ได้แล้ว 32 ทีมสุดท้าย ทีมไหนมาแรง

จับตามอง 32 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ สายไหนโหด สายไหนเบา แม็ตช์ไหนที่ห้ามพลาด

Last Updated on 07/07/2022 by fifa2022match

        แม้จะยังมีนัดตกค้างในรอบคัดเลือกเพื่อหาอีก 3 ทีม แต่ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งจะเริ่ม เปิดสนามกันในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 ก็วางโปรแกรม แบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีทั้งกลุ่มแห่งความตาย และกลุ่มที่เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าใครที่น่าจะเข้ารอบ ที่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีง่าย อย่างที่เห็นในหน้ากระดาษ และตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะไปดูกันในแต่ละกลุ่มแล้วว่า มีใครกันบ้าง และแม็ตช์ไหนบ้างที่ห้ามพลาด และทีมอะไรบ้างที่ดวงซวยสุด ๆ ซึ่งจะว่ากันไปยาว ๆ จนครบทั้ง 8 กลุ่ม

ได้แล้ว 32 ทีมสุดท้าย ทีมไหนมาแรง

        เริ่มจากสองกลุ่มแรกเอและบี ที่เจ้าภาพกาตาร์ต้องเจอกับรองแชมป์ 3 สมัย เนเธอร์แลนด์ในกลุ่มเอ ส่วนอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนที่อยู่ในกลุ่มบีก็ต้องชนกับสหรัฐอเมริกา และเอิ่ม… อิหร่าน ที่ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องการเมืองมาพัวพันให้วุ่นวายหรือกลายเป็นสีสัน เมื่อคู่กัดทางการเมืองคู่นี้มาเจอกัน ยิ่งไปกว่านั้นที่ว่างในกลุ่มนี้ซึ่งจะมาจากรอบเพลย์ออฟในโซนยุโรป ไม่ว่าจะเป็นใครในสามทีม เวลส์, สก็อตแลนด์ หรือยูเครน ก็จะทำให้กลุ่มนี้มีสีสันทั้งเกมฟุตบอลในสนาม และเรื่องนอกสนามด้วยกันทั้งนั้น 

        กลุ่มเอ:กาตาร์, เอกวาดอร์, เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์

ได้แล้ว 32 ทีมสุดท้าย ทีมไหนมาแรง

        จากสถิติผ่าน ๆ มา นอกจากแอฟริกาใต้ เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 เจ้าภาพทุกชาติล้วนผ่านรอบแบ่งกลุ่มเข้าสู่รอบต่อไปได้ทั้งนั้น แต่ดูจากทีมร่วมสายของเจ้าภาพหนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กาตาร์จะผ่านไปได้แบบชิลล์ ๆ ต่อให้พยายามอุ่นเครื่องกับทีมแข็ง ๆ แถมเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์โกลด์คัพ 2021 ในฐานะทีมรับเชิญ ซึ่งไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศที่แพ้สหรัฐอเมริกาพลาดเข้าชิง

        เพราะจากชื่อชั้นทีมที่ต้องเจอล้วนดูเหนือกว่าพวกเขาทั้งนั้น เนเธอร์แลนด์กำลังกลับมาภายใต้การดูแลของหลุยส์ ฟาน กัล และมีนักเตะดี ๆ ในทีมมากมาย แม้จะยังสั่งสมกระดูกบอลไม่มากนัก แต่แข็งแรงขึ้นกว่าที่เห็นกันในยูโร 2020 แน่นอน เซเนกัลที่มีซาดิโอ มาเน่เป็นตัวชูโรง ก็คือแชมป์ทวีปแอฟริกา เอกวาดอร์ที่ดูไม่น่าจะมีอะไร แต่พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายก่อนการแข่งขันรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้จะจบลงในฐานะที่สาม ซึ่งอย่าลืมว่าโซนนี้มีขาประจำ บราซิล, อาร์เจนตินา จองที่นั่งไว้แล้ว ไหนจะมีทีมแกร่งอย่าง อุรุกวัย, ชิลี ขวางทาง แต่เอกวาดอร์ทำได้ 

        งานนี้เจ้าภาพไม่ได้เจองานง่ายแน่ ๆ จะหวังพึ่งเสียงเชียร์ จากที่เห็นผ่านการถ่ายทอดเวลาทีมชาติกาตาร์ลงสนามในบ้าน แฟนบอลกาตาร์ไม่น่าจะทำให้ทีมมีแต้มต่อได้ เมื่อเทียบกับเจ้าภาพรายอื่น ๆ ที่เชียร์กันแบบดุเดือดกว่า แต่ที่พวกเขาได้เปรียบชัวร์คือ เรื่องสภาพอากาศและสนาม ถึงจะเป็นอย่างนั้น เต็มที่ก็น่าจะแค่ที่สองของกลุ่ม โดยนัดชี้ชะตาไม่ใช่อื่นไกล ถ้านัดแรกบดเอกวาดอร์ไม่ได้ บอกลาชาติเจ้าภาพกันได้เลย 

        แม็ตช์ที่ห้ามพลาดของกลุ่มนี้ คงไม่พ้นนัดแรกที่เป็นการเจอกันของเนเธอร์แลนด์และแชมป์แอฟริกา – เซเนกัล ซึ่งฝ่ายหลังดูดีกว่า เมื่อมีตัวเก๋า ๆ ในทุกแดน เอดูอาร์ด เม็นดี ของเชลซีในตำแหน่งผู้รักษาประตู, คาลิดู คูลิบาลี่ จากนาโปลีเป็นเซนเตอร์แบ็ก และมาเน่ในแดนหน้า แถมสั่งสมประสบการณ์จากเกมใหญ่ ๆ มามากกว่า ทั้งในเกมชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา และแม็ตช์เพลย์ออฟรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ที่ต้องบดกับอียิปต์จนถึงฎีกาทั้งสองรายการ เพราะฉะนั้นเหล่าฟลายอิ้งดัตช์แมนที่เพิ่งทะยานขึ้นมา ไม่น่าทำให้พวกเขาหวั่นไหว หากอัศวินสีส้มจะดูเหนือกว่าก็คงมีแค่เรื่องแท็กติกเรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หลุยส์ ฟาน กัลเคยแสดงให้มาแล้วในฟุตบอลโลก 2014 

        จากหน้าตาในตอนนี้ ที่เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนถึงการแข่งขันรอบสุดท้าย เนเธอร์แลนด์กับเซเนกัลน่าจะเข้ารอบต่อไป แบบใครจะยืนที่หนึ่งที่สองก็ได้ โดยกาตาร์อาจจะทำได้ดีที่สุดคือ เบียดทีมใดทีมหนึ่งเข้าที่สอง ส่วนเอกวาดอร์น่าจะมาไกลที่สุดแค่นี้ 

        กลุ่มบี: อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, ทีมจากการเพลย์ออฟในโซนยุโรป (เวลส์ หรือสก็อตแลนด์ หรือยูเครน)

ได้แล้ว 32 ทีมสุดท้าย ทีมไหนมาแรง

        ด้วยความสำเร็จในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย และฟุตบอลยูโร 2020 ที่ไปได้ไกลถึงอันดับที่ 4 และรองแชมป์ตามลำดับ อังกฤษคือ ตัวเก็งเต็งหนึ่งที่จะเข้ารอบต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย โดยไม่ต้องไปสนเลยว่า อีกทีมที่จะมาจากการเพลย์ออฟของโซนยุโรปจะเป็นใคร เวลส์, สก็อตแลนด์ หรือยูเครน เพราะมองมุมไหนสิงโตคำรามก็ดูเหนือกว่า จะเรื่องชื่อชั้น, ประสบการณ์, ตัวผู้เล่น กระทั้งกับสองทีมร่วมกลุ่มชัวร์ ๆ ในนาทีนี้ อิหร่านและสหรัฐอเมริกา ก็ไม่มีทีมไหนทาบพวกเขาได้ และในทุก        มุม เอาเป็นว่า แค่เข้ารอบเป็นที่สองของกลุ่มก็ถือว่าน่าผิดหวัง และโคตรไม่สมราคาสุด ๆ แล้ว เพราะด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา ตามแม็ตช์แข่งขัน บวกกับเติมผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามา ทีมชาติอังกฤษไม่ใช่แค่ “ไม่ควร” ทำได้ดีกว่าเดิม แต่ “ต้อง” ทำได้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะในเรื่องของแท็กติก เกม การเล่น หรือความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งพวกเขาไม่สมควรกลัวใครแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่ก่อนหน้า ที่แม้จะเข้ารอบไปได้ลึก ๆ ก็จริง แต่หากแกเร็ธ เซาธเกต โค้ชทีมสิงโตคำรามไม่กล้า ๆ กลัว ๆ อย่างที่เห็น ทีมชาติขวัญใจชาวไทยอาจประสบความสำเร็จมากกว่าที่เป็นอยู่ไปแล้วด้วยซ้ำ  

        เพราะฉะนั้นที่น่าสนใจก็คือ ใครจะตามสิงโตคำรามไปเล่นรอบน็อกเอาต์ เพราะทั้งอิหร่าน, สหรัฐอเมริกา หรืออีกสามทีมที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครจากยุโรป ถือว่าสูสีกันสุด ๆ เหลื่อมล้ำกันไม่เท่าไหร่ อิหร่านอาจจะดูด้อยที่สุด หากก็มีศักยภาพพอที่จะขัดขาชาวบ้านให้หกล้มได้ ถ้าเกิดเล่นดีแบบผีจับยัดขึ้นมา แต่ถ้าว่ากันเฉพาะสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ชาติมหาอำนาจทางการเมืองถือว่าดูดีกว่า โดยเฉพาะการมีผู้เล่นในลีกยุโรประดับแถวหน้า อย่าง คริสเตียน พูลิซิส ในเชลซี หรือว่าจิโอ เรย์นา ที่โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ที่ต่อให้ในระดับสโมสรพวกเขาอาจจะไม่ใช่ผู้เล่นคนสำคัญของทีม แต่เมื่ออยู่ในทีมชาติ พวกเขาแทบจะเป็นคนละคนกันเลยก็ว่าได้ อิหร่านอาจจะดูดีในเรื่องสถิติ เมื่อแพ้ในเกมรอบคัดเลือกแค่นัดเดียว แต่ว่ากันตามหน้าตาเทียบกับทีมชุดก่อน ๆ หน้าแล้ว อิหร่านเวอร์ชัน 2022 ไม่ได้เหนือกว่าเลย 

        ส่วนสามชาติจากยุโรปที่ต้องตัดกันเหลือแค่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน เต็มที่ก็เบียดได้แค่อันดับ 2 ของกลุ่ม เมื่อแต่ละทีมก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน เป็นทีมรองของยุโรปทั้งหมด ยูเครนอาจจะได้ความเห็นใจจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ต้องเผชิญ ซึ่งเอิ่ม… ไม่ใช่เรื่องฟุตบอล เวลส์ก็เป็นชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาก็ว่าได้ แต่ก็อยู่ในช่วงขาลงแล้ว เมื่อดูจากสถิติและอายุอานามของผู้เล่นสำคัญ ๆ สก็อตแลนด์ถึงจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับหลายทศวรรษที่ผ่านมา หากจากหลาย ๆ เกมที่เห็น กระดูกของพวกเขายังไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเมื่อเทียบกับอีกสองทีมที่เหลือ เวลส์หรือยูเครนน่าจะเป็นทีมที่สี่ของกลุ่มนี้ โดยทีมมังกรแดงดูดีกว่า และจะเหนือกว่ามาถ้าแกเร็ธ เบลกับผองเพื่อนทำได้เหมือนในฟุตบอลยูโรสองครั้งหลังสุด และหากพวกเขาเข้ารอบมาจริง ๆ ก็น่าจะเบียดกับสหรัฐอเมริกาตามอังกฤษเข้ารอบสองได้สนุก ส่วนอิหร่านการจบด้วยอันดับ 3 ของกลุ่ม ก็คงถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว 

        ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานจากฟุตบอลโลก 1950 ที่สหรัฐอเมริกาสร้างเซอร์ไพรส์เขี่ยอังกฤษตกรอบ แต่กับโลกฟุตบอลยุคใหม่ การเจอกันของทั้งสองทีม ไม่ใช่นัดที่ต้องจับตาเท่ากับการเจอกันของอิหร่านกับสหรัฐอเมริกา ที่มีเรื่องการเมืองเข้ามาพัวพัน และหากอีกทีมที่ผ่านเข้ามาเป็นเวลส์หรือสก็อตแลนด์ สองชาติในสหราชอาณาจักรโดยเฉพาะทีมจากแดนวิสกี้ ความดุเดือดก็น่าจะเข้มข้นยิ่งกว่า เพราะต่อให้ชั้นเชิงฟุตบอลจะสู้ไม่ได้ แต่เรื่องหัวใจและศักดิ์ศรีเชื่อเถอะว่า เหล่านักเตะสก็อตต์สู้แบบลืมตายแน่ ๆ ฉายาและชื่อหนัง “Braveheart” ไม่ใช่ได้มาเล่น ๆ เชื่อเถอะ 

ภาพ:

01: TWITTER – OnsOranje
02: TWITTER – @England
03: INSTAGRAM – fifaworldcup

=======================

ได้แล้ว 32 ทีมสุดท้าย ทีมไหนมาแรง