด
อุ่นเครื่อง 1984 โมร็อกโก ชนะ 3-2
อุ่นเครื่อง 1994 เสมอ 1-1
อุ่นเครื่อง 2016 โมร็อกโก ชนะ 4-0

ตารางคะแนนกลุ่มเอฟ หลังผ่าน 2 นัด
1. โครเอเชีย คะแนน 4 ผลต่างประตู +3
2. โมร็อกโก คะแนน 4 ผลต่างประตู +2
3. เบลเยียม คะแนน 3 ผลต่างประตู -1
4. แคนาดา คะแนน 0 ผลต่างประตู -4 (ตกรอบแล้ว)

 

สภาพทีม
แคนาดา
ทัพเมเปิ้ลได้กลับมาโชว์ตัวในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้ง หลังหายหน้าไปตั้งแต่ได้เล่นหนแรกเมื่อปี 1986 แต่เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการแพ้ เบลเยียม 0-1 ก่อนตามด้วยแพ้ โครเอเชีย 1-4

 

สองนัดไม่มีแต้ม แคนาดา จึงการันตีการไม่ได้ไปต่อ ตกรอบแรกเป็นที่เรียบร้อย แถมผลต่างประตู -4 ยังทำให้ขยับขึ้นจากอันดับบ๊วยลำบากด้วย

 

แคนาดา คุมทีมโดย จอห์น เฮิร์ดแมน โค้ชชาวอังกฤษ ที่ขยับจากทีมชาติฝ่ายหญิง (2011-2018) มารับงานนี้ และในทีมมีดาวเด่นอย่าง อัลฟอนโซ่ เดวิส (บาเยิร์น), โจนาธาน เดวิด (ลีลล์), ไคล์ ลาริน (คลับ บรูช), สตีเฟ่น ยุสตากิโต้ (ปอร์โต้) เป็นแกนนำ

 

เฮิร์ดแมน ไม่มีปัญหาในการจัดทีมเกมนี้ แต่ระบบจะเปลี่ยนกลับไปใช้แบ็กทรี 3-4-3 เหมือนเกมแรก ภายหลังใช้แบ็กโฟร์แล้วโดน โครเอเชีย ยิงไม่ยั้ง

 

โมร็อกโก
มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ตัวกุนซือ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช โดนเด้งไปเมื่อกลางปี หรือก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะมาถึงแค่ไม่กี่เดือน โดยเป็น วาลิด เรกรากี อดีตนายใหญ่ อัล-ดูฮาอิล และ วีดัด คาซาบลังก้า มาเสียบแทน

 

แต่การเปลี่ยนโค้ชเหมือนเลือกหวยถูกใบ โมร็อกโก เกมแรกยันเสมอ โครเอเชีย 0-0 ต่อมาพลิกล็อกชนะ เบลเยียม 2-0 ส่งผลให้มี 4 แต้มในมือ เกมนี้ต่อให้แพ้ก็ยังมีสิทธิ์เข้ารอบ หากว่าอีกคู่ เบลเยียม ไม่อาจเอาชนะ โครเอเชีย ได้

 

เรกรากี มีตัวเจ็บเหลือในราย อับเดสซาหมัด เอซซาลซูลี่ กองหน้าโอซาซูน่า ในขณะที่ นูสแซร์ มาซราอุย แบ็กจากบาเยิร์น มิวนิค กับ อับเดลฮามิด ซาบิรี่ กองกลางจากซามพ์โดเรีย ฟื้นฟิตพร้อมกลับมาเล่นแล้ว

 

ระบบยึด 4-1-4-1 ขุนพลตัวหลักอย่าง ฮาคิม ซีเย็ค, โซฟียาน บูฟาล, ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ หรือ อัชราฟ ฮาคิมี่ พร้อมรบตามปกติทั้งหมด

 

ตัวความหวัง
แคนาดา : อัลฟอนโซ่ เดวิส
นักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้ของ แคนาดา หรือกระทั่งอาจจะดีที่สุดตลอดกาล โตมากับ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ก่อนที่ บาเยิร์น มิวนิค จะทุ่มเงินเป็นสถิติ 22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (รวมโบนัสเสริม) คว้าตัวไปตอนที่ เดวิส อายุได้แค่ 17-18 เท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีคำว่าผิดหวังเมื่อเจ้าหนูเชื้อสายกาน่าพัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด บางกระแสยกย่องว่าเป็น “แบ็กซ้ายเบอร์ 1 โลก” ที่สำคัญ ยังสารพัดประโยชน์ เล่นได้หมดทางกราบซ้าย และในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็โขกพังประตูประวัติศาสตร์ใส่ โครเอเชีย มาแล้ว

 

โมร็อกโก : ฮาคิม ซีเย็ค & อัชราฟ ฮาคิมี่
ฮาคิม ซีเย็ค เลิกเล่นทีมชาติไปช่วงหนึ่งเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับโค้ชเก่า วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช ซึ่งพอมีการเปลี่ยนเป็น วาลิด เรกรากี แล้วก็กลับสู่สารบบทีมชาติดังเดิม โดยแม้จะเจอปัญหาเข้าๆ ออกๆ จากทีมเชลซี แต่ก็คือตัวยืนของทีมชาติ มีผลงานยิง 18 ประตูจาก 45 เกม ด้าน ฮาคิมี่ พัฒนาตัวเองไปจนอยู่ในระดับแบ็กขวาตัวท็อปของวงการแล้ว พร้อมกับบางเสียงยกว่าเป็นเบอร์ 1 โลกยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูใน 56 เกมทีมชาติ

 

11 ตัวจริงที่คาด
แคนาดา (3-4-3, กุนซือ จอห์น เฮิร์ดแมน) มิลาน บอร์ยาน – คามาล มิลเลอร์, สตีเว่น วิตอเรีย, อลิสแตร์ จอห์นสตัน – อัลฟอนโซ่ เดวิส, สตีเฟ่น ยุสตาคิโอ, อติบา ฮัทชินสัน, ริชี่ ลาร์เยีย – จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์, โจนาธาน เดวิด, ทาจอน บัคคาแนน
โมร็อกโก (4-1-4-1, กุนซือ วาลิด เรกรากี) ยาสซีน บูนู – นูสแซร์ มาซราอุย, นาเยฟ อาแกร์ด, โรแม็ง ซาอิสส์, อัชราฟ ฮาคิมี่ – โซฟียาน อัมราบัต – ฮาคิม ซีเย็ค, อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน บูฟาล, เซลิม อมัลลาห์ – ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมา 3 ครั้ง ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2016 โมร็อกโก ต้อนขาด 4-0 ฮาคิม ซีเย็ค ซัดสองประตู
• โมร็อกโก ได้ลุ้นเต็มตัวในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย หนแรกนับแต่ปี 1986
• อติบา ฮัทชินสัน กัปตันแคนาดา อ่อนกว่ากุนซือ จอห์น เฮิร์ดแมน แค่ 7-8 ปี
• ไคล์ ลาริน ยิงในทีมชาติ 25 ประตู ส่วน โจนาธาน เดวิด 22 ลูก
• โมร็อกโก ก็อยู่ในทรงที่ดีทีเดียว ชนะ 5 จาก 7 เกมหลังสุด และแพ้เกมเดียวเท่านั้นจาก 10 แมตช์หลัง
• แคนาดา ตกรอบแรกแล้ว แต่จะได้ไปฟุตบอลโลกครั้งหน้า 2026 แน่นอน เนื่องจากได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ สหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก

 

ความน่าจะเป็น
อยู่ในสถานการณ์สบายๆ มีโอกาสดีสำหรับการเข้ารอบ แถมเกมนี้ยังได้เจอทีมที่ตกรอบไปแล้วอีกต่างหาก ทำให้ โมร็อกโก จะไม่กดดันเลยในการเตะแมตช์นี้ สามารถเล่นไปตามเกมได้อย่างไม่ซีเรียสเร่งเร้า และด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า ทำให้เชื่อว่าน่าจะยังคงเบียดเอาชนะไปได้ในที่สุด

 

ผลที่คาด : โมร็อกโก ชนะ 1-0

โปแลนด์ vs อาร์เจนติน่า : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

โปแลนด์ vs อาร์เจนติน่า : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดสุดท้าย : โปแลนด์ vs อาร์เจนติน่า
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : สเตเดี้ยม 974, โดฮา
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
โปแลนด์
ชนะเพลย์ออฟเหนือ สวีเดน
(ชนะบายเหนือ รัสเซีย, ชนะ สวีเดน 2-0)

อาร์เจนติน่า
อันดับ 2 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้
เตะ 17 ชนะ 11 เสมอ 6 แพ้ 0 ยิงได้ 27 เสีย 8

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
โปแลนด์
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ เวลส์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ ชิลี 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เม็กซิโก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 2-0

อาร์เจนติน่า
อุ่นเครื่อง ชนะ ฮอนดูรัส 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ จาไมก้า 3-0
อุ่นเครื่อง ชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เม็กซิโก 2-0

 

ผลการพบกัน : 11 นัด
อาร์เจนติน่า ชนะ 6
เสมอ 2
โปแลนด์ ชนะ 3

 

ตารางคะแนนกลุ่มซี
1. โปแลนด์ คะแนน 4 ผลต่างประตู +2
2. อาร์เจนติน่า คะแนน 3 ผลต่างประตู +1
3. ซาอุดีอาระเบีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -1
4. เม็กซิโก คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
โปแลนด์
โปแลนด์ ที่ไปไม่ได้ไกลเกินรอบแรกบอลโลกมาตั้งแต่ 1986 หวิดจะเอาชนะ เม็กซิโก ได้ในเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 แต่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดันพลาดจุดโทษ จนลงเอยด้วยผลเสมอ 0-0 ทว่านัดต่อมาก็แก้ตัว ปราบ ซาอุฯ 2-0 เลวานดอฟสกี้ ยิงประตูแรกใน เวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายได้แล้วด้วย

 

สองนัด 4 แต้ม แต่ โปแลนด์ ก็ยังเสียวจะตกรอบเอาได้ และเกมนี้ต้องการผลเสมอเป็นอย่างน้อยเพื่อเข้ารอบ ส่วนถ้าแพ้ขึ้นมา ต้องลุ้นไม่ให้ ซาอุฯ ได้ชัยชนะเหนือ เม็กซิโก

 

เกมนี้ เชสลาฟ มิชนีวิซ ยังคงมีขุมกำลังสมบูรณ์พร้อมให้เลือก ซึ่งก็จะนำทีมโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เช่นเคยในระบบ 4-2-2-2 ใช้ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ยืนหน้าคู่ เลวานดอฟสกี้

 

อาร์เจนติน่า
มาตามหาแชมป์โลกสมัย 3 ด้วยทรงที่ดีเป็นที่สุด ยืนสถิติไร้พ่ายยาวนาน 36 นัด แต่ปรากฏว่าสะดุดล้มหัวทิ่มหัวตำมันตั้งแต่เกมแรก ยิงนำ ซาอุดีอาระเบีย ไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม สุดท้ายพลิกพ่าย 1-2

 

ทว่าเกม 2 อาร์เจนฯ ก็ฮึดขึ้น ยิง เม็กซิโก 2-0 จากประตูของ ลิโอเนล เมสซี่ กับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ จนตอนนี้ยืนอันดับ 2 ของกลุ่มซี เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ยังต้องการชัยชนะเหนือ โปแลนด์ อีกในเกมสุดท้าย เนื่องจากผลเสมอจะไม่ปลอดภัย มีสิทธิ์โดน ซาอุฯ แซงได้ถ้าทีมเศรษฐีน้ำมันชนะ หรือกระทั่ง เม็กซิโก ก็ยังแซงได้เช่นกันถ้าชนะ ซาอุฯ แบบยิงถล่มหลายประตู

 

ลิโอเนล สคาโลนี่ ไม่มีปัญหาตัวเจ็บแล้ว และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทีมบางจุดเพื่อเพิ่มความสด แต่เกมรุกก็จะยังคงนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ร่วมด้วย เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย ตามเดิม

 

ตัวความหวัง
โปแลนด์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมอย่างแท้จริง โปแลนด์ จะไปได้ไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับฟอร์มของเขาเป็นสำคัญ เลวานดอฟสกี้ ครองรางวัลนักเตะแห่งปีของชนชาติโปแลนด์มาแล้วถึง 10 สมัยจากระยะ 11 ปีหลัง และกดไปแล้ว 77 ประตูในนามทีมชาติ ยิ่งกว่านั้นคือการย้ายมาเล่นในลีกใหม่กับ บาร์เซโลน่า หัวหอกวัย 34 ก็ยังยิงสลุตเหมือนเคย กดแล้ว 18 ลูกจากการเล่นแค่ 19 นัด

 

อาร์เจนติน่า : ลิโอเนล เมสซี่
กับการมาฟุตบอลโลกหนสุดท้าย ไม่มีอะไรต้องกั๊กหรือต้องยั้งไว้อีกแล้วสำหรับ เมสซี่ ที่จะใส่สุดเพื่อไล่ล่าแชมป์โลกเป็นการสั่งลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ดาวเตะวัย 35 กำลังเข้าฝักดีเสียด้วยในซีซั่นนี้ ยิง 12 ประตูให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ 12 ประตูจากการเล่นทีมชาติแค่ 6 เกมหลัง และในบอลโลกครั้งนี้ก็กดไปแล้ว 2 เม็ด อยู่ในเส้นทางการช่วงชิงรองเท้าทองคำ ดาวซัลโว กาตาร์ 2022 เต็มตัว

 

11 ตัวจริงที่คาด
โปแลนด์ (4-2-2-2, กุนซือ เชสลาฟ มิชนีวิซ) วอยเชียค เชสนี่ – บาร์ตอสซ์ เบเรซินสกี้, คามิล กลิค, ยาคุบ กีวิยอร์, แม็ตตี้ แคช – เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, คริสเตียน บีลิค – เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค
อาร์เจนติน่า (4-3-3, กุนซือ ลิโอเนล สคาโลนี่) เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – มาร์กอส อคุนย่า, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, คริสเตียน โรเมโร่, กอนซาโล่ มอนเทียล – โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – อังเคล ดิ มาเรีย, ลิโอเนล เมสซี่, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันเยอะทีเดียว 11 ครั้ง นับแต่หนแรกในปี 1966
• กระนั้น เกมล่าสุดปี 2011 (โปแลนด์ชนะ 2-1) เป็นการเจอกันเพียงหนเดียวเท่านั้นในรอบ 30 ปีหลัง
• อาร์เจนฯ ถูกหยุดสถิติไม่แพ้ใครต่อเนื่องไว้ที่ 36 เกม ไม่อาจเทียบเท่าสถิติโลก 37 นัดของ อิตาลี 2018-2021 ได้
• ลิโอเนล เมสซี่ ยิงให้ทีมชาติมากถึง 13 ประตูในปีนี้ จากการเล่นแค่ 9 นัด
• โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงแค่ 3 ลูกจากการเล่นทีมชาติ 8 นัดปีนี้ แต่กดให้ บาร์เซโลน่า ไปถึง 18 ลูกจาก 19 เกม
• อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กับ คริสซ์ตอฟ ปิออนเท็ค ยิงให้ทีมชาติ 16 และ 11 ประตูตามลำดับ
• หนสุดท้ายที่ อาร์เจนฯ ตกรอบแรกคือฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น

 

ความน่าจะเป็น
แม้จะแพ้เกมแรก แต่พูดได้ว่า อาร์เจนติน่า โชคไม่ดีนักในเกมนั้น และฟอร์มแกร่งๆ ก็เริ่มกลับมาแล้วในเกมสยบ เม็กซิโก มาเกมนี้ การเจอกับ โปแลนด์ ที่ไม่ได้มีทีเด็ดอะไรนอกจาก เลวานดอฟสกี้ จึงไม่น่าเป็นปัญหามากมาย โดยเฉพาะว่าทีมอย่างพวกเขา ยังเร็วเกินไปมากที่จะตกรอบแรก

 

ผลที่คาด : อาร์เจนติน่า ชนะ 3-1

ซาอุดีอาระเบีย vs เม็กซิโก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดีอาระเบีย vs เม็กซิโก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดสุดท้าย : ซาอุดีอาระเบีย vs เม็กซิโก
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดี้ยม, ลูเซล
ถ่ายทอดสด : MONO29

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ซาอุดีอาระเบีย
แชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 12 เสีย 6

เม็กซิโก
อันดับ 2 รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนคอนคาเคฟ
เตะ 14 ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 2 ยิงได้ 17 เสีย 8

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ซาอุดีอาระเบีย
อุ่นเครื่อง ชนะ ไอซ์แลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง เสมอ ปานามา 1-1
อุ่นเครื่อง แพ้ โครเอเชีย 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อาร์เจนติน่า 2-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ โปแลนด์ 0-2

เม็กซิโก
อุ่นเครื่อง แพ้ โคลอมเบีย 2-3
อุ่นเครื่อง ชนะ อิรัก 4-0
อุ่นเครื่อง แพ้ สวีเดน 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ โปแลนด์ 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อาร์เจนติน่า 0-2

 

ผลการพบกัน : 5 นัด
คอนเฟดฯ คัพ 1995 เม็กซิโก ชนะ 2-0
อุ่นเครื่อง 1995 เม็กซิโก ชนะ 2-1
คอนเฟดฯ คัพ 1997 เม็กซิโก ชนะ 5-0
อุ่นเครื่อง 1998 เสมอ 0-0
คอนเฟดฯ คัพ 1999 เม็กซิโก ชนะ 5-1

 

ตารางคะแนนกลุ่มซี
1. โปแลนด์ คะแนน 4 ผลต่างประตู +2
2. อาร์เจนติน่า คะแนน 3 ผลต่างประตู +1
3. ซาอุดีอาระเบีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -1
4. เม็กซิโก คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม
ซาอุดีอาระเบีย
สร้างเซอร์ไพรส์พลิกล็อกช็อกโลกด้วยการแซงชนะเต็งแชมป์ อาร์เจนติน่า 2-1 ในเกมนัดเปิดกลุ่ม กระนั้นต่อมาก็ฟอร์มหลุด แพ้ โปแลนด์ สบายๆ 0-2

 

แล้วแม้จะมี 3 แต้ม แต่ข้อเสียคือพวกเขามีผลต่างประตูติดลบ -1 ส่งผลให้อันดับอยู่ที่ 3 ของกลุ่ม และเกมสุดท้ายยังต้องการชัยชนะเป็นทางเลือกแรก เนื่องจากถ้าออกเสมอ ต้องดูผลของอีกคู่ประกอบ โดยเฉพาะในส่วนของผลต่างประตูได้เสีย ส่วนถ้าแพ้ ตกรอบทันที

 

แอร์กเว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสของซาอุฯ มีปัญหาสภาพทีมพอสมควร โดยยังคงไม่อาจใช้งานตัวเจ็บอย่าง ยาเซอร์ อัล ชาห์รานี่ ที่กรามหักมาจากเกมแรก และ ซัลมาน อัล ฟาราจ ที่เจ็บจากนัดแรกเช่นกัน ไม่ได้ อีกทั้งเกมนี้ อับดูเลลาห์ อัล มัลกี ก็ติดโทษแบนเสียอีกคน

 

ระบบและรูปแบบการเล่นยังเน้นเพลย์เซฟ 4-4-1-1 วาง ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี ขึ้นเกมรุกทางซ้าย ส่วนหน้าเป้าทิ้ง ซาเลห์ อัล เชห์รี ค้ำไว้รายเดียว

 

เม็กซิโก
เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 มาด้วยสถิติชั้นยอดในการทะลุเข้ารอบ 2 เวิลด์ คัพ 7 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน หรือตั้งแต่ 1994 จน 2018

 

กระนั้นทีมจังโก้กลับได้ผลงานที่กาตาร์แบบค่อนข้างผิดฟอร์ม เริ่มต้นด้วยผลเสมอ โปแลนด์ 0-0 กิเยร์โม่ โอชัว ช่วยทีมไว้ด้วยการเซฟจุดโทษของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ต่อด้วยแพ้ของแสลงอย่าง อาร์เจนติน่า นิ่มแข้ง 0-2

 

สองนัดมีแต้มเดียว สถานการณ์จึงบีบบังคับให้ เม็กซิโก ต้องชนะเกมนี้เท่านั้น แถมต้องยิงให้เยอะไว้ก่อนด้วย พร้อมกับดูผลอีกคู่ประกอบกันไป

 

เคราร์โด้ มาร์ติโน่ โค้ชอาร์เจนไตน์ของทัพจังโก้ มีต้องเช็กฟิตแค่ตัวเก๋า อันเดรส กวาร์ดราโด้ ที่เจ็บจากนัดก่อน นอกนั้นไม่มีปัญหา และคงไม่เปลี่ยนอะไรมากภายใต้ระบบ 3-5-2 ราอูล ฮิมิเนซ กับ เออร์วิ่ง โลซาโน่ จับคู่กองหน้าล่าตาข่าย

 

ตัวความหวัง
ซาอุดีอาระเบีย : ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี
ในจำนวน 26 สมาชิกชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 ของซาอุฯ ที่เป็นนักเตะในประเทศทั้งหมด ไม่มีออกค้าแข้งต่างแดนแม้แต่รายเดียวนั้น ตัวที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาคือ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี ตัวรุกเจ้าของเสื้อเบอร์ 10 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 นักเตะจาก อัล-ฮิลาล ในทีมชุดนี้ โดยดาวเตะวัย 31 ค้าแข้งกับต้นสังกัดมาตั้งแต่เป็นเยาวชน ปัจจุบันลงเล่นไปแล้วกว่า 300 นัด และลงสนามให้ทีมชาติซาอุฯ 72 นัด ซัดไป 18 ประตู หนึ่งในนั้นเป็นประตูชัยสยบ อาร์เจนติน่า นั่นเอง

 

เม็กซิโก : ราอูล ฮิมิเนซ
หนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของชนชาติเม็กซิโกในช่วงทศวรรษหลัง ต่างสไตล์ไปจาก ชิชาริโต้ อย่างสิ้นเชิง ถึงตอนนี้ ฮิมิเนซ กดไปแล้ว 29 ประตูจากการเล่น 97 นัด อย่างไรก็ตาม ดาวยิงวัย 31 จากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส โชคไม่ค่อยดีนักที่เจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานตลอดช่วงปีหลังๆ ตั้งแต่ที่กะโหลกศีรษะแตกเมื่อปี 2020 แล้วก็มีเจ็บขาเจ็บเข่าเจ็บโคนขาหนีบบ้าง แต่เมื่อฟิตเต็มถัง ก็เป็นตัวอันตรายที่จบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ

 

11 ตัวจริงที่คาด
ซาอุดีอาระเบีย (4-1-4-1, กุนซือ แอร์กเว่ เรอนาร์) โมฮัมเหม็ด อัล-โอวาอิส – โมฮัมเหม็ด อัล บูเรียค, อับดูเลลาห์ อัมรี, อาลี อัล-บูไลฮี, ซาอุด อับดุลฮามิด – นาสเซอร์ อัล-ดอว์ซารี – ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี, โมฮัมเหม็ด คันโน, ซามี อัล นาจี, เฟราส อัล บริคาน – ซาเลห์ อัล เชห์รี
เม็กซิโก (3-5-2, กุนซือ เคราร์โด้ มาร์ติโน่) กิเยร์โม่ โอชัว – เซซ่าร์ มอนเตส, เอ็กตอร์ โมเรโน่, เนสตอร์ อเราโฮ – เฮซุส กายาร์โด้, เอริค กูเตียร์เรซ, เอ็กตอร์ เอร์เรร่า, เอ๊ดสัน อัลวาเรซ, เควิน อัลวาเรซ – ราอูล ฮิมิเนซ, เออร์วิ่ง โลซาโน่

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เจอกันถึง 5 ครั้งในช่วงยุค 90 เม็กซิโก ชนะ 4 เสมอ 1 ไม่เคยแพ้ แต่ก็ทิ้งระยะการพบกันมาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว
• เม็กซิโก ทะลุเข้ารอบ 2 ฟุตบอลโลกมาแล้ว 7 ทัวร์นาเมนต์ติด
• ซาเลห์ อัล-เชห์รี กองหน้าจาก อัล-ฮิลาล มีสถิติยิง 11 ลูกจากการเล่นทีมชาติแค่ 21 นัด
• อันเดรส กวาร์ดราโด้ กัปตันทีมวัย 36 ของเม็กซิโก ลงเล่นทีมชาติมาแล้วถึง 179 นัด และฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นสมัยที่ 5 เช่นเดียวกับ กิเยร์โม่ โอชัว (133 เกม)

 

ความน่าจะเป็น
เริ่มต้นฟุตบอลโลกอย่างไฉไล แต่ต้องย้ำอีกครั้งว่า ซาอุฯ มีโชคพอตัวที่ทำให้ไม่โดน อาร์เจนติน่า ยิงบวกเม็ดสองสามสี่ในครึ่งแรก และแผลของพวกเขาก็เปิดชัดเจนในเกมสอง ส่วนมานัดนี้ คงถึงเวลาแล้วที่บอล “มาตรฐาน 16 ทีม” อย่าง เม็กซิโก จะเฉิดฉาย และสถิติไม่เคยแพ้ ซาอุฯ ของทัพจังโก้ก็จะคงอยู่ต่อไป

 

ผลที่คาด : เม็กซิโก ชนะ 2-1

ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดสุดท้าย : ตูนิเซีย vs ฝรั่งเศส
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565, 22.00 น.
สนาม : เอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : True4U

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ตูนิเซีย
ชนะ มาลี รอบ 3 โซนแอฟริกา
นัดแรกชนะ 1-0 นัดสองเสมอ 0-0

ฝรั่งเศส
แชมป์กลุ่มดี โซนยุโรป
เตะ 8 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ตูนิเซีย
อุ่นเครื่อง ชนะ โคโมรอส 1-0
อุ่นเครื่อง แพ้ บราซิล 1-5
อุ่นเครื่อง ชนะ อิหร่าน 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เดนมาร์ก 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ออสเตรเลีย 0-1

ฝรั่งเศส
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 0-1
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เดนมาร์ก 0-2
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เดนมาร์ก 2-1

 

ผลการพบกัน : 9 นัด
ตูนิเซีย ชนะ 2
เสมอ 4
ฝรั่งเศส ชนะ 3

 

ตารางคะแนนกลุ่มดี
1. ฝรั่งเศส คะแนน 6 ผลต่างประตู +4 (เข้ารอบแล้ว)
2. ออสเตรเลีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. เดนมาร์ก คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. ตูนิเซีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -1

 

สภาพทีม
ตูนิเซีย
มาแบบไม่มีใครตั้งความหวัง แต่นัดแรกถือว่าทำได้ดีทีเดียว ยันเสมอ เดนมาร์ก 0-0 ต่อด้วยแพ้ ออสเตรเลีย หวุดหวิด 0-1

 

แม้โอกาสเข้ารอบจะเหลือน้อย แต่ก็ยังมีสิทธิ์สร้างปาฏิหาริย์ได้อยู่ อย่างการเอาชนะ ฝรั่งเศส และลุ้นให้ ออสเตรเลีย กับ เดนมาร์ก จบด้วยผลเสมอแบ่งแต้ม

 

กุนซือ จาเลล คาดรี้ ไม่มีปัญหาบาดเจ็บเพิ่มเติม สามารถใช้ชุดที่ดีที่สุดได้ แต่ก็คาดว่าอาจมีการปรับบางตำแหน่งเพื่อเพิ่มความสด เช่น วาห์บี คาซรี่ กลางรุกจากมงต์เปลลิเยร์ มีโอกาสแทรกลงตัวจริง

 

ระบบยึด 3-4-2-1 แบบเกมแรก แนวรุกวาง วาห์บี คาซรี่ กับ ยุสเซฟ เอ็มซาคนี่ ปั้นเกมหลังหอกเป้า อิสซาม เชบาลี

 

ฝรั่งเศส
เริ่มต้นเส้นทางป้องกันแชมป์โลกได้อย่างสวยงาม แม้โดน ออสเตรเลีย ยิงนำ แต่ก็เร่งเครื่องรัวแซงจนชนะขาด 4-1 ด้วยประตูจาก อาเดรียง ราบิโอต์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ 2 ประตูของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ต่อด้วย เอ็มบัปเป้ เหมาซัดสองเม็ดสยบ เดนมาร์ก 2-1

 

6 แต้มที่คว้ามาได้ ทำให้ ฝรั่งเศส เป็นทีมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้ยังต้องลุ้นแชมป์กลุ่มต่ออีกนิดก็ตาม โดยต้องการแค่ผลเสมอเท่านั้น

 

ก่อนหน้านี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ โดนปัญหาลูกทีมบาดเจ็บต่อเนื่อง ถัดจากที่เสีย โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ไมค์ เมนยอง, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เพรสแนล คิมเพ็มเบ้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, คาริม เบนเซม่า ก็มาเป็น ลูคัส เอร์นันเดซ แบ็กซ้ายเบอร์แรกที่เจ็บจากเกมกับ ออสเตรเลีย และต้องถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไปทันที

 

ส่วนที่กลายเป็นประเด็นว่า คาริม เบนเซม่า ยอดดาวยิงเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 จะสลัดปัญหาบาดเจ็บหวนคืนทีม มาลงเล่นในรอบถัดๆ ไป เดส์ชองส์ ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธในเรื่องนี้ โดยเน้นว่าสมาธิของตนอยู่ที่การเตรียมทีมเล่นเกมนี้เท่านั้น

 

สำหรับการที่ ฝรั่งเศส เข้ารอบไปแล้วและแม้แต่จะหลุดแพ้ก็ยังมีสิทธิ์ได้แชมป์กลุ่ม ทำให้คาดว่า เดส์ชองส์ เตรียมปรับทัพส่งสำรองลงหลายตำแหน่ง ไฮไลท์คือการโยก เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า กลาวดาวรุ่งจากเรอัล มาดริด ออกไปยืนแบ็กซ้าย เพื่อที่จะพัก เตโอ เอร์นันเดซ เอาไว้เล่นรอบหน้า

 

แผงรุกก็เตรียมจะปรับส่ง คิงสลี่ย์ โกม็อง กับ มาร์คุส ตูราม ลงไปช่วยงาน คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ยังคงได้เล่นตัวจริงอยู่ ในเป้าหมายคว้าดาวซัลโว รองเท้าทองคำฟุตบอลโลก 2022

 

ตัวความหวัง
ตูนิเซีย : วาห์บี คาซรี่
หลังลงสำรองมาสองนัด คงถึงเวลาที่ คาซรี่ ตัวรุกประสบการณ์สูงวัย 31 จะกลับลงตัวจริงเสียที เมื่ออย่างน้อย ดาวเตะเชื้อสายฝรั่งเศสก็คือคนที่ทีมสามารถพึ่งพาได้ ไม่ว่าจะจากดีกรีเล่นทีมชาติ 73 นัดซัด 24 ประตู หรือการตระเวนเล่นในลีกหัวแถวอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษมาตลอดนับสิบปี ภายใต้สังกัด บาสเตีย, บอร์กโดซ์, ซันเดอร์แลนด์, แรนส์, แซงต์-เอเตียน และปัจจุบันอยู่กับ มงต์เปลลิเยร์

 

ฝรั่งเศส : คีลิยัน เอ็มบัปเป้
ต้องกลายเป็นผู้นำเกมรุกเบอร์ 1 ของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2022 แทนที่เจ้าของบัลลงดอร์อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ถอนตัวไป แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิของ เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ก็ดูพร้อมเต็มที่แล้วในการสวมบทบาทนี้ ภายหลังเริ่มเล่นทีมชาติมาตั้งแต่ยังละอ่อน ถึงตรงนี้เล่นไปแล้ว 60 เกม ยิง 29 ประตู และเป็นหนึ่งในตัวเก็งคว้ารางวัลดาวซัลโวบอลโลกงวดนี้ ภายหลังกดไปแล้ว 3 เม็ดในสองเกมแรก ไม่นับที่ยิงรัวๆ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาตลอดหลายปี ซีซั่นนี้ก็มีแล้ว 19 ประตู

 

11 ตัวจริงที่คาด
ตูนิเซีย (3-4-2-1, กุนซือ จาเลล คาดรี้) อายเมน ดาห์เมน – มอนตาสซาร์ ทาลบี้, ยาสซีน เมริอาห์, ดีแลน บรอนน์ – อาลี อับดี, เอสซ่า ไลดูนี่, เอลเยส ชกิรี่, โมฮาเหม็ด ดราเกอร์ – ยุสเซฟ เอ็มซาคนี่, วาห์บี คาซรี่ – อิสซาม เชบาลี
ฝรั่งเศส (4-3-3, กุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์) สตีฟ ม็องด็องด้า – เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, อิบราฮิมา โกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เบนชาแม็ง ปาวาร์ – ยุสซูฟ โฟฟาน่า, มัตเตโอ เก็นดูซี่, อองตวน กรีซมันน์ – คิงสลี่ย์ โกม็อง, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, มาร์คุส ตูราม

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาเยอะทีเดียว 9 นัด ล่าสุดอุ่นเครื่องปี 2010 เสมอกัน 1-1
• 5 เกมหลัง ฝรั่งเศส ทำคลีนชีตได้แค่เกมเดียว เสียรวม 5 ประตู
• คาริม เบนเซม่า ไม่อยู่ แต่ที่เหลืออย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (31), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (51), อองตวน กรีซมันน์ (42) ถล่มประตูในนามทีมชาติได้รวมกันถึง 124 ลูก
• โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฝรั่งเศส เทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี แล้ว จากนี้ยิงได้ไม่ว่ากี่ประตู ก็จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ทั้งสิ้น

 

ความน่าจะเป็น
แม้ ตูนิเซีย จะยังพอมีลุ้นเข้ารอบ แต่การที่บังคับต้องชนะ ฝรั่งเศส ก็ดูเป็นเรื่องเกินเลยไปมาก เมื่อระดับคุณภาพของสองชาติแตกต่างกันชัดเจน โอกาสที่ตราไก่จะสยายปีก 3 เกมซ้อน มีมากกว่า 80-90% แถมต่อให้ปรับทัพสะบั้นหั่นแหลก ก็ยังมีตัวเก่งมากพอจะเช็คบิลคู่แข่งได้อยู่ดี

 

ผลที่คาด : ฝรั่งเศส ชนะ 2-0

ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดสุดท้าย : ออสเตรเลีย vs เดนมาร์ก
พุธ 30 พฤศจิกายน 2565, 22.00 น.
สนาม : อัล จานู้บ สเตเดี้ยม, อัล วัครา
ถ่ายทอดสด : NBT

 

ผลงานรอบคัดเลือก
ออสเตรเลีย
ชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 รอบ 4 โซนเอเชีย (รอบเพลย์ออฟ)
ชนะจุดโทษ เปรู 5-4 (หลังเสมอ 0-0) รอบเพลย์ออฟต่างทวีป

เดนมาร์ก
แชมป์กลุ่มเอฟ โซนยุโรป
แข่ง 10 ชนะ 9 แพ้ 1 ยิงได้ 30 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
ออสเตรเลีย
คัดบอลโลก เสมอ เปรู 0-0 / ชนะจุดโทษ 5-4
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 1-0
อุ่นเครื่อง ชนะ นิวซีแลนด์ 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ฝรั่งเศส 1-4
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ ตูนิเซีย 1-0

เดนมาร์ก
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ออสเตรีย 2-0
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โครเอเชีย 1-2
เนชั่นส์ ลีก ชนะ ฝรั่งเศส 2-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ ตูนิเซีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ ฝรั่งเศส 1-2

 

ผลการพบกัน : 4 นัด
อุ่นเครื่อง 2007 เดนมาร์ก ชนะ 3-1
อุ่นเครื่อง 2010 ออสเตรเลีย ชนะ 1-0
อุ่นเครื่อง 2012 เดนมาร์ก ชนะ 2-0
ฟุตบอลโลก 2018 เสมอ 1-1

ตารางคะแนนกลุ่มดี
1. ฝรั่งเศส คะแนน 6 ผลต่างประตู +4 (เข้ารอบแล้ว)
2. ออสเตรเลีย คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. เดนมาร์ก คะแนน 1 ผลต่างประตู -1
4. ตูนิเซีย คะแนน 1 ผลต่างประตู -1

 

สภาพทีม
ออสเตรเลีย
เกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 ออสเตรเลีย โชคไม่ดีที่เจอของแข็งอย่างแชมป์เก่า ฝรั่งเศส ตั้งแต่แรก แม้จะขึ้นนำก่อนแต่ก็โดนจ้วงยับหลังจากนั้น จนแพ้ขาด 1-4 แต่ถัดมาก็แก้ตัวได้ เบียดชนะ ตูนิเซีย 1-0 จากการโขกของ มิตเชลล์ ดู๊ค

 

3 แต้มที่มีในมือ ทำให้ ออสเตรเลีย สามารถดึงเสมอ เดนมาร์ก เพื่อเข้ารอบได้ แต่ก็ต้องในกรณีที่อีกสนาม ตูนิเซีย ไม่อาจเอาชนะ ฝรั่งเศส ได้แต่อย่างใด

 

สภาพทีมของ เกรแฮม อาร์โนลด์ มีต้องเช็กแค่ เนธาเนียล แอตกินสัน ที่เจ็บข้อเท้าจนพลาดเกมที่แล้ว

 

ซอคเกอรูส์ จะใช้ 4-4-2 วางหอกคู่ มิตเชลล์ ดู๊ค กับ ไรลี่ย์ แม็คกรี เป็นสองตัวความหวังในแนวรุก

 

เดนมาร์ก
ทั้งที่มาด้วยผลงานชั้นยอดในรอบคัดเลือก รวมถึง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปีก็ทำได้ดี แต่การเริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 ด้วยผลเสมอ ตูนิเซีย 0-0 นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากนัดสองต้องเจอเต็งแชมป์อย่าง ฝรั่งเศส และแม้จะยันอยู่จนห้านาทีท้าย ก็มาโดนทีเด็ดของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จนแพ้ไป 1-2

 

อย่างไรก็ตาม การได้ผลแพ้หรือเสมอจาก ฝรั่งเศส ไม่ได้มีความแตกต่างกันนัก เมื่ออย่างไรเสีย พวกเขาก็จำต้องเอาชนะ ออสเตรเลีย ในเกมปิดกลุ่มให้ได้อยู่ดี เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้ได้เข้ารอบ

 

ความพร้อมในทีมของ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ นอกจากที่เสียคนสำคัญในแดนกลางอย่าง โธมัส เดอลานีย์ มิดฟิลด์จากเซบีย่า ถอนตัวไปเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดูอาการของ ซิมอน เคียร์ ปราการหลังกัปตันทีม ว่าจะพร้อมหรือไม่ หลังเจ็บต้นขาจนไม่ได้เล่นเกมกับ ฝรั่งเศส

 

ทีมโคนมจะใช้ระบบ 3-4-2-1 คริสเตียน เอริคเซ่น เชื่อมเกมตรงกลาง เกมรุกให้ มิคเคล ดัมส์การ์ด กับ เจสเปอร์ ลินด์สตรอม ปั้นเกมหลังหอกเป้า แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

 

ตัวความหวัง
ออสเตรเลีย : แม็ทธิว เลคกี้
ตัวริมเส้นประสบการณ์สูงวัย 31 ที่ลงเล่นทีมชาติมาแล้ว 75 นัด ยิงแล้ว 13 ประตู ผ่านรายการใหญ่มาแล้วทั้งฟุตบอลโลก 2 รอบ 2014 กับ 2018, เอเชียน คัพ 2 หน และคอนเฟดฯ คัพ อีกหนึ่ง เวลานี้อยู่ในสังกัด เมลเบิร์น ซิตี้ ภายหลังโกอินเตอร์ไปเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่นานนับสิบปี กับทั้งกลัดบัค, เอฟเอสเฟา แฟร้งค์เฟิร์ต, อิงโกลชตัดท์ และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน จนนับเป็นดาวเด่นเบอร์ใหญ่สุดของทัพจิงโจ้ชุดนี้

 

เดนมาร์ก : คริสเตียน เอริคเซ่น
มีฉากชีวิตตลอดปีหลังๆ เหมือนในนิยาย ล้มฟุบหมดสติกลางสนามจนอยู่บนเส้นของความเป็นความตายในยูโร 2020 และถูกคาดหมายว่าจะต้องเลิกเล่นไปแล้ว ก่อนจะฟื้นตัวกลับมากลายเป็นคีย์แมนแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบัน ซึ่งก็ส่งผลดีต่อ เดนมาร์ก โดยตรง จากการที่คลาสบอลของ เอริคเซ่น จัดอยู่ในระดับแถวหน้าของยุโรปอย่างสบาย แถมยังมีสถิติสวยๆ ของการพังประตูในนามทีมชาติ ที่กดไปแล้ว 39 ลูก (จาก 119 นัด) เป็นดาวซัลโวสูงสุดในทีมชุดนี้ ทั้งที่เล่นตำแหน่งกองกลาง

 

11 ตัวจริงที่คาด
ออสเตรเลีย (4-4-2, กุนซือ เกรแฮม อาร์โนลด์) แม็ต ไรอัน – ฟราน คาราซิช, แฮร์รี่ ซุตตาร์, ไค โรว์เลส, อาซิซ เบฮิช – เคร็ก กู๊ดวิน, อารอน มอย, แจ๊คสัน เออร์ไวน์, แม็ทธิว เลคกี้ – มิตเชลล์ ดุ๊ค, ไรลี่ย์ แม็คกรี
เดนมาร์ก (3-4-2-1, กุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมันด์) แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ซิมอน เคียร์, โยอาคิม อันเดอร์เซ่น – โยอาคิม เมห์เล่, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, คริสเตียน เอริคเซ่น, ราสมุส คริสเตนเซ่น – มิคเคล ดัมส์การ์ด, เจสเปอร์ ลินด์สตรอม – แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• เดนมาร์ก ชนะ 2 จาก 4 ครั้งที่พบกันตลอดช่วงที่ผ่านมา
• แต่พบกันล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เสมอกัน 1-1 คริสเตียน เอริคเซ่น ยิงนำ ก่อน มิเล่ เยดินัค กดจุดโทษตีเสมอท้ายครึ่งแรก
• แม็ทธิว เลคกี้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของออสเตรเลียชุดนี้ แม้จะยิงได้แค่ 13 ประตูเท่านั้นก็ตาม
• หากเกมนี้ไม่อาจพลิกผ่านเข้ารอบได้ ก็มีสิทธิ์จะป็นเกมฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายในชีวิตของทั้ง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (36), ซิมอน เคียร์ (33), ดาเนี่ยล วาสส์ (33) และอีกบางคนของทัพโคนม

 

ความน่าจะเป็น
แม้สองเกมแรกจะไม่ชนะ แต่ถือว่า เดนมาร์ก อยู่ในอารมณ์ผ่อนคลายได้พอสมควร เนื่องจากไม่ว่าจะเสมอหรือแพ้ ฝรั่งเศส พวกเขาก็ต้องมาชนะเกมนี้ให้ได้อยู่ดี และถ้าวัดตามมาตรฐาน หากเล่นได้เหมือนที่ผ่านๆ มา ก็น่าจะผ่าน ออสเตรเลีย ได้ ขอแค่โชคเข้าข้างเล็กๆ และไม่ใช้โอกาสเปลืองเป็นพอ

 

ผลที่คาด : เดนมาร์ก ชนะ 1-0

เวลส์ vs อังกฤษ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

เวลส์ vs อังกฤษ : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดสุดท้าย : เวลส์ vs อังกฤษ

อังคาร 29 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม, อัล รายยาน
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู

 

ผลงานรอบคัดเลือก
เวลส์
ชนะเพลย์ออฟ โซนยุโรป สายเอ
ชนะ ออสเตรีย 2-1, ชนะ ยูเครน 1-0

อังกฤษ
แชมป์กลุ่มไอ โซนยุโรป
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 2 ยิง 39 เสีย 3

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
เวลส์
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เนเธอร์แลนด์ 2-3
เนชั่นส์ ลีก แพ้ เบลเยียม 1-2
เนชั่นส์ ลีก แพ้ โปแลนด์ 0-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อิหร่าน 0-2

อังกฤษ
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ฮังการี 0-4
เนชั่นส์ ลีก แพ้ อิตาลี 0-1
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เยอรมนี 3-3
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ อิหร่าน 6-2
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0

 

ผลการพบกัน : 103 นัด
อังกฤษ ชนะ 68
เสมอ 21
เวลส์ ชนะ 14

 

ตารางคะแนนกลุ่มบี
1. อังกฤษ คะแนน 4 ผลต่างประตู +4
2. อิหร่าน คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. สหรัฐอเมริกา คะแนน 2 ผลต่างประตู 0
4. เวลส์ คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม เวลส์ และ อังกฤษ

เวลส์
มังกรแดงของ โรเบิร์ต เพจ ไล่ตามตีเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 ในเกมแรกของกลุ่ม แต่กลับพลาดท่าพ่าย อิหร่าน 0-2 ชนิดโดนยิงทดเจ็บทั้งสองเม็ด

 

สองนัดมีแต้มเดียว ฉะนั้น เวลส์ จึงลุ้นเข้ารอบลำบากสักหน่อย ด้วยสถานการณ์ที่บังคับต้องชนะ อังกฤษ ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วต้องให้ อิหร่าน ไม่ชนะ สหรัฐอเมริกา ในคราวเดียวกัน

 

เพจ มีปัญหาสภาพทีมตรงที่จะไม่สามารถใช้งานประตูมือหนึ่ง เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ที่โดนใบแดงในนัดก่อนได้ โดยจะเป็นมือสอง แดนนี่ วอร์ด จากเลสเตอร์ ซิตี้ ลงแทน

 

สำหรับ แกเร็ธ เบล ตัวความหวังจาก แอลเอ เอฟซี อยู่ในสภาพฟิตสมบูรณ์พร้อมลุย จากที่นัดแรกก็ลั่นไกจากจุดโทษ ทวงแต้มเข้ากระเป๋ามาแล้ว

 

อังกฤษ
เปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ได้อย่างเร้าใจ ทะลวง อิหร่าน 6-2 แก้ตัวจากที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อกลางปี แต่แล้วนัดต่อมาก็ได้แค่เสมอ สหรัฐอเมริกา 0-0 จนโดนตำหนิหนักในหลายจุด

 

แม้กระนั้น สองนัด 4 แต้ม ก็ทำให้ อังกฤษ อยู่ในจุดสบายๆ ต่อการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ขอแค่ไม่แพ้เพื่อนบ้านอย่าง เวลส์ เท่านั้นเป็นพอ

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาสภาพทีมเล็กน้อยเมื่อยังจะไม่ได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่มีปัญหาบริเวณโคนขาหนีบ กลับมา รวมถึง เบน ไวท์ กับ เจมส์ แมดดิสัน ก็ดูไม่เต็มร้อย

 

สำคัญอีกจุดคือดาวยิงกัปตันทีม แฮร์รี่ เคน ที่ยังไม่ยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ เจ็บเล็กน้อยเช่นกัน หากไม่พร้อมลงตัวจริงจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด เสียบแทน

 

ตัวความหวัง
เวลส์ : แกเร็ธ เบล
แม้ เวลส์ จะผลงานไม่ค่อยเข้าตาในช่วงหลัง แต่ เบล ก็ยิงได้ถึง 3 ประตูในรอบเพลย์ออฟชิงตั๋วมาบอลโลก รวมถึงเกมชิงชนะเลิศ เอ็มแอลเอส คัพ เมื่อต้นเดือน ก็ฝืนเจ็บลงสำรองไปโขกประตูช่วย แอลเอ เอฟซี ตีเสมอ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน ตอนทดเจ็บ ก่อนชนะดวลจุดโทษจนครองแชมป์ซีซั่น 2022 เรียกว่าถ้าฟิตเต็มถัง ระดับฝีเท้าของ เบล ก็ยังพึ่งพาได้เสมอ เช่นเกมแรกที่สังหารจุดโทษอย่างเยือกเย็นใส่ สหรัฐอเมริกา

 

อังกฤษ : จู๊ด เบลลิงแฮม
ระเบิดฟอร์มได้อย่างไฉไล และเป็นคนโขกประตูนำ อิหร่าน 1-0 ซึ่งเป็นฟอร์มที่ดีต่อเนื่องจากการเล่นให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยเจ้าหนูจอมทัพวัย 19 เป็นข่าวฮือฮาตั้งแต่ที่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ขายออกแล้วรีไทร์เบอร์เสื้อให้เป็นเกียรติอย่างเอิกเกริก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ผลงานของ เบลลิงแฮม ก็บอกว่ามันคือการลงทุนชั้นยอดอีกหนึ่งดีลของดอร์ทมุนด์ และเป็นอนาคตใหม่ที่น่าจับตามากๆ ของอังกฤษ ชนิดว่าบางกูรูยกว่าเป็นร่างฟิวชั่นของ เจอร์ราร์ด + แลมพาร์ด ทีเดียว

 

11 ตัวจริงที่คาด
เวลส์ (3-4-3, กุนซือ โรเบิร์ต เพจ) แดนนี่ วอร์ด – คริส เมแฟม, โจ โรดอน, เบน เดวิส – คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, อีธาน อัมปาดู, อารอน แรมซี่ย์, นีโก้ วิลเลี่ยมส์ – แกเร็ธ เบล, คีเฟอร์ มัวร์, แดเนี่ยล เจมส์
อังกฤษ (4-3-3, กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต) จอร์แดน พิคฟอร์ด – ลุค ชอว์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์ – เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• ความที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง และอดีตเคยมีทัวร์นาเมนต์ในกลุ่มยูเค ทำให้คู่นี้พบกันมมากถึง 103 ครั้ง รวมเกมลับแข้งทั้งหมด
• อังกฤษ ข่มด้วยสถิติชนะ 68 และชนะมาตลอด 6 เกมหลังที่พบกัน
• เจอล่าสุด เกมลับแข้งปี 2020 อังกฤษ ยิง 3-0
• เวลส์ ไม่ชนะใครมา 7 เกมซ้อนแล้ว เป็นเสมอ 2 แพ้ 5
• แฮร์รี่ เคน ขออีก 3 ประตูจะแซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ (53) ขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ

 

ความน่าจะเป็น
อย่าใส่ใจว่าเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี หรือ เวลส์ จะมีพลังแฝงพิเศษเมื่อได้เจอเพื่อนบ้าน เมื่อฟอร์มช่วงหลัง เวลส์ ดูไม่ค่อยได้ ผิดกับ อังกฤษ ที่ภาพรวมยังดีมากกว่าแย่ ยิ่งโดยเฉพาะ เวลส์ สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องบุกเพื่อเอาชนะ จะยิ่งเข้าทาง อังกฤษ ได้สวนถึงปลายคางง่ายขึ้นอีก

 

ผลที่คาด : อังกฤษ ชนะ 2-0

 

อิหร่าน vs สหรัฐอเมริกา : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

อิหร่าน vs สหรัฐอเมริกา : วิเคราะห์นัดปิดกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดสุดท้าย : อิหร่าน vs สหรัฐอเมริกา

อังคาร 29 พฤศจิกายน 2565, 02.00 น.
สนาม : อัล ธูมาม่า สเตเดี้ยม, โดฮา
ถ่ายทอดสด : GMM25

 

ผลงานรอบคัดเลือก
อิหร่าน
แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือกรอบ 3 โซนเอเชีย
เตะ 10 ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิง 15 เสีย 4

สหรัฐอเมริกา
อันดับ 3 โซนคอนคาเคฟ
แข่ง 14 ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 21 เสีย 10

 

ฟอร์ม 5 เกมหลังสุด
อิหร่าน
อุ่นเครื่อง ชนะ อุรุกวัย 1-0
อุ่นเครื่อง เสมอ เซเนกัล 1-1
อุ่นเครื่อง ชนะ นิคารากัว 1-0
ฟุตบอลโลก 2022 แพ้ อังกฤษ 2-6
ฟุตบอลโลก 2022 ชนะ เวลส์ 2-0

สหรัฐอเมริกา
เนชั่นส์ ลีก เสมอ เอล ซัลวาดอร์ 1-1
เนชั่นส์ ลีก แพ้ ญี่ปุ่น 0-2
อุ่นเครื่อง เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ เวลส์ 1-1
ฟุตบอลโลก 2022 เสมอ อังกฤษ 0-0

 

ผลการพบกัน : 2 นัด
ฟุตบอลโลก 1998 อิหร่าน ชนะ 2-1
อุ่นเครื่อง 2000 เสมอ 1-1

 

ตารางคะแนนกลุ่มบี
1. อังกฤษ คะแนน 4 ผลต่างประตู +4
2. อิหร่าน คะแนน 3 ผลต่างประตู -2
3. สหรัฐอเมริกา คะแนน 2 ผลต่างประตู 0
4. เวลส์ คะแนน 1 ผลต่างประตู -2

 

สภาพทีม อิหร่านและสหรัฐอเมริกา

อิหร่าน
ฟอร์มหลุดในเกมแรกที่โดน อังกฤษ ถล่มยับ 6-2 แต่ก็ฮึดขึ้นทันในเกมสอง ที่ทำเซอร์ไพรส์สยบ เวลส์ 2-0 ด้วยสองประตูที่เกิดตอนทดเจ็บทั้งสิ้น

 

ชัยชนะที่เข้ามือ อิหร่าน ทำให้พวกเขามีลุ้นเข้ารอบเต็มตัวขึ้นมาทันที เกมนี้ขอเสมอยังพอไหว หากว่าอีกคู่ เวลส์ ไม่พลิกชนะอังกฤษขึ้นมา แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือชนะเกมตัวเอง เพื่อเข้ารอบอย่างสง่างาม

 

อย่างไรก็ตาม คาร์ลอส เคยรอซ ยังมีปัญหาสภาพทีม นายทวารมือหนึ่ง อาลีเรซ่า เบรันวานด์ เจ้าของสถิติโลกขว้างบอลไกลที่สุด เจ็บหนักจากเกมแรก ยังคงไม่พร้อมจะคืนทีมเกมนี้

 

อาลีเรซ่า จาฮานบัคช์ มิดฟิลด์จากเฟเยนูร์ด ก็ติดแบนเล่นนัดนี้ไม่ได้ หลังสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ เอาไปแลกตั๋วพักพิเศษ ไม่ต้องลงสนาม นอกนั้นยังต้องเช็กฟิต อาหมัด นูโรลลาฮี ที่เจ็บจนต้องออกจากสนามช่วงท้ายนัดที่แล้ว

 

สำหรับข้างหน้า ฝากความหวังที่ 2 ตัวอิมพอร์ต ซาร์ดาร์ อัซมูน ของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กับ เมห์ดี้ ทาเรมี่ จากปอร์โต้

 

สหรัฐอเมริกา
ทีมพญาอินทรี สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 แบบมีแต้ม เสมอกับ เวลส์ 1-1 จากนั้นทำเซอร์ไพรส์ยันเสมอ อังกฤษ 0-0

 

กระนั้น สองนัดสองแต้ม ไม่ได้ทำให้ สหรัฐฯ อยู่ในจุดที่ดีนัก เกมนี้ต้องการชัยชนะสถานเดียวเพื่อเข้ารอบ ไม่อาจดึงเสมอได้อีกแต่อย่างใด

 

เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์ ไม่มีตัวเจ็บให้ต้องเป็นกังวล โดยระบบจะใช้ 4-3-3 เน้นเกมบุก ข้างหน้าวาง คริสเตียน พูลิซิช, ทิโมธี เวอาห์ และ จอช ซาร์เจนท์ เข้าทำ

 

ตัวความหวัง
อิหร่าน : ซาร์ดาร์ อัซมูน
พูดได้ว่า อัซมูน คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันของ อิหร่าน ภายหลังปักหลักโชว์ฟอร์มในลีกรัสเซียมาอย่างยาวนาน ก็ได้ย้ายสู่ลีกชั้นนำอย่าง บุนเดสลีกา เยอรมนี ไปอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลางซีซั่นที่แล้ว เพียงแต่กองหน้าวัย 27 ก็ยังอยู่ในระยะปรับตัว ลงหลักปักฐานได้ไม่ดีนัก ซีซั่นก่อนมียิง 1 ลูก ซีซั่นนี้ยังยิงไม่ได้ กระนั้น ก็มีสถิติพังตาข่าย 41 ประตูในนามทีมชาติ

 

สหรัฐอเมริกา : ทิโมธี เวอาห์
หัวหอกวัย 22 ลูกชายตำนานแข้งไลบีเรีย จอร์จ เวอาห์ สามารถเล่นให้ทีมชาติได้ทั้ง สหรัฐอเมริกา, ไลบีเรีย, จาไมก้า และฝรั่งเศส แต่เขาก็เลือกรับใช้ทัพพญาอินทรีมาตั้งแต่ชุดเยาวชนแล้ว ถึงตรงนี้เล่น 27 นัด ยิง 4 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงใส่ เวลส์ เป็นสกอร์ 1-0 ในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 เท่ากับความมั่นใจกำลังเข้าที่ หลังจากไม่ค่อยได้เล่นกับ ลีลล์ ในครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา

 

11 ตัวจริงที่คาด
อิหร่าน (4-2-2-2, กุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ) ฮอสเซน ฮอสไซนี่ – ซาเด็กห์ โมฮาร์รามี่, มอร์เตซา ปูราลีกานจี, มาจี๊ด ฮอสไซนี่, มิลัด โมฮัมมาดี้ – รูซเบห์ เชซมี่, ซาอิด เอซาโตลาฮี – เอห์ซาน ฮัจซาฟี, อาลี โกลิซาเดห์ – ซาร์ดาร์ อัซมูน, เมห์ดี้ ทาเรมี่
สหรัฐอเมริกา (4-3-3, กุนซือ เกร๊ก เบอร์ฮัลเตอร์) แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – แซร์จินโย่ เดสท์, ทิม รีม, วอล์คเกอร์ ซิมเมอร์แมน, แอนโทนี่ โรบินสัน – เวสตัน แม็คเคนนี่, ไทเลอร์ อดัมส์, ยูนุส มูซาห์ – ทิโมธี เวอาห์, จอช ซาร์เจนท์, คริสเตียน พูลิซิช

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง
• พบกันมาสองหน ครั้งแรกในฟุตบอลโลก 1998 อิหร่าน เชือด 2-1 จากนั้นอุ่นเครื่องเมื่อ 22 ปีก่อน เสมอ 1-1
• สหรัฐฯ เสมอถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุด และไม่ชนะใครตลอด 5 เกมที่ว่า
• อิหร่าน ยังไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบแรก จากการเข้ารอบสุดท้ายมา 5 ครั้งก่อนหน้านี้ (1978, 1998, 2006, 2014, 2018)
• เมห์ดี้ ทาเรมี่ ยิงอังกฤษ 2 ประตู สะสมยอดเพิ่มเป็น 30 ลูกในการรับใช้ชาติ 61 นัด

 

ความน่าจะเป็น
ไม่ได้มีฝั่งไหนดีไปกว่ากันชัดๆ นัก ด้วยแม้ว่า อิหร่าน จะชนะเกมที่แล้ว แต่เป็นเพราะการฉวยโอกาสในช่วงทดเจ็บมากกว่า ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจจะออกเสมออีกนัด และ สหรัฐอเมริกา คงต้องจากบอลโลกครั้งนี้ไปทั้งที่ไม่แพ้ใครทั้งสิ้น

 

ผลที่คาด : เสมอ 0-0