แชมป์ยูโรอิตาลี

เบรคสะบัดคลัทช์เสียเกียร์หลุดฯ – อิตาลี

Last Updated on 07/25/2022 by fifa2022match

ว่ากันถึง 32 สมาชิกผู้เข้ารอบสุดท้ายมาหลายตอน จนก็หลงลืมไปว่า คนที่ไม่ได้ “มาตามนัด” เป็นอีกสิ่งที่จะมองข้ามไปไม่พูดถึงก็คงไม่ได้

 

เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ “ยักษ์ล้ม” ซ้ำรอยฟุตบอลโลกหนก่อน

 

สำคัญคือ ต้องมาเกิดขึ้นกับ “ขวัญใจทีมเดิม” เข้าเสียด้วย

 

เลดี้แอนด์เจ๊นเทิลแมน ขอเสียงปรบมือต้อนรับ ทัพอัซซูร์รี่ ทีมชาติอิตาลี ยอดทีมในดวงใจแฟนบอลน้อยใหญ่ทั้งคนไทยและต่างชาติ ด้วยครับ…

 

เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต่างไม่ลืมว่า อิตาลี ยุคกุนซือรุ่นคุณปู่ จาน ปิเอโร่ เวนตูร่า (ตอนนี้ 74) ทำงามไส้ไว้ขนาดไหนในรอบคัดเลือกบอลโลกครั้งที่แล้ว เวิลด์ คัพ 2018 

 

แม้ในรอบแบ่งกลุ่มของการคัดเลือก อิตาลี จะถือว่า “พอไปไหว” กับการจบรองแชมป์กลุ่มจี ตามหลัง สเปน 5 แต้ม แต่การไปต่อที่รอบเพลย์ออฟก็เหมือนเอาคอตัวเองขึ้นพาดเขียง ที่สุดแล้วก็หมั่บเข้าให้ โดน สวีเดน เปิดรังฟันฉับ 1-0 แล้วบุกมายันเสมอ 0-0 ในสามวันถัดมาที่ ซาน ซิโร่

 

ไม่ใช่เรื่องที่ลืมได้เช่นกันว่าถัดจากนั้น โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามารื้อระบบปรับแก้ทุกอย่างได้อย่างเลอเลิศชนิด 11 เต็ม 10 หรือไม่ก็ 1000 เต็มร้อยไปโน่น

 

แชมป์ยูโรอิตาลี

ดีมากจนกลายเป็นว่า อิตาลี ติดเครื่องเข้าเบรคสร้างระยะ “ไร้พ่าย” นานเป็นปีๆ เริ่มตั้งแต่ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018/19 ยาวไปจนกระทั่งขึ้นบัลลังก์ “แชมป์ยูโร 2020” ผงาดครองแชมป์ทวีปยุโรปแบบที่กำราบสิงโตจอมห้าว อังกฤษ ถึงเวมบลีย์ ในการดวลจุดโทษชี้ขาดหลังต่อเวลา

 

10 ต.ค. 2018 ลากยาวถึง 8 ก.ย. 2021 รวมทั้งสิ้น 37 แมตช์ นับเป็น “สถิติโลก” ในแง่ของการไม่เสียท่าปราชัยให้ใครเลยทั้งสิ้น 

 

แต่ก็นี่แหละ ฟุตบอลลูกกลมๆ

 

เจ้าของสถิติไร้พ่าย 37 นัดและแชมป์ยูโรรายล่า ไม่อาจแทรกตัวเองเข้าเป็นหนึ่งใน 32 ชาติสมาชิก “กาตาร์ 2022” ได้แต่อย่างใด

 

แชมป์ยูโรอิตาลีอิตาลี ตกรอบคัดเลือกซ้ำรอยเก่า ด้วยการแพ้ทีมรองบ่อน ม้านอกสายตาอย่าง มาซิโดเนียเหนือ พลิกล็อกช็อกโลกในเกมเพลย์ออฟ (น็อกเอาต์นัดเดียว ผู้ชนะได้ไปต่อเกมชิงตั๋ว) 0-1 ชนิดที่โดนส่องประตูตอนทดเจ็บ 90+2 

 

อันที่จริง ย้อนไปหน่อยตอนรอบแบ่งกลุ่มคัดเลือก อิตาลี ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว มาตรฐานของแชมป์ทวีปไม่ได้หลุดไปแบบน่าเกลียดมากมาย อีกทั้งลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ยังได้อยู่ในกลุ่มซีร่วมกับทีม “เกรดรอง” อย่าง สวิตเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ, บัลแกเรีย และ ลิธัวเนีย อีกต่างหาก

 

แต่ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม… อิตาลี เข้าป้ายแค่อันดับ 2 รองจาก สวิตเซอร์แลนด์ แบบที่โดนเฉือนแต้มไป 2 แต้ม 18:16

 

ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางที คำตอบที่ใกล้เคียงสุดคือ แผลที่ถูก “ซุกไว้ใต้พรม” มันเผยอออกอย่างช้าๆ และไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

 

แผลแรก : ไร้อาวุธสังหาร

แม้ตัวเลือกศูนย์หน้าอิตาลีจะมีไม่น้อย แต่ว่าแต่ละคนกลับ “สอบไม่ค่อยผ่าน” เมื่อยามเข้ารับใช้ชาติ ที่น่าผิดหวังสุดคือตัวยืนอย่าง ชิโร่ อิมโมบิเล่ เจ้าของ 32 ประตูกับ ลาซิโอ ปีก่อน มักเล่นทีมชาติด้วยฟอร์มที่แทบจะเป็นคนละคน ฝืดเคืองและฝากความหวังได้ลำบาก ไม่ต่างกันกับตัวเลือกอื่นอย่าง อันเดรีย เบล็อตติ, มอยเซ่ คีน, ลอเรนโซ่ อินซินเย่ หรือบรรดาสายเลือดใหม่อย่าง จานลูก้า สคามักก้า, จานลูก้า คาปรารี่ หรือ จาโคโม่ รัสปาโดรี่ ที่ยังใหม่ไปมากในระดับชาติ

 

ยิ่งมาบวกกับระหว่างทาง ตัวทีเด็ดอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า คีย์แมนชุดแชมป์ยูโร ดันมาเจ็บหนักพัก 7-8 เดือน (ซีซั่นล่าสุดได้เล่นให้ยูเวนตุสแค่ 18 นัด) ก็ยิ่งขาดอาวุธหนักที่จะใช้เข้าทำไปอีก

 

กับแผลสอง : เกมนี้…ไม่มีต่อเวลา

เรื่องจริงที่หลายคนมองไม่เห็น คือ อิตาลี ของมันโช่ เป็นทีม “เครื่องร้อนช้า” โดยธรรมชาติ — ดังจะเห็นว่าในรอบน็อกเอาต์ยูโร 2020 พวกเขาต้องเหนื่อยเตะตัดสินลากยาวยันช่วงต่อเวลาถึง 3 จาก 4 นัด เริ่มตั้งแต่รอบ 16 ทีมเสมอ ออสเตรีย 0-0 ค่อยต่อเวลาชนะ 2-1, รอบตัดเชือกเสมอ สเปน 1-1 ค่อยชนะจุดโทษ และนัดชิงเสมอ อังกฤษ 1-1 ค่อยชนะจุดโทษอีกเช่นกัน

 

มาถึงคัดบอลโลก 2022 อิตาลี ก็มาทรงเดิม และได้ผลเสมอถึง “ครึ่งหนึ่ง” ของคิวเตะ 8 นัด

 

เปิดบ้านเสมอ บัลแกเรีย 1-1, ออกไปเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0, กลับมาเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ อีก 1-1 และบุกเสมอ ไอร์แลนด์เหนือ 0-0

 

เมื่อเกมเหล่านี้จบใน 90 นาทีไม่มีต่อเวลาเพิ่ม จึงหมายถึง 8 คะแนนที่หลุดมืออิตาลีไป และสุดท้ายก็ลงเอยอันดับ 2 ต้องไปเตะเพลย์ออฟ…ที่ก็เจาะ มาซิโดเนียเหนือ ไม่เข้าตลอดเกม ก่อนโดนน็อกปลายคาง 90+2 ดังที่ทราบ

 

อย่างน้อยๆ สองข้อนี้คือจุดบอดที่ฉุด อิตาลี จากแชมป์ทวีป สู่การเป็นยักษ์ล้ม ทำได้แค่เฝ้าดูบอลโลก 2022 ในฐานะผู้ชม

 

และนั่นยังทำให้ “เกมบอลโลก (รอบสุดท้าย) นัดล่าสุด” ของพลพรรคอัซซูร์รี่ ต้องย้อนไปไกลถึงเมื่อ 8 ปีที่แล้วโน่น – เวิลด์ คัพ 2014 ที่ก็ออกมาช้ำเลือดช้ำหนองไม่ต่างกันนัก ด้วยแม้จะหลุดเข้ารอบสุดท้ายที่บราซิลได้ แต่ อิตาลี ในการทำทีมของ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ (พร้อมขุนพลอย่าง ปีร์โล่, บาโลเตลลี่, เด รอสซี่, คิเอลลินี่, บุฟฟ่อน) ก็ดันแพ้พลิกล็อกต่อ คอสตาริกา และ อุรุกวัย ด้วยสกอร์เดียวกัน 0-1 จนเป็นการแพ้ 2 จาก 3 นัดของรอบแรก และแน่นอน… ตกรอบแรกสิครับจะไปเหลืออะไร 

 

แสบสันบาดลึกในหัวใจกองเชียร์เลี่ยนเข้าไปอีก หากย้อนไปอีกกับฟุตบอลโลก 2010 ที่ อิตาลี ก็ร่วงรอบแรกด้วยเหมือนกัน ทั้งที่มีดีกรีเป็น “แชมป์เก่า” สี่ปีก่อนหน้ามาแท้ๆ

 

2006 – แชมป์โลก

2010 – ตกรอบแรก

2014 – ตกรอบแรก

2018 – ตกรอบคัดเลือก

2022 – ตกรอบคัดเลือก

 

มันจึงกลายเป็นเรื่อง “ตลกร้าย” ขำไม่ออกไปเสียสำหรับฟุตบอลโลกกับอิตาลี ที่ทีมแชมป์โลก 4 สมัยมีผลงานติดลบระดับนี้ในตลอด เวิลด์ คัพ 4 ครั้งหลังสุด ชนิดว่าถ้าไม่บอกย้ำว่านี่อิตาลี ก็อาจนึกได้ว่าเป็นผลงานของทีมชายขอบอย่าง บัลแกเรีย, นอร์เวย์, อิสราเอล, โมร็อกโก อะไรเทือกนั้น

 

แง่มุมดีๆ เพียงอย่างเดียว, ที่เอาเข้าจริงก็คงเป็นแค่วลีปลอบใจ, คือ อิตาลี ไม่ได้เป็นทีมเดียวเท่านั้นที่อกหักรักคุด เบรคสะบัดคลัทช์เสียเกียร์หลุดฯ เมื่อยังมี “เพื่อนร่วมชะตากรรม” อดไปบอลโลกอีกหลายราย – อียิปต์, นอร์เวย์, สวีเดน, โคลอมเบีย, ไนจีเรีย หรือ ไอวอรี่ โคสต์

 

แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเพียงคำปลอบใจ 

 

บนข้อเท็จจริงที่ว่า รอยยิ้มสุดท้ายของพวกเขาในฟุตบอลโลก เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการชูถ้วยของ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ตั้งแต่ปีมะโว้โน่นแล้ว…

 

 

 

ไกด์เถื่อน

 

 

 

ผลงานงามไส้ของ อิตาลี ในคัดบอลโลก 2 หนหลัง

เวอร์ชั่น รอบ ผล

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ อิสราเอล 3-1 (เยือน)

2018 แบ่งกลุ่ม เสมอ สเปน 1-1 (เหย้า)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ มาซิโดเนีย 3-2 (เยือน)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ ลิกเตนสไตน์ 4-0 (เยือน)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ อัลเบเนีย 2-0 (เหย้า)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ ลิกเตนสไตน์ 5-0 (เหย้า)

2018 แบ่งกลุ่ม แพ้ สเปน 0-3 (เยือน)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ อิสราเอล 1-0 (เหย้า)

2018 แบ่งกลุ่ม เสมอ มาซิโดเนีย 1-1 (เหย้า)

2018 แบ่งกลุ่ม ชนะ อัลเบเนีย 1-0 (เยือน)

2018 เพลย์ออฟ แพ้ สวีเดน 0-1 (เยือน)

2018 เพลย์ออฟ เสมอ สวีเดน 0-0 (เหย้า)

2022 แบ่งกลุ่ม ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 2-0 (เหย้า)

2022 แบ่งกลุ่ม ชนะ บัลแกเรีย 2-0 (เยือน)

2022 แบ่งกลุ่ม ชนะ ลิธัวเนีย 2-0 (เยือน)

2022 แบ่งกลุ่ม เสมอ บัลแกเรีย 1-1 (เหย้า)

2022 แบ่งกลุ่ม เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 (เยือน)

2022 แบ่งกลุ่ม ชนะ ลิธัวเนีย 5-0 (เหย้า)

2022 แบ่งกลุ่ม เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (เหย้า)

2022 แบ่งกลุ่ม เสมอ ไอร์แลนด์เหนือ 0-0 (เยือน)

2022 เพลย์ออฟ แพ้ มาซิโดเนียเหนือ 0-1 (เหย้า)

 

 

 

 

อ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Italy_national_football_team

https://en.wikipedia.org/wiki/Italy_national_football_team_results_(2010%E2%80%93present)#2017

https://en.wikipedia.org/wiki/2018_FIFA_World_Cup_qualification_%E2%80%93_UEFA_Group_G

https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_qualification_%E2%80%93_UEFA_Group_C

 

 

 

ที่มารูปภาพ

Marca

 

แชมป์ยูโรอิตาลี